ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จิตสังหาร ตอน บทประพันธ์มรณะ

    ลำดับตอนที่ #1 : วันฝนพรำ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21
      0
      5 ก.ย. 46

                    ฝนยังคงตกกระทบหลังคาบ้านสีแดงนั้น เหมือนๆกับที่ทำกับบ้านรูปทรงเดียวกันที่ทอดตัวเรียงติดกันอย่างยาวเยียด  บางครั้ง ถ้าคุณหลงเข้ามายืน ณ ที่แห่งนี้ คุณอาจไม่แน่ใจว่าคุณมาหยุดอยู่ที่ต้นทาง ที่ศูนย์กลาง หรือ ว่าส่วนท้ายของหมู่บ้านจัดสรรที่ดูน่าเบื่อนี้ก็ได้  เพราะมองไปทางไหน มันก็คล้ายกันไปหมด โดยเฉพาะในยามเย็นของวันฝนพรำแบบนี้

        “ตึง!” เสียงจากบ้านหลังนั้นทำลายความสงบของยามเย็นไปสิ้น  และเมื่อเรามองลอดผ่านหน้าต่างชั้นบนที่ยังคงถูกเปิดทิ้งไว้  คุณจะเห็นตัวประตูห้องนอนสีขาวเริ่มสั่นคลอนพร้อมกับเสียง “ตึง!”

        และ…

        “ตึง!”

        และ…

        “ปึง!” ประตูถูกพังเข้ามา  ปืนทั้งสี่กระบอกหันไปทุกทิศทุกทางรอบห้อง แต่แล้วก็มาหยุดชะงักที่จุดๆเดียว

        “โธ่เว้ย!” ตำรวจนอกเครื่องแบบ หัวเถิก ดูม่อต้อนิดๆ สบถด้วยความโมโห “ช้าไปอีกแล้ว!”

        ตรงหน้าตำรวจทั้งสี่ คือ ศพของหญิงสาวชุดสายเดี่ยวสีแดง  คอของเธอมีรอยฟกช้ำเป็นรอยใหญ่เพราะถูกหักจนทำมุมฉากแนบกับหัวเตียงและผนัง  เส้นผมดำนิลของเธอลู่ลงปกบังนัยน์ตาอันเหลือกหลานของเธอไว้บางส่วน แต่ยังเผยให้เห็นม่านตาดำที่บัดนี้เลื่อนไปชิดกับขอบตาบน อย่างน่ากลัว  แขนข้างขวาของเธอปล่อยพาดลงมาข้างเตียงสีชมพูใกล้กับโต๊ะเครื่องแป้ง โดยไม่ไหวติง  ปากพร้อมคราบลิปสติกสีแดงของเธอยังคงเปิดอ้า ราวกับว่าจะบอกชื่อฆาตกร  ผ้าห่ม หมอนต่างๆ วางเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้นห้อง

        ตำรวจหัวเถิกรีบปราดตัวผ่านเตียงไปที่หน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แล้วก็สังเกตเห็นปมเชือกไนลอนที่ผูกติดไว้กับบานพับ และยาวไปถึงพื้นเบื้องล่าง ที่มีรอยเท้าที่มีน้ำขังทิ้งไว้บนสนามหญ้าที่เพิ่งถูกถางใหม่ๆ ซึ่งมีทิศทางมุ่งออกไปยังประตูหลังบ้าน

        “ชิต!” ตำรวจหัวเถิกตะโกนเรียก ตำรวจร่างผอมเล็ก  เข้ามาหาด้วยท่าทางเด๋อๆด๋าๆ

        “ค…ค…ครับ หมวดยุทธ…”  เขาตอบแบบกล้าๆกลัวๆ

    “มัวรออะไรอยู่เล่า ตามมาสิ  เดี๋ยว ไอ้คนร้ายก็หนีไปได้หรอก” เขาสั่ง แล้วดันให้หมวดร่างเล็กลงไปก่อน

        “เดี๋ยวก่อนค่ะ” ตำรวจหญิงในทรงผมประบ่า และใบหน้าที่ดูคมเข้มเป็นสง่าแม้จะไม่แต่งหน้า  ปรามตำรวจทั้งสอง ขณะที่พวกเขากำลังไต่เชือกลงไป “หมวดยุทธนา  หมวดอนุชิต  พวกเราควรรอกำลังเสริมก่อนนะคะ…”

        “เฮอะ รอทำไม  เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็ได้ผลงานไปนะสิ  ไป ชิต” แล้วทั้งหมวดยุทธนา หัวเถิก กับหมวดอนุชิต ขี้หงอ ก็ลงไปข้างล่าง และตามรอยเท้าพวกนั้น ออกเลยไปประตูหลังบ้าน

        “ตาแก่หัวดื้อ” เธอบ่นพึมพำและใช้กล้องถ่ายรูปขนาดจิ๋วที่พกมาซูมดูที่พื้นเบื้องล่างก่อนจะหันกลับมาที่เตียงที่ซึ่งตำรวจคนที่สี่กำลังตรวจดูสภาพศพอยู่

        “ได้อะไรมั้ย ชาติ” เธอเรียกตำรวจคู่หูของเธออย่างสนิทชิดเชื้อ พร้อมกับก้มดูศพไปพลางๆ

        “ศพยังอุ่นอยู่ คนร้ายคงหนีไปได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง” หมวดชาติ ตำรวจหนุ่มร่างผอมเกร็งประกอบกับดวงตาที่แฝงความมาดมั่นและจริงจัง ลุกขึ้นตอบ  “ดูโดยผิวเผิน ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ หรือ ขัดขืน”

        “แสดงว่า คนร้ายมีความสามารถในการฆ่า…”

    “สูงมากจนเหยื่อไม่ทันตั้งตัว” หมวดชาติพูดต่อจนจบ “น่าจะเป็นพวกทหารรับจ้างที่ปลดประจำการ และหาทางระบายอารมณ์แบบที่เคยทำ  ทางโน้นล่ะเป็นไงบ้าง”

        “เป็นการจัดฉาก” ตำรวจหญิงอธิบาย ก่อนที่ทั้งสองจะกลับไปที่หน้าต่าง “ถ้าคนร้ายเพิ่งจะลงไปบนพื้นหญ้านั้นจริง น้ำไม่น่าจะขังอยู่ในรอยเท้านั่นได้” เธอยื่นกล้องของเธอให้เขาดู

        “เพราะฝนเพิ่งตกเมื่อ ๑๐ กว่านาทีที่แล้ว” เขาพูดพลางมองรอยเท้าผ่านเลนส์ “ต่อให้เขาฆ่าเหยื่อตอนฝนตกพอดี ตัวดินก็น่าจะซึมซับน้ำได้บ้าง และไม่ขังมาขนาดนี้”

        “แสดงว่าคนร้ายจงใจให้เราเห็นรอยเท้าหลังเกิดเหตุ” เธอเสริม “โดยการทำให้ดินชุ่มก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้าน  แต่เพราะฝนตก เลยทำให้เป็นประเด็นให้จับผิดได้”

        “ต่อให้ฝนไม่ตก ก็จับผิดได้” หมวดชาติกล่าว “เพราะเมื่อเปรียบเทียบดูรอยเท้าของหมวดเถิกของเรา กับรอยเท้าของฆาตกร  รอยเท้าของฆาตกรมีเนินดินที่ส้นเท้าเหยียบสูงกว่าทางปลายเท้า ซึ่งหมายความว่าฆาตกรเดินด้วยการลงน้ำหนักที่ส้นเท้าแล้วค่อยก้าวไป ซึ่งผิดวิสัยมนุษย์” เขาพูดพร้อมให้เธอลองส่องดู

        “จริงด้วย รอยเท้าใหม่ของตาแก่มีเนินดินที่ปลายเท้าสูงกว่า” เธอพูด

    “ฆาตกรทำอย่างนี้ได้ด้วยการหารองเท้าขนาดใหญ่กว่าเท้าตัวเอง แล้วใส่กลับหัวท้าย เพื่อให้ดูเหมือนว่าเดินออกห่างจากบ้านไป แต่จริงๆแล้วเขาเดินเข้ามาในบ้าน” เขาสรุปแล้วชี้ให้เธอเห็นรองเท้าบูทที่อยู่ตรงสนามหญ้า ไม่ไกลจากประตูหลังบ้านเท่าไรนัก

        “ปัญหาคือเขาจะหนีไปทางไหน” เธอเอ่ยถามขึ้นมา ขณะที่กลับมาที่กลางห้องนอน “เพราะเรามาจากประตูหน้าแต่ก็ไม่เจอเขา และเขาก็ไม่ได้หนีออกทางหน้าต่าง”

        “ยังต้องถามอีกเหรอ” หมวดชาติพูด แล้วทั้งสองก็มองขึ้นไปตรงเพดานเหนือศพ ที่ที่มีคราบลิปสติกเล็กๆ เปื้อนติดอยู่

    “ฝ้าเพดานของหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เชื่อมต่อกันหมด” หมวดชาติว่า “ตอนที่คนร้ายฆ่าเหยื่อเสร็จ นิ้วคงไปติดสีลิปสติกตอนที่หักคอเธอ ทำให้มีคราบลิปสติกติดอยู่หลังจากที่คนร้ายใช้ทางข้างบนนี้หนีไป”

                    “แต่…คนร้ายจะขึ้นไปได้ยังไงล่ะ” เธอแย้ง “เก้าอี้ในห้องนี้ก็ไม่มีสักตัว จะมีก็แต่เตียงนี้เตียงเดียวที่…” และแล้วเธอก็หยุดชะงักไป เมื่อเห็นรอยครูดของขาเตียงบนพื้น “หรือว่า คุณคิดว่าเขา…”

                   “ใช่” หมวดชาติอ่านใจเธอออก “คนร้ายกลับเตียงขึ้นตั้งให้เป็นฐานที่สูงพอให้เขาปีนขึ้นไป โดยผูกคอศพติดกับขาเตียงด้วยการขมวดห่วงแบบง่าย และ ถือปลายเชือกทั้งสองขึ้นไปด้วย  จากนั้น ก็ทำให้เตียงกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมด้วยการกระตุกเชือกอย่างแรง  ศพจะช่วยดันให้เตียงล้มมาอยู่ตำแหน่งเดิม พอเสร็จ ก็ปล่อยปลายเชือกอันหนึ่ง แล้วดึงอีกอันขึ้น  ก็สามารถเก็บเชือกและจัดฉากการฆ่าบนเตียงไว้ได้อย่างสมบูรณ์”

                   “ไปตรวจดูร่องรอยของไอ้สารเลวนั่นเถอะ” เธอเก็บอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่เมื่อได้เห็นการกระทำอันโหดร้ายแบบนี้  หมวดชาติรับอุ้มส่งเธอขึ้นไปจากบนเตียง  เมื่อเปิดแผ่นกระดานของฝ้าเพดานได้ เธอก็รีบใช้ไฟฉายส่องดูโดยรอบ

                  “ฉันเจอรอยคลานแล้ว!” เธอตะโกนบอก “ดูท่ามันจะอยู่ห่างไปไม่กี่หลัง ฉันจะตามมันไป…”

                  “เดี๋ยวๆๆ อัญ” หมวดชาติเรียกเธอ เธอหันกลับมามอง “ไอ้หมอนั่นเป็นฆาตกรที่มีทักษะการฆ่าสูงมากนะ รอกองหนุนก่อนดีกว่า”

                 “ไม่ต้องห่วงหรอก ชาติ” เธอตะโกนตอบ “ฉันจะแค่ไปหาตำแหน่งที่มันอยู่ แล้วก็จะส่งข้อความกลับมาบอกให้  ถ้ารู้เมื่อไหร่ เธอรีบไปดักหน้าบ้านมันทันทีเลยนะ  แล้วเจอกัน…”

                  แล้วเธอก็กลับเข้าไปในความมืดอีกครั้ง  ไม่ว่าหมวดชาติพยายามเรียกเธอกลับมาสักกี่หน ก็ไม่เป็นผล  เขาจึงรีบวิ่งออกจากบ้าน โดยมีโทรศัพท์มือถือคอยท่าอยู่ในมือ  ท่ามกลางสายฝนที่ตกพรำๆ เขามองไปรอบหมู่บ้านจัดสรรด้วยความกระวนกระวาย อยากให้ หมวดอัญ ติดต่อมาโดยเร็ว

                  “๑๒ เมตร…๑๓ เมตร…๑๔…” หมวดอัญ กะประมาณระยะที่คลานมาทั้งหมดด้วยสายตา “๑๕…๑๖…”

                  รอยคลานสิ้นสุดลงแล้ว หมวดอัญรีบส่งข้อความสั้นไปหาคู่หูของเธอ

                  ภายในไม่กี่วินาที คำตอบก็มาถึง  หมวดชาติรีบรับโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ ข้อความที่ขึ้นบนจอคือ…

                  “๒๓๗/๑๒”

                  เพียงแค่เห็นอย่างนั้น หมวดชาติก็รีบบึ่งไปที่บ้านเลขที่นั้นทันที

                  หมวดอัญ ค่อยๆเลื่อนแผ่นกระดานที่เป็นฝ้าเพดานออกอย่างเงียบเชียบที่สุด  แล้วจึงมองลอดผ่านช่องเล็กๆนั้นออกไป

    สิ่งแรกที่เธอเห็นคือเตียงในลักษณะเดียวกัน จะต่างก็ตรงที่เตียงที่เธอเห็นเป็นสีเขียวเข้มจนเกือบเป็นสีน้ำเงิน  แล้วเธอก็สังเกตเห็นเงาลางๆ ของชายร่างใหญ่  ซึ่งทำท่าคล้ายกับกำลังเปลี่ยนชุดอยู่  เธอพยายามหามุมที่จะมองหน้าเขา แต่ก็ยังเป็นการยาก เพราะช่องมันยังเล็กอยู่มาก  เธอจึงตัดสินใจเปิดช่องนั้นให้กว้างขึ้นอีกนิดหนึ่ง  แต่น่าเสียดาย เขาเดินหนีไปทางอื่นเสียแล้ว

                 “แย่จริง” เธอคิด และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ชาติได้มารออยู่ที่หน้าบ้านผู้ต้องสงสัย และกำลังเรียกกำลังเสริมมา

                 “อย่าเพิ่งทำอะไรนะ อัญ” เขาคิด และเตรียมอาวุธปืนไว้พร้อมกับมือ

                 ส่วนทางด้านหมวดยุทธนา และหมวดอนุชิต ก็เดินตะลอนห่างออกไปไกลหลายหลัง ก็ไม่รู้จะสืบต่ออย่างไร จึงได้แต่เดินเตะฝุ่นไปมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก      

                “โธ่…มันหนีไปทางไหนกันแน่นะ…” หมวดยุทธนาบ่น แล้วก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจูนหาคลื่น

                หมวดอัญ รีบหลบทันทีที่ชายคนนั้นกลับมาที่เตียง ด้วยกลัวว่าเขาจะสังเกตเห็นเธอ  ก่อนที่จะค่อยๆรวบรวมความกล้า เคลื่อนตัวเข้าใกล้ช่องเพดาน และ ชะเง้อมองดูว่าเขากำลังทำอะไร

                แล้วเธอก็ได้เห็นเงาของชายคนนั้นกำลังชูชุดชั้นในหญิงขึ้นมาดู แล้วค่อยเอามาแนบหน้าและสูดดมด้วยความพอใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง  แต่เพียงพริบตาเดียว เขากลับดึงมันขาดสะบั้นอย่างไม่ใยดี พร้อมเปล่งเสียงหัวเราะสำเหนียงแข็งกร้าว ราวกับเป็นสัตว์ป่า  หมวดอัญรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มือรีบคว้าปืนไว้พร้อมเพื่อจะทำการบุก

                “หมวดอัญ!” หมวดอัญสะดุ้งโหยง เธอลืมปิดวิทยุสื่อสาร!

                วินาทีที่เธอมองลงอีกครั้ง คนร้ายก็ไหวตัวทันและหนีหายไปจากสายตา  หมวดอัญไม่รอช้ารีบกระโดดถลาลงบนเตียงเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว  เมื่ออยู่ในท่านั่งยิงที่เหมาะสม เธอก็หันปืนเล็งไปที่กลางหลังของคนร้าย ผู้ที่กำลังยืนอยู่ในห้องน้ำ ในสภาพร่างอัน…เปลือยเปล่า  

               “อย่าขยับนะ!” เธอสั่ง เสียงหมวดยุทธนาจากเครื่องวิทยุยังดังอู้อี้อยู่ “ยกมือขึ้นสูงๆ แล้วค่อยๆหันกลับมา”

                เขาคนนั้นยกมือขึ้นระดับศีรษะ  แต่แทนที่จะหันมา เขากลับเจรจาด้วยเสียงอันทุ้มลึกว่า “คุณตำรวจครับ  จะจับผมในสภาพอย่างนี้  แน่ใจแล้วเหรอครับ”

                แล้วทันใดนั้น เขาก็หันหน้ามามองเธอ  รอยแผลเป็นตั้งแต่หัวคิ้วไปจรดที่ปลายจมูกที่แหว่งเล็กน้อย ทำให้หมวดอัญกลัวได้ไม่น้อย  แต่ที่สำคัญ คือ หมวดอัญรู้สึกกระอักกระอ่วนกับการได้เห็นร่างกำยำและบึกบึนของผู้ชายร่างโตคนนี้ อย่างช่วยไม่ได้  กระนั้น เธอก็ยังมีสติที่จะไม่ลดปืนลง

               “ขอผมหยิบผ้าขนหนูก่อน จะได้ไหมครับ” เขาว่า พร้อมบุ้ยปากไปตรงผ้าขนหนูที่วางคลุมชั้นวางสบู่อยู่

               “หมวดอัญ นี่ ผมไม่ชอบให้รอนะ ตอบกลับมา…” หมวดอัญปิดเสียงวิทยุเจ้าปัญหา และคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ

               “ก็ได้” เธอยอมเพราะความอุจาดของเขา “เร็วหน่อยล่ะ”

               “ขอบคุณ” เขาพูด แล้วค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบผ้าขนหนู  หมวดอัญยังคงถือปืนด้วยอารมณ์แปรปรวนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธในความสมบูรณ์แบบของเรือนร่างที่สตรีหลายคนปรารถนาจะสัมผัส…

               แต่แล้วในวินาทีต่อมา ดูเหมือนว่า เขาตั้งใจที่จะลื่นล้มเพื่อหนีให้พ้นทางปืนของเธอ และชักปืนที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าขนหนูออกมายิง อย่างที่หมวดอัญไม่ทันตั้งตัว!

               มันนี่แหละ ฆาตกรตัวจริง!

               “ปัง ปัง ปัง” เสียงปืนดังขึ้นจากปืนทั้งสองกระบอก  หมวดอัญรีบหมอบราบกับเตียง เศษปูนกระเด็นตกลงข้างกายเธอ หลังจากที่กระสุนเจาะทำลายตัวผนังห้อง  ในขณะที่ฆาตกรอยู่ในลักษณะนอนราบกับพื้นห้องน้ำที่มีเศษกระจกที่ถูกยิงจนแตกกระจาย  เขาเชิดหัวมองเล็กน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้มแสยะราวกับจะเย้อหยันนักยิงปืนสมัครเล่น  แต่ก็ต้องยอมรับว่า เขาสามารถที่จะหันปืนเล็งขึ้นไปที่เป้าหมายได้อย่างทะมัดทะแมง แม้ว่าจะเพิ่งใช้หลังกระแทกพื้นก็ตามที  หมวดชาติพูดไม่ผิดที่ว่า เขามีทักษะทางการฆ่าสูงมาก

              “อัญ!” หมวดชาติตกใจมาก เมื่อได้ยินเสียงปืน  เขาไม่รอช้า รีบใช้ตัวพุ่งชนพังประตูเข้าไปทันที

              “ปัง ปัง ปัง แก๊ก แก๊ก…”

              “แย่ล่ะสิ” หมวดอัญ รีบใส่กระสุนใหม่ก่อนที่ฆาตกรจะยิงต่อ แต่ฆาตกรคนนี้ฉลาดกว่านั้นมาก

    เขารีบลุกขึ้นยืน หยิบกระป๋องแป้งโยนไปเหนือหัวหมวดอัญ แล้วกระหน่ำยิง จนฝุ่นแป้งปกคลุมทั่วบริเวณเหมือนหมอกหนา

              “แค่กๆ แค่กๆ” หมวดอัญสำลักควันแป้งเล็กน้อย  แม้จะมีกระสุนครบมือ แต่ก็มองไม่เห็นฆาตกร หรือเฟอร์นิเจอร์รอบตัว  ไม่ว่าจะทางซ้าย ขวา หน้า หลัง บน…

              หรือ ล่าง…

              “ปัง ปัง ปัง…” ฆาตกรยิงสุ่มจากใต้เตียง  ปฏิกิริยาของหมวดอัญเร็วพอที่จะทำให้เธอกระโดดหนีได้ และกระสุนได้แต่เฉียดขากางเกงเธอเท่านั้น “แก๊ก”

              หมวดอัญไม่รอช้า รีบยิงใส่เตียงอย่างไม่ยั้งมือเช่นกัน  

              “อา…” ทันใดนั้นเอง ฆาตกรที่บัดนี้ท่อนล่างมีผ้าขนหนูคลุมก็โผล่ขึ้นมาจากใต้เตียง และใช้แรงอันมหาศาลยกเตียงลาดขึ้น จนหมวดอัญเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น

              “อูย ไอ้บ้า” หมวดอัญค่อยๆ พลิกตัวหันกระบอกปืนไปรอบห้อง ด้วยอาการเจ็บชายโครงเล็กน้อย เธอรออยู่จนหมอกแป้งจางลง และก็ได้เห็นประตูห้องเปิดอยู่ ฆาตกรหนีไปนานแล้ว “โธ่เอ๊ย!”

              “ปึง” หมวดชาติพังประตูเข้ามาจนได้ แต่แล้ว ฆาตกรก็เข้าจับล็อคคอเขาจากด้านหลังปานสายฟ้าแลบ  เขาคงรอหมวดชาติอยู่แล้วตั้งแต่ที่เห็นเขาพยายามพังประตูเข้ามา  

              “อั๊ก…” หมวดชาติพยายามร้องอย่างทรมาน  ตอนที่ฆาตกรงัดข้อแขนตัวเองขึ้นจนตัวหมวดชาติลอยเหนือพื้น ส่วนอีกมือหนึ่งนั้นก็ใช้จับปืนของหมวดชาติไว้ไม่ให้ลั่นไก  หมวดชาติเริ่มหายใจขัด แต่ก็รวมกำลังที่มีฟันศอกเข้าที่สีข้างของฆาตกรเข้าหลายครั้งจนฆาตกรเริ่มเจ็บและยอมเหวี่ยงหมวดชาติออกไปชนกำแพง

               หน้าผากหมวดชาติแตกทันที เลือดไหลผ่านหว่างคิ้วไปถึงปลายจมูก  เมื่อเขาลุกขึ้นหันปืนไปที่ฆาตกร เขาก็เตะปืนกระเด็นออกไป และเอามือทั้งสองเข้าบีบเค้นคอหมวดชาติอีกครั้ง  หมวดชาติพยายามใช้แรงยันมือเขาออกไป แต่ฆาตกรไม่ยอมปล่อยง่ายๆ  ฆาตกรใจโหดเริ่มกดเขาลงนอนกับพื้นอย่างชำนาญ  แล้วก็ก้มมองเขาด้วยสายตาเย้อหยัน  

              ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว!

              หมวดชาติรวบรวมสติ แล้วใช้กำลังขาทั้งหมด เตะสูงฟาดเข้าใส่ก้านคอของฆาตกรอย่างจัง จนเขายอมปล่อยมืออีกครั้ง  หมวดชาติไอสำลักอย่างเจ็บปวด พยายามชันตัวขึ้นมองหาปืนที่หายไป แต่ไม่ทันไร ฆาตกรก็เดินมาพร้อมบิดก้านคอไปมาเสียงดังแกรกๆ และเข้าจับชายเสื้อเชิ้ตของหมวดชาติ แล้วโยนเขากระเด็นไปกระแทกโต๊ะกระจกหน้าโซฟาจนแตกละเอียด  การทรมานยังไม่จบสิ้น เขาเดินโทงๆ เข้าไปยกตัวหมวดชาติขึ้นสูงเหนือพื้น พร้อมด้วยสองมือที่ลำคอหมวดชาติอีกครั้ง  แต่คราวนี้ เขาอาจต้องคิดใหม่

             “ปล่อยมือ” หมวดชาติพูดพร้อมเลือดอาบปาก ในมือเขากำลังกำปืนที่ถูกเตะกระเด็นไปเมื่อครู่ จี้ไปที่หน้าอกของฆาตกร “ขอย้ำอีกครั้ง ปล่อยมือ”

             ฆาตกรยิ้มอย่างกำเริบ…

             ก่อนจะออกแรงบีบคอแบบสุดแรงเกิด…

             “ปัง ปัง ปัง…” หมวดชาติยิงจนหมดกระสุน ร่างอันใหญ่ยักษ์ของฆาตกรล้มหงายหลังลงไปอย่างสิ้นฤทธิ์ ในขณะที่ตัวของหมวดชาติหล่นฟุบลงกับเศษกระจกที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด  ไม่นานนัก หมวดชาติก็เริ่มอาเจียนเลือดในปากออกมา ตามด้วยอาการไออย่างหนักจนแทบจะหมดเสียง  เลือดที่สาดกระเด็นออกมาจากตัวฆาตกรเลอะโชกเสื้อของเขาจนไม่เหลือเค้าสีเดิม  เขาตะเกียกตะกายชันตัวให้ยืนขึ้นแม้ว่าสภาพร่างกายจะสะบักสะบอมขนาดนั้น  นี่คงเป็นการทำงานที่เจ็บตัวมากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา

             แต่แล้ว ความเจ็บปวดทุกอย่างก็พลันมลายไปสิ้น เมื่อเขาเห็นหมวดอัญนอนจมกองเลือดอยู่ที่ตีนบันไดขึ้นชั้นบน เพราะถูกลูกหลงกระสุน!

             “อัญ…”



                                                                                             ***



             “หมวดสิทธิชาติคะ คุณต้องมากับเราก่อนนะคะ”

             “อาการของเธอเป็นไงบ้างครับ หมอ” หมวดชาติไม่สนใจพยาบาลสองสามคนที่พยายามรั้งเขาไว้ ขณะที่ทีมแพทย์กำลังเข็นเตียงติดล้ออย่างเร่งรีบเพื่อพาหมวดอัญเข้าห้องผ่าตัด

             “กระสุนอยู่ใกล้หัวใจมาก  หมอ ยังไม่อยากพูดอะไร” คุณหมอพยายามตอบ ก่อนที่จะกันหมวดชาติออกนอกห้องผ่าตัดฉุกเฉิน

             ในภาวะนั้น สิ่งรอบข้างหมวดชาติดูเหมือนไร้กาลเวลา ผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาก็เป็นเหมือนอากาศธาตุที่ผ่านไปอย่างไร้แก่นสาร  ประสาทสัมผัสทั้งหมดเหมือนถูกตัดขาดออกหมด เหลือเพียงประสาทเดียว  นั่นคือประสาทจิต  จิตที่เฝ้าภาวนาให้หมวดอัญรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  จิตที่เฝ้าภาวนาว่าพรุ่งนี้หมวดอัญจะตื่นขึ้น และมาทำงานร่วมกับเขาอีกครั้ง  จิตที่เฝ้าภาวนาว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง  จิตที่เฝ้าภาวนาให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฯลฯ…

             ฝนหยุดตกแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องฉุกเฉินทั้งสองบานเลื่อนเข้ามาปิดหากันอย่างช้าๆ จนหมวดชาติมองไม่เห็นเธออีก…



             แล้วเวลาก็ผ่านไป ๓ ปี





        

        



























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×