คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : BLANKETS Chapter 1: เฟิสมีตติ้งงง
BLANKETS
กรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลีใต้ในขณะนี้ได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้วเมืองทั้งเมืองปกคลุมด้วยหิมะสีขาวคนส่วนใหญ่จะใส่เสื้อโค้ทตัวหนาๆหรือเสื้อกันหนาวสามสี่ชั้นเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับตนเอง
ร่างโปร่งเดินฝ่าหิมะที่ตกปรอยๆตอนนี้เขากำลังจะไปโรงเรียนมือทั้งสองข้างสอดเข้าไปไว้ในกระเป๋าเสื้อหนาวของตนเองระหว่างทางฮันบินหันมองไปทางถนนถึงหิมะจะตกแต่แสงแดดจากพระอาทิตย์ที่ตัดผ่านหิมะก้ถือว่าเป็นวิวที่ดีอยู่เหมือนกัน ถือว่าเป็นเช้าที่ดี เขาคิดแบบนั้น
“ ฮายยกาก้ามึงรีบเข้าโรงเรียนเลยรอนานล้ะหนิ”
“ฮายยจีมจีมสายนิดเดียวหน่า”
ฮันบินหันไปมองนักเรียนชายสองคนที่กำลังแท็กมือกันก่อนจะกอดคอเดินเข้าโรงเรียน บางทีเขาก้คิดว่าอยากจะมีเพื่อนมารอหน้าโรงเรียนเหมือนกัน..............ติดตรงเขาไม่มีเพื่อนนี่อะสิ เมื่อวานน่าจะเป็นวันที่ลูกเพื่อนแม่มาถึงแล้วแต่ก็ไม่เห็นมีใครมาเลย
ฮันบินสะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังห้องเรียน ห้องเรียนของเขามีนักเรียนประมาณสามสิบกว่าคนแบ่งเป็นสามแถวเป็นแถวคู่โต๊ะเรียนของเขาอยู่ด้านหลังสุดริมหน้าต่างด้านข้างเขามีโต๊ะว่างอยู่โต๊ะนึงความจริงจะเอาไปเก็บก็ได้แต่เพื่อนให้ความเห็นว่า
‘เอาไว้เป็นเพื่อนฮันบิน’
ดังนั้นเจ้าโต๊ะตัวนี้จึงเป็นเพื่อนของเขาที่โรงเรียนนี้แต่อย่านึกว่าเขาบ้าถึงขนาดที่นั่งคุยกับโต๊ะกับเก้าอี้นะเขาก็แค่ประชด
ร่างโปร่งเดินไปนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะรูดซิปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบผ้าบางๆขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็พอจะคลุมตัวคนๆนึงได้ขึ้นมาก่อนจะนำมาคลุมตัวเองแล้วเอนตัวฟุบหลับลงบนโต๊ะเขาทำแบบนี้ทุกวันแล้วก็มีคนนินทาเขาทุกวัน
“มึงดูๆๆอิก้อนเน่าแม่งมาอีกล้ะ”
“ผ้าห่มมันนี่เคยซักปะวะเก่าสุดๆเอาเป็นผ้าเช็ดตีนยังดูเหมาะกว่าอีก”
“มึงขนาดหน้าร้อนยังเอามาห่มอะคิดดู”
“ประสาท55555555555555555555555”
เสียงนินทาที่ดังมาจากโต๊ะด้านหน้าเขาได้ยินมันทุกคำกล้าดียังไงมาว่าผ้าห่มมิกกี้เมาส์ของเขาว่าเป็นผ้าเช็ดตีนฮันบินได้แต่เก็บความโมโหไว้ในใจก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
จู่ๆเสียงนินทาก็เงียบลงก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม น่าแปลกใจแสดงว่าต้องมีใครสักคนเดินเข้ามาแน่ๆแต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่ามีคนมานั่งข้างๆฮันบินค่อยๆลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปมองคนข้างๆก่อนจะทำหน้างงๆ
ใครอะฮันบินขมวดคิ้วพลางสำรวจคนข้างๆเขาเล็กน้อยแต่ดูเหมือนเจ้าตัวรู้ว่าโดนจ้องตาตี่ๆปรายตามามองฮันบินก่อนจะยักคิ้วเป็นเชิงถาม ‘ว่ามีอะไรมั้ย’ แต่ฮันบินกลับไม่ตอบเอาแต่อ้ำๆอึ้งๆ
“…….”
“เอ่อ....”
“บ็อบบี้”
“ห่ะ?”
อยู่ๆคนด้านข้างเขาก็โพล่งออกมาว่าบ็อบบี้?หรือมันจะเป็นคำทักทายประจำถิ่นนั้นๆของคนข้างเขาหรองั้นเขาก็ควรจะทักกลับใช่มั้ย
และแล้วก็.............
“บ็อบบี้เช่นกันนะครับ” ฮันบินพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรที่สุดแถมยังส่งยิ้มหวานไปให้ด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือคำนี้แหละแปลว่าทักทายแน่ๆเลย
บ็อบบี้มองฮันบินอย่างเหลือเชื่อไอหน้าเอ๋อนี้คิดว่าชื่อเขาเป็นคำทักทายอะนะ?คนอะไรมันจะโง่ได้ขนาดนี้อีกวะเนี่ยยบ็อบบี้เขยิบตัวหันหน้าเขาหาฮันบินก่อนจะดีดหน้าผากใส่ไปทีนึง
ป้อก
“โอ้ย ” ฮันบินเอามือมาถูๆกับหน้าผากตัวเองก่อนจะทำหน้างอใส่ไอตาตี่ที่ทำหน้าเหมือนจะขำแต่ไม่ขำ
“มาบ็อบบี้เช่นกันอะไรล่ะกูชื่อบ็อบบี้” หน้าเขาคงเป็นลักษณะ -__- นี้แน่ๆอยากจะด่าไอควายก็กลัวไม่เข้าใจคิดไปนู้นไปนี้อีก
น่าอาย.....
ฮันบินหน้าขึ้นสีเล็กน้อยเขาแทบอยากจะมุดตัวลงผ้าห่มแล้วหนีไปไกลๆคนข้างหน้าจะได้ยินที่เขาพูดเมื่อกี้มั้ยเขาจะต้องโดนล้อตายมั้ยเขาทำอะไรลงไปเนี่ยยย ยิ่งคิดฮันบินก็ยิ่งจิตตกจนถึงกับเอาผ้าห่มมาคลุมหัวก่อนจะรีบฟุบหลับลงไปกับโต๊ะทันที
“ลุกขึ้นมาเหอะกูไม่ล้อมึงหรอก” คนอะไรทั้งโง่ทั้งทำตัวประหลาดๆถ้าไม่ติดว่ามันน่ารักเขากระโดดถีบติดกำแพงไปแล้ว
“…….”
“ถ้ามึงไม่โผล่หัวขึ้นมากูจะล้อมึง” บ็อบบี้ทำเสียงดุให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
แล้วมันก็ได้ผลฮันบินลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหันหน้าไปทางบ็อบบี้ทั้งๆที่ผ้าห่มยังคลุมหัวอยู่แถมยังดึงผ้าห่มมาปิดหน้าอีก
“เอาผ้าเน่ามึงออกจากหัวด้วย”
ฮันบินดึงผ้าห่มออกก่อนจะทำปากบึนใส่แสดงความไม่พอใจข้อหาว่าผ้าห่มลายมิกกี้เมาส์ของเขา
“เดี๋ยวงับปากเลยหนิ.....”
“หือ?”
“ป่าว”
บ็อบบี้โบกมือปัดๆให้ช่างมันไปเขาอยากจะตีปากตัวเองจริงๆดันเผลอพูดออกมาซะงั้นบ็อบบี้ถอนหายใจยาวก่อนที่สติเขาจะแตกก็ปากไอโง่นี่มันน่างับจริงๆน่าบีบน่าจูบ หยุด หยุดความคิดมึงเดี๋ยวนี้บ็อบบี้ หยุด
“……”
“…….”
“ฮันบิน...” ก็เขาเห็นว่าเขายังไม่ได้บอกชื่อกับบ็อบบี้เลยจะให้รู้จักชื่ออยู่ฝ่ายเดียวมันก็ดูไม่ดี
“ คำทักทายประจำชาติมึงหรอ?”
“ไหนบอกว่าไม่ล้อไง!”
ฮันบินโกรธหน้าดำหน้าแดงทั้งอายทั้งโมโหหน้าก็เจ๊กยังจะมากวนเขาอีกฮ่วย!!
“หน่าๆกูล้อเล่นหน่า”
“ก็ได้”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
พอถึงเวลาเลิกเรียนนักเรียนในห้องทยอยกันเก็บของกลับบ้านบ้างก็ออกไปเที่ยวปาร์ตี้กันต่อแต่สำหรับฮันบินคือ กลับบ้าน ส่วนบ็อบบี้ก็กำลังเก็บของเหมือนกันแต่ดูเหมือนจะเสร็จก่อนฮันบินเพราะมีอะไรยัดได้ก็ยัดๆไปให้หมด
“กลับล้ะนะ”
ฮันบินเงยหน้าก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้บ็อบบี้แค่แปบเดียวก่อนจะมาง่วนอยู่กับการยัดผ้าห่มลงกระเป๋า จะให้เขาถือกลับบ้านก็ใช่เรื่องพะรุงพะรังจะตายเพราะวันนี้เวรเขาต้องเอาขยะไปทิ้งอีกถึงบ้านกับโรงเรียนเขาจะใกล้กันก็เถอะ
“เดี๋ยวกูถือให้ ยังไงก็กลับด้วยกัน”
ฮันบินชะงักมือที่กำลังยัดผ้าห่มอยู่ก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงที่ยืนยิ้มฟันเหยินอยู่ข้างๆโต๊ะ หมายความว่าไงที่บอกว่ากลับด้วยกัน?
“กูเนี่ยแหละคนที่มาอยู่เป็นเพื่อน”
ฮันบินทำหน้าตะลึงก่อนมองบ็อบบี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยรวมแล้วเพื่อนคนนี้หุ่นดีก็มีสเน่ห์กลิ่นตัวหอมแบบผู้ชายแมนๆเอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันได้ไม่สกปรกก็พอ ว่าแต่กระเป๋าเดินทางล่ะ?หรือบ็อบบี้โกหก
“กระเป๋านายล่ะ?”
“โยนไว้ในบ้านเมื่อเช้า”
“อ๋อ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อเช้าล่ะครับ”
“ก็ไม่แน่ใจแต่โทรถามแม่มา กลับเหอะเอาผ้าเน่ามึงมา”
บ็อบบี้แบมือขอผ้าห่มจากฮันบินแบบรีบๆเขาอยากกลับไปดูทีวีวันนี้มีถ่ายทอดสดแข่งบาสด้วยฮันบินก็ยอมให้แต่ก็ส่งค้อนไปให้บ็อบบี้ไปก่อนหนึ่งทีเรียกผ้าห่มเขาว่าผ้าเน่าได้ยังไง
“ป่ะ รีบกลับจะไปดูบาส เสื้อหนาวมึงอะ?”
“โดนขโมยตอนกลางวันอะ” ฮันบินตอบเสียงนิ่งๆไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่แค่เสื้อเองแต่ถ้าขโมยผ้าห่มมิกกี้เมาส์ดิหลู่เรื่อง
“เดี๋ยวตอนกลับบ้านมึงก็หนาวตายพอดีอะ”
ถึงปากจะด่าแต่บ็อบบี้ก็ถอดเสื้อหนาวของตัวเองก่อนจะโยนให้ฮันบินแล้วตัวเองก็เอาผ้าห่มมิกกี้เมาส์ของฮันบินมาคลุมตัวเองแทน
“ขอบใจ”
“รีบเดินมาเหอะหน่า กูอายนะ”
“ฮ่าๆ”
ฮันบินหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินตามหลังบ็อบบี้ไปมีบ็อบบี้เขาก็คงไม่ค่อยเหงาแล้วล่ะ
#ฟิคผ้าห่มฮันบิน
ความคิดเห็น