ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN] ♡ See the light. {Minho & Taehyun | minam} -end-

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 16

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 581
      3
      2 ก.ค. 57

    Chapter 16

     

     

     

     

     

                 “แทฮยอนมีอะไรรึเปล่า ?”

     

                 หลังทานข้าวเสร็จแทฮยอนก็ลุกออกไปทันที เป็นนิสัยเดิม ๆ แบบที่ทำมาตลอด หลายคนตอนแรกก็ไม่พอใจเท่าไรที่อายุน้อยที่สุดแต่ทำตัวแบบนี้ แต่พออยู่ไปนาน ๆ คนตรงหน้านี่ก็ดูไม่มีพิษสงอะไรเลยปล่อยให้มันเลยตามเลย มินโฮเองที่พอรู้อยู่ว่าแทฮยอนนิสัยยังไงเลยไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความ

     

                 มินโฮเดินตรงเข้ามาพบแทฮยอนที่กำลังใส่เสื้ออยู่ หลายครั้งที่เห็นแบบนี้ แต่ทุกครั้งเขาก็หยุดใจสั่นไม่ได้สักที ไม่รู้จะพูดออกมาเป็นความรู้สึกยังไงแต่พอเห็นแทฮยอนหันมามองหน้าด้วยสายตากวน ๆ ก็อดคิดไปซะสนิท

     

                 “พี่เคยชอบผม ? หรือไง ?”

                

                 มินโฮยืนนิ่งเป็นรูปปั้น จะบอกว่าเขาชอบแทฮยอนเขากล้าพูดได้เลยว่ามันไม่ใช่ แต่ถ้าจะให้พูดว่าไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่ถูก มันโอเคมากที่ได้อยู่กับแทฮยอน และมันไม่โอเคเลยถ้าหากแทฮยอนบึ้งตึงใส่กัน นี่เป็นเพียงความรู้สึกในตอนนี้ที่เขาไม่คิดจะหาคำตอบเพิ่ม

     

                 จนกระทั่งแทฮยอนมาถาม

     

                 “ไม่รู้ดิ...” มินโฮถอนหายใจ “ไม่รู้แบบ... ไม่รู้จริง ๆ”

     

                 “ถ้าผมจะเล่าอะไรให้พี่ฟังสักอย่างพี่จะเชื่อมั้ย ?”

                

                 แทฮยอนกัดปาก เขาชั่งใจมานานแล้วว่าจะพูดมันออกไปดีหรือเปล่า แต่มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะฮันบินเองก็รู้ นับประสาอะไรกับมินโฮที่อยู่ทีมเดียวกัน เขาคงไม่คิดมากที่ได้รู้ความสามารถของเขา อาจจะดีใจด้วยซ้ำไปที่ได้มีคนช่วยทำเพลงให้เพราะขึ้น แต่แทฮยอนพูดได้เต็มปากเลยว่า ตอนนี้เขาแคร์ความรู้สึกของมินโฮมากกว่าฮันบินเสียอีก

     

     

                 “เรื่องอะไรเหรอ ?”

     

                 “ผมเห็นหมดทุกอย่างแหละ เห็นหมดว่าใครคิดอะไรกับผม... เห็นในที่นี้หมายถึงเห็นจริง ๆ”

     

                 “...”

     

                 “มันอาจจะดูไม่น่าเชื่อ แต่ฮันบินก็รู้..”

     

                 “เนี่ยเหรอที่ทำให้สนิทกับฮันบิน ?”

     

                 แทฮยอนจ้องมินโฮตาไม่กระพริบ มินโฮเองก็รู้สึกได้ถึงความแปลกใจปนสงสัยของคนตรงหน้า เขาไม่สนใจหรอกว่าแทฮยอนพูดมามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เขาเองก็พอรู้ว่าเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรมันสามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าจะนอกเหนือวิทยาศาสตร์หรือนิยามได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ตราบใดที่อีกฝ่ายกล้าพูด เขาเองก็กล้าเชื่อ

     

                 แต่ที่เขาสนใจคือทำไมแทฮยอนต้องเจาะจงพูดเรื่องนี้ให้ฮันบินฟังทั้งที่เป็นอีกทีม ใช่ อีกทีม มินโฮรู้ดีว่ามิตรภาพมันมีอยู่จริง แต่การแข่งขันมันคือการแข่งขัน เป็นไปไม่ได้ที่ความคิดอยากเอาชนะจะไม่ได้อยู่ในหัวของแต่ละคน ถ้าหากแทฮยอนเชื่อใจฮันบินมากกว่าคนที่รู้จักกันมานานอย่างเขาแล้ว มินโฮก็ไม่รู้จะอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร

     

                 จะว่าพาลมันก็คงใช่ แต่มินโฮหวงแทฮยอนจริง ๆ

     

     

                 “ผมรู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ ถ้าจะพาลก็พาลผมนี่”

     

                 “ไม่ได้โกรธอะไร แค่ไม่เข้าใจเฉย ๆ”

     

                 “ผมก็ไม่เข้าใจว่ะ...” แทฮยอนขยี้ผมตัวเอง “ทำไมถึงบอกฮันบินไป”

     

                 “ชอบฮันบินรึไง ?”

     

                 “ไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละ ...พอใจที่จะคุยกับใครก็คุย แค่นั้น”

     

                 “แล้วพอใจจะคุยกับพี่รึเปล่า ?”

     

                 “ไม่พอใจจะเรียกมาคุยแบบนี้มั้ย ?”

     

                 ตามสไตล์แทฮยอน ตอบคำถามด้วยคำถาม แต่แค่นั้นก็ทำให้พี่ผิวเข้มยิ้มออกมา แทฮยอนก็ไม่รู้ว่าไอ้บ้าตรงหน้าเขานี่เป็นอะไร ทำไมถึงเป็นคนแปลก ๆ ได้ขนาดนี้ แต่แทฮยอนก็รู้สึกดีที่มีพี่คนนี้คนไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ๆ แทฮยอนยิ้มมุมปากกลับไป มองตากันเหมือนรู้ว่าแค่นี้มันก็โอเคแล้วสำหรับทั้งมินโฮและแทฮยอน  แค่ไม่ต้องทะเลาะกันหรือเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้มันก็โอเคแล้ว

     

     

     

     

     

                

                               B.I : เจอคนนั้นไวจังเลยนะ คิคิ

     

     

                 “ไอ้เด็กบ้า”

     

                 แทฮยอนกัดฟันกรอดพลางสบถอย่างลืมตัว แบบนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าโดนแซว ? แทฮยอนหัวเราะหึก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบไปอย่างรวดเร็ว

     

     

                               Taehyun : ไปรู้อะไรมาอีกล่ะ ?

                               Taehyun : เรื่องมินโฮรึไง

     

     

                 ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร แต่ก็ต้องถามไว้ก่อนเดี๋ยวอีกฝ่ายจะหาว่าร้อนตัวไป ไม่รู้ว่าใครปากไวไปเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง ถ้ารู้เมื่อไรไม่รอดเงื้อมมือแทฮยอนไปแน่

     

     

                               B.I : ช่าย ก็รู้กันหมดแหละ

                               B.I : คนนี้โอเคมะ ?

     

                                                                                    Taehyun : คิดว่าตัวเองเป็นใครฮะ ?

                                                                                    Taehyun : ถามเป็นแม่เลย

     

                               B.I : ใจร้าย

     

     

                 แทฮยอนหัวเราะขึ้นก่อนจะพิมพ์ข้อความสุดท้ายไปว่า จะไปซ้อมแล้วนะแล้วมุ่งตรงไปยังหน้ากระจกถึงโทรศัพท์จะสั่นจนแทบจะตกโต๊ะไปแล้วก็เถอะ ไม่สนใจหรอกว่าฮันบินจะถามอะไร ไว้ค่อยเล่าตอนเจอกันดีกว่า แบบนี้เดี๋ยวมีหลักฐานให้เจ้าบ้านี่ไปเมาท์อีก

     

     

                 “หัวเราะอะไร คุยกับฮันบินรึไง ?”

     

                 “แล้วจะทำไม ?”

     

                

                 สายตากวนส่งไปให้มินโฮ ถึงเป็นประโยคนิ่ง ๆ แต่น้ำเสียงไม่ได้นิ่งอย่างที่คิด มินโฮหัวเราะขึ้นก่อนที่ทุกคนจะมาประจำพร้อมกันอยู่ในห้องซ้อม

     

     

                 “ช่วงนี้ยิ้มบ่อยนะแทฮยอน ไม่ค่อยทำหน้าบูด” ซึงฮุนมาถึงก็ทักแทฮยอนที่กำลังอมยิ้มอยู่

     

                 “ก็ยิ้มตลอดปะ ?”

     

                 “เห้ยจริง ๆ แต่ก่อนนี่เห็นหน้ามินโฮไม่ได้ เหมือนจะตาย” ซึงยุนสมทบ

     

                 ป้าบ!

     

                 แล้วก็ได้รับฝ่ามือพิฆาตจากแทฮยอนไปหนึ่งที

     

                

                 เพลงเริ่มต้นขึ้น ทุกคนประจำที่ วันนี้การซ้อมของเขาเป็นการซ้อมเต้นที่ซึงฮุนบอกว่าพัฒนาท่าใหม่แล้วเรียบร้อย ในทีมมีแทฮยอนที่พอเต้นบีบอยได้เลยเข้าทางถนัดมากกว่าใคร ซึงฮุนไม่ถนัดการออกแบบท่าเต้นที่ต้องเต้นเป็นทีม ผิดกับทางฮันบินที่ประยุกต์ท่าให้เข้ากับแต่ละคน และเชื่อมโยงมันได้ดีมาก ซึงฮุนรู้ดีและกำลังพยายามอยู่

     

                 ความเชื่อใจในทีมเอมีน้อยกว่าทีมบีอย่างเห็นได้ชัด ต่างคนต่างที่มาและต่างกันโดยสิ้นเชิง อายุที่มากกว่าทีมบีมันเลยไม่สนิทใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับใครไป เป็นเหมือนจุดด้อยของทีม ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่เคยทำอะไรที่เรียกได้ว่า โซโล่ มาโดยตลอด ครั้นจะให้มาทำอะไรร่วมกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

     

                 ท่าเต้นของครั้งนี้ยากกว่าทุก ๆ ครั้ง ทำเอาทุกคนเหนื่อยอ่อนไปหมด และแทฮยอนที่ต้องสไลด์ไปกับพื้นด้วยไหล่ก็ทำมันซ้ำ ๆ จนในที่สุดก็ถึงขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง

     

                 “โอ๊ะ ! โอ๊ย !!

     

     

                 เสียงร้องของแทฮยอนดังขึ้นเมื่อการกระแทกพื้นผิดจังหวะทำให้เขารู้สึกเหมือนไหล่จะหลุด ใช่ มันเป็นถึงขนาดนั้นแต่ถ้าเป็นแทฮยอนแล้วถึงไหล่หลุดก็ต้องทำเหมือนรู้สึกแค่แผลถลอกเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่รู้จะต้องเข้มแข็งไปถึงเมื่อไร

     

                 ทุกอย่างอยู่ในสายตาของมินโฮ แทฮยอนไม่ใช่คนที่เข้มแข็งขนาดนั้น ถึงจะก้มหน้าแต่ก็สังเกตเห็นได้ว่าขอบตาเรียวมันรื้นไปด้วยน้ำตา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ็บแค่ไหน แต่แทฮยอนก็เอาแต่พร่ำบอกว่า ผมไม่เป็นไร’ ‘ผมไหวจนซึงฮุนและซึงยุนต้องเอ่ยปากบอกให้ไปพักก่อน ถึงจะยอมไปนั่งหลบมุมห้องซ้อม

     

     

                 ถึงทุกคนจะพยายามประคองแทฮยอน ปลอบแทฮยอนหรืออะไรก็ตาม แต่คนตัวขาวก็เอาแต่พร่ำบอกว่า ไม่เป็นไรหรือไม่ก็ พี่ไปซ้อมต่อเถอะ ซ้อมร้องเพลงก็ได้ เหมือนรู้กันว่าถ้าแทฮยอนพูดแบบนั้น มันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ แทฮยอนไม่ใช่คนชอบประชด ทุกคนจึงรับคำของแทฮยอนแล้วไปซ้อมต่อ ผิดกับมินโฮที่ยังไม่ยอมไปไหน

     

                 “พี่ก็ด้วย ไปซ้อมเลย”

     

                 “ไปได้ไง มีเด็กขี้แยอยู่ตรงนี้”

     

                

                 แทฮยอนหน้าขึ้นสี ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกับคำพูดของมินโฮ รู้สึกตัวอีกทีมินโฮก็มานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาแล้ว มือขาวของแทฮยอนบีบคลึงที่ไหล่อยู่อย่างนั้น ส่วนมือของมินโฮก็โอบลงไปที่ไหล่ลาด ทำเอาแทฮยอนเขินอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรออกมา

     

                 ก็มันช่วยให้รู้สึกดีได้จริง ๆ

     

     

                 “เจ็บแล้วจะทนทำไมกัน...”

     

                 “...”

     

                 “อ่อนแอบ้างก็ได้...”

     

                 “เจ็บว่ะพี่...” มือขาวปาดน้ำตา “ผมโคตรเหนื่อยเลย...”

     

                 “...”

     

                 “มันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหม...”

     

                 “..อะไร ?”

     

                 “...เมื่อไรจะได้เดบิวต์”

     

     

                 ไม่ต้องพูดอะไรต่อ มินโฮก็โอบร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เด็กเทรนทุกคนย่อมเข้าใจความรู้สึกนี้อยู่แล้ว มันเหมือนมีความฝัน แต่ไม่รู้ว่าที่ตั้งของความฝันอยู่ที่ใด ไม่รู้ว่าจะต้องต่อสู้ไปอีกนานแค่ไหนถึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ถึงจะได้เดบิวต์ แต่จะเรียกว่าประสบความสำเร็จก็ยังไม่ได้อยู่ดี มินโฮเข้าใจเรื่องนี้ดี เขาเคยเจอเรื่องเจ็บปวดพวกนี้มาแล้ว และจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง

     

     

                 “โคตรเหนื่อยเลย เหนื่อยมาก...” แทฮยอนพูดอู้อี้

     

                 “...”

     

                 “ผมอยู่กับใครไม่ได้ผมเลยต้องออกมาจากโรงเรียน เมื่อไรผมจะมีที่ยืนสักที เมื่อไรกัน...”

     

                 “...แทฮยอน” มินโฮกระซิบเบา ๆ

     

                 แทฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียกชื่อ คนที่เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องมาร้องไห้ให้เห็น

     

                 “อยู่ตรงนี้ไง อยู่กับพี่...”

     

     

     

                

     

     

                 “พี่แทฮยอนเป็นไงบ้างอะ ?”

     

     

                 เสียงโหวกเหวกดังลั่นห้องเมื่อทีมบีเข้ามาหาแทฮยอนที่ไหล่เจ็บ ทำเอาพี่ ๆ ปวดหัวกันไปหมด แต่แทฮยอนก็ยิ้มหวานให้ทุกคนบอกไม่เป็นไร ๆ ตลอดเวลา

     

     

                 “พี่แทฮยอนนี่นางฟ้าตลอด โหย ชอบ” เป็นบ็อบบี้ที่อวยไม่เลิก

     

                 “จีวอนนี่ถามจริง ชอบพี่แทฮยอนรึไงวะ” ยุนฮยองปราม

     

                 “ไม่รู้ดิวะ แต่ดูดิพี่แทฮยอนโคตรน่ารักอะ ถ้าผมยาวนี่จีบ บอกเลย เสียดาย”

     

     

                 พอจีวอนพูดอะไรสยิว ๆ มา แทฮยอนก็ถึงกับกุมขมับก่อนจะโบกมือปัด ๆ ไล่ตัวกวนและมักเน่ไลน์ที่คอยเอาแต่ถามว่าไปเที่ยวกับมินโฮมาเป็นยังไงบ้าง ซึ่งนั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทุกคนมาเยี่ยมเขาเลย

     

                 ฮันบินลงมานั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นที่แทฮยอนนั่งอยู่ มองด้วยสายตากวนเล็กน้อย จนแทฮยอนต้องส่ายหัวเบา ๆ ฮันบินยิ้มมุมปากก่อนจะถามอาการซึ่งแทฮยอนเข้าใจอยู่แล้วว่ามันคือการถามพอเป็นพิธีแค่นั้น สิ่งที่ฮันบินพูดมาหลังจากนี้ต่างหากคือความจริง

     

     

                 “ไม่ตอบไลน์เลยนะ”

     

                 “เออ ยังไม่ได้อ่านเลย”

     

                 “รู้แล้วล่ะ” ฮันบินลุกขึ้นมานั่งข้างแทฮยอน “พี่มินโฮโอเคมะ ?”

     

                 “เหมือนนายเลย พี่มองไม่เห็น...”

     

                 “คนที่พี่มองไม่เห็นนี่ตอนหลังจะต้องสนิทกับพี่ทุกคนเลยรึไง ฮ่าๆ”

     

     

                 ฮันบินหัวเราะขึ้น แต่พอหันไปมองแทฮยอนที่ขมวดคิ้วเอียงคออยู่ก็เลยหยุดขำไปแล้วเกาท้ายทอยแก้เก้อ แทฮยอนเริ่มรู้สึกว่าหรือนี่จะเป็นภูมิคุ้มกันของธรรมชาติที่ปกป้องหัวใจของเขาไม่ให้เจ็บปวด หากมองเห็นความรู้สึกของทุกคนมันจะแย่ไปหรือเปล่า ยิ่งเป็นคนที่สำคัญกับชีวิตแล้ว การไม่รับรู้อะไรมันคงจะดียิ่งกว่า

     

     

                 “อาจจะใช่นะฮันบิน...” แทฮยอนถอนหายใจ “อย่างน้อยก็สนิทใจที่จะคบหา”

     

     

                 “พี่คิดมากเกินไปนะ อยากมองไม่เห็นไม่ใช่เหรอ นี่ไง คนที่พี่มองไม่เห็นก็อยู่ตรงนี้แล้ว อย่าคิดมากเลย”

     

     

                 แทฮยอนพยักหน้ารับ อาจจะจริงที่ฮันบินพูดก็ได้ เพราะถึงอย่างไร ธรรมชาติก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขาเสมอไป อย่างไรธรรมชาติก็มีกลไกการทำงานทำงานของมัน ที่จะช่วยปกป้องเรา ทำให้เรารักตัวเองและสนิทใจที่จะรักคนอื่นได้ ทุกคนถูกสร้างมาเพื่ออยู่ร่วมกัน อย่างน้อยนี่อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้แทฮยอนรู้สึกว่าตัวเองไม่โชคร้าย

     

                 คนเราจะรู้สึกสบายใจเมื่อได้เชื่อ ถ้าเชื่อแล้วทำให้รู้สึกดี คงไม่แปลก ถ้าแทฮยอนจะขอเชื่อไปแบบนี้...

     

     

     

     

     

     

    >> TO BE CONTINUED.

     

     
     

     

    △△△△△

    ฉลองผลแอดออก ได้ SCCU#81 นะคะ เย่ะ ><
    #ฟิคแสง

    with love : vizecoren.





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×