ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศรีอาริย์ ดั่งสวรรค์บนพสุธามนตราปาริชาติ

    ลำดับตอนที่ #20 : สวรรค์บนพื้นพสุธา มนตราปาริชาติ ต่อจากตอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 103
      0
      13 ก.ย. 55

     

    เทพคฑากรอยากตรวจดูมนุษย์โลก จึงขอแว่นทิพย์จากองค์อมรินทร์หรือท้าวสักกะราช เพื่อดูภาพให้แม่นยำชัดเจน แต่ก็ดุได้เพียงชั่วคราวก็วางแว่นวิเศษลง

    ที่ต้องรีบวางลง เป็นเพราะเหม็นกลิ่นสาบของมนุษย์ที่เหลือทน

    มันรู้สึกเหม็นเน่า เสียจนเทวดาอย่างเขาอยากจะสะอิดสะเอียน อาเจียนออกมา

    แม้เราอยากจะไปเหลือเกิน แต่ไปแล้วมันทนไม่ได้ เราก็ต้องขึ้นมาตามเดิม”

    คำบ่นของเทพคฑากร

    ที่ระลึกถึงบ้านเดิม อยากทราบข้าวของพ่อแม่พี่น้อง

     

    แม้เขาเป็นเทพ แม้ไม่อาจช่วยเหลือได้ แต่เขาก็อยากจะรู้ความเป็นไป

    ความดีย่อมงดงามในทุกสรรพสิ่ง ความจริงย่อมงดงามในทุกสรรพสิ่ง

    ความงามก็ยิ่งงามในทุกสรรพสิ่ง

    เทพสวรรค์อย่างเขาอยากจะให้วิถีในการปฏิบัติ สำหรับแดนทิพย์แห่งนี้

    เป็นโลกที่อยู่ด้วย ความจริง ความดีและความงาม

    บวกกับกุศล

    มีชาวบ้านนั้นบนบานอธิษฐาน อยากให้เทพบนโลกมาช่วยเหลือ

    แต่ผู้ที่ระดับจิตใจเท่ากัน หรือว่ามีบุญในอดีตเคยสัมพันธ์กัน เช่นเป็นญาติพี่น้องเกี่ยวดองกัน

    คฑากรก็อยากจะช่วยเหลือ

    แต่จนด้วยเกล้า ภาวะทางด้านจิตใจและสถานะของเทพเป็นดังนี้เอง

    ไม่อาจจะลงไปยังโลกมนุษย์ได้ แต่ว่าแค่แวบไปนิดเดียวก็ได้ ไปแค่สิบนาที ซึ่งเป็นโลกมนุษย์ก็ผ่านไปเกือบปี

    บรรดาเทพและนางฟ้าต่างๆ ต่าง

    เหม็นสาบกลิ่นคาวมนุษย์

    แต่คฑากรเทพจะลองลงไป ด้วยเหตุที่ว่า คนเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องแต่ชาติปางก่อน

    มีการส่งสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง ที่ให้ทราบว่า เกิดความเดือดร้อน หรือเกิดสิ่ง

    ใดสิ่งหนึ่ง ในลักษณะไม่ปกติแน่

    และเขาเพิ่งมาอยู่ภพภูมิแห่งนี้ได้ไมนาน

    ถือว่าเป็นช่วงที่เสวยสุข ที่ถือว่ามาจากบุญท่านที่สั่งสมเอาไว้

    เทวดาอย่างคฑากรกลัวหมดบุญเช่นกัน

    จึงคิดว่า ควรจะพากเพียรในการสร้างบุญต่อ

    เขารู้ว่าการเกิดเป็นเทวดาของตนเอง เป็นไปโดยอัตโนมัติ เกิดจากบุญที่สั่งสมโดยรวม

    ข้อที่สำคัญการประพฤติของเขาอยู่ในศีลห้า

    เทวดาเป็นไปโดยเพราะสิ่งนี้

    เป็นบุคคลที่มีศีล และมีหิริโอตตัปปะ

    มีความละอายต่อสิ่งที่ไม่ดี และเกรงกลัวต่อสิ่ง

    ที่ไม่ดี หมายถึงบาปกรรม

    จึงจะลองลงไปข้างล่าง คือโลกมนุษย์ เพราะมีภาวะบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอง

    คือรู้สึกร้อนกายร้อนใจ และไม่สบายใจอย่างมาก

    และจิตก็เฝ้ารำพันถึงญาติพี่น้องในอดีต ซึ่งตัดขาดจากภพแล้ว

    แต่ก็เชื่อว่า มีความผูกพันที่เป็นบุญต่อกันมา

    ทำให้เขาต้องรีบทูลองค์อมรินทรา สักกะ

    หม่อมฉันเห็นทีต้องทูลลาไปดูเหตุการณ์ในโลกมนุษย์สักระยะแล้วล่ะ พะยะค่ะ”

    องค์อมรินทราตรวจส่องดูทาง

    ทิพยเยตร ก่อนตรัสอนุญาต

    ไปนานแค่ไหน”

    สิบนาทีได้พะยะค่ะ”

    สิบนาทีก็ถือว่า ผ่านไปหลายปีในเมืองมนุษย์เช่นกัน เอาล่ะ เรารู้แล้ว ท่านเทพคฑามีความเกี่ยวพันต่อสิ่งนั้น จะเป็นอะไร ท่านจงลงไปพบเอง และก็จงรีบมาตามกำหนด ไม่เช่นนั้นจะเกิดความยุ่งยากใจแน่”

    หม่อมฉันรับด้วยเกล้า พะยะค่ะ”

    กล่าวทูลแล้ว เทพคฑากร แต่งเครื่ององค์ทรงแปลงของเทพ ก็อธิษฐานแบบลัดมือเดียว

    ร่างของเขาก็ดำดิ่งเหมือนล่องหน ไปสู้ภพภูมอเบื้องล่าง ที่ควบคุมโดยท้าวจตุโลกบาล ท้าวมหาราชทั้งสี่ทิศ

    ซึ่งเรียกท่านว่า ท้าวจาตุมหาหราชิกา เพราะเฝ้าดูโลกสวรรค์ส่วนนี้ กับแดนมนุษย์ และแดนภูติปีศาจ ซึ่งประกอบไปด้วย ท้าว ธตรต ท้าววิรุฬปักษ์ ท้าวเวสสุวัน ท้าว วิรุฬหก

    รับทราบต่อโองการของสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยพระบรมโพธิสัตว์ เวียนมาถึง พระองค์เป็นเทพบุตร สถิตอยู่ ณ วิมาน พระนาม ว่านาถ ผู้สง่างามเกินบุรุษใดในโลก หาร่องรอยติ ตำหนิในผิวพรรณสักนิดก็หามิได้

    เพราะสว่างไสว หมดจด ด้วยบารมีแห่งเทพชั้นสูง

    ว่ากล่าวกันว่า ความงดงามแห่งสรีระหรือดวงพักตร์ของพระองค์ งดงาม ปานประหนึ่งดวงจันทราหมื่นดวง ที่สาดแสงไสวคลี่คลุมรอบจักรวาล

    ซึ่งเป็นที่ทราบจากเหล่าทวยเทพและมนุษย์โลกดีว่า

    พระองค์จะกลับมาประสูติในพระชาติสุดท้าย เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ลำดับสุดท้าย แห่ง

    ภัททกัปป์ เรา

    ซึ่งกัปป์ ปัจจุบัน รวมเป็นหนึ่งในภัททกัปป์

    แต่ว่าก็รอคอยกัปดังกล่าว จากพระผู้มีเมตตาเปี่ยมล้น

    ผู้กระทำบารมีมาเอนกอนันตชาติมหาศาล ถึงคราวที่จะบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธจ้าเพียงประการเดียว

    แต่พระองค์ไม่ได้ตัดสินใจเช่นนั้น เวไนยสัตว์ที่ทุกข์มหาศาล มีมากมายกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทร

    หมายถึง

    ผู้ตกทุกข์ทรมานนั้น กล่าวก็ไม่หมด จนนรก ดินแดนร้อนเร่า ไม่มีที่จะให้อาศัย

    ที่ตกอบายเหล่านั้น ก็ยากที่จะพ้นข้ามหำแพงบาปที่เป็นผู้ก่อได้

    ความรักในมนุษยชาติ ความรักต่อลูกหลาน มนุษย์ทุกคนที่เปรียบดังบุตรธิดา

    เพราะพระองค์ก็มีชาติมาจากมนุษย์เช่นกัน

    สุดที่จะนิ่งเฉยได้ ในการเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกข์ทรมาน วิงวอนร้องขอต่อความสงสาร อย่างทุกขเวทนายิ่งนัก

    พระองค์สงสารมนุษย์ เพราะหทัยของโพธิสัตว์ มีใจกรุณาเป็นที่ตั้ง

    ดังนั้นอย่างที่บอก โครงการ แห่งการช่วยเหลือ ก็มีมาตลอด

    มีมาตั้ง

    แต่บรรพกาล พระองค์เสวยสุขสมบัติบริโภคทิพย์ อยู่ในวิมานส่วนตน มายาวนาน

    ในฐานะของมหาเทพผู้สูงสุด ของดุสิต

    สวรรค์อันเป็นที่จุติของพระโพธิสัตว์

    พระองค์ทรงแปลงโฉมเป็นได้ทุกสิ่ง

    ทุกอย่าง ทุกสรรพสัตว์แม้แต่สิ่งของ ทุกชาติเชื้อ

    และพระองค์เสด็จไปยังที่ต่างๆเหล่านั้นเนือง

    ถ่ายทอดแสงทิพย์แห่งโพธิสัตว์ ซึ่งแค่พระองค์ยกมือ แสงทิพย์ก็บันดาลทะลุแลลอดไปทั่วจักรวาลต่าง

     

    ซึ่งแสงทิพย์ของพระองค์นั้น มนุษย์บางคนไม่รู้ถึงสิ่งเหล่านี้

    องครักษ์ผู้ช่วยเหลือ ผู้ติดตาม ที่เป็นทั้งทวยเทพ และพระโพธิสัตว์ดุจเดียวกัน ผนึกกำลังเพื่อทั้งป้องกันและช่วยเหลือชาวโลก และมีเหตุผลและจุดมุ่งหมายร่วมกันคือ ผดุงชาติศาสนาเพื่อให้ศาสนาพุทธมีอายุยืนยาวครบห้าพันปี

    และศาสนาพุทะเป็นศาสนาเดียวที่จะอยู่ครบดังกล่าว

    เวลานี้องค์การของมหาเทพกำลังเริ่มอีกวาระหนึ่ง

    ที่สภาเทวธรรมของเทพ ชั้นดาวดึงส์สถาน

    สวรรค์ที่ให้ความรื่นรมณีย์แก่ผู้พบเห็น

    ผู้ที่เข้าประชุม เป็นทวยเทพทุกชั้น และบรรดาเหล่าคนธรรพ์ หัวหน้าเหล่าปีศาจ ซึ่งนำโดยท้าวเวสสุวัน

    นำทีมเหล่าปีศาจทั้งหลาย เข้ามาสวามิภักดิ์ อ่อนน้อมต่อท้าวมหาเทพ

    อันมีทั้งองค์ท้าวมหาพรหม และบรรดาพระพุทธเจ้าในอดีต ทรงมาเป็นประธาน

    เช่นเดียวกับบรมบพิตรนาถ อันมีนามว่า พระเมตรไตรย

     

    ซึ่งพระองค์ถูกกำหนดให้เป็นเจ้าผู้ปกครองโลกมนุษย์ในอนาคตข้างหน้า

    ครบห้าพันปี พระศรีอาริย์จะลงมาโปรดมนุษย์

    เป็นไปไม่ได้ และไม่นานถึงขนาดนั้น

    ปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่

    ดำริของพระองค์ที่จะช่วยให้มนุษย์โลกในปัจจุบัน ไปบังเกิดในโลกสวรรค์ และมีโอกาสเกิดทันศาสนาของพระองค์มากที่สุด

    ก่อนที่จะสิ้นสุดยุคของพระองค์ แล้วยุคมืดบาปจะเกิดขึ้นยาวนานที่สุด หลายกัปป์กัลป์

    เป็นยุคที่ไม่มีศาสนา ไม่มีคนดี มีแต่เหล่าสัตว์นรกที่ถูกส่งให้เกิดมาในโลกมนุษย์ เพื่อชดใช้กรรมเวรอย่างสาหัส

    ไม่มีพระผู้ทรงคุณ ที่ต่างยกย่องว่าเลิศเลอ เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกะพุทธเจ้า พระอรหันต์ อุบาสก อุบาสิกา พระรัตนตรัย

    สิ่งเหล่าเมื่อจบสิ้นศาสนาของพระศรีอาริย์ ก็อันตรธานไปเช่นเดียวกัน

    เมื่อบุคคลที่พบสุขแล้ว ได้เสวยสุข ในดินแดนพุทธเกษตร

    ดินแดนที่เราพุดกันถึงนิพพาน

    สภาวะทางจิตยังมี มีการรับรู้ เพียงแต่ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดเช่นมนุษย์

    เพราะเป็นบุคคลที่สิ้นอาสาวะกิเลส

    กิเลสใดๆไม่มีการบ่มเพาะ ไม่มีเชื้อแห่งการเกิด

    ไม่มีทุกข์ ไม่มีความเดือดร้อน ไม่มีความวุ่นวาย แย่งชิง ริษยา และวงเวียนแห่งการเกิดแก่เจ็บตาย

    จึงถือว่า นิพพานเป็นบรมสุขนิรันดร์

     

    และสมเด็จพระศรีอาริย์เมตไตรยทรงเป็นประธาน

    ได้รับการกล่าวรายงานจากหัวหน้าต่างๆ ทั้งฝ่ายเทพ พรหม ยม ยักษ์

    พระองค์ทรงไต่ถามทุกข์สุขต่างๆนานๆ

    รวมทั้งโครงการสร้างสวรรค์

    ที่มีความต่อเนื่อง จากดั้งเดิม

    สิ่งเหล่านี้เป็นพลังงานภายใน ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตัวเปล่า

    นอกจากคนที่มีอภิญญาและบุญฤทธิ์เท่านั้น

    ฝ่ายเทพและสวรรค์ กำลังช่วยเหลือมนุษย์เท่าที่จะช่วยได้

    และความปรารถนาเจตจำนง ก็เพื่อ ให้ชาวโลกได้กลับเนื้อกลับใจ หากทำผิด ก็ให้เลิกละ ในการประพฤติเสีย

    กลับเนื้อกลับใจ หันมาสร้างกุศล ในการทำความดี

    สิ่งเหล่านี้ไม่มีตกหล่นสูญหาย

    รายงานเสร็จแล้ว

    เป็นหน้าที่ของสวรรค์ ที่ต้องทำงานต่อ

    พระองค์จึงเสด็จกลับไปสู่วิมานพระตำหนัก ณ ดุสิตต่อ

    เมื่อเหล่าเทพพรหมยมมาร รับคำบัญชาจากพระองค์แล้ว

    มีการสานสืบ และทำงานตามระบบ

    เพราะรู้ว่า ภัยภาคหน้าของโลก

    ล้วงหนักหน่วง เกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะรับไว้ได้

     

    เพราะหน้าที่เหล่านี้เป็นฝ่ายมาร ที่ต้องการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้สิ้นซาก แม้แต่ชีวิตมนุษย์

    ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก

    เพราะในโลกนี้ อธรรมไม่มีการชนะพระและธรรมะ

    เมื่อฝ่ายมาร เกณฑ์เหล่าสมุนลูกน้อง

    เพื่อทำงานตามเป้าหมายให้เสร็จอย่างลุล่วง ที่วางเอาไว้

    แผนการยึดโลก แผนการทำลายล้างทุกสวรรพสิ่ง

    ฝ่ายพระหรือจะยืนนิ่งเฉยอยู่ได้

    อำนาจศักดิ์สิทธิ์รวมพลัง

    และต่อการผนึกกำลัง

    เพื่อต่อสู้กับเหล่าพญามารและลูกน้อง

    ซึ่งนับวันมีแต่เหิมเกริมอย่างรุนแรง

    อันมีพญามารท้าวสวัตตีมารหรือสวัสดีมารเป็นผู้นำ

    การทำงานฝ่ายของพระ เป็นการทำงานตามระบบและขั้นตอน อยู่ภายใน

    และมหาเทพสูงสุดอย่างพระศรีอาริย์ ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาอันเกริกไกร

    และบุญญาฤทธิ์ อภินิหารเหนือเหล่ามาร

    ทรงเป็นโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีเข้มเข้น

     

    ภายภาคหน้ามนุษย์โลกจะประสบชะตากรรมอย่างหนักหน่วง

    ว่ากล่าวกันว่า เป็นชะตากรรมของมนุษยชาติ

    ที่กระทำร่วมกัน ก่อเวรและกรรมาซึ่งกัน

    การชำระล้าง

    หรือการทำลายล้างก็เป็นกรรม

    และเป็นสิ่งที่จะต้องเกิด

    เพราะกำหนดให้เกิด อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

    เมื่อเป็นเวรกรรมของมนุษยชาติทุกคน ทุกก่อบาปก่อเวรไว้ทุกภพทุกชาติ

    พยายามหนีเจ้ากรรมนายเวรตลอด

    ณบัดนี้ เจ้ากรรมนายเวรอาฆาตพยาบาทอย่างรุนแรง

    กรรมการจึงไม่อาจเลี้ยง

    หนีพ้นได้

    กรรมเวรเหล่านี้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน

    และตัวเราท่าน ทั้งหลายที่มีส่วน

    เวียนเกิดชาติภพไม่ถ้วน มีโอกาสก่อบาปเหล่านั้น โดยที่ไม่รู้ตัว

    และเมื่อได้มาเกิดในชาติภพนี้ จึงเป็นคำตอบ

    จึงไม่อาจหลีกพ้นได้

    เมื่อเราเคยเป็นผู้เบียดเบียน

    นับเสียแต่ว่า บุคคลเหล่านั้นสิ้นอายุไข

    ไปตามวิถีแห่งภพภูมิ

    คือ สุคติ สวรรค์

    ทุกคติ คือ นรก หรือนรกานต์

    ดังกล่าวที่มรสุมและภัยพิบัติเกิดขึ้น

    มนุษย์เราที่ถูกเข่นฆ่า ในภพเหล่านั้นที่ผ่านมา ไม่ว่าญาติพี่น้อง

    บางคนเหล่านั้น ตายโดยที่ไม่สมควรตาย ยังไม่อยากตาย

    ตรงกับความจริงที่ว่า สัตว์ทุกคนย่อมรักชีวิต

    แต่ต้องมาถูกฆ่าตาย อย่างดหดเหี้ยม ถูกข่มขืน จี้ปล้น ชิง

    และสงครามใหญ่ในอดีตที่ผ่านมา ล้วนเป็นชนวนผูกซึ่งเวรกรรม

    และเจ้ากรรมนายเวร มีสิทธิ์ตามล่า ตามอาฆาต จนเขาได้รับความพึงพอใจ

    เหตุผลเพราะ เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน

    เขาจึงมีสิทธิ์ และได้รับอนุญาตให้เอาคืน

     

    สมกับคำกล่าวที่ว่า หนี้เวรและกรรมของใคร คนนั้นจะต้องชดใช้

    กรรมจึงเหมือนเงา ที่มนุษย์และสัตว์ทุกคนไม่อาจสลัดมันทิ้งได้

    และรอยของมันก็ย่ำไปตามวงเวียนและกฎกรรม

    ที่ผ่านมา ญาติพี่น้องของเรา เพื่อนพี่น้อง ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดในยุคอดีต

    เข่นฆ่าเพื่อแย่งชิงบ้านเมือง เพื่อสนองความอยากมั่งอยากมี อยากเป็น

    ย้อนภพย้อนชาติไปสู่ แรกเริ่มเดิมที การก่อเป็นเผ่าพันธุ์ อาณาจักร ประเทศชาติ

    มาแต่สุโขทัย เชียงราย อยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

    เลือดเนื้อเหล่านั้น ความเจ็บปวดสูญเสียไปเท่าใด

    คงประมาณค่ามิได้

    และการตีย้อนกลับ ก็สิ่งเหล่านี้เป็นกรรม

    หายนะครั้งยิ่งใหญ่

    ภัยพิบัติที่รุมโหมโถมกระหน่ำ จำเป็นต้องเกิด

    อีกประการมาถึง สิ่งที่กล่าวว่าเป็นประเพณีมาทุกยุคและกัปป์

    ปัจจุบันโลกเรามาเยือนถึง กึ่งหงนึ่งของศาสนา

    เรียกว่าตอนกลา งหรือครึ่งของยุค

    เพราะว่า ยุคธรรมิกราช คือยุคขาวสะอาด ยุคดอกบัวขาว

    หรือยุคสมเด็จพระศรีอาริย์เมตไตรย จะบังเกิด

    จึงเป็นประเพณีดังกล่าว

    ที่ภัยพิบัติจะโถมซ้ำกระหน่ำมากกว่าเดิม

    รุนแรงหลายพันเท่าทวี และเกิดขึ้นทั่วทุกโลก

    ขนาดว่าประเทศหนึ่งถูกน้ำกลืนจนหาย เกาะแก่งทรุดลง กลายเป็นทะเล

    ซึ่งเวลานั้นวัตถุเงินทอง เพชรนิลจินดา ไม่มีค่าสำคัญ

    เพราะเบื้องบนรู้ว่า จะเกิดอะไร เพราะว่าหากเภทภัยจะเกิดขึ้นที่โลกมนุษย์

    จะต้องเกิดในโลกวิญญาณหรือโลกสวรรค์ก่อน

    เหมือนคนที่จะตาย ต้องเกิดขึ้นที่โลกวิญญาณก่อน ถึงจะมาเกิดในโลกมนุษย์

    แต่ว่ามนุษย์ผู้มืดบอดด้วยจิตใจและไร้ศีลในโลกมนุษย์ ไม่รู้กัน

    วันๆเอาแต่เติมความขุ่นมัว เข่นฆ่าด่าทอ ก่อกรรมเลวร้าย เบียดเบียนคนอื่น

    ยึดแต่สิ่งเหล่านั้นเป็นของกูตัวของกู

    โดยมองข้ามความดีงาม ที่ต้องกอบโกยทำเพื่อตัวเอง

    เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะคุ้มภัยเมื่อย่างก้าวมา

    บุญกุศลเหล่านั้นที่มีค่า

    ยิ่งกว่าความศักดิ์สิทธิ์ใดๆอีก

    เพราะเมื่อภัยมา สิ่งเหล่านี้ช่วยคุ้มกัน

    เทวดาชั้นฟ้า ผู้มีหน้าที่ปกป้องก็จะสามารถช่วยได้

     

    เพราะเบื้องบนก็เตือนมาหลายรอบ

    ให้เตรียมพร้อมทุกอย่าง

    ที่หมายถึง

    ความเตรียมพร้อมคือ การรักษาศีล เจริญภาวนา คิดดีทำดี

    เลิกละ โลภโกรธหลง

    หมั่นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

    ยิ่งคนทุกข์ยากขาดแคลน ทุกข์ทรมาน จะเป็นกุศลอย่างสูงสุด

    ไม่ควรทำทานแบบจำเพาะเจาะจง แต่ควรจะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

    เพราะวันเวลาได้ย่างกรายมาเรื่อยๆ

    ใกล้จะถึงทุกขณะ

    ไมทำ ไม่สร้าง ไม่เพียร ในเวลานี้ จะทำวันไหน?

     

    แต่รู้เพียงว่า บุคคลที่มีชีวิตสามารถรอดพ้นอันตรายจากครั้งนี้ได้

    วัตถุต่างๆสิ่งก่อสร้างล้วนต้องสร้างใหม่

    และเป็นยุคที่วิจิตรงดงาม ยุคแสงธรรมนำวัตถุ

    ยุคดังกล่าว ที่เรียกว่ากึ่งกลางยุค

    เหมือนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

    เป็นยุคที่พระพุทธองค์ เสวยพระชาติเป็นมหาเวสสันดร

    และนี่ก็คือสิ่งที่สมเด็จพระศรีอาริย์เมตรไตรย ท่านเตรียมพร้อม เพื่อจะมาบริจาคลูกเมียเป็นธรรมทาน

    เพราะเป็นประเพณีของพระพุทะเจ้าทุกพระองค์ ก่อนจะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า

    ว่ากล่าวในอดีตที่ผ่านมา เช่นเวลานี้ บุคคลที่ได้เป็นพระจักรพรรดิในสมัยนั้น คือ บุตรชาย หรือพระราชโอรสของพระเวสสันดร

    นั่นคือยุคธรรมิกราชา ที่ปกครองด้วยความสถิตยุติธรรม และเป็นยุคที่มนุษย์ก่อแต่คุณงามความดี

    ศีลธรรมสูงสุด

    และมนุษย์ในยุคนี้ มีอายุยืนยาว

    เป็นอีกยุคที่สมเด็จพระศรีอาริย์จะเสด็จมาปกครองโลก

    ด้วยอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม

    หรือสามร่มโพธิ์ศรี

    จึงเป็นคำกล่าวที่ถูกลิขิตไว้ว่า ต่อไปศูนย์กลางของศาสนาและ

    ทุกสิ่ง ก็จะอยู่ที่นี่

    เพราะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เมื่อถึงคราว

    มีแต่บุญกุศลและความดีงามที่กระทำไว้

    เพราะสิ่งเหล่านี้เทวดาอารักษ์ ปกป้องคุ้มครอง

     

    ส่วนใครที่บุญไม่ถึง ก็ถูกกรรมชำระไปตามกฎแห่งกรรม

    เมื่อปกครองโดยสมเด็จพระศรีอาริย์เมตใตรย

    โลกใบนี้ก็จะปราศจากความขัดแย้งกัน

    พระองค์ตรากฎหมายขึ้น

    สถิตด้วยความยุติธรรม

    ทุกคนมีแต่รักใคร่กลมเกลียว และมีแต่ศีลธรรม

    จึงเป็นยุคที่มนุษย์ยั่งยืน และยืนยาวด้วยอาอยู่ไขเช่นนี้

    แต่ยุคดังกล่าวก็ไม่ใช่ ถึงคราวศาสนาของพระศรีอาริย์

    เพราะตามจารึก พุทธพยากรณ์

    ต้องครบ ห้าพันปี และศาสนาพุทธของพระพุทธโคดมล่มสลายก่อน

    ล่มลายจากพระภิกษุสงฆ์ จากอุบาสกอุบาสิกา จากชาวบ้าน สามัญชน และพระรัตนตรัยอันตรธานหายไป

    เกิดยุคที่เรียกว่าสันถรกัปป์

    รบราฆ่าฟันพุ่งแทง

    ด้วยมีดหอกแหลนหลาว ไม่มีที่สิ้นสุด

    นี่ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ใครที่ปรารถนาจะเกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์วาระใกล้จะมาเยือนแล้ว

     

    บ้าง ว่าท่านเสด็จมาเกิดแล้ว และท่านเสด็จมาเกิดแล้วแน่นอน

    เพียงแต่ไม่ปรากฏบุคคล ไม่บอกชื่อ เสียงเรียงนาม

    จนว่า ภัยพิบัติเกิดขึ้นแล้ว สงบลง พระองค์ต่างหากที่จะมาซับน้ำตา ทรงปลอบโยน บุคคลที่พ้นผ่านทุกข์ภัยเหล่านั้นได้

    เป็นการก้าวสู่มนุษย์ยุคใหม่ ที่วัตถุเจริญเท่าเทียบกับธรรมะ

    ต่างจากโลกปัจจุบัน ที่เป็นวัตถุจอมปลอม

    เพราะวัตถุยุคสมเด็จพระศรีอาริย์ สามารถอธิษฐานได้

    บังเกิดมาจากบารมีของพระองค์

    และเพชรนิลจินดา จะโผล่มาจากพื้นดิน และใต้มหาสมุทรเป็นอัศจรรย์

    เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้ ไม่ควรใช้ชีวิตด้วยความประมาท เร่งสะสมบุญสร้างกุศล

    เพราะถึงคราวที่เป็นยุคของพระองค์

    พระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีเข้มข้น สูงส่ง จนถึงขนาดว่า สามารถขอพรต่อองค์อินทร์ได้

    ดังนั้น จึงควรที่จะเลิกตระหนี่ถี่เหนียว ริษยาอาฆาต

    เพราะรังแต่จะก่อกรรมเวรที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง

    เหมือนกับคำที่ว่า เราทำกรรมใดไว้ ที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี

    กรรมเหล่านั้นก็พุ่งมาหาที่ตัวเองเช่นกัน และ ไม่ได้ เป็นคนอื่น และพุ่งหาคนอื่น

    ดังนั้น อยากให้ท่านที่ปรารถนาอยากจะเกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์

    ที่ณ ปัจจุบัน พระองค์ลงมาเกิดแล้ว

    ทำความดีทุกอย่าง เพื่อถวายให้พระองค์ท่าน เป็นอริยะบูชา

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×