ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 13 สายลมแห่งสารพันปัญหาพัดผ่าน ในช่วงวันเช้งเม้ง ครึ่งหลัง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      19 ก.ค. 63

    ช่วงที่ 2
              ที่กองบัญชาการออคตากอน ช่วงเที่ยง
              "ไม่คิดเลย ว่าพวกบูชามอสเดไวน์ยังเหลือเศษเดนจนได้น่ะ" สเปียริทกล่าว หลังจากที่เนคมาดูซัมและฟิเกซมาถึงกองบัญชาการเพื่อรายงานเรื่องที่สภาแกตเครดให้บัลโต้รับทราบ เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง
               เจเนลบอก "แล้วว่าแต่ นายจัดการกับพวกที่มาป่วนหน้าสภานิ จับได้หมดชุดละสิ"
              "ก็แค่พวกลูกกระจ็อกที่เดโบรมส่งมาป่วนเท่านั้น เดโบรมมิได้มาด้วยน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "แถมเดโบรมเองก็ไม่ทิ้งร่องรอยให้สืบหา แม้เราจะค้นเจอตำแหน่งของพวกมอสวอร์ทที่เหลือได้ก็ตาม ทางเราเองยังวางใจไม่ได้เต็มที่หรอกน่ะ"
              "นายคงไม่คิดว่า เดโบรม ผู้เป็นน้องชายของเดโรค แฝงตัวมาเพื่อที่จะเข้าจัดการกับเรา ที่เป็นต้นเหตุให้เดโรคเสียชีวิตไปพร้อมกับพวกมอสวอร์ทเมื่อ 4 ปีก่อนเลยสิน่ะ" พีวิลบอก
              จิลกล่าว "แต่มอสวอร์ทที่เดโบรมรับใช้นั้น ถูกควบคุมชักใยโดยยัยซิกโกน่า เจ้าแม่ลัทธิโฉดที่เป็นศัตรูโดยตรงกับพวกเพรแครเดี่ยนกันมิใช่หรือ เดโบรมน่าจะรู้ตัวในเรื่องนี้กันได้สิ"
              "แย่หน่อยนะ เพราะจากปากคำของอดีตสมาชิกมอสวอร์ทที่โวลเฟลไปสอบปากคำมา เดโบรมภักดีกับซิกโกน่าแบบถวายหัว ใครหน้าไหนที่กล้าปองร้ายหรือหวังเอาชีวิตแม่ใหญ่ มันผู้นั้นต้องตายไปข้างหนึ่งน่ะสิ" เนคมาดูซัมบอก "เพียงแต่เดโบรมเองก็ไม่ได้เป็นแกตไทซ์สมองกลวง เขาฉลาดมากในเรื่องเอาตัวรอด ซึ่งอย่างหลังนั้น คือเหตุผลที่ทำให้ทางเราตามหาเดโบรมไม่ได้นะสิ"
              สเปียริทกล่าว "และคงฉลาดมากพอที่จะไม่แส่หาเรื่องกับพวกเรา ไม่ว่าพวกเราจะแยกย้ายกันไปเพียงลำพังเลยสิน่ะ"
              "เดโบรมเองก็รู้ดี ว่าเมื่ออยู่ในแดนศัตรู เขาจำต้องแฝงตัวให้แนบเนียนมากพอจนไม่ให้ใครหน้าไหนเจอตัวจนทำให้แผนการของเขาเสียหายไปได้ แน่นอน ว่าการสั่งลูกน้องให้มาเล่นงานพวกเรานั้น เดโบรมคงรู้ว่าส่งไป ก็โดนเรายำเละกันแน่นอน ต่อให้เราไม่สามารถติดตามหาตัวได้เลยก็ตามน่ะ" ฟิเกซบอก
               เนคมาดูซัมกล่าว "และคงไม่เสี่ยงเอาตัวเองบุกเข้าไปช่วยลูกน้องที่ถูกจับกุม จนติดกับของพวกเราที่ดักทางไว้แน่นอน แม้ว่านั้นจะทำให้ลูกน้องสาปแช่งเดโบรมที่ทอดทิ้งพวกเขาให้อยู่หลังกรงพลังพลาสม่าเลยก็ตามน่ะ"
              "เพราะตราบใดที่ตนยังไม่สามารถแก้แค้นได้ ตนก็จะไม่ยอมให้ถูกจับกุมหรือขัดขวางไปได้เลยสินะ" พีวิลบอก แล้วก็พูดเข้าคำถาม "เนคมาดูซัม ฟิเกซ ว่าแต่ นายทั้งสอง รู้จักกับสิบโทเมลเซียน พรอเทม จากกองรบที่ 31 หรือเปล่าละ"
              ฟิเกซบอก "รู้จักสิ แต่ เมลซี่สังกัดอยู่กองรบที่ 19 มิใช่หรือ ทำไมถึงถูกย้ายไปที่กองรบที่ 31 ซึ่งเป็นกองรบลาดตระเวนกันละ"
              "เกรงว่านายทั้งสองควรจะรู้เรื่องนี้กันสักหน่อยน่ะ" สเปียริทบอก แล้วทั้งเจ็ดไปอยู่ที่โรงอาหารกัน
               เนคมาดูซัมกล่าว "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่สิบโทเมลซี่ต้องทำเช่นนั้นอยู่เรื่อยๆน่ะ" แล้วก็พูดต่อ "พ่อของฉันเคยบอกไว้ ว่าเมื่อเมลซีประสบปัญหาน้อยใหญ่ที่เธอแก้ไม่ตกนั้น มีแต่จอมพลแฮซกริฟเท่านั้นที่ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ไว้ ตามคำแนะนำของผู้เป็นพ่อของเธอเลยนะสิ"
              "พ่อของสิบโทเมลเซี่ยนแนะนำมาให้นะหรือ พอจะรู้มั้ยว่ามันหมายความว่าไงน่ะ" เจเนลถาม โดยกินข้าวผัดไปด้วย
              ฟิเกซกล่าว "คือว่า สิบโทเมลเซี่ยน เป็นหลานของจอมพลแฮซกริฟกันนะสิ"
              "หลานนะหรือ งั้นพ่อของสิบโทเมลเซียนก็คงจะเป็น...." สเปียริทบอก
              เนคมาดูซัมบอก "เป็นลูกชายของจอมพลแฮซกริฟนะสิ หากแต่เขาใช้นามสกุลแม่ ซึ่งเพื่อลบคำครหาในเรื่องที่ว่าเขาใช้ความเป็นลูกของท่านจอมพล ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายทหารอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าท่านจอมพลแฮซกริฟก็เห็นชอบในเรื่องนี้ เพราะเขายอมเสี่ยงกับอันตรายจากผู้ไม่หวังดีทั้งหลายเอง มากกว่าจะให้ลูกชายและหลานสาวพลอยซวยกับเขาไปด้วย ซึ่งการตัดสินใจของท่านจอมพลนั้น ได้ช่วยให้ลูกหลานรอดพ้นจากการปองร้ายไปได้น่ะ"
              "แสดงว่า นี้คงเป็นเรื่องที่วอลเดนสไตน์เองไม่ทราบมาเลยสิน่ะ ว่าจอมพลแฮซกริฟมีลูกมีหลานอยู่ในกองทัพแล้วน่ะ" พีวิลบอก
              ฟิเกซพยักหน้า "และนั้นคงเป็นเหตุผลที่ต้องส่งนายพลพรอเทมและสิบโทเมลเชียนไปกับลุงเบติสและป้าวิลด้า เพราะว่าทั้งสองนั้นรอดพ้นจากการปองร้ายของเหล่ามือสังหารจากเฮซเทิร์ซ รวมไปถึงมือสังหารของริชเชลลิอาร์ลกันด้วยนะสิ" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "อนิจจา นายพลพรอเทมกับชาวอาณานิคมส่วนมากเสียชีวิตจนเหลือสิบโทเมลเชียนไป ซึ่งนั้นก็ทำให้ท่านจอมพลแฮซกริฟเสียใจกันด้วยน่ะ"
              "แล้วพวกนายพอทราบมั้ย ว่าสิบโทเมลซีมาหาจอมพลแฮซกริฟด้วยเรื่องอะไรกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              เจเนลกล่าว "เห็นว่าเธอคิดจะแจ้งบอกจอมพลแฮซกริฟว่าเธอเจอตัวการที่สังหารทุกๆคนในอาณานิคมกันนะสิ เพียงแต่....เธอมีบางอย่างที่ไม่ยอมบอกกับทางผบ.บัลโต้ ผู้การเดลิค รวมถึงพวกเรา เพราะเธอยืนกรานจะบอกกับจอมพลแฮซกริฟกันเท่านั้นแหละ"
              "แล้วเธอเดินเข้าทางประตูหน้ากันบ้างหรือเปล่าละ เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆ เมลซีก็ต้องเข้ามาแจ้งกันตรงๆนะสิ" ฟิเกซบอก
              จิลส่ายหน้า "ตรงข้ามเลย เธอพยายามใช้ทางลัดอย่างช่องแอร์ ประตูหลัง หลังกำแพง การปลอมตัวเป็นภารโรง พนักงานการไฟฟ้า พนักงานซ่อมบำรุง หรือแม้กระทั่งแจ้งให้จอมพลแฮซกริฟออกมาคุยกันข้างนอก ซึ่งพฤติกรรมของเธอออกแนวผู้ไม่หวังดีแบบนั้น ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะถูกจับได้ตั้งหลายครั้งด้วยกัน และกลับมาทำใหม่อีกรอบ จนต้นสังกัดต้องสั่งลงโทษด้วยการย้ายเธอไปอยู่กองรบอื่นกันหลายครั้งแล้วนะสิ"
              "ว่าแต่ เมลซี่อยู่ในห้องขังใต้ดินแล้วสิน่ะ ดีเลย เพราะอย่างน้อย ฉันกับฟิเกซมาแล้ว จะได้ไปคุยกันเสีย...." เนคมาดูซัมกล่าว
              สเปียริทส่ายหน้า "ผู้การเดลิคบอกไว้ ผู้เดียวที่เมลเซี่ยนจะคุยได้ ก็คือจอมพลแฮซกริฟเท่านั้นแหละ ดังนั้น ต่อให้นายกับฟิเกซเป็นเพื่อนกับเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมปริปากบอกไปได้หรอกน่ะ"
              "อืมมมมมมม เมลซี่ไม่น่าเป็นแบบนี้ไปได้เลย" ฟิเกซถอนใจขึ้นมา และถามต่อ "แล้วยังมีอะไรที่ผิดปกติจากตัวเมลซี่บ้างละ"
              จายด์บอก "มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอคิดจะเข้าไปในตัวอาคารกันแล้ว แต่เธอเหมือนจะชะงักลงและรีบเผ่นหนีไปเลย ซึ่งไม่ได้เกิดแค่ครั้งเดียว แต่เกิดเพียง 6 ครั้งด้วยกัน แน่นอน ว่ากล้องวงจรปิดที่ผู้การเดลิคเช็คมานั้น แทบไม่ตรวจเจอใครที่เป็นต้นเหตุเลยน่ะ"
              "แล้วคิดว่าตัวการที่เมลซี่ต้องการให้จอมพลแฮซกริฟไปจัดการนั้น เป็นใครกันละ" เนคมาดูซัมถาม
              พีวิลบอก "เห็นว่าเป็นนายพลในกองยานบุกเบิกตนหนึ่งนะสิ และเขาเองก็มีลูกน้องที่รับผิดชอบในการสังหารหมู่ด้วย หากแต่ ตราบใดที่สิบโทเมลเซียนไม่เอ่ยชื่อออกมา ทั้งพวกเราและทางผบ.บัลโต้ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนะสิ"
              "นั้นพอเข้าเค้าน่ะ เพราะถ้าเมลซี่ไม่เห็นตัวการโผล่ออกมา เธอคงไม่รีบหนีไปหรอกน่ะ" ฟิเกซบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แต่ ปัญหาคือ ใครที่เป็นตัวการสำคัญ ที่เมลซี่อยากจะให้จอมพลแฮซกริฟจัดการกันนะสิ ที่มันน่าสงสัยเลยน่ะ"
              "นั้นพอๆกันกับปริศนาเรื่องของกาเบลแบนเยอร์และมาโดว์เวลเดอร์เลยน่า" สเปียริทรำพึง
              เจเนลกล่าว "ในเมื่อตอนนี้เรายังมีปัญหาเรื่องผู้รุกรานจากโลกกันเสียด้วยน่ะ จีเนฟารี่ไม่น่ากวนส้นเท้าพวกเราเลย"

              "พวกนายยังอยู่นี้เลยสิน่ะ" ผบ.บัลโต้เดินมาหาพอดี
              พีวิลพยักหน้า "ว่าแต่ มีเรื่องอะไรที่อยากจะถามพวกเรากันหรือเปล่าละครับ ผบ.บัลโต้"
              "แอบไบออสกลับมาจากการไล่จับพวกเวโนมิไนซ์เกรียนๆที่คิดอยากจะลองดีกับแอนเดรีย แล้วมีส่วนหนึ่งเกิดเรื่องเข้าให้นะสิ" บัลโต้บอก แล้วทั้งหมดมาที่ห้องทำงานของผบ.บัลโต้กัน โดยที่แอบไบออสและซันเบิร์ตมานั่งรอแล้ว
              "ไม่เป็นไรใช่มั้ยละครับ สิบเอก" พีวิลถาม เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว
              "ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ ร้อยเอก แค่เจ็บตัวจากการปะทะกับตัวหัวหน้าที่เกรียนสุดๆไปก็เท่านั้นแหละ" แอบไบออสบอก และแนะนำตัว "เออ คาวบอย นี้คือสหายจากกองกำลังไทรเวเซอร์ ขอแนะนำให้...."
              ซันเบิร์ตกล่าว "ร้อยเอกแอนเดอร์สัน ร้อยโทเอลซ่าสปีร่า ร้อยเอกแอสตัน ร้อยโทลอมเบิร์ค ร้อยโทหญิงทิเทียน่า พันตรีฟิเกซอท และพันเอกเนคเกอร์ มาสซั่ม ฉันทราบชื่อของทุกคนมาจากผบ.บัลโต้มาก่อนแล้วละ"
              "ดีเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลยน่ะ" แอบไบออสบอก "นี้คือคาวบอย ซันเบิร์ต แคริฟลอลิม หนึ่งในเหยื่อของผู้การแพททริคน่ะ"
              ซันเบิร์ตบ่น "เรียกฉันว่าแคลิปเปอร์ก็พอ และอย่าเรียกคาวบอยได้มั้ยละ สิบเอกโจเซฟ"
              "เออ แนะนำตัวเองเสร็จแล้ว งั้นเข้าประเด็นเลยแล้วกันน่ะ" บัลโต้บอกเพื่อให้ทุกคนนั่งลง แล้วก็เปิดสกรีนใหญ่ขึ้นมาด้านหลัง "ในระหว่างที่แอบไบออสเข้าจับกุมพวกเด็กแสบที่ใช้ท่วงท่าคาโปเอล่าโต้ตอบกันได้นั้น อีกกลุ่มถูกจู่โจมโดยศัตรูปริศนาเข้า ซึ่งเด็กอีกกลุ่มนั้น ถือกล้องมือถือเอาไว้เพื่ออวดศักดา และช่วยให้เรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาด้วยน่ะ" บัลโต้เล่าพร้อมกับเปิดภาพของพวกเวโนมิไนซ์วัยรุ่นอีกกลุ่ม
               "ฮะๆๆๆๆ ตอนนี้พวกเราหนีการปิดล้อมของพวกอดีตทหารพันธมิตรมนุษย์สุดบื้อไปได้แล้วละครับ" เวโนมิไนซ์วัยรุ่นที่มีห้าตากล่าวแบบกวนโอ้ย โดยมีเพื่อนถือมือถือถ่ายเอาไว้
              "บอกตรงน่ะ แอบไบออส เด็กพวกนี้เกรียนได้โลห์เลยสิน่ะ" เจเนลบอก
              แอบไบออสพยักหน้า "แต่เกรงว่าพวกนี้คงไม่สนุกด้วยแล้วนะสิ" หลังจากนั้น "โว้วววววว" เสียงร้องของเวโนมิไนซ์วัยรุ่นตนหนึ่งดังลั่น จนคนถือกล้องหันมา เห็นเหยื่อเสียแขนซ้ายไปข้างหนึ่ง "เหวอออ" ตามด้วยรายที่สองที่ร้องลั่น พอหันไปก็เห็นรายที่สองเสียขาซ้ายไปแล้ว "ฟึ่บบบบบ" ไม่ทันไรก็มีร่างเงาสีเทาโผล่มา "หวับบบ แคว้ก" ข่วนใส่หน้าอกรายที่สามไปเต็มๆจนทำให้เขาล้มหลังฟาดพื้น พร้อมกับ "ฟึ่บบบ กร็อบบบบบ" เปลี่ยนมือข้างซ้ายเป็นหัวทีเร็กซ์เข้าขย้ำขาทั้งสองข้าง ตามด้วย "หวืดดดดด กร็อบบบบ" ยืดแขนซ้ายพุ่งเข้าขย้ำแขนขวาเวโนมิไนซ์ตัวที่อยู่ใกล้จนขาด เจ้าของกล้องเลยรีบหนี "ว้ากกกกกก" แต่ก็หนีไม่พ้นจนโดนเล่นงาน มือถือเลยตกลงกับพื้น ซึ่งมีใบไม้แห้งกองกับพื้นอยู่ แล้วภาพก็ดับลง
              "ว่าแต่ ตัวการนั้นไม่ทิ้งร่องรอยเลยหรือ" สเปียริทบอก แอบไบออสพยักหน้า
              ซันเบิร์ตบอก "อย่าว่าแต่มีเลย ตัวการนั้นฉลาดเกินพอที่จะไม่ทิ้งหลักฐานให้ติดตามไปได้น่ะ ยิ่งกับพวกเราที่มีความสามารถในการตรวจจับพลังไลฟ์ฟอสด้วยแล้ว ยิ่งไม่เห็นอนุภาพพลังชีวิตที่มันทิ้งไว้เลยน่ะ"
              "แสดงว่านั้นคงเป็นมือสังหารที่ถูกดัดแปลงทางร่างกาย จนไม่เหลืออนุภาพชีวิตให้พวกสิบเอกตรวจจับได้เลยสิน่ะ" พีวิลบอก
               ฟิเกซส่ายหน้า "มีแต่พวกเวมท็อกซินเท่านั้นแหละ ที่ทำแบบนั้นได้ละ"
              "เวมท็อกซินนะหรือ เป็นพวกไหนกันละ" บัลโต้ถาม
              ฟิเกซกล่าว "เท่าที่ฟังจากคุณพ่อเล่ามาน่ะ เวมท็อกซินนั้นเป็นเวโนมิไนซ์อีกชนิดหนึ่งนี้แหละ หากแต่ ผิวกายหุ้มด้วยเกล็ดหนา มีเปลือกกระดองหุ้มตรงหลังแขน หน้าแข้ง ลำตัวด้านหน้า และส่วนหัว ส่วนผมนั้นเป็นหนวดยาว หูตั้งเหมือนหูเอลฟ์ แต่ปลายสั้นกว่าหน่อยหนึ่ง และส่วนขานั้นงุ้มไปข้างหลัง เหมือนขาแมลง และมีผิวกายเป็นสีเทาหรือสีดำเข้ม ต่างจากเวโนมิไนซ์ที่มีสีผิวกายเหมือนกระดูกขาวทั้งตัว หากแต่ตามตัวเป็นมัดกล้ามเนื้อสีน้ำตาล ม่วงหรือสีอะไรก็ตามที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดตามเผ่าไว้น่ะ"
              "ฉันพอจะได้ฟังจากพวกแกตไทซ์รุ่นพี่และรุ่นพ่อเล่าให้ฟังมาน่ะ ว่าพวกเวมท็อกซินนั้น ก็เป็นคนจากลอร์เดเซรอธเหมือนกับเวโนมิไนซ์นี้แหละ หากแต่พวกเขาถูกขับไล่ออกจากทวีป เนื่องจากความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็ความขัดแย้งในเขตแดน จนมีส่วนหนึ่งหลุดหนีมายังทวีปหลัก และเข้ามาก่อความเดือดร้อนกันในช่วงที่ฉันกับฟิเกซอยู่ที่แรซัลก้าเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
               ซันเบิร์ตกล่าว "แต่ฉันกับพวกโดแกนไม่เคยได้ยินว่ามีพวกนี้อยู่เลยนิน่า ทั้งๆที่เราต่างเป็นเวโนมิไนซ์เหมือนกัน ก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องน่ะ"
              "ทรอลลอฟคงจะบอกได้หรอกน่ะ เพราะฉันเคยได้ยินจากป้าเล่ามา ว่าพวกเวโนมิไนซ์ล้างบางพวกเวมท็อกซินจนไม่หลงเหลืออยู่บนทวีปลอร์เดเซรอธแล้วนะสิ" ฟิเกซกล่าว "และต่อให้แอบไบออสและพวกนายที่เป็นมนุษย์ที่กลายเป็นเวโนมิไนซ์เอง ทรอลลอฟกับพวกเวโนมิไนซ์ส่วนมาก คงไม่ยอมบอกให้นายรู้หรอก เพราะพวกเขาไม่อยากจะรับรู้เรื่องนี้ จนใช้เหตุผลมาต่อต้านพวกเขาเลยน่ะ"
               สเปียริทกล่าว "งั้นที่พวกเวมท็อกซินหนีมาทวีปหลักได้นั้น เพราะว่าพวกเขาต้องการหาที่หลบซ่อน เพื่อสร้างสมกำลังหรือฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งเลยสิน่ะ"
              "นั้นก็เข้าเค้าเลยละ เพราะพวกเวมท็อกซินที่เราเจอตัวมานั้น บางตนพยายามลักพาตัวชายหญิงชาวซัลคาเลี่ยนไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ หรือไม่ก็เอาไปเป็นอาหารให้กับลูกๆทั้งหลายอยู่นะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              เจเนลบอก "นายคงไม่ได้บอกว่า พวกเวมท็อกซินนั้น สามารถขยายเผ่าพันธุ์ได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้นนะหรือ"
              "ใช่ และเร็วกว่าพวกเวโนมิไนซ์ตั้ง 2 หรือ 10 เท่ากันด้วย ซึ่งไม่แปลกใจเลย ที่เหยื่อที่ถูกลักพาตัวมานั้น ตายแบบเดียวกันกับเหยื่อที่ถูกเวโนมิไนซ์ของเวสเทิร์ซทำเป๊ะ หากแต่ ลูกๆออกมาเป็นครอกหรือฝูงใหญ่หลายสิบตัวในเวลาเดียวกันน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              จิลอุทาน "แค่ได้ยินก็ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมพวกเวโนมิไนซ์ถึงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก เพราะกลัวว่าจะถูกข่มโดยญาติที่มีกำลังพลเยอะหลายสิบเท่าเลยน่ะ"
              "และต่อให้เชือดเพศผู้หรือเพศเมียทิ้ง เวมท็อกซินเองก็หาเรื่องขยายเผ่าพันธุ์ด้วยการโดดลงน้ำหรือโดนน้ำ เพื่อใช้การขยายพันธุ์แบบแตกตัวกันด้วย เพราะอวัยวะสืบพันธุ์ในร่างกายของพวกเวมท็อกซินที่หมอผ่าพิสูจน์มา มันเป็นอัณฑะผสมกับรังไข่ โดยส่งตัวอ่อนไปไว้ในหลังและตรงท้องน้อย เพื่อสร้างทายาทขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่จำเป็นต้องพึ่งตัวกระตุ้นก็เท่านั้นเองแหละ" ฟิเกซกล่าว
              จายด์บอก "แต่คงไม่มีการกินอาหารตอนเที่ยงคืน เพื่อทำให้ตัวอ่อนเติบโต แล้วก็แพ้แสงแดดเลยสิน่ะ"
              "เวมท็อกซินต้องการสารอาหารกันได้ทุกเมื่อเพื่อทำให้เติบโตกันอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเที่ยงคืนตามในหนังที่มีตัวขนปุกปุยที่โดนน้ำแล้วแยกเอาตัวอื่นๆออก แล้วกินอาหารเพื่อเปลี่ยนเป็นตัวประหลาดเล็กๆกันหรอก เพราะทางเราก็เจอพวกเวมท็อกซินเติบโตเป็นตัวเต็มวัยในช่วงตีหนึ่งหรือสี่ทุ่ม รวมไปถึงช่วงเก้าโมงเช้าหรือบ่ายสองโมงด้วย ดังนั้นเรื่องแพ้แดดจึงไม่มีแน่นอน เพราะผิวเกล็ดของพวกเวมท็อกซินป้องกันแสงยูวีได้น่ะ" ฟิเกซเล่า "หากแต่มันแย่ตรงที่อาหารของตัวอ่อนนั้น ถ้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ก็ต้องเป็นประชาชนตาดำๆที่มาผิดจังหวะเวลาอาหารของเวมท็อกซินตัวน้อยเลยน่ะ"
              บัลโต้บอก "ตัวอ่อนคงไม่ได้เป็นตัวขนปุยที่มีแต่หัวและกลิ้งมาเป็นจำนวนมากเลยสิน่ะ"
              "ที่ผบ.เล่ามานิ ผบ.ดูหนังตัวขนปุยจากอวกาศที่กลิ้งมากินคนเลยสิคะ" จิลถาม
              บัลโต้บอก "ถ้าฉันดูละก็ พวกนายเองก็พอกัน เพราะพวกนายเล่าคุณลักษณะของไอ้พวกตัวหูยาวตัวเล็กๆได้ถูกเผงทุกข้อหรอกน่ะ"
              "แต่ถ้าเวโนมิไนซ์เปลี่ยนส่วนอวัยวะให้เป็นอาวุธหรือสร้างอาวุธจากวัตถุทางชีวภาพได้เองนิ พวกเวมท็อกซินนั้นก็คงทำแบบเดียวกันสิน่ะ" พีวิลถาม
              เนคมาดูซัมบอก "เกรงว่าวัยรุ่นเวโนมิไนซ์เกรียนๆเหล่านั้น จะโดนแขนตะกวดพิฆาตขย้ำเข้าให้แล้วนะสิ เพราะพวกเวมท็อกซินเปลี่ยนอวัยวะให้เป็นทรงมังกร ซึ่งไม่ใช่แค่แขน แต่มือ เท้า ขา ลำตัวทั้งด้านหน้าและหลัง แม้กระทั่งหนวดผมกับส่วนหัวที่อยู่เหนือหน้าผากขึ้นไปก็ด้วย ซึ่งตัวที่ฉันเจอนั้น มันมีสี่แบบด้วยกันน่ะ"
              "ถ้าอย่างงั้นฉันต้องขอข้อมูลจากพวกแกตไทซ์หรือกลุ่มทหารที่รับผิดชอบในเรื่องพวกเวโนท็อกซ์ด้วยน่ะ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าเวโนมิไนซ์มีอีกเผ่าที่สิ้นชีพไปแล้ว และรอดกลับมาจนก่อเรื่องได้น่ะ" บัลโต้บอก เนคมาดูซัมพยักหน้า
               ซันเบิร์ตถาม "แล้วมีความคืบหน้าอะไรเกี่ยวกับแหล่งที่ซ่อนลับของตาแก่วอลเดนหรือเปล่าละ ผบ.บาโธโรมิว"

              "ที่ซ่อนลับนะหรือ เออ ผบ.บัลโต้ครับ มันเรื่องอะไรกันละครับ" พีวิลถาม
              บัลโต้เหล่มายังซันเบิร์ต แล้วถอนใจอย่างหงุดหงิด "ปากนายไม่มีหูรูดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่นายกับลูกน้องโดนแพททริคเล่นงานเข้าให้น่ะ คาวบอย" จากนั้นก็เล่าไปว่า "ที่จริง ฉันกะจะเล่าให้พวกนายฟัง หลังจากที่ฉันได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัดแล้วน่ะ"
              "พอจะอธิบายได้มั้ยละครับ ผบ.บัลโต้" เนคมาดูซัมกล่าว
               บัลโต้พยักหน้า "ก่อนอื่นเลยน่ะ พวกนายยังจำไอ้มือขวาของวอลเลนซ์ได้มั้ยละ"
              "จำได้สิ ผบ.บัลโต้ ไอ้โฟมเมคนั้น มันพาพวกทหารที่ภักดีกับนายพลวอลเลนซ์หนีการจับกุมไปอยู่เขตอวกาศภาคกลาง และกลับมาเพื่อเอาเรื่องพวกท่านประธานาธิบดี แต่โดนเราเบรคได้เสียก่อนนะ ซึ่งพวกเราโต้ตอบจนโฟมเมคฆ่าตัวตายไปเองน่ะ" เจเนลบอก
               สเปียริทบอก "แล้วทำไมผบ.ยังติดตามหาที่ซ่อนของตาแก่วอลเดนกันละคะ"
              "คือว่า...หลังจากความล้มเหลวของโฟมเมคจบลงไปได้สองวัน ศพของโฟมเมค ได้หายไปจากห้องดับจิตของทางโรงพยาบาลที่รับศพไว้นะสิ" บัลโต้บอก จนพวกพีวิลที่อยู่ในห้องตกใจไม่น้อย "และการที่ศพของโฟมเมคมันหายไปได้นั้น มันก็มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่เป็นไปได้ที่สุดเลยน่ะ"
              พีวิลกล่าว "ผบ.หมายถึง โคลนนิ่งชุบชีวิตละสิครับ"
              "ใช่ และคงไม่ได้แค่ชุบเพียงตัวเดียว เพราะจากข้อมูลในบันทึกของวอลเดนสไตน์ที่ทางเราได้จากวอลเทนมานั้น เห็นว่าตาแก่วอลเดน แอบสั่งซื้อแคปซูลและเครื่องผลิตโคลนนิ่งระดับกองทัพเอาไว้อย่างลับๆ โดยให้ลูกน้องของวอลเลนซ์รับผิดชอบในการปลอมแปลงบัญชีค่าใช้จ่ายในกองทัพ ว่าได้สั่งซื้ออาวุธมาจากสมาพันธ์อวกาศ ซึ่งฉันได้สอบถามกับผบ.ฮาซาเดนมาแล้ว ทางนั้นยืนยันมา ว่าไม่มีการสั่งซื้ออาวุธดังกล่าวเข้ามาเลยน่ะ" บัลโต้บอก "และการที่วอลเดนสั่งเครื่องผลิตโคลนนิ่งมานั้น ฉันกับจอมพลแฮซกริฟเดาได้ว่า ตาแก่วอลเดนและนายพลวอลเลนซ์เตรียมการไว้ หากตัวมันหรือตัวลูกชาย เสียชีวิตจากการสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนหรือโดนพวกเราจัดการจนอาการสาหัสใกล้ตายขึ้นมา ลูกน้องที่อยู่ในกองของวอลเลนซ์จะรีบนำเศษชิ้นส่วนอวัยวะหรือร่างกาย ไปโคลนนิ่งใหม่ในสภาพที่หนุ่มกว่าและมีโฉมหน้าที่เปลี่ยนไป เพื่อหลบหนีการจับกุมและการตรวจจับ แล้วปรากฎตัวขึ้นมาในฐานะใหม่เพื่อกลับมาเอาคืนพวกเราน่ะ"                สเปียริทบอก "เพียงแต่ ทางเราส่งตาแก่วอลเดนให้กับทางแพลตตินั่มอามาด้านำไปคุมขังที่ดัลทาลิฟ-4 ส่วนนายพลวอลเลนซ์นั้น โดนผบสส.สั่งประหารด้วยแรปิดเดเตอร์หลายกระบอก แล้วเผาศพด้วยเพลิงพลาสม่าจนไม่เหลือซากให้เก็บกู้ได้เลยนิคะ"
              "แต่มิใช่กับโฟมเมคที่รีบตาย เพื่อรีบกลับมาคืนชีพตามที่ต้องการไว้ทีแรกนะสิ" บัลโต้บอก "และจากเรื่องที่ศพของโฟมเมคหายตัวไปนั้น ฉันกับเดลิคได้ทำการสืบอย่างลับๆมา จนพบว่าปัญหาเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นในระบบดาวของเรานั้น ไปเกี่ยวข้องกับแหล่งที่ซ่อนลับของตาแก่วอลเดน อันเป็นสถานที่ลับที่เก็บเครื่องสร้างโคลนนิ่งไว้น่ะ"
              จิลบอก "เดียวก่อนนะคะ ปัญหาเศรษฐกิจที่ทางเราประสบมาในช่วง 3 ปีที่แล้วนั้น มันไม่น่าเกี่ยวอะไรกับวอลเดน เพราะต้นเหตุมาจากคามาลตัสมิใช่หรือคะ"
              "เกี่ยวเต็มๆสิ จิล เพราะฉันได้รับแจ้งจากฝ่ายการเงินของกองรบทั้งฝ่ายเทรอมและซัลคาเลี่ยนมา ว่างบประมาณของพวกเขาส่วนหนึ่งมันหายไปแบบไร้ร่องรอยเลยน่ะ" บัลโต้บอก "ทีแรก ฉันคิดว่านั้นเป็นผลงานของพวกริดโอที่เหลือรอดกันแน่ๆ แต่พอทางเราจับกุมพวกริดโอไว้ พวกนั้นแทบไม่รู้เรื่องเงินที่มันปล้นไป เราเลยกลับไปสืบใหม่อีกรอบ กลายเป็นว่า เงินที่หายไปนั้น มันไปอยู่ในบัญชีของนายพลวอลเลนซ์ที่โฟมเมคเก็บเอาไว้แล้วนะสิ"
               เนคมาดูซัมบอก "แต่ บัญชีเหล่านั้น ถูกท่านจอมพลและผบ.สั่งอาญัติไปแล้วมิใช่หรือครับ ทำไมมันยังหลุดมาจนรับเงินที่สูบไปได้ละครับ"
              "บัญชีธนาคารที่วอลเลนซ์ทำเอาไว้นั้น มันอยู่ที่ดาวเครปแมน-8 ซึ่งอยู่นอกเขตระบบดาวของเรานะสิ เลยไม่สามารถไปอาญัติบัญชีดังกล่าวไว้น่ะ" บัลโต้กล่าว "อีกอย่าง ต่อให้ทหารของวอลเลนซ์มีสมุดบัญชี พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ตราบใดที่ยังหาที่ซ่อนไม่เจอ ซึ่งที่ซ่อนนั้น ก็เป็นต้นเหตุของอีกปัญหาที่มาพร้อมกับปัญหาเศรษฐกิจกันนี้แหละ"
              สเปียริทบอก "ผบ.คงไม่ได้หมายถึงเรื่องที่ดาวของเราประสบเหตุไฟดับเพียงบางส่วนเลยสิคะ"
              "ถูกแล้วละ สเปียริท อีกปัญหาที่ว่ามานั้น ก็คือเรื่องการใช้พลังงานเยอะเกินจนมีปัญหาพลังงานขาดแคลน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดในเวลาเดียวกันที่ทางกองทัพทุกฝ่ายรวมถึงพวกนาย ถูกตัดงบประมาณเพื่อให้ประธานาธิบดีนำงบที่มีอยู่ไปฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจให้มันดีขึ้นไว้ ต่อให้วูลลิเซียสร้างสถานีอวกาศสำหรับแจกจ่ายพลังงานจากนอกดาวมาช่วยไว้  ฉันกลับได้รายงานมาว่า ดาวของเรามีปัญหาเรื่องการใช้พลังงานแบบสิ้นเปลืองกันอยู่ ซึ่งเป็นไปได้ว่า มีเศษเดนของนายพลวอลเลนซ์แอบดึงพลังงานมาใช้กับเครื่องสร้างโคลนนิ่งอย่างต่อเนื่องแน่นอน" บัลโต้บอก
              ฟิเกซกล่าว "นั้นก็เข้าเค้านะครับ เพราะ ถ้าพลังงานถูกตัดการเชื่อมต่อหรือดับลงในกระบวนการสร้างโคลนขึ้นมา นั้นหมายถึงโคลนอาจจะไม่สมบูรณ์หรืออาจถึงตายได้ หากเครื่องนั้นติดระบบหล่อเลี้ยงและฟื้นฟูสภาพร่างกายเอาไว้น่ะ"
              "ทีแรกฉันกะจะติดตามหาตำแหน่งของเกาะดังกล่าว แต่ ฉันเช็คด้วยระบบดาวเทียมกันแล้ว กลายเป็นว่ามันไม่เจออะไรเลย ขนาดฉันเรียกให้วอลเทนลงมาช่วยฉันกับเดลิคตีความภายในบันทึกของวอลเดน จนได้ความว่า วอลเดนแอบใช้ระบบเทเลพอร์ตที่พวกดัสค์คิลเลอร์ของวอลเลนซ์ ซึ่งแฝงตัวเข้ามาในสถาบันริดิวิเนี่ยนแฮคเจาะระบบไป นำสถาบันวิจัยลับบนเกาะแห่งหนึ่งในแรซัลก้าเข้ามาที่ดาว โดยที่เกาะนั้น ติดเครื่องแจมเมอร์กันการตรวจจับจากนอกดาวเอาไว้ด้วย ซึ่งนั้นไม่แปลกใจเลย ที่พวกเราได้ข้อมูลพิกัดของเกาะ แต่กลับไม่เจออะไรเลยน่ะ" บัลโต้บอก
              จายด์ถาม "แต่ถ้าเป็นสถาบันวิจัยจากแรซัลก้า ซึ่งใช้พลังงานจากเซจเจนคอร์แล้ว ทำไมยังต้องใช้พลังงานเพเรเนี่ยมเลยน่ะ"
              "ก็เพื่อนำไปกระตุ้นให้เซจเจนคอร์แสดงประสิทธิภาพพลังงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมนะสิ เพราะข้อมูลการทำงานของอิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยน ได้ถูกแฮคเข้าไปเช็คดูน่ะ" บัลโต้กล่าว "และที่ต้องใช้พลังงานไปเยอะและต่อเนื่องไปนั้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะเครื่องโคลนมันไม่ได้แค่สร้างโคลนเพียงตัวเดียว แต่ใช้สร้างโคลนเป็นกองทัพ แบบเดียวกันกับที่พวกสโทรเพธจับพวกรีเบิร์สมาร์เธอร์มาชุบชีวิตพวกพ้องที่ถูกฆ่าตาย ให้กลับมาหาเรื่องกับเราใหม่เลยน่ะ"
               แอบไบออสบอก "ซึ่งนั้นยิ่งทำให้เราตรวจจับหาตำแหน่งได้ง่ายอยู่ วอลเดนเลยโต้ตอบด้วยการใช้แจมเมอร์ป้องกันการตรวจจับจากนอกดาวไว้ เพราะรู้ดีว่า เราต้องเจอแหล่งที่ซ่อนลับเอาไว้แน่นอนน่ะ"
              "ตาแก่นั้นขนาดตายไปแล้ว ยังหาเรื่องเยาะเย้ยเราจากปรโลกกันได้เลยน่า" เจเนลบอก
               เนคมาดูซัมกล่าว "และถึงพวกเราเจอ นายพลวอลเลนซ์คงเตรียมการป้องกันเอาไว้ที่เกาะกันอย่างแน่นอน เพียงแต่ เรายังไม่รู้เลยว่ามันเป็นอะไรกันบ้างน่ะ"
              "ในบันทึกของวอลเดนยังมีอะไรที่บ่งบอกถึงการป้องกันของเกาะนี้หรือเปล่าละครับ" พีวิลบอก
              บัลโต้ส่ายหน้า "เกรงว่าแค่ตำแหน่งของเกาะลับของวอลเดนที่มีนั้น เราไม่เจออย่างอื่นที่ช่วยระบุถึงการรับมือในกรณีที่เราเจอเกาะนั้นแล้วนะสิ"
              "แล้วผบ.บัลโต้มีเช็คแฟ้มหรือฐานข้อมูลภายในที่พักของนายพลวอลเลนซ์กันบ้างมั้ยละคะ" สเปียริทถาม
               บัลโต้กล่าว "เดลิคส่งคนไปเช็คแล้ว กลายเป็นว่าโฟมเมคตัดหน้าลบทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในบ้านของนายพลวอลเลนซ์ไปนานแล้ว"

              "แล้วนายเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ละ คาวบอย" แอบไบออสถาม
               ซันเบิร์ตตอบ "คือว่า ลูกน้องของฉันได้เจอพวกทหารของนายพลวอลเลนซ์กระทำการลับๆล่อๆ อยู่แถวท่าเรือในไวซ์อาร์วี่นะสิ แม้จะสะกดรอยตามไปจนเจอเรือภายในโกดัง แต่เธอกลับถูกเล่นงานจนสาหัสกลับมาแทน ฉันเลยต้องประสานงานกับตำรวจให้ไปเช็คดู ซึ่ง โกดังเก็บเรือที่ลูกน้องของฉันเจอมานั้น ไม่ได้อยู่ในนั้นแล้วนะสิ" แล้วก็บอก "ทางตำรวจเลยตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด จนเจอกับคราบเลือดที่ถูกพวกทหารนายพลวอลเลนซ์ล้างออก แต่ยังหลงเหลือปฏิกิริยาลูมินอลอยู่บนพื้นใกล้กับจุดที่เรือต้องสงสัยจอดอยู่ พอตรวจสอบแล้ว พบว่ามันเป็นเลือดจากศพของมือขวาของนายพลวอลเลนซ์ ซึ่งถูกแจ้งว่ามันหายไปจากโรงพยาบาลกันไว้ ฉันเลยต้องแจ้งเรื่องนี้กับผบ.บาโธโรมิว จนรู้เรื่องที่ซ่อนลับของตาแก่คนทรยศผู้นี้ไว้ด้วยนะสิ"
              "แสดงว่าลูกน้องของนายพลวอลเลนซ์ส่วนที่หลบหนีการควบคุมตัวของผู้การเดลิคนั้น ลอบเข้ามาขโมยศพและนำตัวไปที่เกาะลับเพื่อทำการชุบชีวิตไว้ แต่มาเสียตรงที่ลูกน้องของคุณมาเจอเข้าเลยสิน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมบอก "และปานนี้พวกลูกน้องที่ขโมยศพไปนั้น คงไม่ออกจากเกาะนั้นมาตลอด 3 ปีเลยละสิ"
              "แต่ถ้าจะหลบอยู่ในเกาะตั้งสามปีนั้น เรื่องเสบียงอาหารเองก็ต้องใช้เยอะและต้องอยู่นานเป็นปีแบบนี้ แล้วไหนจะมีพวกโคลนนิ่งเป็นกองทัพด้วยอีก ผบ.มีตรวจสอบบ้างหรือเปล่าละ" สเปียริทบอก
              บัลโต้ส่ายหน้า "เดลิคเช็คทั่วซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาดสดแหล่งใหญ่ภายในเขตทวีปทั้งสามแห่งแล้ว ไม่มีที่ไหนที่มีการสต็อกของเยอะและขนส่งทางเรือไปยังที่ต้องสงสัยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเลยนะสิ" แล้วก็บอก "ซึ่งฉันเดาได้ว่า วอลเดนคงวางแผนเตรียมการหลบซ่อนอยู่ที่เกาะหลบเร้นการตรวจจับมาเป็นปีแล้ว และคงกักตุนเสบียงอาหาร ยารักษาโรค ของใช้ต่างๆ ไว้ในเกาะเป็นจำนวนมหาศาล รวมถึงเครื่องกรองน้ำด้วย เพราะที่หลบซ่อนเป็นเกาะกลางทะเล จำต้องกรองน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดในปริมาณมากๆ โดยไม่คิดจะออกไปจากเกาะกันด้วยน่ะ"
              "แม้กระทั่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ส่วนมากด้วยละสิครับ" พีวิลบอก
               บัลโต้พยักหน้า "และรวมถึงฐานผลิตโมบิลลอยด์ด้วย เพราะตอนที่ฉันเช็คภายในยานรบของนายพลวอลเลนซ์ในช่วงที่แฝงตัวสลับที่นั้น ฉันแทบไม่เจอเครื่องมือสร้างและผลิตโมบิลลอยด์อยู่ในยานอยู่สักเครื่อง รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่และทรัพยากรสร้างหุ่นกันด้วย ซึ่งนั้นจะทำให้เกาะนั้นต้องขโมยพลังงานเพิ่มเติม จนดาวของเราสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเก่ากันอีกน่ะ"  
              "รวมถึงใช้ป้องกันภัยธรรมชาติอย่างพายุโซนร้อนด้วยสิคะ" จิลกล่าว
               บัลโต้บอก "แต่ถึงวอลเดนจะใช้พลังงานที่ไปดึงมาจากโรงพลังงานหลัก พวกเราก็ยังหาเกาะไม่เจออยู่ดี ตราบใดที่ตัวแจมเมอร์ยังทำงานหรือยังไม่พังเสียก่อนน่ะ" แล้วก็บอก "หวังว่าพวกนายคงจะบอกกับพวกพ้องของนายให้ทราบเรื่องเพียงแค่ในกลุ่มก่อนน่ะ"

              หลังจากนั้น เวลาผ่านไป ที่เฟิร์สฮิลล์ พวกเนคมาดูซัมเดินทางกลับมาที่เวเซอร์เฮาส์แล้ว
              "ไม่คิดเลยว่า การไปประชุมร่วมกับเพื่อนร่วมเผ่านาย จะลงเอยด้วยการออกแรงตะบันหน้ากันเลยน่า" คลอเวฟบอก หลังจากที่ฟังเนคมาดูซัมเล่ามา "แล้วนายกับฟิเกซไปฟัดกับใครอีกละ"
               ฟิเกซกล่าว "ถ้าฉันบอกว่า พวกเศษเดนมอสวอร์ทมันกลับมาหาเรื่องกันละ นายจะว่ายังไง"
              "ไอ้พวกแกตไทซ์ลัทธิบูชาหุ่นเทพีมรณะที่เกือบดึงลินี่ไปตายนั้นนะหรือ แต่ พวกนั้นวอดวายไปแล้วเมื่อ 4 ปีก่อนมิใช่หรือไงน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
               โฟรซ่าบอก "นั้นแค่ส่วนมากที่ยังอยู่กับซิกโกน่าเอง แต่มิใช่กับพวกที่กระจัดกระจายอยู่ตามดาวในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนกันหรอกน่ะ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีข่าวพวกแกตไทซ์โผล่มาก่อเรื่องกับพวกเดลอาเนี่ยน หรือร่วมหัวกับพวกเผ่าหลักก่อสงครามกันเลยหรือ"
              "โฟรซ่าพูดถูกแล้วละ เพราะมีข่าวนี้แหละ ที่ทำให้เราและพวกแกตไทซ์รู้ว่า ยังเหลือเศษเดนของพวกมอสวอร์ทกันอยู่น่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ว่าแต่ ใครเป็นคนนำพวกมอสวอร์ทโผล่มาที่ระบบดาวกันน่ะ"
              "เดโบรม น้องชายของเดโรคนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าว "เท่าที่ทราบมา เดโบรมเป็นแกตไทซ์ที่ฉลาดเอาตัวรอดมากที่สุด จากการที่มันสั่งการลูกน้องให้ลงมือทำตาม โดยที่ตัวลูกน้องเหล่านั้นไม่รู้ว่าเดโบรมไปหลบซ่อนอยู่ไหนน่ะ"
               ลิเนียร์ตี้กล่าว "นี้เดโบรมคงจะหลบซ่อนหรือแฝงตัวชนิดที่คุณโวลเฟลเองยังแกะรอยไม่ได้เลยหรือคะ"
              "เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นแล้วละ ลิเนียร์ตี้ เพราะถ้าเดโบรมสั่งการลูกน้องผ่านเครื่องสื่อสารมา เขาก็คงไม่ทิ้งร่องรอยให้โวลเฟลและพวกเราแกะรอยไปได้หรอกน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              คลอเวฟบอก "แล้วมันคงไม่คิดจะส่งลูกน้องมาหาเรื่องกับเราถึงที่ละสิ"
              "เดโบรมไม่ทำเช่นนั้นหรอก มันรู้ว่าเราอยู่ในเมืองที่มีการจับตาดูของนายพลเพอซิอัสและนายพลจูเดทต้ามา ซึ่งถ้าทำแบบนั้นจะสุ่มเสี่ยงกับการเสียลูกน้องให้พวกเรารุมยำซะมากกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "อีกอย่าง เดโบรมเสียลูกน้องส่วนหนึ่งที่ไปหาเรื่องหน้าสภาแกตเครด จนทำให้อีกสองสามกลุ่มพลอยซวยไปด้วยนั้น เดโบรมไม่คิดที่จะทำพลาดซ้ำอีกรอบหรอกน่ะ"
              พลัสเชอริทบอก "แสดงว่าเดโบรมคงแฝงตัวอยู่ในกองรบใดสักแห่ง ซึ่งคงต้องปลอมตัวให้จากที่นายรู้มาก่อนสิน่ะ"
              "เมลกวินซักอดีตสมาชิกลัทธิมอสวอร์ทให้ส่งภาพเดโบรมมา ซึ่งต่อให้มีภาพอยู่ ก็คงหาไม่เจออยู่ดีนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าว
               ไซโคลเนียบอก "นั้นแย่กว่าควานหาเข็มหมุดในมหาสมุทรเลยสิน่า"
              "พอๆกันกับการหาเกาะลับของตาแก่วอลเดนอีกด้วยน่ะ ที่แม้จะเจอที่ตั้ง แต่ก็ไม่พบเจอด้วยน่ะ" เจเนลบอก
               เบติสบอก "อดีตเสนาธิการวอลเดนยังมีเกาะลับซ่อนอยู่งั้นหรือ"
              "คือว่า ผบ.บัลโต้ทราบเรื่องศพของโฟมเมค ทหารมือขวาของนายพลวอลเลนซ์ ซึ่งทหารที่เหลือรอดของนายพลวอลเลนซ์ขโมยศพมาจากโรงพยาบาล แล้วขนส่งขึ้นเรือที่ไวซ์อาร์วี่ ตรงดิ่งไปที่เกาะลับแล้วหายสูญไปเมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อที่จะนำศพไปใช้โคลนนิ่งสร้างเป็นกองทัพขึ้นมาแก้แค้นให้นายพลวอลเลนซ์และเสนาธิการวอลเดนนะสิครับ" พีวิลกล่าว
               วิลด้าบอก "ถ้าเป็นเรื่องโคลนนิ่งก็ไม่แปลกหรอก วอลเดนสไตน์แอบติดต่อกับพวกเดลอาเนี่ยนให้นำทัพมาระรานระบบดาวของเราเมื่อ 4 ปีก่อน ย่อมหมายถึงเขาได้เครื่องมือสร้างกองทัพโคลนนิ่ง และใช้ชุบชีวิตคืนมาแน่นอนน่ะ"
              "หากแต่ พวกเขาโคลนเสนาธิการวอลเดนไม่ได้แน่ๆ เพราะทางเราส่งตัววอลเดนไปขังที่ดัลทาลิฟ-4 และศพถูกชาวดาวฤกษ์เผาจนไม่เหลือซากแล้ว ส่วนนายพลวอลเลนซ์ หลังถูกประหารชีวิต ก็นำศพไปเผาด้วยเพลิงพลาสม่าไม่ให้เหลือเศษซากเอาไว้ด้วยน่ะ" เบติสกล่าว "แต่ที่ไม่มีวี่แววหรือปรากฎข่าวเลยนั้น แสดงว่าตอนนี้เกาะลับได้สะสมกองกำลังขึ้นมาเลยสิน่ะ"
              โฟรซ่ากล่าว "ตาแก่วอลเดนเตรียมการไว้เพื่อให้ตัวเองและลูกน้องเช่นนี้ เพราะรู้ดีว่าเราอาจจะเล่นแรงถึงตายได้แน่นอนน่ะ"
              "เออ เดียวก่อนน่ะ นายบอกว่า ไอ้แก่นั้นมันมีเครื่องสร้างโคลนนิ่งได้เป็นกองทัพนิ คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับปัญหาไฟตกทั่วทั้งเมืองหรือปัญหาการสิ้นเปลืองพลังงานแบบไม่มีที่มากันอีกละสิ" คลอเวฟบอก
               เจเนลบอก "เกรงว่ามันเกี่ยวเต็มๆแล้วสิ คลอเวฟ เพราะถ้าจะสร้างกองทัพโคลนให้สมบูรณ์แบบโดยไม่ให้ใครหรือพวกเราจับได้นั้น ตาแก่วอลเดนเลยสร้างภูมิป้องกันทุกอย่าง หลังจากที่แอบใช้เทเลพอร์ตโยกย้ายเกาะลับที่มีสถาบันวิจัยจากแรซัลก้าเข้ามาที่ดาวของเรา ในช่วงที่พวกเดลอาเนี่ยนรุกรานกันอยู่ ด้วยเครื่องสร้างคลื่นรบกวนการตรวจจับจากนอกดาว รวมถึงสร้างสนามพลังงานไว้ป้องกันภัยธรรมชาติน้อยใหญ่ต่างๆด้วยนะสิ"
              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมพวกเราพยายามจะประหยัดพลังงาน แต่ค่าไฟแพงกว่าเดิม เพราะพวกตัวแสบขโมยพลังงานไปใช้แบบนี้เองหรือเนี้ย" โฟรซ่าสบถ
               ไซโคลเนียกล่าว "แล้วผบ.บัลโต้ไม่คิดส่งใครไปตามหาเลยหรือ ในเมื่อเรามีบันทึกของตาแก่อยู่ในมือของวอลเทนช่วยในการตามหาเลยนะ"
    "ถึงมีพิกัดระบุตำแหน่งของเกาะลับดังกล่าว แต่ตราบใดที่เครื่องรบกวนการตรวจจับจากนอกดาวยังทำงานอยู่ มันก็มาอีหรอบเดิมอยู่ดีนะสิ ไซโคลเนีย" ลิเนียร์ตี้บอก
               แอมเบอร์เสริม "และถ้าเป็นเกาะที่มาจากแรซัลก้าจริง ความเป็นไปได้ราว 60-80 เปอร์เซนต์ ที่นายพลวอลเลนซ์และเสนาธิการวอลเดน ต้องมีอาวุธและระบบป้องกันผู้เข้ามาในเขตน่านน้ำรอบเกาะเตรียมเอาไว้แน่นอน"
              "เว้นแต่จะมีข่าวเรือหายสาปสูญในแถบน่านน้ำปรากฎขึ้นมาเลยสิน่ะ เราถึงจะรู้ว่าเรือมันเจอกับไอ้เกาะเสร็งเคร็งนั้นไว้น่ะ" คลอเวฟกล่าว
              ฟิเกซบอก "พูดถึงเรื่องตามหานั้น...." แล้วก็เปิดคำถามต่อเบติสและวิลด้าไปว่า "ลุงกับป้าเคยเจอกับเมลซี่ พรอเทมบ้างมั้ยครับ"

              "เมลเซี่ยน พรอเทมหรือ....หมายถึงหลานสาวของจอมพลแฮซกริฟละสิน่ะ" วิลด้าบอก
              แอนเดรียบอก "ที่คุณพูดเช่นนี้ แปลว่าคุณคงจะรู้เรื่องที่จอมพลแฮซกริฟมีหลานสาวเลยสิคะ"
              "ลอร์ดเฟรมิเดรก้า พ่อของวิลด้าบอกกับฉันไว้นะสิ ว่านายพลพรอเทมเป็นลูกชายของจอมพลแฮซกริฟ หากแต่เขากับลูกห่างเหินจากท่านจอมพล เพื่อมิให้มีใครมาปองร้ายเอาชีวิตหรือใช้ทั้งคู่ข่มขู่ท่านจอมพลกันนะสิ" เบติสบอก "ในช่วงสงครามโฟรเดริม-4 จบลงด้วยความสูญเสียอันใหญ่หลวงนั้น นายพลพรอเทมสูญเสียทหารใต้บังคับบัญชาของตนเองไปกว่าครึ่ง แม้ลูกสาวของเขาจะเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตก็ตาม เขาจึงขอจอมพลแฮซกริฟไปกับกองยานของเรา โดยเอาลูกสาวไปด้วย เพื่อที่เขากับลูกจะได้ไปใช้ชีวิตใหม่บนดาวดวงอื่น ซึ่งท่านพ่อตาก็อนุญาต เนื่องจากว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับนายพลพรอเทมมาก่อนน่ะ"
               วิลด้าบอก "แต่ไม่คิดเลย ว่านายพลพรอเทมและประชาชนที่ตั้งรกรากบนดาวคาเทรน่า-5 จะมีอันเป็นไปเสียได้ แม้เมลเซี่ยนโชคดีที่รอดตายมาได้ แต่เธอก็สูญเสียพ่อของเธอและน้องสาวกันด้วยน่ะ"
              "ที่ป้าพูดเช่นนี้แปลว่า ป้าทราบเรื่องที่น้องสาวของสิบโทเมลเซี่ยนโดยสารมากับยาน หลังจากที่เธอไปก่อเรื่องใหญ่โตเลยสิคะ" สเปียริทบอก
              วิลด้าพยักหน้า "เหตุที่ฉันกับครอบครัวหนีจากแรซัลก้า เพื่อไปให้พ้นจากการปองร้ายของเกรนิฟซ์ที่กลายเป็นพวกเพโทรน็อกซ์กันแล้ว เมลเช่ น้องสาวของเมลเซี่ยนเองก็มาด้วยเหตุผลเดียวกันนี้แหละ หากแต่เธอก่อเรื่องใหญ่โต ซึ่งเธอก็น่าจะรู้ดีนะ สเปียริท"
              "รู้ดีหรือคะ เออ....อืมมมมม" สเปียริทได้ฟังก็พยายามทบทวนเรื่องในหัวของเธอ จนได้ข้อสรุปว่า "หมายถึงเหตุอัคคีภัยที่คฤหาสน์ตระกูลเยอเบท ซึ่งตัวลูกชายและผู้เป็นพ่อ รวมถึงญาติผู้ชายจำนวน 6 ตน ไม่เพียงได้แผลไฟไหม้ระดับ 3 แต่เจ้าโลกถูกกุดไปทั้งหมดด้วยสินะคะ" วิลด้าพยักหน้า
               โฟรซ่าบอก "ว่าแต่ ไอ้เหตุไฟไหม้นิ เธอคงไม่ได้ไปก่อเรื่องเลยละสิ"
              "คือเรื่องอัคคีภัยนั้น มันเกิดหลังจากที่ฉันจัดการกับลูกชายตัวเอ้ของริชเชลลิอาร์ลกับพวก ให้เหล่าอัศวินลากตัวไปบู้กับพวกเฮซเทิร์ซที่รุกเข้าระบบเทรสตีดกันนะสิ อีกอย่าง คฤหาสน์ตระกูลเยอเบทเองก็อยู่ไกลอย่างมาก ฉันไม่มีทางกระโดดจากจุดหนึ่งไปก่อเรื่องถึงที่ได้หรอก เพราะถึงเหาะไปได้ ไฟก็ครอกคฤหาสน์ไปกว่าครึ่งแล้วละ" สเปียริทกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "แถมเรื่องก็เกิดก่อนที่กองยานของลุงเบติสและป้าวิลด้าจะออกบินไปได้เดือนหนึ่งเช่นนี้ แปลว่าแม่ของน้องของเมลซี่เอง รีบส่งตัวเธอไปอยู่กับกองยานที่ดาวอื่นเพื่อเลี่ยงความผิดอันร้ายแรงเลยสิน่ะ"
              "แต่ไม่ว่าจะกระทำเพราะต้องป้องกันตัวหรือไม่ เธอก็ยังมีความผิดฐานวางเพลิงและทำร้ายร่างกายจนเกือบจะเสียชีวิตติดตัวอยู่ดีนะสิ" โฟรซ่าบอก
               ลิเนียร์ตี้ถาม "ว่าแต่ ที่นายพูดชื่อสิบโทเมลเซี่ยนมานิ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ"
              "คือว่า เธอถูกผู้การเดลิคจับขังในห้องขังใต้ออคตากอน ในข้อหาพยายามเข้าใกล้ตัวจอมพลแฮซกริฟกันหลายต่อหลายครั้งแล้วนะสิ" ฟิเกซบอก
              เบติสบอก "หลายครั้งนะหรือ ว่าแต่ เมลเซี่ยนมีเหตุผลอะไรที่ต้องการจะเจอตัวท่านจอมพลกันละ"
              "เรารู้แค่ว่า เธอต้องการให้จอมพลแฮซกริฟตามตัวนายพลท่านหนึ่งและทหารตนหนึ่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของชาวอาณานิคมที่คาเทรน่า-5 กันนะคะ" จิลบอก
               วิลด้าบอก "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เธอน่าจะเข้าทางประตูหน้า แล้วก็แจ้งกับคนของผบ.บัลโต้หรือทหารที่อยู่ใต้สังกัด รวมถึงแคร์เรี่ยนก็ได้นิ ไม่เห็นต้องจับกุมกันเลยน่ะ"
              "ถ้าเมลซี่เข้าทางประตูหน้ามา เธอคงไม่ถูกลงโทษจากหัวหน้ากองเดิมจนถูกย้ายไปหลายกองกันนะครับ เพราะเธอบุกเข้าทางอื่นหรือใช้วิธีเรียกตัวท่านจอมพลให้ไปที่ลับตาไว้ แน่นอน ว่าระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดดักทางเธอไว้ทั้งหมดเลยนะครับ" เนคมาดูซัมกล่าว
              เจเนลบอก "แถมเธอเองยืนกรานว่าจะต้องเจอกับจอมพลแฮซกริฟกันให้ได้เท่านั้น ขนาดพวกเราที่เป็นกองกำลังหัวหอกที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านจอมพล ก็ไม่มีสิทธิ์นะครับ"
        
              "แม้กระทั่งมีฟิเกซอทและเนคเกอร์อยู่ด้วยเอง เธอก็ไม่สนเลยหรือ" เบติสถาม
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ถึงผมไม่ถามผบ.บัลโต้หรือผู้การเดลิคเพิ่ม ผมแน่ใจได้ว่า ขนาดลุงและป้าที่เป็นทหารระดับวีรบุรุษเอง ก็น่าจะรวมอยู่ด้วยนะครับ เพราะเธอรู้ ว่าลุงกับป้าอยู่ในกองกำลังเดียวกับพวกเราเลยน่ะ"
              "ชักจะเกินไปหน่อยแล้วน่า ถึงแม้จะเป็นหลานสาวของท่านจอมพล เธอก็ไม่น่าจะหาเรื่องแบบนี้กันตั้งหลายครั้งเลยนิ" วิลด้าบอก และหันมาถาม "คุณคะ คุณคิดว่า การตายของพวกพ้องของเธอที่โฟรเดริม-4 เปลี่ยนเธอเป็นแบบนี้ไปหรือเปล่าละ"
              เบติสส่ายหน้า "ตอนที่เรารวมตัวกันเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้จากไปนั้น ผมเห็นเมลเซี่ยนยืนนิ่งไม่แสดงอาการโศกเศร้าให้เห็นแต่อย่างใดเลย ผิดกับเพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ต่างกอง ซึ่งร้องไห้และเสียใจกันอย่างมาก บ่งบอกได้ว่า เธอเข้มแข็งพอที่จะไม่หลั่งน้ำตาให้เห็น และต้องการให้ทุกๆคนเห็นว่าเธอไม่ได้อ่อนแอและอ่อนไหวตามผู้อื่นเลยน่ะ"
              "แต่เธออาจจะปิดบังความอ่อนแอจากสายตาส่วนรวม แล้วไปฟูมฟายในที่ลับตากันหรือเปล่าละคะ" โฟรซ่าถาม
              เบติสส่ายหน้า "ไม่หรอก เพราะว่าท่านนายพลพรอเทมสอนเมลเซี่ยนให้มีความอดทนอดกลั้น หากแต่ไม่ถึงกับให้เธอเป็นก้อนหินที่ไร้ซึ่งอารมณ์กันก็เท่านั้นเอง แน่นอน ว่าเธอเสียใจและโศกเศร้าได้ แต่ให้เก็บไว้ลึกๆไม่ให้ใครรู้เองเลยน่ะ"
              "แล้วเวลาเธอมีปัญหานิ เธอมักจะบุกเข้าไปหาจอมพลแฮซกริฟกันแบบนี้เลยหรือคะ" สเปียริทบอก
              วิลด้าส่ายหน้า "นั้นแหละที่แปลกละ เพราะตอนที่ฉันเห็นเมลเซี่ยนอยู่ในกองนั้น เธอมักจะแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเธอแก้ไขไม่ได้หรือปัญหานั้นเกินกำลังของเธอ เธอจำต้องเรียกพวกพ้องให้มาช่วยตามความจำเป็น ซึ่งรวมถึงจอมพลแฮซกริฟด้วย หากแต่...เธอต้องแจ้งผ่านท่านนายพลพรอเทมไป เพราะเธอมียศเป็นแค่นายสิบเองน่ะ"
              "ซึ่งทหารชั้นผู้น้อยไม่มีสิทธิ์เข้าหาทหารชั้นสูงสุดอย่างระดับนายพลหรือจอมพล หากไม่มีเหตุร้ายแรงหรือเรื่องคอขาดบาดตายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศมาด้วยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก "สิบโทเมลเซี่ยนโดนลงโทษหลายต่อหลายครั้งก็ไม่แปลกหรอก เพราะการที่เธอบุกมาทางอื่นที่มิใช่ทางประตูหน้า หรือใช้วิธีการอื่นเรียกจอมพลแฮซกริฟมานั้น ทหารยามและกองรักษาความปลอดภัยในออคตากอนต้องหยุดเธอไว้ เพราะการกระทำของเธอเข้าข่ายในลักษณะปองร้ายท่านจอมพลมาก่อนน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้ถาม "แล้วสิบโทเมลเซี่ยนไม่รู้เลยหรือ ว่าท่านจอมพลแฮซกริฟเคยถูกปองร้ายโดยพวกมอสวอร์ทที่รับคำสั่งจากวอลเดนสไตน์มาก่อนน่ะ"
              "คงจะรู้ได้น่ะ เพราะเมลซี่ พึ่งเข้ามาในกองทัพได้ 2 ปี หลังจากที่ทีมช่วยเหลือได้พบเจอเธอที่ดาวคาเทรน่า-5 กันแล้วนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าว "และถึงแม้จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับวอลเดนสไตน์ เธอก็คงไม่สนใจฟังอยู่แล้วนะสิ"
              วิลด้ากล่าว "เพราะยังคงมีทหารส่วนหนึ่งที่ยังไม่เชื่อว่า วอลเดนสไตน์เป็นคนทรยศที่ขายความลับให้พวกเฮซเทิร์ซจนทางเราต้องสูญเสียทหารไปไม่น้อยที่โฟรเดริม-4 เลยนะสิ"
              "แต่อย่างน้อย ผบ.บัลโต้และเดลิคควบคุมตัวเมลเซี่ยนให้อยู่ในเรือนจำใต้กองบัญชาการก็ถือว่าเกินพอแล้ว เพราะเธอไม่ได้ก่อเรื่องร้ายแรงอะไรเลย เพียงแค่บุกเข้ามาเพื่อขอร้องให้จอมพลแฮซกริฟมาคุยกับเธอเท่านั้นเองนะ" เบติสบอก "ถ้าเธอมิใช่หลานสาวของท่านจอมพลละก็ เธอคงถูกเฉดหัวออกไปจากกองทัพแล้วละ"
              พีวิลกล่าว "นั้นแค่ครึ่งหนึ่งนะครับที่ผบ.บัลโต้และผู้การเดลิคสั่งขังเธอไว้ อีกครึ่งนั้น ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเองนะครับ"
              "หมายความว่าไงกันละ พีท" โฟรซ่าบอก
               เจเนลกล่าว "ผู้การเดลิคแจ้งมา ว่ามีบางช่วงที่สิบโทเมลเซี่ยนพยายามจะเข้าหาจอมพลแฮซกริฟกัน แต่เหมือนเธอเจอใครบางตนเข้า เลยรีบเผ่นหนีออกไปกันเสียก่อน และไม่ได้มีแค่ครั้งแรก อีก 5 ครั้งหลังเองก็เช่นกันนะ เจ้"
              "กองบัญชาการออคตากอนติดกล้องวงจรปิดและระบบเพดูน่าที่ริเกิร์ลสร้างขึ้นมา ก็น่าจะตรวจจับหาบุคคลต้องสงสัยดังกล่าวเจอกันบ้างสิน่า" สเตฟอร์ดบอก
               พีวิลบอก "ถ้าผู้การเดลิคเจอก็คงส่งคนตามจับไปนานแล้วละครับ แต่ที่กล้องจับภาพมา แทบไม่เจอใครที่น่าสงสัยอยู่เลย แม้กระทั่งภายในตัวอาคารที่ท่านจอมพลกับทหารอารักขาส่วนหนึ่งเดินเข้าออกกันด้วยนะครับ"
              "หรือว่าเธอเกิดเห็นภาพหลอนขึ้นมา โดยที่เธอยังฟื้นฟูทางจิตได้ไม่เต็มที่ หลังจากที่เธอรอดชีวิตมาเพียงคนเดียวหรือเปล่าละ" ไซโคลเนียกล่าว
              จิลบอก "ผู้การเดลิคสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนร่วมรุ่นของสิบโทเมลเซี่ยนแล้ว สภาพทางจิตของเธอ เป็นปกติดีทุกอย่าง จนหมอให้เธอกลับมาทำงานได้ตามปกติดี และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตอีกด้วยน่ะ"
              "แต่การกระทำของเธอหลังจากนั้น มันดูไม่ปกติอย่างมากเลยน่า" โฟรซ่าบอก "แม้ว่าเธอมีเรื่องที่อยากจะบอกกับจอมพลแฮซกริฟกันให้ได้ แต่เธอไม่น่าที่จะปฏิเสธคำขอจากคนรอบข้างของจอมพลแฮซกริฟกันเสียเลย และยิ่งพฤติกรรมที่เธอรีบไปก่อนที่จะได้เจอตัวนั้น เหมือนเธอเจออะไรบางอย่างมาที่อาจจะเป็นต้นเหตุที่เธอว่ามาก็เป็นได้น่ะ"
              สเปียริทกล่าว "แต่ตราบใดที่ยัยสิบโทหัวดื้อนั้น ยืนกรานจะบอกกับจอมพลแฮซกริฟกันให้ได้ละก็ ต่อให้ฉันหรือพวกเราบีบบังคับก็คงไม่ได้อะไรจากเธอหรอกน่ะ"

              "พูดถึงความผิดปกติกันแล้วนิ....." แอบไบออสกล่าว "พวกนายทั้งสอง เคยเจอกับพวกเวมท็อกซินบ้างหรือเปล่าละ"
              เบติสได้ฟังก็ตอบแบบไม่ลังเลไปว่า "เคย เพราะฉันกับวิลด้ารวมถึงทหารในกองทัพที่แรซัลก้า เคยปะทะกับพวกหัวเปลือกเทาที่เข้ามาขโมยสกรีแทน ออกไปก่อเรื่องในช่วงที่ครีซีแทนส่วนที่ถูกไวลิคม่าล้างสมองออกไปป่วนเมืองกันมาตั้งสิบกว่าครั้งแล้วน่ะ โดยเรารีบจัดการกับมันตรงคอกพิตนี้แหละ"
              "ทหารระดับล่างที่เคยอยู่ต่างสังกัดกองรบที่ฉันเคยอยู่เอง ก็ตกเป็นเหยื่อราคะของไอ้หัวหนวดนี้มาหลายสิบราย จนตายในสภาพเดียวกับเหยื่อของเวโนมิไนซ์ฝ่ายเวสเทิร์ซกันมาแล้ว เพียงแต่ลูกๆมีเยอะกว่าที่คิดไว้ ถึงขั้นที่เบื้องบนต้องใช้อาวุธหนักทำลายล้างหมู่มากมากวาดลูกๆให้วอดกันไว้ รวมถึงสั่งให้เราอย่าไปไหนเพียงลำพังกันด้วยนะสิ" วิลด้าบอก "แน่นอน ว่าครั้งสุดท้ายที่เราเจอกับไอ้หัวหนวดนั้น ก็คือที่โรงนาเก่ากลางหุบเขาโกรฟีคซ์ ซึ่งพวกครีซีแทนได้ฌาปนกิจหมู่พวกหัวหนวดลงจนไม่เหลือซากแล้วน่ะ"
              เบติสกล่าว "แล้วนายถามถึงไอ้หัวเปลือกเทากันทำไมละ โจเซฟ"
              "เกรงว่า การกวาดล้างครั้งสุดท้ายของพวกนายจะเหลือสแปร์ จนพวกเวโนมิไนซ์วัยรุ่นตัวปัญหาที่คิดจะมาหาเรื่องกับแอนเดรีย โดนไอ้สแปร์นั้นเล่นงานจนสาหัสปางตายไปส่วนหนึ่งแล้วน่ะ" แอบไบออสบอก เบติสและวิลด้าถึงกับตกใจขึ้นมา
              วิลด้าบอก "แล้ว ผบ.บัลโต้ทราบเรื่องหรือเปล่าละ"
              "ฉันกับคาวบอยแจ้งกับผบ.บัลโต้ไปแล้วละ แน่นอน ว่าจอมพลแฮซกริฟและเหล่าทหารซัลคาเลี่ยนคงไม่ดีใจแน่ๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นไว้น่ะ" แอบไบออสกล่าว           แอนเดรียถอนใจขึ้นมา "ฉันไม่น่าดึงพวกเขามาเสี่ยงอันตรายแบบนี้เลยน่ะ"
              "เธออาจจะเป็นต้นเหตุให้พวกเวโนมิไนซ์เกรียนๆบุกเข้ามาลองดีกันก็จริง แต่ตัวการที่เล่นงานพวกเด็กเกรียนเหล่านั้นต่างหากละ ที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงกันน่ะ" สเปียริทบอก "เท่าที่ฟังมา ดูท่าว่าเราจะมีศัตรูที่ใช้ความฉลาดในการแฝงตัวอยู่ในกลุ่มกองของสหพันธมิตรกันแล้ว และพวกนั้นอาจจะใช้เกาะลับของตาแก่วอลเดนเป็นที่ซ่อนอย่างแน่นอนน่ะ"
               คลอเวฟกล่าว "แล้วเธอไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มันไม่เกี่ยวข้องกันเลยน่ะ"
              "แม้ว่าทางเราจะมีข้อมูลของที่ซ่อนลับของวอลเดนก็ดี เรื่องของเวมท็อกซินก็ดี หรือแม้กระทั่งเรื่องของเดโบรมก็ดี ตราบใดที่เรายังมีข้อมูลไม่มากพอหรือไม่รู้ว่าเป้าหมายนั้นอยู่ที่ไหนและอยู่ในสถานะใดแล้วละก็ เรายังด่วนสรุปกันไม่ได้หรอกน่ะ ว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์คาดเดา "อีกอย่าง ตอนนี้เรายังมีเรื่องของการคุกคามจากโลกมนุษย์กันอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่ท่านประธานาธิบดีตนเดียวที่รู้มาโดยตลอดเลยน่ะ"
              คลอเวฟกล่าว "แม้กระทั่งเรื่องของไอ้กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์นั้นด้วย ที่จนปานนี้ยังไม่รู้ว่ามันสองตัวเป็นใผ่กันแน่วะ"
              "เอาเป็นว่าตอนนี้เราพอแค่นี้ดีกว่าน่ะ เพราะมันใกล้ข้าวเย็นด้วยน่ะ" เบติสพูดตัดบท เพราะตอนนี้เวลาบนนาฬิกาคือ 5 โมง 45 นาทีแล้ว
               แอนเดรียบอก "เห็นด้วยนะคะ เพราะปานนี้บรูทูซและแฟริลคงจะรอแย่เลยนะคะ"

              หลังจากนั้น พวกเมนซิกส์ทีนก็กินข้าวเย็นจนเสร็จ จากนั้นก็พักต่อถึงทุ่มครึ่งด้วยกัน
              "แย่ชะมัด พอเราไม่ได้ทำรายการ ช่องทีวีก็กลับมาน่าเบื่อตามเดิมน่ะ" เจเนลบ่นไป พลางกดปุ่มเปลี่ยนช่องไปด้วย
              ไซโคลเนียกล่าว "แต่ถึงเราทำรายการ ก็ไม่มีใครอยากดูรายการที่ผลิตโดยกองกำลังหัวหอก ซึ่งไม่ทำเรตติ้งเพิ่มขึ้นทุกวันได้หรอก"
              "อย่างน้อย การยุติการออกรายการอัมเบรแฮมเวเซอร์ของพวกเรา และการพักงานเพลงของเลิฟลี่แองเจิ้ลนั้น ทำให้เราสามารถกลับมาทำในสิ่งที่เราควรทำได้อย่างเต็มที่แล้วละ" เนคมาดูซัมบอก "แม้ว่าพวกเรายังอยู่ในช่วงภาคทัณฑ์ เราก็เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติการณ์ครั้งถัดไปแล้วละ"
               สเตฟอร์ดบอก "เพียงแต่ เรายังมีปัญหาเรื่องหนี้สินของใครบางคนที่จนปานนี้ ยังไม่กระเตื้องขึ้นมาเลยน่ะ"
              "พวกนายอย่ากดดันฉันจะได้มั้ยละว้า แค่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำเอาหงุดหงิดไม่น้อยแล้วน่า" คลอเวฟตอบกลับด้วยอารมณ์บูด โดยเห็นภาพข่าวในช่องหนึ่ง ที่เสนอข่าวขึ้นมา
              "วันนี้ กองกำลังเอฟซิตรอนได้หยุดยั้งการคุกคามของทหารชาวเดลอาเนี่ยนที่ปรากฎอยู่ในเขตป่ารีเวอเกลกันแล้วละคะ" นักข่าวชาวซัลคาเลี่ยนบอก โดยเห็นเหล่าทหารในชุดสีเทาถือปืนล้อมจับพวกทหารเดลอาเนี่ยนส่วนที่เหลือ ซึ่งยอมแพ้และวางอาวุธไว้แล้ว "เมื่อตอนสิบโมงเช้า กองกำลังเอฟซิตรอนได้รับแจ้งจากคนในพื้นที่ ว่าพบเจอพวกเดลอาเนี่ยนกบดานอยู่ในเขตป่า ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นส่วนที่หลงเหลือจากการคุกคามเมื่อเดือนก่อน โดยแอบซ่อนให้พ้นจากการตรวจจับมา และเตรียมการจู่โจมเขตชุมชนใกล้เคียง ทางกองกำลังจึงส่งเบลซาร์ท หัวหน้าหน่วยจู่โจมเข้าหยุดยั้งและคลี่คลายสถานการณ์นี้ไปได้ ซึ่งหัวหน้าเบลซาร์ทได้ให้สัมภาษณ์กับทางเราไว้...."
              "นั้นเป็นโชคของทางเรา ที่สามารถตรวจจับแคมป์ลับของพวกเดลอาเนี่ยนที่หลงเหลือจากการโต้ตอบการบุกรุกเมื่อเดือนก่อนไปได้ คาดว่าพวกเดลอาเนี่ยนใช้แจมเมอร์บาเรียปกปิดตำแหน่งแคมป์ลับนี้ เพื่อเข้ายึดเขตชุมชนที่อยู่ใกล้เขตป่าอย่างเงียบเชียบที่สุด เนื่องจากว่าเขตชุมชนดังกล่าวนั้น ไม่มีทหารมาประจำการอยู่เลย" ชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลเข้มในชุดเกราะสีขาวกล่าวกับนักข่าว "ถ้าพวกเราไม่ปรากฎตัวขึ้นมา เกรงว่านอกจากชุมชนจะถูกทหารเดลอาเนี่ยนเหล่านี้ยึดไว้ได้แล้ว ผู้คนที่อยู่ในนั้นก็ต้องประสบกับความเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน"
              นักข่าวสาวชาวซัลคาเลี่ยนกล่าว "จริงอย่างที่หัวหน้าเบลซาร์ทพูดไว้ ถ้าเอฟซีตรอนไม่มาช่วย เดลอาเนี่ยนคงจะทำสำเร็จอย่างแน่นอนนะคะ"
              "กูไม่ชอบขี้หน้าไอ้เบื้อกนี้เลยว้า ถึงแม้ว่ามันไม่ด่าเราทางทีวี มันก็สบประมาทพวกเราทางอ้อมกันอยู่ดีนี้แหละ" คลอเวฟกล่าว
              ฟิเกซบอก "ถ้าไม่ติดว่า เบลซาร์ทเป็นอดีตอัศวินละก็ พวกนายคงหัวขาดไปนานแล้วละ"
              "ฟิเกซพูดถูกแล้วละน่ะ เบลซาร์ทผู้นี้ เคยเป็นอัศวินเกราะเงินรุ่นที่ 5 ของแม่ทัพโอลดาธ ซึ่งรุ่นที่ 5 นั้นถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีพรสวรรค์ในการรบและการต่อสู้มากกว่ารุ่นเก่า ถึงขั้นที่นำวิชามหาศาสตราวุธเทวะไปต่อยอดเป็นวิชาต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา โต้ตอบและต่อกรกับพวกเฮซเทิร์ซทั้งหลายให้ราบคาบ จนสร้างความภูมิใจให้กับแม่ทัพโอลดาธกันไม่น้อยเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              สเปียริทกล่าว "แม้กระทั่งคิโคเดน ไซมาเทนและทศภารดรเทพที่เป็นศิษย์รุ่นแรกเอง ต่างยอมรับกลุ่มอัศวินรุ่นที่ห้า ในฐานะรุ่นพี่ใหญ่ด้วย ชนิดที่พวกเขาพูดคุยกันในเวลาอาหารเย็นน่ะ"
              "แล้วเธอเคยเห็นพวกอัศวินรุ่นที่ห้าสู้กับพวกพี่ๆของเธอหรือเปล่าละ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทส่ายหน้า "ถ้าเป็นช่วงนั้นละก็ ฉันคงไปเรียนอยู่กับพี่ตนอื่นๆนอกพระราชวังกันอยู่ เลยไม่ได้เห็นนะสิ อีกอย่าง ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสนามซ้อมที่วังกันด้วยน่ะ"
              "ในตอนนั้นเธอกำลังศึกษาศาสตร์วิชาของพวกพี่ทั้งสิบกันอยู่ เพื่อให้พวกเขายอมรับในความรู้ความสามารถของเธอเลยสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
               สเปียริทพยักหน้า "น่าเสียดาย ที่พวกรุ่นห้าคงไม่ได้ปะมือกับฉันเหมือนกับรุ่นสองและสามกันแล้ว เพราะ...พวกเขากับรุ่นที่ 4 ไม่กลับมาจากสมรภูมิโฟรเดริม-4 เลยน่ะ"
              "แล้วพวกนายก็ทราบเรื่องแล้วสิ ว่าเหล่าอัศวินรุ่นที่ 4 และ 5 ของโอลดาธนั้น...." มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "....พวกเขาเสียสละตนเองเพื่อช่วยพวกอัศวินทรอยอาร์หัวดื้อ ให้หนีออกจากวงล้อมของพวกเฮซเทิร์ซที่แอบซุ่มอยู่กลางทุ่งร้างไป จนทำให้อัศวินทั้งสองกลุ่มต้องสิ้นชีพลง เหลือเพียงแค่ไม่กี่รายที่รอดมากลับมาได้น่ะ" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "ที่สำคัญ อัศวินรุ่นที่ห้าเอง มีตนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับสไปค์เสียด้วย ซึ่งไม่แปลกใจเลย ที่เห็นสไปค์ยืนไว้อาลัยร่วมกับพวกอัศวินกางเขนขาวในฐานะกองหนุนแนวหลังน่ะ"
              "แสดงว่าในกลุ่มอัศวินคงมีชาวทรอยอาร์รวมด้วยสิคะ" แอนเดรียบอก
              ฟิเกซพยักหน้า "ฉันเคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่ามีชาวทรอยอาร์ที่อยากจะรับใช้ยอดแม่ทัพอย่างแม่ทัพใหญ่โอลดาธ ปรมาจารย์แห่งยอดนักรบที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะมีเพียง 4-5 ตนที่ผ่านการทดสอบจนได้เป็นอัศวิน พวกเขาก็สมหวังกับการร่วมรบภายใต้คำสั่งของโอลดาธ และต่อสู้ในฐานะอัศวินโดยละทิ้งอคติของชาวทรอยอาร์ที่ยึดกับคำสอนบ้าๆของริชเชลลิอาร์ล จนตัวตายอย่างมีเกียรติเลยน่ะ"
              "แปลว่า เบลซาร์ทเองก็คือหนึ่งในอัศวินที่เหลือรอดเลยสิน่ะ แล้วยังมีรายอื่นๆเลยหรือเปล่าละ" พีวิลบอก
               เนคมาดูซัมบอก "นอกจากเบลซาร์ทที่ถูกส่งไปคุ้มกันกองยานบุกเบิก ซึ่งแม่ทัพโอลดาธอนุญาตกันนั้น ส่วนที่เหลือก็อยู่ช่วยเหลือพวกคิโคเดนรับมือกับพวกเฮซเทิร์ซต่อ เพื่อแก้แค้นให้พวกพ้องที่ถูกฆ่าตาย ในขณะที่บางรายนั้น วางดาบและเกราะคืนโอลดาธกลับไปเป็นสามัญชน เพราะได้รับบาดแผลทางใจอย่างรุนแรงจากการสูญเสียพวกพ้องที่ตายไปต่อหน้าต่อตากัน ซึ่งถ้าไม่อยู่อย่างซึมเศร้าก็คือจากไปอย่างสงบในอีกสองสามวันถัดมาน่ะ" แล้วก็ถอนใจไปด้วย "พ่อเองก็รู้สึกสงสารพวกที่ถอนตัวไปอย่างมาก เพราะพวกเขาต่างเป็นผู้มีฝีมือกันทั้งนั้น น่าจะอยู่ต่อเพื่อสอนสั่งอัศวินรุ่นถัดมาได้บ้างน่ะ"
              "นั้นคงเป็นผลของการทรยศหักหลังของตาแก่วอลเดนแน่ๆเลยละ" เจเนลบอก
              ฟิเกซพยักหน้า "แต่อย่างน้อย พวกอัศวินที่เสียสละเหล่านั้นก็คงรับรู้ถึงเรื่องที่เราทำลงไปแล้วนะ" แล้วก็พูด "แม้จะรู้สึกอิจฉาไปบ้าง แต่รู้สึกดีใจไม่น้อย ที่เบลซาร์ทกลับมาเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ตามเดิมแล้วน่ะ"

              "แม้ว่ามันจะแย่งผลงานของพวกเราไปเลยก็ตามน่า" คลอเวฟบ่น แล้วก็เปิดข่าวต่อ
              นักข่าวหนุ่มชาวซัลคาเลี่ยนกล่าว "เมื่อช่วงบ่ายสองโมงของวันนี้ ได้มีกลุ่มโจรปล้นธนาคารกลางที่เมืองเฟรเทน ซึ่งกลุ่มโจรได้ใช้อาวุธหนักยิงโต้ตอบกลุ่มตำรวจ หน่วยสวาทและกองทหารรักษาความปลอดภัยเพื่อตีฝ่าวงล้อมออกไป แต่....กลุ่มโจรถูกขัดขวางโดย มิสตี้ ฟาร์บิน่า สมาชิกกองกำลังเอฟซิตรอนลง ซึ่งเราจับภาพของเธอในการขัดขวางกลุ่มโจรดังกล่าวนะครับ" แล้วก็นำภาพที่พวกโจรขับรถตู้มาสองคันฝ่ากองรถเกราะของทหารและสวาทออกไป "ฟ้าวววว โครมมมมม" หญิงผมยาวลอนสีเงินสองข้าง ในชุดรัดรูปสีน้ำเงิน สวมปลอกแขนสีขาวและรองเท้าบู๊ทสีเงินพุ่งเข้าถีบหัวรถตู้จนบุบเข้าไป และเป่าพวกโจร ไม่ว่าจะเป็นโชเฟอร์และผู้โดยสารปลิวกระเด็นออกหลังรถ พวกโจรในรถคันที่สองโผล่ออกมา "แชดๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงเลเซอร์ไรเฟิ่ลเข้าใส่หญิงสาวที่ยืนขึ้นมา "แว้งงงงง เปร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เธอสร้างกำแพงพลังงานป้องกันเลเซอร์ที่กระทบใส่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับ "ฮ่า" ฟาดฝ่ามือขวาออกไป "เปรี้ยงงงงง" รถตู้คันที่สองบุบจนพังไป ซึ่งก็เป่าพวกโจรปลิวไปด้วย แม้พวกโจรจากรถคันแรกจะพยายามนำปืนมายิง "แชดๆๆๆๆๆ" หญิงสาวใช้ปลายนิ้วยิงลำแสงเข้าหลอมปากกระบอกปืนจนละลายไป ส่งผลให้พวกโจรไม่สามารถใช้ยิงได้เลย บีบให้พวกโจรรีบนำตะบองไฟฟ้าและดาบเลเซอร์มา "ฟ้าววว หวับบบ ป้ากกกก" หญิงสาวพุ่งเข้าใส่โจรตนแรกและใช้หมัดต่อยจนเกราะหน้าอกแตกกระจุยไป "แว้งงงง หวับบบ แชบบบบบ หมับบบ ป้ากกก" จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือซ้ายที่เรืองแสงจับคมดาบแสงและดึงเข้ามาถีบเข้าหน้าโจรจนหมวกแตก "ฟ้าววว ป้ากกกก ฟ้าวววว ปึกกกก ฟ้าวววว เปรี้ยงงง ฟ้าววววว พล็อก" แล้วก็พุ่งด้วยความเร็วสูงเข้าจัดการกับพวกโจรที่เหลือแบบเรียงตัว ด้วยหมัดเท้าเข่าศอกอย่างหนักหน่วง จนพวกโจรน็อกล้มไป
              "คิดว่า เธอโจมตีพวกโจรด้วยพลังเท่าไหร่ละคะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่ากล่าว "บอกตรงๆน่ะ ถ้าจะน็อกโจรให้เร็วและแรงละก็ น่าจะใช้พลังและความเร็วที่เหนือกว่าพีวิลราว 2 เท่าด้วยกัน เพียงแต่เธอไม่เผยสภาพอ่อนแรงหรือพลังอ่อนลงให้เห็นเลยนะ"
              "แต่ พีทไม่มีทางใช้ฝ่ามือรับกับคมดาบแสงหรือเลเซอร์ได้ก็เท่านั้นเองน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว
              แล้วก็ฟังมิสตี้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว "ฉันได้รับแจ้งจากทางกองกำลัง ว่ามีกลุ่มโจรบุกเข้าปล้น ซึ่งฉันอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปครึ่งเมือง แต่ก็รีบมาทันเวลาหยุดพวกโจรไว้ได้ ก่อนที่พวกมันจะไปก่อเรื่องเลวร้ายหนักกว่าเดิม เพราะเห็นว่าพวกโจรมีอาวุธหนักครบมือด้วยนะคะ" แล้วก็ยิ้มก่อนบอกไปว่า "พวกคุณทั้งหลายโชคดีมากแล้วนะคะ ที่ฉันมาช่วยไว้ได้ทันนะคะ"
              "ยัยนี้เหมือนแย่งซีนพวกเรากันชัดๆเลยน่ะ เมื่อไหร่เราจะพ้นทัณฑ์บนเสียทีน่ะ" ไซโคลเนียบ่น
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เรายังเหลืออีกเดือนสองเดือนกว่าจะออกปฏิบัติการณ์กันได้น่ะ ไซโคลเนีย" แล้วก็บอก "ที่สำคัญ ในเวลานี้พวกทหารทั้งชายและหญิงในกองรบที่ 11 เองต่างคลั้งไคล้มิสตี้กันไม่น้อยเลยน่ะ"
              "แต่อย่างน้อยเรายังพอมีกลุ่มแฟนคลับของเลิฟลี่แองเจิ้ลที่มีเยอะเป็นแสนกันมิใช่หรือ" ไซโคลเนียกล่าว
              จิลบอก "ไม่รู้จะบอกยังไงดี ว่าหลังจากที่มิสตี้ปรากฎตัว ยอดแฟนคลับของเรา ลดลงอยู่ในหลักหมื่นอย่างรวดเร็วแล้วน่ะ"
              "น่าจะลดให้เหลือระดับพันหน่วยไปเลย อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมีฝูงชนแห่มาห้อมล้อมไว้น่ะ" คลอเวฟบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "กลัวว่านอกจากยอดแฟนคลับของพวกเราจะไม่เหลือใครแล้ว นายเองแทบไม่มีใครมาร่วมยินดีกับพวกเราหลังจากได้แชมป์ไปน่ะ"
              "นั้นไม่ดีแล้วละ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราก็คงไม่มีใครให้มาช่วยเลยละสิ" ไซโคลเนียกล่าว "โฟรซ่า เธอไม่มีทางอื่นใดที่ช่วยแก้ไขได้เลยหรือ"
              โฟรซ่าบอก "ถึงมี ถ้าทำให้เราถูกปลดทั้งกองขึ้นมานั้น มันไม่คุ้มกันอยู่ดีนะสิ"
              "เธอเองก็น่าจะรู้ดี ว่าทัณฑ์บนของเราเหลือแค่เดือนสองเดือน ซึ่งเราต้องปฏิบัติตามกฎที่วางเอาไว้อยู่น่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "และถึงเราสามารถออกไปข้างนอกเพื่อรับงานให้ไปทำ แต่ก็มิใช่เรื่องการปราบปรามความไม่สงบและหยุดยั้งการก่อการร้าย แค่เราทำหน้าที่ประสานงานกับพวกแมนิเกเตอร์ที่ประจำอยู่บนดาวดวงนี้ หรือรับแจ้งและชี้แจงเรื่องสำคัญๆกับเผ่าต้นสังกัดก็เท่านั้นแหละ"
              "ถึงเราออกไปข้างนอกได้ แต่เพราะทัณฑ์บนที่ระงับการออกปฏิบัติการณ์นั้นยังมีผลอยู่ เราจึงออกไปปราบพวกศัตรูไม่ได้อยู่ดีนี้แหละ" พีวิลกล่าว "แน่นอน ว่ามันรวมถึงการไปหาเรื่องสร้างความเดือดร้อนกันด้วย ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่เพิ่มโทษให้เราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนน่ะ"
               เจเนลกล่าว "และไม่ใช่แค่พวกเราพวกเดียวที่หงุดหงิดกับการมาของพวกเอฟซีตรอน แคร์เรี่ยนเองก็หัวเสียเป็นเหมือนกันน่ะ"
              "ยัยแคร์เรี่ยนนะหรือ มันหมายความว่าไงกันน่ะ เจมส์" โฟรซ่าถาม
              เจเนลบอก "ในช่วงที่ผมกับพวกออกจากห้องผบ.บัลโต้นั้น แคร์เรี่ยนตรงมาหาพวกผม พร้อมกับถามในทำนองว่า เมื่อไหร่พวกเราจะกลับมาทำงานต่อ และถามแบบหงุดหงิดเอามากๆด้วย" แล้วก็กัดฟันกรอดๆ ก่อนที่จะพูดต่อว่า "พอเราตอบไปตามนั้น ว่ายังไม่หมดภาคทัณฑ์เลย เธอถึงกับทำหน้าเซ็งเป็ดอย่างแรงเลยนะครับ"
              "แคร์เรี่ยนหงุดหงิดที่เธอแพ้มิสตี้กันนะสิ ในช่วงที่พวกเราไม่ได้อยู่ที่ดาว มิสตี้แวะเข้ามาในกองบัญชาการออคตากอน เพื่อมารายงานเรื่องที่เธอช่วยหยุดพวกเดลอาเนี่ยนที่ดักซุ่มอยู่ระแวกเกาะทางตอนใต้นั้น เธอเข้าไปท้าดวลกับแคร์เรี่ยนที่มากับพวกครีซีแทนหลังจากเสร็จกิจพอดี ซึ่งแคร์เรี่ยนก็รับคำท้า แล้วดวลกับมิสตี้กันกลางห้องโถงภายในออคตากอนเลย" ฟิเกซเล่า
              เนคมาดูซัมบอก "แน่นอน ว่าแคร์เรี่ยนแพ้มิสตี้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั้นทำให้เธอหงุดหงิดไม่น้อย ที่ไปแพ้กับแมนิเกเตอร์หญิงที่มีทั้งพลังและความเร็วเหนือกว่า แถมมิสตี้เองก็สบประมาทในแง่ที่ว่า ต่อให้รวมพลังกับพวกเรา ยังไงก็ไม่มีทางชนะเธอแน่ๆ เคราะห์ยังดี ที่ผบ.บัลโต้กับนายพลกาโกรินเข้ามาเบรคเรื่องนี้ไว้ ไม่ให้บานปลายใหญ่โตขึ้นมาก่อน ซึ่งผบ.ทั้งสองฝ่ายตำหนิทั้งแคร์เรี่ยนและมิสตี้ไปแล้ว พร้อมยื่นคำขาดว่าห้ามหาเรื่องทำแบบนี้กันในกองบัญชาการอีกต่อไป ไม่งั้นจะโดนโทษหนักเลยน่ะ"
              "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่ยัยแคร์เรี่่ยนจะยั่วะขนาดนี้ เพราะเธอมั่นใจในตัวเองสูงเกินไป จนไม่รู้ว่ายัยมิสตี้ทรงพลังมากกว่าที่เห็นด้วยตาตรงๆน่ะ" โฟรซ่าบอก           แอนเดรียกล่าว "และนายพลกาโกรินเองก็คงเป็นผู้บังคับบัญชาการกองรบเอฟซีตรอนที่เก่งมากเลยสิคะ"

              "ถูกแล้วละ แอนเดรีย นายพลกาโกริน วาเดนครอสผู้นี้ เป็นท่านนายพลที่อาวุโสมากในหมู่ทหารจากอดีตกองยานจักรวรรดิ์ เพราะท่านอยู่ในตำแหน่งนายพลพร้อมกับแม่ทัพใหญ่โอลดาธมาก่อน แม้เกษียณอายุไปแล้ว แต่ก็กลับมาทำงานในกองทัพ หลังจากที่กองทัพสูญเสียบุคลากรไปไม่น้อยในการรุกรานอีกครั้งของพวกเฮซเทิร์ซเมื่อปีจักรวรรดิ์ที่ 3 โดยรับผิดชอบในการสอนสั่งเหล่าทหารใหม่ที่เข้าสู่กองทัพ และแนะแนวทางให้ทหารเดินเส้นทางภายในกองรบมาหลายรายด้วยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยนำภาพของกาโกริน ซึ่งเป็นนายทหารร่างแคระที่ถือไม้เท้าค่ำเอาไว้
              คลอเวฟบอก "นายพลตัวแคระนี้ คงไม่ได้ประสบอุบัติเหตุที่ต้องใช้วิธีหดตัว เหมือนยัยเปี้ยกจิลเลยละสิ" แล้วก็ชี้ไปที่จิล จนเธอโมโหขึ้นมา
              "เออ ที่นายพลกาโกรินเป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นโรคกระดูกหดตัวอย่างเฉียบพลัน ซึ่งโรคนี้ทำให้ชาวซัลคาเลี่ยนที่อายุมากในระดับ 70-90 ตัวเตี้ยเหมือนกับพวกสโทรเพธและมนุษย์เทียมที่ถูกย่อส่วนจนเป็นดวอฟฟอร์มและโนมฟอร์มภายใน 2-3 วัน แล้วก็อยู่ในสภาพนั้นไปตลอดเลยน่ะ" ฟิเกซบอก "แม้ว่าเขาตัวเตี้ยแคระ แต่มันสมองของเขายังเฉียบคมเหมือนนายทหารอายุ 20-30 ปีกันอยู่ นั้นไม่แปลกเลย ที่นายพลกาโกรินจะอยู่ช่วยงานกองทัพมาตลอด 40 ปีด้วยกันน่ะ"           ลิเนียร์ตี้ถาม "คิดว่านายพลกาโกรินทราบเรื่องที่เสนาธิการวอลเดนก่อการทรยศบ้างหรือเปล่าละคะ"
              "เท่าที่ฟังจากจอมพลแฮซกริฟเล่ามา เห็นว่านายพลกาโกรินก็รู้เรื่องของวอลเดนและนายพลวอลเลนซ์มาก่อนแล้ว หากแต่ เขาไม่คิดเข้าไปยุ่งหรือขัดขวาง เพราะรู้นิสัยของวอลเดนว่าเป็นคนฉลาดหลักแหลมมาก ชนิดที่สามารถคิดการรับมือปัญหาทุกอย่างได้เอง ซึ่งนั้นคือเหตุผลที่นายพลกาโกรินและทหารในสังกัดเดิม เข้าร่วมในภารกิจคุ้มกันกองยานบุกเบิก โดยออกไปจากแรซัลก้าหลังยุทธการโฟรเดริม-4 ไปได้ 3 ปีด้วยกัน" เนคมาดูซัมบอก "หลังจากนั้น ท่านนายพลสูญเสียทหารให้กับพวกกองโจรในเขตอวกาศภาคกลางไปทั้งหมด รวมถึงพลเมืองบนดาวฮาแซงค์-2 ที่เขากับกองกำลังรับผิดชอบและตั้งรกราก หลังจากที่ยานสำรวจมีปัญหาจนต้องลงจอดฉุกเฉินเมื่อ 3 ปีหลังจากที่เรากำชัยเหนือพวกเดลอาเนี่ยนไปแล้วน่ะ"
              ฟิเกซบอก "แน่นอน ว่านายพลกาโกรินรอดมาได้ เพราะเบลซาร์ทเข้ามาช่วยไว้ได้อย่างทันท่วงที และนั้นเป็นเหตุผลที่เบลซาร์ทกลายเป็นสมาชิกตนแรกในกองกำลังเอฟซีตรอนที่ถูกจัดตั้งขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้แหละ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะคุณเบลซาร์ท ไปกับยานลำเดียวกันกับนายพลกาโกรินเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ป้าวิลด้าเคยบอกไว้ ว่าเบลซาร์ทขอเดินทางไปกับกองยานบุกเบิกนี้ด้วย เพื่อที่เขาจะได้อยู่ดูแลและปกป้องชาวเมืองที่ออกร่วมเดินทางมา โดยที่ท่านลอร์ดเฟรมิเดรก้าให้เบลซาร์ทโดยสารไปกับกลุ่มยานที่อยู่แถวหน้าหรือแถวกลางไว้น่ะ"
              "แล้วพวกคุณไม่รู้สึกโกรธเลยหรือคะ ที่มีกองรบหน้าใหม่เข้ามาแทนที่พวกคุณในตอนนี้เลยนะคะ" แอมเบอร์โผล่มา
               มาสวาร์ทาร์บอก "พวกเรารู้ดีน่ะ ว่าพวกเราไม่อาจจะอยู่ทำงานในกองทัพไปได้ตลอด อีกอย่าง การที่เราโดนภาคทัณฑ์อยู่นั้น เพราะนี้เป็นความผิดของฉันเอง และการรับโทษก็คือการแสดงความรับผิดชอบดังกล่าว ให้เบื้องบนรู้ว่า พวกเราที่เป็นกองกำลังหัวหอก ซึ่งมีบทบาทในการช่วยกอบกู้อีสทาล่าฟรอนเทียร์ ช่วยเหลือสหพันธมิตรจากพวกเดลอาเนี่ยน รวมถึงมีส่วนร่วมในมหาสงครามบนโลกและในอวกาศกันด้วยนั้น ทำผิดก็ต้องรับผิดตามกฎของกองทัพที่บัญญัติเอาไว้ ซึ่งเรายึดถือกฎนี้อยู่น่ะ"
              "แม้ว่านั้นจะทำให้เราถูกมองในแง่ลบกัน แต่พวกเราก็ไม่อยากจะเป็นเหมือนพวกผู้การแพททริค ที่อาศัยชื่อเสียงเป็นเครื่องมือในการยึดอำนาจสมาพันธ์อวกาศมาเป็นของตนเอง จนสร้างความเดือดร้อนให้กับทุกฝ่ายที่เข้ามาห้ามปรามและตักเตือนไปไม่น้อยด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นตัวอย่างที่พวกเราไม่ทำตาม และคอยเตือนใจให้พวกเราไม่ให้หลงระเริงในชื่อเสียงกันด้วยน่ะ" พีวิลบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะเรามีชื่อเสียที่เราก่อไว้ในฐานะอดีตสมุนในกองรบของโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสติดชนักอยู่ เราจึงไม่คิดที่จะทำผิดซ้ำสองกัน จนเป็นการทรยศต่อความเชื่อใจต่อท่านประธานาธิบดีและพวกพ้องกันนะสิ"
              "แต่ เราเห็นแค่เบลซาร์ทและมิสตี้ปรากฎตัวกันนิ เอฟซีตรอนยังมีสมาชิกรายอื่นเลยสิคะ เพราะในช่วงที่ฉันอยู่ในสถาบันวิจัยมิวแทนอยด์ ฉันก็เห็นข่าวพวกเอฟซีตรอนขัดขวางพวกศัตรูกันอยู่บ่อยๆนะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่ากล่าว "แอนเดรียพูดมาก็ถูกน่ะ เพราะแค่สองตนคงหยุดปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่เราติดทัณฑ์บนกันไม่ได้แน่ๆ หากแต่ นายพลกาโกรินยังไม่เปิดเผยว่ามีใครในกลุ่มกันบ้างน่ะ แม้จะมีข่าวว่าพวกเอฟซีตรอนปฏิบัติการณ์สำเร็จไปได้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นใครในภาพข่าวเลยสักครั้งน่ะ"
              "พวกนี้คงจะเป็นพวกขี้อายมากแน่ๆมั้ง เจ้ ที่ไม่คิดจะออกกล้องไว้น่ะ" เจเนลบอก
              จายด์กล่าว "ภาวนาว่าสมาชิกในกองกำลังเอฟซีตรอนนั้น คงไม่ใช่พวกคนเลวหรือคนร้ายที่หลบหนีการตามล่าหรือการจับกุมจากทางการกันบ้างน่ะ"
              "นายพลกาโกรินเองก็ฉลาดพอ และมองพวกแมนิเกเตอร์ออก ว่าตนไหนดีตนไหนเลว ถ้าตนไหนเลวและมีความประพฤติไปในทางที่ไม่ดี ท่านนายพลไม่ลังเลที่จะสั่งปลดหรือส่งตัวไปรับโทษตามกฎหมายกันเลยนะสิ" ฟิเกซกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "อย่างเช่นเหตุการณ์ที่มีทหารในกองรบของกาโกริน ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดและค้าอาวุธเพียงแค่ผิวเพิ่น ท่านนายพลกาโกรินจัดการสั่งลงโทษทหารนายดังกล่าวให้ออกจากกองและส่งไปรับโทษที่ศาลทหารโดยทันทีน่ะ"
              "นั้นบ่งบอกได้ว่า นายพลกาโกรินเองก็รู้ผิดชอบชั่วดีและรีบลงมือจัดการโดยเร็ว ก่อนที่ปัญหาจะบานปลายไปมากกว่านี้เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก ฟิเกซพยักหน้า
              เนคมาดูซัมบอก "เช่นเดียวกับพวกเราที่ยอมรับในความผิดที่เราได้ก่อไว้ แม้จะทำให้ส่วนมากสูญเสียความเชื่อถือ แต่เราทำเพื่อรักษาความถูกต้องกันไว้น่ะ"
              "แต่ตอนนี้ มันถึงเวลานอนของพวกเราแล้วน่า" แอบไบออสบอก เพราะตอนนี้นาฬิการะบุเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว
              คลอเวฟกล่าว "งั้นฉันขอตัวกลับไปที่บาร์ก่อนแล้วกัน และคงจะไม่เข้ามาตอนเช้ากันด้วย"
              "นายคงมีธุระเยอะเลยละสิ นายหุ่นกระป๋อง" สเปียริทกล่าว
               คลอเวฟบ่น "ฉันมีธุระของฉัน มันไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อยน่ะ ขอตัวก่อนละ" แล้วคลอเวฟก็เดินออกประตูและเดินออกไปจากบ้านในทันที
              "พรุ่งนี้เช้า เราจะเริ่มทำงานไปตามปกติแล้วกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "แอนเดรีย พร้อมจะเข้าสอนตามปกติแล้วใช่มั้ยละ"
              แอนเดรียพยักหน้า "ฉันพร้อมแล้วละคะ ดังนั้น พวกเราเข้านอนก่อนดีกว่า"

              เช้าวันต่อมา พวกเมนซิกส์ทีนตื่นนอนมาตอน 7 โมงเช้า เพื่อเริ่มการสอนพวกไทรเมร่าในช่วงเช้าและการฝึกซ้อมในช่วงบ่าย
              "สงสัยว่าคุณคลอเวฟคงไม่เข้ามาที่บ้านเลยนะคะ" แอนเดรียบอก เพราะสมาชิกเกือบทั้งหมดรวมถึงเธอกินข้าวเสร็จแล้ว แต่ไร้เงาหัวของคลอเวฟที่เดินเข้ามาเลย
              สเปียริทบอก "ภาวนาว่านายหุ่นกระป๋องคงไม่ออกนอกเมืองเพื่อไปหาเรื่องกับพวกพ้องที่ท่าเรือฝั่งตรงข้ามกันบ้างน่ะ ไม่งั้น เราโดนแพนทานิคซ์สวดยับแน่นอน"
              "อืมมมมม พีวิล เจเนล นายสองตนช่วยลงไปดูที่ฟูลบาร์ให้หน่อย เผื่อว่าคลอเวฟยังไม่ลุกจากเตียงซ่อมแซมกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก แต่ยังไม่ทันที่พีวิลและเจเนลจะเดินออกไป "ตื้ดๆๆๆๆๆๆ" เสียงเตือนดังขึ้นจากใต้โต๊ะ
               "เออ มีสายเข้ามาจากแอดมิรอลลอร์ดกันนะคะ แถมเป็นสายด่วนมากด้วย" แอมเบอร์โผล่หน้ามารายงานโดยทันที
              "แพนทานิคซ์ต้องติดต่อเข้ามา แปลว่าคลอเวฟต้องไปก่อเรื่องมาแน่ๆเลยละ" สเตฟอร์ดบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ต่อสายเข้ามาได้เลย แอมเบอร์" แล้วโฮโลแกรมของแมนิเกเตอร์หุ่นตัวโตที่มีเขาทรงสามง่ามติดหน้าผากโผล่มากลางโต๊ะ "แอดมิรอลลอร์ดแพนทานิคซ์ ติดต่อมาหาพวกเราด้วยเรื่องอะไรกันละ" มาสวาร์ทาร์ทักทายและถามเจตจำนงของผู้นำซึ่งมีสถานะเป็นรุ่นพี่ของคลอเวฟไปด้วยกัน
              "ไอ้น้องคลอฟอยู่กับพวกนายหรือเปล่าละ" แพนทานิคซ์ถาม
              พีวิลบอก "พวกเราคิดจะไปตามคลอเวฟกันที่บาร์นะสิ ว่าแต่ นายถามหาคลอเวฟด้วยเหตุอันใดล่ะ"
              "พวกนายคงไม่ได้ยืมเงินให้กับไอ้น้องคลอฟกันใช่มั้ยละ" แพนทานิคซ์ถามอีก
              แอนเดรียบอก "ตราบใดที่คุณคลอเวฟยังไม่คืนเงินที่ยืมพวกเราไป พวกเรายังไม่ให้ยืมต่อได้เลยนะคะ" และหันมาถาม "อีกอย่าง ผบ.บัลโต้ห้ามไม่ให้คลอเวฟไปยืมจากพวกคุณบริคซ์ด้วย เราคิดว่าคุณคลอเวฟน่าจะทำงานหาเงินมาแล้วนะคะ"
              "งั้นหรือ ดีเลย งั้นพวกนายช่วยคืนเงินมาให้เราได้มั้ยละ" แพนทานิคซ์กล่าว ทั้งหมดในบ้านได้ฟังก็ประหลาดใจขึ้นมา
               เนคมาดูซัมถาม "แพนทานิคซ์ ช่วยเล่าให้เราฟังได้มั้ย ว่าคลอเวฟไปยืมเงินพวกนายกันยังไงละ"
              "โอ้ว นี้แปลว่าพวกนายเองยังไม่รู้เลยสิน่า" แพนทานิคซ์พูดเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องจริงๆ เลยอธิบายไปว่า "เมื่อเดือนก่อน หลังจากที่ไอ้น้องและพวกนายทั้งหมดโดนสั่งห้ามออกปฏิบัติการณ์ไปได้ 3 วันนั้น ไอ้น้องคลอฟ มันติดต่อหาเกลดีน ภรรยาของฉัน ว่ามันต้องการเงินทุนเอาไปปรับปรุงบาร์ของมันให้เป็นบาร์แบบอื่นที่ดีกว่านี้ ซึ่งเกลดีนก็ให้เงินกับไอ้น้องคลอฟไป เพราะแน่ใจว่าไอ้น้องต้องเปลี่ยนจากบาร์เหล้ามาเป็นคอสมิคเนตคาเฟ่แน่ๆ เพราะเขตเมืองของนายมีแต่พวกเด็กวัยรุ่นเกรียนๆอยู่เยอะเลยน่ะ"
              สเปียริทบอก "นายหุ่นกระป๋องจะเอาเงินที่ยืมไปปรับปรุงฟูลบาร์นะหรือ เออ ไม่มีทางหรอก บาร์เหล้าของนายหุ่นกระป๋องยังเหมือนเดิมอยู่เลยน่ะ"
              "งั้นหรือ ชัดเลย ว่ามันหลอกเชิดเงินจากเกลดีนไปเสียได้วะ" แพนทานิคซ์บอกอย่างโมโห
              สเปียริทถาม "ว่าแต่ นายมีติดต่อไปให้นายบื้อกันบ้างหรือเปล่าละ"
              "ติดต่อไปตั้งหลายวันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคอมพิวเตอร์ในบาร์ของไอ้น้องปิดหรือชำรุดหรือไง ถึงติดต่อไม่เข้าเสียที แถมพวกนายเองก็ไม่อยู่ที่บ้านในช่วงเช้าและเย็นเสียด้วยน่ะ" แพนทานิคซ์บอก
              พีวิลบอก "ตอนนี้พวกเราอยู่แล้วละ แพนทานิคซ์  ว่าแต่ คลอเวฟยืมเงินจากทางพวกนายไปเท่าไหร่ละ"
              "ไอ้น้องคลอฟมันยืมเงินจากเกลดีนไป 2 แสนแกลดอล ซึ่งเกลดีนให้ยืมพร้อมกับแจ้งบอกกับไอ้น้องให้เอาเงินมาคืนชดเชยกัน ซึ่งจากสองสามวันเป็นสัปดาห์ และจากสัปดาห์เป็นเดือนแล้ว ยังไม่ได้ข่าวไอ้น้องส่งเงินมาคืนเลยสักแดงเดียวน่ะ" แพนทานิคซ์กล่าว เนคมาดูซัมและพวกหน้าบึ้งตึงขึ้นมา แอนเดรียเลยรีบจดบันทึกเอาไว้ "ดังนั้น ในเมื่อพวกนายเป็นเพื่อนของไอ้น้องคลอฟ ฉันจึงมีสองทางเลือกให้พวกนายรีบไปจัดการกันน่ะ"
              สเตฟอร์ดบอก "บอกทางเลือกมาได้เลย แพนทานิคซ์ ว่านายจะให้เราทำอะไรน่ะ"
              "พวกนายต้องเลือกเอา ระหว่าง ลากตัวไอ้น้องคลอฟมาส่งที่ท่าเรือของพวกคริมสันเบลด หรือ ชดใช้เงินที่ไอ้น้องคลอฟยืมจากทางเรามาซะ ซึ่งถ้าพวกนายอ้อยอิ่งหรือเสียเวลาเกินครึ่งวันละก็ ไม่ใช่แค่สคาเลนกับพวกคริมสันเบลด แต่พวกแอตแลนไทซ์ที่ประจำการในท่าเรืออีก 4 แห่ง จะมาโผล่ตรงหน้าท่าเรือเมืองของพวกนายในทันทีเลยน่ะ" แพนทานิคซ์กล่าว "และถ้าพวกเราโผล่มาตรงหน้าพวกนายปุ๊บ นอกจากไอ้น้องคลอฟจะโดนยำตรีน แต่จะถูกจับขังลืมอยู่ใต้ฐานล่างของเมืองใต้สมุทรด้วย หวังว่าพวกนายที่เป็นเพื่อนของไอ้น้องคลอฟ จะชดใช้ตามแนวทางที่พวกนายยึดถือไว้ ว่าปัญหาของไอ้น้องคลอฟ คือปัญหาของพวกนายทั้งหมด กันอยู่น่ะ" แล้วก็ตัดการติดต่อไป
              เนคมาดูซัมบอก "สเตฟอร์ด ติดต่อบริคซ์ให้ไปเช็คที่ฟูลบาร์โดยด่วน พีวิล เจเนล บอกไกซ์และพวกเฮเรเค้นให้ออกตามหาคลอเวฟที่อาจอยู่ในเมืองนี้ไว้ด้วย"
              "แอนเดรีย บันทึกหนี้ของคลอเวฟไว้แล้ว เตรียมเงินกองกลางของเราสองแสนออกมาเดียวนี้เลย" มาสวาร์ทาร์บอก
               แอนเดรียพยักหน้า "สงสัยว่า เราคงต้องเสียเวลาแก้ปัญหาก่อนจะสอนพวกเฮเรเค้นแล้วละคะ"
              "บริคซ์ ว่าแต่ คลอเวฟอยู่ที่บาร์หรือเปล่าละ" สเตฟอร์ดติดต่อหาบริคซ์ด้วยมือถือ ซึ่งตรงมายังฟูลบาร์ของคลอเวฟกันแล้ว
              "แย่วะ คลอเวฟล็อกประตูบาร์เอาไว้ และเขียนป้ายกันไม่ให้เราเข้าไปในบาร์ด้วย" บริคซ์บอก โดยเห็นป้ายติดกระจกระบุไว้ว่า "ใครเข้าบาร์มา ระวังบ้านบึ้ม" ติดอยู่ทุกบานด้วยกัน ซึ่งใช้มือถือถ่ายรูปส่งไปให้ "ว่าแต่ พวกนายตามหาคลอเวฟนิ คงมีเรื่องแล้วใช่มั้ยละ"
              "ไอ้คลอเวฟมันยืมเงินไอ้พี่ใหญ่ตั้งสองแสนเมื่อเดือนก่อนนะสิ" สเตฟอร์ดบอก
              บริคซ์อ้าปากค้าง "เจริญละ หวังว่าคลอเวฟคงไม่ได้เอาเฮฟโวลไปทำอะไรบ้าๆกันอีกน่ะ"
              "มันหมายความว่าไงกันละ บริคซ์" เนคมาดูซัมถาม
              บริคซ์ตอบ "คือทีมช่างมาแจ้งกับฉันไว้น่ะ ว่าเฮฟโวลของคลอเวฟเหมือนถูกเอาไปใช้งานใต้น้ำอยู่เป็นประจำ จนเกิดคราบสนิมเกลือติดตามตัวอยู่ ฉันเลยกะจะมาเรียกมันไปช่วยซ่อมและถามด้วยว่ามันเอาไปทำอะไรไว้ เนื่องจากว่ากล้องวงจรปิดภายในท่าจอดยานนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนแทนตัวเก่าที่เจ็งบ้งอยู่น่ะ"
              "ลุงคลอเวฟหรือ ลูกพี่ เออ เกรงว่าถ้าลุงแกไม่เข้าไปในฟูลบาร์ แกคงไม่ได้อยู่ในเมืองแล้วนะสิ" ไกซ์กล่าว
               ไลเอิร์ทบอก "พวกเราลองถามทุกๆคนที่อยู่ในเมือง ว่าเห็นลุงคลอเวฟเข้ามาหรือเปล่า ปรากฎว่าทุกคนไม่เห็นลุงเลยนะ"
              "ว่าแต่ ทำไมพวกคุณถึงต้องให้เราตามหาคุณคลอเวฟกันละครับ" เฟรดถาม
              น็อคกี้บอก "ลุงคงไม่ได้ข้ามฟากไปฝั่งตรงข้ามเพื่อไปหาเรื่องกับพวกพ้องกันหรือเปล่าน่ะ"
              "มันแย่ยิ่งกว่ากันนะสิ ดังนั้น ชั่วโมงเรียนในวันนี้ต้องรอไปสักระยะหนึ่งก่อนน่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลกล่าว "เดียวเราจะเล่าให้พวกเธอฟังในภายหลังแล้วกัน" แล้วก็บอกกับทุกๆคน "สงสัยว่าเราเหลือเงื่อนไขที่สองแล้วละ"
              "มาส แอนเดรีย โฟรซ่า แจ้งกับนายพลจูเดทต้า ว่าเราจะถอนเงินกองกลางสองแสนแกลดอล เพื่อเอาไปแก้ไขปัญหาให้กับพวกแอตแลนไทซ์ จากการกระทำของคลอเวฟกันเดียวนี้เลย" เนคมาดูซัมบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า แล้วก็เดินไปกับแอนเดรียและโฟรซ่าออกจากบ้านไป
              "ถ้านายหุ่นกระป๋องกลับมาละก็ เดียวเจอดีแน่" สเปียริทกล่าวแล้วก็ทุบหมัดไปเต็มแรง

              "แฟ้ววววววว" ยานเพริบาทรอสบินลงมายังท่าเรือทางใต้ของเขตเมืองแมนิเกโทรโปลิส ซึ่งพวกแอตแลนไทซ์กลุ่มคริมสันเบลดยืนรออยู่ โดยเครื่องแล่นลงจอดบนลานกลางท่าเรืออันเป็นฐานทัพของพวกคริมสันเบลด "ตึกๆๆๆๆๆๆๆ" แอตแลนไทซ์ชั้นมิลมีซอนจำนวน 3 ตนในเกราะสีแดงหนา ซึ่งมีมิลมีซอนเกราะแดงแต่มีใบหน้าสีแดงประทับไว้เดินนำหน้ามา "ครืดดดดดด" ประตูท้ายยานเปิดออก มาสวาร์ทาร์ พีวิล และเจเนลเดินมาพร้อมกับกระเป๋าเหล็กในมือ "ไม่เจอตัวไอ้บื้อคลอฟเลยสิน่ะ คาตานะลอร์ด เบรซซิ่งแฮนด์ คิกบัสเตอร์" มิลมีซอนหญิงหน้าแดงครึ่งหน้ากล่าว
               พีวิลบอก "อย่างน้อยแพนทานิคซ์แจ้งกับเธอทราบถึงหนทางเลือกที่สองแล้วสิน่ะ สคาเลน"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าเราอยากจะให้ไอ้บื้อนั้นชดใช้เงินที่ยืมพี่เกลดีนมาด้วยตัวเองแล้ว แต่ในเมื่อพวกนายเป็นเพื่อนร่วมรบกับไอ้บื้อมาตลอด 4 ปี หรือ 7 ปีสำหรับบางตนที่อยู่ในกองรบของบิดรเทพมาก่อนแล้ว....ทางเรายังพอให้อภัยได้บ้างน่ะ" สคาเลน หัวหน้ากลุ่มคริมสันเบลด หน่วยรบย่อยของกองรบบลัดคอร์แซร์กลาวขึ้น พีวิลและมาสวาร์ทาร์พยักหน้า
               เจเนลบอก "งั้นเราเข้าไปจัดการกับเรื่องนี้เลยดีกว่าน่ะ" จากนั้นทั้งหมดก็เข้าไปในอาคารท่าเรือ ซึ่งเป็นกองบัญชาการของสคาเลน
              "ตึก แกร็ก" เจเนลวางกระเป๋าเหล็กและเปิดกระเป๋า ซึ่งมีธนบัตร 1 ร้อยแกลดอลบรรจุอยู่เป็นจำนวนมาก โชว์ให้สคาเลนและลูกน้องของเธอเห็น "หวังว่าคลอเวฟคงไม่ยืมจนเกินสองแสนกันบ้างน่ะ" เจเนลกล่าว สคาเลนเลยเข้าไปนำธนบัตรมาใส่เครื่องนับจำนวนธนบัตร "ครืดดดดดดดดดดดด" โดยเช็คหนึ่งปึกจนนับได้ 100 ใบครบ จากนั้นก็ "2.....5......10......15......20" นับอีก 19 ปึกในกระเป๋าอย่างละเอียด ซึ่งเธอเช็คด้วยการคลี่ปลายธนบัตรดูอย่างละเอียด
               "ดีแล้วละ ที่ไอ้บื้อยืมพี่เกลดีนเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะถ้ามายืมหัวหน้าอิงก็อตมาละก็ รับรอง ท่าเรือของเมืองของนายคงเต็มไปด้วยเรือชั้นแกรนเลี่ยนมากกว่า 10 ลำแน่นอน" สคาเลนบอก หลังจากที่เธอเห็นธนบัตรทุกใบ ไม่มีการปลอมปนแต่อย่างใดและไม่มีกระดาษเปล่าแทรกไว้ด้วย
              "เธอกำลังบอกว่า คลอเวฟคิดจะยืมเงินจากอิงก็อต หัวหน้ากลุ่มเดฟวอชเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
               สคาเลนกล่าว "แย่หน่อย ที่หัวหน้าอิงก็อตให้แค่สมาชิกในกลุ่ม ซึ่งรวมถึงฉันเองติดต่อมาหาเขาได้เท่านั้น ไอ้บื้อคลอฟเองมิได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ ดังนั้น หมอนั้นหมดสิทธิ์มายืมเงินได้แน่นอน" แล้วก็บอก "และถึงยืม ก็คงยืมเยอะเป็นล้านแน่ๆ"
              "พวกคุณพอจะรู้มั้ย ว่าคลอเวฟคิดเอาเงินเยอะแบบนี้ไปทำอะไรละ" พีวิลบอก
               สคาเลนกล่าว "ตอนที่ฉันกับพวกถูกส่งมาประจำการที่นี้ ตามคำสั่งของพี่เกลดีน ซึ่งฉันรู้ ว่าฉันถูกส่งมาเพื่อสังเกตุการณ์ไอ้บื้อคลอฟว่าแอบทำอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าท่าอยู่หรือเปล่า แต่พอฉันถามเหตุผล พี่เกลดีนกลับไม่พูดถึงไม่ว่า ท่านแพนทานิคซ์เองก็ไม่ปริปากบอก จนฉันอดสงสัยเรื่องนี้มาตลอด 4 ปีเต็มกันเลยน่า" แล้วก็หันมาถาม "ว่าแต่ พวกนายเคยรู้มั้ย ว่าไอ้บื้อคลอฟแอบทำอะไรบ้าๆกันหรือเปล่าละ"
              "ถึงเราจะเป็นเพื่อนคลอเวฟ แต่ถ้าเราถามคลอเวฟมากเกิน กลัวว่าคลอเวฟจะโมโหและไม่ยอมให้เรารู้เลยนะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เจเนลบอก "และเพราะอย่างงี้แหละ พวกเราถึงต้องเสียเงินกองกลางให้พวกเธอตั้งสองแสนไปโดยปริยายเลยนะ"
              "อืมมมมมม" มาสวาร์ทาร์จ้องมองหน้าสคาเลนและถามว่า "พักนี้ เธอกับพวกเจออะไรบางอย่างที่ผิดปกติบ้างหรือเปล่าละ"
              สคาเลนบอก "ก็ ไม่มีนิ นอกเหนือจากผู้การเรือมอร์แลนซ์เข้ามาเช็คดูพวกเรา นอกนั้นแทบไม่มีปัญหาอะไรเลยน่ะ"
              "มิลมีซอนจำนวน 8 ตนที่ยืนเฝ้าตรงอาคารนี้ มีอาการขาสั่นขึ้นมา แม้จะเห็นเพียงชั่วพริบตาก็ตาม เธอยังจะบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรหรือ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สคาเลนกล่าว "ถึงมี ฉันจะแก้ไขปัญหานี้เองนะคะ ท่านคาตานะลอร์ด ดังนั้น อย่าพยายามซักไซ้อะไรพวกเรากันอีกเลยคะ" เธอจ้องหน้าด้วยสายตาที่จริงจังให้มาสวาร์ทาร์เห็น
               "งั้นธุระของเรากับของพวกเธอ จบลงเลยแล้วกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์แล้วก็เลื่อนกระเป๋าเหล็กส่งให้สคาเลนรับไว้
              "ดีเหมือนกันน่ะ หวังว่าพวกนายคงจะลงโทษไอ้บื้อคลอฟกันให้ดีด้วยน่ะ" สคาเลนบอก แล้วก็ชูมือซ้ายไปทางประตู เพื่อส่งมาสวาร์ทาร์ พีวิลและเจเนลออกไป ทั้งสามพยักหน้าแล้วเดินออกจากอาคารหลัก เพื่อขึ้นยานกลับสู่เฟิร์สฮิลล์
              "ว่าแต่ นายรู้ได้ไงว่าพวกคริมสันเบลดเกิดความหวาดกลัวกันน่ะ" เจเนลถาม
              "นั้นสิ ตอนที่ฉันนำเครื่องลงจอดมา ฉันเห็นพวกคริมสันเบลดทำงานไปตามปกติดีนิ" ไซโคลเนียบอก
              พีวิลบอก "ไม่ปกติหรอก เพราะเสาธงที่ควรจะเป็นเสาเหล็กโครมเมทาเลี่ยม ซึ่งพวกแอตแลนไทซ์ใช้อยู่นั้น เปลี่ยนเป็นเสาอัลตร้าสติล บ่งบอกได้ว่า มีตัวการเข้ามาหักเสาธงจากระยะไกล ข่มขวัญพวกแอตแลนไทซ์เหล่านั้นให้หงอลง ต่อให้แสร้งทำตัวเป็นปกติจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็ยังดูออกนี้แหละ"
              "อย่าบอกน่ะ ว่าไอ้พวกแอตแลนไทซ์ที่เกซิคสร้างขึ้นมานั้น มันโผล่มาที่ดาวดวงนี้แล้วน่ะ" เจเนลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผบ.บัลโต้และคนของกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวต้องแจ้งทางเรามาแล้ว แต่นี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากโลกเข้ามาตั้งสองเดือนเลยน่ะ" แล้วก็บอก "แต่ต่อให้สคาเลนอ้างว่าเธอแก้ปัญหาได้เอง แค่ฉันได้ยินเสียงของเธอ ก็รู้ได้ทันที ว่าเธอกับพวกเจอใครบางตนที่คาดไม่ถึงเข้าให้ แต่ไม่ยอมบอกให้เรารู้น่ะ"
              "คิดว่า การ์ดเชสเตอร์ โผล่มาหรือเปล่าละ" พีวิลเอ่ยถึงนักรบแอตแลนไทซ์ตนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักรบผู้พิทักษ์ของแอตแลนไทซ์ภายใต้สังกัดของเกซเฟลิค ที่ถูกส่งมาที่แรซัลก้าก่อนที่คลอเวฟและพวกเวเซอร์จะบุกปราบปรามจนถล่มปิรามิลด้าให้พังพินาศลง
               เจเนลบอก "พีท ไซมาเทนยิงลำแสงสาดทำลายการ์ดเชสเตอร์จนพังพินาศเหลือเพียงเศษซากกันไปแล้ว หมอนั้นไม่น่ารอดมาได้หรอกน่ะ"
              "เราเห็นแค่เศษชิ้นส่วนที่ระบุตัวว่าเป็นการ์ดเชสเตอร์เอง แต่ไม่เจอร่างศพเกือบทั้งหมดเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "อีกอย่าง ไซมาเทนเองแม้จะมีพลานุภาพถึงขั้นทำลายพวกแมนิเกเตอร์ให้ราบคาบลงได้จริง ลิเนียร์ตี้และเนคมาดูซัมเองก็คงไม่เหลือซากกันได้หรอก ถ้าไซมาเทนสมบูรณ์เต็มร้อยน่ะ"
              พีวิลบอก "มาสพูดถูกแล้วละ ต่อให้เหลือชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อย เรายังฟันธงไม่ได้อยู่ดี ว่าการ์ดเชสเตอร์ตายจริงหรือเปล่าน่ะ"
              "แต่จากสภาพพวกคริมสันเบลดในคราวนี้.....ฉันไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับคลอเวฟได้หรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เจเนลกล่าว "ก่อนที่นายจะพูดกับคลอเวฟในเรื่องไม่เป็นเรื่องละก็ ทำไมเราไม่หาตัวคลอเวฟกันก่อนละ"

              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณสื่อสารดังขึ้น ไซโคลเนียบอก "ลินี่ติดต่อเข้ามาถามพวกเราแล้วน่ะ" และเปิดโฮโลแกรมมอนิเตอร์ขึ้นตรงหน้าพวกพีวิล โดยเปิดภาพของเนคมาดูซัม
              "พวกนายส่งเงินให้ตัวแทนของแพนทานิคซ์แล้วใช่มั้ยละ"
              "ทางเราส่งให้พวกคริมสันเบลดไปแล้วละ" พีวิลบอก เนคมาดูซัมพยักหน้า แล้วหน้าจอเผยภาพของแพนทานิคซ์
              "สคาเลนส่งเงินจากพวกนายจำนวน 2 แสนแกลดอลคืนมาให้ทางเราเรียบร้อยแล้ว ต้องขอบใจความรับผิดชอบของพวกนายด้วย แม้ฉันอยากจะให้ไอ้น้องคลอฟคืนเงินมาให้ก็ตามน่ะ" และหันมาถาม "ตอนนี้หาตัวไอ้น้องคลอฟไม่เจอเลยสิน่ะ"
              "อย่างน้อย เราก็คืนเงินมาชดใช้พวกนายได้แล้ว ส่วนเรื่องคลอเวฟนั้น ให้พวกเราจัดการเองดีกว่า" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ว่าแต่ นายทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับคริมสันเบลดบ้างหรือเปล่าละ"
              "รู้อยู่แล้ว แต่ทางเรายังฟันธงไม่ได้เลยนะสิ และฉันสั่งไม่ให้ทุกคนพล่ามบอกเรื่องนี้ไว้ด้วย ซึ่งฉันจำเป็นต้องลงโทษพวกคริมสันเบลดสักหน่อยแล้วละ" แพนทานิคซ์บอก
               มาสวาร์ทาร์กล่าว "สคาเลนกับพวกไม่ผิดหรอกน่ะ แค่พวกเขาเผลอตัวแสดงความผิดปกติให้ฉันจับได้ก็เท่านั้นแหละ แพนทานิคซ์" แล้วก็พูดต่อ "อีกอย่าง สคาเลนเองก็รับคำสั่งมาดี และเธอห้ามไม่ให้ฉันซักไซ้เพิ่มเติม ฉันก็ต้องทำตามที่เธอบอกอยู่แล้วน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น นายห้ามบอกไอ้น้องคลอฟจะได้มั้ยละ เพราะอย่างน้อย นั้นถือเป็นบทลงโทษที่มันมายืมเงินเกลดีนแล้วไม่ใช้คืนเป็นเดือนแล้วน่ะ" แพนทานิคซ์กล่าว และพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมา "อีกอย่าง นี้เป็นเรื่องส่วนตัวของไอ้น้องที่มันซีเรียสอย่างมาก ชนิดที่ฉันเองไม่กล้าเข้าไปยุ่งย่ามหรือห้ามปรามใดๆด้วย ถ้าไอ้น้องคลอฟมันไม่รู้สึกตัวหรือโง่มากเช่นนี้ ฉันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ด้วยน่ะ"
               พีวิลกล่าว "เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาเดียวของคลอเวฟที่พวกเราเข้าไปยุ่งไม่ได้เลยสิน่ะ แพนทานิคซ์"
              "ภาวนาว่าไอ้น้องมันจะรู้กันบ้างน่ะ ว่ามันจะเจอกับปัญหาที่แย่กว่าปัญหาเรื่องเงินน่ะ" แพนทานิคซ์บอก "แอดมิรอลลอร์ด ล็อคเอาท์" แล้วก็ตัดสายลง
               เจเนลกล่าว "ฉัน ไม่รู้ว่า จะทำหน้ายังไงกับเรื่องนี้แล้วละ"
              "งั้นเรารอให้คลอเวฟกลับมาบ้าน แล้วชำระเรื่องเงินที่ยืมเกลดีนไปเลยแล้วกันน่ะ" พีวิลบอก
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เราแก้เรื่องที่เกิดในเวลานี้ให้ลงตัวก่อนดีกว่าน่ะ" แล้วก็บอก "ฉันจะบอกแอนเดรียให้เริ่มทำการสอน ส่วนพวกนายเตรียมการฝึกซ้อมในช่วงบ่าย โดยไม่มีคลอเวฟอยู่แล้วกัน" ทั้งหมดพยักหน้า

              หลังจากนั้น เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น ตอนทุ่มครึ่ง ที่เวเซอร์เฮาส์
              "ฮะๆๆๆ กลับมาแล้วละ พวกนา...." คลอเวฟกลับเข้ามาในเวเซอร์เฮาส์ ก็มาเห็น "........." เมนซิกส์ทีนทั้งสิบห้าตน นั่งรอด้วยสีหน้าถมึงทึงกันยกใหญ่ "เออ พวกนาย เป็นอะไรไปกันมิทราบละ" คลอเวฟถามแบบเกรงกลัวนิดๆ และพยายามจะก้าวออกจากบ้าน เนคมาดูซัมพยักหน้า จน "ฟึ่บบบ" พลัสเชอริทพุ่งมาขวางตรงประตูไว้
              "นั่งลงตรงหน้าพวกเราเลย คลอเวฟ เดียวนี้เลย" พีวิลบอกด้วยน้ำเสียงที่โมโหอย่างมาก
              "ก็ได้...." คลอเวฟเห็นสภาพแวดล้อมที่ชวนอึดอัดอย่างมาก เลยมานั่งลงตรงหน้าพวกเนคมาดูซัมไว้
               โฟรซ่าบอก "แอนเดรีย สรุปมาสิ ว่าเช้านี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นละ"
              "คะ.....คือก่อนที่พวกเราจะออกจากบ้านเพื่อทำงานไปตามปกตินั้น คุณแพนทานิคซ์ แจ้งกับทางเรา ว่าคุณ ยืมเงินของคุณเกลดีนจำนวน 2 แสนแกลดอลไปเมื่อเดือนก่อน โดยที่คุณยังไม่ได้คืนเงินที่ยืมกลับมาเลยนะคะ" แอนเดรียบอก "บัดนี้ หนี้ของคุณ กลายเป็น 294,500 แกลดอลกันแล้วนะคะ"
              คลอเวฟกล่าว "เดียวก่อนน่ะ นี้พวกนายคงไม่ได้....เอาเงินกองกลางไปจ่ายไอ้คุณพี่ผ่านยัยสคาเลนใช่มั้ยละ"
              "แน่ละ เพราะแพนทานิคซ์ยื่นคำขาดไว้ ว่าถ้าเราไม่จ่ายเงินคืน ก็ให้เราพาตัวนายไปส่ง ซึ่งเราหาตัวนายไม่เจอเลยน่ะ" ฟิเกซบอก
              สเปียริทกล่าว "เราเลยต้องควักเงินกองกลางในกองกำลังของเราสองแสนมาจ่ายหนี้คืน ไม่เช่นนั้น เฟิร์สฮิลล์จะโดนปิดล้อมด้วยกองเรือของไอ้คุณพี่ของนายภายในครึ่งวันแน่นอนน่ะ" แล้วก็ถาม "ว่าแต่ นายเอาเงินสองแสนที่ยืมเกลดีน ไปทำอะไรมิทราบละยะ"
              "ก็....เอาไปซื้ออะไหล่สำหรับซ่อมเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟกันนะสิ" คลอเวฟบอก "แน่นอนว่าตอนนี้อะไหล่สำหรับยานอวกาศนั้น ราคาไม่ได้ถูกแล้ว คอนเดนเซอร์ตัวหนึ่งราคาตั้งหมื่นสาม ต่อรองลดราคาลงก็แทบจะไม่ได้เลยน่ะ"
              แอมเบอร์บอก "มันก็ใช่นะคะ อะไหล่ชิ้นส่วนที่ใช้กับเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟของไทรแองเกิ้ลนั้น ราคาขึ้นตามนั้นเลยน่ะ"
              "แต่เรื่องซื้อชิ้นส่วนยานนั้น ควรจะเป็นหน้าที่ของทีมช่างซ่อมยานของพวกบริคซ์มิใช่หรือ" สเตฟอร์ดบอก
               คลอเวฟกล่าว "บริคซ์กับพวกลูกเรือมีใครว่างออกไปซื้ออะไหล่กันหรือเปล่าละ ถ้าฉันไม่ออกไปซื้อเอง เกิดของหมดขึ้นมา ไทรแองเกิ้ลคงจะไม่ได้ออกบินอีกเลย ซึ่งฉันยอมให้ไม่ได้แน่นอนน่ะ"
              "สาบานได้มั้ย ว่าที่นายพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงน่ะ" จิลบอก
              คลอเวฟกล่าว "เรื่องนี้ฉันขออนุญาตผบ.บัลโต้ให้ออกไปซื้อของตามนั้นแล้ว อีกอย่าง พวกนายเองก็เลิกสงสัยฉันกันได้แล้วละ ว่าฉันเอาเงินที่ยืมพี่เกลดีนไปทำอะไรไม่เข้าท่าเลยน่ะ"
              ".................." ทั้งหมดได้ฟังก็คิดกันยกใหญ่
              พีวิลกล่าว "ถ้านายจะไปซื้อของให้พวกบริคซ์ละก็ นายควรจะไปบอกกับบริคซ์หรือมาแจ้งกับทางเรากันก็ได้ ไม่ต้องมาทำลับๆล่อๆให้เราต้องสงสัยนายกันหรอกน่ะ"
              ไซโคลเนียบอก "หวังว่านายคงไม่ได้เอาเงินไปทำอะไรบ้าๆกันอีกน่ะ ไม่งั้น นายโดนแน่"
              "งั้น ฉันขอตัวกลับไปที่บาร์กันก่อนน่ะ" คลอเวฟกล่าว จายด์เลยรีบเข้ามาขวางไว้
              "ยังไม่จบ คลอเวฟ ต่อให้นายมีคำตอบให้เราเรื่องยืมเงินเกลดีนไปสองแสนแล้วก็ตาม" เนคมาดูซัมกล่าว "แต่ฉัน ไม่สิ พวกเราปล่อยผ่านเรื่องที่นายทำในวันนี้ไม่ได้แล้วละ"
              "พอเหอะน่า เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเลยน่ะ" คลอเวฟบอกด้วยสีหน้าแหยงๆ
              สเปียริทหน้าบึ้งก่อนจะตะโกนไปว่า "หรือ ไอ้หุ่นกระป๋องกราดิเอเตอร์ซาร์ดีน นายเป็นหนี้พวกเราตั้งสามแสนแล้ว คืนเงินมาให้พวกเราได้แล้วละยะ!!!!!!!!!!"
              "ตะกี้นี้ เสียงเจ้สเปียริทนิหว่า" น็อกกี้กล่าว ด้วยความสะดุ้งตกใจจากการได้ยินเสียงโวยของสเปียริท ในช่วงที่ตนกำลังเล่นหมากฮอสกับมัลแด็กซ์อยู่
              เรฟไซท์บอก "สงสัยว่า เจ้คงจะมีเรื่องให้วีนแตกแน่ๆเลยละ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ เรื่องต้องเกี่ยวข้องกับลุงคลอเวฟไม่อยู่ที่เมืองชัวร์ป้าบเลยละ" ไลเอิร์ทบอก
               คีธพยักหน้า "น่าจะเป็นไปได้มากแล้วละ เพราะลุงคลอเวฟชอบมีเรื่องกับเจ้สเปียริทอยู่เรื่อยน่ะ"
              "คิดว่า คุณสเปียริทโกรธมากแค่ไหนละ" เมดิน่าบอก
               ฟูลออเรสส่ายหน้า เอโอลีนกล่าว "เออ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยรู้กันทีหลังละน่ะ"
              "ดูท่าว่าลุงคลอเวฟคงจะไม่รอดแล้วละมั่ง" ไกซ์กล่าว
              วิลด้าบอก "แน่ละ คลอเวฟก่อเรื่องให้พวกเนคเกอร์โมโหกันแบบนี้ คงต้องโดนลงโทษหนักหนากันอย่างแน่นอน"

    แน่นอน ว่าคลอเวฟต้องรับกรรมในสิ่งที่เขาทำกับพวกพ้องไว้ แต่พวกไทรเวเซอร์ทั้งหลายเองมิได้รู้เลยว่า ปัญหาอันใหญ่หลวงซึ่งเป็นจุดเริ่มของการต่อสู้ครั้งใหม่มาถึงแล้ว
    โปรดติดตามในตอนต่อไป กับตอนที่ 14 เอฟซีตรอนพบไทรเวเซอร์ ในยามที่ศัตรูสองตัวเอ้กับภัยคุกคามจากโลกมาเยือน
    ตอนหน้า เมื่อกองกำลังไทรเวเซอร์ได้รับเชิญให้มาพบปะกับกองกำลังเอฟซีตรอนที่หน้าบ้านนายพลกาโกริน ในช่วงที่ดาวจัดงานแมนิเกเตอร์เอ็กซ์โปกันนั้น กาเบลแบนเยอร์ได้นำเหล่าแมนิเกเตอร์จากโลกเข้ามาก่อความเดือดร้อนให้กับสถานีอวกาศแห่งหนึ่ง จนบีบให้พวกไทรเวเซอร์เข้าคลี่คลายสถานการณ์ แต่ผลที่ได้ตามมานั้นคือ.....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×