ตอนที่ 11 : เศษซากของหัวใจ
บทที่ 11
เศษซากของหัวใจ
เขาลืมตาขึ้นท่ามกลางเศษซากของความสนุกสนานและร่องรอยของหัวใจที่แตกสลาย กลิ่นไวน์ กลิ่นเหล้า และกลิ่นบุหรี่ยังคละคลุ้งในอากาศเย็นเฉียบและสายลมอ่อนจากทะเล ขวดเหล้าเบียร์และเศษซากอาหารราคาแพงวางเกลื่อนกลาดราวกับกองขยะ ร่างของเหล่าเพื่อนสนิทนอนกระจัดกระจายอยู่คนละมุมห้อง หลังจากฉลองกันจนดึกดื่นและเมาหลับไป
บรรยากาศเงียบสนิท นิ่งงัน ราวกับโลกมันหยุดหมุนไปแล้ว เงียบถึงขนาดที่ทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเลยทีเดียว
ดวงตาคมดุแสนเย็นชาของเขาจ้องมองเพดานนิ่งราวกับคนไร้วิญญาณ มองค้างเติ่งนานเกือบนาทีก่อนจะกระพริบหนึ่งครั้งราวกับว่าวิญญาณเพิ่งกลับเข้าร่างมาอย่างนั้น
“เช้าแล้ว...” เขากระซิบบอกตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น เพื่อให้ตัวเองตื่นจากฝันร้ายและลุกขึ้นอย่างสง่าในฐานะผู้ชนะ อย่ามัวแต่นอนจ่อมจมอยู่กับความรู้สึกหมองหม่นอนธการ อย่าปล่อยให้ความอ่อนแอโจมตีหัวใจแข็งแกร่งของเขาได้แม้แต่เสี้ยวเดียว
“ใช่...” เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มมุมปากออกอย่างช้า ๆ รอยยิ้มเย้ยหยันสะใจที่มีให้กับความโง่เขลาไร้เดียงสาของผู้หญิงคนนั้น “เกลียดอะไรงั้นเหรอ...ทำแบบนี้ทำไมงั้นเหรอ...เธอน่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าทำอะไรไว้”
อิศรายันร่างลุกขึ้นยืนอย่างใจเย็น ก้าวย่างผ่านเศษซากของความสนุกและร่างของเพื่อนที่ยังนอนหลับสนิทไปอย่างเงียบๆ เขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านพักสุดหรูริมทะเล อันเป็นเรือนหอที่เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขากับผู้หญิงที่เขาเกลียด
เขาเปิดประตูห้องนอนใหญ่ ซึ่งตระเตรียมไว้สำหรับเป็นห้องหอแสนหวาน ห้องที่มีกลิ่มหอมอ่อนๆ ของเธอลอยอวลอยู่ในอากาศ ห้องที่มีร่องรอยของเธออยู่แทบทุกซอกทุกมุมและทุกอณู
“ผมจะเก็บห้องไว้แบบนี้ก็แล้วกัน มันจะได้เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำระหว่างเรา...ดีมั้ยบัว?”
เขายิ้มร้าย ขณะดวงตาคมดุแสนเย็นชาคู่นั้นซ่อนความเศร้าอย่างลึกเร้นเอาไว้ เขาเดินผ่านห้องนอนตรงไปยังห้องทำงานของเขา เพราะต้องการจะพูดคุยกับใครบางคน โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าข้าวของในห้องนอนได้เปลี่ยนแปลงไปบางส่วนแล้ว
เขาเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ไขกุญแจเปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านล่างสุด แล้วหยิบภาพถ่ายในกรอบเก่าขึ้นมาดูด้วยสายตาภูมิใจ ซึ่งเป็นภาพถ่ายสมัยเรียนมัธยมของเขาและกลุ่มเพื่อนสนิท ในภาพนั้นมีอยู่ด้วยกันหกคน ทั้งอิศรา สราลี ทิวากร ธนินทร์ ราเมศ และ...
“ไอ้ต้น!” เขาเอ่ยชื่อเพื่อนสนิทที่สุดของเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ซึ่งในภาพนั้น ตุลธรยืนกอดคอกับเขาอยู่ด้านหลังกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในอิริยาบถเฮฮามีความสุข “ฉันทำให้นายแล้วนะ ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นได้รู้รสชาติของความเจ็บปวดแล้ว เธอโดนฉันทิ้งเหมือนขยะชิ้นหนึ่งเลย เหมือนที่เธอเคยทิ้งนายไง ตอนนั้นนายคงรักเธอมากสินะ รักมากจนลืมเพื่อนทุกคนไปเลย...ฉันยังจำวันที่นายกระโดดตึกโรงเรียนได้...ไม่เคยลืม...”
เขาไม่เคยลืมวันที่เพื่อนรักของเขากระโดดตึกโรงเรียนฆ่าตัวตาย วันที่ร่างนั้นนอนจมกองเลือดต่อหน้าเขาและเด็กทั้งโรงเรียน...
“วันนี้ไง...เราทุกคนจะไปหานายนะ”
อิศราเก็บภาพถ่ายใบนั้นไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม จากนั้นก็ออกจากห้องทำงาน เข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง เพราะตั้งใจจะอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่แล้วความเงียบงันในจิตใจของเขาก็ถูกกระตุกเตือน...
“อา...” สายตาคมดุกวาดมองไปทั่วห้องอย่างร้อนใจ เมื่อพบว่าภาพถ่ายคู่ของเขาและเธอหายไปจากที่เดิม อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้บางส่วนของหญิงสาว
“ใครเอาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขาเดินดูรอบห้องจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าถังขยะใบเล็กตรงมุมห้อง "ใครทิ้ง...ป้าแม่บ้านเหรอ แต่เรายังไม่ได้สั่งนี่...หรือว่า..."
ความสงสัยของเขายังไม่คลี่คลาย เมื่อวราลีเปิดประตูเข้ามาในสภาพสวมชุดแซ็กสีดำสวยงามและแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับการไปเคารพศพ
“ฉันปลุกทุกคนหมดแล้วนะ ตอนนี้พวกนั้นกำลังอาบน้ำกันอยู่ นายเองก็ควรอาบน้ำได้แล้วนะ อย่าลืมว่าวันนี้ไม่ได้ไปแค่ที่สุสาน แต่เราต้องไปที่โรงเรียนกันด้วย”
“อืม...” เขาตอบรับสั้นห้วนแค่นั้น เพราะใจยังว้าวุ่นสงสัยเกี่ยวกับเธอคนนั้น หากเธอคนนั้นเป็นคนทิ้งของพวกนี้เองกับมือล่ะ อย่างนั้นก็แสดงว่าเธอต้องรู้มาก่อนสิว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในคืนที่ผ่านมา
“วันนี้วันตายของต้น!!” วราลีย้ำให้อิศรารู้ด้วยสีหน้าเย้ยหยันและยิ้มเยาะตามถนัด สายตาสะใจบ่งบอกว่าบัวบูชาสมควรได้รับบทลงโทษจากความผิดในอดีต “ถ้าเวรกรรมมีจริงนะ วันนี้ยัยนั่นควรจะไปกระโดดตึกตายเหมือนกัน !!!”
“วราลี!” อิศราปรามเพื่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน สายตาขัดขุ่นและแฝงความไม่พอใจเอาไว้จนทำให้วราลียิ้มไม่ออกเพราะความผิดหวังซ่อนลึก นั่นเพราะเธอรู้สึกมาสักพักแล้วว่าเพื่อนที่เจ๋งที่สุดกำลังจะเปลี่ยนไป
“ทำไม ฉันพูดเรื่องจริง ไม่แน่นะ ป่านนี้ยัยนั่นอาจจผูกคอตายไปแล้วก็ได้!!”
“ออกไปได้แล้ว” เขาพยายามใจเย็น แม้ใจจะร้อนรน เขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่เกรี้ยวกราดใส่เพื่อน แม้ว่าเสี้ยวหนึ่งในจิตใจนั้นอยากจะบีบคอเพื่อนให้ตายคามือ “ออกไป...ขอเวลาครึ่งชั่วโมง แล้วจะรีบตามลงไป”
“อืม...” วราลียิ้มมุมปากด้วยความสะใจที่ยั่วโมโหจนอิศราเกือบจะเผยตัวตนออกมา “ฉันโทรให้ร้านดอกไม้เอาดอกบัวไปส่งที่สุสานแล้วนะ ดอกบัวจำนวน 999 ดอกที่เราจะเอาไปวางที่สุสานของต้นไง”
อิศรานิ่งงัน ก่อนจะเดินมาหาวราลีแล้วดันร่างเธอออกจากห้องแล้วปิดประตูปัง
“เฮ่อ...” เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำแล้วแช่ร่างอยู่ในอ่างอาบน้ำนานเกือบชั่วโมง โดยไม่สนเสียงตะโกนเรียกของเพื่อนที่แวะเวียนกันมาตามเขาที่หน้าประตูห้องน้ำอย่างเร่งร้อน
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง อิศราจึงยอมลงมาชั้นล่างของบ้านในสภาพเตรียมพร้อม นั่นก็คือสวมชุดสูทสีดำหรูเนี๊ยบเรียบแพงที่ส่งให้เรือนร่างของเขาดูสง่าและงดงามตั้งแต่หัวจรดเท้า
“กว่าจะลงมาได้ มัวทำอะไรอยู่...วันนี้ไม่ได้ไปแค่ที่สุสานเท่านั้นนะ เราต้องไปที่โรงเรียนด้วย...ป่านนี้ไอ้ต้นรอแย่แล้ว เฮ่อ” ธนินทร์ขอบ่นสักนิด ทั้งที่ตัวเองก็เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จไม่นาน
“ไปกันเถอะ” ทิวากรเอ่ยแค่นั้น ก่อนจะเดินนำทุกคนออกไปที่หน้าบ้าน ซึ่งมีรถหรูเปิดประทุนสามคันจอดรออยู่อย่างเป็นระเบียบ
“พวกนายล่วงหน้าไปก่อน” อิศราเอ่ยขึ้นตอนที่ทุกคนขึ้นรถไปแล้ว “ฉันขอจัดการเรื่องที่บ้านอีกนิดหนอย เดี๋ยวจะรีบตามไป”
สามหนุ่มงอแงเล็กน้อยแต่ก็ตกลงตามนั้น ขณะวราลีแอบกังวลห่วงว่าอิศราคิดจะทำอะไรอีก แต่เจ้าหล่อนก็ยอมขึ้นรถของธนินทร์ซึ่งขับเป็นคันสุดท้ายออกจากบ้านไป
อิศราหันหลังกลับเข้าบ้านด้วยความร้อนใจ เขาตรงเข้ามาในครัวทันที เพื่อจะสอบถามบางอย่างจากหัวหน้าแม่บ้านซึ่งเป็นพนักงานเพียงคนเดียวที่อยู่ประจำที่บ้านหลังนี้
“ป้าครับ...” เรือนแก้วกำลังแจกแจงงานให้กับลูกน้องทั้งสามคน ซึ่งจะช่วยกันทำความสะอาดบ้านในวันนี้ หลังปาร์ตี้ใหญ่สร้างความหายนะทั่วบ้าน
“คะคุณหนู”
“ผมขอคุยด้วยหน่อย”
เมื่อเจ้านายสั่ง เรือนแก้วจึงรีบเดินตามเจ้านายออกมาที่ห้องโถงใหญ่บริเวณส่วนหน้าของบ้าน
“ป้าได้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนผมรึเปล่า?”
“ยังค่ะ วันนี้จะเคลียร์ชั้นล่างและบริเวณสระว่ายน้ำก่อนน่ะค่ะ หรือว่าคุณหนูจะให้ขึ้นไปทำเลย งั้นป้า...”
“ไม่...ห้ามขึ้นไปทำเด็ดขาด!” เขาสั่งโดยอัตโนมัติ โดยไม่ผ่านสมองส่วนไหนทั้งนั้น “นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามป้าและทุกคนขึ้นไปทำอะไรที่ห้องนั้นเด็ดขาด ห้ามแตะต้องข้าวของทุกอย่าง ปล่อยไว้อย่างนั้น !!”
“แหม...ต่อไปคุณบัวจะเป็นคนทำเองใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่!” เขาตอบทันควันเสียงดังจนทำให้เรือนแก้วแอบสะดุ้งตกใจ เพราะคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึเปล่า
“ผมหมายถึง...” เขาจะบอกยังไงดี “หมายถึงอย่างที่ผมพูดนั่นแหละ ป้าสั่งทุกคนด้วยแล้วกัน”
“อ๋อ...ค่ะ” แม้ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรือนแก้วก็ไม่อยากเซ้าซี้เจ้านายที่กำลังดูตื่นเต้นรนราน เพราะกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน “จริงสิ เมื่อคืนป้าเห็นคุณบัวขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ตอนนั้นฝนตกหนักมากนะคะ ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงบ้าง ต้องไม่สบายแน่เลย ทำไมคุณหนูไม่ไปส่งคุณบัวล่ะคะ วันนี้เป็นวันสำคัญซะด้วย คุณหนูกำลังจะออกไปรับคุณบัวใช่มั้ยคะ”
เขาเงียบไปครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผมกำลังจะไปที่สุสาน”
เขาบอกแค่นั้นก่อนจะเดินจากมาอย่างเร็วเพราะไม่อยากตอบคำถามอะไรป้าเรือนแก้วอีก เขาขึ้นนั่งในรถเปิดประทุนคันหรูสีดำมันวับท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนานหลายนาที ก่อนจะตัดสินใจขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร็ว
รถของเขาควรจะมุ่งหน้าไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่สุสานอันเงียบสงบ แต่เขากลับขับรถไปตามเส้นทางที่นำสู่บ้านของหญิงสาวและตลาดแห่งนั้น
“ขับมาทางนี้ทำไมวะ” เขาด่าตัวเองเมื่อได้สติ ขณะกำลังขับผ่านหน้าปากซอยบ้านของเธอพอดี ซึ่งกำลังวุ่นวายเพราะกลุ่มไทยมุงขนาดใหญ่ทั้งสองฟากถนน “อะไรวะ”
เสียงวอที่ดังมาแต่ไกลทำให้รถคันที่ขับอยู่ด้านหน้าเขาจอดอย่างกะทันหัน รวมทั้งคันอื่นๆด้วย จึงทำให้เขาต้องจอดรอไปด้วยเพื่อให้ทางแก่รถมูลนิธิและรถพยาบาลที่กำลังขับเข้าไปในซอยนั้นอย่างเร่งร้อน
“เกิดอะไรขึ้น???” เขาทนความอยากรู้ไม่ไหว จึงขับเทียบริมฟุตบาทแล้วตะโกนถามกลุ่มคนที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ “ขอโทษนะครับ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
“มีคนผูกคอตายน่ะ”
เขาตกใจไปวินาทีหนึ่ง ก่อนจะได้สติ ถามรนราน “ใครครับ...ใคร ใครหรือครับ...”
“ผู้หญิง...บ้านอยู่ท้าย ๆ ซอยน่ะ”
เขาช็อค ใจตกหาย ตัวเย็นวาบ ในหัวเหมือนไฟดับพรึ่บแล้วมืดสนิท...แล้วเผยใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแจ่มชัดในความมืดมนอนธการ ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้หนักหนาสาหัส ดวงตาเศร้าอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความแค้น...หากเป็นผู้หญิงคนนั้นล่ะ หากเธอทำมันจริง ๆ เหมือนที่วราลีว่าล่ะ หากเป็นผู้หญิงที่ชื่อบัวบูชาล่ะ?
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้วงความคิดอันฟุ้งซ่าน เขาตกใจสะดุ้งหลุดจากภวังค์อันดำมืด
“ไม่...ไม่ใช่...ไม่ใช่เธอหรอก” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทาแล้วกดรับสายจากทิวากร
“มาได้แล้ว ทุกคนรออยู่”
“อืม....”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ติดตาต่อไปอัพเพิ่มนะคะ
รอตอนต่อไปคะ
ตัดกันให้ขาดไปเลยนะ ขอให้กรรมตามสนองนายและเพื่อน
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จ้า ฝากตอนใหม่ด้วยนะคะ