ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 13 สายลมแห่งสารพันปัญหาพัดผ่าน ในช่วงวันเช้งเม้ง ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21
      0
      19 ก.ค. 63

              ที่สุสานเหล่าวีรบุรุษสงคราม สามวันถัดมา
              "นึกว่า พวกนายจะไม่มาเสียแล้วน่ะ" ทินเหมาลีกล่าว เมื่อเห็นพีวิล เจเนล จายด์ จิล มาสวาร์ทาร์และสเปียริทมาถึง โดยที่ทินเหมาลีอยู่กับกริมเบอรี่และแอนเดรีย
              เจเนลกล่าว "ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ต้องมาอยู่แล้วละ อย่างน้อย เวลานอน พวกบรอนเซอรูทจะได้ไม่มาบ่นในฝันเลยน่ะ"
              "นั้นสิน่า โดยเฉพาะอาเฮียหกนิ เก่งมากในเรื่องแกล้งตอนหลับเลยน่ะ" กริมเบอรี่กล่าว
              จิลกล่าว "แน่ละ ใครใช้ให้เธอนอนกลางวันกันเล่า ฟันดิวเรคเลยหาเรื่องแกล้งได้แกล้งดีน่ะ"
              "ว่าแต่ โมคุโตะและแซนรอฟล่ะ" จายด์บอก ทินเหมาลีเลยชี้มาที่โมคุโตะ ซึ่งมากับแซนรอฟและลูกทั้งสี่ตน มาพร้อมกับหญิงสาวผมสีบลอนด์ในชุดกระโปรงสีครีม ซึ่งพาเด็กห้าตน ชายสามหญิงสองเดินมาด้วยกัน
               "ฉันคิดว่าเธอจะงานยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเยี่ยมเยือนพวกบรอนเซอรูทกันแล้วน่ะ ริเกิร์ล" สเปียริทกล่าวกับสาวผมบลอนด์ที่มากับเด็กห้าตน
              "ฉันรู้ดีคะ ว่าการที่ฉันต้องรับผิดชอบงานนั้น ย่อมหมายถึงฉันไม่มีเวลามาดูแลพวกลูกๆของฉันไปด้วย จนทำให้ลูกของฉันถูกคนไม่ดีชักจูงให้กลายเป็นคนเลวนะสิ" ริเกิร์ล หรือเรฟอนล่า ประธานบริษัทริธฟอนโซ่เซคิวไรท์กล่าวขึ้น "สวัสดีลุงๆป้าๆหน่อยนะจ๊ะ รีบรอน รีเซท รีทอฟ รีดิวต้า และรีแชนน่า"
               ลูกทั้งห้าก้มคำนับต่อพวกพีวิลและบอกว่า "สวัสดีครับ/คะ คุณลุง คุณป้า"
              "สวัสดีจ๊ะ พวกเธอทุกๆคน หวังว่าพวกเธอคงจะไม่เล่นซนกันบ้างน่ะ" สเปียริทกล่าว แซนรอฟ จอมยุทธ์ผิวหินผาบอก
               "พวกเราดีใจมากนะครับ ที่พวกคุณมาด้วย แม้ว่า ภรรยาของผมนั้นจะออกไปดวลกับคุณแอนเดรียกันเมื่อ 3 วันก่อนก็ตามนะครับ"
              "นั้นคงลำบากนายไม่น้อยแล้วน่า ที่ต้องเลี้ยงลูกอีก 3 รายต่อน่ะ" เจเนลบอก "แต่ตอนนี้ เราอย่าเสียเวลาอยู่เลยน่ะ บรอนเซอรูทและพวกคงรอเก้อแล้วละ"           ทินเหมาลีกล่าว "งั้นเรามาจัดการกันเลยดีกว่าน่ะ"
              แล้วทั้งหมดก็จัดไหว้เช้งเม้ง ซึ่งเป็นวันรวมญาติและวันไหว้บรรพบุรุษของชาวจีนอันเก่าแก่ โดยจัดไหว้กันตรงหน้าสุสานของญาติและบรรพบุรุษ แม้ว่าเวลาผ่านพ้นไปราว 200 ปี จนคิดว่าประเพณีนี้ได้สาปสูญไปกับกาลเวลาของยุคทองนี้ แต่ก็ยังมีผู้สืบทอดและกระทำสืบต่อกันมา แม้จะมีน้อยคนเลยก็ตาม อนึ่ง แม้ว่าแปดพี่น้องจอมยุทธ์มิวแทนอยด์จะมิได้มีสัญชาติจีนโดยแท้ เพราะพวกเขา ถูกสร้างขึ้นโดยไวซ์ไมเซลและไวซ์แลงค์ เพื่อให้พวกเขาเป็นกำลังรบในการคุกคามโลกเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ด้วยการเรียนรู้ประเพณีจากปรมาจารย์เฟยหลง เจ้าสำนักหมัดมวยบนเขาหอเมฆา ซึ่งได้พาพวกบรอนเซอรูทลงมาไหว้สุสานตรงตีนเขามาตลอด 20 ปี ทำให้พวกเขาเรียนรู้และทำตามไว้ แน่นอน ว่าเมื่อวันใดที่พวกเขาสูญเสียใครไป วันนั้นก็คือวันที่พวกเขาได้พบปะกับพี่น้องที่จากไปเช่นกัน "ฉืบบบ ฉืบบบบ ฉั้วะ ฉับบบบ" เจเนล มาสวาร์ทาร์และแซนรอฟผ่าฟักเขียวสดออกเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เป็นตัวปักธูปเทียนสำหรับไหว้เจ้าที่ข้างสุสาน และไหว้ตรงหน้าป้าย พร้อมกับอาหารที่พวกทินเหมาลีทำเอาไว้ด้วย ส่วนเนินบนสุสานนั้น กริมเบอรี่และพวกเด็กๆต่างช่วยกันโปรยดอกไม้ทั้งหลาย ลงบนเนินจนเนินสีเขียวมีสีสันสวยงามขึ้นมา
              "บรอนเซอรูท เซเทธ ทอฟคานิค ฟันดิวเรค เลอแชน  3 ปีผ่านไปแล้วน่ะ ที่พวกนายยังอยู่ที่นี้อย่างสงบสุข คอยดูพวกเราและพวกทินเหมาลี ช่วยเหลือกองรบของผบ.บัลโต้และประธานาธิบดีโคเคสกันมาตลอด แม้ว่าพวกเราจะมีอุปสรรค์น้อยใหญ่เกิดขึ้นมา พวกเราก็ยังอดทนและคอยแก้ปัญหาไป อย่างน้อยก็เพื่อให้พวกนายสบายใจได้บ้าง" พีวิลกล่าว
              เจเนลบอก "แม้พวกเราอยากจะเอาเถ้าถ่านของพวกนายกลับไปที่โลก แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะโลกไม่ต้อนรับเรา นับแต่เราทราบจากผบ.ฮาซาเดนมา ว่าพวกชาวโลกส่วนมาก รู้ว่าพวกเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้แพททริคกลายเป็นคนทรยศ ทั้งๆที่แพททริคเองคิดคดต่อสมาพันธ์อวกาศกันแต่แรกไว้น่ะ"
              "เราไม่รู้ว่า เวลาบนโลกได้ผ่านไปนานแค่ไหน แต่รู้เพียงแค่ว่า ที่นี้คือบ้านของพวกเรา และของพวกนาย ไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็ตาม พวกเราจะปกป้องดาวดวงนี้ไว้ให้ได้น่ะ" จายด์กล่าว
               จิลบอก "ถ้าพวกนายยังอยู่ พวกนายก็น่าจะเห็นฉันและลิเนียร์ตี้บนเวทีกันบ้างน่า และอยากให้พวกนายมาช่วยพวกเจเนลกันพวกแฟนคลับทั้งหลายด้วยน่ะ"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าแม้ฉันจะจำอดีตกันได้ ฉันก็ยังไม่ลืมพวกนายกันอยู่ดีหรอกน่ะ แม้ว่าพวกนายจะโชคไม่ดีที่ด่วนจากไปเสียก่อนน่ะ" สเปียริทบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "หวังว่าพวกนายคงรู้และรอตำหนิฉันอยู่หลังป้ายหลุมศพเลยสิน่ะ"
              "พี่ใหญ่คะ แล้วก็ทุกๆคนด้วย ตอนนี้พรรคบัวแดงของเรา เข้าสู่ปีที่สามแล้ว แม้ว่าพวกเราจะประสบปัญหาต่างๆนาๆกันไว้ แต่ฉันก็ยังมีโมคุโตะ มีกริมเบอรี่ มีทุกๆคนคอยช่วยเหลือกันไว้ จนประคับประคองให้สำนักเพลงหมัดมวยและศูนย์กลางการฝึกฝนของเหล่ามิวแทนอยด์อยู่ต่อไปได้แล้ว หวังว่าพวกพี่ใหญ่คงจะคอยอวยพรให้เราได้นะคะ" ทินเหมาลีบอก
               โมคุโตะบอก "พี่คะ หนูไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่ หนูได้ลูกคนที่สี่แล้วนะคะ แม้หนูพยายามจะอดทนอย่างมากแค่ไหน แต่ก็..." แซนรอฟหน้าแดงหลังจากที่โมคุโตะหันหน้าเข้ามา ".....หวังว่าพวกพี่ใหญ่คงจะให้อภัยหนูกันบ้างนะคะ"
              "คุณบรอนเซอรูทและทุกๆคนคะ ตอนนี้ ลูกๆของฉันและของคุณโมคุโตะต่างก็สบายดีกันแล้ว พวกเราต่างใช้ความพยายามในการเลี้ยงดูทุกๆคนให้เป็นคนดี ในฐานะของแม่อยู่ แม้ว่าฉันมีธุรกิจที่ต้องดูแลอย่างมาก ฉันยังไม่ละทิ้งการดูแลพวกลูกๆของคุณกันด้วยนะคะ" ริเกิร์ลกล่าว
              กริมเบอรี่กล่าว "อาเฮียทั้งหลาย วางใจได้เลยนะคะ ตอนนี้หนูช่วยอาเจ้รองและอาเจ้ห้ากันไว้อย่างแข็งขัน แม้จะมีจุดหนึ่งที่แอบงีบไปบ้างก็ตาม หนูก็จะทำหน้าที่ให้เป็นอย่างดีที่สุดเลยคะ"
              "ตอนนี้ พี่สาวของผมพยายามไม่น้อยในการส่งคนมาเลี้ยงดูลูกๆของผมอยู่ ผมก็พยายามไม่น้อยในการทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณโมคุโตะกันไว้ ถึงพวกเราจะขัดสนไปเพราะพิษเศรษฐกิจที่เข้ามา ในฐานะของหัวหน้าครอบครัว ผมเองก็อดทนเพื่อมิให้พวกคุณผิดหวังเลยนะครับ" แซนรอฟบอก
               แอนเดรียกล่าว "แม้ว่าพวกคุณรู้ว่าฉันเป็นเหมือนพวกคุณกันก็ตาม แต่ฉันก็จะสู้ต่อไป มิใช่แค่เพื่อปกป้องผู้อื่นตามเจตจำนงของฉัน แต่สู้ในส่วนของพวกคุณไว้ด้วย หวังว่าพวกคุณคงจะเข้าใจบ้างนะคะ"

              แล้วพวกพีวิลก็อยู่ไหว้วิญญาณของพวกบรอนเซอรูทต่ออีก 5 นาทีด้วยกัน
              "ว่าแต่ โฟรซ่า สเตฟอร์ดไม่มาเลยหรือ" โมคุโตะถาม
              พีวิลบอก "รุ่นพี่สเตฟอร์ดและรุ่นพี่โฟรซ่าต้องอยู่ฝึกพวกเฮเรเค้นที่เฟิร์สฮิลล์ โดยมีลิเนียร์ตี้ ไซโคลเนีย และพลัสเชอริทช่วยฝึกอีกแรง เลยมาไม่ได้น่ะ"
              "อีกอย่าง ถ้าให้ลิเนียร์ตี้มาด้วย เกิดมีแฟนคลับเลิฟลี่แองเจิ้ลโผล่มา รับรองได้เลย ว่าคนตายคงหลับไม่เป็นสุขแน่นอน" สเปียริทกล่าว
               กริมเบอรี่กล่าว "แสดงว่ากลุ่มแฟนคลับของลิเนียร์ตี้และจิลเหนียวแน่นเหมือนกาละแมผสมยางมะตอยละสิ"
              "เออ แบบนั้น มันเหนียวเกินไปหน่อยนะคะ" ริเกิร์ลกล่าว
              ทินเหมาลีบอก "นั้นสิน่ะ แหะๆๆๆๆ" แล้วก็ถามต่อ "แล้ว คลอเวฟ ยังสร้างหนี้ให้พวกนายอีกหรือเปล่าละ"
              "ถ้าจะถามว่านายหุ่นกระป๋องบื้อนั้นกู้หนี้กลับมาได้มั้ย บอกตรงๆเลยนะ ว่าหมอนี้แม้จะไม่สร้างหนี้เพิ่ม แต่ก็ไม่ลดหนี้เดิมลงอยู่ดีนี้แหละ" สเปียริทบอก
               เจเนลกล่าว "ขนาดให้ไปช่วยงานเนคมาดูซัมและฟิเกซในร้านกาแฟก็แล้ว ช่วยงานบริคซ์และโดซี่ในท่าเรือก็แล้ว ค่าจ้างที่ได้มานั้นมันยังไม่พอที่จะลดหนี้ลงไปเลยน่ะ"
              "แล้วตอนนี้ หนี้ของพวกคุณอยู่เท่าไหร่กันละครับ" แซนรอฟบอก
               แอนเดรียถาม "คุณคิดว่าคุณมีเงินจำนวน 94,500 แกลดอลอยู่หรือเปล่าละคะ"
              "เออ....บอกตามตรงนะครับ ว่ารายได้ของผมเองก็ยังไม่พอที่จะช่วยพวกคุณเลยนะครับ" แซนรอฟบอก
               ริเกิร์ลกล่าว "ที่จริง ฉันเองก็อยากจะช่วยนะคะ แต่....พอรู้ว่าคุณคลอเวฟยังไม่จ่ายหนี้ของพวกคุณเมื่อสองปีก่อนปุ๊บ ฉันก็ไม่อยากจะมีภาระที่ไม่มีทางได้จ่ายคืนไปได้เลยนะคะ"
              "ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย เราไม่อยากมีเจ้าหนี้อย่างประธานบริษัทริธฟอนโซ่เซคิวไรท์กัน โดยเฉพาะการเป็นหนี้ในระดับแสนแกลดอลขึ้นไปกันน่ะ" เจเนลกล่าว
              ทินเหมาลีบอก "แล้วเนคมาดูซัม ฟิเกซ และแอบไบออสล่ะ"
              "เนคมาดูซัมและฟิเกซไปที่สภาแกตเครด เพื่อไปชี้แจงให้กับพวกแกตไทซ์ที่ประจำการในดาวดวงนี้นะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลบอก "ส่วนสิบเอกนั้น ผบ.บัลโต้เรียกตัวให้ไปช่วยแก้ปัญหาบางอย่างเลยนะสิ"
              "ถ้าให้เดา พวกเวโนมิไนซ์ส่วนหนึ่งคงรู้เรื่องและลงมาที่นี้ เพื่อมาลองดีกับคุณแอนเดรียเลยสิคะ" ริเกิร์ลบอก
              สเปียริทบอก "แต่เธอเป็นประธานบริษัทที่รับผิดชอบระบบกล้องวงจรปิด ซึ่งสถานที่สำคัญๆส่วนมาก รวมถึงสถาบันวิจัยมิวแทนอยด์ก็ใช้บริการของเธอเอง เธอก็น่าจะจำกัดข้อมูลข่าวสารไม่ให้ออกนอกระบบดาวได้เลยนิ"
              "เรื่องนั้นฉันสามารถแก้ไม่ให้ภาพข่าวและฐานะของคุณแอนเดรียกระจายออกนอกระบบดาวไปได้จริง แต่ ระบบกล้องในสถาบันนั้น โดนควบคุมด้วยการใช้พลังไฟฟ้า ซึ่งสามารถทำลายระบบสกัดกั้นการทำงานจากระยะไกลไปได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสำนักงานใหญ่หรือในสาขาที่ใกล้กับตัวสถาบันวิจัยได้นะคะ" ริเกิร์ลบอก "และถึงพวกเราจำกัดข่าวสารไม่ให้กระจายไปที่เขตเมืองสำคัญๆ แต่ยังมีบางส่วนหลุดขึ้นไปที่ดาวแคสเซรอน-4 ได้อยู่ ซึ่งฉันได้รับแจ้งจากผู้ว่าการเซริซ่ามาเมื่อสองวันก่อนแล้วละคะ"
              จายด์กล่าว "ทางเราก็ได้รับเรื่องมาเมื่อวานด้วย แค่รู้ว่าพวกคุณพยายามขัดขวางก็ถือว่าเกินพอแล้วน่ะ"
              "คะ เพราะว่าเรื่องที่คุณแอนเดรียเป็นบุตรีของผู้ที่สร้างบิดรเทพและเป็นมิวแทนอยด์ระดับเอสคู่นั้น ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากๆให้กับประชาชนทั้งหมด ฉันจึงให้ข้อมูลของคุณแอนเดรียอยู่ในชั้นความลับระดับสูงสุด เพื่อมิให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้และเผยแพร่ข้อมูลไปได้ แม้ว่าจะทำหลังจากที่ข่าวนี้ถูกกระจายไปเลยก็ตามนะคะ" ริเกิร์ลบอก "ถ้าฉันรู้ว่าพวกมิวแทนอยด์ใช้พลังไฟฟ้าควบคุมระบบกล้องและเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายสื่อสารละก็ ฉันต้องรีบจัดการก่อนเลยนะคะ"
               มาสวาร์ทาร์บอก "แม้คุณจะทำหลังจากที่เรื่องมันกระจายไปแล้ว ก็ยังดีกว่าคุณไม่ลงมือทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันบานปลายไปเลยนะ"
              "ฉันทราบดีคะ ว่าเรื่องความลับภายในกองกำลังของพวกคุณเอง เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย นับแต่เลิฟลี่แองเจิ้ลยุติงานเพลงนั้น ได้ทำให้แฟนเพลงทั้งหลายเกิดความสนอกสนใจใคร่รู้มากจนล่วงล่ำขอบเขตความเป็นส่วนตัวอย่างแน่นอนนะคะ" ริเกิร์ลกล่าว "แน่นอน ว่านอกเหนือจากเรื่องของคุณแอนเดรียนั้น ยังมีเรื่องฐานะที่แท้จริงของคุณด้วยนะคะ คุณสเปียริท"
              สเปียริทได้ฟังก็ถามไปว่า "ริเกิร์ล พอจะบอกได้มั้ย ว่าเรื่องฐานะที่แท้จริงของฉันนิ มันมีกระจายไปตอนไหนละ"
              "เมื่อ 2 ปีก่อนคะ" ริเกิร์ลเล่าเกิร์นนำ "ในศูนย์รวบรวมข้อมูลผ่านระบบกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัยนั้น อยู่ๆก็มีข้อความถูกส่งเข้ามาโดยไม่ทราบตำแหน่งปลายทาง ซึ่งข้อความนั้น ฉันได้อ่านและได้สกัดขัดขวางเอาไว้ ไม่ให้หลุดออกไปโผล่ในเครื่องคอมทุกเครื่องในระบบดาวนี้ด้วยน่ะ"
              พีวิลถาม "ข้อความที่ว่านั้นมันเขียนว่ายังไงละ"
              "....." ริเกิร์ลเลยหยิบมือถือของเธอมาและเปิดภาพข้อความดังกล่าว
              เจเนลอ่าน "องค์หญิงผู้นำพาหายนะอยู่ในกองกำลังหัวหอกแห่งสหพันธมิตร เธอคือผู้ชักนำพวกเดลอาเนี่ยนเข้ามาก่อความวุ่นวาย กรุณาอย่าเข้าไปยุ่งหรือให้ความช่วยเหลือเป็นอันขาด นี้คือความหวังดีที่ให้ไว้ จาก เลดี้แห่งลาวอน" พออ่านจบ เจเนลก็สบถไปว่า "ฉันเก็ตแล้วละ ว่าทำไมชาวเมืองเนลแอนเจน่าถึงไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเรา โดยหาว่าเราเป็นตัวซวยกันน่ะ"
              "นั้นไม่แปลกหรอก ทหารในเนลแอนเจน่านั้น เป็นทหารชาวซัลคาเลี่ยนนะสิ" สเปียริทบอก "แน่นอน ว่าจีเนฟารี่ได้ส่งข้อความนี้จากดาวอาวาโฮ่-3 เข้ามาที่ดาวของเราได้นั้น แสดงว่ายังมีเศษเดนของแก็งค์ริดโอที่เหลือรอดเลยสิน่ะ"
               ริเกิร์ลพยักหน้า "คะ เพราะถึงแม้แก็งค์ริดโอจะสูญสิ้นไป แต่ยังเหลือสมาชิกในแก็งค์ส่วนหนึ่งที่รอดพ้นจากการจับกุมไว้ โดยมีกลุ่มหนึ่งพยายามจะฟื้นฟูแก็งค์ริดโอขึ้นใหม่ หรือไม่ก็ตั้งแก็งค์ของตนเองแทนที่แก็งค์เดิม ในขณะที่อีกส่วนนั้น ถ้าไม่ไปก่ออาชญากรรมเล็กๆน้อยๆเพื่ออยู่รอด ก็ต้องยอมก้มหัวด้วยการไปอยู่กับแก็งค์อื่นๆ โดยเฉพาะกับแก็งค์กริเดี้ยนโร็คนะคะ ซึ่งอย่างหลังนั้นเป็นไปได้มากที่สุดเลยนะคะ"
              "นั้นไม่แปลกหรอก ที่พวกกริเดี้ยนโร็คบุกเข้ามาจับตัวเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้ลงได้ ทั้งๆที่ดาวของเรามีมาตราการป้องกันการลักลอบเข้ามา ถ้าไม่เพราะว่ามีอดีตสมาชิกแก็งค์ริดโอที่ให้ความช่วยเหลือแก็งค์กริเดี้ยนโร็ค และนำคามาลตัสเข้ามาเลยน่ะ" เจเนลกล่าว
               มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่จริงๆแล้ว พวกสมาชิกแก็งค์ริดโอที่ให้ความช่วยเหลือนั้น หวังจะให้คามาลตัสและแก็งค์ถูกจับกุม เลยเรียกกรมตำรวจจนทำให้พวกเอสคอมที่ติดตามหาเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้ตามมาเจอ คามาลตัสที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เลยรีบชิ่งหนีและปล่อยให้สมาชิกแก็งค์ริดโอถูกจับกุมเสียเองน่ะ"
              "นั้นเป็นลูกน้องของริดโอบิทที่ยังหลบหนีการจับกุมไปได้นะคะ และการที่พวกเขายังอยู่ ก็เพื่อแก้แค้นที่ฉันและริบอยมีส่วนให้ริดโอบิทถูกฆ่าตายไป ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เดลอาเนี่ยนสังหารริดโอบิทตายไปนานแล้วคะ" ริเกิร์ลบอก "แต่เรื่องข้อความที่เลดี้แห่งลาวอนส่งมานั้น ก็ทำให้ฉันรู้ว่าคุณเป็นใครนะคะ คุณสเปียริท"
              สเปียริทพยักหน้า "แล้วเธอก็คงจะเชื่อในข้อความดังกล่าวเลยละสิ"
              "บอกตามตรงนะคะ คุณสเปียริท นั้นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจคุณไม่น้อย เพราะคุณเคยมีจิตใจดีและมีเมตตามาก่อน แต่คุณสูญเสียมันไปจากการถูกมองข้ามและปฏิเสธจากคนรอบข้าง จนเปลี่ยนคุณให้เป็นองค์หญิงที่นำพาหายนะมาให้ กับคนเลวร้ายทั้งปวง กับผู้รังแกและกลั้นแกล้งผู้อ่อนแอทั้งหลาย กับความเลวแหลกในสังคม และกับศัตรูผู้รุกรานทั้งหลายไว้ หากแต่ชาวซัลคาเลี่ยนส่วนมากกลับไม่คิดอีกด้านก็เท่านั้นเอง" ริเกิร์ลบอก "เหมือนกับแม่ของฉันที่ถูกมองข้ามเรื่องความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ด้านการประดิษฐ์และสร้างเครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัย เพียงเพราะแม่มีสถานะเป็นชนชั้นต่ำที่ใช้ความมานะพยายามในการเรียนรู้เพื่อช่วยเหลือแรซัลก้าให้ก้าวไกล ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งสูงๆที่ชนชั้นสูงใช้เงินซื้อตำแหน่งมาให้ จนแม่ต้องลงเอยกับคุณตาริธฟอนโซ่และเป็นภรรยาของริดโอบาราน่านะคะ"
               เจเนลบอก "เพียงแต่แม่ของเธอมิได้ออกอาละวาดหรือก่อเรื่องเหมือนที่สเปียริททำเลยละสิ"

              "คุณแม่เป็นคนเจียมเนื้อเจียมตนมาก อีกอย่าง คุณแม่เองก็รู้ ว่าการไปหาเรื่องต่อล้อต่อเถียงกับคุณพ่อบาราน่าหรือญาติๆนั้น ไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่าเลย เพราะแม่เคยเห็นตัวอย่างมาหลายรายแล้ว ดังนั้น คุณแม่จึงทำตัวเป็นผู้หวังดีให้ข้อมูลกับทางการเข้าขัดขวางแก็งค์ริดโอของคุณพ่อมาหลายครั้งไว้นะคะ เพื่อให้คุณพ่อและพวกยอมจำนนต่อกฎหมายเสียแต่โดยดี" ริเกิร์ลบอก และถอนใจ "แต่สุดท้าย ทั้งพวกคุณพ่อก็ดี พวกคุณริดโอบุลก็ดี ล้วนต้องตายเพราะความโอหังและคิดว่าพวกเขาเป็นผู้ที่เหนือกฎหมายกัน จนทำให้ริบอยต้อง...."
               สเปียริทบอก "การจากไปของริบอยคือการเสียสละ เพื่อให้พวกเราหยุดยั้งการกระทำโง่ๆของพวกริดโอ ที่ถูกวอลเดนสไตน์หลอกใช้ รวมถึงจัดการกับวอลเดนสไตน์ ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด รวมถึงเรื่องจุดจบของริดโอบาราน่ากันด้วย"
                "แม้ฉันได้ใช้ชีวิตใหม่ที่พวกคุณมอบให้มา ฉันก็รู้ดี ว่าฐานะความเป็นบุตรีนอกสมรสของริดโอบาราน่าคงไม่มีทางลบเลือนไปได้แน่ๆ" ริเกิร์ลกล่าว
               พีวิลกล่าว "แต่อย่างน้อย คุณก็ได้ทำให้พวกเราทั้งหมดยอมรับในความสามารถของคุณที่ได้รับสอนสั่งจากคุณแม่ของคุณ รวมถึงเจ้าสั่วริธฟอนโซ่ที่จากไปกันด้วย ซึ่งท่านคงจะภูมิใจที่คุณสานต่อเจตนารมณ์ของเขาต่อไปได้น่ะ"
              "และต่อให้ใครว่าอะไรมา ก็อย่าไปสนใจลมปากของพวกปากหอยปากปูกันเลย เพราะคนที่ทำแบบนี้เพื่อความสนุกและคึกคะนองนั้น คือคนที่ทำลายความเชื่อถือของคนรอบข้างให้พังทลายจนไม่เหลือใครอีกเลยนะสิ" ทินเหมาลีบอก "แน่นอน ว่ารวมถึงยัยจีเนฟารี่ด้วย ที่เธอพยายามจะใส่ไฟเพื่อเล่นงานเธอผ่านพวกเรา แต่แย่หน่อย ที่ริเกิร์ลหาทางสกัดกั้นเอาไว้ เลยทำให้ข้อความดังกล่าวนั้นถูกส่งไปยังบางกลุ่ม ไม่ได้กระจายไปทั่วทั้งดาวตามที่เธอเข้าใจไว้น่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "เพราะอย่างงั้น เธอเลยใช้แมนิเกเตอร์ปลอมไปปล้นสมบัติจากดาวต่างๆในสมาพันธ์อวกาศ เพื่อให้ตำรวจอวกาศมากักบริเวณระบบดาวไว้น่ะ"
              "แล้วข้อความนี้คงไปถึงมือท่านประธานาธิบดีด้วยละสิ" เจเนลบอก
               ริเกิร์ลกล่าว "โชคยังดี ที่ทางเราบล็อกการส่งข้อความจากภายนอกกันอยู่ตลอด และให้ข้อความนี้เป็นข้อมูลชั้นความลับระดับสูงสุด เพราะฉันรู้ดี ว่าหากข้อความนี้หลุดรั่วกระจายออกไป นั้นย่อมเกิดผลกระทบกันอย่างใหญ่โตแน่นอน เช่นเดียวกับกลุ่มทหารที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับคุณจนถูกพวกเดลอาเนี่ยนเล่นงานกันเป็นส่วนมากนะคะ"
              "นั้นทำให้เราได้ข้อสรุปแล้ว ว่าทำไม สองภารกิจก่อนหน้าที่พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตมานั้นถึงได้ล้มเหลวกันน่ะ" เจเนลบอก
               สเปียริทกล่าว "เพราะว่าพวกเขากลัวว่าการร่วมมือกับพวกเราที่มีฉันเป็นตัวซวยนั้น จะทำให้พวกเขาพลอยซวยไปด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ที่พวกเขาซวยนั้น เพราะพวกเขาประมาทพวกเดลอาเนี่ยนในคราวนี้เองต่างหากละ" และถอนใจขึ้นมา "ดูท่าว่าฉันจะแย่จนทำให้ใครหวาดกลัวกันไม่น้อยละสิ"
              "แต่อย่างน้อย เธอก็ยังมีพวกเรากันบ้างน่ะ สเปียริท ต่อให้ใครหวาดกลัวก็อย่าไปสนเลยน่ะ" ทินเหมาลีบอก
               สเปียริทพยักหน้า "ได้ยินเธอพูดมานั้น ทำให้ฉันรู้สึกดีไม่น้อยเลยละ"
              "ตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนมั้ยละ อย่างน้อย ท่านประธานของเราจะได้กลับไปทำงานกันเสียทีน่ะ" เจเนลบอก
               มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วคุณก็จะกลับไปที่สถาบันวิจัยต่อเลยสิน่ะ"
              "เกรงว่าฉันคงต้องกลับไปพร้อมคุณ เพราะฉันทำภารกิจที่ผบ.บัลโต้มอบหมายมาให้แล้วนะคะ" แอนเดรียกล่าว "เพียงแต่ ฉันต้องใช้เวลา3 วันในการฟื้นตัว ก่อนที่จะกลับไปทำงานตามระเบียบนะคะ"
              เจเนลกล่าว "แน่ละ วูลลิเซอร์คงไม่อยากให้เธอพังข้าวของในสถาบันอีกละสิ"
              "คุณเจเนลคะ พูดแบบนี้มันไม่ดีเลยนะคะ" แอนเดรียบอก
              พีวิลกล่าว "ถ้าเช่นนั้นพวกเราแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนเลยน่ะ" แล้วก็หันมาบอกลา "บรอนเซอรูท พวกเราขอตัวก่อนน่ะ" จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับไป

    TriVeser Manigator Saga: HyperstarTroopers
    ตอนที่ 13 สายลมแห่งสารพันปัญหาพัดผ่าน ในช่วงวันเช้งเม้ง


              "ฟ้าววววววว" ยานเพริบาทรอสทะยานตรงไปยังเฟิร์สฮิลล์ โดยมีมาสวาร์ทาร์และแอนเดรียโดยสารมา
              "พวกคุณพีวิลไม่มาด้วยนิ คงเพราะมีเรื่องสำคัญเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ในช่วงที่คุณไม่อยู่ที่เฟิร์สฮิลล์นั้น ผบ.บัลโต้พิจารณาเรื่องรายงานที่เราพบเจอที่ดาวอาวาโฮ่-3 ซึ่งเป็นที่กบดานของจีเนฟารี่จนได้ข้อสรุปแล้วนะสิ"
              "คงไม่ได้หมายความว่า จีเนฟารี่ซ่องสุ่มอยู่ที่ดาวเพื่อหวังจะบ่อนทำลายพวกเรา ด้วยการปล่อยข่าวฐานะของสเปียริทเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้าแล้วก็พูดต่อ "นั้นแค่เสี้ยวเดียวเองน่ะ เพราะ....การที่จีเนฟารี่มีแมนิเกเตอร์เลียนแบบทั้งสี่เผ่าที่เป็นกองรบภายใต้การนำของโอเวอร์เดสนั้น มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นแหละ...." แล้วก็หวนนึกถึงเรื่องเมื่อช่วงเดือนก่อน 2 วันหลังจากที่แอนเดรียถูกส่งไปที่สถาบันวิจัยมิวแทนอยด์แล้ว ที่กองบัญชาการกองรบที่ 11
              "ทางกรมตำรวจอวกาศส่งข้อมูลตัวหุ่นเลียนแบบแมนิเกเตอร์ทั้งสี่กลุ่มของจีเนฟารี่มาให้เราเช็คกันมาแล้ว....บอกตามตรงน่ะ ว่าความเป็นไปได้ที่เราไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น มันเป็นจริงขึ้นมาแล้วละ" บัลโต้เกิร์นนำ
               พีวิลบอก "ผบ.บัลโต้ครับ ความเป็นไปได้ที่ว่านั้น คงไม่ได้หมายความว่า...."
              "ถูกแล้วละ พีวิล จีเนฟารี่มีแผนจะใช้แมนิเกเตอร์เลียนแบบกองรบทั้งสี่ของโอเวอร์เดส ซึ่งสร้างขึ้นมาใหม่บนโลกนั้น เอามาใช้รุกรานอีสทาล่าฟรอนเทียร์กันในไม่ช้านะสิ" บัลโต้บอก
               คลอเวฟกล่าว "มันไม่น่าเป็นไปได้หรอกน่า ผบ.บัลโต้ สี่กองรบของโอเวอร์เดสกับฐานทัพล้องจุ้นไปด้วยน้ำมือของพวกเราแล้ว ไม่น่าที่จะมีใครสร้างกองรบขึ้นมาใหม่ได้เลยน่ะ"
              "ที่สำคัญ กองรบของพวกมนุษย์บนโลกนั้น เท่าที่ฟังมาจากผบ.ฮาซาเดนเล่ามา เห็นว่ามีกองทหารเฝ้าคุมอยู่รอบซากฐานทัพทั้งสี่แห่งด้วยกัน ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้เลย ที่จะมีใครแอบหลุดรอดเข้าไปได้เลยนิครับ" พีวิลกล่าว
               เดลิคบอก "ทีแรก ทางเราก็คิดเช่นนั้นน่ะ คุณพีวิล เพียงแต่....ตัวเลขของหุ่นที่เลียนแบบนั้นมันทำให้เราต้องเชื่อเสียแล้วละ" แล้วก็กดปุ่มเพื่อเปิดเลขรหัสดังกล่าว
              "SLNT-155418-12072211 เอ้..... 2211 นะหรือ เดียวสิ ซีเรียลเลข 4 ตัวท้ายของแมนิเกเตอร์นั้น...." โฟรซ่าอ่านตัวเลขขึ้น และตกใจเมื่อเห็นตัวเลข 4 ตัวท้ายมา
              จิลบอกด้วยความแปลกใจ "....10 ปีหลังจากมหาสงครามกับโอเวอร์เดสจบลงนิน่า นี้แปลว่าพวกนี้ถูกสร้างหลังจากที่เราออกจากโลกไปแล้วสิน่ะ"
              "แต่มันไม่น่าเป็นไปได้หรอกมั้ง คลอเวฟบอกเองนิ ว่าฐานทัพของสี่กองรบของโอเวอร์เดสพินาศไปหมดแล้ว ไม่น่าที่จะสร้างได้เลย แถมพีทก็บอกเอง ว่าทหารบนโลกก็เฝ้าซากฐานทัพไว้ด้วยน่ะ" เจเนลบอก
               มาสวาร์ทาร์บอก "ถึงมีคนเฝ้าอยู่ แต่พวกเขาคงไม่ได้เข้าไปเช็คภายในอย่างละเอียดกันหรอก เพราะพวกเขาคงคิดว่า ฐานทัพของศัตรูที่ปราชัยไปนั้น ไม่น่ามีอะไรหลงเหลืออยู่ในซากนี้ได้ ซึ่งนั้นเป็นความประมาทขั้นร้ายแรงอย่างมากเลยละ"
              "นายกำลังจะบอกว่า ผู้ที่เหลือรอดจากการต่อสู้กับโอเวอร์เดสนั้น ส่งคนลอบเข้าไปใช้งานภายในฐานทัพโดยที่ทหารเฝ้าอยู่มิได้ทราบเรื่อง หรือไม่ได้สนใจกับสภาพภายในอย่างงั้นละสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เพราะทั้งพวกเรา ทั้งท่านประธานาธิบดีและกองทหารทั้งหลาย  แม้กระทั่งพวกพันธมิตรมนุษย์บนโลกที่ร่วมรบกับพวกเรานั้น ต่างแน่ใจแล้วว่า การที่ตัวแม่ทัพใหญ่และฐานทัพใหญ่พังพินาศลง คือความปราชัยที่แท้จริง เลยไม่ได้สนใจที่จะไล่จัดการกับเศษเดนที่หลุดรอดมา ดังนั้น เรื่องที่ฐานทัพเก่าถูกใช้สร้างแมนิเกเตอร์กลุ่มใหม่นั้น ย่อมเป็นไปได้แน่นอน"
              "เราก็คิดเช่นนั้นน่ะ อีกอย่าง เราต่างรู้ดีแล้วว่า หากเราเป็นฝ่ายชนะโอเวอร์เดส เป้าหมายต่อไปของพวกมนุษย์บนโลกก็คือพวกเราอยู่ดีนี้แหละ" บัลโต้บอก           เดลิคกล่าว "และการไปของพวกเรานั้น ก็คือการเปิดโอกาสให้ผู้เหลือรอดในมหาสงครามบนโลก ฟื้นฟูขุมกำลังขึ้นมาเพื่อหาเรื่องกับพวกเราอย่างลับๆด้วย ซึ่งนั้นไม่แปลกใจเลย ที่จีเนฟารี่กบดานอยู่ที่อาวาโฮ่-3 พร้อมกับพวกแมนิเกเตอร์ปลอมเอาไว้น่ะ"
              "และการที่แมนิเกเตอร์ทั้งสี่เผ่ามีซีเรียลนัมเบอร์ที่ระบุว่าถูกสร้างขึ้นมาในช่วง 10 ปีต่อมานั้น แสดงว่าผู้เหลือรอดนั้นคงจะสร้างแมนิเกเตอร์เหล่านี้อย่างลับๆ โดยที่พวกมนุษย์บนโลกไม่ได้รู้เรื่องเลยสิน่ะ" จูเดทต้าบอก เดลิคพยักหน้า
               เพอซิอัสถาม "คงไม่ใช่ เกซิค อดีตลูกน้องของดยุคเคราซไซท์ ซึ่งก่อการประท้วงต่อต้านสภาขุนนางจนถูกจับไปลงโทษอย่างเงียบๆ หากแต่ถูกจับมาเป็นผู้คุมกฎช่วยงานให้กับบิดรเทพและกองรบที่เข้ายึดครองโลกเลยสิน่ะ"
              "เป็นเช่นนั้นละคะ จีเนฟารี่สารภาพมาแล้ว ว่าเธอกับเกซิคใช้การเทเลพอร์ตหนีออกจากยานไปซ่อนตัวอย่างเงียบๆนะคะ" สเปียริทยืนยัน
              บัลโต้บอก "ถ้าเป็นไอ้เวรเกซิคนั้น คงไม่แปลกใจแล้วละ ที่จีเนฟารี่จะมีกำลังรบที่เลียนแบบกองรบสี่เผ่าของโอเวอร์เดสลงได้น่ะ และมันคงทำเรื่องบ้าๆ โดยไม่มีครองคอร์ดมาเป็นก้างขวางคอกันแน่นอน"
              "ครองคอร์ดคงต้องรอดกลับมาได้แน่ๆเลยนะครับ" เดลิคบอก เจเนไซด์ทีมได้ฟังก็ถึงกับโมโห
               เจเนลบอก "ตลกน่า มาสวาร์ทาร์ยิงปืนใหญ่พลาสม่าเล่นงานครองคอร์ดจนระเบิดสิ้นชีพไปแล้ว มันน่าจะไม่รอดแล้วนิน่า"
              "แต่ พวกคุณไม่เจอศพของแม่ทัพใหญ่ของโอเวอร์เดสเลยใช่มั้ยละครับ" เดลิคกล่าว จนพวกพีวิลถึงกับชะงักตาม
              ฟิเกซบอก "จะว่าไปแล้ว พวกนายจัดการกับแม่ทัพใหญ่ครองคอร์ด ตอนบุกถล่มพวกแอตแลนไทซ์กันมิใช่หรือ พวกนายเองคงไม่คิดที่จะเสียเวลาไปดูสภาพศพ จนมาไม่ทันตามแผนที่วางไว้หรอกน่ะ"
              "นายพูดมามันก็ถูกน่ะ ฟิเกซ เพราะเราต้องบดขยี้เกซเฟลิคและพวกแอตแลนไทซ์ให้ราบคาบ เพื่อตัดกำลังรบของโอเวอร์เดสให้หมดสิ้นไปก่อนจะบุกครั้งสำคัญเลยน่ะ" พีวิลบอก
               จิลกล่าว "เพราะเราคิดแค่ว่าครองคอร์ดถูกเป่ากระจุยไปแล้ว เลยคิดว่าถ้าโดนแบบนั้นไป ก็คงไม่มีทางรอดกลับมาได้แน่ๆเลยนะสิ"
              "นั้นคงเป็นความประมาทของพวกนายส่วนหนึ่งด้วยสิน่า" บัลโต้บอก "แต่ถ้าไม่เพราะว่ายุทธการของพวกเรานั้นคือการพิชิตโอเวอร์เดสขั้นเด็ดขาด พร้อมกับหาทางหลบหนีออกจากโลกไปสู่อวกาศอันไกลโพ้น ก่อนที่พวกมนุษย์จะหันมาถล่มพวกเราให้ราบเป็นหน้ากองละก็น่า...."
              จูเดทต้าบอก "สถานการณ์บีบบังคับให้พวกคุณต้องรีบออกจากโลกและระบบสุริยะไปสู่อวกาศเลยสิน่ะ"
              "แต่นั้นก็ทำให้เกซิคและจีเนฟารี่มีโอกาสซ่อนตัว พร้อมกับแอบสร้างสมกองกำลังแมนิเกเตอร์ขึ้นมาล้างแค้นพวกเรากันในไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างกำลังรบเดินเท้ากันอย่างเดียว" เดลิคบอก และนำภาพบาร์คทรอนแบบอีเนอไมนด์และครอสตรีมออกมา "แม้จะมีเพียงแค่สองตัวและยังไม่มีโมบิลลอยด์อยู่ นั้นก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้ว ว่าเราต้องเจอการคุกคามจากโลกแน่นอน"
              เพอซิอัสถาม "แสดงว่าเกซิคคงจะใช้เวลา 10 ปีบนโลกในการสร้างสมกองกำลังอย่างงั้นสิ"
              "เปล่าเลย เพอซิอัส มันแย่ยิ่งกว่านี้นะสิ" บัลโต้บอก "เพราะไม่ใช่แค่ซีเรียสนัมเบอร์ของพวกโซลูนาสตี้ ยังมีของพวกอีเนอไมนด์ ของแอตแลนไทซ์ และของครอสตรีมกันอีกด้วย ซึ่งพวกที่บุกมาเล่นงานพวกไทรเวเซอร์บนดาวนั้น.... มีเบอร์เลขที่ทำเอาฉันและท่านประธานาธิบดีอึ้งอย่างแรงเลยละ" แล้วก็นำเบอร์เลขออกมา
              คลอเวฟเลยอ่านดู "ATLTZ-668457-29032224 เอ้ย พวกตัวปลอมที่เราบดขยี้ตอนบุกปราสาทของยัยจีเนฟารี่ มันถูกสร้างบนโลก 23 ปีต่อมาเลยหรือวะ"
              "เป็นไปได้สูง เพราะเวลาที่พวกเราอยู่ในอวกาศนั้น เวลาของพวกเราจะไม่ไปไหนเลย ตราบใดที่เราไม่อยู่ที่ดาวดวงใดดวงหนึ่งเหมือนเช่นในเวลานี้ ทำให้เราต้องใช้เวลามาตราฐานบนยานเป็นตัวกำหนดไว้นะสิ" จายด์บอก
              โฟรซ่าบอก "งั้น 4 ปีที่เราอยู่บนดาวดวงนี้ เท่ากับว่าเวลาบนโลกก็คงจะเป็น 24 ปีแล้วสิ"
              "แต่โลกไม่น่าจะมีทรัพยากรในการสร้างแมนิเกเตอร์กันแล้วนิ เกซิคจะสร้างแมนิเกเตอร์ขึ้นเป็นจำนวนมากในฐานลับได้ไงละ" เนคมาดูซัมกล่าว
               พลัสเชอริทกล่าว "เกซิคสามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะว่าเขายังมีพวกแมนิเกเตอร์ที่แอบแฝงอยู่ในดาวทั้งแปดดวงในระบบสุริยะ ซึ่งพวกนี้รอดพ้นจากการกวาดล้างของพวกมนุษย์ ทำให้เขามีทรัพยากรโลหะจากนอกโลกลงมาใช้สร้างและผลิตแมนิเกเตอร์ขึ้นเป็นจำนวนมากนี้แหละ"
              "และพวกเราและพวกนายเองก็ไม่ได้ไปถล่มพวกนี้ทิ้ง เพราะพวกเรา...ไม่มีแผนการบุกขึ้นดาวไปถล่มพวกเศษเดนของเกซิคที่ว่าเลยสิน่ะ" บัลโต้บอก
               พีวิลพยักหน้า "ถึงเราทำเช่นนั้นได้ โอเวอร์เดสและกองรบที่หลงเหลืออยู่คงไม่ยอมให้เราออกนอกโลกได้นะครับ"
              "ท่านผบ.บาโธโรมิว คงไม่ได้คิดว่า การคุกคามจากโลกนั้นคงไม่ได้มาจากแมนิเกเตอร์ของจีเนฟารี่กันละสิน่ะ" จูเดทต้ากล่าว บัลโต้พยักหน้า
               เดลิคบอก "เรากลัวว่า เกซิคอาจจะยุแยงชาวโลกที่ยังไม่ปล่อยวางความแค้นต่อพวกเรา ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรุกรานจากโลกมนุษย์กันนะสิครับ"
              "แปลว่า ต่อให้เราหยุดยั้งกองรบของจีเนฟารี่ได้ ปัญหาที่เธอว่ามา ก็ต้องเกิดขึ้นเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
               ไซโคลเนียพยักหน้า "ผลจากการที่ไซเมี่ยนเปิดเผยแผนการของแพททริคนั้น เขาได้กระจายข่าวไปทั่วทั้งจักรวาลให้รับรู้กันทั้งหมด ซึ่งนั้นรวมถึง โลกมนุษย์หลังมหาสงครามอันวุ่นวายมาตลอด 20 ปีได้ยุติลง ได้รู้ว่า พวกเราที่ควรจะพินาศไปกับโอเวอร์เดสแล้ว ยังไม่ตายจริงกันหรอกน่ะ"
              "และพวกนายคงคิดว่า ชาวโลกส่วนมากคงไม่เชื่อว่าแพททริคและพวกเป็นผู้คิดคดทรยศต่อกลุ่มสมาพันธ์อวกาศ แต่เป็นฝีมือของพวกเราเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก พีวิลพยักหน้า
              เจเนลกล่าว "กับพวกที่ต้องการชื่อเสียง ต้องการเป็นวีรบุรุษ เป็นฮีโร่ผู้พิชิตแมนิเกเตอร์ และผู้กำจัดภัยคุกคามอย่างพวกเรานั้น แค่เห็นพวกเราโผล่หน้าบนทีวีเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็ทำให้พวกเขาเชื่อได้ในสามวินาทีแล้วน่ะสิ"

              "แล้วตอนนี้ท่านประธานาธิบดีมีความเห็นเป็นเช่นไรละครับ" พีวิลถาม
              บัลโต้บอก "ท่านประธานาธิบดีทราบเรื่องมานานแล้ว เพราะท่านและนายทหารฝ่ายเราต่างรู้ดี ว่าไม่วันใดวันหนึ่งที่ชาวโลกต้องแห่ขึ้นมาหาเรื่องกับพวกเรา พวกเราจะได้รับมือกับการคุกคามของพวกเขาไว้ เพียงแต่เราจะไม่จัดการกับพวกเขาให้ถึงตายไว้น่ะ"
              "แล้วถ้าเกิดว่าพวกมนุษย์เหล่านั้น ถูกเปลี่ยนเป็นพวกแมนิเกเตอร์ขึ้นมาล่ะ พวกเราไม่คิดจะดึงพวกเขามาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราเลยสิน่ะ" คลอเวฟถาม           บัลโต้กล่าว "นั้นขึ้นกับว่า สภาพของพวกเขาแย่แค่ไหนนะสิ แน่นอน ว่าถ้าพวกเขาไม่คิดจะรับไมตรีจากเรา แถมยังหันอาวุธมาใส่พวกเราเช่นนี้ พวกเราคงไม่โง่พอที่จะโดนพวกมันเป่าหัวกระจุยกันหรอกน่ะ"
              "เว้นเสียแต่ พวกเราจะต้องลงไปเช็คดูที่โลกสถานเดียวเลยสิน่ะ" ฟิเกซบอก
              เพอซิอัสส่ายหน้า "เพียงแต่ จอมพลแฮซกริฟยังไม่อนุญาตให้พวกเธอลงไปที่โลกมนุษย์กันเลยน่ะ เพราะเรายังไม่รู้สถานการณ์ที่โลกของพวกเธอนั้นไปในทิศทางใดบ้าง การไปของพวกเธอ อาจจะเป็นตั๋วไปเที่ยวเดียวซะมากกว่า"
              "ที่สำคัญก็คือ เกซิคยังอยู่บนโลกนั้น เขาต้องแฝงตัวเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลในการชักนำกลุ่มมนุษย์ให้เป็นศัตรูกับพวกเราไว้ ซึ่งเขาลงมือเคลื่อนไหวมาตลอด 24 ปีบนโลกนั้น เท่ากับว่าเขามีข้อได้เปรียบกันไม่น้อย ในการรับมือกับการมาของพวกเราและพวกเธอด้วยน่ะ" จูเดทต้าบอก
               เดลิคกล่าว "และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การออกเดินทางสู่อวกาศของพวกเรานั้น ย่อมหมายถึงการที่เรามองข้ามฐานลับของพวกโอเวอร์เดส หรือไม่ก็แหล่งหลบซ่อนของพวกแมนิเกเตอร์ที่เรายังเข้าไปไม่ถึงหรือไม่สามารถค้นพบได้แน่นอน"
              "ถ้าเป็นอย่างแรกนั้น ย่อมหมายถึงเกซิคได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ท่านพ่อโอเวอร์เดสเก็บเอาไว้อย่างลับๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยละ" สเปียริทบอก
               พีวิลกล่าว "ถ้าเป็นอย่างหลังนิ ย่อมหมายถึงพวกเราทอดทิ้งพวกแมนิเกเตอร์ส่วนหนึ่งไว้บนโลก ให้ต้องเผชิญหน้ากับชาวโลก จนอาจจะไปเข้าร่วมกับเกซิคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆน่ะ"
              "ถึงพวกนายและพวกเรารู้ ก็คงไม่สามารถลงไปที่โลกกันได้หรอกน่ะ แม้จะรู้ว่าจีเนฟารี่กับเกซิคคิดที่จะป่วนพวกเราให้หัวร้อนง่ายๆน่ะ" บัลโต้บอก
               เดลิคกล่าว "ท่านประธานาธิบดีเองยังไม่มีคำสั่งตรงลงมา เพราะยังมิได้ไปประชุมหารือกับนายทหารฝ่ายเรา ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี ดังนั้น พวกคุณยังไม่ควรออกจากระบบดาวเพื่อตรงไปที่โลกกันก่อนนะครับ"
              "แปลว่า ผบ.ยังไม่คิดจะส่งพวกลูกพี่ลงไปที่โลกก่อนละสิ" เจเนลบอก
              บัลโต้ส่ายหน้า "ถึงแม้ว่าฉันจะส่งพวกเขาในช่วงที่เกิดเรื่องไปแล้ว ก็ยังดีกว่ารีบส่งแล้วขาดการติดต่อเป็นการถาวรนี้แหละ" แล้วก็บอก "ที่สำคัญก็คือ เรื่องข้อมูลที่ทีมดูลาดเลาให้มานั้น มีบางอย่างที่น่าสงสัยอยู่ด้วยน่ะ"
              "หมายถึง เรื่องของกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์นะหรือครับ ผบ.บัลโต้" เนคมาดูซัมกล่าว บัลโต้พยักหน้า
              เดลิคบอก "ผมลองเช็คดูฐานข้อมูลแมนิเกเตอร์ที่กระทำความผิดหรือเป็นอาชญากรตัวเป้งกันแล้ว นอกจากจะไม่มีชื่อทั้งสองนี้อยู่ในฐานข้อมูล ทางเราเองก็แทบไม่มีข้อมูลบ่งชี้การมีตัวตนของทั้งคู่อยู่เลยนะครับ"
              "แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า มันสองตัวนั้นให้ความร่วมมือกับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตให้ก่อเรื่องยึดดาว และหลอกใช้พวกเดลอาเนี่ยนให้เป็นเหยื่อสังเวยกันมิใช่หรือวะ แค่นั้นก็น่าจะเกินพอแล้วมิใช่หรือ" คลอเวฟบอก
               มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "ไม่เลย คลอเวฟ ต่อให้เรารู้แค่ว่าทั้งคู่เกี่ยวข้องกับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันไว้ แต่เรากลับไม่รู้เลยว่า ทั้งคู่มีหน้าตาเป็นยังไง มีพลังและความสามารถเป็นเช่นไร ถ้าเราออกไปตามล่าโดยที่มีข้อมูลเกี่ยวกับทั้งคู่น้อยมากละก็ เท่ากับว่าเราเสียเวลาไปไม่น้อยกับการตามล่าแบบไร้จุดหมายเลยน่ะ"
              "มาสพูดถูกแล้วละ และถ้าเราไม่รู้ว่ามันทั้งคู่เก่งกาจในการก่อเรื่องแบบไหน เราก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับศัตรูสองตัวนี้ยังไงด้วยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลพยักหน้า "ถ้าเกิดว่าทั้งคู่รู้เรื่องพวกเราเยอะมาก เท่าว่าพวกเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งคู่อย่างเห็นได้ชัดเลยละ"
              "แต่เรารู้ว่ากาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ ปรากฎตัวอยู่ในเขตอวกาศภาคกลางกันใช่มั้ยละคะ ทำไม เราไม่ลองถามทหารชาวซัลคาเลี่ยนที่ไปคุ้มกันกองยานบุกเบิก แต่กลับต้องอยู่รั้งท้ายไปเลยละคะ" ลิเนียร์ตี้ออกความเห็น
              จูเดทต้าบอก "เธอคิดที่อยากจะรู้ข้อมูลว่าพวกเขาพบเจอกับกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ ผ่านการก่อเรื่องมาก่อนสิน่ะ สิบเอกลิเนียร์ตี้"
              "เกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอมให้ข้อมูลกับพวกเธอได้หรอก เพราะส่วนหนึ่งนั้น เป็นกลุ่มทหารที่ร่วมรบกับวอลเดนสไตน์และอยู่ในช่วงลงโทษกันนะสิ" เพอซิอัสบอก "และฉันไม่แนะนำให้พวกเธอแฝงตัวเพื่อเข้าไปสืบข่าวกันหรอกน่ะ เพราะนั้นจะทำให้พวกเขามีข้ออ้างมาตำหนิฉันและทางเราได้ง่ายๆเลยน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็ถอนใจขึ้นมา "แบบนั้นก็เท่ากับว่าเราไม่มีหนทางอื่นใดเลยหรือคะ"
              "ฉันก็อยากจะช่วยพวกนายกันอยู่น่ะ เพียงแต่...." บัลโต้กล่าว "....สำคัญในตอนนี้ก็คือ พวกนายคงต้องอยู่ที่เฟิร์สฮิลล์กันก่อน เพราะ เรายังมีเรื่องซักประวัติการกระทำของสเปียริทกันอยู่น่ะ"
              เดลิคกล่าว "และคุณแอนเดรียเองก็อยู่ในสถาบันวิจัยของคุณวูลลิเซอร์กันด้วย ดังนั้น ทางเราอยากให้พวกคุณอยู่ในที่ๆควรอยู่ไปสักระยะก่อนนะครับ"
              "ฉันนึกอยู่แล้วคะ ว่าการจากไปของพวกเราจะต้องทิ้งใครสักคนหรือสักรายไว้บนโลก และอาจจะทำให้ชาวโลกไม่เชื่อว่าพวกเราได้สิ้นชีพในการสู้รบกับโอเวอร์เดสเลยนะคะ" แอนเดรียบอก และถอนใจขึ้นมา "ฉันไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดีกับชาวโลกที่ตกเป็นเครื่องมือของเกซิคเลยนะคะ"
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ผมเองก็คิดเช่นนั้น มาตั้งแต่เห็นพวกครอสตรีมตัวปลอมกันไว้แล้ว ว่าเกซิคต้องรื้อฟื้นสร้างกองรบจักรพรรดิ์บนโลกขึ้นมาใหม่แน่นอน"

              "แล้วทางพวกคุณมีแจ้งกับพวกคุณอากาเมมนอสบ้างหรือเปล่าละคะ" แอนเดรียกล่าว มาสวาร์ทาร์พยักหน้าและหวนนึกถึงตอนที่เขาติดต่อไปหาอากาเมมนอส
              "ยัยองค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์นั้น ไม่เพียงรอดจากความตายมา แต่ยังทำให้กองรบอันเกรียงไกรของเราที่ตายอย่างสมเกียรติต้องมัวหม่องเช่นนี้ สมควรแล้วที่โดนพิพากษาโดยคิโคเดนไปแล้วน่ะ" อากาเมมนอส ไฮลอร์ดแห่งครอสตรีมติดต่อมาหามาสวาร์ทาร์ผ่านระบบโฮโลแกรมที่เวเซอร์เฮาส์
              "ส่วนหนึ่งเพราะ ทั้งฉัน นายและโครเต้ ต่างคิดเสมอ ว่านักรบครอสตรีมนั้น จะต้องเป็นอดีตมนุษย์เท่านั้นสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อากาเมมนอสพยักหน้า "ท่านอาทรัลเตอร์เคยพูดไว้ การเป็นนักรบครอสตรีมนั้น จะต้องเดินเส้นทางของนักรบนี้ไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตาม รุ่นเก่าจากไป รุ่นใหม่เข้ามารับช่วงต่อหรือสืบทอดในสิ่งที่รุ่นเก่าสอนสั่งไว้ แม้รุ่นใหม่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่ารุ่นเก่าเลยก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อให้ครอสตรีมคงอยู่ต่อไปได้" แล้วก็บอก "อีกอย่าง การสร้างหุ่นที่เลียนแบบพวกเรานั้น ถึงพวกหุ่นเหล่านั้นจะใช้พลังและไม้ตายของเราได้ แต่ก็ทำได้ไม่สมบูรณ์เท่ากับที่พวกเราทำ เป็นแค่การกระทำของเงาบนกระจก ซึ่งอาจจะสวนทางหรือตรงข้ามกับสิ่งที่เราทำ จนทำให้แก่นแท้ในวิชาและพลังที่เรายึดถือพลอยมัวหมองไปด้วย แถมหุ่นเหล่านั้นยังใช้ให้ไปตายแทนพวกเรานั้น บ่งบอกถึงความขลาดเขลา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างองอาจเช่นนี้ คือเหตุผลที่ครอสตรีมมีแต่อดีตมนุษย์ ไม่มีพวกหุ่นยนต์อยู่เลยนะสิ"
              "และหุ่นเลียนแบบพวกเราก็เป็นต้นเหตุให้พวกเราถูกกล่าวหาในเรื่องที่เรามิได้ทำผิดด้วย นั้นเท่ากับว่าจีเนฟารี่ดูหมิ่นเกียรติของกองรบองครักษ์ของโอเวอร์เดสไปในตัวด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อากาเมมนอสพยักหน้า "แต่อย่างน้อย ฉันก็ขอบใจนายมากที่ช่วยแก้ต่างให้พวกเราไว้ และโชคดีมากที่ฉันเชื่อในคำพูดของโครเต้ เกี่ยวกับยัยจีเนฟารี่ด้วย ว่ายัยนี้ เห็นพวกเรา เห็นพวกแอตแลนไทซ์ เป็นแค่ตัวหมากในกระดานที่เธอคิดจะใช้พวกเราทำในสิ่งที่เธอต้องการ ซึ่งนั้นเป็นการหมิ่นเกียรตินักรบอย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะ"
              "นั้นแหละคือสายตาอันเฉียบคมของโครเต้กันละ ที่เป็นเหตุผลให้ฉันสละตำแหน่งแม่ทัพถัดจากท่านอาทรัลเตอร์เลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              อากาเมมนอสบอก "และโครเต้ส่งฉันกับพวกมาอยู่ใต้บัญชาของท่านไซมาเทนกันด้วย นี้แหละ คือโครเต้ละ" แล้วก็ถามกลับ "แต่นายเองก็คงจะโดนลงโทษกันแล้วสิ หลังจากที่นายปิดเรื่องของแอนเดรียต่อสหายร่วมรบของนายไปแล้วน่ะ"
              "นายคงจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมาแล้วสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              อากาเมมนอสพยักหน้า "นายทำอะไรไว้ นายก็ต้องรับผลกรรมไว้อยู่ดีนี้แหละ ถึงฉันไม่ย้ำเตือนนายหลายรอบ นายก็คงรู้อยู่ดีแล้วน่ะ" แล้วก็บอก "เพียงแต่ นายก็คงไม่รู้ว่า เมดเดนออฟสเปียร์เป็นองค์หญิงลำดับสุดท้าย ซึ่งเป็นน้องสาวของคิโคเดนและไซมาเทน และเป็นบุตรีของโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสกันแต่แรกละสิน่ะ"
              "คนของนายคงจะรายงานเรื่องนี้ให้นายทราบแล้วสิ" มาสวาร์ทาร์บอก เพราะเรื่องฐานะที่แท้จริงของสเปียริทนั้น เป็นความลับสุดยอดที่พวกครอสตรีมไม่ควรจะรับรู้ไว้
              อากาเมมนอสบอก "เฟอคาน่าต่างหากละ มาส แลนเซเลสต้า น้องสาวของเฟอคาน่าเคยพูดกับฉันไว้ ว่าในช่วงวาระสุดท้ายของพี่สาวของเธอ เฟอคาน่าได้เห็นร่างเงาขนาดใหญ่ของเมดเดนออฟสเปียร์อยู่ข้างหลัง ร่างเงานั้นไม่เพียงใหญ่เท่ากับโอเวอร์เดส แต่ยังมีแขนถืออาวุธตั้งสิบกว่าแขนด้วยกัน ซึ่งไม่มีแมนิเกเตอร์ตนใดที่มีร่างเงาที่ใหญ่เป้งเท่านี้ ถ้าไม่เพราะว่า สเปียริท เกี่ยวข้องกับโอเวอร์เดสกันตรงๆ" แล้วก็บอก "ทีแรกที่ฉันได้ฟังมา ฉันก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว ว่าเมดเดนออฟสเปียร์จะมีเงาใหญ่แบบนั้นขึ้นมา แต่พอได้รับข่าวความพ่ายแพ้ของโอเวอร์เดสบนโลก และได้เห็นการต่อสู้ของพวกนายกับมารดรเทพนั้น ฉันก็ได้เห็น ร่างเงาขนาดใหญ่ยักษ์แบบเดียวกับที่เฟอคาน่าเห็น ปะทะกับมารดรเทพผู้ทรงพลังจากภายในยานกันเลยน่ะ"
              "ในเมื่อนายรู้เช่นนี้ แต่ยังไม่รีบพูดออกมา เพราะคิดว่าฉันหรือพรรคพวกไม่เชื่อคำพูดของนายเลยละสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
               อากาเมมนอสบอก "เมดเดนออฟสเปียร์ความจำเสื่อมจนจำอดีตตนเองไม่ได้ใช่มั้ยละ ถึงแม้ว่าฉันได้รับรู้ความลับสุดยอดนี้ แต่....ถึงมันจะช่วยให้เมดเดนออฟสเปียร์รู้อดีตของเธอได้ แต่มันก็ทำให้เธอเจ็บปวดได้เช่นกัน ตรงกับคำสอนของท่านอาทรัลเตอร์ไว้ ว่าความจริงเปรียบเหมือนดาบสองคม กันนี้แหละ ซึ่งฉันยังปิดปากไม่พูดเรื่องนี้มาตลอด 4 ปีเต็มๆเลยน่ะ"
              "ถึงนายไม่ชักดาบเล่มนั้นออกมา คิโคเดนก็ต้องลงมือกันอยู่ดีนี้แหละ เพราะเขาอ้างสิทธิ์ความเป็นราชทายาทของแรซัลก้า ความเป็นพี่ใหญ่ของสเปียริท และว่าที่ผู้ปกครองจักรวรรดิ์ตนต่อไปอยู่น่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
               อากาเมมนอสบอก "นั้นก็ตรงกับไซมาเทนว่าไว้ไม่มีผิดน่ะ ว่าองค์ราชทายาทเทพนั้น ถ้าเขาได้ขึ้นครองราชย์ นั้นหมายถึงเขาจะใช้อำนาจที่เขาได้รับ ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบจนสร้างความเดือดร้อนกันในภายหลังอย่างแน่นอน นั้นไม่แปลกใจเลยที่ท่านไซมาเทนต้องขับไล่ราชทายาทเทพให้ออกไปจากแรซัลก้า ก่อนหน้าที่ฉันกับพวก รวมถึงไอ้พวกแพนทานิคซ์จะมาที่แรซัลก้ากันน่ะ"
              "เพียงแต่ ไซมาเทนคงไม่เล่าเรื่องสเปียริทให้นายฟังละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อากาเมมนอสกล่าว "นายก็น่าจะรู้ดีแล้วนิ ว่าต่อให้เป็นแม่ทัพคุมกองรบ หรือเป็นนักรบระดับล่าง ตราบใดที่ไซมาเทนไม่อนุญาตให้รับรู้ เราไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเทพแห่งสงครามกันไปได้หรอกน่ะ เพราะการที่เรารู้เยอะมากเพียงไร เราจะซวยเยอะตามนั้นแหละ ซึ่งนายคงจะรู้ดีจากการที่นายทำงานให้กับครองคอร์ดเลยสิน่ะ"
              "ในเมื่อนายรู้เรื่องนี้ไปแล้ว นายคงไม่คิดจะทำอะไรกันเลยละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "นั้นต้องขึ้นกับสถานการณ์แล้วละ มาส เพราะแค่เรื่องไอ้ต่างดาวจากเขตอวกาศภาคกลางรุกล้ำเข้าเขตของพวกเราพร้อมกับพวกเดลอาเนี่ยนก็ดี เรื่องกรมตำรวจอวกาศกักบริเวณเราจากนอกดาวก็ดี ทำให้ทั้งพวกเราและอีกสามเผ่าหัวเสียกันมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้ความลับนี้มาเป็นระเบิดทำลายขันติของพวกเราจนกระเจิงกันด้วยน่ะ แม้ฝ่ายนายจะพยายามจำกัดความลับนี้ไว้นะ" อากาเมมนอสบอก
              "ฉันรู้ดีแล้วละ อากาเมมนอส ขอยุติการติดต่อเลยแล้วกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อากาเมมนอสพยักหน้า "โชคดีแล้วกันน่ะ สหายคาตานะลอร์ด ไฮลอร์ด ปิดการสื่อสาร" แล้วโฮโลแกรมของอากาเมมนอสก็ดับลง
              "แปลว่าคุณอากาเมมนอสรู้กาละเทศะดี ว่าตอนไหนควรหรือไม่ควรเปิดเผยเรื่องของสเปียริทเลยสิคะ" แอนเดรียกล่าว
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แม้จะรู้ว่าเราอาจจะถูกชาวโลกหรือแมนิเกเตอร์บนโลกคุกคามกัน แต่เราทำได้เพียงแค่เตรียมการรับมือไว้ให้พร้อมเท่านั้นน่ะ"
              "แสดงว่าคุณพีวิล สเปียริท พวกคุณเจเนลไม่ได้มากับเรา เพราะพวกเขาไปด้วยเหตุนี้เลยสิคะ" แอนเดรียถาม
               มาสวาร์ทาร์ตอบ "ผมคิดว่าที่พวกเขาไปนั้น เพราะว่าคุณเป็นเหตุผลเองนะครับ" แอนเดรียพยักหน้าอย่างยอมรับขึ้นมา

              ที่กองบัญชาการสูงสุดของกองทัพฝ่ายสหพันธมิตร ออคตากอน
              "ฟ้าวววววว ตรึงงงง" ยานเพริแกรมบินลงจอดบนลานจอดตรงดาดฟ้า ซึ่งพีวิล สเปียริท และเจเนไซด์ทีมลงจากยานมา เพื่อเข้ารับการตรวจสอบร่างกาย พร้อมที่จะเข้ามายังห้องประชุมหมายเลข 4 ซึ่งก็มีนายทหารทั้งสี่รายนั่งอยู่ "มากันแล้วสิน่ะ กองกำลังไทรเวเซอร์ นึกว่าพวกเธอจะไม่มาเสียอีกน่ะ" ทหารหญิงผมบลอนด์ในชุดทหารสีน้ำเงินติดตราดาวสีทองกล่าว พีวิล สเปียริท และเจเนไซด์ทีมทำวันทยาหัตถ์ต่อ
             "พวกเรามาที่นี้ตามคำสั่งของผบ.บัลโต้กันนะครับ เหล่าผู้นำกลุ่มสภาจตุรัส"  พีวิลกล่าว
              "ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่ะ ร้อยเอกแอนเดอร์สัน เพราะถึงแม้เรามีสถานะเป็นผู้นำกลุ่มประเทศกัน พวกเราก็คือทหารมาก่อนนี้แหละ" นายทหารผมสีดำมะกอกในชุดสีแดงเข้มกล่าว เขาผู้นี้คือ ลินคอร์ท เรแดน ผู้นำกลุ่มเรดเมลแกน "รู้ใช่มั้ย ว่าที่ผบ.บาโธโรมิวเรียกพวกเธอมานี้ มาด้วยเรื่องอะไรน่ะ"
               สเปียริทบอก "พวกคุณคงจะรู้เรื่องของแอนเดรียแล้วสิคะ"
              "เว้ากันซื่อๆเลยน่ะ ว่าพวกเราก็รู้สาแก่ใจดี ว่าแอนเดรียเป็นลูกสาวของดร.เดลวีแองนูที่หายสาปสูญไปหลังสงครามหนึ่งปีของโอเวอร์เดสจบลง อีกทั้งเธอเองกลายเป็นแมนิเกเตอร์จากการคืนชีพของดร.รีไลฟ์เวอรี่ ซึ่งเท่ากับว่าเธอมิได้เป็นบุตรีของดร.เดลวีแองนูแล้วนะสิ" นายทหารหญิงในชุดทหารสีน้ำเงินบอก เธอคือ เปโทรคอฟ คารินก้า ผู้นำกลุ่มบลูโรเซียท "แม้จะรู้สึกเสียดายไม่น้อย ที่ตระกูลเดลวีแองนูต้องจบสิ้นลง จากการที่แอนเดรียกลายเป็นแมนิเกเตอร์ แต่อย่างน้อย เธอก็มีบทบาทในการช่วยเหลือพวกนายไม่น้อยเลยน่ะ"
              จายด์กล่าว "และพวกเราก็ภูมิใจไม่น้อยที่เป็นสหายร่วมรบกับแอนเดรียเลยครับ"
              "แต่จากที่เราเห็นภาพการต่อสู้ของเธอนั้น บอกตรงน่ะ ว่าทางเราก็เป็นกังวลต่อพวกนายอย่างมาก และไม่แปลกใจเลยที่เธอเข้ากับพวกนายกันได้น่ะ" ลินคอร์ทบอก
              นายทหารหญิงผมสั้นสีเงินในชุดทหารสีเขียวเข้มกล่าว "เธอไม่เพียงต่อกรกับมิวแทนอยด์ระดับเอสคู่หัวรุนแรงทั้งแปดตัว ซึ่งล้วนแล้ว เป็นคนมีประวัติร้ายแรงที่ได้รับการคืนชีพจากริดิวิเนี่ยนขึ้นมากันทั้งนั้น แต่ยังบ่งบอกว่า อุบัติเหตุที่เธอประสบบนยานจนทำให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกนายนั้น ไม่เพียงทำให้เธอกลายเป็นตัวอันตรายเหมือนกับพวกนาย แต่ยังทำให้ดาบมือหนึ่งต้องหาเรื่องปิดบังพวกนายตามไปด้วยเช่นนี้ พวกนายไม่รู้สึกโกรธเลยหรือ"
              "ไม่เอาน่า เอเรนซ่า พันโทคิริซาว่าทำไป เพราะไม่อยากให้พันจ่าโทเอเดรียนต้องมารับรู้กับความจริงที่น่ากลัวอย่างมากเลยน่ะ" นายทหารชายผมสั้นในชุดทหารสีเหลืองบอกกับทหารหญิงชุดเขียวนามเอเรนซ่า
              เธอพูดย้อนไปว่า "ที่นายพูดเข้าข้างนิ ส่วนหนึ่งเพราะ นายยังเห็นมาสวาร์ทาร์มีเชื้อชาติเดียวกันกับนายเพียงครึ่งเดียวละสิน่ะ คุณเท็ตสึกะ แต่อย่าลืมสิ ว่ามาสวาร์ทาร์เองก็มีอีกครึ่งที่เป็นของฝ่ายเราด้วยน่ะ"
              "เออ พวกคุณเป็นถึงผู้นำกลุ่มประเทศ แต่มาทะเลาะกันแบบเด็กๆนิ ไม่เข้าท่าเลยนะคะ" จิลตำหนิผู้นำทั้งสองให้หยุดทะเลาะไป
             วินเซอร์ เอเรนซ่า ผู้นำกลุ่มกรีนยูโรเปี้ยนบอก "ถึงแม้ว่าเธอจะมีร่างเป็นเด็ก แต่เธอควรจะรู้กาละเทศะกันบ้างน่ะ ร้อยตรีทิเทียน่า และขอบใจสำหรับคำเตือนด้วยน่ะ"
              "เราหยุดเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องจะดีกว่าน่ะ" นายทหารชุดเหลืองนาม ฮิราซากิ เท็ตสึกะ ผู้นำเยลโลว์เอเชียนกล่าว และเข้าประเด็นหลัก "ถึงแม้ว่าแอนเดรียจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการล้มพวกมิวแทนอยด์ตัวเอ้ตามคำสั่งของผบสส.บาโธโรมิวแล้วก็ตาม หากแต่ เรื่องที่เธอเป็นบุตรีของผู้สร้างโอเวอร์เดสนั้นได้กระจายออกไป แม้จะไม่เป็นวงกว้างจนออกนอกระบบดาวเลยก็ตาม พวกนายคงรู้ดีน่ะ ว่าผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
              สเปียริทพยักหน้า "พวกคุณกลัวว่า ทหารในฝ่ายของพวกคุณคงจะกลัวหรือมีท่าทีต่อต้านพวกเราเลยละสิคะ"
              "เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าแอนเดรียจะมีสภาพกายและสภาพจิตอยู่ในสภาวะปกติแล้วก็ตาม การที่เธอคว่ำพวกมิวแทนอยด์ที่อันตรายอย่างมากนั้น แม้จะช่วยทำให้ทุกๆคนเห็นว่าเธอเก่งกาจมากพอกับการเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังหัวหอกของพวกเธอก็จริง แต่เธอกลับถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายพอๆกันไปด้วยนะสิ" ลินคอร์ทบอก
              คารินก้ากล่าว "พอๆกันกับ....เธอด้วยน่ะ สเปียริท เรื่องของเธอที่เราได้เช็คจากรายงานประวัติที่ได้รับการแก้ไขโดยนายพลจูเดทต้ามานี้ ทำเอาพวกเราเงิบไปตามๆกันเลยน่ะ"
              "จริงอยู่ ที่เธอถูกไซมาเทนเล่นงานจนสูญเสียความทรงจำในอดีตไป และนั้นทำให้สถานะความเป็นบุตรีของบิดรเทพและมารดรเทพต้องยุติกันไปหลังจากที่เสียชีวิตบนแรซัลก้าไปแล้ว ซึ่งเท่ากับว่า เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสเลยก็จริง" เท็ตสึกะกล่าว และหันมาถามกลับ "แต่ประวัติที่ได้รับการอัพเดทมาใหม่นิ ไม่รู้ว่าทำให้เราไว้ใจได้หรือเปล่าน่ะ"
              เอเรนซ่ากล่าว "นั้นสิ แล้วเราจะแน่ใจได้ไง ว่าเธอจะไม่ก่อเรื่องแบบเดียวกับที่เธอทำตอนอยู่แรซัลก้า หลังจากยุทธการโฟรเดริม-4 ของราชทายาทเทพต้องยุติลงด้วยความปราชัย จากการมีคนทรยศอย่างตาแก่วอลเดนขายความลับให้ฝ่ายเฮซเทิร์ซกันน่ะ"
              "นั้นขึ้นกับว่า พวกคุณทั้งหลาย ซ้ำรอยเดียวกับฝ่ายบริหารประเทศของแรซัลก้ากันหรือเปล่าน่ะ" สเปียริทบอก "แม้ฉันในตอนนี้จะเหมือนกับฉันที่อยู่ในแรซัลก้า เป็นแค่บุคคลที่ไม่มีอำนาจสูงส่งอยู่ในมือ ถึงมีชื่อเสียง แต่เป็นชื่อเสียที่ร้ายแรงมาก จนจีเนฟารี่นำมาใช้เป็นข้ออ้างในการยุแยงให้พวกคุณต้องแตกคอจนทำให้สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ล่มสลายลง ทั้งๆที่ชื่อเสียที่ฉันได้รับมานั้น ฉันยังเด็กมากจนไม่สามารถไปก่อเรื่องอะไรไว้ได้นะสิ"
              ลินคอร์ทบอก "จะว่าไป มันก็ใช่น่ะ เพราะกองกำลังหัวหอกที่เก่งกาจที่สุดเอง บุคลากรเกือบทั้งหมด ล้วนแล้วมีอดีตที่แย่ๆกันทั้งนั้นน่ะ"
              "แต่พวกเราเองก็ไม่คิดซ้ำรอยเดิมเหมือนในอดีตกันแล้วละครับ เพราะเราให้อดีตเป็นเครื่องเตือนใจให้พวกเราไม่ทำผิดซ้ำอีก ให้พวกเราทำวันนี้ให้ดีเพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ไว้ แม้ว่าเราทำพลาดไป เราก็ยอมรับในการกระทำของพวกเราเองนะครับ" พีวิลบอก
              เจเนลบอก "ถึงเราจะต้องเสียชื่อเสียง อย่างน้อย เราก็ไม่อยากจะเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากพวกคุณกันหรอกน่ะ"
              "ที่พวกเธอว่ามานั้น มันก็ตรงน่ะ เพราะกลุ่มสหพันธมิตรได้เห็นตัวอย่างแย่ๆจากบนโลกและในดาวแต่ละดวงที่อยู่ในเขตอวกาศกันไว้แล้ว เราก็ไม่อยากจะให้ผิดซ้ำอีกเลยน่ะ" เอเรนซ่าบอก
              คารินก้าบอก "แต่เธอคงจะรู้น่ะ ว่าตอนนี้เธอมีชื่อเสียงในฐานะผู้พิชิตบิดรเทพและมารดรเทพ ซึ่งแมนิเกเตอร์ทั่วไปอาจจะคิดว่าเธอเป็นฮีโร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว...." แล้วก็ถอนใจก่อนจะถามไปว่า "....เธอไม่รู้สึกผิดบาปกับการทำปิตุฆาตและมาตุฆาตเลยหรือ"
              "บอกตรงๆนะคะ ว่าถึงฉันไม่ลงมือเชือดโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสให้ตายในทันที ฉันก็เป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องสิ้นชีพลงอยู่ดีนะคะ" สเปียริทบอก และเอามือทาบบนหน้าอก "ถึงร่างจิลเวลเลี่ยมจะช่วยเยียวยาบาดแผลทางกายให้หายลงได้ แต่ก็ไม่ลบบาดแผลในใจตรงนี้ไว้ได้ ซึ่งนั้นช่วยให้ฉันเตือนใจว่า ฉันไม่ควรจะก่อเรื่องผิดซ้ำอีกนะคะ"
              ลินคอร์ทบอก "ดีแล้วละ ที่เธอยังจำไว้ได้น่ะ แม้ว่าอดีตจะเป็นเช่นไร แต่....ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกของกองกำลังไทรเวเซอร์กันอยู่น่ะ"
              "ว่าแต่ พวกเธอได้พบปะกับประธานเรฟอนล่ามาแล้วสิน่ะ" เอเรนซ่าบอก
              จิลบอก "เราเจอเธอมาแล้วคะ หากแต่ยังไม่ได้คุยกันมากกว่านี้ เนื่องจากว่าเธอมีงานยุ่งอยู่นะคะ"
              "ที่เธอยุ่งนั้น ไม่ใช่แค่ต้องเป็นแม่ลูกห้าและมีการงานที่ยุ่งยากอย่างมากต้องรับผิดชอบกันอย่างเดียวหรอกน่ะ" คารินก้าบอก "แต่เธอประสบเหตุที่ยุ่งยากขึ้นในบริษัทมาก่อนหน้าไว้นะสิ"
              เจเนลบอก "อย่าบอกน่ะ ว่าพวกคุณเจอตัวเศษเดนของแก็งค์ริดโอแฝงตัวอยู่ในบริษัทกันแล้วน่ะ"
              "ถ้าเป็นอดีตลูกน้องของริดโอบิทละก็ ชุดสุดท้ายที่ปรากฎตัวเมื่อ 3 ปีก่อนนั้น เสียท่าให้กับระบบเซนเซอร์รักษาความปลอดภัยภายในบริษัทไปนานแล้วละ" เท็ตสึกะบอก "แต่ประเด็นที่เธอแจ้งกับทางเรามานั้น คือเธอตรวจจับการส่งสัญญาณออกอากาศจากดาวของพวกเรา ลงไปยังโลกมนุษย์กันเมื่อ 2 ปีก่อนนี้แหละ" พีวิล สเปียริท และเจเนไซด์ทีมได้ฟังก็ถึงกับตกใจ
               พีวิลบอก "พวกคุณกำลังจะบอกว่า การออกอากาศบนดาวของเรา ถูกส่งลงไปที่โลกมนุษย์เลยหรือครับ"

              "พวกเธอควรดูนี้กันก่อนน่ะ" ลินคอร์ทเลยนำแพดมาเปิดภาพรายการขึ้นจอสกรีนในห้อง ซึ่งปิดไฟเอาไว้จนมืด โดยภาพรายการนั้น
            "กลับมากันอีกแล้วละครับ กับอัมเบรแฮมเวเซอร์" เนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์และพีวิลที่นั่งอยู่หลังโพเดี่ยมกล่าวพร้อมกัน ซึ่งมีเหล่าสมาชิกไทรเวเซอร์และกองกำลังหลังฉากนั่งบนอัศจรรย์ใกล้ๆตบมือขึ้นในห้องส่ง
              "ว่าแต่ คราวนี้ มีอะไรกันบ้างละ มาสวาร์ทาร์" เนคมาดูซัมกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "เย็นนี้ขอนำเสนอช่วงของ...." แล้วหน้าจอขนาดใหญ่ใกล้ๆเผยชื่อช่วงที่นำเสนอมา "....วันวานยังหวานอยู่ กับโฟรซ่า นางงามสไนเปอร์!!!!"
              "แค่ชื่อช่วงก็บ่งบอกแล้ว ว่าใครเป็นแขกรับเชิญกัน แต่ปัญหาคือ มันเกิดอะไรขึ้นละ ในเมื่อโฟรซ่าเป็นพิธีกรร่วมกับสเปียริท ในช่วงทอล์คยามเย็นเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
               พีวิลบอก "สืบเนื่องมาจากคราวที่แล้ว สเปียริทเผยภาพของรุ่นพี่โฟรซ่ามาตั้งสี่รูปเลยน่ะ" แล้วหน้าจอใหญ่ก็นำภาพของโฟรซ่าสี่ภาพ โดยเป็นภาพโฟรซ่าตอนเด็กที่เกาะบนยอดหอไอเฟลพร้อมนกอยู่ในเสื้อ ต่อมาคือโฟรซ่าตอนวัยรุ่นที่มีกระบนหน้า และภาพหน้าเกลี้ยงพร้อมผมยาวของเธอ "ภาพแรกนั้น คือรุ่นพี่ตอนเด็กๆที่ปีนหอไอเฟลเพื่อตามจับนกคิริบูนที่บินหลุดออกนอกกรงจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ภาพต่อมาคือตอนที่รุ่นพี่เข้าเป็นนักเรียนนายทหารใหม่ๆ ซึ่งยังไม่ได้ปรับปรุงใบหน้า ภาพที่สามเลยเป็นหลังจากนั้นอีก 2 ปี สุดท้ายนั้นก็คือประเด็นหลักในช่วงนี้แหละ" แล้วก็ชี้มาที่โฟรซ่าในชุดว่ายน้ำสีดำยืนบนหาดทรายกันอยู่
              "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า โฟรซ่าจะเคยทำแบบนี้มาก่อนน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
               คลอเวฟที่นั่งบนแถวล่างสุดชูมือ "เออ ขอกูพูดอะไรสักหน่อยน่ะ" แล้วก็ชี้มาที่จิล ซึ่งนั่งห่างจากคลอเวฟไปมาก แต่นั่งใกล้กับจายด์ โดยระหว่างเธอกับคลอเวฟนั้น ว่างไม่มีใครนั่งเลยสักราย "เรื่องในช่วงนี้ มันไม่เกี่ยวกับเด็กเลยสิน่ะ เลิฟลี่แองเจิ้ลจีน่าเลยนั่งเหมือนรอผู้ปกครองในแผนกเด็กหลงน่ะ"
              "นั้นไม่ตลกน่ะ คลอเวฟ แค่ฉันไม่ได้เกี่ยวในเรื่องที่จะนำเสนอกันก็เท่านั้นแหละ" จิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เพราะเพื่อนร่วมทีมฝ่ายหญิงส่วนมากหายหมด แม้กระทั่งคาเซคาว่าและนาเดียด้วยน่ะ" แล้วก็บอก "ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของโฟรซ่า พีวิล ช่วยจัดการเรียกตัวหน่อยน่ะ"
              "ได้อยู่แล้วละ มาสวาร์ทาร์" พีวิลบอก แล้วก็ตะโกน "รุ่นพี่โฟรน่าครับ ออกมาได้แล้วละครับ!!!!"
               จากนั้น สเตฟอร์ดก็เข็นรถเข็น ซึ่งมีโฟรซ่านั่งอยู่ หากแต่ใส่สายสะพายนางงาม และมีเจเนลเดินมาพร้อมกับร้องเพลง "อาเจ้นั้นงามเลิศในจักรวาล สวยสง่าแม้อยู่บนเวที แต่ต่อให้แม่นยำราวจับวาง สอยศัตรูให้ร่วงไม่ถึงวินาที เธอกลับไม่ได้มงกุฎกันสักที เป็นอย่างงี้ไปได้ไงกันว้า เธอ เปรียบเสมือนอีแร้งกลางป่าเขา เป็นเหมือนอีกาแต่มีจงอยยาว คอยสอยเหยื่อจากมุมที่คาดไม่ถึง และไกลเกินกว่าจะหนีไปไหนได้" แล้วสเตฟอร์ดก็เข็นรถมาใกล้กับโฟเดี่ยมของพวกเนคมาดูซัมกัน แล้วมานั่งพร้อมเจเนล โดยนั่งใกล้กับคลอเวฟตาม
              "เจมส์ ร้องเพลงได้ระยำมากเลยน่ะ ช่วงแรกเหมือนสรรเสริญ แต่ถัดจากนั้น เหมือนกวนส้นเท้ากันชัดๆเลยน่ะ" โฟรซ่าสบถ
               เนคมาดูซัมบอก "จะเอาอะไรมากกับเจเนลกันเล่า แค่ร้องเพลงให้จบก็เกินพอแล้วละ" จากนั้นก็ปิดภาพตรงช่วงนั้น
              "ไม่เปิดต่อเลยหรือ....อย่างน้อยพวกคุณบางตนยังไม่ได้ดูเลยน่ะ" เจเนลบอก
              คารินก้ากล่าว "เราดูเทปนี้มา 3-4 รอบแล้ว อยากจะตำหนิเธอเหลือเกินน่ะ ว่าใช้สมองตรงไหนคิดเนื้อเพลงกันน่ะ"
              "และไม่รวมตรงที่เธอกับสมาชิกทีมหญิง แต่งตัวเลียนแบบคนในเรื่องกันอีกด้วย ซึ่งส่วนมากเห็นแล้วมันชวนตลกกันก็จริง แต่ถ้าเป็นพวกมนุษย์โลก โดยเฉพาะพวกหัวร้อนและซีเรียสมากนั้น นอกจากจะไม่ขำแล้ว กลัวว่าจะทำให้พวกเขาพร้อมจะหาเรื่องกับพวกเราเลยน่ะ" เอเรนซ่าบอก
              พีวิลกล่าว "เราเข้าใจดีแล้วละครับ เพราะอย่างงั้นเราเลยให้ทุกเทปที่เราออกอากาศที่อาจจะส่งผลกระทบต่อชาวโลกนั้น ให้อยู่ในระบบดาวของเราและในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์นะครับ"
              "แต่รู้อะไรมั้ย ว่านอกจากเทปออกอากาศช่วงที่เรานำมาให้พวกเธอดูแล้วนิ อีก 25 เทปล้วนถูกส่งไปออกอากาศกันที่โลกมนุษย์ด้วย และไม่ใช่แค่รายการของเธอเอง แต่รายการอื่นๆ ทั้งรายการข่าว วาไรตี้ สาระ บันเทิง เกมโชว์ ละคร อีก 40 กว่ารายการเอง ก็โดนด้วยนะสิ" ลินคอร์ทบอก
               เท็ตสึกะกล่าว "และต่อให้พวกเธอมิได้ใช้กล้องจากเครือริธฟอนโซ่คาเมร่ามาถ่ายทำ แต่ระบบการออกอากาศที่ได้รับการสนับสนุนจากเครือริธฟอนโซ่นั้น ถูกแฮคให้ส่งคลื่นตรงไปยังโลกมนุษย์กันแล้วนะสิ"
              "แม้กระทั่งการแสดงสดเองก็พลอยโดน ซึ่งรวมไปถึง คอนเสิร์ตเลิฟลี่แองเจิ้ลที่จัดเพียงครั้งเดียวด้วยน่ะ" เอเรนซ่ากล่าว "และคอนเสิร์ตเพียงครั้งเดียวของเธอนั้น ใช้บุคลากรทุกรายในกองกำลังหลังฉากมาร่วมบนเวทีกันแบบนี้ มันไม่ดีเลยน่ะ"
              จิลอุทานขึ้นมา "นี้มันแย่กว่าที่คิดเลยนะคะ"
              "ทั้งๆที่พวกเรายุติการทำรายการ เช่นเดียวกับจิลและลิเนียร์ตี้ยุติงานเพลงกันไปแล้วนิ ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขเลยหรือครับ" จายด์บอก
               เท็ตสึกะบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าทางเราแก้ปัญหานี้ไปแล้ว แต่ ถึงแม้จะแก้ไปได้หนหนึ่ง มันก็เกิดซ้ำอีกรอบ และเกิดต่อไปเรื่อยๆ ไปอีก 2 ปีถัดมาเลยละสิ"
              "แต่คุณเรฟอนล่าคงไม่แจ้งบอก เพราะเธอไม่อยากโดนตำหนิว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะละสิคะ" สเปียริทบอก
              คารินก้าพยักหน้า "คนของฉันที่ส่งไปทำงานในเครือนั้นได้รายงานมาเองแหละ เพราะถ้าไม่แน่ใจ เรฟอนล่ายังไม่คิดแจ้งกับเราตอนนี้เลยนะสิ"
              "และโชคดีมาก ที่การส่งสัญญาณออกอากาศนั้นหยุดลงไปเมื่อเดือนก่อนแล้ว พวกเธอคงจะทราบใช่มั้ย ว่ามันเพราะอะไรน่ะ" ลินคอร์ทบอก
               พีวิลกล่าว "จีเนฟารี่ให้แฮคเกอร์เจาะเข้าระบบส่งคลื่นควอนตั่มและระบบคอมพิวเตอร์ในสถานีโทรทัศน์ เพื่อนำข้อมูลรายการของพวกเราเผยแพร่ไปสู่โลก หากแต่แฮคเกอร์นั้นไม่เก่งมาก จนทำให้เครือริธฟอนโซ่ตรวจจับการเจาะระบบได้ แฮคเกอร์รายนั้นเลยใช้การตัดการเชื่อมต่อทิ้งและเชื่อมใหม่ในเวลาถัดมาเลยนะครับ"
              "จากรายงานของกรมตำรวจอวกาศที่ตรวจสอบดาวอาวาโฮ่-3 มา พวกเขาพบเสาส่งคลื่นสัญญาณควอนตั่มพิสัยไกลซ่อนอยู่ในเขตหุบเขาสูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากปราสาทของจีเนฟารี่ไป 60 กิโลเมตรด้วย แม้ว่าการที่พวกเธอหยุดจีเนฟารี่ลงไปได้ แต่การสื่อสารทุกรายการในดาวของเรา ถูกส่งลงไปที่โลกไปนานสองปีแล้วน่ะ" เท็ตสึกะกล่าว "แน่นอน ว่ารวมถึงเรื่องการต่อสู้ของเอเดรียนเมื่อ 3 วันก่อนด้วย ซึ่งโชคดีมากที่เราบล็อกการสื่อสารไว้ได้ แม้จะมีหลุดรอดไปได้เพียงส่วนหนึ่งก็ตามน่ะ"
               สเปียริทบอก "เรฟอนล่าบอกกับเรามาก่อนหน้าแล้วละคะ ท่านผู้นำ"
              "และคงรู้ใช่มั้ย ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมานั้น มันตรงกับคำพูดของจีเนฟารี่ที่ให้ไว้ก่อนที่เธอจะมีจุดจบที่คาดไม่ถึงเลยน่ะ" เอเรนซ่ากล่าว
              ลินคอร์ทบอก "เพียงแต่ เรายังไม่มีข้อมูลของคิโคเดน ผู้เป็นองค์ราชทายาทเทพและพี่น้องที่นอกเหนือจากไซมาเทนเลยน่ะ เธอช่วยให้ข้อมูลกับทางเราได้มั้ยละ"
              "ฉันคงจะให้ตามที่ฉันทำได้นะคะ" สเปียริทบอก แล้วเธอก็เล่าเรื่องของคิโคเดน รวมถึงเรื่องพี่ทั้งสิบให้ฟังด้วย
               คารินก้าบอก "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสจะมีบุตรที่เยอะและกล้าแกร่งเพียงนี้น่ะ"
              "ภาวนาว่าพวกเขาคงไม่ฟื้นคืนชีพกลับมากันน่ะ ไม่งั้น อย่าว่าแต่ทหารซัลคาเลี่ยนที่อยู่กับพวกเราเลย เราเองไม่รู้ว่าเราจะรับมือกับความพิโรธของคิโคเดน และเหล่าพี่น้องที่ฟื้นกลับมาจากความตายได้หรือเปล่าน่ะ" เอเรนซ่าบอก "เพราะถ้าขนาดเธอยังรอดกลับมาได้เช่นนี้ โอกาสที่ทศภารดรกลับมาย่อมเป็นไปได้แน่นอน"
              ลินคอร์ทกล่าว "ตอนนี้เราเริ่มประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการคุกคามจากโลกกันดีกว่าน่ะ"

              "เฮ้ออออ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจีเนฟารี่ก่อเรื่องบ้าๆกันมาเมื่อ 2 ปีก่อนเลยน่ะ ให้ตายสิ" สเปียริทสบถ
               จิลกล่าว "ถ้าขนาดเธอเองยังไม่รู้เช่นนี้ ต่อให้ฉันมีพลังจิต ก็ไม่สามารถหยั่งรู้ไปได้ซะทุกเรื่องหรอกน่ะ สเปียริท" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "สงสัยว่า ทุกๆคนที่ออสเตรเลียคงได้เห็นฉันบนเวทีหรือทำอะไรเปื่นๆในรายการกันแน่ๆเลยละ"
              "ไม่ใช่แค่เธอกับลิเนียร์ตี้หรอก ที่โดน พวกเราเองก็ด้วยน่ะ" เจเนลกล่าว "แต่ เกซิคและจีเนฟารี่รู้ได้ไง ว่าพวกเราอยู่ที่ดาวดวงนี้ ทั้งๆที่ทั้งคู่กบดานอยู่บนโลก ไม่น่าที่จะรู้เรื่องได้นะ"
               จายด์บอก "เกซิคและจีเนฟารี่หลบซ่อนตัวอยู่ ก็ยังรู้ว่าเราอยู่ในอวกาศ ผ่านการเปิดโปงแผนการของแพททริค ซึ่งไซเมี่ยนเปิดระบบเผยแพร่ข่าวให้กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งรวมถึงโลก ที่ฟื้นฟูระบบรับส่งสัญญาณควอนตั่มหลังมหาสงครามบนโลกจบลง รวมถึงรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเรา ผ่านเหล่าแมนิเกเตอร์ที่อยู่ในอวกาศ และชาวซัลคาเลี่ยนที่ทราบชาตะกรรมของดาวบ้านเกิดกันด้วยน่ะ"
              "รวมถึงพวกริดโอที่หลบหนีออกจากดาวของเรากันด้วย เพราะกรมตำรวจอวกาศเจอฐานหลบซ่อนของพวกริดโออยู่น่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลถอนใจขึ้นมา "ตอนนี้เราเหลือเพียงเกซิคแล้ว เพียงแต่ ผบ.บัลโต้ไม่อนุญาตให้เราหรือส่งพวกลูกพี่ไปที่โลกเลยน่ะ"
              "เจมส์ พวกเราเองก็อยากจะตามหาเกซิคที่หลบซ่อนอยู่ที่โลกกันด้วยน่ะ หากแต่.....เราไม่ควรเป็นฝ่ายหาเรื่องกับชาวโลกกันก่อนน่ะ" พีวิลกล่าว
              สเปียริทบอก "ส่วนหนึ่งเพราะเรายังมีเรื่องพวกแมนิเกเตอร์ที่อาจจะมาหาเรื่องพวกเรา หลังจากที่รู้เรื่องของแอนเดรียเลยสิน่ะ" ไม่ทันไร เธอก็สังเกตุเห็นทหารเทรอมควบคุมตัวทหารหญิงนางหนึ่งไปทันที โดยที่เดลิคเดินตามมาด้วย "เออ เดลิค ว่าแต่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นละ" สเปียริทถาม
              "โอ้ว พวกคุณเองหรือ ว่าแต่ พวกคุณชี้แจงเรื่องให้กับกลุ่มผู้นำจตุรัสสี่สีแล้วหรือยังละครับ" เดลิคบอก
              เจเนลกล่าว "พวกเราเสร็จธุระที่ผบ.บัลโต้ให้มาแล้วละ เดลิค พอจะบอกเราได้มั้ย ว่านายจับตัวทหารหญิงผู้นี้ไปทำไมละ"
              "คือว่า....เราไปคุยกันที่ห้องทำงานของผมจะดีกว่าน่ะ" เดลิคแนะนำ พีวิลพยักหน้า แล้วทั้งหมดมาที่ห้องทำงานของเดลิค ในแผนกกองกำลังพิเศษ
              "อะไรน่ะ นายบอกว่า ทหารหญิงผู้นี้ พยายามที่จะเข้าถึงตัวจอมพลแฮซกริฟกันให้ได้กันหลายต่อหลายครั้งเลยหรือ" เจเนลบอก หลังจากที่ฟังเดลิคเล่า "แต่ เธออาจจะมาด้วยเรื่องสำคัญแบบคอขาดบาดตายเช่นนี้ พวกนายไม่น่าขัดขวางเธอเลยน่ะ"
              "ถ้าเธอมาตามที่คุณว่ามา เราพอจะอนุญาตกันได้นะครับ" เดลิคบอก แล้วก็เปิดข้อมูลของนายทหารหญิงผมสีน้ำตาลสั้น "สิบโทเมลเชียน พรอเทม ทหารชาวซัลคาเลี่ยนในกองรบที่ 31 รับผิดชอบในฝ่ายสื่อสารและการฝึกกำลังพล ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากการถูกกองโจรรุกรานกลุ่มอาณานิคมที่ดาวคาเทรน่า-5 โดยทีมสำรวจของพวกเราได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ และนำตัวเธอกับเหล่าผู้รอดชีวิตขึ้นมา ซึ่งเธอใช้เวลาพักฟื้นราว 2 เดือนก่อนจะกลับมาทำงานอยู่ในกองรบที่ 19 เมื่อ 2 ปีก่อนนะครับ"
               สเปียริทบอก "กองรบที่ 19 นะหรือ ตอนแรกนายบอกว่าเธออยู่ในกองรบที่ 31 มิใช่หรือไงน่ะ"
              "คือว่า เธอถูกสั่งย้ายไปอยู่กองกำลังอื่น เพราะเธอ.....ละทิ้งหน้าที่ ออกจากฐานทัพโดยผู้บังคับบัญชาการไม่อนุญาต มุ่งหน้าไปยังออคตากอน เพื่อมาหาท่านจอมพลแฮซกริฟ ให้ช่วยติดตามหานายพลท่านหนึ่ง หากแต่ เธอไม่ได้เข้ามาทางประตูหน้า เธอทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เข้าใกล้ท่านจอมพล หรือเรียกท่านจอมพลให้ออกมาข้างนอกกันทุกครั้ง ซึ่งทางเราและระบบรักษาความปลอดภัยนั้น ตรวจจับเธอได้เสียก่อนนะครับ" เดลิคกล่าว "แน่นอน ว่าผบ.บัลโต้เข้ามาตักเตือนและขอให้สิบโทเมลเชียนฝากเรื่องนี้ให้กับทางเรา แต่...เธอยืนกรานว่าจะให้จอมพลแฮซกริฟจัดการกับเรื่องนี้ให้ได้ เพราะเธออ้างว่า นายพลที่เธอต้องการตัวนั้น เป็นต้นเหตุที่ทำลายอาณานิคม แถมเป็นคนจากแรซัลก้ากัน รวมถึงนายทหารที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย ผบ.บัลโต้เลยต้องปล่อยเธอไป เพราะคิดว่า เธอคงจะเครียดกับการงาน หรือยังปรับตัวกับสภาพแวดล้อมกันไม่ได้แน่ๆเลยน่ะ"
              เจเนลบอก "บางทีเธออาจจะอ้างเพื่อหวังจะลอบสังหารจอมพลแฮซกริฟ เพราะว่าเธอคงเป็นเพื่อนกับทหารที่ร่วมรบกับตาแก่วอลเดน หรือเป็นเพื่อนกับทหารในกองรบของนายพลวอลเลนซ์ ที่แส่หาเรื่องกับท่านประธานาธิบดีจนโดนพวกเราจัดการเลยละสิ"
              "สิบโทเมลเชียนพึ่งเข้ามาในกองทัพเมื่อ 2 ปีก่อนนะครับ และจากที่เราตรวจสอบมา เพื่อนร่วมรุ่นของสิบโทเมลเชียน ล้วนแล้วอยู่ในกองรบของนายพลเดเรนซ่า นายพลเดมโรด นายพลพิคานัส และนายพลกาลิเทนทั้งนั้น ซึ่งผมกับผบ.บัลโต้ แนะนำให้เธอฝากเรื่องนี้ให้นายพลรับไปแจ้ง แต่เธอปฏิเสธ เพราะเธอต้องการให้จอมพลแฮซกริฟรับเรื่องและจัดการเรื่องนี้เท่านั้นน่ะ" เดลิคบอก
               พีวิลถาม "แล้วผบ.บัลโต้และนายเคยแนะนำให้เธอไปแจ้งกับทางเราให้ช่วยได้มั้ยละ"
              "นั้นยิ่งแล้วใหญ่ครับ เราแนะนำเธอไปแบบที่คุณว่ามา เธอก็ปฏิเสธอีกนะครับ แม้เธอไม่พูดอะไรออกมาให้เราได้ยิน ผมกับผบ.บัลโต้ก็คงรู้ ว่าเธอมีบางอย่างที่ปิดบังไว้ และอาจจะถูกพวกคุณเปิดโปงจนหยุดยั้งสิ่งที่เธอทำอยู่ก็เป็นได้นะครับ" เดลิคกล่าว
              สเปียริทบอก "แน่ละ เพราะเรามียัยเปี้ยกที่สามารถอ่านใจได้ ซึ่งสิบโทเมลเชียนคงไม่ปลื้มแน่ๆ หากยัยเปี้ยกพูดบางอย่างที่สิบโทไม่อยากให้ใครรู้ออกมากันน่ะ"
              "ว่าแต่ พอมีข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับสิบโทเมลเชียนบ้างหรือเปล่าละ" จายด์ถาม
               เดลิคบอก "เท่าที่ผมทราบจากเพื่อนในกองอื่นมา เห็นว่าสิบโทเมลเชียนสูญเสียเพื่อนพ้องที่อยู่ในอาณานิคมไป ซึ่งหนึ่งนั้น มีน้องสาวของเธอรวมอยู่ด้วย และน้องสาวของเธอเอง ก็เป็นญาติที่เมลเชียนรักมากที่สุดกันด้วย แม้ว่าครอบครัวของเธอนั้นจะเป็นบ้านแตกสาแหรกขาดเลยก็ตามน่ะ"
              "พ่อแม่ของสิบโทเมลเชียนและน้องสาวนั้น หย่าร้างและแยกทางกันสิน่ะ" จิลบอก
              เดลิคพยักหน้า "พ่อของสิบโทเมลเชียนเป็นนายทหารระดับนายพลในกองยานจักรวรรดิ์กันนะครับ แต่แยกทางกันไป เนื่องมาจากญาติฝั่งแม่มีอคติต่อผู้เป็นพ่อและพยายามกดดันให้แยกทาง เพื่อหวังให้แม่ของสิบโทเมลเชียนไปลงเอยกับมหาเศรษฐีรายใหญ่กัน แน่นอนว่าแม่ของสิบโทเมลเชียนต้องนำน้องสาวของเธอไปด้วย โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนด้วยกัน" แล้วก็พูดต่อ "หลังจากยุทธการที่โฟรเดริม-4 จบลงด้วยความพ่ายแพ้ พ่อของสิบโทเมลเชียนได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคุมกองยานบุกเบิกในแนวกลาง โดยพาสิบโทเมลเชียนไปด้วย เพียงแต่....น้องสาวของเธอลอบขึ้นยานมา เพราะเธอพยายามหนีการลวนลามของญาติฝ่ายพ่อเลี้ยงที่หืนกามอย่างมาก แถมญาติฝ่ายแม่เองก็เข้าข้าง เพื่อหวังจะใช้ความร่ำรวยของพ่อเลี้ยงมาปลดหนี้สินจำนวนร้อยล้าน จากความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจเลยนะครับ"
              "แต่ยานที่สิบโทเมลเชียนและน้องสาวโดยสารมานั้น ก็มีเหตุขัดข้องจนต้องลงจอดที่ดาวคาเทรน่า-5 และอยู่ตั้งรกรากที่ดาวดวงนี้เลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
               เดลิคพยักหน้า เจเนลบอก "แล้วนายคิดจะกักตัวเธอไว้ในห้องขังใต้ออคตากอนนิ คงเพื่อให้เรามาสอบปากคำเธอละสิน่ะ"
              "คือว่า ในช่วงที่เธอพยายามบุกเข้ามาในออคตากอนกันหลายต่อหลายครั้งนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอพยายามจะเข้ามา แต่เกิดชะงักและรีบออกไปก่อนทันที เหมือนเธอเจออะไรบางอย่าง หรือใครบางรายกันนะครับ" เดลิคกล่าวและนำภาพกล้องวงจรปิด เผยภาพของเมลเชียนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามออคตากอนตรงทางเข้าฝั่งหรดี ซึ่งเธอเดินวนไปวนมา รอให้ยามที่เฝ้าตรงนั้นหันไปทางอื่น แต่เธอกลับหยุดลง แล้วรีบวิ่งออกไปโดยเร็ว
               พีวิลถาม "ว่าแต่ ตำแหน่งนั้นยังมีกล้องตัวอื่นบ้างมั้ยละ"
              "ต่อให้มีกล้องตัวอื่นอยู่ แต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นต้นเหตุให้สิบโทเมลเชียนรีบหนีไปเลย ซึ่งความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ เธอคงเห็นสมุนโจรที่เข้าร่วมการทำลายอาณานิคมในคาเทรน่า-5 แฝงตัวเข้ามาแน่นอน" เดลิคบอก "และนี้ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะครับ เพราะยังมีอีก 5-6 ครั้งที่เธอพยายามจะเข้าไป แต่ดันชะงักแบบนี้ด้วยน่ะ"
              สเปียริทกล่าว "แล้วเธอคงไม่ก่อเรื่องเบี่ยงเบนพวกทหารให้ออกไปกันเลยหรือ"
              "โชคยังดีมากครับ ที่สิบโทเมลเชียนไม่ได้ทำแบบที่คุณว่ามา เพราะถ้าเธอทำเช่นนั้น เกรงว่าเธอคงจะถูกให้ออกจากราชการ ในข้อหาพยายามก่อวินาศกรรมอย่างแน่นอน อีกทั้งเธอมานี้เพื่อแจ้งและบอกกับจอมพลแฮซกริฟไว้ เพียงแต่....ผมเห็นว่าเธอมีบางอย่างปิดบังไม่ยอมให้เรารับรู้ได้เลยนะสิครับ" เดลิคบอก "และต่อให้พวกคุณมานี้ ตราบใดที่เธอไม่ยอมปริปากบอก มันก็มาอีหรอบเดิมอยู่ดีนะครับ"
               พีวิลบอก "แน่ละ ถ้าไม่มีเหตุผลอันควรที่ฟังขึ้น จอมพลแฮซกริฟเองก็คงไม่มีเหตุให้ต้องมาหาเธอกันได้หรอกน่ะ"
              "ว่าแต่ สิบโทเมลเชียนเคยเข้าร่วมในยุทธการโฟรเดริม-4 หรือเปล่าละ" จายด์บอก
               สเปียริทบอก "จริงด้วยน่ะ ทั้งเนคมาดูซัม ทั้งฟิเกซ แอร์ไพล์มมิส แคร์เรี่ยน ซิลเวเทรด และลุงเบติสอยู่ในยุทธการนั้นเสียด้วยน่ะ" และหันมาถาม "และถ้าพ่อของเธอเข้าร่วมในยุทธการนี้ เธอเองก็ต้องเข้าร่วมด้วย เดลิค คิดว่าสิบโทเมลเซี่ยนเคยผ่านสมรภูมินรกนี้มาบ้างมั้ยละ"
             
              "เคยครับ และเธอก็อยู่ในแนวหน้า ทำหน้าที่สนับสนุนกองรบแกตไทซ์และควอเดี่ยมกันด้วย ซึ่งเธอ....เคยร่วมงานกับแม่ทัพเนคคูคัสและแม่ทัพนาไลน์ถึง 3 ครั้งด้วยนะครับ" เดลิคบอก
              เจเนลกล่าว "เนคมาดูซัมและฟิเกซก็ต้องรู้จักกับสิบโทเมลเชียนแน่นอน ว่าแต่ นายเคยถามแคร์เรี่ยนถึงเรื่องนี้หรือเปล่าละ"
              "คุณแคร์เรี่ยนได้ฟังเรื่องที่ผมเล่ามาแล้วนะครับ ว่าสิบโทเมลเชียนมักจะกระวนกระวายมากๆ เมื่อคนที่เธอให้มาเจอนั้นไม่อยู่หรืออยู่ในเวลางาน ซึ่งเธอมักจะทำแบบนี้ตามในภาพเป๊ะเลย" เดลิคบอก "เพียงแต่ คุณแคร์เรี่ยนกลับเห็นว่า สิบโทเมลเชียนดูร้อนรน ดื้อด้าน และดันทุรังมากเกินไปหน่อย แม้เป็นคนที่กล้าหาญอย่างมากจนไม่กลัวเกรงใครเลย ไม่เหมือนที่เราเห็นในช่วงนี้เลยนะครับ"
              จิลบอก "เธอคงจะเจอการสูญเสียลูกน้องไปมาก เลยเปลี่ยนเธอเป็นเช่นนี้หรือเปล่าน่ะ"
              "อาจจะเป็นอย่างงั้นนะครับ และนั้นอาจจะทำให้เธอร้อนรนมากจนขาดความสุขุมและความอดทนอดกลั้นไปด้วยนะ" พีวิลบอก "แต่ที่ให้เธออยู่ในนี้ คงไม่ได้ควบคุมตัวเธอไว้ จนกว่าผู้บัญชาการของเธอจะมารับเลยสิครับ"
              เดลิคส่ายหน้า "ผบ.บัลโต้และจอมพลแฮซกริฟแค่ต้องการให้เธออยู่ในที่ๆปลอดภัยมากกว่านี้ ดีกว่าส่งเธอกลับกองบัญชาการแล้วถูกคนปองร้ายจนเสียชีวิตกันนะครับ ซึ่งทางเราแจ้งกับผู้บัญชาการกองของเธอไว้แล้ว"
              "คุณกับผบ.บัลโต้ตัดสินใจถูกแล้วละน่ะ แล้วพอทราบมั้ย ว่าคนสองคนที่เธอเอ่ยถึงนั้น เป็นใครล่ะ" สเปียริทกล่าวและถาม
              เดลิคส่ายหน้า "เกรงว่าเธอจะบอกสองชื่อนี้ กับจอมพลแฮซกริฟได้เท่านั้นนะครับ" แล้วก็พูดต่อด้วย "และถึงพวกคุณไป พวกคุณก็คงไม่ได้อะไรจากเธอหรอกครับ เพราะเธอจะไม่บอกใครเท่านั้น นอกจากจอมพลแฮซกริฟนี้แหละ"
              "สิบโทหญิงดื้อด้านแบบนี้ คงต้อง...." เจเนลบอก
              จายด์เลยรีบจับตัวเจเนลไว้ "อย่า เจเนล ในเมื่อเธอยืนกรานจะไม่พูดกับเรา เราก็ไม่ควรไปบีบเค้นให้เธอปริปากพูดหรอกน่ะ"
              "เรายังมีเนคมาดูซัมและฟิเกซอยู่ ต่อให้พวกเขาไม่เห็น ก็น่าจะจำได้บ้างน่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลพยักหน้า และแจ้งบอกเดลิคไว้ "เดลิค หวังว่านายคงจะคุมสิบโทให้เธออยู่ในที่ๆควรอยู่ มากกว่าปล่อยให้เธอหาเรื่องหลุดออกมาได้น่ะ"

              ในช่วงที่พวกพีวิลอยู่ในออคตากอนนั้น ที่สภาแกตเครด ศูนย์บัญชาการของพวกแกตไทซ์ กลางเมืองแลงครูเดอร์ ตอนเหนือของทวีปฝั่งตะวันตก
    ที่ห้องประชุมหลักในสภาแกตเครด แกตไทซ์ระดับหัวหน้าทั้งขาวและดำนั่งประจำเก้าอี้ใหญ่ทั้งสองข้าง ซึ่งมีเก้าอี้ว่างสองตัวอยู่ด้านหน้า "แว้งงงง แว้งงงงง" ฉายภาพโฮโลแกรมแกตไทซ์ขาวชายนั่งอยู่ฝั่งขวา แกตไทซ์ดำหญิงนั่งอยู่ฝั่งซ้ายขึ้นมา "ครืดดดดด ตรึงงงง" บานประตูห้องประชุมเปิดออก เนคมาดูซัมและฟิเกซเดินเข้ามา "นึกว่าจะไม่มาเสียแล้วน่ะ เนคเกอร์" แกตไทซ์ขาวที่นั่งบนเก้าอี้ตัวหน้าบอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ไม่ว่าเรื่องจะสำคัญหรือไม่ ยังไงฉันก็ต้องมาอยู่แล้วละ เกฟฟาร์ด เมลกวิน"
              "ดีแล้วละ เนคเกอร์ ที่นายรู้ความรับผิดชอบในฐานะแกตไทซ์ด้วยน่ะ" แกตไทซ์ขาวนามเกฟฟาร์ดกล่าว เขาคือหัวหน้าเผ่าบานกาทและเป็นผู้นำเผ่าแกตไทซ์รุ่นปัจจุบัน พร้อมกับ....
               "ถ้าเช่นนั้น นายนั่งลงก่อนเลย ฟิเกซอท ยืนข้างๆแล้วกันน่ะ" แกตไทซ์ดำนามเมลกวิน หัวหน้าเผ่ากัลเกรกัส ผู้นำร่วมของเกฟฟาร์ดในฐานะแกตไทซ์ดำบอก
              "เข้าใจแล้วละ" ฟิเกซบอก แล้วก็ไปยืนอยู่ข้างหลังเนคมาดูซัม ซึ่งนั่งบนเก้าอี้ ที่มีป้ายระบุ "หัวหน้ากองรบไทรเวเซอร์" ติดไว้ตรงด้านข้าง โดยนั่งใกล้กับแกตไทซ์ขาวเกราะขาวสลับแดง
              "ท่านเกฟฟาร์ด ท่านเมลกวิน เริ่มการประชุมกันได้แล้วละครับ" เขาผู้นี้คือบัสเทียน หัวหน้าเผ่ากายซาล ซึ่งเป็นหัวหน้าคุมสภาแกตเครดและเหล่าแกตไทซ์ที่ประจำอยู่ที่แคสเซเดี่ยน-3 ในเวลานี้
              "ได้อยู่แล้วละ" เกฟฟาร์ดบอก และเข้าประเด็นหลักในการประชุมครั้งนี้ "อย่างที่พวกเราในที่ประชุมต่างได้รับทราบกันแล้ว ถึงเรื่องสหายของเนคเกอร์ นามเอเดรียน เดลวีแองนู บุตรีของผู้สร้างบิดรเทพของเรา โดยเราได้เห็นการต่อสู้ของเธอกับพวกมิวแทนอยด์ตัวแสบระดับเป้งกันมาแล้ว แน่นอน ว่าผลกระทบที่ตามมานั้น พวกนายคงจะรู้แล้วละสิน่ะ"
              แกตไทซ์ดำจากเผ่าโกลดัลกล่าว "บอกตามตรงน่ะ ว่าตอนนี้ แพคทีสในกลุ่มของพวกเรา เกิดคึกคะนองอยากจะท้าทายกับบุตรีของผู้สร้างกันอย่างมากแล้ว เพราะไม่เพียงแค่เธอล้มพวกมิวแทนอยด์แปดปีศาจร้ายลงได้ ทั้งๆที่พวกเราต้องเจ็บตัวไปไม่น้อย แม้จะไม่ถึงตายจากการปะทะกับพวกมันมาก็ตาม นักรบระดับกลางและผู้ผ่านศึกอย่างพวกเราเอง ต้องคอยเบรคไว้และสั่งกักบริเวณไม่ให้ออกนอกขอบเขตไปแล้วน่ะ"
              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะแพคทีสฝ่ายเราเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน ว่ามิวแทนอยด์สหายหญิงที่เป็นลูกน้องใต้ความดูแลของเนคเกอร์ จะเป็นมิวแทนอยด์ที่ทรงพลังเพียงนี้น่ะ" แกตไทซ์ขาวหญิง หัวหน้ากองจากเผ่าเจเดลก้าบอก
               เกฟฟาร์ดกล่าว "เนคเกอร์ นายกับฟิเกซอท รู้เรื่องมาแต่แรกบ้างมั้ย ว่าสหายหญิงเอเดรียนเป็นมิวแทนอยด์ตัวเป้งมาก่อนน่ะ"
              "เกรงว่า ฉันกับทุกๆคนไม่ได้ทราบเรื่องมาแต่แรกนะสิ ว่าแอนเดรียกลายเป็นมิวแทนอยด์ที่อันตรายมากที่สุดเลยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "แม้เราจะรู้ว่าแอนเดรียเป็นเช่นไร ทั้งสเปียริทและลิเนียร์ตี้เองก็เกือบตายคามือของแอนเดรียที่กลายเป็นปีศาจไปแล้วนะสิ"
               ฟิเกซเสริม "รวมถึงพวกเราที่เข้าไปหยุดแอนเดรียไว้ได้ด้วย กว่าเราจะทำให้แอนเดรียสงบลง เราเกือบทั้งหมดก็อ่วมไม่น้อยนะสิ"
              "เท่าที่ฉันทราบมาน่ะ ว่าสหายเอเดรียนนั้น ผู้ที่รับผิดชอบดูแลเธอคือคาตานะลอร์ด เอสมาสวาร์ทาร์ใช่มั้ยละ เขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไงละ" แกตไทซ์ดำหญิงนามโวลเฟล หัวหน้าฝ่ายข่าวและมือขวาของเมลกวินกล่าวถาม
              เนคมาดูซัมบอก "มาสวาร์ทาร์ รับคำสั่งเสียจากศจ.รีไลฟ์เวอรี่ ผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยลับและหัวหน้าคุมพวกริดิวิเนี่ยน ให้ช่วยปกป้องแอนเดรียจากอันตรายทั้งปวง แต่ด้วยอุบัติเหตุเตาพลังงานเพเรเนี่ยมระเบิดใส่นั้น ได้ทำให้เธอกลายเป็นมิวแทนอยด์ที่อันตรายอย่างมาก มาสวาร์ทาร์ทราบเรื่องนี้เลยหยุดเธอไว้ แต่ก็....." จากนั้นเนคมาดูซัมก็หยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนจะบอกว่า "เลือกที่จะปิดบังความจริงอันโหดร้ายไม่ให้เธอและพวกเรารับรู้ โดยทำแบบนี้มาตลอด 4 ปีเต็ม จนกระทั่งเราพึ่งมารู้เอาหลังจากเกิดเรื่องนี้แหละ"
              "แล้วนายก็คงลงโทษคาตานะลอร์ดตามกฎของกองรบของนายเลยสิน่ะ และนั้นคงจะทำให้นายและพวกไม่ออกปฏิบัติการณ์หลังจากกลับมาที่ดาวไปได้เดือนหนึ่งแล้วน่ะ" เกฟฟาร์ดบอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "มาสวาร์ทาร์ทำผิด ฉันจำต้องลงโทษตามกฎเอาไว้ ต่อให้ทำด้วยความจำเป็นที่เห็นใจแค่ไหน ในฐานะหัวหน้ากอง ฉันปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้แล้วละ"
              "ถ้าไม่ติดว่านายกับฟิเกซอทไม่ทราบเรื่องมาแต่แรกละก็น่ะ ฉันกะจะตำหนินายในที่ประชุมให้ดังลั่นไปนานแล้วละ" เกฟฟาร์ดกล่าว "แล้วต่อจากนี้นายจะทำไงกับสหายเอเดรียนดีละ"
               เนคมาดูซัมกล่าว "ในฐานะหัวหน้ากอง ฉันจะพิจารณาว่าแอนเดรียจะอยู่หรือไป ก็ขึ้นกับการตัดสินใจของเธอไว้ ซึ่งถ้าเธอคิดจะอยู่ต่อ ฉันก็ยินดี แต่ถ้าเธอคิดจะไป ฉันคงไปบีบบังคับเธอไม่ได้เช่นกันน่ะ"
              "ฉันหมายถึงนายจะทำไง หากสภาพทางร่างกายที่อาจจะทำให้เธอก่ออันตรายต่อพวกนายกันต่างหากละ" เกฟฟาร์ดบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้ามันเกิดซ้ำอีก ฉันกับทุกๆคนคงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องหยุดยั้งเธอไว้อีกเช่นเคยนี้แหละ เกฟฟาร์ด"
              "และที่สำคัญ แอนเดรียถูกส่งกลับมาที่เฟิร์สฮิลล์แล้ว ฉันจึงอยากจะให้พวกนายเบรคแพคทีสและพวกนักรบในบัญชาของนายกันสักหน่อยน่ะ" ฟิเกซบอก
              หัวหน้ากองจากเผ่ากรัมบาสกล่าว "ถึงนายไม่ย้ำ เราก็ต้องทำตามแล้วนะ"
              "ถ้าเช่นนั้นประเด็นเรื่องแอนเดรียนั้น ให้เป็นหน้าที่ของเนคเกอร์และพวกไทรเวเซอร์จัดการเลยนะ" บัสเที่ยนบอก "เรื่องต่อมานั้น คือเรื่องที่พวกแพคทีสเกือบทั้งหมด ไม่มีระเบียบวินัยและก่อเรื่องกัน เห็นได้จากการมีประชาชนมาร้องเรียนกับทางเรากันนับไม่ถ้วน ซึ่งขนาดทางเราได้ตักเตือนพวกแพคทีสในเรื่องนี้มา แต่ปัญหานี้มันวนลูปไปหลายรอบแล้ว ทางเราจึงขอคำแนะนำจากท่านเกฟฟาร์ดและท่านเมลกวินกันสักหน่อยน่ะ"
             เมลกวินพยักหน้า "ฉันรู้ ว่าพวกแพคทีสไม่มีระเบียบวินัยนั้น ไม่ใช่แค่เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจในเรื่องกฎเกณฑ์กันอย่างเดียว แต่ทางเราแทบไม่มีแกตไทซ์ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกแพคทีสทั้งขาวและดำกันเลยน่ะ"
              "ถ้าเป็นพวกแกตไทซ์อาวุโสละก็ ล้วนล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว ทั้งจากโฟรเดริม-4 ทั้งจากวาระสุดท้ายของแกตโตเดี่ยนกันน่ะ" หัวหน้ากองจากเผ่าบานกาทนามสเทเรี่ยมกล่าว "พวกเราในที่ประชุมพอจะเสนอชื่อของแกตไทซ์ผู้อาวุโสออกมาได้มั้ยละ"
              หัวหน้ากองจากเผ่าไมซ์ไคซ์ชูมือก่อน "ฉันขอเสนอ ลุงฟอมเบิร์ท ครูสอนเพลงอาวุธที่เก่งกาจและเป็นตนเดียว ที่พร้อมจะสยบพวกแพคทีสเกรียนๆเหล่านี้ให้มีระเบียบกันได้น่ะ"
              "อ่า....ฟอมเบิร์ทสยบแพคทีสเกรียนๆลงได้ แต่รู้อะไรมั้ย ว่าแพคทีสเหล่านั้น ถ้าไม่กลัวจนไม่มาอยู่ในกองรบ ก็คือไปอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลกันอยู่ดีนี้แหละ เพราะลุงแกมือเท้าหนักแถมเป็นขี้เมาตัวเอ้อีกด้วย เขาจึงเป็นตัวเลือกที่แย่และไม่เหมาะกับงานนี้เลยน่ะ" เมลกวินแย้ง
               หัวหน้ากองจากเผ่าเฟรบัลด์เสนอตาม "แล้วถ้าเป็นทาเบียลล่ะ เขาเป็นนักรบที่มีวินัยและเคยเป็นครูสอนสั่งพวกแกตไทซ์รุ่นลูกและหลานกันมาหลายรุ่นเลยน่ะ"
              "เออ ทาเบียลที่เธอว่ามานิ รุ่นไหนละ" เกฟฟาร์ดบอก
              หัวหน้ากองจากเผ่าเฟรบัลด์กล่าว "เออ รุ่นที่ 3 ถึง 14 นะคะ ถึงรุ่นเก่าจะไม่อยู่ อย่างน้อยรุ่นถัดมาก็น่าจะช่วยสอนได้นะคะ"
              "ถ้าเป็นรุ่น 3 ถึง 10 ละก็....พวกเขาหมดอายุขัยไปนานแล้ว ส่วนสามรุ่นหลังนั้น สิ้นชีพลงที่โฟรเดริม-4 แล้วน่ะ" เกฟฟาร์ดกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "พ่อเป็นคนแจ้งและยืนยันเองด้วย แม้จะเหลือรุ่นที่ 15 ไว้ แต่อายุพึ่งจะ 10 ขวบอยู่เลยน่ะ"
              "เรารู้น่ะ ว่าพวกนายอยากจะเสนอชื่อผู้อาวุโสที่อยู่ในเผ่าและไม่ได้อยู่ในเผ่า แต่ช่วยขอชื่อผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้หน่อย ไม่ใช่อยู่ในโลงศพหรือป้ายอนุสรณ์สถานผู้จากไปน่ะ" เมลกวินบอก แล้วในที่ประชุมก็เสนอชื่อมา
               เกฟฟาร์ดพิจารณาดูแล้ว "บอกตรงๆน่ะ แต่ละรายนิ บางตนฝีมือดีแต่ความประพฤติแย่ บางตนมีประวัติดีแต่ไม่มีจุดเด่นอะไรสักอย่างที่เป็นคุณสมบัติที่ดีเลยน่ะ" แล้วหันมาถาม "เนคเกอร์ นายกับฟิเกซอทคงไม่มีชื่อแกตไทซ์ที่เหมาะสมเลยละสิ"
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าฉันกับฟิเกซมีชื่อเดียวที่น่าจะเหมาะสมกันได้ นั้นคือ..." เนคมาดูซัมกล่าว และพูดพร้อมกับฟิเกซไปว่า "....บาโรน บาโร็ค"
              ในที่ประชุมได้ฟังถึงกับอึ้งไปทันที เมลกวินบอก "นายหมายถึง บาโรนหัวไหล่หมากรุก หัวหน้าเผ่าบาโร็ค เผ่าย่อยของเผ่ากรัมบาส แกตไทซ์ขาวที่เป็นหัวหน้าเผ่าของแกตไทซ์ดำอย่างงั้นสิน่ะ"
              "ใช่ เธอซึ่งเป็นลูกหัวหน้าเผ่าแกตไทซ์ดำเองก็คงจะรู้จักลุงบาโรนด้วยสิ" เนคมาดูซัมบอก
              เมลกวินพยักหน้า "ถึงแม้ว่าบาโรนผู้นี้จะเป็นแกตไทซ์ขาวที่แต่งงานกับภรรยาแกตไทซ์ดำจนขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าในเวลาถัดมา ซึ่งแกตไทซ์ดำส่วนมากไม่คิดจะเสวนาหรือให้ความร่วมมือกันก็จริง แต่เขาเป็นแกตไทซ์ขาวที่คบได้ทั้งขาวและดำ ซึ่งรวมถึงพ่อของฉันด้วย ที่สนิทกับเขาเป็นอย่างดีเลยน่ะ" แล้วก็บอก "และด้วยนิสัยที่ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นขาวหรือดำ เลยทำให้ทั้งสองเผ่าเข้าร่วมเป็นชนเผ่าใหญ่ขึ้นมาเป็นกลุ่มแรกๆ แม้นั้นจะทำให้ทั้งสองกลุ่มรังเกียจและเป็นศัตรูกับเผ่าบาโร็คกันอยู่ตลอด จนต้องยกทั้งเผ่าออกจากแกตโตเดี่ยนไปอยู่ที่แรซัลก้านี้แหละ"
              "และที่สำคัญ ลุงบาโรนเอง ก็เคยมานั่งอยู่ในสภาแกตเครดที่แรซัลก้า ในช่วงที่ท่านเนคคูคัสเป็นหัวหน้าสภากันด้วย โดยรับผิดชอบดูแลพื้นที่ใกล้กับเขตเมืองสำคัญทางตอนกลางและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แม้เขาจะไม่ได้รับความร่วมมือหรือช่วยเหลือจากพวกแกตไทซ์ขาว ที่ตั้งแง่รังเกียจอยู่ตลอด ไม่ว่าจะนั่งร่วมประชุมก็ดีหรืออยู่ปฏิบัติงานนอกสภาเลยก็ตาม ถ้าเป็นลุงบาโรนละก็ เขาเหมาะสมมากกับสภาพการณ์ของเผ่าเราในเวลานี้น่ะ" เกฟฟาร์ดบอก และถอนใจขึ้นมา "แต่หลังจากเหตุพวกแคสเกียสก่อการกบฎที่ลุงบาโรนกับเผ่าบาโร็คเข้าปราบปรามไปได้นั้น ลุงแกกับเผ่าก็พาพวกแคสเกียสไปจากแรซัลก้า แล้วหายสาปสูญไปยาวเลยน่ะ"
              เมลกวินบอก "เรารู้แค่ว่า บาโรนและเผ่าบาโร็คพยายามกู้สถานการณ์ไม่ให้บานปลาย แต่ถูกมารดรเทพพิพากษาให้เนรเทศทั้งเผ่าบาโร็คและแคลเกียสทั้งดีและเลวออกไปจากแรซัลก้ากัน แต่ไม่รู้ว่า พวกเขาไปอยู่ที่ดาวดวงไหนเลยนะสิ"
              "ภาวนาว่า พวกแคลเกียสคงไม่ไปเจอกับพวกกองยานบุกเบิกกันหรอกน่ะ เพราะฉันทราบมา ว่าพวกแคลเกียสพร้อมที่จะจับชาวซัลคาเลี่ยนมาเป็นทาสกันไว้น่ะ" หัวหน้ากองจากเผ่าดัสคาร์นกล่าวอย่างเป็นกังวล
               หัวหน้ากองจากเผ่ากรัมบาสบอก "นั้นสิ เนคเกอร์ นายกับพวกมุ่งหน้าไปเขตอวกาศภาคกลางนิ พวกนายยังไม่เจอกองยานบุกเบิกเลยหรือ"
              "ถึงเราไปที่เขตอวกาศภาคกลาง แต่เราต้องอยู่ปราบปรามพวกเดลอาเนี่ยนที่ยืมแรงพวกรุกรานจากดาวทั้งแปดมาก่อเรื่องกับพวกนาย จนพวกมิวแทนอยด์คลาสเอสคู่ในสถาบันวิจัยหนีออกมาให้ลูกน้องของพวกนายอ่วมหนักกันนี้แหละ" เนคมาดูซัมบอก
               ฟิเกซกล่าว "อีกอย่าง การไปที่ระบบดาวก็ทำให้ระบบไฮเปอร์ไดร์ฟไม่สามารถใช้งานได้อีก 2-3 วันด้วยกัน เราคงไม่อยากจะติดแหงกอยู่ในเขตอวกาศภาคกลางกันหรอกน่ะ"
              "งั้นหรือ ว้า พวกนายได้รับมอบหมายให้ออกนอกดาวไปอยู่เขตอวกาศภาคกลาง แต่ถูกบีบไม่ให้ออกนอกภารกิจเลยสิน่ะ" เกฟฟาร์ดบอก
              เมลกวินกล่าว "แต่อย่างน้อย พวกเราก็ต้องขอบใจพวกนายด้วยที่ช่วยหยุดการรุกรานของพวกเดลอาเนี่ยนและเผ่าแปดดาวกันไว้ จนทำให้พวกมันไม่สามารถนำกองยานมาถล่มภาคพื้นไปได้น่ะ" แล้วก็สรุป "มติเรื่องผู้หาแกตไทซ์อาวุโสนั้น ขอยุติเพียงเท่านี้แล้วกันน่ะ"

              "ฉันขอแจ้งข่าวบางอย่างกันหน่อยนะคะ" โวลเฟลกล่าว เมลกวินพยักหน้าแล้วให้มือขวาของเธอชี้แจงไปว่า "ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พวกเศษเดนของมอสวอร์ทได้ปรากฎตัวและก่อความเดือดร้อนกันที่แคสเซเดียน-3 และแคสเซรอน-4 จนพวกเราเข้าปราบปรามกันไปแล้ว แต่ยังหลงเหลือเศษเดนกันอยู่ แม้จะมีกลุ่มละ 15-20 ตนเลยก็ตามนะคะ"
              หัวหน้ากองจากเผ่าไมซ์ไคซ์บอก "แล้วพอจะทราบมั้ย ว่าใครเป็นตัวหัวหน้าพวกมอสวอร์ทชุดใหม่กันละ"
              "จากการรวบรวมข้อมูลที่เราบีบเค้นจากสมุนมอสเดไวน์ที่จับมาได้นั้น ทำให้เรารู้ว่าใครเป็นตัวการนำพวกมอสวอร์ทที่เหลือรอดนี้กลับมาก่อเรื่องกันอีกครั้งนะคะ" โวลเฟลบอก และนำภาพแกตไทซ์ดำที่มีรอยแผลกรีดบนหน้าผากออกมา "เดโบรม น้องชายของเดโรค มือขวาของซิกโกน่า ผู้แอบอ้างชื่อแม่ใหญ่ซาเครล ยอดนักรบที่กักขฬะมากที่สุด หนึ่งในสมาชิกของมอสวอร์ทที่ยังหายสาปสูญไปนับแต่ลัทธิล่มสลายไปเมื่อ 4 ปีก่อน บัดนี้ได้ปรากฎตัวแล้วละคะ"
              เกฟฟาร์ดถาม "แล้วพอจะทราบมั้ย ว่าเดโบรมไปหลบซ่อนที่ไหนละ"
              "เกรงว่าลูกสมุนที่ใกล้ชิดเองก็ไม่ทราบเลยคะ ว่าตัวเดโบรมไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน แต่ฉันแน่ใจว่า เดโบรมน่าจะแฝงตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และคอยสั่งการพวกมอสวอร์ทที่หลงเหลือให้ก่อการกันอยู่ ตอนนี้ฉันกับกลุ่มนักรบกำลังติดตามหา...." โวลเฟลกล่าว
               แต่ไม่ทันไร "ปังงงง" ประตูเปิดขึ้น พร้อมกับแกตไทซ์ดำในเกราะขาววิ่งเข้ามา เกฟฟาร์ดบอก "ไม่เห็นหรือไง ว่าพวกเรากำลังประชุมกันอยู่น่ะ"
              "เกิดเรื่องแล้วละครับ ไอ้พวกเศษเดนมอสวอร์ท มันแห่มาตรงหน้าสภาแล้วละครับ" แกตไทซ์ดำเกราะขาวบอก
              เนคมาดูซัมและพวกแกตไทซ์ระดับหัวหน้าลุกขึ้นมาโดยทันที เมลกวินบอก "พูดถึงก็มาเลยนะเนี้ย รีบไปจัดการกับพวกนั้นโดยเร็วดีกว่าน่ะ"
              "แชดๆๆๆๆๆๆ" แกตไทซ์มอสวอร์ทชูปืนแกตไรฟอลยิงเลเซอร์ขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยมันกับพวกพ้องอยู่ตรงลานหน้าอาคารสภาแกตเครด ซึ่งแกตไทซ์ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามใช้โลห์และปืนแกตไรฟอลต้านไว้ "โอ้ววววว บุตรของเนคคูคัสและนาไลน์ลูดอส มาที่นี้ด้วยหรือเนี้ย ดีเลย เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียกให้พวกแกสองตัวโผล่มาแล้วน่ะ" แกตไทซ์ดำสวมหน้ากากปิดหน้าสีขาวที่เป็นตัวหัวหน้าบอก เมื่อเห็นเนคมาดูซัม ฟิเกซและพวกแกตไทซ์ระดับหัวหน้าออกมากันโดยเร็ว
               ฟิเกซกล่าว "ที่พวกนายมาก่อเรื่องที่สภาแกตเครดนิ คงเพื่อแก้แค้นให้เดโรคละสิน่ะ"
               "ฉลาดดีนิ ไอ้หลานของยัยแก่ราคาชูเมล ที่รู้ว่าเรามาที่นี้เพื่ออะไรกันน่ะ" ตัวหัวหน้ากล่าว "ลูกพี่เดโบรมสั่งให้พวกเรามาเอาเรื่องกับแกและไอ้เนคเกอร์ ที่เป็นต้นเหตุให้ต้องสูญเสียหัวหน้าเดโรคและแม่ใหญ่ซาเครลไป ซึ่งหัวแกทั้งสองตัวคือเครื่องเซ่นไหว้และบรรณาการให้กับทั้งสองนี้แหละ"
              เนคมาดูซัมบอก "นี้พวกนายกับเดโบรมไม่รู้เลยหรือไง ว่าแม่ใหญ่ซาเครลตายไปนานแล้ว ด้วยน้ำมือของพวกพ้องของนายที่แรซัลก้า และที่พวกนายก้มหัวและรับคำสั่งนี้ เป็นตัวปลอมกันน่ะ"
              "ใครจะไปสนละ ถ้าแม่ใหญ่ว่าอะไรไว้ เราก็ต้องทำตาม คนที่ไม่ทำตามหรือฝ่าฝืนก็คือคนทรยศอย่างแน่นอน ดังนั้น....." ตัวหัวหน้าบอก แล้วลิ้วล้อมอสวอร์ทก็งัดอาวุธเป็นดาบและหอกใหญ่ออกมา "....ด้วยคำสั่งของลูกพี่เดโบรม แกสองตัว เตรียมตัวตายได้แล้ว"
               เนคมาดูซัมยี่ตาพร้อมกับ "ป้ากกกก" ทุบหมัดสองข้างไปเต็มแรง "เดโรคคงผิดหวังแล้วละ ที่มีลูกน้องหัวดื้ออย่างพวกแกน่ะ"
              "ตายซะเหอะ" มอสวอร์ทตัวหนึ่งบุกเข้ามาด้วยหอกใหญ่ใส่เนคมาดูซัม "ทวิสเตอร์เบรค" ฟิเกซพุ่งหมุนตัวถีบขาคู่อัดใส่มอสวอร์ทเกราะขาวตนนั้นจนล้มลง แล้วก็ "หวับบบบ เปรี้ยงงง" หมุนตัวเตะก้านคอใส่มอสวอร์ทเกราะดำจนหัวสบัดไปข้างซ้าย แต่ไม่ถึงกับล้มและรีบใช้แกตไรฟอลเพื่อยิงใส่ "เปรี้ยงงงงง" เนคมาดูซัมหวดเฮฟวี่ลาเรียตเข้าหลังหัวจน "กะ อา..." แกตไทซ์ดำมอสวอร์ทร้องเพียงแค่สองคำและล้มหน้าคว่ำลง "เฮ้ยยยยยย" แกตไทซ์มอสวอร์ทเกราะดำหวดดาบใหญ่เข้าใส่ "หวืบบบ ปั้กกก ฟึ่บบบบ เปรี้ยงงงง" เนคมาดูซัมก้าวเท้าหลบออกจนปลายดาบฟาดปักคาพื้น และกระโจนเข้าถีบใส่มอสวอร์ทให้ล้มเพื่อหยิบดาบมา "แกร้ง เกร้ง เกร้ง แกร้งงง กร้องงง เกร้งงงง" ใช้สู้กับมอสวอร์ทสองตัวที่ถือหอกคมใหญ่สู้กันโดยเร็ว "พลาซอนบอล" ฟิเกซซัดลูกบอลพลังอัดใส่หน้ามอสวอร์ทที่ถือแกตไรฟอลจนปืนแตกไปสี่ตัว แต่มอสวอร์ทแบบหมัดติดหนามหงิกงอ 3 ตัวบุกเข้ามา "ป้ากกก โครมมมม เปรี้ยงงงง" แกตไทซ์ระดับหัวหน้ากองสามตนบุกเข้าถีบต่อยและกระแทกด้วยหัวไหล่อัดใส่ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆ" หัวหน้ากองอีก 4 ตนระดมยิงบ็อกซ์บัสเตอร์เข้าอัดใส่พวกมอสวอร์ทที่เข้ามาสมทบกันจนล้ม "เคร้งงงง แคร้งงง เคร้งงงง" บัสเที่ยนบุกเข้าใช้ดาบยาวที่ซ่อนไว้ที่เกราะข้างขาซ้ายสู้กับมอสวอร์ทที่ถือดาบเครย์มอลมา ส่วนโวลเฟลกระโดดเข้า "ฉั้วะๆๆ" ใช้ดาบยาวสองเล่มฟันใส่มอสวอร์ทสามตนจนล้มลง
              "นายสู้กับพวกมอสวอร์ทไม่ไหวกันหรอกน่ะ ฟิเกซอท" โวลเฟลกล่าว
              "รู้อะไรมั้ย ว่าถึงควอเดี่ยมจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับแกตไทซ์กันก็จริง" ฟิเกซบอกพร้อมกับหยิบตะบองเหล็กสองอันที่อยู่ในขากางเกงออกมา "ฟ้าวววว ป้ากกกก" แล้วก็สไลด์เข้าตีใส่ตรงข้อพับขาของมอสวอร์ทจนเสียจังหวะ และโดนหัวหน้ากองเผ่าเฟรบัลด์หวดดาบฟันเสยหน้ามอสวอร์ทตนนั้นไปเต็มๆ "ฟ้าวๆๆๆๆ ป้ากกก ป้ากก ป้ากกก ฟึ่บบบบบ ปึกกกก" จากนั้นก็สไลด์เข้าตีใส่มอสวอร์ทที่ดาหน้าเข้ามาจนล้มและเสียหลัก เปิดช่องให้พวกหัวหน้ากองเข้าซ้ำอีกที โดยมอสวอร์ทตัวสุดท้ายโดนฟิเกซกระโดดเหยียบหัวจน "ป้ากกก" ถูกเนคมาดูซัมกระโดดแทงเข่าอัดเข้าที่หน้าอย่างจังๆ "แต่ความว่องไวนั้น คือจุดเด่นของพวกเราแล้วน่ะ" ฟิเกซบอกพร้อมกับรีบหลบดาบของตัวหัวหน้าพวกมอสวอร์ทที่ฟาดเข้ามา
              "ว่องไวดีนักใช่มั้ย งั้นแกโดนกุดขาขาดเดียว...." ตัวหัวหน้ากล่าวและเตรียมหวดดาบหมายจะฟันใส่ขาของฟิเกซในจังหวะที่โดดลงมา
              "ปึกกกก" แต่ฟิเกซกลับเอาขาลงบนหัวของตัวหัวหน้ามอสวอร์ทเสียเอง และ "โบลท์นัคเคิ้ล" โดนเนคมาดูซัมพุ่งชกด้วยหมัดพลังควอตไซเซอร์เข้าที่หน้าจนหน้ากากหลุดออก จากนั้นพวกแกตไทซ์ก็ปะทะกับพวกมอสวอร์ทกันตรงหน้าสภาแกตเครดราว 5 นาที จนฝ่ายผู้ไม่หวังดีน็อกสนิทหมดทุกรายด้วยกัน
              "ปลอดภัยดีนะครับ ท่านเนคเกอร์ ท่านฟิเกซอท" บัลเทียนกล่าว เนคมาดูซัมพยักหน้า
               ฟิเกซบอก "ดีที่พวกนายเตรียมตัวรับมือกับเคสแบบนี้ไว้ ไม่เช่นนั้น เราคงแย่แน่ๆแล้วละ"
              "แต่ตอนนี้ ถึงเวลาไขปริศนากันแล้วละ" เนคมาดูซัมบอก โดยก้าวมาตรงตัวหัวหน้าที่นอนหงายกับพื้นอยู่ เนคมาดูซัมจึงใช้มือซ้ายจิกตรงร่องคอดึงตัวหัวหน้าขึ้นมาถามว่า.... "บอกมา ลูกพี่เดโบรมของแก อยู่ที่ไหน"
              ตัวหัวหน้าบอก "กูจะไปรู้หรือ...."
              "รู้อะไรมั้ย ถ้าแกยังตอบไม่ตรงคำถามอีก หมัดของฉันจะตะบันหน้าแกในสองวินาที ดังนั้น ตอบมาดีๆเดียวนี้เลย" เนคมาดูซัมขู่ด้วยการเงื้อหมัดเตรียมไว้           ตัวหัวหน้ากล่าว "ก็กูไม่รู้ ว่าตัวลูกพี่เดโบรมไปอยู่ที่ไหนกันนะสิ"
              "นี้นายไม่เคยเห็นตัวเดโบรมกันเลยหรือ แล้วพวกนายรับคำสั่งจากเดโบรมมาได้ไงกันน่ะ" ฟิเกซถาม
              ตัวหัวหน้าบอก "ลูกพี่เดโบรมสั่งการพวกเราผ่านคอมพิวเตอร์หรือมือถือมาตลอด โดยที่พวกเราพยายามถามแล้ว ว่าตัวลูกพี่ไปอยู่ไหน แต่ที่เราได้ คือลูกพี่ตัดสายไม่พูดต่ออีกเลย บางครั้งก็มีขู่ด้วยน่ะ ว่าใครหน้าไหนที่พยายามตามหาตัวลูกพี่ ลูกพี่จะเชือดทิ้งในทันทีเลย" แล้วก็หยิบมือถือมา "แน่นอน ว่าลูกพี่คงทำถูกแล้ว เพราะลูกพี่คงไม่อยากให้พวกแกติดตามหาจนเจอได้หรอก แม้เราอยากจะรู้ว่า ลูกพี่ไปอยู่ไหนน่ะ"
              "กะแล้ว ว่าเดโบรมฉลาดกว่าที่คิดไว้เลยน่ะ" เมลกวินกล่าวหลังจากที่เนคมาดูซัม ฟิเกซ บัสเทียนและโวลเฟลเข้ามาในห้องประชุม หลังจากที่พวกแกตไทซ์จัดการจับพวกมอสวอร์ทไปคุมขังแล้ว
              เกฟฟาร์ดบอก "ว่าแต่ ตรวจเช็คมือถือของหัวหน้ามาแล้วนิ พอแกะรอยตามหาเดโบรมได้หรือเปล่าละ"
              "เกรงว่า เบอร์ที่เดโบรมใช้นั้น เป็นเบอร์จากโทรศัพท์แบบใช้หนเดียวนะคะ" โวลเฟลบอก
              บัสเทียนบอก "แต่ทางเราโชคดีมากที่เราได้เบอร์ติดต่อของพวกมอสวอร์ทกลุ่มอื่นๆ อีก 3 กลุ่ม ซึ่งผมจะเริ่มประชุมแผนการบุกเข้าจัดการในทันทีนะครับ"
              "ดีแล้วละ เพราะเราจะได้จัดการกับเสี้ยนหนามที่เหลือรอดให้หมดไปกันเสียทีน่ะ" เกฟฟาร์ดบอก "เนคเกอร์ ฟิเกซอท ทางเราขอบใจนายมากน่ะที่เข้ามาช่วยในเรื่องนี้น่ะ"
              เนคมาดูซัมบอก "ฉันกับฟิเกซไม่อยากให้สภาแกตเครดถูกพวกมอสวอร์ทถล่มจนพังเสียหายไปเลยนี้แหละ แม้ว่า เราไม่สามารถตามหาตัวเดโบรมได้น่ะ"
              "จากที่ทราบมาน่ะ เดโบรมต้องแฝงตัวอยู่ในกลุ่มไหนสักแห่งหนึ่งแน่ๆ เพียงแต่....เดโบรมต้องปลอมอัตลักษณ์ตนเองไม่ให้ดูเป็นพวกแกตไทซ์เอาไว้ ซึ่งทำให้คนรอบข้างไม่รู้ว่านี้เป็นแกตไทซ์ลัทธิมอสวอร์ทกันน่ะ" เกฟฟาร์ดบอก
               เมลกวินบอก "และการที่เดโบรมสั่งการลูกน้องจากที่ห่างไกลเช่นนั้น เขาคงรู้แล้ว ว่าทั้งนายและกองกำลังไทรเวเซอร์ รวมถึงพวกเราอยู่ในระบบดาวเดียวกันแล้ว เดโบรมเลยเลือกใช้วิธีการที่ไม่ทำให้ใครหรืออะไรสาวมาถึงตัวเขาได้ ซึ่งนั้นหมายถึง พวกนายไม่ควรจะเสียเวลาตามหาเดโบรมกันเลยน่ะ"
              "ถ้าขนาดลูกน้องของเดโบรมเองยังไม่รู้ว่า ตัวลูกพี่ไปอยู่ไหน ก็เท่ากับว่าพวกเราแทบไม่มีเบาะแสอะไรเลยที่ช่วยเราตามหาเดโบรมได้น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว           เกฟฟาร์ดบอก "ไว้ให้เรามีความคืบหน้ามากกว่านี้ ค่อยมาแจ้งนายจะดีกว่าน่ะ เนคเกอร์ นายกับฟิเกซอทหมดธุระกันแล้ว ดังนั้น พวกนายรีบกลับไปที่เฟิร์สฮิลล์จะดีกว่าน่ะ"
              "งั้นนายช่วยฝากสวัสดีป้ารัคชูมี่ให้ด้วยน่ะ" เมลกวินบอก
              ฟิเกซกล่าว "เออ คุณป้ากลับไปที่แคสเซรอน-4 ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะสิ อย่างน้อย ฉันอาจจะแจ้งให้คุณป้าทราบกันก็ได้น่ะ"

              ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในเขตป่าสตาลินเกรฟ ทวีปฝั่งตะวันตก ใกล้กับเขตป่าเลนิลเกลด
              "นึกว่านายจะดับอนาจบนดาวอันไกลโพ้นที่เขตอวกาศภาคกลางเสียอีกน่ะ สิบเอกโจเซฟ" เวโนมิไนซ์สวมหมวกคาวบอยกล่าว เมื่อเจอแอบไบออสเดินป่าเข้ามา
              "ฉันยังตายไม่ได้หรอกน่ะ ซันเบิร์ต" แอบไบออสกล่าวกับแคลิปเปอร์ หรือซันเบิร์ต แคริฟลอริม อดีตทหารในกองรบของแพททริคที่กลายเป็นเวโนมิไนซ์ไปแล้ว "ว่าแต่ นายกับโดแกนแจ้งกับผบ.บัลโต้ให้เรียกฉันมาทำอะไรกันละ" แอบไบออสถาม
              "สิบเอกก็รู้เองนิครับ ว่าสหายของสิบเอกที่เป็นมิวแทนอยด์สาวนั้น คือฉนวนของปัญหาในเวลานี้น่ะ" ซันเบิร์ตให้คำตอบ
              แอบไบออสบอก "แสดงว่าการกระจายข่าวคงหลุดไปถึงแคสเซรอน-4 แล้วสิน่ะ แล้วหลุดไปได้ยังไงละ"
              "เวโนมิไนซ์ที่หลบหนีอยู่ในเขตป่านี้ได้รับสัญญาณถ่ายทอดแล้วก็กระจายส่งไปที่แคสเซรอน-4 โดยเร็ว จนทำให้พวกเด็กวัยรุ่นส่วนหนึ่งได้เห็นและแอบลงมาที่ดาวดวงนี้ ซึ่งทรอลลอฟส่งผมและโดแกนให้นำทีมมาคุมตัวกลับไปกันน่ะ" ซันเบิร์ตอธิบาย
              แอบไบออสกล่าว "ดีที่พวกเขายังไม่ออกไปจากป่านี้ ถ้าหลุดออกไปจนเข้าเมืองไปได้ เรื่องคงอีกยาวเลยละ" และถามต่อ "ตอนนี้พวกเด็กแสบเหล่านั้น ยังถูกล้อมเอาไว้เลยละสิ"
              "เราล้อมพวกเด็กแสบเหล่านี้ไว้ในกระท่อมเก่า ซึ่งพวกสมุนแก็งค์ริดโอหลบหนีทางการเข้ามาพักและถูกจับกุมไว้นะ" ซันเบิร์ตกล่าว และพาแอบไบออสมาเจอกับพวกเวโนมิไนซ์แบบทหาร ซึ่งนำโดยโดแกน เวโนมิไนซ์ในชุดหนังที่เลียนแบบชุดทหารพราน
               "มาจนได้เลยน่ะ นึกว่าคำขอจะถูกผบสส.บาโธโรมิวตีกลับแล้วน่ะ" โดแกนบอก
              "ฉันมาได้ก็ถือว่าเกินพอแล้วละ โดแกน" แอบไบออสบอก และหันมาถาม "ว่าแต่ นายล้อมกระท่อมนี้มานานแค่ไหนละ"
              โดแกนกล่าว "พวกเราล้อมไอ้พวกเด็กแสบเหล่านี้ให้อยู่ในกระท่อมมาได้ครึ่งวันแล้ว หลังจากที่เราเจอที่พักชั่วคราว จนพวกเด็กแสบต้องหนีอย่างกระเจิดกระเจิงเลยน่ะ"
              "ครึ่งวันเลยหรือ....แล้วทีมของนายและซันเบิร์ตไล่ตามพวกที่หนีไปไกลได้หรือยังละ" แอบไบออสถาม
              ซันเบิร์ตบอก "ลูกน้องที่ฉันส่งไป ได้จับกุมพวกนี้เอาไว้แล้ว เหลือแต่พวกที่อยู่ในกระท่อมเท่านั้นแหละ ที่ยังไม่โผล่หัวออกมาเลย แม้เราจะเข้าใกล้ แต่ เด็กพวกนี้ก็ยิงเหล็กไนสกัดกั้นมาได้อยู่ดีนะสิ" แล้วก็ชี้ไปที่พื้นรอบนอกกระท่อม ซึ่งมีเข็มเหล็กไนปักอยู่
              "เด็กแสบพวกนี้คงจะเป็นพวกเล่นเกมส์ออนไลน์แนวทหารคอมมานโด้เลยสิน่ะ ถึงได้รู้วิธีรับมือเลยน่ะ" แอบไบออสกล่าวและหันมาถาม "ว่าแต่ นายมีส่งตัวสอดแนมเข้าไปในกระท่อมหรือยังละ"
              โดแกนบอก "ฉันกะจะส่งอยู่นี้แหละ ถ้าไม่ติดว่าพวกเด็กแสบเหล่านี้มันยิงกระสุนเหล็กไนออกมาเสียก่อนน่ะ"
              "ส่งลงไปให้พวกเด็กๆเห็นจากด้านหน้า มันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกน่ะ ฉันอยากให้นายส่งตัวสอดแนมอ้อมหลังพุ่มไม้ไปอยู่หลังกระท่อมสักหน่อยน่ะ" แอบไบออสบอก
              โดแกนพยักหน้า แล้วสั่งการให้ลูกน้อง "ใช้เซิร์จสเนคเดียวนี้เลย"
              "เข้าใจแล้วละครับ" ลูกน้องเวโนมิไนซ์ทหารรับคำสั่ง แล้วก็ "กึกๆๆๆๆๆๆ พรวดดดด" แบมือขวาเพื่อปล่อยงูตัวยาวออกจากฝ่ามือ ให้ลงสู่พื้น ซันเบิร์ตเลยนำกล้องจิ๋วมาติดบนหัวงูเล็กๆ และปล่อยให้งูเลื้อยไปอยู่หลังพุ่มไม้ โดยที่ซันเบิร์ตเปิดแพดต่อเข้ากับกล้อง เพื่อฉายภาพจากกล้องที่ติดบนหัวงูอยู่ จนงูเลื้อยอยู่หลังกระท่อมด้วยกัน
              "ประตูหลังเปิดแง้มไว้ เหมือนจะเตรียมหนีออกไปในจังหวะที่เราบุก ฉลาดไม่เบาเลยน่ะ" โดแกนกล่าว "ส่งอีกตัวไปเป็นตัวล่อ เพื่อเด็กแสบที่อยู่หลังประตูจะกระทืบงูติดกล้องที่เลื้อยเข้ามาน่ะ"
              "โอเคเลยคะ" ลูกน้องเวโนมิไนซ์ทหารอีกตนตอบ แล้วเธอก็ปล่อยงูออกจากท่อนขาซ้ายให้เลื้อยตามหลังไปสมทบกับงูตัวแรก จากนั้นมันก็เลื้อยนำหน้าไปเข้าประตูไปก่อน "เออ ด้านหลังประตูไม่มีใครอยู่เลยนะคะ" ทหารหญิงตอบ
               โดแกนบอก "ไม่มีใครอยู่หลังหรือ แต่ถ้าในกระท่อม ไอ้พวกเด็กแสบมันยิงสวนมานิ...." แล้วโดแกนก็กัดฟันกรอดๆ
              "นายคิดเหมือนกับที่ฉันคิดเลยสิน่ะ" ซันเบิร์ตกล่าว
              โดแกนพยักหน้า แล้วให้ทหารที่ปล่อยงูตัวแรก "ครืดดด ครืดดด ครืดดด" สั่งให้งูติดกล้องเลื้อยเข้าไปในกระท่อมจนเห็น.... "ระยำเอ้ย มันให้เพื่อนอยู่เพียงแค่ 3 ตัว ที่เหลือหนีลงหลุมไปเสียได้น่ะ" โดแกนสบถ เมื่อเห็นหลุมใหญ่อยู่บนพื้น
              "มีแค่สามรายอยู่ในนั้น ให้พวกนายส่วนหนึ่งเข้าไปจัดการกันได้เลย" แอบไบออสบอก โดแกนเห็นด้วยและพยักหน้าให้ทหาร 3 ตน "ฟึ่บๆๆ หวับๆๆๆ ตรูมๆๆ ฟู้ววววววว" แบมือสร้างถุงเนื้อบรรจุสารเหลวสีโคลนและเขวี้ยงเป็นระเบิดควันเข้าใส่กระท่อม "แค่กๆๆๆๆๆๆๆๆ" เวโนมิไนซ์วัยรุ่นแสบสามรายจามไออย่างต่อเนื่อง จนรีบวิ่งออกมาจากกระท่อม และถูกทหารของโดแกนเข้าจับกุม โดยที่ทหารสวมหน้ากากกระดูกขาวปิดหน้าไว้
               "หัวหน้าครับ เด็กแสบส่วนมาก หนีลงรูไปแล้ว จะให้เราไล่ตามไปเลยมั้ยละครับ" ลูกน้องติดต่อหลังจากที่เข้าไปในกระท่อมจนเจอหลุมดังกล่าวแล้ว
              "ถ้ามุดแล้วฉันต้องเสียเวลาตามหาพวกนายที่ติดแหงกอยู่ในอุโมงค์แคบๆละก็ อย่าดีกว่าน่า" โดแกนบอก "ใช้เซิร์จสเนคติดกล้องคลานลงหลุมเดียวนี้เลย เผื่อไอ้พวกเด็กบ้ามันขุดอุโมงค์วกวนเหมือนเขาวงกตเอาไว้น่ะ" ลูกน้องรีบทำตาม โดยที่ซันเบิร์ตวิ่งเข้ามาเอากล้องจิ๋วติดบนหัวงูที่ปล่อยออกจากฝ่ามือของลูกน้องของโดแกน รวมกับสองตัวแรกที่เข้ามาข้างใน "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" งูสอดแนมจำนวนหนึ่งมุดลงหลุมเลื้อยไปตามอุโมงค์ โดยที่ซันเบิร์ตเปิดแพดทำแผนที่อุโมงค์ขึ้นมา           "เออ เท่าที่ดูน่ะ หลุมนี้มันขุดแบบสองทาง คือไปทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ลากยาวต่อไปอีกจนกระทั่งแยกเป็นห้าทาง แล้วก็แยกไปอีกสองทาง เพื่อสร้างความสับสนกับพวกที่ไล่ตามกันเลยน่ะ เพราะอุโมงค์บางเส้นมันพาไปทางตัน หรือพาไปเจออะไรที่ไม่เข้าท่าเลยน่ะ" ซันเบิร์ตกล่าว
              "อย่างรังมดคันไฟ ซึ่งป่าแถบนี้เป็นเขตอาศัยของพวกมันเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก "คาวบอย ระบุจุดปลายทางให้ฉันหน่อย ฉันจะมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกหน่อยนะ"
              ซันเบิร์ตบอก "ได้อยู่แล้วละ เดธแดดดี้ เพราะตอนนี้ ลูกน้องโดแกนโดนเล่นงานแล้วน่ะ" เมื่อเห็นลูกน้องของโดแกนตนหนึ่ง มือหงิกอย่างเห็นได้ชัด

              "บ้าชะมัด พวกทหารฉลาดกว่าพวกเราที่คิดไว้เลยน่ะ" เวโนมิไนซ์เด็กเกรียนตัวหัวหน้าสบถขึ้น เมื่อลูกน้องเอาเซิร์จสเนคที่โดนตีหัวจนกล้องแตกมาให้ดู
              "เอายังไงดีละครับ ลูกพี่ เรารีบหนีออกจากป่าก่อนมั้ยละ เดียวเดธเทนมาเจอเข้าน่ะ" ลูกน้องถาม
              "โอ้ย ไม่ต้องกลัวไปหรอก กว่าเดธเทนมาเจอ พวกเราคงเผ่นไปไกลแล้วละ" เวโนมิไนซ์ตัวหัวหน้ากล่าว แต่ "โฮ่ยฮี้โฮ่ยๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่วยยยยยย" เสียงตะโกนลั่นมาจากในป่า
               "เออ ป่าแห่งนี้ ทาร์ซานมาหรือครับ" ลูกน้องอีกตนหนึ่งกล่าว
               "ตลกละ ทาร์ซานอยู่บนโลก อยู่กับภรรยาอ้วนขึ้นอืด ไม่น่าตามมาถึงแคสเซเดี่ยน-3 ได้หรอกน่ะ" เวโนมิไนซ์ตัวหัวหน้าแย้ง ไม่ทันไรก็ "ฟ้าววววว หวับๆๆๆๆๆ ตึก" แอบไบออสโหนตัวออกมา และตีลังกาดักหน้าพวกเวโนมิไนซ์เด็กแสบมาอย่างจังๆ
               "ต่อให้เจ้าป่าไม่มา พวกเธอไม่มีทางหนีฉันไปได้หรอกน่ะ" แอบไบออสบอก
              "ลุงคงจะเป็นเดธเทนแอบไบออส สมาชิกกองกำลังไทรเวเซอร์อันโด่งดัง และเป็นสหายของป้ามิวแทนอยด์ตัวเป้งเลยสิน่ะ" เวโนมิไนซ์วัยรุ่นหญิงบอก          
              เวโนมิไนซ์วัยรุ่นชายที่มีเขี้ยวติดคางสามเขี้ยวบอก "พอดีเลยลุง ลุงช่วยพาเราไปหาป้ามิวแทนด์ราฟันเซลจะได้มั้ยละ พวกเราอยากจะแสดงฝีมือให้พวกเราเห็นสักหน่อยน่ะ"
              "ไม่ว่าจะเอาชนะเพื่อสร้างชื่อเสียงให้พวกเธอเอง หรือว่าพิสูจน์ตนให้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังหัวหอกละก็...." แอบไบออสกล่าวแล้วก็ยื่นเท้าซ้ายไปข้างหน้า และกวักมือเข้ามา "....เกรงว่าพวกเธอไม่มีทางผ่านฉันไปได้หรอกน่ะ"
              ตัวหัวหน้าได้ฟังก็กล่าว "ลุงตนเดียวไม่มีทางชนะเรา กลุ่ม แฟงคาเปล่าได้หรอก" แล้วมันกับพวกสองตนบุกเข้ามา "หวับๆๆๆๆๆ" หมุนตัวเตะใส่แอบไบออสด้วยฝ่าเท้าที่เปลี่ยนเป็นกงเล็บสามซี่ จนเดธเทนต้องรีบหลบหลีกไป ตัวหัวหน้าและลูกน้องอีกสองตนเต้นรำด้วยการสาวเท้าไปมา บีบให้เดธเทนต้องคุมเชิงไว้ "เฮ้ยยยย" ลูกน้องหญิงกระโจนเข้าใส่แอบไบออส "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งเธอรีบก้มลงและอ้าขาเป็นตัววีแล้วหมุนตัวเตะใส่แอบไบออสอย่างต่อเนื่อง จนตัวถูกข่วนไปทั่ว "หวับบบ หวับบบ หวับบบ หวับบบบ" ตัวที่สองวิ่งมาหวดเท้ากงเล็บเข้าใส่หน้าแอบไบออสไปสี่ที ซึ่งเดธเทนต้องเอี้ยวตัวหลบในจังหวะที่สามและสี่ เพราะสองจังหวะแรกถูกข่วนตรงหน้าอกไปแล้ว "ปู่ฮู้ววววววววว" ตัวหัวหน้ากลับหัวและอ้าขาหมุนตัวเตะดุจลูกข่างเข้าใส่แอบไบออส "โท้วววว" ซึ่งรีบโดดข้ามตัวหัวหน้ามาตั้งหลักโดยทันที
              "ลีลาการต่อสู้ของเธอ เป็นคาโปเอล่าผสมกับเบรคแดนซ์นิ ก่อนจะกลายพันธุ์ เป็นเด็กแก็งค์มาก่อนละสิ" แอบไบออสบอก
              ตัวหัวหน้าที่หมุนกลับหัวนั้น หยุดหมุนเพื่อจบท่าด้วยท่ากลับหัวแต่ใช้มือเดียวยันพื้น เท้าสองข้างชูขึ้นฟ้า แล้วก็กล่าว "เดาเก่งดีนิ พวกเราถูกเกณฑ์เข้ากองทัพโดยผู้การคัลแดนซ์ ซึ่งจับกุมพวกเราด้วยการยัดยาเสพติดที่มันยึดจากแก็งค์อื่นให้เรา แล้วส่งพวกเราเข้ากองทัพให้ไปเป็นเป้าล่อของฝ่ายตรงข้าม จากนั้น เราก็ติดกับและกลายมาเป็นอย่างที่เห็นนี้แหละ" จากนั้นก็กระโดดมาเต้นไปมา "แน่นอน ว่าเราพยายามไม่น้อยที่จะไปจากแดนอสูรนี้ เพื่อไปลองดีกับแมนิเกเตอร์เผ่าอื่น รวมถึงลุงเองด้วย ที่เราอยากจะฟัดก่อนป้าผมยาวเสียอีก เพราะลุงเป็นยอดฮีโร่ทั้งฝ่ายมนุษย์และฝ่ายแมนิเกเตอร์อยู่แล้วน่ะ"
              "ฉันรู้อยู่แล้วน่ะ ว่าการใช้ท่าเต้นรำแบบฮิปฮอปนั้น สามารถเอาชนะพวกที่ต่อสู้แบบไม่ใช้สมองหรือบุกเข้ามาต่อยกันตรงๆ เพราะจะแพ้ทางพวกท่าหมุนขาเตะวนรอบพื้นหรือเหนือพื้นที่พลิกแพลงได้น่ะ" แอบไบออสบอก แล้วก็ตั้งท่าด้วยการยกขาซ้ายในท่างอเข่าขึ้นมา "แต่เกรงว่า พวกเธอหาเรื่องกับฉันผิดเวลาเสียแล้วละมั่ง"
              ตัวหัวหน้าบอก "เดียวก็รู้เองแหละ พวกเรา เล่นต่อเลย" แล้วลูกน้องสองตนก็บุกมาหวดขาอ้าเตะใส่แอบไบออสอย่างต่อเนื่อง "ฟึ่บบบบ" โดยที่เดธเทนสาวเท้าขวาไปข้างหลัง ในจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามหมุนขาเตะใส่ในแนวราบกับพื้น "หวับบบบบบ ฟ้าวววว ป้าก!!!! โครมๆๆๆๆ" ไม่รอช้า แอบไบออสหวดเท้าขวาเตะใส่เวโนมิไนซ์ที่ใช้ท่าหมุนตัวเตะราบกับพื้นให้ล้มกลิ้งไปห้าตลบด้วยกัน จนตัวหัวหน้าได้เห็นก็อ้าปากค้าง
              "ไม่ต้องมาถามหรอกน่ะ ว่าฉันเตะคว่ำได้ไง แต่หวังว่าคงไม่มีรายต่อไปกันหรอก" แอบไบออสกล่าว สมุนแก็งค์แฟงคาเปล่าตนที่สองเลยบุกมา "หวับ หวับ หวับ หวับ ฟึ่บๆๆๆๆ" ตวัดขาเตะไปสี่ทีใส่แอบไบออส ซึ่งหลบออกมา จากนั้นก็รั่วถีบใส่อย่างไม่ยั้ง "ป้ากกกก" แอบไบออสโชว์เหนือด้วยการถีบเข้าใส่ โดยอุ้งเล็บสามซี่หนีบฝ่าเท้าของฝ่ายตรงข้าม "เที้ยะ!!!!" แอบไบออสตะโกนลั่นพร้อมกับเหยียดขาถีบให้คู่ต่อสู้ล้มเสียหลักลง จากนั้นก็หมุนตัวเตะก้านคอด้วยหน้าแข้งจนฝ่ายตรงข้ามตัวบิดเกรียวควงสว่านล้มลงกับพื้นไป ตัวที่สามวิ่งเข้ามา "หวับๆๆๆๆๆๆๆ" หมุนตัวถีบดุจพายุหมุนตรงเข้ามา "ฟึ่บบบบบ หวับบบบบ" แอบไบออสเลยตีลังกากลับหลังขึ้นมาและ "เพี้ยะ" สบัดเท้าฟาดลงบนหัวเวโนมิไนซ์ที่หมุนตัวเตะดุจลูกข่างไปเต็มๆจนล้มตัวหมุนฟาดกับพื้นไป แม้จะลุกขึ้นมาพร้อมกับหวดขาเตะใส่ "หวับบบ ป้ากกก" แอบไบออสหวดขาเตะใส่ขาฝ่ายตรงข้ามไปเต็มแรงจน "โว้วววว" คู่ต่อสู้ร้องลั่นเพราะแรงเตะของแอบไบออสทำให้กระดูกหน้าแข้งแตก "หวับบบบ ป้ากกกก หวับๆๆๆๆ โครมมม" แอบไบออสหมุนตัวและตวัดขาสูงฟาดใส่บ่าคู่ต่อสู้ไปเต็มแรง จนตัวหมุนตีลังกาไปหลายตลบลงไปน็อกกับพื้นในทันที "เฮ้ยยยยยย" สมุนแก็งค์แฟงคาเปล่าตนที่ 4 และ 5 วิ่งเข้ามา "ครูดดดดด" แอบไบออสใช้อุ้งเล็บเท้ากรีดพื้นจากขวาไปซ้าย แล้วก็ "หวับบบบ ป้ากกกกก" ก้มลงเตะตัดขาเวโนมิไนซ์วัยรุ่นเกรียนทั้งสองให้ตัวลอยเหนือพื้น "ฟึ่บบบบบ เปรี้ยงงงง" จากนั้นแอบไบออสก็กระโดดขึ้นอ้าขาถีบใส่เวโนมิไนซ์เกรียนทั้งสองให้ตัวปลิวลงไปกองกับพื้น "หมับ หวับบบบ ป้ากกก" ตัวที่หกบุกมาถีบใส่แอบไบออส ซึ่งหลบออกมาพร้อมกับจิกหลังคอของเวโนมิไนซ์เกรียนตัวที่หกหมุนมาตรงต้นไม้ "วาชู้ววววว" แอบไบออสตะเบ็งเสียงและสบัดหลังแหวนขวาอัดใส่หน้าจนกระเด้งกับต้นไม้ออกมา แล้วแอบไบออสก็กระโดดถีบต้นไม้เพื่อตีลังกากลับหลัง "หวับบบ เพี้ยะ!!!!" หวดเท้าซ้ายฟาดเข้าหัวฝ่ายตรงข้ามจนล้มลง "เฮ้ยยยย ว้ากกกก ย้ากกกก" อีกสามหน่วยบุกเข้ามา "หวับบบบ ป้ากกกก" แอบไบออสเลยสไลด์เข้าเตะตัดขาเสยใส่พวกแฟงค์คาเปล่าสามตนปลิวขึ้นไป พร้อมกับ "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆ" หมุนตัวเตะดุจลูกข่างใส่ทั้งสามอย่างหนักหน่วง และปิดท้ายด้วย "ป้าก ป้าก ป้าก ฟ้าวว โครมมมม" กระโดดขึ้นเตะใส่ทั้งสามให้อัดลงไปกองกับพื้นอย่างจังๆ
              "ไม่ได้เรื่อง ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง" ตัวหัวหน้ากล่าวพร้อมกับ "ตรึงงงง ตรึงงงง พรึ่บบบบ" กระทืบพื้นจนไฟลุกเท้าทั้งสองข้าง "มาเจอกับเพลงถีบอันร้อนแรงนี้หน่อยเป็นไงละ" แล้วก็ "หวับ หวับ หวับ หวับ หวับ ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ หวับบ หวับ หวับ" หวดขาเตะใส่แอบไบออสไปห้าที โดยที่แอบไบออสถอยหลบหลีกไปมา ตามด้วยจังหวะสองที่บุกมาถีบรั่วไม่ยั้ง จนเดธเทนต้องบล็อกต้านไว้ แล้วก็ตีลังกาเตะเสยอีกสามทีด้วยกัน ซึ่งทำให้บล็อกของเดธเทนหลุดในจังหวะแรกและถูกสองจังหวะหลังปะทะใส่จนล้มกลิ้งลง "ฟึ่บบบ ตึก ฟึ่บๆๆๆ" แอบไบออสรีบกระโดดขึ้นมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง พร้อมกับสบัดหัวไปมา
              "ไม่เลวเลยนิ ที่เธอใช้เพลงเตะอันร้อนแรงนิ คงรู้วิธีใช้พลังจากในตัวจุดไฟขึ้นมาเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก ตัวหัวหน้าบอก "แน่อยู่แล้วละ นี้คือออฟชั่นเสริมที่ได้มาจากการกลายพันธุ์ของสต็อคซ์ ซูฟากอน อาปาปีเย้ สคูปปี้ดูปายาย่าฮอคดอซ พลังวิชาเท้าไฟทัช แอทลีดวอลเลย์กันนี้แหละ" แล้วก็สบัดมือชูนิ้วชี้และนางทั้งสองข้างใส่ "ว่าแต่ โดนเข้าไปนิ เกิดฮอทตรงกรามแล้วสิ ลุง เพราะยังไงเสีย ข้าพเจ้าจะเตะให้ร้อนแรงดุจดั่งไฟร์เยอร์ เจอสาวชุดแดงร้อนแรงดุจดั่งไฟร์เยอร์...แต่ดันมาเจอฝนตกแบบนี้ โปเต้ก็อดอีทกันพอดีละสิ"
              "ถ้าคิดจะแร็พให้ยาวมากกว่า 37 หน้ากระดาษกันละก็ ปากของเธอจะโดนเท้าปะทะกันเต็มๆน่ะ" แอบไบออสบอก
               สต็อคซ์กล่าว "กลัวว่าลุงต่างหากละที่โดนไม่ใช่น้อยๆเลยน่ะ" แล้วก็บุกเข้ามาหมุนตัวเตะใส่ "ฟึ่บ เปรี้ยงงงงง" แอบไบออสเลยถีบเข้าหน้าแข้งขวาของสต็อคซ์ไปเต็มๆ "เฮ้ยยยย" สต็อคเลยหวดขาซ้ายเตะใส่ "ป้ากกกก" แอบไบออสเตะสวนปะทะใส่ไปเต็มแรง จนสต็อคผงะเสียหลักไป เปิดช่องให้แอบไบออสวิ่งเข้ามา "ปึก ป้ากกก" กระโดดเหยียบหน้าตักของสต็อคซ์เพื่อกระเด้งมาเตะก้านคอใส่ "หวับๆๆๆๆๆๆ" จนตัวบิดเกรียวไป "หมับบบ เปรี้ยงงงง" แอบไบออสตามมาจิกหัวสต็อคซ์ที่คว่ำกับพื้นแล้วก็เตะซ้ำไปอีกที "โอ้ยยยย นี้ตกลง ลุงเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงหรือไงกันน่ะ แรงเตะถึงได้หนักหนาแบบนี้น่ะ" สต็อคซ์บอก
              "จะบอกอะไรให้ก็ได้น่ะ ก่อนจะเข้ามาในกองทัพนั้น ฉันเป็นเด็กกำพร้าข้างถนนที่มีสถิติชกต่อยกับพวกนักเลงมีขนาดตัวเท่ากันและตัวใหญ่กว่ามาก่อนตั้งหลาย 10 รายด้วยกัน เรื่องเตะถีบและกระทืบซ้ำนั้น เด่นเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้วน่ะ" แอบไบออสกล่าวพร้อมกับใช้หนวดปล้องมามัดตัวสต็อคซ์ไว้ โดยที่พวกทหารของโดแกนตามมาควบคุมตัวพวกสมุนที่เหลือ "แต่พอแต่งงานไป ฉันเลยเลิกใช้ความรุนแรงนั้นไปเป็นการถาวร เพราะฉันไม่อยากให้ลูกมีสภาพเหมือนฉันน่ะ"
               สต็อคซ์ถาม "กลัวลูกลุงเป็นนักเลงอีกละสิ"
              "กลัวครอบครัวจะแตกแยก เพราะพ่อแม่ทะเลาะเบาะแว้งและใช้กำลังทำร้ายกันซะมากกว่านะสิ แม้ว่าฉันพยายามสร้างครอบครัวที่อบอุ่น สุดท้าย ฉันก็ต้องแยกจากภรรยาและลูกกันอยู่ดีนี้แหละ" แอบไบออสกล่าว "ถ้าไม่อยากจะมีครอบครัวที่จบไม่สวย อย่าริอาจเดินตามเส้นทางเฮงซวยนี้ซะละ" แล้วก็นำตัวสต็อคซ์ขึ้นจากพื้น เพื่อให้ทหารของโดแกนพาตัวกลับไปที่กระท่อมตามเดิม
              "สิบเอกครับ เออ หัวหน้าซันเบิร์ตแจ้งเรื่องด่วนมาน่ะครับ" ทหารตนหนึ่งมารายงานให้แอบไบออสฟัง
              "ลูกน้องนายแจ้งให้ฉันรีบมาหาพวกนายนิ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นละ" แอบไบออสกล่าว หลังจากที่รีบวิ่งมาหาโดยเร็ว
              ซันเบิร์ตบอก "เราเจอพวกเด็กแสบอีกกลุ่มหนึ่งแล้วก็จริง แต่เกรงว่านี้จะ...." แล้วก็ชี้มายังพวกเวโนมิไนซ์วัยรุ่นอีกกลุ่ม ซึ่งอยู่ในสภาพแขนขากุดขาดไป "ฟู้วววววว" ทหารของซันเบิร์ตฉีดยาสมานแผลกุดขาดของพวกเวโนมิไนซ์เหล่านั้นไว้ ในขณะที่บางส่วน รีบถ่ายเลือดเข้าตัวเหยื่อที่เสียเลือดไว้ หลังจากที่ปิดปากแผลแล้ว
              "นี้คงไม่ได้เป็นฝีมือของพวกทหารไฮบริดจ์ของเดลอาเนี่ยนที่หลงเหลืออยู่ละสิ" แอบไบออสถาม
              ซันเบิร์ตส่ายหน้า "ถ้าเป็นอย่างที่สิบเอกว่ามา ต้นไม้ที่อยู่รอบๆต้องพังคลื่นลง หรือมีรอยเท้าใหญ่ปรากฎอยู่บนพื้นให้เราเห็น หากแต่ นี้มันไม่มีร่องรอยอะไรเลยที่บ่งชี้ถึงศัตรูที่บุกจู่โจมเด็กแสบเหล่านี้เลยนะสิ"
              "ตัวประหลาด สีเทา...." วัยรุ่นชายที่ขากุดทั้งสองข้างและถูกข่วนจนเป็นแผลฉกรรจ์ยาวกลางหน้าอกพยายามจะบอก "มนุษย์ต่างดาวผิวสีเทา โผล่มา เปลี่ยนแขนเป็นหัวทีเร็กซ์และเข้า...." ทหารของโดแกนเลยรีบฉีดยาเข้าตัวเหยื่อให้หลับลง
               โดแกนกล่าว "....ฉันว่า เราคงต้องส่งพวกที่บาดเจ็บเหล่านี้ไปรักษาตัวกันก่อนเถอะน่ะ เดธเทน เพราะสภาพของพวกเขาคงไม่น่าให้ข้อมูลตัวการได้หรอกน่ะ"
              "และควรให้เร็วด้วย ก่อนที่ตัวหัวหน้าแก็งค์มาเห็นแล้วเกิดอาการหัวร้อนแบบเฉียบพลันเลยน่ะ" แอบไบออสแนะนำ โดแกนพยักหน้าแล้วก็รีบนำพวกวัยรุ่นที่บาดเจ็บขึ้นยานที่จอดอยู่ ซึ่งลอยลำขึ้นจากป่าโดยเร็ว
              ซันเบิร์ตบอก "สงสัยว่างานนี้เราคงต้องบอกผบสส.กองกำลังพิทักษ์ดาวให้รับทราบถึงเรื่องนี้แล้วละ"
              "ที่ถูกคือ พวกเราควรจะออกจากที่เกิดเหตุกันดีกว่าน่ะ เพราะฉันไม่แน่ใจแล้วว่า ตัวการที่เล่นงานพวกเด็กแสบเหล่านั้นยังอยู่หรือเปล่าน่ะ" แอบไบออสบอก แล้วก็ช่วยซันเบิร์ตพาพวกเวโนมิไนซ์วัยรุ่นที่อ่วมหนักขึ้นยานอีกลำไป
              "หึๆๆๆๆ แย่หน่อยน่ะ ที่ความไม่รู้ของนายนั้น ได้นำพาปัญหามาให้ในภายหลังแล้วละ" เงาลึกลับกล่าว โดยฝ่ามือของตนนั้นเปื้อนเลือดสีแดง ซึ่งก็ซึมหายไปอย่างรวดเร็ว
    ต่อช่วงที่ 2
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×