ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพอสูร

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22
      0
      11 มี.ค. 48

         ผมเดินตามหลังยัยทรีน่าอะไรนั่น พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาระยะห่างเข้าไว้  ทรีน่าหันมามองผมเป็นระยะๆ เธอคงกลัวว่าผมจะหายไปไหนหรืออาจจะกลัวว่าถ้าเธอเผลอเมื่อไหร่ ผมอาจจะเดินเข้าไปบีบคอเธอเอาก็ได้ ซึ่งไม่แน่ว่าผมอาจจะทำ ตราบใดที่เธอยังหันมามองผมด้วยสายตาอย่างนั้นอีก



         “ทำไมเธอถึงย้ายมาเรียนที่นี่ล่ะ”   ทรีน่าชวนคุยและหยุดเดินเพื่อให้ยืนอยู่ในระดับเดียวกับผม  แต่ผมไม่ได้หยุด ผมเดินผ่านเธอไปเลย



         “มันไม่เกี่ยวกับเธอ”  ผมตอบโดยไม่ได้หันมองก่อนจะหยุดเดินเพื่อรอเธอบ้าง  ทำไงได้ ผมไม่รู้นี่ครับว่าห้องเรียนไปทางไหน เพราะฉะนั้น  เอาเถอะ  ผมจะหยุดรอยัยนี่สักวินาทีก็แล้วกัน



         “ถ้าเธอจะสะกดคำว่ามารยาทเป็นละก็นะ เคซีย์  เธอควรจะหันมาพูดตอนที่พูดกับฉัน”  ทรีน่าพูดและมองผมอย่างตำหนิ   มองนิ่งๆ หยิ่งๆ อย่างที่เธอชอบทำนั่นหละ



    ผมพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิดและปล่อยให้เธอเดินนำผมอีกครั้งโดยที่ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่หันมาพูดหรือชวนผมคุยอะไรอีก





         ผมเดินเข้ามาในห้องและมองหาที่นั่งหรืออาจจะไม่ต้องหาก็ได้ในเมื่อพวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ก่อนแล้วดูเหมือนว่าจะยินดีไล่คนที่นั่งอยู่ข้างๆออกไปและให้ผมนั่งที่ตรงนั้นแทน  และก่อนที่ผมจะตัดสินใจหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆสาวผมแดงคนหนึ่ง  มือของใครบางคนก็เข้ามาคว้าแขนของผมไว้พร้อมกับลากตัวผมไปนั่งข้างหลังห้องด้วยกัน



    ผมจ้องทรีน่า เริ่มจะรู้สึกหัวเสียกับยัยนี่มากขึ้นทุกที



         “เอาล่ะ  ฟังให้ดีคุณผู้หญิง “   ผมว่า    “ถ้าหากว่าเธอเกิดจะพิศวาสฉันขึ้นมาล่ะก็   เลิกทำสีหน้าเหมือนคนจะขาดใจตายตอนที่มองหน้าฉันได้แล้ว เพราะมันทำให้ฉันหมดอารมณ์พิศวาสเธอมากขึ้นเป็นกองเลยล่ะ”   ผมพูดต่ออย่างมีอารมณ์ก่อนจะกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้



    ทรีน่ามองผมด้วยสายตาที่เรียบเฉยอย่างคนไม่รู้สึกอะไร  เธอไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับผมนอกจากหันไปสนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้า



    ผมพ่นลมหายใจ  กวาดสายตามองไปรอบๆห้อง  และ……โชคดีชะมัด   ที่หมอนั่นอยู่ห้องเดียวกับผม



    ไบรรอน  แมลเนอร์



         เขากำลังมองมาที่ผมเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้มองด้วยสายตาเหยียดๆแบบไม่ชอบขี้หน้าเหมือนเมื่อครู่  แต่มองแบบชื่นชม   ใช่!!  ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ  ผมรู้สึกได้ถึงท่าทางทึ่งๆของเขาตอนที่มองผม แต่ในขณะเดียวกันก็คงจะหมั่นไส้ผมด้วยล่ะมั้ง

          

         หลังจากที่ทนนั่งเรียนอยู่ในห้องครึ่งวันเต็มๆโดยที่ผมก็ไม่ได้อะไรไปมากกว่าการหาวนอนเพิ่มขึ้นอีกสักสามสิบครั้ง ช่วงเวลาที่ผมพิศมัยที่สุดในชีวิตก็มาถึงจนได้  







         ผมเดินตรงไปที่รถกระป๋องคันใหม่เอี่ยม   ใช่!!  คุณอ่านไม่ผิดหรอก  รถกระป๋องของผมน่ะ ใหม่เอี่ยมและดีที่สุด  แต่ต้องนับย้อนหลังไปเมื่อห้าปีที่แล้วนะ  ผมไม่ได้หมายถึงปัจจุบันหรือว่าตอนนี้  



         ผมเดินไปที่รถ ไขกุญแจ  และ.........ให้ตายเถอะ  ใครสักคนเดินมาข้างหลังและตบไปที่ไหล่ผมเต็มแรง  ผมรู้สึกได้ถึงอาการแสบๆคันๆที่ตามมาก่อนจะหันไปมองเจ้าของพฤติกรรมเถื่อนๆที่ว่า



    ไบรรอน  แมลเนอร์    เขายืนอยู่ข้างหลังผม กระหยิ่มยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์



    ผมกำหมัดแน่น เตรียมปล่อยไปข้างหน้าทันทีถ้าหมอนี่คิดเล่นตุกติกกับผม



         “โอ้  ใจเย็นก่อนเพื่อน  ฉันมาดี”  ไบรรอนรีบพูดทันทีที่เห็นผมเงื้อหมัดขึ้น   “ถ้านายไม่ว่า  ช่วยปล่อยมือที่กำลังกระชากคอเสื้อฉันด้วยก็จะดี”  เขาพูดต่อในขณะที่ผมค่อยๆลดมือลง



         “มีธุระอะไรกับฉัน”    ผมถามอย่างเอาเรื่อง  ไม่ค่อยไว้ใจหมอนี่พอๆกับที่ไม่ไว้ใจเด็กผู้ชายเกรด 12 ที่ยืนมองอยู่รอบด้าน   สายตาอย่างนั้น  เอาล่ะ  ผมพอจะเดาถูกว่าพวกเขาคงไม่ได้คิดที่จะเข้ามาถามทางไปบ้านผมแน่ๆ



         “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก    ฉันก็แค่สงสัย”    ไบรรอนพูดพลางสำรวจสายตาไปรอบๆตัวผมอย่างพินิจพิจรณา



    ให้ตายเถอะ!!  ผมไม่ชอบให้ใครมองด้วยสายตาอย่างนี้เลย



         “เอาล่ะ ฉันยอมรับนะว่านายอาจจะดูดีน้อยกว่าฉัน   แต่ว่า  ให้ตายเถอะ  นายทำยังไงทรีน่าถึงได้ยอมคุยกับนาย”  ไบรรอนพูดอย่างทึ่งจัด   และตอนนี้  ผมพอจะจับทางหมอนี่ถูกแล้วล่ะ   เขาก็แค่  สนใจทรีน่า เลยอยากจะเข้ามาตีสนิทกับผม ซึ่งเรื่องนั้นผมก็คงไม่ปฏิเสธหรอก  ถ้ามันจะทำให้ศัตรูผมลดน้อยลงซะบ้าง  



    แต่ถึงยังไง     ผมก็ไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่อยู่ดี



         “แล้งยังไง   นายสนใจยัยนั่นเหรอ”  ผมถามเสียงเหยาะอย่างรู้ทัน



    ไบรรอนยักไหล่เล็กๆก่อนตอบ



         “ก็นิดหน่อย   เธอก็ดูดีนี่  อย่างน้อยก็ในสายตาฉัน  เสียอย่างเดียว  อัธยาศัยเธอแย่ไปนิด’’



    เอาล่ะ  อย่างน้อยๆ  หมอนี่กับผมก็มีความคิดเห็นที่ตรงกัน



         “ว่าแต่นาย  ที่จริงก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเท่าไหร่นี่  บางที  ฉันอาจจะอยากเป็นมิตรกับนายขึ้นมาบ้างก็ได้”



         ไบรรอนพูดแล้วมองผมแบบที่ผมไม่นึกอยากให้เขามองสักเท่าไหร่  เอาเถอะ  ถ้าคุณได้มาเห็นก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าผมกับหมอนี่เป็นคู่เกย์ก็แล้วกัน



         “ถ้าอยากจะเข้าใกล้ทรีน่า นายก็ไม่จำเป็นต้องมาตีสนิทกับฉันอย่างที่นายกำลังคิดจะทำหรอก  เพราะถึงยังไงฉันก็คงอยากอยู่ใกล้ยัยนั่นตราบเท่าที่ฉันยังจำห้องเรียนไม่ได้เท่านั้นแหละ”   ผมพูดอย่างไม่ใยดีในมิตรภาพที่หมอนี่ยื่นให้ก่อนจะเปิดประตู



         “ก็ได้ๆ  วันนี้นายอาจจะพูดแบบนี้  แต่เชื่อสิ ถ้านายโดนไอ้พวกบ้านั่นรุมอัดเมื่อไหร่ ฉันเชื่อว่านายก็ต้องนึกอยากมีเพื่อนขึ้นมาบ้างแหละ”   ไบรรอนพูดด้วยท่าทางยียวนพลางพยักเพยิดหน้าไปทางเด็กเกรด 12 กลุ่มเมื่อครู่ที่ยังยืนมองผมอยู่  ท่าทางไอ้พวกนี้คงจะอยากเล่นงานผมพอๆกับที่ตั้งหน้าตั้งตารอดูอาร์เซนอล แข่งกับลิเวอร์พูลเลยทีเดียว



    ผมมองตามสายของไบรรอนก่อนจะกระชากประตูปิดเข้ามา



    “ขอบใจพวก   ขอบใจมากในความหวังดี   แต่ไว้รอให้ฉันจนมุมเมื่อไหร่ฉันอาจจะอยากคิดถึงนาย”  ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะขับรถออกไป







         ผมขับรถตรงไปตามถนนสายเดิมๆที่ขับผ่านเป็นประจำก่อนจะหัวเสียแบบที่ต้องเป็นทุกๆสองหรือสามอาทิตย์ต่อครั้งเมื่อรถกระป๋องเฮงซวยที่ผมกำลังขับเกิดชักกระตุกขึ้นมาดื้อๆ



         ผมพยายามขืนใจมัน พยายามทำทุกอย่างให้มันหัดสำนึกซะบ้างว่ามันเป็นรถของผม เพราะฉะนั้นมันก็ควรรจะตอบแทนผมที่ไม่เคยปล่อยให้น้ำมันแห้งถังและขัดล้างเช็ดถูเป็นประจำด้วยการเคลื่อนตัวต่อไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านโดยที่ผมไม่ต้องลงไปเตะบานประตูพร้อมกับค่อยๆเข็นมัน



    แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่สำนึกบุญคุณผม



         เพราะหลังจากที่ผมพยายามเช็คและตรวจหาสาเหตุที่ทำให้ไอ้รถกระป๋องคันนี้เกิดอยากจะนอนดูดาวและรอให้พวกเด็กวัยรุ่นหัวรุนแรงแถบนี้พ่นสีใส่หน้ากระจกรถเล่น    ผมก็ต้องเลิกล้มความพยายาม





         ผมกระแทกฝากระโปรงรถปิดดังปังด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและหัวเสียอย่างที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้  และหนทางเดียวที่ผมจะกลับถึงบ้านโดยไม่ต้องมีเหงื่อท่วมตัวเพราะเดินเข็นไอ้รถบ้าๆนี่  ผมต้องตัดใจปล่อยให้รถคันนี้เผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างที่รถทุกคันควรจะเจอเมื่อเจ้าของรถดันเผลอไผลมาจอดรถทิ้งไว้แถวนี้





         ผมออกเดิน  เมื่อย  เหนื่อยล้า  และใช่!!  ผมหงุดหงิด  โมโห และรู้สึกหัวเสียอย่างที่สุด   ผมคงจะยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้ไอ้รถกระป๋องเฮงซวยนั่นหายขาดจากอาการชักกระตุกอย่างที่มันเป็นอยู่ประจำสักที





         ผมออกเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอย่างที่คุณคงจะไม่นึกอยากได้ยินนัก หากต้องมาเดินอย่างเดียวดายอยู่ในซอยเปลี่ยวเช่นนี้





         อ้อ!!  คุณคงไม่คิดว่าผมจะกลัวไอ้เด็กวัยรุ่นกลุ่มข้างหน้ารุมข่มขืนเอาหรอกนะ   เพราะมันไม่ได้อยู่ในกระบวนการทางความคิดของผมตอนนี้แน่  หรือถ้ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น



    นั่นก็หมายความว่าพวกมันกำลังเข้าขั้นวิปริต โรคจิตและต้องเป็นพวกสุดหื่นอย่างแน่นอน



    แต่ถึงอย่างไร   ผมรู้ว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่านั้น





    ทำไมผมถึงไม่ฟังคำพูดของทรีน่าหรือทำทีเป็นว่าเชื่อคำพูดของเธอสักนิด

    หรือบางที  ผมน่าจะยอมรับมิตรภาพจอมปลอมที่ไบรรอนหยิบยื่นให้เพียงข้ามวันข้ามคืนนั่น แล้วก็ยินดีแบบฝืนใจที่จะให้เขาขึ้นมาบนรถและกลับบ้านเป็นเพื่อนผมสักวันหละ



    ทำไม  และ ทำไม???



    แต่เอาเถอะ   นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมควรจะคิดหาทฤษฎีหรือเหตุผลงี่เง่าที่สงวนไว้ใช้เองสำหรับผม

    แต่ผมควรจะสนใจไอ้พวกหมาหมู่ข้างหน้าที่จ้องจะเล่นงานผมมากกว่า



    ผมกำลังจะถูกรุม!!!





         ผมถูกไอ้หัวเขียวที่ดูเหมือนเอาเศษหญ้าแห้งมาปิดทับไว้บนหัวโล้นๆตรงเข้ารวบแขนทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง ก่อนที่ไอ้ยักษ์ใหญ่สองตัวที่ผมจำได้ดีว่าเพิ่งจะอัดกับพวกมันมาเมื่อวันก่อนกระชากคอเสื้อผมไปข้างหน้า  แรงมากจนผมกลัวว่าเสื้อเชิ้ตตัวโปรดของผมจะยับเลยล่ะ

    ไอ้หมอนั่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้  สายตาที่มองกลับมาเต็มไปด้วยความเครียดแค้นและกราดเกรี้ยวอย่างที่มนุษย์โลกคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว

    และตอนนี้ ผมก็ได้แต่หวังว่าปากของหมอนี่คงจะไม่เหม็นพอถึงกับบังคับให้จมูกผมต้องหยุดกลั้นลมหายใจ



         “แก   ทำฉันแสบนักนะ  ไอ้หนู”  หมอนั่นคำรามใส่หน้าผม   ดูก็รู้ว่าโกรธมากอยางที่คุณก็คงไม่อยากจะเชื่อ



         “ฉันไม่ใช่ไอ้หนู”   ผมกัดฟันพูดกลับไปก่อนจะ





         ผมถูกหมัดหนักๆเสยไปที่ใต้คางซะหน้าเงยก่อนจะตามด้วยแรงกระแทกอย่างแรงที่หน้าท้อง   ผมจุกแอ่ก  พูดไม่ออก ตัวงอจนอยากจะลงไปกองอยู่กับพื้น  ติดตรงที่ว่าพวกมันคนหนึ่งยังหิ้วแขนทั้งสองข้างเอาไว้

    ผมเหยียดขาขึ้น  พยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน  ยืนอย่างที่คนเมาหยำเปคนหนึ่งจะพยายามพยุงตัวเองได้นั่นแหละ



         ผมจ้องหน้าไอ้เด็กเกรด 12 ราวห้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเคียดแค้นพร้อมกับพยายามสะบัดตัวไอ้หัวเขียวข้างหลังให้พ้นๆจากการเกาะกุมตัวผมไปซะ



    แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของผมจะเห็นผลเท่ากับ 0  เพราะหลังจากที่พ้นจากไอ้หัวเขียวที่อยู่ข้างหลัง อีก 5 คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ตรงเข้าตะครุบตัวผมไว้ทันที





         ผมจำไม่ค่อยได้ว่าพวกมันทำอะไรผมบ้าง  แต่ผมรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอย่างแรงที่หน้าท้อง  หลัง  แขน ขา  และใบหน้า  และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ  พวกมันกระทืบผม



         ผมพยายามลุกขึ้นที่จะสู้  พยายามที่จะทำให้พวกมันเห็นว่าคนอย่างผมไม่ใช่ลูกกระจ๊อกโง่ๆอย่างที่พวกมันคิดจะรุมยำเป็นหมาข้างถนนเมื่อไหร่ก็ได้   พยายามจะรวบรวมสติและกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อจะอัดพวกมันคนใดคนหนึ่งอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร



    พยายาม และ พยายาม!!!



         ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ดีคือรอยยิ้มหยามเหยียดที่พวกมันจ้องมองผม  เสียงหัวเราะเหยาะหยันที่บาดลึกลงไปในแก้วหู   คำพูดถากถางที่พวกมันพูดทิ้งท้าย  และความเคียดแค้นที่ก่อตัวราวกับภูเขาไฟที่อาจจะระเบิดตูมเมื่อไหร่ก็ได้ภายในใจผม



         ผมโกรธ  แค้น  อาฆาต  และอับอาย   ใช่!! ดูเหมือนว่าอย่างหลังจะมีผลกระทบต่อจิตใจผมมากที่สุด

    ตั้งแต่ที่จำความได้ผมไม่เคยรู้สึกสมเพชตัวเองได้มากขนาดนี้   ไม่เคยรู้สึกเวทนาตัวเองได้มากขนาดนี้

    ไม่เคยรู้สึกเคียดแค้นใครได้มากขนาดนี้!!!



    พวกมันต้องชดใช้   ที่พวกมันทุกคนที่ทำกับผม   พวกมันต้องชดใช้!!!







         ผมนอนกองอยู่กับพื้นอยู่หลายนาทีก่อนจะพยายามพยุงตัวลุกขึ้นและเซล้มลงไปอีกครั้ง  ผมจำไม่ได้ว่าผมล้มลงไปบ่อยเท่าไหร่    แต่ผมจำได้ว่าผมแค้นและโกรธมากเท่าไหน   ผมจะไม่ยอมให้เรื่องน่าสมเพชพวกนี้เกิดขึ้นอีก

    ผมจะไม่ยอม..........



    ให้ตายเถอะ !!!   เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผม   ผมเจ็บ   ทรมาณ   ปั่นป่วนไปทั่วทั้งกระเพาะและลำใส้

    ร่างกายร้อนระอุราวกับมีใครจุดไฟแผดเผา   ในอกผมกำลังจะระเบิด  ทุกส่วนในร่างกายของผมกำลังถูกฉีกขาด

    ผมเจ็บ  เจ็บ  เจ็บ  โอ๊ย!!  ใครก็ได้ช่วยผมที  ที่แผ่นหลังของผมกำลังเกิดสิ่งผิดปกติ   ผมต้องหยุดมัน  ผมต้องหยุดมัน!!!






    ------------------------------

    adventure in monster word



    รักเธอ - - ยัยขี้แย



    nj  venus

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×