ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Harry Potter [dm/hp] ll Am I sick?
Am I sick?
[dm/hp]
(ฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อล้างตาและแสดงถึงด้านเอ๋อๆของพ่อซีดเดรโก วะ5555+ อ้อ อยากจะบอกว่าเรื่องนี้เดรมันมั่นมากว่ามันอ่ะหล่อออออ)
วันนี้ผมออกมาจากหอแต่เช้าโดยที่แน่นอนว่าคนรูปหล่อพ่อรวยแม่สวยบารมีล้นฟ้าอย่างเดรโก มัลฟอย จะต้องมีผู้ติดสอยห้อยตามอยู่แล้ว อ้อ แต่อย่าถามเชียวนะว่าผมไปคว้าพวกมันมาจากไหน เพราะสงสัยจะเป็นกรรมเก่าของคนหล่ออย่างผม ที่ดันได้ลูกน้องระดับสติปัญญาน่าสงสัยว่าต่ำกว่าโทร์ลภูเขามาไว้ในครอบครอง อันที่จริง... โดนพ่อแม่ยัดเยียดหน่ะ ผมก็บอกแล้วเชียวว่าฝากไปบอกพ่อแม่พวกมันหน่อยว่าตอนเลี้ยงพวกมันให้เอาน้ำมันตัปปลากับเม็ดเปะก๊วยมาให้กินเยอะๆ ก็ไม่มีใครเชื่อคนหล่อสักคน เหอะ!
ผมเดินเข้าไปในห้องโถงด้วยท่าทีสง่างามเหมือนเดิม แน่นอนว่าสาวๆก็มองตามกันเกรียว หึ! คนมันหล่อช่วยไม่ได้ ผมรู้หรอกหน่า... ว่ามีคนประสงค์ร้ายกับผมโดยเฉพาะพวกผู้ชาย คิดว่าผมสนใจรึไงก็แค่พวกขี้อิจฉา คนหล่อและรวยมากอย่างผมเรื่องแค่นี้... ไม่แคร์เหอะ ฮ่าๆๆๆ
ผมนั่งยิ้มเก๊กหล่ออยู่คนเดียวอย่างหยิ่งๆพักหนึ่งเพื่อเช็คเรตติ้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าหน้าหล่อๆนี่ยังแรงดีไม่มีตกก็จัดการอาหารเช้าต่อ
แต่ว่านะ....
พักนี้...ผมรู้สึกแปลกๆ
เหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่าง
ตัวก็ไม่ได้ร้อนนะ ไข้อะไรรึก็ไม่ได้เป็น
แต่ทำไมพักนี้อยู่ๆผมถึงหัวใจเต้นแรงอยู่เรื่อยก็ไม่รู้?
ควบคุมตัวเองไม่ได้
ยิ่งเวลาอยู่ใกล้เจ้าเตี้ยใส่แว่นที่ชื่อว่า ‘แฮร์รี่ พ็อตเตอร์’ ก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น...
แถมมีคำแปลกๆลอยขึ้นมาอีกตั้งหาก
เหมือนจะเป็นอาการประสาทหลอนแบบอ่อนๆ
อ๊ะ นั่นไงมาละ พูดถึงก็มา ตายยากจริงพ็อตเตอร์...
ผมละสายตาขึ้นมาจากจานอาหารเมื่อรู้ว่าทรีโอ้เพื่อนซี้เดินเข้ามาในโรงอาหาร ทั้งสามคนนั่งลงประจำที่และก็เป็นปรกติที่พ็อตเตอร์จะนั่งในที่ที่หันมาสบตาผมได้พอดี ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือบังเอิญน่ะนะ
และก็เป็นปรกติที่ผมจะต้องส่งสายตาเหยียดหยามเป็นการทักทาย(?)และก็เป็นปรกติอีกนั้นแหละที่เจ้าพ็อตเตอร์จะหันหน้ามาแยกเขี้ยวใส่ผมถ้าหมอนั่นอารมณ์ดีหรือไม่ก็ชักสีหน้าเล็กๆแล้วสะบัดหน้าใส่ถ้าอารมณ์เสีย
ดูเหมือนว่าวันนี้จะอารมณ์ดีมากเพาะหันมาแยกเขี้ยวแล้วสาดภาษาใบ้ใส่ผมชุดใหญ่
แต่ที่ดูจะไม่ปรกติเนี่ยดูจะเป็นผมเอง... นั่นไง ไอ้อาการบ้าๆนั้นมันมาอีกแล้ว
หน้าร้อนๆ
ท้องโหวงๆ
หัวใจเต้นแรง!
และที่สำคัญที่แย่ที่สุด...
ผมสู้ตาเขียวๆนั้นไม่ได้!
บ้าเอ้ย! ทำไมต้องหลบตามันด้วยเนี่ยเลิกทำตัวบ้าๆสักทีสิเดรโก มัลฟอย!
โอเค ใจเย็นๆเดรโก มันก็แค่อาการประสาทหลอนที่มีผลข้างเคียงมาจากโรคประหลาดก็เท่านั้น เราไม่ได้สู้เจ้าพ็อตเตอร์ไม่ได้จริงๆ ไอ้อาการที่เป็นก็แค่เพราะไข้ขึ้นเท่านั้นแหละ ใจเย็นๆ...
เมื่อสูดลมหายใจเรียกขวัญกลับมาแล้วผมจึงกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าพ็อตเตอร์อีกครั้งแต่มัน...
พ็อตเตอร์มันทำหน้างงใส่ผม! ใบหน้าขาวๆนั้นเอียงคอนิดๆอย่างงงๆนัยน์ตาสีมรกตนั่นมีแววงงงวยปรากฏอยู่ราวกับจะถามว่า ‘นายเป็นอะไร?’ ริมฝีปากสีชมพูยื่นออกมานิดๆ
‘น่ารัก’
…เฮ้ย! ไม่ใช่!
คิดว่าดูดีนักรึไงหะทำหน้าแบบนั้นน่ะ!
เมื่อมองตาเขียวๆนั้นแล้วใจเริ่มแกว่งแปลกๆผมจึงตัดปัญหาโดยการให้ความสนใจกับจานอาหารตรงหน้าแทน รีบกินรีบไปจะได้ไม่ต้องมีปัญหา เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงรีบกระซวกอาหารเช้าอย่างรวดเร็วก่อนจะลุกออกไปโดยที่ไม่ได้เรียกแครปกับกอยล์ด้วย
ก็ไม่รู้ว่าเรียกมาแล้วมันจะช่วยอะไรผมได้... ปล่อยไว้งั้นแหละ
เมื่อเดินออกมาพ้นห้องอาหารได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงใสๆตามผมมา
“มัลฟอยนายเป็นอะไรไปน่ะ”
ไม่ต้องหันก็รู้ว่านั้นเสียงเจ้าพ็อตเตอร์ โธ่เอ้ย... จะตามมาหลอกหลอนอะไรกันอีกเนี่ย
“มัลฟอย!”
เสียงนั้นใกล้มาเรื่อยๆ ใจผมก็เริ่มแกว่งแปลกๆอีกแล้ว เฮ้ยๆๆไม่ได้ๆมัลฟอยอย่าไปฟัง
“มัลฟอยหยุดก่อนซิ!”
ไม่ ไม่อย่าไปฟัง! ไอ้โรคบ้านี้ก็กำเริบอีกแล้ว ทำไมขามันถึงอยากหยุดแล้วอยากหันกลับไปวะเนี่ย!
“มัลฟอย!!!”
แล้วในที่สุดพ็อตเตอร์ก็คว้าแขนผมไปจนได้ ดวงสีเขียวจ้องผมอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าขาวนั้นมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อยจากความเหนื่อย ในระยะประชิดแบบนี้ทำให้ผมเห็นหน้าเจ้าพ็อตเตอร์ได้ชัดเจนสุดๆ
‘สวย’
เฮ้ย! คำปริศนาไร้ที่มามันเด้งขึ้นมาอีกแล้ว!
ผมบอกแล้วว่าผมเป็นโรคบ้าบออะไรก็ไม่รู้ควบคุมตัวเองไม่ได้ พักหลังๆนี้พอเจอเจ้าพ็อตเตอร์ทีไรไอ้ ‘น่ารัก’ ‘สวย’ ‘ใส’ ‘สวย’ ก็โผล่มาเรื่อย พอเข้ามาใกล้หน่อยก็ดันมี ‘นุ่ม’ ‘นิ่ม’ เพิ่มขึ้นมาอีก แต่ที่ผมว่าน่ากลัวที่สุดก็คือคำที่กำลังดังอยู่ในหัวผมตอนนี้นั้นแหละ
ผมจ้องใบหน้าเหวี่ยงๆนั้นนิ่งๆแต่จุดรวมสายตาผมน่ะอยู่ที่ริมฝีปากสีสดนั้น...
‘น่าจูบ’…
เฮือก!!! ผมบอกว่าไงว่าไอ้โรคบ้าเนี่ย มันกำลังทำให้ผมเป็นบ้า!
“นายเป็นอะไรกันแน่เนี่ยมัลฟอย ทำหน้าถึงหมาหงอยแบบนี้เนี่ย”
นี่ไง ไอ้ปากแบบเนี๊ยะมันน่าตบมากกว่าใช่มั๊ยล่ะ (ตบด้วยปากเหรคะ?โฮะๆๆ/ไรต์)
“ฉันแค่ทนเห็นหน้านายนานๆไม่ได้ตั้งหากล่ะพ็อตเตอร์” ผมพูดเสียงเย็น
“เหรอ...” พ็อตเตอร์ลากเสียงโดยไม่สนใจเสียงเย็นๆที่ผมส่งออกไปเป็นปราการด่านหน้าแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกแหนะ!
บร๊ะ! ไอ้เตี้ยนี่ ไม่ดู้เลยใช่ไหมว่าคนเค้าไล่!
แหนะ! ยื่นหน้าเข้ามาอีกแหนะ ไอ้โรคบ้านี่ก็กำเริบอีกล่ะ บ้าเอ้ย ใจเต้นแรงขนาดนี้เดี๋ยวพ็อตเตอร์มันก็รู้สึกหรอกน่า
“ไร้สาระน่าพ็อตเตอร์ ฉันไปเรียนล่ะ” ผมตัดบทก่อนที่จะเดินหลบไปโดยมีพ็อตเตอร์ยืนทำหน้างงๆอยู่ข้างหลัง ถึงจะทำหน้านิ่งแต่ใครก็ดูไม่ออกหรอกว่าผมรีบเดินหนี เฮ้ย ไม่ใช่ๆ เดินออกมาขนาดไหน....
บ่ายวันนั้น
ตอนนี้เป็นช่วงพัก... ผมทำลังนั่งทำหน้าหล่อๆอยู่ตรงริมโถงทางเดิน เหอะ นี้ไม่ใช่กิจกรรมที่ใครจะทำกันได้ง่ายๆหรอกนะ ถ้าไม่หล่อไม่รวยอย่างผมถึงจะพยายามเต้นแร้งเต้นกายังไงก็ไม่มีใครมองหรอก แต่หล่อขั้นเทพอย่างผมนี่ แค่ยืนทำหน้านิ่งๆสาวๆก็กรี๊ดแล้ว ฮ่าๆๆ
ผมกวาดสายตาไปทั่วอย่างพอใจ ในฮอกวอร์ตนี้ผมมั่นใจเหลือเกินว่าผมน่ะเป็นนักเรียนที่หล่อรวยและเพอร์เฟ็กที่สุดในประวัติศาสตร์ตั่งแต่ก่อตั้งโรงเรียนนี้มา!!
(มันมั่นมาก! -*-/ไรต์)
แหม อย่ามามองหน้าผมอย่างนั้น! พวกคุณก็รู้ว่ามันเป็นความจริง ก็ผมหล่อ ผมรวย ผมเก่งทั้งเรื่องการเรียนและกีฬา ตระกูลรึก็สูงส่งเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ไม่ปนเปื้อน บรรพบุรุษผมก็ได้รับความเคารพจากเหล่าพ่อมดแม่มด เรื่องกิริยามารยาทได้รับการอบรมมาอย่างดีสมกับเป็นชนชั้นสูง ในโลกใบนี้จะหาอย่างผมได้สักกี่คน ?ไม่มี๊! แถมยะ....
“...”
สงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมถึงเงียบจากการบรรยายสรรพคุณอันเลิศเลอเพอร์เฟ็กของผม ผมก็รู้นะว่าพวกคุณอยากจะฟังต่อ(เหรอ?/ไรต์) แต่คงต้องโทษที่สายของคนหล่อๆอย่างผมที่มันดีเกินไป ทำให้เหลือบไปเห็นเจ้าเตี้ยผู้พิชิตจอมมารที่นั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ไกลออกไป 20 เมตรกับหนุ่มบ้านเรเวนคลอ และถ้าความจำอันเลิศของผมไม่ได้เลอะเลือน(พ่อแม่ผมไม่เหมือนแครบกับกอยล์หรอกน่ะ ผมน่ะกินน้ำมันตัปปลาบำรุงสมองหลังอาหารทั้งสามมื้อ ถึงได้โตมาทั้งฉลาดทั้งหล่อแบบนี้ไงล่ะ!) ไอ้หมอนั้นมันกัปตันบ้านเรเวนคลอแน่ๆ
“หึ!”
คิ้วผมกระตุกอย่างไม่รู้สาเหตุ
นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่น่ารำคาญอีกอย่างที่เกิดมาจากโรคนี้... ผมจะต้องหงุดหงิดโมโหทุกครั้งที่เห็นเจ้าพ็อตเตอร์ไปทำท่าทีสนิทสนมกับผู้ชายหรือผู้หญิงคนอื่นยกเว้นเจ้าสองซี้นั่น…
ยิ่งสนิทกันเท่าไหร่ก็ยิ่งขัดหูขัดตาผมมากเท่านั้น!
เฮ้ยๆๆ หน้าใกล้กันเกินไปรึเปล่านั้นน่ะ!!!
มือผมขยับไปที่ไม้โดยไม่รู้ตัวในหัวกำลังคิดว่าจะใช้คาถาเบาะๆอย่างคาถาสะกดใจหรือเล่นไปตรงๆด้วยคาถากรีดแทงดี อืม... อันหลังน่าจะสะใจกว่า
...
เฮ้ย! แล้วผมจะไปแยกสองคนนั้นออกจากกันทำไมล่ะเนี่ย?!
“ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ” ผมพึมพำกับตัวเอง
ไอ้โรคบ้านี้ชักจะเกินไปแล้ว นี้ถ้าผมพลั้งมือฆ่าใครไปก็แย่ล่ะสิผมยังไม่อยากให้ประวัติอันเพอร์เฟ็กของผมต้องด่างพร้อยเพราะไอ้โรคไร้ชื่อบ้าๆนี้หรอกนะ!
สงสัยว่าผมจะต้องศึกษามันอย่างจริงจังซะแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงสะบัดผ้าคลุมเดินไปยังห้องสมุดทันที...
....
“ตึง!”
เสียงหัวงามๆของผมกระแทกกับโต๊ะห้องสมุดอย่างหมดหวัง ผมค้นมาสามชั่วโมงแล้วนะ สาม! ผมจะบ้าตายนี้สมองอันชาญฉลาดของผมยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าผมเป็นโรคบ้าอะไร ผมค้นห้องสมุดไปแล้วเป็นแทบๆรวมถึงเขตต้องห้ามด้วยแต่ก็ยังไม่เจออะไรสักอย่าง โอย...คนหล่อหมดหมดกำลังใจ
“ก็ได้ๆ คราวนี้จะยอมแพ้ก่อนก็ได้” ผมพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะลุกออกมา แล้วเดินผ้าคลุมพลิ้วออกจากห้องสมุด
(อ้าวแล้วกองหนังสือที่แกค้นออกมาหล่ะ?/ไรต์)
ก็ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บ บรรณารักษ์มีไว้เพื่ออะไรล่ะ?
(เอิ่ม... - -*ระวังโดนมาดามพินซ์เผ่นกบาลนะเดรโก/ไรต์)
กลัวตาย! คนหล่ออย่างเดรโก มัลฟอยไม่คิดจะวอรี่กะอีแค่บรรณารักษ์เหี่ยวๆที่นั่งเป็นโบราณวัตถุอยู่ในห้องสมุดหรอก รู้ไว้ซะ!
(จ๊า พ่อคนหล่อ... - -‘’ หล่อจริงจริ๊ง!/ไรต์)
หลังจากต้องเสียเวลาไปเสวนาไร้สาระกับเสียงแปลกประหลาดที่ดังเข้ามาในโสตประสาทตอนเดินออกมาจากห้องสมุดเมื่อกี้(สันนิฐานว่าเป็นหนึ่งในอาการของโรคประหลาดนี้)ผมก็มุ่งหน้าไปที่ห้องพยาบาลอย่างยอมรับในชะตากรรม ว่าคงจะต้องบากหน้าหล่อๆนี้ไปให้มาดามพรอมฟรีย์เห็นอีกแล้ว เฮ้อ...
แล้วเมื่อเห็นประตูห้องพยาบาลนั้นเอง...
“อ้าวมัลฟอย!”
แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ก็โผล่มาจากห้องพยาบาล
ไอ้หมอนี่อีกแล้ว!
นี้ตกลงโชคชะตานำพาบุพเพอาละวาดหรือว่ากรรมที่ผมไม่ยอมจัดหนังสือเข้าชั้นมันรุมเร้ากันแน่? ทำไมต้องสร้างสถานการณ์ไม่เป็นใจมาให้คนหล่อลำบากใจอีกแล้ว(วะ)เนี่ย!
“นายมาทำอะไรเหรอ?” จะหลบก็ไม่ทันแล้วล่ะเมอร์ลิน...
ไอ้เตี้ยตาเขียวนี้ก็ถามผมเสียงแจ๊วเชียะ นี้ตกลงนายยังสำนึกบ้างไหมแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ว่าเราเป็นศัตรูกันนะโว๊ยยยย ออกไปๆไกลๆก่อนที่ไอ้หัวใจบ้าๆของฉันมันจะเต้นเร็วจนช็อคคาที่เดียวนี้นะ! บอกว่าอย่า!!!! ท้องผมเริ่มปั่นป่วนแปลกๆแล้วแหะ อย่าบอกนะว่าไข้ลามไปถึงกระเพาะแล้วหน่ะ! เฮ้ย!
เหมือนไม่ได้ยินที่ผมคิด(ก็แน่นอนสิ)พ็อตเตอร์ยังคงสาวเท้าเดินมาหาผมด้วยความเร็วคงที่...
นี่ไม่ฟังกันเลยใช่ป่ะ?
โอเคๆ ผมรู้ว่าผมเพ้ออยู่คนเดียว ไม่ต้องส่งสายตาแบบนั้น ว่าแต่ว่าพอเจ้าพ็อตเตอร์เข้ามาใกล้ผมก็เหลือบเห็นผ้าผันแผลสีขาวซ่อนอยู่ด้านในปกเสื้อเชิร์ตสีขาวที่ตอนนี้กระดุมโดนปลดลงมาเกินกว่าที่มันควรจะเป็น 2 เม็ด ความรู้สึกกังวลแปลกๆก็ประเดประดังขึ้นมาทันที
นี่ผมเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย?
“นายโดนอะไรมาอีกแล้วหล่ะพ็อตเตอร์ ยังซุ่มซ่ามเหมือนเดิมเลยนะ” ผมพูดเสียงเย็น
“โธ่เอ๊ย! สาบานนะว่านั้นปากเดรโก มัลฟอย!” พ็อตเตอร์เป่าปากแล้วทำแก้มป่อง หนอย! บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำตัวน่ารัก!
เอ๊ะ ประโยคเมื่อกี้ผมคิดว่าอะไรนะ...
ช่างมันเหอะ
“ก็เมอเทิลน่ะสิ ตอนฉันอาบน้ำอยู่ที่ห้องพรีเฟ็คจู่ๆก็โผล่มาจากใต้น้ำ ฉันนะตกใจแทบตาย อกเลยหันไปกระแทกกับก๊อกน้ำ นายเชื่อไหม! เจ็บเป็นบ้า เนี่ยมาดามเลยเอาผ้าพันแผลไว้ให้ฉันกันกระแทก นายจะดูไหม?" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำท่าจะแบะคอเสื้อออกอีก ที่นี้ซอกคอขาวๆก็โผล่ขึ้นมา ตามด้วยเนินอกเนียนรำไร... อ๊ากกก นี้ถ้ามีคนอยู่แถวนี้ผมจะเอาไอ้ตัวยุ่งนี้ไปเก็บจริงๆด้วย! และยัยผีหื่นเมอเทิลนั้น! เห็นทีต้องหาหม้อมาถ่วงน้ำซะแล้ว ใครสั่งใครสอนให้แอบดูแฮร์รี่อาบน้ำหะ!!
“เนี่ยรอยเนี่ย....” แบะคอเสื้อไม่พอแถมโน้มเข้ามาให้ดูแผลใกล้ๆด้วย นี้ถ้านายยังไม่ออกไปตอนนี้ฉันจะจับนายกดจริงๆนะพ็อตเตอร์! บ้าเอ้ย ทำไมผิวมันเนียนขนาดนี้วะเนี่ย!
เอ๊ะ.....
ผิวเนียน?
จับกด?!!
ผมผงะถอยหลังเนื่องด้วยช็อคกับความคิดของตัวเอง ไม่ให้ช็อคได้ไงล่ะ ก็ผมเกิดอยากจะจับไอ้เตี้ยนี้กดขึ้นมาเลยนะ! ผู้ชายอย่างแฮรรี่ พ็อตเตอร์เนี่ยนะ!! ไอ้โรคนี้มันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว! แล้วไอ้ตัวต้นเหตุก็มีแค่เจ้าตาเขียวๆนั้นคนเดียว! ผมมองไปยังพ็อตเตอร์ที่ยืนทำหน้างงอยู่ด้านหน้า หัวใจบ้าก็เต้นรัวมาอีก
ผมตัดสินใจแล้ว...
ถ้ารักษาไม่ได้ ผมก็ต้องหลบต้นตอปัญหาอาการบ้าๆนี้ซะ!
คิดได้ดังนั้นผมก็รีบวิ่ง(วิ่งเลย?) ออกมาจากตรงนั้น แน่นอนว่าขาสั้นๆอย่างพ็อตเตอร์ก็ไม่สามารถตามผมได้ทันอยู่แล้ว
หลังจากนั้นวันแล้ววันเล่าผมพยายามหลีกเลี่ยงจะพบพ็อตเตอร์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแล้วชีวิตของผมก็กลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม...
สองอาทิตย์ผ่านไป
ซะเมื่อไหร่ล่ะ!!!
สองอาทิตย์ที่ผ่านมาถึงแม้จะไม่เจอหน้าแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ แต่วันๆในหัวผมก็มีแต่หน้าหมอนั้นลอยวนไปเวียนมาตลอด! อาการประสาทหลอนบ้าบอนี้ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกมีแค่คำวิเศษณ์บรรยายลักษณะทางกายภาพ เมื่อหัววันที่ผ่านมานี้มันก็ดันมีคำว่า “คิดถึง” โผล่มา...
เห็นมะ! นี้ผมต้องทนกับอาการป่วยนี้ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย ผมโดนทำร้ายอ่ะ คนหล่อโดนทำร้าย!
ตอนนี้ผมได้แต่นั่งกุมขมับอยู่บนโซฟาตัวหรูในหอนอนสลิธิริน โซฟาที่ใครๆก็รู้ว่าเป็นของผม ที่ของพระราชา ไม่มีใครหน้าไหนกล้านั่ง! นอกเสียจาก...
“นี้นายเป็นอะไรของนายเดรโก?” เสียงหวานแหลมดังขึ้นข้างๆ ผมสัมผัสได้ถึงการยุบตัวของที่เท้าแขนด้านขวาที่ผมไม่ได้เท้าแขนอยู่ โดยไม่ต้องหันไปมองผมก็รู้ว่าใคร
“มีอะไรแพนซี่”
“เปล๊า ก็เห็นนายนั่งกุมขมับมาเป็นชั่วโมงๆ เลยมาถามด้วยความเป็นห่วงก็เท่านั้น”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“เชื่อตาย” แพนซี่บอกเสียงเรียบ ยัยนี่รู้ทันผมไปซะทุกอย่างเชียว นี้ปิดไปคงไม่มีอะไรดีขึ้นสินะ
“คือ... ฉันคิดว่าฉันเป็นโรคประหลาดที่หาแม้แต่ชื่อโรคก็ไม่ได้นะสิ”
แพนซี่ได้ยินดังนั้นก็ตาโต นั่งหันหน้ามาฟังผมอย่างตั้งใจทันที “เล่าอาการมาสิ” เธอกระตุ้น
“...”
เมื่อผมเล่าจบแพนซี่ก็เงียบกริบ และเมื่อแพนซี่เงยหน้าขึ้นมาแววตาวิววับแปลกๆริมฝีปากเล็กๆนั้นยกยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ... ขอผมสามคำนะ เสียว สัน หลัง!
“นายป่วยจริงๆด้วยล่ะเดรโก”
“แล้วเธอรู้รึเปล่าว่ามันเป็นโรคอะไร” ผมถามอย่างตื่นเต้น
แพนซี่ส่ายหน้าแทนคำตอบ ซึ่งนั้นทำเอาผมอารมณ์เสีย แต่ไม่นานหลังจากนั้นแพนซี่ก็พูดสำทับขึ้นมาว่า “ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นโรคของมักเกิ้ล ดูท่านายจะต้องไปถามกับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์เอาซะแล้วล่ะ”
ผมหันควับจนคอแทบเคล็ดเมื่อได้ยินชื่อแฮร์รี่ พ็อตเตอร์
“ทำไมต้องเป็นหมอนั้น?”
“ก็นายคือเดรโก มัลฟอย ฉันไม่คาดหวังว่านายจะยอมลดตัวลงไปถามพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลหรือลูกครึ่งคนอื่นหรอกนะ นอกจาก... แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ของนายน่ะ”
“แล้วอยู่ๆจะให้ฉันเดินไปหาหมอนั้นแล้วถามว่า ‘เฮ้ พ็อตเตอร์ฉันเป็นโรคประหลาด ช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่ามันเป็นโรคอะไร’ อย่างนี้รึไง?”
“จุ๊ๆ เดรโก มัลฟอย นายเห็นฉันเป็นอะไร นี้แพนซี่ พาร์กินสันนะยะ ฉันเขียนจดหมายถึงแฮร์รี่ พ็อตเตอร์แล้วส่งไปเรียบร้อยแล้ว” แพนซี่พูดพลางชี้มือไปทางนกฮูกของเธอที่กำลังบินผ่านไปทางช่องลมเพื่อยืนยัน
ผมแทบจะอ้าปากค้าง... เขียนตอนไหนวะเนี่ย!
“ฉันนัดพวกนายไว้ที่ห้องเรียนพยากรณ์ สบายใจได้ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไม่อยู่ เธอกลับบ้านน่ะ” แพนซี่พูดจ้อก่อนที่จะมองมาที่ผม ที่ตอนนี้กำลังอึ้งทึ่งนั่งนิ่งเป็นหินอยู่ในโซฟา “เอ้า นั่งทำหน้าเป็นตัวฟอเร็ทโดนรมควันอยู่นั้นแหละ ฉันนัดพวกนายไว้ 2 ทุ่มนี้ก็เกือบทุ่มครึ่งแล้ว เดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก... ไปซิเดรโก!!”
ไม่พูดเปล่า ยัยแพนซี่ยังดึงและดันผมออกไปนอกประตูหอได้อย่างมหัศจรรย์ อยากจะบอกนะว่าหุ่นอย่างผมเนี่ยไม่ใช่ตัวเบาๆ ไหง ยัยนี่ดันทำหน้าสบายใจขนาดนี้เนี่ย? เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี นี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกกลัวแพนซี่ พาร์กินสัน...
“นี่ รีบๆไปได้แล้ว! ถ้านายไม่ยอมไปเจอแฮร์รี่ พ็อตเตอร์นะ อย่าหวังว่าคืนนี้จะได้เข้าหอเชียวนะยะ!”
แพนซี่พูดไล่เสร็จแล้วก็ยืนจังก้าอยู่หน้าหอ ท่าทางจะยังไม่ยอมเข้าไปจนกลัวจะไล่ผมให้ไปหาพ็อตเตอร์ได้
“จะไปไหมเดรโก เดี๋ยวแม่ก็เอาสันหนังสือฝาดหัวให้เถิกกว่าเดิมซะหรอก!”
ผมสดุ้งน้อยๆเมื่อได้ยินคำขู่ ในมือแพนซี่มีหนังสือปกสีม่วงอมชมพูความหนาประมาณครึ่งหนึ่งของหนังสือวิชาอักษรรูนโบราณอยู่ เธอทำท่าเงื้อมือขึ้นมาทำให้แสงจันทร์กระทบบนตัวอักษรสีเงินนั้นเป็นชื่อหนังสือชัดเจน
DM/HP yaoi fanfiction [Limited Edition]
หนังสืออ่านเสริมของวิชาอักษรรูนโบราณเรอะ? ว่าแต่ทำไมอักษรย่อมันคุ้นๆหว่า....
เฮ้อ... ช่างมันเหอะ
เมื่อเห็นแน่ชัดว่าแพนซี่คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ผมจึงเดินออกมาจากหอแล้วตรงไปทางห้องเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ และก่อนที่ผมจะเดินจนลับตาไปก็มีเสียงแพนซี่ตะโกนมาว่า
“เคะอย่างพ็อตเตอร์น่ะหายากเลิกทำตัวเป็นเมะซึนเดเระซักทีนะคุณมัลฟอย! อยากทำอะไร...ทำเลย!”
ผมเดินต่อมาด้วยสีหน้านิ่งแบบคนมีสมองกำลังใช้ความคิด... ไอ้ เมะๆเคะๆนี้เป็นศัพท์ทางการแพทย์ของมักเกิ้ลรึไงนะ?
แล้วในที่สุดผมก็มาถึงห้องพยากรณ์ศาสตร์ด้วยความช้าระดับทวดหอยทาก เนื่องจากตัวกับหัวใจทะเลาะกันเป็นระยะๆ สมองสั่งการให้กลับแต่ใจสั่งให้ไป ไอ้โรคนี้ทำให้สามารถในการตัดสินใจผมลดลง!! และเมื่อเข้าไปก็พบว่าพ็อตเตอร์นั่งรออยู่เรียบร้อยแล้ว
“โอ้ ในที่สุดนายก็มา นัดคนอื่นแล้วปล่อยให้รอแบบนี้มันเสียมารยาทนะมัลฟอย” พ็อตเตอร์หันหน้ามามองผมนิ่งๆ ออกจะเหวี่ยงนิดๆ...
ขนาดเหวี่ยงยังน่ารัก... เอาแล้วไง อาการประสาทหลอนเริ่มครอบงำผมอีกแล้ว
“เอาล่ะแล้วอาการของนายเป็นยังไงรีบๆบอกฉันมา” พ็อตเตอร์พูดขึ้นเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้น เอิ่ม ขามันไปเองนะผมฝืนไม่ได้
“ก็...” ผมลากเสียงเล็กน้อยแล้วมองไปที่ใบหน้าใสๆนั้น ผมบอกแล้วไงว่าผมฉลาด ถึงหน้าจะเหวี่ยงแต่ตาสีมรกตนั้นมีแววเป็นห่วงอยู่อย่างปิดไม่มิด ....นี้เป็นห่วงเราด้วยเหรอเนี่ย ว่าแต่ผมจะอมยิ้มกับตัวเองทำไมวะเนี่ย?
“ก็อะไร?” พ็อตเตอร์เร่ง
ผมมองใบหน้าเนียนใสนั้นแล้วรู้สึกสงบอย่างประหลาด ไม่รู้สึกเหมือนจะไข้ขึ้น ใจเต้นจะป็นลมเหมือนอย่างเคย ในหัวพลันนึกถึงคำพูดของแพนซี่ ที่ว่า อยากทำอะไร...ทำเลย!
รอยยิ้มตามแบบฉบับของมัลฟอยโผล่ขึ้นมาแว๊บนึงก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วสัญชาติญาณนักล่าผุดขึ้นมาเมื่อผมก้มลงมองร่างบางๆที่อยู่ด้านหน้าแค่เอื้อมมือ...
ว่าไปนั้น... แต่มือผมตอนนี้รวบเอวพ็อตเตอร์ไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ เอิ่ม มันไปเอง... จริงๆนะ
ก็แค่ลองทำตามที่โรคนี้มันบอก ก็เท่านั้น...
“อะ เฮ้ย มาโอบฉันทำไมเนี่ย?” พ็อตเตอร์เริ่มโวยวาย
“ก็เนี่ยนายจะได้เห็นอาการฉันชัดๆไง” ผมตอบนิ่งๆ ตัวนิ่มแหะ...
“อ้อ... โอเค” พ็อตเตอร์พยักหน้าเข้าใจแล้วก็ยืนนิ่งๆรอฟังผมพูด หลอกง่ายสุดๆ... แต่น่ารักอ่ะ
“อาการของฉันดูเหมือนว่าจะเป็นกับนายคนเดียว...”
“ห๋า?”
“ก็พอเจอนายฉันจะรู้สึกใจเต้น”
“...”
“เวลาเห็นหน้านายฉันมีความสุขแปลกๆ”
“...”
“พอมองตานายก็รู้สึกว่าสู้ไม่ได้ ต้องหลบตา...”
“...”
“ตอนเห็นนายอยู่ใกล้คนอื่นฉันก็หงุดหงิด”
“...”
“เวลาอยู่ใกล้ก็ชอบคิดว่าอยากกอด”
“...”
“เวลาอยู่ไกลก็คิดถึง...”
“...”
“แล้วเวลาอยู่แบบนี้...ก็ อยากจูบ”
พูดถึงตอนนี้พ็อตเตอร์ก็อ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงโน้มลงไปประทับจูบบางเบาลงบนกลีบปากบางสีกุหลาบนั้นตามคอนเซ็ป อยากทำอะไร... ทำเลย!
ปากพ็อตเตอร์ที่เผยอนิดๆนั้นหวานหอมยิ่งกว่าอะไรที่ผมเคยชิมมา ยิ่งจูบ...ก็ยิ่งหลง...
ผมถอนจูบออกมาช้าๆ มองใบหน้าหวานที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเถือก แถมยังอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาทองขาดน้ำ แล้วถามออกไปนิ่งๆว่า
“ตกลงฉันเป็นโรคอะไรกันแน่พ็อตเตอร์?”
“นะ นาย...” พ็อตเตอร์เค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น
“ฉัน?”
“นาย...” พ็อตเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองตาผม เมื่อผมเห็นดวงตาสีมรกตที่ตัดกับสีขาวละเอียดนั้น คำพูดที่เหมือนกำลังจะหลุดออกมาก็โดนกลืนกลับไปในริมฝีปากหอมหวานอีกครั้ง ริมฝีปากผมหยอกเย้ากับพ็อตเตอร์อยู่สามอึดใจก่อนจะแยกจากกัน แหม...ก็บอกแล้วไงว่าจะทำตามที่เสียงในหัว(ใจ)มันบอกมา คราวนี้พ็อตเตอร์เอามือทั้งสองมือขึ้นมาปิดปาก มองหน้าผมตื่นๆ ก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“อ่าว... หนีไปซะแล้ว แล้วนี่ตกลงมันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย?”
ในที่สุดผมก็ยังคงไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆที่อุตส่าห์ทำตามเสียงกระซิบจากอาการประสาทหลอนแล้วนะไม่เห็นมีอะไรกระจ่างขึ้นเลยอ่ะ...
ไอ้เสียงนี้ก็ดันดังอยู่ได้ว่า อยากจูบอีก! อยากกอดอีก! ภาพของพ็อตเตอร์สัมผัสจากกลีปปากนั้นยังติดอยู่...
โว๊ย! รำคาญจริง!
นี่ตกลงผมเป็นอะไรกันแน่เนี่ย!!!
ใครก็ได้ช่วยบอกคนหล่อที!!!!!
.
.
.
END ?
….. จบเหอะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ไรเตอร์ อยากจะ talk
อันนี้เป็นฟิคล้างตาค่ะ สำหรับใครที่อัดอั้นใจตอนที่แล้ว คราวนี้ไรต์จัดเต็มกับคุณชายเดรโก ปล่อยหน้าที่ผู้บรรยายให้ไปเลยทั้งตอน เป็นยังไงแฟนๆหายคิดถึงกันไหมคะ?
อยากจะบอกว่านี้เป็นฟิคที่คิดได้แบบชั่ววูบมากๆ ลุคเดรโกเลยกลายเป็นรั่วเลยทีเดียว สังเกตว่าที่จริงพูดแทบจะนับประโยคได้ แต่ความคิดนี้แบบ... นี้คือเดรโกในความคิดไรต์อ่ะ แบบหน้านิ่งๆแต่ในใจนี้แบบ ฮา~ อย่างมั่น! รี่ตอนนี้ก็มาแบบน่ารักๆ (อันที่จริงต้องบอกว่าซื่อบื้อทั้งคู่มากกว่าสินะ )
เรียกได้ว่างานนี้มาแบบงงๆก่งก๊งทั้งตัวละครและคนเขียน หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
เรียกได้ว่างานนี้มาแบบงงๆก่งก๊งทั้งตัวละครและคนเขียน หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
ว่าแต่อ่านมาถึงตอนนี้ พอจะมีใครช่วยบอกพ่อหนุ่มเดรโกได้ไหมคะว่าจริงๆแล้วเขาเป็นโรคอะไรกันแน่?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น