หล่อนพบเขานอนเปียกปอนอยู่ในตรอกโกโรโกโสแห่งหนึ่งใจกลางฮ่องกง
เสื้อกันหนาวสีขาวของเขาแฉะชื้น เปื้อนโคลน และย้อมไปด้วยเลือด
ในตอนแรกที่หล่อนเก็บเขามา หญิงสาวนึกว่าเขาเป็นเพียงคนจรจัดสกปรกๆ
ที่ไหนได้.. พอจับอาบน้ำดีๆแล้ว เขากลับหล่อยิ่งกว่าดาราหนังชื่อดังบางคนเสียอีก!
แต่ปัญหาคือ เขาจำอะไรไม่ได้เลย... นอกจากชื่อตัวเอง
ชายคนนั้น ปล้นหัวใจหล่อน ช่วงชิงจูบแรก และหายตัวไปอย่างลึกลับ
โชคชะตาช่างเล่นตลก... เมื่อหล่อนกับเขาพบอีกครั้ง
“เขากลับจำหล่อนไม่ได้แม้แต่น้อย”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โลแกน ลู
“มาดเท่ หล่อเหลา เร้าใจ และพกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาเต็มพิกัด”
เขาจำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
แม้กระทั่งคุณหมอแว่นที่เพื่อนสนิทส่งมาดูแลลูกชายสุดที่รัก
เธอไม่หลงเสน่ห์เขา แถมยังตั้งแง่จิกกัดสารพัด
ปากดีแบบนี้...คงจะอยากให้เขาจูบเสียให้เข็ดเสียมากกว่ามั้ง!
-----------------------------------------------------------------------
‘โลแกนเป็นนักรัก...’ นักหนังสือพิมพ์ผู้หนึ่งกล่าวไว้
‘...แต่เขาไม่ชอบออกสื่อ ดังนั้นจะมีอยู่ช่วงหนึ่ง
ที่ปาปารัชชี่โดนเขาไล่เก็บจนไม่กล้ากลับมาทำงานอีกเลย!’
สั้นๆแค่นี้ก็การันตีถึงความแสบสันต์ระดับเจ้าพ่อจากผู้ชายคนนี้ได้แล้ว
เพียงแต่ โลแกนไม่ใช่เจ้าพ่อ และเขาไม่ชอบระบบมาเฟียเป็นที่สุด!
นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-ฮ่องกงคนนี้นิยมความใสสะอาดในการทำงาน
ซึ่ง... แน่นอนว่ามันขัดหูขัดตาใครหลายคน
ชามินต์ วรุณวาทิน
“คุณหมอที่สวย... และปากจัดที่สุดในเกาะฮ่องกง”
เขาบอกว่าจำเธอไม่ได้... และเธอก็ไม่โทษเขาสักนิดเมื่อเห็นแล้วว่า ‘ความจริง’
ชีวิตเธอและเขาไม่ได้เหมาะสมกันแม้แต่น้อย
แต่... ในเมื่อบอกว่าจำไม่ได้ ก็กรุณาอย่ามายุ่งกับเธอได้ไหม
มาจูบกันแบบนี้เดียวแม่ก็กัดลิ้นเข้าให้ซะ!
-----------------------------------------------------------------------
แม้จะบอบบางร่างน้อย แต่สายตาพิฆาตผู้ชายจากชามินต์คนนี้
ทำให้คุณหมอในโรงพยาบาลหลายต่อหลายคนน้ำตาตกในหลั่งไหลเป็นสายเลือดมาแล้วทั้งนั้น
และเมื่อหมอสาวใจแข็ง... ต้องมาปะทะกับผู้ชายที่กวนโอ๊ยที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
โศกนาถกรรมเลือดสาดจึงเกือบจะเกิดขึ้น
แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะอยากสาดสายตาเป็นรูปคลื่นหัวใจปิ๊งๆใส่เธอมากกว่า..
ไม่นะ เธอแพ้ผู้ชายประเภทนี้! ช่วยเอาเขาไปไกลๆได้ไหม หัวใจเธอจะวาย!
ตัวอย่าง
“ผมเล่าเรื่องของผมแล้ว ทีนี้เล่าเรื่องของคุณบ้างสิครับ”
นี่เป็นประโยคที่ชามินต์ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาก่อน
“เรื่องของฉันหรือคะ?” เธอถามเขากลับอย่างไม่แน่ใจนักว่าได้ยินถูกหรือไม่ “ฉันนึกว่าคุณสืบประวัติฉันแล้วเสียอีก”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะพรืดออกมา “ชามินต์ คุณเห็นผมเป็นคนแบบไหนกัน”
“เผด็จการ กะล่อน เจ้าชู้” หญิงสาวตอบทีเล่นทีจริง และโล่งใจนิดๆที่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ค่อยๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น “อ้อใช่... ปากว่ามือถึงด้วย”
“เอาล่ะ พอว่าผมจนหนำใจแล้ว เล่าเรื่องคุณให้ผมฟังด้วย”
หญิงสาวขยับกายห่างจากเขา ก่อนจะพลิกตัวไปเอนหลังเขากับเบาะหนาๆและเปลี่ยนสายตาให้จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างแทน พายุพัดหวีดหวิวอยู่ข้างนอกนั่น
“อยากรู้เรื่องอะไรล่ะคะ” เธอหลับตาลงแล้วถามเขา ในใจพยายามจินตนาการภาพน้ำในอ่างที่เรียบนิ่งไร้คลื่นลม “แต่บอกไว้ก่อนนะว่าชีวิตฉันไม่มีอะไรน่าสนใจนักหรอก”
“คุณมีแฟนรึยัง”
“ตรงไปไหมคะมิสเตอร์ลู” แพทย์สาวเอียงหน้ามามองเขา แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มยังคงนั่งท่าเดิมและจ้องเธอด้วยแววตาจริงจังยิ่ง
“ผมอยากรู้จริงๆ” เขาย้ำชัด
บทจะเป็นผู้ใหญ่... ก็ขรึมนิ่งจนน่ากลัว บทจะกลายเป็นลูกหมา... ก็น่ารักน่าตบเสียไม่มี เธอชักสงสัยว่าเขาเคยแสดงด้านนี้ให้ใครเห็นบ้างไหม ชามินต์นิ่งคิดไป... ก่อนจะกระตุกยิ้มซุกซนออกมาเป็นครั้งแรกให้แก่ชายหนุ่ม
“ฉันเคยมีคนรักค่ะ”
แน่นอนว่าโลแกนไม่ดีใจแม้แต่น้อย แม้เธอจะยิ้มให้เขาก็ตาม ทว่าเนื้อความกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง... และเขาสงสัยขึ้นมาครามครันว่ามันเป็นใคร!
“ที่ไทยน่ะหรือ”
“แน่ะ คุณสืบประวัติฉันจริงๆด้วย” หญิงสาวเด้งตัวขึ้นจากโซฟา และหมุนตัวมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนจะตอบต่อ “เปล่าค่ะ ที่ฮ่องกงนี่ล่ะ”
“ใคร”
“ไม่บอก”
“แล้วตอนนี้ยังคบอยู่ไหม” เขาซักไซ้
คราวนี้ ชามินต์ยิ้มเศร้า “ไม่ค่ะ... ตอนนี้ ฉันเชื่อว่าเขาคงลืมฉันไปแล้ว”
นักธุรกิจหนุ่มนิ่งเงียบไป ในขณะที่ชามินต์ไม่กล้าสบตาเขา ความรู้สึกที่เคยอัดแน่นในระหว่างที่เขาไม่อยู่นั้นเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ เขาไม่เคยจำเธอได้เลย นั่นคือความจริง เธอชอบผู้ชายคนนี้ที่ตรงไหนนะ... ทั้งๆเขาแทบไม่มีอะไรเหมือนโลแกนคนก่อนเลยสักนิดนอกจากใบหน้า ร่างกาย และน้ำเสียงที่ทุ้มชวนฟัง...
“เขาเคยจูบคุณไหม” เสียงของโลแกนทะลุขึ้นกลางโสตประสาท และเธอก็ตอบออกไปโดยไม่รู้ตัวทั้งๆที่ในหัวยังคิดเรื่องอื่น
“เคยค่ะ”
จะถามทำไมนะ ตัวเองเป็นคนจูบเองแท้ๆ
แต่แล้ว แพทย์สาวก็ต้องหวีดร้องออกมาเบาๆเมื่อวงแขนแกร่งตวัดรอบเอวของเธออย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ และดึงเอาร่างของเธอเข้าไปแนบชิดจนได้กลิ่นน้ำหอมแบบฉบับของเขา เสื้อเชิ้ตของเขาเสียดสีกับผ้าคลุมของเธอ และชามินต์แทบจะยกมือขึ้นกั้นระหว่างเธอกับอกของเขาไม่ทันในขณะที่ตวัดนัยน์ตาคู่หวานสบกับเขา
เธอเกือบจะพ่ายแพ้... เพราะนัยน์ตาคู่คมชวนให้ใจเต้นแรงของเขานั่นเอง
“แล้วผมจูบคุณบ้างได้ไหม”
เป็นคำถามที่ชวนให้ขำ ทว่ากลับขำไม่ออก แสงไฟสลัวและพายุที่โหมอยู่ด้านนอกช่างส่งเสริมให้บรรยากาศเป็นใจยิ่ง เธอเห็นจมูกโด่งเป็นสันของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนรดรินอยู่เหนือใบหน้านวลเนียนของเธอ... เขาช่างหล่อเหลา นัยน์ตาชวนฝัน น้ำเสียงอบอุ่นตราตรึง และอีกนิด...
หญิงสาวหลับตาลง

Add Fan Click!
|
มุม “เรามาคุยกัน”
ยินดีต้อนรับนักอ่านทุกท่าน
เข้าสู่หน้าผลงานในลำดับที่สามของกลิ่นเอื้องนะคะ
เว้นระยะไปค่อนข้างยาวสำหรับสองเรื่องแรก สุดท้ายก็กลับมาเขียนจนได้ (สมองหมุนไปแสนล้านรอบกว่าพล๊อตจะลงตัว)
อย่าลืมแวะเวียนมาคอมเม้นท์กันบ้างเด้อ
นักอ่านคือกำลังใจดีที่สุดสำหรับนักเขียนนะคะ ^^
หากมีธุระด่วนประการใด
สามารถติดต่อกันได้ทางอีเมลล์
akita-harumi@hotmail.com
หรือแฟนเพจค่ะ
เม้าท์มอย จัดหนักจัดเต็มมาเลยไม่ต้องเกรงใจ
หากยังมีชีวิตอยู่ จะตอบให้แน่นอนค่ะ
|
ปล. ถ้าอ่านแล้วรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบตรงไหน
สามารถคอมเม้นท์แบบใส่ไม่ยั้งไดเลยนะคะ ไรท์เตอร์ชอบ ฮ่า
|