ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศรีอาริย์ ดั่งสวรรค์บนพสุธามนตราปาริชาติ

    ลำดับตอนที่ #19 : ศรีอาริย์ ต่อจากตอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 62
      0
      19 มี.ค. 55


    โลกพระศรีอาริย์ซึ่งคืบคลานมานานแล้ว  ในมิติแห่งภพ
    แต่สวรรค์ก็ยังไม่บังเกิดบนแผ่นดินมนุษย์
    แต่แผ่นดินมนุษย์แห่งนี้ ใช่ว่าจะไร้สวรรค์
    เพราะสวรรค์อยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดของจิตใจ
    หากคิดเช่นนี้ได้ หัวใจก็ลอยล่องอยู่บนสวรรค์
    และความจริงก็เป็นเช่นนั้น
    เพราะเป็นภพของความรู้สึกนึกคิด
    เรานึกถึงสิ่งดีก็ได้ดี
    นึกไม่ดี ก็ได้ไม่ดี
    ฉะนั้นสำคัญที่สุดคือ สวรรค์
    การสำรวมวาจาใจให้เรียบร้อย
    คือการรักษาศีลนั่นแหละ
    การมุ่งหมั่นในการทำความดีเป็นการรักษาศีล

    “แม่จ๋า คนเราทำไมถึงยังเจ็บทุกข์ทรมานกันอยู่จ้ะ  ไหนแม่ว่า ศาสนาของพระศรีอารย์มาถึงแล้ว”
    ความที่ใส่ใจปฏิบัติธรรม  และคุ้นเคย เคยชินเช่นเดียวกับมารดา ทำให้ตารวีถามารดา เพราะสงสัย
    นางน้อมจิตรตอบ
    “สวรรค์เกิดแล้วจ๊ะลูก  พระศรีอาริย์จะมาเกิดเชื่อมศาสนาของท่าน คำที่เรียกว่า สนธิไง”
    ตารวีถามอีก
    “ที่เราปฏิบัติอยู่ นั่นหรือคะแม่”
    “ก็ใช่ละลูก ศาสนาของพระองค์ท่านเป็นแบบหินยาน  ซี่งไม่แตกต่างไปจากมหายานเลย เนื่องจากเป็นพุทธเดียวกัน   แต่ที่แม่และคนอื่นๆ ท่านรู้ ก็เพราะเราปฏิบัติ เพื่อเชื่อมจิตใจไปในยุคพระศรีอาริย์”
    “อ๋อ  ยุคที่เรียกว่า จิต ครองกาย  ไม่ใช่กาย ครองจิต ใช่ไหมแม่”
    เรื่องนี้ ตารวีรู้  เพราะเป็นเด็กช่างจำ และเรียนรู้  อีกทั้งตอนนี้เป็นสาวแล้ว
    คำว่า จิตครองกายลูกสาวรู้ 
    น้อมจิตรยิ้ม  ที่ไม่ต้องบอกลูกสาวมาก ตารวีรู้ เพราะการเรียนรู้    และจำได้จากผู้สอน  ซึ่งท่านล้ำลึกด้วยธรรมะ
    “ไหน ลองบอกให้แม่รู้ซิ  จิตครองกาย  หรือกายครองจิตคืออะไร”
    ตารวีนึกก่อนแล้วตอบ
    “กายครองจิตนั่นคือว่า  ด้านความรู้สึกนึกคิดไงคะแม่”
    “แล้วยังไงอีก
    น้อมจิตรยังสนใจลูกสาวตอบ
    “งั้นก็คือ  มนุษย์เรานั้นในอดีต เมื่อก่อนนะคะ เรามักเอาแต่ยึดตัวเอง ยึดทรัพย์ บ้านช่อง ของที่เรารัก ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเราไปหมด  นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า กายครองจิต คือการนั้นไหลไปทางกิเลส และกายนั้นชื่นชอบไปกับวัตถุ  โลกวัตถุ เงินทอง ใช่ไหมคะแม่”
    ลูกสาวฉลาดจริง ทำให้นางเข้าใจยิ่งขึ้นด้วย
    ที่ตารวีรู้จักย่อยความหมาย และขยายความกินใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย
    “ถูกแล้วล่ะลูก พระท่านสอนอย่างนั้น”
    “แล้วจิตครองกายล่ะ”
    ทดสอบความรู้ของบุตรสาวอีกครั้ง
    “ก็คือ  ยุคที่อะไรก็โล่งและว่างเปล่า คือการที่เราไม่ได้ติดยึด ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของเรา เป็นยุคที่เป็นจิตใจนำกาย จิตใจก็คิดแต่สิ่งดีๆ ไม่ได้ยึดว่าเป็นของเรา   หนูอธิบายอย่างนี้ ถูกต้องไหมคะ”
    นางพยักหน้าที่ลูกสาว เข้าใจ
    ตารวีถามอีก นึกสงสัยในสิ่งที่มารดาปฎิบัติ
    “เออ   แม่คะ การที่แม่ดูแลคนอื่นล่ะ”
    “ก็เป็นความดีไงจ้ะ แม่ทำบุญ เมื่อทำดีแล้วนะลูก  เราทำให้คนอื่นมีความสุข ใจแม่สุขตาม แม่คิดอย่างนี้”
    ตารวีเข้าใจ  เพราะเธอก็เรียนรู้เช่นเดียวกับมารดา
    “ในบ้านเรานี้ ที่ปฏิบัติอย่างจริงจัง มีไม่กี่คนเลยนะคะ   แม้แต่พี่ชายแล้วก็พ่อ”
    การทำงานเกี่ยวกับความดี ตารวีนั่งคิดพิจารณา
    คิดจะช่วยเหลือคนในครอบครัว คือ พ่อและพี่ชายก่อน
    แต่พี่ชายก็ไม่เอาทางนี้ รับรู้  แต่ก็ไม่ได้รับปาก
    นางนึกถึงสามี จึงบอกลูกสาว
    “แต่ว่า พ่อเราก็ดีขึ้นกว่าเก่าเยอะนะ  ลูก แม่ว่า”
    อดีตสามีของหล่อนเอาทุกอย่างที่เป็นความชั่ว
    ทั้งสุราพาชีนารี กีฬาบัตรทั้งหลาย
    แต่เดี๋ยวนี้ เขาลดละ ได้แล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง
    นางรู้สึกสบายใจขึ้น
    แต่ก็ไม่รู้ว่า เขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า
    “บ้านเราจะมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆนะคะ ถ้าเราปฏิบัติกันทั้งครอบครัว”
    ตารวีนึกถึงในอนาคตอยากให้เกิดสิ่งนี้
    นางน้อมจิตรพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
    เป็นสิ่งที่นางปรารถนา เฝ้าวาดหวังอยู่ทุกวัน
    “ที่สำคัญนะลูก แม่อยากจะให้เกิดสันติสุขทั่วโลกเลย”
    “หนูก็เช่นกันค่ะแม่ เพราะพระท่านบอกว่า ให้เราอธิษฐาน สิ่งที่กว้างๆเอาไว้  อย่าคิดเอาแค่แคบๆ เฉพาะครอบครัว คนรู้จัก เพื่อนๆเท่านั้น”
    แสดงว่าลูกสาวของนางน้อมจิตร  ใฝ่ใจศึกษาจริงๆ
    นางยอมรับ และดีใจที่ได้ลูกสาว ปฏิบัติศีล
    ถือว่าถ้าเป็นมนุษย์? คนเราจะสมบูรณ์ด้วยเหตุนี้

    ในบ้านของนางน้อมจิตร ไม่มีการด่าทอ ทะเลาะวิวาท อีกแล้ว
    ทั้งๆที่เมื่อก่อนเคยมีและเป็น
    ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
    และในเวลานี้ก็เช่นกัน
    สิ่งที่เชื่ออย่างเดียวคือ อานุภาพของพระ
    แม้สามีจะดื้อ แต่บอกกล่าว เขาก็เชื่อฟัง ปฏิบัติด้วย
    ไม่ใช่ค้านหัวชนฝา และไม่ใส่ใจในการปฏิบัติเหมือนเมื่อก่อน

    ตารวีจำได้ จึงเอ่ยกล่าว
    “หนูได้ทราบเรื่องของคุณป้าผุสดีนะคะ แกเล่าประสบการณ์  ถือว่าเป็นบทเรียน  ไม่นึกว่าจะเป็นอย่างนี้นะคะ  แต่แกเข้มแข็งมาก เป็นศาสนิกที่แข็งแรงเหมือนแม่  และทุ่มเท ปฏิบัติ หนูอยากเก่งเหมือนแม่”
    ตารวีเอ่ยกับมารดาอีกครั้ง
    และเมื่อบุตรสาวเอ่ยนถึงคุณผุสดี ความทรงจำของคุณน้อมจิตรก็กลับมา
    ก็เรื่องราวของคุณผุสดี เป็นที่โจษขานกันไปทั่ว
    เรื่องราวในอดีต ไม่แตกต่างไปจากนางสักเท่าไหร่
    สำหรับคนเป็นผู้หญิง
    ก็คือสามีมีชู้  เที่ยวคาราโอเกะ  มีเงินทองแจกทิปนักร้อง  เงินเดือนไม่เคยตกมาถึงมือเมียเลย   ที่สำคัญ ทะเลาะวิวาท จนแทบจะบ้านพัก บ้านแตก  ถึงกับเอามีดไล่ฟันสามี
    พร้อมหย่า แต่สามีไม่ยอมหย่าด้วย จึงทนฝืนอยู่อย่างนี้
    พร้อมกันนั้น คุณผุส เมื่อได้ปฏิบัติตรงนี้ ก็ทำใจได้ จิตใจสว่าง ละวาง
    ตอนนี้เงียบกริบ ไม่หึงหวง ติดตามสามี
    ภาพที่เคยอาละวาด ปากจัด ด่าทอสามีเก่งๆ
    ก็ไม่มีอีกแล้ว
    แต่จะใจดี ยิ้มแย้มกับทุกคน
    ครั้นสามีมา ก็ถามไถ่พูดดีๆ
    ถามข่าวถึงเมียน้อยของสามีด้วยซ้ำว่า อยู่สุขสบายดีไหม?

    เอ้อ เป็นที่ประหลาดใจ
    มาคราวนี้สามีถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
    ที่ภรรยาเปลี่ยนไป
    และคราวหลัง
    เป็นเรื่องที่แปลก
    สามีของคุณผุสบอกว่า  เขาโอนเงินเข้ามาในธนาคารให้สามหมื่น
    มีคนพบเจอเรื่องแบบนี้ เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
    เมื่อเราร้าย เขากลับร้ายตอบ
    เมื่อเปลี่ยนใจเป็นดี ใฝ่กุศล อภัยละวาง
    กลับได้สิ่งดีเป็นการตอบแทน
    ตกใจแทบไม่คาดคิด คุณผุสพอรับเงินมาจากสามีแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือ รีบต่อบัญชีให้กับบรรพบุรุษของสามี
    เป็นเพราะบรรพบุรุษของสามีส่งผ่านถ่ายมา
    ว่าท่านทุกข์ทรมาน  อยากจะได้รับกุศล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×