ตอนที่ 7 : ตอนที่ 7 เริ่มเชื่อมต่อมิติโลกหนังสือ
...ตอนนี้พายุสายฟ้าได้หายไปแล้วคงเหลือแต่คลื่นลมที่ยังค่อนข้างรุนแรง ตอนนี้เรือสำราญไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีกแล้ว เนื่องจากตัวเรือเสียหายอย่างหนักคาดว่าคงจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรภายในไม่อีกกี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว เสียงของเจ้าหน้าที่บนเรือออกอากาศแจ้งเหตุแก่ทุกคนบนเรือในทุกๆ ห้านาที
"ขอให้ผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนทยอยเรียงแถวไปทางกาบซ้ายและกาบขวาของเรือที่ชั้นสองของเรืออย่างเป็นระเบียบเรามีเรือยางฉุกเฉินเพียงพอต่อทุกๆท่านขอให้ท่านนำสัมภาระสิ่งของเท่าที่จำเป็นติดตัวไปได้เท่านั้น"
….ราส ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มที่เขาอ่านค้างไว้อยู่ขณะที่เกิดเหตุ เขานึกถึงคำพูดของชายชราผู้นั้นได้ทันที
"หนังสือ! โลกมิติแห่งการฝึกฝน!.."
ราสดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีแต่เดิมเขาตั้งใจที่จะไปเก็บของในห้องพักโดยสารของเขาที่ยังมีเสื้อผ้าและของใช้อีกเล็กๆน้อยๆ แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
เขาจึงเปลี่ยนใจทันที เขารีบวิ่งตรงไปที่ห้องหนังสือบนชั้นสามของเรือสำราญ ขณะนี้ประตูทุกบานได้เปิดออกหมดแล้วเจ้าหน้าที่บนเรือกำลังชุลมุนวุ่นวาย จัดระเบียบผู้โดยสารลงเรือยาง เจ้าหน้าที่บางส่วนก็กำลังขนอาหารและน้ำดื่มลงเรือบนสำรอง ไม่มีใครสนใจ
ราสที่กำลังวิ่งตรงเข้าไปที่ห้องหนังสือ
ราสเปิดประตูห้องหนังสือเข้าไปไม่มีใครอยู่ในนี้แม้แต่คนเดียว เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ น่าจะอพยพไปลงเรือยางเรียบร้อยแล้ว เขาวิ่งตรงไปที่ชั้นหนังสือทันที เขาทำการส่งหนังสือทีละหลายสิบเล่มที่เขาคิดว่าน่าจะมีประโยชน์เข้าไปในพื้นที่เก็บของในดาวมิติที่อยู่บนมือขวาของเขาทันที หนังสือตำนานต่างๆ นิทานปรัมปรา
หนังสือวรรณกรรมชื่อดัง
หนังสือประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ และหนังสืออ่านเล่น
ในตอนนี้เขามีหนังสือกองอยู่ในดาวมิติของเขาหลายร้อยเล่ม เมื่อเขาเห็นว่าน่าจะเพียงพอแล้ว เขาจึงเดินออกจากห้องหนังสือเพื่อไปขึ้นเรือยางช่วยชีวิตที่ชั้นสองทันที
ราสต่อแถวรอขึ้นเรือยางอย่างเงียบๆในมือของเขาตอนนี้มีหนังสืออยู่เพียงเล่มเดียว คือหนังสือเล่มที่เขาอ่านค้างเอาไว้ เมื่อถึงคิวเขาขึ้นเรือยางเจ้าหน้าที่สอบถามเรื่องส่วนตัวเขาเล็กน้อยเพื่อจดบันทึก แล้วส่งเขาขึ้นเรือยางพร้อมกับกลุ่มคนประมาณ 20 คนมีเจ้าหน้าที่ 4 คนรวมเป็น 24 คนต่อหนึ่งลำเรือ
บรรดาเรือยางขนาดเล็กหลายร้อยลำและเรือสำรองกู้ชีพขนาดเท่าเรือประมงขนาดเล็กอีกประมาณ 10 กว่าลำลอยออกห่างจากเรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งตอนนี้กำลังค่อยๆจมลงอย่างช้าๆ
บนเรือสำรองลำใหญ่ที่สุดกัปตัน
โรเบิร์ต พร้อมลูกเรือคนสำคัญ และแขก ระดับ VIP ระดับสูงหลายสิบคนยืนดูเรือสำราญ 'Goddess of glory Cruise(เทพธิดาแห่งความรุ่งโรจน์)'
จมลงสู่ก้นมหาสมุทร อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาทั้งสิ้น
หลังจากเรือสำราญจมหมดไปทั้งลำได้ไม่นาน
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! กัปตันโรเบิร์ต
คุณต้องอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผมรู้อย่างละเอียดตั้งแต่ต้น!!"
ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานกล่าวทำลายความเงียบขึ้นมาทันที เขาคนนี้เป็น รองประธานบริษัท บีสเซมาต้า ดิวิลอฟเม้นท์ ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของเรือสำราญ 'Goddess of glory Cruise(เทพธิดาแห่งความรุ่งโรจน์)'
ที่พึ่งจะจมลงไป มูลค่าความเสียหายที่บริษัทต้องสูญเสียในครั้งนี้นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดถ้าหากจัดการได้ไม่ดี บริษัทอาจถึงขั้นล้มละลายได้เลยทีเดียว
หากไม่นับมูลค่าเรือสำราญด้วยแล้วนั้น เฉพาะที่บริษัทต้องแบกรับความผิดชอบต่อผู้ที่เสียชีวิตนับพันราย นั้นก็เป็นอะไรที่น่าปวดหัวเป็นอย่างมาก เพราะแขกบนเรือสำราญที่มาร่วมการเดินเรือครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่างน้อยก็มีชื่อเสียงระดับประเทศ อีกทั้งยังมีนักธุรกิจและสื่อจากวงการต่างๆมาร่วมอีกด้วย
กัปตันโรเบิร์ตอธิบายตั้งแต่เรือสำราญเข้ามายังขอบเขตแปลกประหลาดภัยพิบัติธรรรมชาติ จนมาถึงอุกาบาตตกและพุ่งชนเรือ
(คนอื่นๆไม่รู้ว่าเป็นแขนยักษ์ชน)
จนทำให้เรือสำราญขนาดใหญ่ระดับนี้จมลงสู่ก้นมหาสมุทร มันเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช้ความผิดของทางทีมเดินเรือและกัปตันเรือ ซึ่งทั้งหมดมีบันทึกการเดินเรือพร้อมกับวีดีโอกล้องวงจรปิดบันทึกเป็นหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว
"แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงโทรศัพท์ดาวเทียมก็ใช้ไม่ได้ คุณจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ยังไงดีล่ะกัปตัน"
ชายวัยกลางคนที่เป็นรองประธานบริษัท ถามอย่างกังวล น้ำเสียงของเขาตอนนี้เมื่อพูดกับกัปตันโรเบิร์ตนั้นดูสงบลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เนื่องจากตอนนี้ทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยกัปตันและบรรดาลูกเรือของเขา การจะสามารถรอดชีวิตไปได้ในตอนนี้จึงสำคัญอย่างที่สุด ซึ่งทุกๆคนรู้กฏข้อนี้กันเป็นอย่างดี
"ผมและบรรดาลูกเรือตรวจสอบดูแผนที่ทางทะเลแล้ว ต่อให้ตอนนี้เราไม่สามารถใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการหาพิกัดได้ แต่จากการคำนวนจุดล่าสุดจนถึงระยะเดินทางของเรา เราน่าจะอยู่ที่ทะเลแถบนี้ "
กัปตันโรเบิร์ตชี้ไปที่แผนที่บริเวณทะเลจีนใต้ให้ทุกคนได้เห็นและเขายังกล่าวต่อไปอีก
"ตามแผนที่นี้หากเราเดินเรือต่อไปอีกประมาณ 15 ชม.เราจะเจอเกาะรกร้างขนาดเล็กซึ่งสามารถให้ทุกคนลงไปพักรอที่นั้นได้ เพื่อรอทีมกู้ภัยออกมาค้นหาพวกเรา เพราะฉะนั้น ตอนนี้ขอให้ทุกคนสบายใจได้"
ทุกคนบนเรือมีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อยแต่ความกังวลก็ยังคงฉายชัดอยู่ในดวงตา
"แดเนียล กระจายเสียงออกอากาศไปให้เจ้าหน้าที่ประจำเรือยาง นำเรือยางทุกลำผูกไว้ด้วยกัน และนำมาผูกต่อท้ายเรือสำรองทั้ง 14 ลำอีกที เราจะไปเกาะร้างทางทะเลจีนใต้เพื่อรอหน่วยกู้ภัยทางทะเลที่นั้นกัน คนอื่นๆติดต่อเรือสำรองทั้ง 14 ลำเช็คอุปกรณ์ น้ำดื่มและอาหารทุกอย่างต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ห้ามกระทำการใดๆโดยพลการโดยเด็ดขาด "
กัปตันโรเบิร์ตสั่งงานแดเนียลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆทันที
เมื่อสิ้นเสียงประกาศจากเรือของกัปตัน เจ้าหน้าที่บนเรือยางทั้งหมดก็เริ่มทำงานยุ่งวุ่นวายกันทันที กว่าเรือยางทุกลำจะผูกต่อด้วยกันเสร็จก็กินเวลาไปเกือบ 2 ชม. หลังจากผูกเรือเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ทยอยแจกอาหารคนละสองชุดพร้อมน้ำดื่ม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ประจำเรือยางแจ้งกับผู้โดยสารประเรือแต่ละลำว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-18 ชม. กว่าจะเดินทางถึงเกาะที่สามารถพักได้ ซึ่งระหว่างทางเจ้าหน้าที่จะไม่แจกอาหารเพิ่มให้อีกจนกว่าจะเดินทางไปถึงที่เกาะ
ราสนั่งหน้าซีดอยู่บนเรือยาง เขาหอบหายใจหนักๆหลายครั้งจนหนุ่มไทยที่นั่งอยู่ติดกับถามด้วยความเป็นห่วง
"นี่น้องชาย..ไม่สบายอย่างนั้นรึ? มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า"
"ขอบคุณมากพี่ชาย ผมรู้สึกเวียนๆหัวนิดหน่อยหน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ถ้าได้พักสักหน่อยก็คงจะหาย"
"โอเค ถ้านายไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วงั้นก็พักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไรพอให้ผมช่วยได้ก็บอกละกันนะ "
"ขอบคุณครับ"
ชายหนุ่มที่คุยกับราสนั้นเป็นคนไทยชื่อว่า เขต เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับเว็บไซค์ ครั้งนี้เขาเดินทางเพื่อไปท่องเที่ยวทางเรือทั้งคู่ได้พูดคุยกันนิดหน่อยพอได้รู้จักกัน
ราสในขณะนี้ต้องพักฟื้นอีกสักครู่หนึ่งเนื่องจากเขากำลังทดลองเชื่อมมิติกับหนังสือในมือเพื่อสร้างโลกมิติสำหรับฝึกฝน เขาเลือกหนังสือเล่มที่อ่านอยู่นี้เพราะ เขาต้องการฝึกฝนพลังทางจิตวิญญาณของเขาให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ เขามีพลังงานทาง
จิตวิญญาณ ที่ต่ำเกินไปจากที่เขามาคิดดูอุปกรณ์หรือสิ่งของที่เขาได้รับมานั้นส่วนมากใช้พลังทางจิตวิญญาณทั้งสิ้น หากเป็นเช่นนั้นเมื่อฝึกฝนบ่มเพาะต่อไปในระดับที่สูงขึ้นพลังทางจิตฯต้องสำคัญมากแน่ๆ
เขาจึงต้องการสร้างโลกมิติของหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า โคนิเกิล *1*
ซึ่งตัวละครหลักในหนังสือเล่มนี้มีพลังจิต จากการได้ไปสัมผัสวัตถุแปลกประหลาดจากนอกโลก ราสจึงตัดสินใจที่จะเชื่อมต่อกับหนังสือเล่มนี้
เขาจึงแอบเปิดใช้งานรอยสักสีทอง หรือที่ชายชราเรียกว่าตราสัญลักษณ์เทวะ
แต่พลังงานทางจิตฯเขามีน้อยอย่างมาก และเขาต้องใช้พลังงานทางจิตฯของเขาเพื่อเปิดการเชื่อมต่อกับโลกหนังสือทั้งหมดประมาณ 20 รอบ ตอนนี้เขาส่งพลังเข้าตราสัญลักษณ์เทวะไปแล้วสองรอบ ซึ่งแต่ล่ะรอบนั้นเขาต้องพักฟื้นหลังส่งพลังทางจิตประมาณ 15-20 นาทีจึงจะสามารถส่งพลังได้ใหม่อีกหน
แต่ทุกครั้งที่เขาใช้พลังงานทางจิตวิญญาณจนหมดและพักฟื้นขึ้นมาเขารู้สึกว่าพลังงานทางจิตฯของเขานั้นค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละเล็กละน้อย นี่ก็น่าจะเป็นวิธีฝึกฝนพลังงานทางจิตอีกวิธีหนึ่ง…..
...หลังจากผ่านไปประมาณ 10 ชม.
ราสเชื่อมต่อโลกมิติเกือบเสร็จสมบรูณ์แล้วมีแสงสีทองเชื่อมต่อระหว่าง
ตราสัญลักษณ์เทวะที่หน้าอกของเขากับหนังสืออยู่หากเขาไม่กำหนดจิตซ่อนตราสัญลักษณ์ฯไว้คนทั้งเรือยางลำนี้คงได้แตกตื่นกันยกใหญ่เป็นแน่
ราสไม่กล้าเชื่อมต่อโลกมิติหนังสือบนเรือยางนี้เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างการเปิดโลกมิติหนังสือ เขาจึงพักขั้นตอนสุดท้ายในการส่งพลังงานทางจิตให้เต็มไว้ก่อนชั่วคราว
เขารอให้ไปถึงที่เกาะและหาที่ลับตาคนในการเปิดโลกมิติ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดเพื่อความปลอดภัย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาดีใจไม่แพ้กันก็คือ พลังทางจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก 10 % จากของเดิม……
จบบท
………...
Endnote: หนังสือที่นำมาลงแต่งนิยายเป็นหนังสือสมมุติขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาของเรื่องคล้าย กับหนังสือเรื่อง
*1* โครนิเคิล บันทึกลับเหนือโลก (Chronicle) ที่เอาทำเป็นภาพยนต์
ซึ่งเนื้อหาในนิยายไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับเนื้อเรื่องที่กล่าวมา มันเป็นมิติสมมุติในนิยาย
………
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
