ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มิตร หรือ ศัตรู (1)
    “หมวดชาติ ครับ!”
    หมวดชาติตื่นจากภวังค์  เขากำลังนั่งเอนกายมองเพดาน ภายในห้องทำงานของเขา อย่างคนละเมอ  เวลาเพียง ๓ ปีทำให้เขาดูซูบผอมลงไปไม่น้อย  ใบหน้าที่เคยสะอาดเกลี้ยงบัดนี้เริ่มมีตอหนวดสั้นๆ โผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นแถบสีเขียวขี้ม้าตรงบริเวณคางและจอน  เผ้าผมที่เคยอยู่เป็นทรงและมันเงา ก็กลายเป็นผมที่ยุ่งเหยิงและดูแห้งกรอบคล้ายฟางข้าว  แม้แต่แววตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงอันโชติช่วง ก็ยังเปลี่ยนเป็นแววตาของคนเพ้อฝัน ที่ไร้จุดหมายในชีวิต  อย่างไรก็ดี ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาจะต่างจากในอดีตไปมากสักเพียงใด แต่จิตใจของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม
    “หมวดชาติ ครับ!” ตำรวจนอกเครื่องแบบหนุ่มหน้าคมขาวคล้ายลูกครึ่งฝรั่ง เรียกชื่อเขาเป็นครั้งที่สี่  หมวดชาติเริ่มเปลี่ยนจากท่าเอนหลังบนเก้าอี้เท้าแขนเป็นท่านั่งหลังตรงตามปกติ ก่อนจะเริ่มสนทนากับคู่หูใหม่อย่างเกียจคร้าน
    “มีอะไรเหรอ คม” เขาเรียกชื่อคู่หูใหม่ ด้วยน้ำเสียงแห้งๆ
    “สารวัตรนัดประชุมตำรวจนอกเครื่องแบบทุกคน เดี๋ยวนี้ครับ” หมวดคม เน้นหนัก  เป็นนัยให้หมวดชาติรีบลุกขึ้น
    หมวดชาติ เงยหน้าขึ้นมองเพดานอีกครั้งพร้อมกับถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย  ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง และเดินทอดน่องไปตามระเบียงทางเดิน โดยมีหมวดคมตามประกบอยู่ข้างหลัง
    “รู้ไหมว่าเรื่องอะไร” หมวดชาติถามหมวดคม แบบกึ่งอยากรู้กึ่งอยากเลี่ยง
    “ไม่เลยครับ” หมวดคมตอบ “แต่ดูถ้าจะเป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศเหมือนกันแหละครับ เพราะดูเหมือนไปคำสั่งจากเบื้องบน”
    คำว่า “ประเทศ” พอจะสะดุดหูหมวดชาติได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับเสียงหัวเราะเสสรวลจากอีกฟากของทางเดิน
    “อ้าว หมวดสิทธิชาติ หมวดคมสัน” ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกนายทักพวกเขา ขณะกำลังหัวเราะคิกๆ อยู่คนเดียว  บุคลิกท่าทางและหน้าตาของเขาละม้ายคล้ายเด็กที่ชอบวิ่งซน และรูปร่างอันเตี้ยเล็กเพียงแค่หัวไหล่ของหมวดชาติ ก็ทำให้ใครๆ อดขำไม่ได้ว่าเขาก็เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ “เป็นไงบ้างครับ โดนเรียกเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ”
    “อือ” หมวดชาติตอบ
    “แม้ผมเดาได้เลยนะว่า สารวัตรต้องให้เราไปอารักขาประธานาธิบดีหน้าตี๋อินเตอร์ ที่มาจากประเทศ อะไรนะ อะไร ปุรุส ปุตุ๊ด นี่แหละ  อูย เดี๋ยวนี้ ประเทศแยกใหม่มันเยอะมากเลยเนอะ หมวด  มีทำไมก็ไม่รู้ แบบนี้ต้องมีการอัพเดทลูกโลกทุกครั้งที่มีประเทศยิบย่อยพวกนี้เกิดเลยล่ะมั้ง  เสียเวล่ำเวลาจริงจริ๊ง  เออ หมวด ”
    “คู่หูนายล่ะ หมวดพัน” หมวดชาติถาม ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังในสิ่งที่หมวดพันพูดเลยแม้แต่น้อย  ส่วนหมวดคมก็ยังนิ่งอยู่ แต่เขาก็คงไม่ได้สนใจฟังเช่นกัน
    “อ้อ” หมวดพันพูด “เมื่อกี้ก็ยังตามมาอยู่นี่หนา สงสัยจะเป็นวันนั้นของเดือนมั้ง เลยแอบแว๊บไปเข้าห้องน้ำ ฮะ ฮะ ”
    “หมวดคงกระพัน” น้ำเสียงเย็นๆ ที่ดูเหมือนจะแฝงความไม่พอใจอยู่ในตัวทำเอาหมวดพันหัวเราะไม่ออก  เขาค่อยๆ หันหลังกลับไปยิ้มให้คู่หูของเขา
    “แฮะ แฮะ คุณอัญนี่เอง”
    หมวดอัญผู้ซึ่งรอดจากการถูกยิงครั้งนั้นอย่างหวุดหวิด ยืนมองหมวดชาติอย่างที่เธอได้มองมาตลอดเวลา ๒ ปีกว่าที่ผ่านมานี้  มันบอกได้ยากว่ามันเป็นสายตาที่ใช้มองมิตรหรือศัตรู เพราะมันไม่แสดงถึงความยินดียินร้ายที่ได้พบ ไม่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดที่มีอยู่ภายใน แต่อาจซ่อนเร้นความเย็นชาที่ผุดขึ้นมาจากขั้วหัวใจ  ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอก็ยังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมของเธอถูกตัดสั้นลงจนยาวถึงแค่ใบหู ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งเครื่องสำอางใดๆ แต่กระนั้นก็ยังเหลือความคมเข้มและงดงามให้จับจ้อง  มันเป็นเสน่ห์ที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปากทั้งสอง  แม้แต่ตัวหมวดชาติเองที่ถามถึงหมวดอัญก็ยังคงเงียบกริบ  บางที ทุกสิ่งทุกอย่างอาจถูกสื่อสารกันทางสายตาจนหมดสิ้นแล้วก็เป็นได้
    “สวัสดีครับ หมวดอัญชลี” หมวดคมกล่าวทักทายหมวดอัญ
    “สวัสดีค่ะ หมวดคมสัน” เธอตอบ “แหม ถ้าได้คุณมาเป็นคู่หูนี่ คงดีไม่น้อยเลยนะคะ  อย่างน้อย ก็ไม่มีคนมานินทาว่าฉันแอบไปเปลี่ยนผ้าอนามัยตอนกลางวันแสกๆ”
    หมวดพันได้แต่ยิ้มแหยๆ เมื่อถูกหมวดอัญพูดประชดใส่ 
    “พวกฉันขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยว สารวัตรจะดุเอา”
    หมวดอัญชำเหลืองมองหมวดพันเป็นการสั่งให้ตามมา หมวดพันตามเธอไปด้วยอาการกระอักกระอ่วน เขารู้สึกกลัวจนขนลุกซู่ทุกครั้งที่เธอใช้สายตาเย็นชานั้น  แต่หมวดชาติผู้ซึ่งถามถึงหมวดอัญเมื่อครู่กลับนิ่งเฉย ไม่คิดจะเรียกเธอกลับมา  หมวดคมได้แต่มองเขาด้วยความสงสัย
    “อยากคุยกับเธอไม่ใช่เหรอครับ” หมวดคมถาม
    “ก็อยาก” หมวดชาติตอบ “แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง”
    แล้วสองคู่หูก็เริ่มเดินตามไปที่ประชุมอย่างไม่รอช้า
    “คุณอัญ ช้าๆหน่อยสิครับ” หมวดพันบ่น ในขณะที่หมวดอัญจ้ำหนีห่างเขาออกไปเรื่อยๆ “สารวัตรเขาไม่หนีไปจับผู้ร้ายหรอกน่า”
    “เลิกเล่นมุขฝืดๆของนาย แล้วตามมาเถอะน่า” เธอหันไปต่อว่าเขา และพอหันมาอีกที เธอก็ชนกับตำรวจนายหนึ่งตรงทางแยกที่เธอไม่ได้มอง 
    “เธอ!”
    “ผู้กองยุทธนา” หมวดอัญ โค้งทำความเคารพอดีตหมวดหัวเถิกผู้ไต่เต้าจนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กองด้วยวัยเฉียด ๕๐ “ดิฉัน ต้องขออภัยด้วยคะ”
    “จะรีบเดินไปไหนเหรอ หมวดอัญ  ที่มีเยอะแยะให้เดินไม่เดิน กลับมาเดินให้ชนท่านผู้กองเข้าเนี่ย” หมวดอนุชิต ผู้ประกบผู้กองยุทธนาตั้งแต่ไหนแต่ไร  ตำหนิเธอด้วยความลำพองว่าตัวเองมีผู้กองหนุน 
    หมวดพันตามมาถึงในที่สุด และเถียงหมวดอนุชิตโดยทันใด
    “เอ๋ พูดแบบนี้ไม่ถูกนะ คุณชิต  คุณอัญเขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แถมเธอก็ขออถัยมณีคุณยุทธไปแล้วด้วย  จะมาเหมาโทษกันซี้ซั้วกันแบบนี้เข้าข่ายละเมิดสิทธิสตรีนะคร้าบ” เขาว่าไปโน้น
    “นาย ”
    “เอาเถอะ” ผู้กองยุทธนาพูดขัดหมวดอนุชิต “ตอนนี้ ผมไม่มีเวลามาลงโทษคุณ  รีบไปสมทบผมที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้  อย่าให้ผมต้องคอยล่ะ”
    ตำรวจผู้หยิ่งผยองทั้งสองเดินจากไป หมวดอัญได้แต่กัดริมฝีปากด้วยความโมโห  ส่วนหมวดชาติและหมวดคมผู้เห็นเหตุการณ์ทีหลังก็ได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ
    “โธ่ ไอ้แก่เล่นเส้น” เป็นคำด่าเดียวที่เธอนึกออกสำหรับตำแหน่งของเขา
   
    และแล้ว ตำรวจนอกเครื่องแบบทุกคน  หมวดชาตินั่งเอนหลังกับเบาะเก้าอี้ล้อหมุนอย่างที่เคยทำ  ส่วนหมวดอัญนั่งอยู่ห่างเขาพอสมควร ห่างพอที่จะหลบเลี่ยงสายตาไม่ให้มองเขาได้ 
    “ตามที่ทุกคนทราบดี” สารวัตรเริ่มพูด “ที่นัดประชุมกันในวันนี้ เพราะทางเบื้องบนได้แจ้งความต้องการบุคลากรจากหน่วยเราจำนวน ๑๕ คนให้ไปช่วยสอดส่องดูแลงานสำคัญระดับชาติงานหนึ่งในอีก ๒ สัปดาห์หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายหรือเหตุขัดข้องใดๆ ที่จะทำให้งานนี้ต้องเสื่อมเสีย”
    เขาให้สัญญาณปิดไฟ แล้วจึงเปิดเข้าโปรแกรมภาพสไลด์ในคอมพิวเตอร์ ที่ฉายออกมากระทบฉากด้านหน้าตำรวจทุกคน
    “งานๆนี้ก็คือ” เขาคลิกเข้าไปที่หน้าต่อไป ซึ่งฉายออกมาเป็นรูปหัวใจล้อมกรอบชื่อท่านนายกฯ และชื่อสตรีคนหนึ่ง “งานแต่งงานของท่านนายกฯ”
    ทุกคนต่างฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง ด้วยความไม่คอยแอบแฝงตัวเข้าไปในงานหรูหราระดับนี้บ่อยนัก  แม้แต่หมวดชาติและหมวดอัญยังลืมเรื่องของตัวเอง และหันมาฟังสารวัตรพูดเกี่ยวกับรายละเอียดของงานอย่างจริงจัง
    “ซึ่งรายชื่อบุคลากรทั้งหมด” สารวัตรพูดต่อ “จะคัดจากบุคคลที่มีประวัติการทำงานดี และมีความสามารถในการแก้สถานการณ์สูง ”
    “ฮึ ฮึ จะเป็นใครได้นอกจากเรา” หมวดพันพึมพำอย่างหลงตัวเอง
    “รายชื่อจะถูกประกาศออกมาในเร็ววันนี้  ขอให้ผู้ที่ถูกคัดเลือกรายงานตัวต่อผู้กองยุทธนา เพื่อการเตรียมตัวในขั้นต่อไปด้วย”
    ผู้กองยุทธนาชายตามองตำรวจคนอื่นๆ ด้วยอาการวางก้าม  จนหมวดอัญอดหมั่นไส้ไม่ได้
    “ว้าว งานนี้ต้องสนุกแน่ๆเลยใช่ไหม คุณอัญ” หมวดพันกระซิบเข้าหูเธอ
    “เรามาทำงานนะ ไม่ใช่มาเล่น” เธอยังคงอยู่ในอารมณ์ไม่ดี “อย่าเพิ่งได้ใจนักเลย”
    “อูย คอยดูเถอะ เดี๋ยวผมได้ติดในงานนี้เมื่อไหร่ล่ะก็  อาจมีโอกาสได้เจอสาวไฮโซเซกซี่อีกเพียบเลยแน่ๆ  อะเฮือะๆ”
    หมวดอัญคร้านที่จะคุยกับเขาต่อ และนั่งฟังสารวัตรพูดต่อไป 
ทางด้านหมวดชาติแม้ว่าเขาจะดูไม่กระตือรือร้นนัก แต่เขาก็สามารถจำรายละเอียดของงานได้เป็นส่วนใหญ่  โดยมีหมวดคมช่วยเก็บเนื้อหาปลีกย่อยเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยในตัวตึกของงาน อย่างตั้งใจ
    “ขอย้ำว่างานนี้เป็นงานที่สำคัญมาก  ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าใช้อาวุธปืน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะแขกเหรื่อที่มานี่ล้วนแต่เป็นเศรษฐีและคนที่มีชื่อเสียง เราไม่ต้องการให้พวกเขาขาดความเชื่อถือในตัวตำรวจไทย ”
    สารวัตรพรรณนาเกี่ยวกับงานครั้งนี้อีกพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มเข้าช่วงสุดท้าย
    “สรุปแล้วเจ้าสาวเป็นใครกัน” หมวดชาติถามหมวดคม
    “เธอชื่อ ธิติมา  ศิวาวงค์” เขาตอบ มือยังคงจดอย่างไม่ลดละ “เป็นลูกสาวของเศรษฐีเจ้าของท่อแก๊สธรรมชาติ  ที่ท่านนายกฯ ต้องการแต่งงานกับเธอ อาจเป็นเพราะเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่มากก็น้อย”
    หมวดชาติไม่ถามอะไรอีก แล้วชายตามองไปที่หมวดอัญอีกครั้ง
    “ ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้” สารวัตรกล่าวสรุป
    ทุกคนเริ่มทยอยลุกจากที่นั่ง หมวดชาติจ้องมองหมวดอัญทุกฝีก้าวที่เธอเดินหนีเขาไป แต่เธอกลับใจแข็งไม่มองเขากลับเลย
    หมวดชาติถอนใจนิดๆ ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆไปเป็นคนสุดท้าย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น