ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 13 จากการหลบหนีอันชุลมุน ไปสู่เวทีประลองภายใต้อุ้งเล็บแมว ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9
      0
      27 ก.ย. 64

              ณ.ดาวบาดูอิน ระบบดาวอินกรีด้า กิลด์ฮันเตอร์บาวโฟว์

              "หัวหน้ากิลด์อูดูกิน พวกเดพโฟว์มันมาแล้วละครับ" นักล่าเงินรางวัลหัวเห็ดบอกกับหัวหน้ากิลด์ ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวผิวสีเขียวออกเหลืองที่มีสี่ตาอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์บอก

              "โอ้ว นานแล้วน่ะ ที่ไม่เห็นหน้าพวกมันมาพักใหญ่แล้ว

               "แล้วที่รีบเข้ามาในกิลด์นั้น คงไม่ได้หมายความว่าพวกนี้กลับมาพร้อมกับไอ้มือป่วนเลยละสิ" นักล่าเงินรางวัลงวงช้างถาม

              นักล่าเงินรางวัลหัวเห็ดบอก "ไอ้สี่ตัวนั้นจับตัวเป้งที่เหนือกว่าไอ้มือป่วนอีกน่ะ" แล้วก็ตะโกนลั่นไปว่า "เพราะพวกมัน จับตัวสมาชิกระดับเป้งของพวกไทรเวเซอร์กันแล้วละ"

              "ไทรเวเซอร์นะหรือ....ใช่พวกกองกำลังแมนิเกเตอร์ที่เคยเป็นหัวหอกของพวกสหพันธมิตรฯ ซึ่งต่อกรกับกองทัพมหาจักรวรรดิ์กันอยู่สิน่ะ" นักล่าเงินรางวัลคอยาวหัวลิ่มกล่าว

              ตัวหัวเห็ดบอก "ถูกต้อง พวกเดพโฟว์มันจับตัวเฮฟวี่คอมมานโดว์ คาตานะลอร์ด แล้วก็ กราดิเอเตอร์มารีนมากันแล้วนะสิ"

              "เดียวก่อนน่ะ สองตัวแรกนั้นมันเป็น 2 ใน 3 หัวหน้าคุมกองรบนิ แล้วตัวที่สามนั้นทำไมไม่ใช่ไอ้มือโตสีน้ำเงินนั้นละ" นักล่าเงินรางวัลแมงมุมกล่าว

              อูดูกินตอบ "ก็เพราะว่า ไอ้มือโตนั้น มันถูกเมคครอฟิคจับตัวไปพร้อมกับเพื่อนสามขนาดกันแล้วสิ...พวกมันเลยเอากราดิเอเตอร์มารีนมาแทนที่กันน่ะ"

              "นี้หัวหน้ากิลด์รู้เรื่องกันเลยหรือครับ" นักล่าหัวเห็ดบอก

              อูดูกินพยักหน้า "เพราะว่าฉันรู้จักกับนายทหารชั้นสูงชาวเดลอาเนี่ยนซึ่งรับผิดชอบสั่งการกันมาแล้ว" จากนั้นก็ตบโต๊ะ ซึ่งพวกนักล่าเงินรางวัลก็กรูกันเข้ามา "แต่....ฉันจำเป็นต้องบอกกับพวกนายทั้งหมดถึงเรื่องบางอย่างที่สมควรจะรู้กันไว้น่ะ"

              "กรี้งงงง" ไม่ทันไรแอ็ดตรงประตูบานเลื่อนดังขึ้น ซึ่งก็ทำให้พวกนักล่าเงินรางวัลหันมา นั้นคือพวกเดพโฟว์ลากเนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์ และคลอเวฟเข้ามาด้วย นักล่าหญิงทั้งสองถือดาบมาสวาร์ทาร์เบลดและซีคเก้ไรเฟิ่ลทั้งสองกระบอกด้วย "โฮ่ย ยินดีกับพวกเด็กใหม่กันหน่อยเร็ว" อูดูกินร้องลั่น ซึ่งเหล่านักล่าเงินรางวัลก็ "แป๊ะๆๆๆๆๆๆ" ตบมือกันอย่างยกใหญ่

              คลอเวฟเห็นหน้าพวกนักล่ารางวัลภายในโถงหลักของกิลด์ก็สบถ "หน้าตาแต่ละตัวนิ น่ากระทืบกันเสียจริงๆ"

              "เฉยไว้ก่อนดีกว่าน่า อยากโดนตบหลังหัวมากเลยหรือไง" นักล่าเงินรางวัลหญิงในชุดเกราะสีเทา ซึ่งถือดาบของมาสวาร์ทาร์กล่าว

              นักล่าเงินรางวัลหญิงชุดเกราะสีน้ำเงินบอก "พวกนายอยู่ในกำมือของเราแล้ว อย่าพูดให้มากความดีกว่าน่า" คลอเวฟได้ฟังก็ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดด้วยความไม่พอใจ โดยที่ตัวหัวหน้าใส่เกราะล้ำบึกเดินมา

              "ยินดีด้วยน่ะ กับการที่พวกนายไม่อยู่ในกิลด์มานานแล้วนิ ไม่คิดเลยว่าพวกนายจะเล่นของใหญ่กันเสียได้น่ะ" อูดูกินบอก

              นักล่าเงินรางวัลล้ำบึกตัวหัวหน้าบอก "เราต้องใช้เวลาไม่น้อยในการแฝงตัวเข้าไปกันน่ะ เพราะพวกไทรเวเซอร์นั้นร้ายกาจและหาจังหวะจับทางได้ยาก โดยเฉพาะมือสังหารจักรกลนั้น คอยแอบดูและดักทางพวกเรากันทุกฝีก้าวจนต้องเสียเวลาไปไม่น้อยเลยน่ะ"

              "โชคยังดีมาก ที่พวกเดลอาเนี่ยนวางแผนจับกุมไอ้มือโตกับพวกนั้นไปได้ เราเลยชิงลงมือด้วยการหลอกล่อพวกพ้องที่อยู่ใกล้ๆทั้งสามตนนี้ไว้ แล้วก็จัดการจู่โจมให้พวกนั้นขยับตัวไม่ได้ จากนั้นก็รีบพาทั้งสามนี้มาโดยเร็ว เพื่อมาขึ้นเงินรางวัลกันนี้แหละ" นักล่าเงินรางวัลที่โพกผ้าปิดใบหน้ากล่าว

              อูดูกินบอก "โอ้ว พวกนายเสียเวลาตั้งหลายวัน กว่าจะได้แค่สามตัวนี้เลยหรือ ฉันคิดว่าน้องใหม่อย่างพวกนายน่าจะจับได้เยอะกว่านี้อีกน่ะ"

              "เราจับแค่สามตัวมาก็เพื่อดึงอีกหลายตัวให้มาใส่พานพวกนายกันนี้แหละ" หัวหน้าทีมล้ำบึกบอก

              อูดูกินยิ้มและพูดไปว่า "ทั้งๆที่ พวกนั้นมียานอวกาศไทรแองเกิ้ลมา และ....3 ตัวที่พวกนายจับมาได้นั้น 2 ตัวล้ำและแข็งแกร่ง อีกตัวนั้นก็ถือดาบมาด้วย พวกนายจับพวกนั้นมาโดยไม่เจ็บตัวกันนิ มันไม่เนียนเสียเลยน่ะ"

              "ไม่เนียนยังไงกันหรือ หือ" จ่าฝูงล้ำบึกบอก

              อูดูกินหัวเราะก่อนจะตอบไปว่า "....พวกไทรเวเซอร์ยอมให้พวกแกถูกจับมาโดยที่ยังมีสภาพปกติ ไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยขีดข่วน เช่นเดียวกับพวกนายทั้งสี่นั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะใครหน้าไหนที่เข้าปองร้ายพวกไทรเวเซอร์ ถ้าไม่ตายก็สาหัสมากอย่างแน่นอน ถึงแม้พวกนายจะใช้เครื่องมือ แต่ฉันก็รู้ ว่าพวกนี้เคยหลุดจากการจับตัวของที่ปรึกษาโดซอน จนบดขยี้ยานของไซเอมเที่ยนในการรุกรานมาด้วย ไอ้ที่พวกนายอ้างมานั้น มันเชื่อไม่ได้หรอก"

              "แต่งวดนี้เราใช้เครื่องมือแบบเดียวกันที่จับไอ้มือเพลิงสีน้ำเงินและเพื่อนของมันมาแล้วกันน่า" นักล่าหญิงเกราะสีเทาอ้าง

              อูดูกินตอบ "งี่เง่าน่า อาวุธที่พวกเมคครอฟิคสร้างขึ้นมาโดยอิงปืนแสงจับกุมของไซเอมเที่ยนมานั้น มีแต่พวกทหารเขาใช้ นักล่าเงินรางวัลอย่างพวกแกไม่น่าใช้ได้กันหรอกน่ะ"

              "แต่พวกเราก็ใช้กันได้นิ ไม่น่าจะมีปัญหากันเลยน่า" นักล่าเงินรางวัลหญิงเกราะสีน้ำเงินบอก "และพวกเราดักซุ่มอยู่ที่ดาวของพวกไทรเวเซอร์กันแล้ว ถ้าคิดจะระแวงพวกเราละก็ งั้นเราเอานักโทษนี้ไปขึ้นที่กิลด์อื่นก็ได้"

              อูดูกินบอก "เสียใจด้วยน่ะ ที่...มุขหลอกพวกเรานั้นต้องจบลงแล้วละ ไอ้พวกไทรเวเซอร์....เพราะว่า ฉันรู้เรื่องที่พวกนายเดินทางมานี้ เพื่อช่วยเพื่อนพ้องที่ถูกจักรวรรดิ์วอร์ซอร์ทและแคชเฟียสจับกุมไปกันแล้วละ"

              "ตลกน่า พวกเราจะเป็นพวกไทรเวเซอร์ไปได้ไงกัน" นักล่าล้ำบึกบอก

              อูดูกินกล่าว "แอปอัพเดตความเคลื่อนไหวของกิลด์เราที่แกอัพโหลดมานั้น มันแฝงโปรแกรมติดตามสัญญาณของพวกแกทั้งสี่ตัวกันไว้ รวมถึง...." แล้วก็เปิดหน้าจอซึ่งระบุข้อมูลแอปที่พวกเดพโฟว์โหลดเข้ามา "....แสดงข้อมูลจากเครื่องสื่อสารที่ใช้อัพโหลดมา ว่ามันมาจากมือถือของสมาชิกไทรเวเซอร์ที่ชื่อ สตีเฟ่น แวนเซน แถมมีที่พำนักพักพิงอยู่ที่ดาวที่มหาจักรวรรดิ์ส่งกองกำลังรุกรานกันเช่นนี้ ยังจะมีอะไรแก้ตัวกันมั้ยละ"

              "กูนึกแล้ว ว่าแผนมึงแป็กแต่แรกกันแล้ววะ" คลอเวฟสบถ

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "สมแล้ว ที่เป็นหัวหน้ากิลด์นักล่าเงินรางวัลที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในเขตอวกาศของมหาจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยนสิน่ะ เพราะไม่เพียงแค่รู้ความเคลื่อนไหวของพวกเดลอาเนี่ยน แต่ยังรู้จักกับเพื่อนฝูงในกองทัพของเดลอาเนี่ยนและพันธมิตรอีก 12 เผ่ากันเป็นอย่างดีเลยสิน่ะ"

              "รู้ดีเลยนิ ส่วนหนึ่งเพราะเพื่อนของพวกแกสี่ตัวปากโป้งเล่าให้ฟังมาก่อนเลยใช่มั้ยละ" อูดูกินบอก พวกเดพโฟว์เลยต้องถอดหมวกออกแทน ซึ่งก็คือสเตฟอร์ด โฟรซ่า ไซโคลเนียและฟิเกซนี้เอง

              เนคมาดูซัมบอก "และที่แกรู้ว่าพวกสเตฟอร์ดปลอมตัวมานั้น ก็คงจะรู้ผ่านแอพอัพเดตข้อมูลของกิลด์นี้ที่อยู่ในเครื่องของสเตฟอร์ดมา เลยแจ้งบอกพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้แล้วสิ"

              "ใช่ แม้พวกเราจะวางใจและโล่งใจกับการที่เดพโฟว์ไม่โผล่มาตั้งนานแล้วก็จริง แต่....พอเรื่องที่ยอดมือป่วนนั้นก่อเรื่องระดับเป้งขึ้นมานั้น ฉันก็อัพเดตข่าวคราวไปตามปกติ จนกระทั่ง...แอพของกิลด์เราที่ติดไปกับพวกเดพโฟว์ ซึ่งไม่เพียงไม่ได้ข่าวคราวมานาน แต่กลับไปอยู่ในดาวที่มหาจักรพรรดิ์ต้องการครอบครอง แถมยังเป็นฝ่ายตรงข้ามกันด้วยแล้วนั้น....บอกตรงๆน่ะ ว่าพวกแก.....ฉลาดมากเลยน่ะที่กล้ามาหลอกฉันกับพวกได้น่ะ" อูดูกินบอก "แต่นั้นก็ดีแล้วละ ที่พวกแกจะได้ตามไปหาเพื่อนๆของแกกันเสียบ้าง ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่พวกแกส่งเพื่อนแกมาหลอกล้วงข้อมูลจากพวกเรากันน่ะ"

              คลอเวฟบอก "แล้วแกก็คงจะบอกกับพวกเดลอาเนี่ยนไปก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงเลยละสิ"

              "ช่าย แต่จะดีมาก หากพวกเราทั้งกิลด์เป็นคนจับพวกแกมา เพราะถ้าเพื่อนแกสี่ตัวพาแกสามตัวมาได้ พวกที่เหลือซึ่งโดยสารมากับยานของพวกแกก็คงจะจอดอยู่ที่ดาวนี้แน่นอน" อูดูกินกล่าว แล้วเหล่านักล่าเงินรางวัลก็เข้ามาล้อมเอาไว้ "และต้องขอบใจพวกแกมากเลยน่ะ ที่ทำให้กิลด์บาวโฟว์ของเรา มีชื่อเสียงเลื่องลือกันไปทั่ว กับการจับกุมพวกไทรเวเซอร์กันทั้งหมดนี้แหละ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "เหตุผลที่นายได้ตำแหน่งหัวหน้ากิลด์นักล่าแห่งนี้มานั้น คงเพราะสมองของนายดีเลิศมากเลยสิน่ะ"

              "อูดูกิน..... ฉันเคยพูดเอาไว้ตอนที่เรามาเหยียบกิลด์นี้เป็นครั้งแรกกันแล้ว ว่าถ้าคิดมาหาเรื่องกับพวกเราหรือกลั้นแกล้งแล้วละก็ พวกนายจะโดนมิใช่น้อยๆเลยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              อูดูกินบอก "แต่แย่หน่อยน่ะ พวกนายเจ็ดตัวคงมาได้เพียงนี้แล้ว เฮ้ พวกเรา จัดการให้หน่อยน่ะ ฉันจะขอไปติดต่อกับเบื้องบนกันเดียวนี้แหละ" แล้วก็เดินเข้าไปที่ห้องหลังตู้เก็บเหล้าไว้


              "โครมมมม ป้ากกก โครมมมมมม ปังๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆ โครมๆๆๆๆ โครมม ป้ากก เปรี้ยงงง โครมมมม โครมมมมม ปังๆๆๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆ โครมม โครมมม โครมมมม" อูดูกินพยายามจะเปิดเครื่องติดต่อ แต่เสียงที่ดังมาจากข้างนอกนั้นรบกวนการต่อสายกันตลอดเวลา แล้วก็.... "......" ด้านนอกเงียบลง อูดูกินเลยจัดการต่อสายต่อ "แป๊ะ" แล้วมีคนมาตบไหล่เอาไว้ "อย่ามารบกวนได้มั้ย ฉันกำลังยุ่งอยู่น่ะ" หัวหน้ากิลด์กล่าว แล้วก็ "แปะๆๆ" อูดูกินถูกตบหลังอีกสามทีด้วยกัน "อะไรอีกละ อย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ยวะ...." หัวหน้ากิลด์โวยลั่น และหันหน้ามาก็เห็นคลอเวฟยืนยิ้มอยู่ เลยรีบชักปืนจากเอว แต่ "ป้ากกกก" คลอเวฟชกอัดใส่อูดูกินไปเต็มๆจนปืนหลุด แล้วก็ใช้มือจับหัวไว้พร้อมกับ "กร็อบบบ" กระทืบปืนสั้นให้แหลกคาเท้า ก่อนจะลากตัวออกมาจากห้องไว้ ซึ่งอูดูกินก็เห็น พวกนักล่าเงินรางวัลของตน ถูกปราบจนล้มกองกับพื้น อัดกับกำแพง พาดกับโครงระเบียงชั้นลอย โต๊ะเก้าอี้ที่ทำด้วยพลาสติกผสมเกรย์สแตนด์เลสพังจากการต่อสู้ดังกล่าวไว้ สเตฟอร์ดขยับคอไปมาพร้อมกับแกว่งหมุนแขนซ้ายวนไปสามรอบด้วยกัน

              "อูดูกิน ตะกี้นี้ ฉันบอกไว้แล้วมิใช่หรือไง ว่าอย่าคิดที่จะมาหาเรื่องกับพวกเรา แล้วเป็นไงละ"

              "เฮ้ย ถ้าคิดจะล้มพวกเราละก็น่า หาพวกนักล่าเงินรางวัลที่มันแกร่งๆหน่อยได้มั้ย พวกที่อยู่ในกิลด์ทั้งหมดนี้ งอกง่อยและปวกเปียกมากๆเลยวะ" คลอเวฟบอก พร้อมกับจับอูดูกินข้ามเคาน์เตอร์ลงมากองกับพื้น แล้วก็ "ฟึ่บบบ แกร็กๆๆๆๆ" ปืนทุกกระบอกจ่อมาทางหัวหน้ากิลด์สี่ตาโดยทันที

              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าไม่อยากโดนพวกเรายิงจนพรุนละก็ ทางที่ดี บอกในสิ่งที่พวกเราอยากรู้มาเดียวนี้เลยดีกว่าน่ะ"

              "แกรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเดลอาเนี่ยนอย่างงั้นใช่มั้ยละ ถ้าอย่างงั้น บอกมา แกเอาเพื่อนเราไปไหนกันน่ะ" ฟิเกซบอก

              อูดูกินกล่าว "เรื่องอะไรที่กูจะบอกพวกมึงกันละ" คลอเวฟเลยจิกหัวมาตรงโต๊ะแล้วก็ "โครมมมม" จับฟาดกับโต๊ะไปเต็มๆ

              "ถ้ามึงปากดีหรือไม่ยอมปริปาก มึงโดนกูจับเขวี้ยงออกไปนอกกิลด์เดียวนี้เลยน่ะ" คลอเวฟบอก อูดูกินได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย

              เนคมาดูซัมบอก "และถ้าโกหกขึ้นมา เกรงว่าคงต้องแจกกระสุนให้เลยมั้ยละ"

              "กรอดดดด ถ้าเป็นไอ้มือเพลิงและเพื่อนสามขนาดละก็..... อยู่ในกำมือของจักรพรรดินีมิวนัสแห่งแมทเฟลิมไปแล้วละ" อูดูกินบอก คลอเวฟเลยกดหัวหน้ากิลด์อัดกับโต๊ะไปเต็มแรง

              สเตฟอร์ดบอก "ตลกละ พีทและเจมส์ถูกพวกเมคครอฟิคจับกุมไป แกยังจะมาพูดโกหกกันเลยหรือวะ ว่าพวกแมวอวกาศพาพวกเขาไปกันน่ะ"

              "ฉันพูดจริงๆนะเฟ้ย เพื่อนทหารแมวอวกาศบอกกับฉันมา ว่าหัวหน้าของเขาได้รับคำสั่งจากจักรพรรดินีมิวนัสให้ไปจับกุมพวกมือเพลิงสีน้ำเงิน ที่รวมหัวกับพวกหุ่นต่างดาวกลุ่มน้อยเข้าก่อกวนและขัดขวางการไล่ล่าของเมคครอฟิคไว้ เพราะจักรพรรดินีมิวนัสอยากได้ทาสนักรบเอาไปสู้กับ....." อูดูกินบอก โดยที่ปากลำกล้องเดริงเจอร์แมกนั่มของโฟรซ่าอยู่ตรงหน้า ตนจึงรีบบอกทันที "....นักโทษหญิงของฝ่ายเฟลาเลี่ยมที่ทรงพลังและแข็งแกร่งมากที่สุดกันน่ะ"

              โฟรซ่าถาม "แล้วนักโทษหญิงตนนั้น รูปร่างเป็นยังไง"

              "เท่าที่ทราบมา เป็นหุ่นแอนดรอยเพศหญิงมีกระบองยาวเป็นอาวุธ มีผิวกายสีเดียวกันกับเฟลาเลี่ยม แต่แวววาวยิ่งกว่า เธอตีฝ่าต่อสู้กับพวกซีรีสตรัลที่ไล่ล่าเธอมาตลอด 4 วันบนดาวดวงนั้นไว้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่แม่ทัพเดอาร์ แม่ทัพคนสนิทของจักรพรรดินีออมนิม่า ถูกส่งมาตรวจตราการทำงานของพวกซีรีสตรัล เลยจับตัวเธอไปยังโคลอสเซี่ยมของดาวสเลฟแคท-3 จนสู้ชนะนักโทษที่อยู่ในนั้นไปกันแล้วน่ะ" อูดูกินกล่าว

              ไซโคลเนียถาม "แล้วการประลองที่ว่ามานั้น เริ่มขึ้นเมื่อไหร่น่ะ"

              "พรุ่งนี้ เพราะฉันทราบมา ว่าพวกแมทเฟลิมได้พาเพื่อนแกไปที่โน่นแล้ว" อูดูกินกล่าวแล้วก็เยาะเย้ยไปว่า "แต่ พวกแกคงไม่มีทางไปถึงที่นั้นได้ทันการณ์หรอก เพราะตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟจัดกองยานเอาไว้เพื่อจัดการกับพวกแก หากพวกแกปรากฎตัวอยู่ในเขตอวกาศแห่งนี้ กว่าพวกแกจะไปถึง ถ้าเพื่อนของพวกแกไม่ฆ่ากันเอง พวกแมทเฟลิมที่อยู่ในสนามประลองใหญ่นั้นก็จะจัดการไปแล้วน่ะ"

              เนคมาดูซัมบอก "แม้กระทั่งไอ้มือป่วนนั้นด้วยสิ"

              "ถ้าหมายถึงไอ้มือป่วนไซเมี่ยนละก็....ใช่ กองยานทุกเผ่านอกเหนือจากเฟลาเลี่ยมนั้น ได้รับคำสั่งให้ควานหาตัวยอดมือป่วนกันด้วย เพราะมัน....เป็นคนที่ทำให้ฉันต้องตั้งค่าหัวกบฎและสมาชิกพวกต่อต้านกันใหม่อีกรอบเลยน่ะ" อูดูกินบอก "และพวกแกก็ไม่วายต้องมีประกาศจับบนบอร์ดนี้เองแหละ แม้พวกแกจะช่วยเพื่อนแกไม่ได้ พวกแกก็ไม่มีที่ไหนให้หลบซ่อนไปได้หรอก"

              ฟิเกซกล่าว "ถ้าแกคิดว่าพวกเราไม่มีทางช่วยพวกพีวิลออกมาได้ละก็ แกคิดผิดถนัดอีกรอบแล้วละ เพราะพวกเราไม่กลับระบบดาวของพวกเรา หากไม่เอาพวกพีวิลกลับไปด้วยกันนี้แหละ"

              "และการที่แกเข้าไปในห้องนั้น คงจะติดต่อพวกเดลอาเนี่ยนที่อยู่ใกล้ระบบดาวนี้ให้ตามมาจับเราด้วย ซึ่งนั้นเป็นเรื่องเฮงซวยที่เรายอมให้แกทำอย่างงั้นไม่ได้เด็ดขาดเลยละ" สเตฟอร์ดบอก "ดังนั้น พวกเราขอลาออกจากกิลด์ที่มีคนสถุลอย่างแกเป็นการถาวรกันนี้แหละ"

              คลอเวฟกล่าว "และ เกรงว่าแกจะติดป้ายประกาศจับพวกเรากันไม่ได้แล้วละมั่ง" แล้วก็ "หวับบบ โครมมม" จับอูดูกินฟาดกับโต๊ะจนกระจุย สเตฟอร์ดพยักหน้าพร้อมกับ "ปึก ปั้ก ป้ากๆๆๆๆๆ ปั้ก ปั้ก ปึ้ก โครมมม" เข้ากระทืบใส่อูดูกิน โดยที่คลอเวฟร่วมรุมกระทืบไปด้วย ส่วนโฟรซ่าและไซโคลเนียเลยเข้าไปในห้องของอูดูกินโดยเร็ว จากนั้น ทั้งหมดก็เดินออกจากกิลด์และเมืองรอบกิลด์กันโดยเร็ว ด้วยโฮฟไบท์ที่เตรียมจอดเอาไว้ โดยมาสวาร์ทาร์ขี่โดยคลอเวฟซ้อนท้าย สเตฟอร์ดไปกับโฟรซ่า เนคมาดูซัมไปกับฟิเกซ ส่วนไซโคลเนียนั้นบินตามหลังมาติดๆ

              "โชคดีมากแล้วละ ที่เสาส่งสัญญาณของกิลด์รับส่งข้อความยังติดๆขัดๆ เลยทำให้มันแจ้งกองยานไปไม่ได้ในตอนนี้เลยน่ะ" ฟิเกซบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่เรายังวางใจในเรื่องนี้กันไม่ได้หรอกน่ะ ถ้าหัวหน้ากิลด์บอกเรื่องพวกนายที่แฝงตัวมา ก็เท่ากับว่าบูเรนนอฟรู้ว่าพวกเราต้องมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตอนที่พวกมันได้ตัวพวกพีวิลด้วยนั้น ยิ่งทำให้พวกเดลอาเนี่ยนไม่ปล่อยให้เราผ่านไปได้อย่างง่ายดายแน่ๆ"

              "อย่าห่วงไปเลยน่า ฉันได้เปลี่ยนข้อความที่หัวหน้ากิลด์จะส่งไป ว่าให้ พวกนั้นบุกมาจับพวกเราที่ออกจากดาวหลังจากที่ตีฝ่าพวกนักล่าเงินรางวัลมาอย่างทุลักทุเล มาเป็น....พวกเราแอบนำยานไปจอดไว้ในหุบเขาลึกของดาวดวงนี้พร้อมกับไซเมี่ยนที่มากบดานอยู่แต่แรกไว้ โดยยานของเรามีปัญหาจนไม่สามารถออกนอกดาวไปได้ในตอนนี้กันน่ะ" โฟรซ่าบอก

              เนคมาดูซัมบอก "ดีแล้วละ เพราะพวกเรารู้ว่ากองยานของเดลอาเนี่ยน ไม่ได้แค่ตามพวกเราอย่างเดียว แต่ตามจับไซเมี่ยนกันด้วยน่ะ"

              "ถ้าเช่นนั้น เรารีบออกจากดาวดวงนี้ก่อนดีกว่าน่ะ" ไซโคลเนียบอก แล้วทั้งหมดก็ "แฟ้วววว ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าววว" ตรงมายังยานไทรแองเกิ้ลที่จอดอยู่กลางที่ราบแห้งแล้งกันไว้ จากนั้นก็.... "วึงๆๆๆๆๆ ฟ้าวววว" บินทะยานออกจากดาวและระบบดาวอินกรีด้าไปยังระบบดาววลาดด้า ซึ่งอยู่ห่างไกลถึง 4 ระบบดาวด้วยกัน "ว่าแต่ พวกคุณรู้เบาะแสที่ตั้งของพวกพีวิลแล้วหรือยังละคะ" แอนเดรียกล่าวทันทีที่พวกมาสวาร์ทาร์กลับขึ้นยาน และเข้ามาที่ห้องประชุมหลักกัน

              "ตอนนี้พวกพีวิลและสเปียริท ได้เปลี่ยนตำแหน่งดาวไปอยู่ที่ดาวดวงเดียวกันแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วก็เปิดแผนที่เขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยน "จากข้อมูลที่เราได้รับจากหัวหน้ากิลด์บาวโฟว์นั้น พีวิลและเจเนไซด์ทีมถูกพวกแมทเฟลิมจับตัวไปอยู่ที่ดาวสเลฟแคท-3 หลังจากที่สเปียริท ถูกโยกย้ายจากดาวของพวกซีรีสตรัล มาที่ดาวดวงนี้กันแล้วน่ะ" โดยที่ชี้จากดาวครีสเทรอนมายังสเลฟแคท-3 แล้วก็ชี้จากดาวเมคคราดอยไพล์ม มาที่สเลฟแคท-3 ด้วย

              แอบไบออสบอก "ดีแล้วละที่พวกเราพึ่งจะนำยานออกมาในช่วงเย็นของวันนี้ก่อน เลยมารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากถูกลักพาตัวกันไว้น่ะ"

              "แล้วหัวหน้ากิลด์เล่าให้ฟังว่าใครเป็นอะไรหรือได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมกันบ้างหรือเปล่าละคะ" แอนเดรียถาม

              โฟรซ่าส่ายหน้า "หัวหน้ากิลด์บอกแค่ว่า พีทและพวกเจมส์ถูกจับตัวไปนั้น บ่งบอกได้ชัดเจนว่า ทั้งสี่รอดอยู่นะสิ....หากแต่คงรวมมือกับชนเผ่าต่างดาวที่อยู่ใต้อำนาจของพวกเมคครอฟิคต่อสู้กันขึ้นมา ส่วนสเปียริท....บอกตรงๆน่ะ ว่าสี่วันที่ผ่านมา ยัยนี้ไม่หยุดพักเลยหรือไงกันน่ะ" 

              "ถ้าขนาดไอ้กองรบอัศวินของโอลดาธยังหยุดยัยบื้อนั้นไม่ได้ ไอ้พวกมนุษย์ผลึกต่างดาวนั้นก็คงเจออีหรอบเดียวกันละว้า" คลอเวฟกล่าวแบบรู้มาแต่แรก

              ไซโคลเนียบอก "แต่มันน่าหงุดหงิดตรงที่ไอ้แมวต่างดาวจะจับพวกพีวิล ไปสู้กับสเปียริทที่ถูกชนเผ่าเฟราเลี่ยมควบคุมตัวกันไว้นะสิ"

              "ว่าแต่ เผ่าเฟลาเลี่ยมเป็นเผ่าพันธุ์แบบไหนกันนะหรือ" ลิเนียร์ตี้ถาม

              โฟรซ่ากล่าว "พวกนี้เป็นชนเผ่านักรบต่างดาว ซึ่งเพศหญิงเป็นใหญ่เหนือชายชาตรีเผ่าเดียวกันนะสิ โดยเพศหญิงจะอยู่ในชนชั้นปกครองและชนชั้นนักรบ ในขณะที่เพศชายจะเป็นพวกปัญญาชนนักค้นคว้า นักคิดและนักวิจัย โดยทำหน้าที่สนับสนุนเพศหญิงเป็นหลัก พวกชนชั้นนักรบนั้นจะเป็นนักรบที่มีฝีมือการสู้รบที่เก่งกาจ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักรบจากชนเผ่าหลักกลุ่มอื่นๆ แถมยังมีพลังจิตอันกล้าแกร่งมากด้วย"

              "แต่พวกเธอเหล่านั้นคงไม่ได้กล้าแกร่งยิ่งกว่าชาวแอตทาเวี่ยนกันละสิ" พลัสเชอริทกล่าว

              โฟรซ่าส่ายหน้า "ตรงข้ามกันเลย เผ่านี้แม้จะมีพลังจิตที่กล้าแกร่งและสูงส่ง บวกกับมีอายุขัยที่ยืนยาวกว่าเผ่าอื่น แต่ยังสู้พวกดาวฤกษ์กันไม่ได้ หรือถึงสู้ได้ก็แค่สูสีเท่านั้นเอง หากสู้กับชนเผ่าดาวฤกษ์ที่มีประสบการต่อสู้ที่ด้อยกว่า และจากการต่อสู้กันหลายต่อหลายครั้งนั้น เลยทำให้พวกเฟราเลี่ยมเคารพนับถือชนเผ่าดาวฤกษ์ ผู้ซึ่งอาวุโสกว่า พลังจิตสูงส่งยิ่งกว่า และมากประสบการณ์ยิ่งกว่า แม้ว่าพวกเธอได้ยึดมั่นคำสาบานต่อจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยน ว่าจะปกป้องเขตอวกาศของมหาจักรวรรดิ์ทั้งปวงกันไว้ และปฏิบัติตามกันมาตลอดเลยน่ะ"

              "งั้นเผ่านี้ก็คงจะรู้เรื่องความเคลื่อนไหวของชนเผ่าดาวฤกษ์จากสเปียริทกันอย่างงั้นสิน่ะ เพราะว่า พวกเราได้รับความช่วยเหลือจากเอสเซคาร่าซารีทิสมาหลายครั้งกันน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว โฟรซ่าพยักหน้า

              ไซโคลเนียบอก "แต่หลังจากนี้ พวกเราอาจจะต้องเจอเผ่านี้กันแล้วละ เพราะตลอดการรุกรานที่ผ่านมา เผ่านี้อยู่แต่ในเขตอิทธิพลควบคุมของพวกเธอไว้ ไม่มีกองยานไหนเคลื่อนตัวออกจากเขตดังกล่าวมาเลยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกเขาต้องการรวบรวมข้อมูลการสู้รบของพวกเรากันไว้เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เนคมาดูซัมถาม "ตอนนี้เรารู้แล้วว่า พวกพีวิลและสเปียริทอยู่ที่ไหนกันแล้ว ดังนั้น เราจำต้องออกเดินทางจากระบบดาวนี้ ตรงไปยังสเลฟแคท-3 กันเลยน่ะ"

              "เออ...ไม่อยากจะขัดจังหวะเลยนะคะ แต่..." แอนเดรียบอก

              แอมเบอร์กล่าว "ทางเราได้แอบฟังเครือข่ายการสื่อสารของพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกพีวิลและสเปียริท รวมถึงรู้ถึงบางเรื่องด้วยคะ" 


    TriVESER The Manigator Saga : The Dell-Arnian War
    ตอนที่ 13 จากการหลบหนีอันชุลมุน ไปสู่เวทีประลองภายใต้อุ้งเล็บแมว

              ที่ห้องตรวจสอบเครือข่ายการสื่อสารในยานไทรแองเกิ้ล

              "อาจารย์กับพวกหัวหน้ามาแล้วหรือ นึกว่าจะต้องทนหูชากันแล้วเสียอีกน่ะ" มัลแด็กซ์บอก โดยตอนนี้ตน ดิเรนท์ เฮเรเค้น อิคกรีท สวอนน่า เวลลิท ไกซ์ มิลด์มานั่งอยู่บนโต๊ะคอม ซึ่งใส่หูฟังกันอยู่

              โฟรซ่าถาม "แล้วพวกเธอได้อะไรกันบ้างละ"

              "เริ่มจาก....เธอก่อนแล้วกันน่ะ มัลแด็กซ์" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              มัลแด็กซ์พยักหน้า และบอกไปว่า "ผมได้แอบฟังการสื่อสารของพวกอินเซคเที่ยนกันแล้ว พบว่าพวกมันกำลังผลิตชิ้นส่วนวอร์แมชชีนและวอร์บอทและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สูญเสียไปให้มากขึ้น โดยใช้ชนเผ่ายัคส์ ซึ่งเป็นเผ่าแมลงเบี้ยล่างให้ทำการผลิตอย่างเร่งด่วน กับเผ่าอาริลแรช ที่เป็นเผ่าแมงมุมอวกาศทำหน้าที่เป็นตัวสาธิตอาวุธที่ผลิตขึ้นมาโดยเร็วนะครับ"

              "มะ แมงมุมนะหรือ....พวกนั้นคงไม่ได้ใช้อาวุธเองสิน่ะ" โฟรซ่ากล่าวอย่างหวาดกลัว

              มัลแด็กซ์กล่าว "เกรงว่าพวกแมงมุมอวกาศนั้นจะเป็นเป้าสำหรับปืนและอาวุธกันซะมากกว่า เพราะตามที่ผมเช็คในฐานข้อมูลของไทรแองเกิ้ลมา พบว่าเผ่าแมงมุมเหล่านั้นเคยเป็นพวกบูชาเทพมารอวกาศด้วยการไล่ถล่มยานอวกาศของชนเผ่าต่างดาวกันไว้ ซึ่งพวกอินเซคเที่ยมเข้าโต้ตอบและหยุดยั้งพวกนี้ หลังจากที่พวกออร์เลี่ยนใช้เครื่องสื่อสารหลอกพวกอาริคแรชให้ติดกับกันไว้ จนพวกแมงมุมอวกาศพ่ายแพ้และกลายเป็นทาสเสียเองนะ"

              "แล้วพวกมันขนอาวุธไปให้กองรบกันด้วยหรือเปล่าละ" มาสวาร์ทาร์ถาม

              มัลแด็กซ์บอก "ถ้าเป็นกองยานรบนั้นก็แค่ส่วนมากนะครับ เพราะ....เหมือนมีส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งซื้อและให้จัดส่งมาด้วยน่ะ"

              "เมื่อกี้นายบอกว่า มีส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งซื้อและส่งไปนะหรือวะ" เฮเรเค้นบอก มัลแด็กซ์พยักหน้า เฮเรเค้นเลยพูดต่อ "ไม่อยากบอกเลยน่ะ แต่พวกตะกวดอวกาศที่ฉันแอบฟังนั้น ไม่พอใจที่ต้องแยกอาวุธดีๆที่ควรใช้เยอะๆออกไปให้กับคนอื่นนะสิ"

              เวลลิทบอก "ของฉันเองก็ด้วยน่ะ เพราะทหารเทรโอเซี่ยมติดต่อกับเบื้องบนว่า จะให้จัดส่งอาวุธปืนและชุดเกราะส่วนหนึ่งหลังจากที่มันผลิตเสร็จไปแล้วน่ะ"

              "ฝั่งบรูซาเรมก็ด้วย หากแต่พวกนั้นเหมือนจะหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องแบ่งอาวุธที่ผลิตมาใหม่ๆเอาไปให้ด้วยน่ะ" ไกซ์กล่าว

              คลอเวฟบอก "โฮ่ย เดียวก่อนน่ะ พวกเธอกำลังจะบอกว่า ไอ้ต่างดาวเหล่านั้น ผลิตอาวุธให้กับกองทัพเพื่อชดเชยที่เสียไป เพียงแค่ส่วนมาก แต่แบ่งส่วนน้อยเอาไปให้กันอย่างงั้นนะหรือวะ"

              "ใช่คะ แม้ลูกน้องจะถามหัวหน้าถึงสาเหตุ ก็ได้แค่คำตอบว่าให้ส่งๆไปเท่านั้นเองคะ" ดิเรนท์บอก

              ฟิเกซบอก "ฉันคิดว่า อาวุธส่วนน้อยที่พวกเดลอาเนี่ยนส่งไปให้นั้น มันจะไปจบลงที่ไหนกันน่ะ"

              "ตอนนี้ ริดโอแฟมิลี่ได้สั่งซื้ออาวุธจากกองทัพพันธมิตรของเดลอาเนี่ยนโดยตรง เพื่อชดเชยส่วนที่เสียไป ในช่วงที่พวกเราช่วยเทศมนตรีแอทตันกวาดล้างอิทธิพลของพวกริดโอที่ไวซ์อาร์วี่กันไว้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก และหันมาถาม "พอจะทราบมั้ย ว่าอาวุธดังกล่าวจะถูกส่งไปรวมกันที่ดาวไหนน่ะ"

              ฟลาแน็กซ์ตอบ "เกรงว่า การรวบรวมอาวุธดังกล่าวนั้น พวกหัวหน้าไม่ยอมบอกให้ทราบเลยนะครับ" 

              "บ้าชะมัด พวกเดลอาเนี่ยนไม่ยอมให้โอกาสพวกเรากันบ้างเลยหรือไงกันวะ" คลอเวฟบอก

              สเตฟอร์ดบอก "เราได้แค่นั้นก็เกินพอแล้วละ ประเด็นหลักจริงๆของเราก็คือ เรื่องช่วยเหลือพีทและเจมส์กันนี้แหละ"

              "แล้วจะปล่อยให้พวกริดโอได้อาวุธที่สั่งซื้อมาได้ง่ายๆเลยหรือครับ" ไกซ์บอก

              โฟรซ่ากล่าว "....ถึงเราหยุดยั้งมันไม่ได้หรือไม่ไปยุ่งกับมัน ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกริดโอ จะได้รับอาวุธเหล่านั้นกันหรอกน่ะ...."

              "จริงสิ คุณไซเมี่ยนไงละครับ ถ้าคุณไซเมี่ยนรู้เรื่องแล้วละก็...." อิคกรีทบอก

              เวลลิทกล่าว "แต่...เรารู้หรือว่าคุณไซเมี่ยนอยู่ที่ไหนกันน่ะ ยิ่งในตอนนี้เขามีส่วนร่วมกับพวกต่อต้านพวกเดลอาเนี่ยนด้วยแล้ว เขาคงไม่มีเวลามาช่วยพวกเรากันได้หรอกน่ะ"

              "แต่อย่างน้อย ไซเมี่ยนก็คงจะแอบฟังการสื่อสารเหมือนอย่างที่พวกเราทำอยู่กันนี้แหละ" เนคมาดูซัมบอก และหันมาถาม "แล้วเรื่องของพวกพีวิลกันล่ะ"

              มิลด์บอก "หลังจากที่พวกคุณเนคมาดูซัมลงจากยานเพื่อไปยังกิลด์บาวโฟว์กันนั้น....มีสัญญาณข้อความชุดใหญ่ถูกส่งเข้ามายังยานลำนี้ ซึ่งหนูกับคุณแอมเบอร์ทำการตรวจสอบข้อความกันไว้ จนรู้ว่า....มันเป็นข้อความของชนเผ่าต่างดาวที่ช่วยเหลือพวกคุณพีวิลกันนะคะ"

              "พอจะทราบมั้ย ว่าเป็นชนเผ่าแบบไหนนะหรือ มิลด์" พลัสเชอริทถาม

              มิลด์ตอบ "เป็นข้อความจากชนเผ่าเมอโมเฮิร์ม ชนเผ่าหุ่นยนต์ทรงกลมติดปล้องวงแหวน เดิมเป็นกลุ่มหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่โดยสารมากับยานอวกาศจากเขตอวกาศทางตอนเหนือ ซึ่งดาวของพวกนั้นถูกพวกเฮซเทิร์ซถล่มจนต้องลี้ภัยเข้ามา โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรระหว่างดวงดาวของชนเผ่าออร์เลี่ยน ซึ่งมีบทบาทในการทำสงครามระหว่างดวงดาวกับกลุ่มกองพันทาสอวกาศมาถึง 2 ครั้ง โดยที่พวกนี้ เคยรวมร่างกับชนเผ่าเชนเทโซท มนุษย์ต่างดาวแท่งผลึกผู้ทรงภูมิปัญญาและทรงอำนาจ จนเป็นสุดยอดชนเผ่าที่พลิกเอาชนะกองพันทาสจนกำชัยชนะมา แต่หลังจากที่ออร์เลี่ยนพ่ายแพ้ให้กับพวกเดลอาเนี่ยน ทั้งสองเผ่าเลยถูกจับแยกออกจากกัน และถูกควบคุมตัวให้เป็นทาสภายใต้พันธมิตรของเดลอาเนี่ยนอีกทีไว้นะคะ"

              "นั้นบ่งบอกได้ว่า ต่างดาวหุ่นเหล่านี้ คงยังเหลือรอดอยู่มาจนถึงปัจจุบันเลยสิน่ะ" พลัสเชอริทบอก

              สเตฟอร์ดถาม "แล้วระบุได้มั้ย ว่าข้อความนั้นส่งมาจากใคร และส่งมาเมื่อไหร่กันน่ะ"

              "ข้อความนี้ถูกส่งมาเมื่อ 3 วันก่อนบนดาวเมคคราดอย ไพล์ม ส่งโดยเมอโมเฮิร์มยูนิตนัมเบอร์ T2920 กันนะคะ" มิลด์บอก

              สเตฟอร์ดบอก "สามวันบนดาวนะหรือ....พวกพีวิลถูกจับตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน ก็แสดงว่าบนดาวนั้นเวลาผ่านไปสามเท่าเลยสิ"

              "ดิเรนท์ แอบฟังการสื่อสารของพวกแมทเฟลิมต่อ เผื่อว่าจะได้ข้อมูลว่าพวกนั้นเอาตัวพวกพีวิลไปขังไว้แล้วหรือยังน่ะ" มาสวาร์ทาร์ตอบ ดิเรนท์พยักหน้า

              ไกซ์ถาม "แล้วพวกเราที่เหลือละครับ"

              "แอบฟังการสื่อสารของพวกพันธมิตรเดลอาเนี่ยนกันต่อ เราต้องการข้อมูลความเคลื่อนไหวของพวกนั้นที่นอกเหนือจากการขนส่งอาวุธไปให้พวกริดโอกันน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยมาตรวจสอบอยู่ในห้องกันตรงนี้

              โฟรซ่าบอก "แอมเบอร์ เปิดข้อความดังกล่าวให้ฟังหน่อยได้มั้ยละ"

              "จัดให้คะ" แอมเบอร์บอก แล้วก็เปิดข้อความเสียงออกมา เป็นเสียงของผู้หญิง

              "ถึงผู้โดยสารบนยานไทรแองเกิ้ล นี้คือข้อความจากเมอโมเฮิร์มยูนิตนัมเบอร์ T2920 ซึ่งได้บอกเล่าถึงเรื่องราวที่พวกเรา ได้พบกับอาคันตุกะแปลกหน้าทั้ง 4 เข้ามาในถิ่นของพวกเรา ซึ่ง....พวกเราไม่ได้เจออาคันตุกะจากนอกดาวหรือต่างดาวเผ่าอื่นมานานแสนนานแล้ว นับแต่พวกเราสูญเสียอิสระภาพหลังจากที่ออร์เลี่ยนสูญสิ้นไปแล้ว โดยที่พวกเราไม่สามารถนับได้ว่าเราต้องหลบๆซ่อนๆอยู่ในเขตแดนอันเก่าแก่และถูกทอดทิ้งมานานแค่ไหนก็ตาม การมาของพวกเขานั้น ได้ทำให้พวกเรา มีความหวังขึ้นมา เฉกเช่นเดียวกับ จุดมุ่งหมายที่สูญหายไป...." แล้วก็เข้าสู่การเล่าเรื่อง 

              "กรี้กกกกกกก โครมมมม" ทหารเมคครอฟิคถูกกรีดไถลจนล้มลงกับพื้นโดยสปินนิ่งเบลดซอร์เซอร์ ที่จานใบมีดแตกร้าวขึ้นมา หลังจากที่จายด์ใช้ไปแล้ว ในขณะที่พีวิลและเจเนลนั้น "ป้ากกก โครมมมม เปรี้ยงงง" พีวิลชกทะลวงร่างเมคครอฟิคและถีบตัวออกมา ในขณะที่เจเนล "ป้ากกกก" ถีบเข้าที่หัวไปเต็มๆ แล้วก็ "หวับ กร้องงงง" หยิบท่อเหล็กที่อยู่ใกล้ๆมาฟาดซ้ำเต็มๆ "ย้า" จิลกระโดดเข้ามาทิ้มด้วยจีนีดเดิ้ลสไปค์ตรงหน้าอก "เปรี้ยะๆๆๆ" แต่แทงไปทีหนึ่งก็รู้สึกเจ็บแขนเข้า "หวับบบบ ป้ากกก" พีวิลเลยซัดเศษเหล็กอัดใส่เมคครอฟิคตนนั้นให้ชะงักก่อนที่มันจะเล่นงานจิล โดยที่เจเนลรีบดึงตัวออกมาเสียก่อน

              "เกือบไปแล้วมั้ยละ ถ้าช้ากว่านี้ เธอโดนมันฆ่าแน่ๆเลยละ" เจเนลบอก และสบถขึ้นมา "แต่ ไอ้พวกเมคครอฟิคนิ มันตื้อไม่เลิกจริงๆ"

              พีวิลบอก "ใช่ ยิ่งพวกเราบาดเจ็บจากการถูกพวกซีรีสตรัลยิงลำแสงใส่ไปนั้น แม้ว่าเกราะที่เราใส่จะช่วยป้องกันร่างกายของเราไว้ได้ก็จริง...แต่นั้นก็ทำให้ระบบอาวุธของเราเสียหายไปเลยน่ะ" เพราะแขนขาของพวกเขาร้าวจากการถูกลำแสงยิงเข้าไปก่อนหน้านั้น พีวิล เจเนล จายด์และจิลเสียเกราะท่อนบนจนเห็นร่างกายเปลือยเปล่า เว้นแต่จิลที่มีส่วนบราเหล็กปิดหน้าอกเอาไว้ ด้านหน้าหมวกของพีวิลแหว่งไปส่วนหนึ่ง เจเนลนั้นส่วนเขาซีรีเดี้ยมร้าวไปทั้งสามเขา จิลได้รอยช้ำตรงตาขวามา ส่วนจายด์นั้นเสียหมวกไปด้วย

              "ขนาดจานใบมีดเองก็แตกร้าวขึ้นมาด้วย ดูท่าว่าพวกเราคงใช้อาวุธไม่ได้ จนกว่าจะหาทางซ่อมแซมมันได้น่ะ" จายด์บอก

              จิลกล่าว "แต่....พวกเราอยู่กลางกองเศษเหล็กกันน่ะ แถมไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของดาวของพวกเมคครอฟิคกันเลย" และมองไปรอบๆ "และสถานที่แบบนี้คงจะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้ออาศัยอยู่กระมั่ง"

              "บอกตรงๆน่ะ ว่าเราเหมือนถูกส่งมาอยู่ในกองขยะกันชัดๆเลยนะ ไอ้พวกเมคครอฟิคมันไม่คิดจะนำของเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่เลยหรือไงกันวะ" เจเนลสบถ

              พีวิลบอก "นั้นบ่งบอกได้ว่า เวลาที่พวกเมคครอฟิคพัฒนาสร้างสันต์อะไรใหม่ๆขึ้นมา ก็มองข้ามสิ่งเก่าๆที่มีค่า และเป็นต้นตอในการสร้างสิ่งใหม่ๆ แล้วก็ทิ้งมันลงไปโดยปริยายสิน่ะ" 

              "แล้วเราจะหาทางออกจากดาวดวงนี้หรือไปให้พ้นเขตนี้กันยังไงละ พีวิล" เจเนลถาม

              พีวิลตอบ "เราต้องหาที่สูงๆเพื่อมองดูวิวโดยรวมทั้งอาณาบริเวณนี้ และรอบนอกเขตนี้กันด้วย เผื่อว่าเราจะเจอสถานีอวกาศของพวกเมคครอฟิคกันบ้างน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกมันคงไม่จับเจ่าอยู่ที่ดาวดวงนี้ตลอดเวลา และต้องมีส่วนหนึ่งออกไปนอกดาวกับรับผู้มาเยือนจากเขตดาวอื่นกันด้วยสิน่ะ" จิลบอก พีวิลพยักหน้า

              จายด์ชี้ไปยังหุบเขาขยะเศษเหล็กขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป "งั้นเราลองมาขึ้นเขาตรงโน่นกันดีกว่าน่ะ แม้จะไม่รู้ว่าเขานั้นเราต้องเดินหรือไต่ขึ้นไปกันน่ะ"

              "โอ้ว แจ่ม ช่วงเวลาทรหดบนเขาเหนือเมฆาคงไม่กลับมาถึงตรงนี้กันหรอกมั่ง" เจเนลกล่าว แต่พอทั้งสี่เดินตรงไปที่ๆจายด์ชี้ ซึ่งไม่เพียงต้องเดินไปอย่างเดียว เพราะสภาพกายของพวกเขายังบาดเจ็บอยู่ เลยทำให้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะไปถึง แน่นอนว่าจิลซึ่งเดินไปพร้อมกับแบกเป้ไปด้วยนั้น ด้วยอาการบาดเจ็บและเหนื่อยอ่อน ได้ทำให้เธอทรุดลง

              "สงสัยว่าคงต้องให้แบกไปแล้วละ" พีวิลกล่าวโดยให้จิลขี่คอไว้ พร้อมกับเดินไปด้วย แม้จะเดินช้ากันบ้างก็ตาม โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า มีบางอย่างแอบติดตามพวกเขาอยู่

              "แฮกๆๆๆๆ ถึงแล้วละ" เจเนลกล่าว ซึ่งก็ล้มตัวลงกับพื้นเศษเหล็กกันไว้ พีวิลเลยปล่อยให้จิลลงจากหลัง เพราะเธอหายเหนือยกันไปบ้างแล้ว

              "โอ้ว..... นี้เราอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไกลมากเลยหรือเนี้ย" จิลบอก เมื่อเธอกับพวก มองเห็นตึกสูงอันเป็นเขตเมืองหลวงของพวกเมคครอฟิคที่อยู่ห่างไกลมาก กับฟากฟ้าที่มืดครึ้มเพราะควันจากเขตอุตสาหกรรมที่อยู่รอบนอกเมือง ทำให้บอกไม่ได้เลยว่า ตอนนี้เป็นกลางวันหรือว่ากลางคืนกันแน่

              "สภาพในเมืองของพวกเมคครอฟิคนิ แย่กว่าเทมเดนตั้งหลายเท่าเลยน่ะ" พีวิลรำพึงและนึกถึงเขตเมืองของฝ่ายมนุษย์ที่เขาเคยไปมาแล้ว

              จายด์บอก "นั้นไม่แปลกหรอกน่ะ เพราะเทมเดนเป็นเมืองที่เสื่อมโทรมทั้งภายนอกและภายในกันน่ะ"

              "และเมืองระยำแบบนั้น ยังไม่วายถูกพวกอีเนอไมนด์ถล่มไปด้วยแล้ว คงไม่มีทางบูรณะกลับมาเป็นเมืองที่เสื่อมกว่าเก่ากันหรอกน่ะ" เจเนลกล่าว

              พีวิลพยักหน้า "คงยากน่ะ เพราะแพททรีออททำให้เทมเดนกลายเป็นพื้นที่เหมือนกราวนด์ซีโร่ไปแล้ว ต่อให้จรวดนิวเคลียร์ที่เบสรัลด์ไปสั่งยิงมาถึง เมืองที่โครงสร้างทางสถาปนิคส่วนมากซึ่งไม่มีการบูรณะดูแลอย่างจริงจัง ก็ต้องพังทลายอยู่ดีนี้แหละ"

              "แต่คงไม่ใช่สำหรับพวกเมคครอฟิคกันหรอก เพราะกองเศษเหล็กที่เรายืนอยู่นั้น คงไม่ได้มีแค่ที่เดียวกันแล้วละ" จิลบอก เพราะพื้นที่กองเศษเหล็กที่พวกเขายืนอยู่นี้ ได้ติดกับเขตเก็บกองเศษเหล็กจำนวนมากอีกหลายสิบแห่งด้วยกัน เห็นได้จากที่มันมีเสาไฟส่องสว่างปักอยู่ เหมือนกับที่พวกเจเนลมองเห็นเสาที่อยู่ห่างออกไปกันด้วย

              เจเนลบอก "และพวกนั้นคงจะไม่คิดเอาเศษเหล็กเหล่านี้มาทำยานลำใหม่เลยละสิ"

              "เกรงว่าพวกนั้นคงคิดว่า ดาวเกือบทุกดวงนั้น มีทรัพยากรอันมีค่ามากมายนอกเหนือจากที่อยู่บนดาวดวงนี้กันแล้ว นั้นคงเป็นเหตุผลที่พวกนั้นออกเดินทางสู่อวกาศกันนี้แหละ" พีวิลกล่าว

              เจเนลบอก "แล้วพวกมันก็ทำแบบนั้นอีกรอบเช่นนี้ คอยดูเหอะ ขอให้ขยะเศษเหล็กเหล่านี้กองเป็นหุบเขาใหญ่ลงมาถล่มทับให้พังไปข้างกันนี้แหละ"

              "เงียบก่อน เจเนล ลืมไปแล้วหรือไง ว่าเราอยู่ในถิ่นของพวกศัตรูกันน่ะ" จายด์บอก

              จิลกล่าว "นั้นสิ พวกเราไม่ควรยืนอยู่เฉยๆกันหรอกน่ะ เพราะพวกเมคครอฟิคอาจจะส่งยานบินลาดตระเวนตรวจตราแถวนี้ก็เป็น...."

              "โคร้งงงง" มีเสียงโลหะกระทบกระทั่งขึ้นมา เจเนลถาม "ใครกระทืบอะไรหรือเปล่าวะ" จายด์ส่ายหน้าเพราะตนไม่ได้ขยับเท้าเลย

              พีวิลกล่าว "ไม่ เสียงมันไม่ได้ดังมาจากภายนอกกันหรอก แต่ดังมาจาก...."

              "เคร้งงงง กึกกก" ไม่ทันไรก็มีเสียงดังอีก คราวนี้ พื้นตะแกรงเหล็กที่พวกพีวิลยืนอยู่ทรุดลงไปกันแล้ว จายด์เลยต้องรีบก้าวออกไป แต่... "โคร้งงงงง ป้ากกก" พื้นกลับถล่มลงไปจนพีวิล และเจเนไซด์ทีมร่วงลงสู่เบื้องล่างอย่างจังๆ "หวืออออ โครมมมม โครมมม โครมมมม โครมมม" ชิ้นส่วนเหล็กและพื้นตะแกรงกระทบต่อเศษเหล็กที่ยื่นออกมาอย่างต่อเนื่อง จนร่วงลงไปแหลกละเอียดตรงพื้นเหล็กเบื้องล่างกันไว้ "เกือบไปแล้วมั้ยละเนี้ย" จายด์บอก โดยตอนนี้ใช้สองมือคว้าจับท่อเหล็กหนาเอาไว้ ซึ่งจิลเกาะตรงหลังคอไว้แน่นๆ ส่วนเจเนลและพีวิลเกาะตรงขาคนละข้างด้วยกัน

              "ฉันน่าจะรู้น่ะ ว่าพื้นเศษเหล็กบางจุดไม่มีตัวค้ำหรือรับน้ำหนักพวกเราทั้งหมดนี้ไม่ได้นานๆอยู่ โดยเฉพาะพวกที่กองสุ่มกันสูงๆด้วยนั้น มันต้องมีบางกองที่มีส่วนกลวงจากข้างในแน่ๆน่ะ" พีวิลบอก

              "ใช่ แต่จายด์อาจจะพาเราร่วงไปได้แน่ๆ หากเราไม่หาทางลงไปเองกันน่ะ" เจเนลบอก

              พีวิลกล่าว "แต่...เราต้องค่อยๆลงไปกันแล้วละ เพราะสภาพเกราะขาของพวกเราคงไม่แข็งแกร่งพอที่จะเซพพวกเราจากการลงสู่เบื้องล่างกันหรอกน่ะ"

              "เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเราจำเป็นต้องใช้บู้ตของพวกเราถีบพวกศัตรูกันอยู่น่ะ" เจเนลกล่าว แล้วก็ "ฟึ่บบบบ ตึกก ตึกก ตึกก ตึกกก" ลงจากขาข้างซ้ายของจายด์โดดลงบนแผ่นเหล็ก โครงเหล็กที่ยื่น และชิ้นส่วนเหล็ก โดยโดดลงมาอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับพีวิลที่ตามหลังมา แต่ค่อยๆโดดเพราะไม่แน่ใจในความแข็งแกร่งของส่วนพื้นเศษเหล็กดังกล่าวไว้ ซึ่งเจเนลที่โดดลงมาก่อนนั้น "กึกกก โครมมม" ทันทีที่เท้าเหยียบลงพื้นเหล็กเข้า พื้นก็ถล่มลงทันที จนเจเนลร่วงลงไป "หมับบบบ" โดยรีบใช้แขนซ้ายคว้าจับเหล็กยื่นเอาไว้ได้ทัน พีวิลที่ตามหลังมาก็รีบโดดลงไปโดยเร็ว ซึ่งรีบคว้าตัวเจเนลมา เพราะเหล็กยื่นนั้นเริ่มจะรับน้ำหนักของเจเนลไม่อยู่แล้ว จนทั้งคู่ร่วงออกมาจากโพลงเบื้องบนลงมาที่พื้นเหล็กดัง... "โครมมมมมมม" ไปอย่างจังๆ "ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ พวก" เจเนลถาม พีวิลพยักหน้า เพราะในจังหวะที่เขากับเจเนลร่วงถึงพื้นนั้น พีวิลเสยหมัดชกลงเพื่อต้านแรงปะทะเหมือนเช่นเคยเอาไว้

              "ไม่เป็นไรหรอก แม้นั้นอาจจะทำให้ฉันชกด้วยมือนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ทำอะไรไม่ได้หรอกน่ะ" พีวิลกล่าว โดยตอนนี้ เขาขยับมือซ้ายทั้งมือไม่ได้แล้ว จากการที่ใช้ชกมาโดยที่สภาพกายยังสาหัสอยู่

              "แย่ชะมัดเลยน่า นายขยับมือซ้ายของนายไม่ได้ไม่ว่า...." เจเนลกล่าว แล้วก็ "ฟึ่บบบ ครืดดดด" เปลี่ยนมือขวาเป็นเมทัลเบลด ซึ่งตอนนี้ มีรอยร้าวอยู่ทั่ว ปลายดาบบิ่นหักไปส่วนหนึ่ง "....ถ้าไม่รีบซ่อมแซมระบบอาวุธให้ใช้งานได้ละก็ ฉัน จายด์และจิลไม่มีทางขยับมือทั้งสองข้างได้แน่นอน"

              พีวิลบอก "ส่วนหนึ่งเพราะ..พวกเราถูกขัดจังหวะในการรักษาตัวเองโดยพวกเมคครอฟิคไว้นะสิ"

              "หวืออออ ตรึงงงง" จายด์โดดลงมาพร้อมกับจิลที่เกาะคอไว้แน่นๆ ซึ่งก็ทำให้บู๊ตขนาดใหญ่เสียหายไปในระดับหนึ่งแล้ว "ดูท่าว่า เราจะอยู่ในโถงขนาดใหญ่ของยานหรืออะไรสักอย่างที่ใหญ่มากเลยสิน่ะ" จายด์บอก

              พีวิลกล่าว "และคงจะถูกทิ้งร้างเอาไว้นานแล้ว แม้โครงสร้างจะดูแข็งแกร่งแม้ผ่านกาลเวลามานานหลายสิบ หรือหลายร้อยปีกันก็ตาม ใครก็ตามที่อยู่ในโถงนี้คงมีจำนวนมากและน่าจะเป็นอันตรายมากด้วยน่ะ"

              "ภาวนาว่าพวกเมคครอฟิคมันไม่เข้ามาในนี้กันบ้างนะ" เจเนลกล่าวติดตลก แต่ไม่ทันไรก็... "ฟึ่บบบบ ฟึ่บๆๆๆๆ" เหล่าหุ่นยนต์ทรงกลมโผล่มาจากเงามืดเป็นจำนวนมาก บนตัวหุ่นทรงกลมนั้นมีดวงตาเล็กๆสองดวงกระพริบอยู่ ตามด้วยหุ่นทรงกลมแบบเดียวกัน แต่เชื่อมต่อกับหุ่นจักรกลแบบต่างๆ ตั้งแต่แบบทรงกระบอกมีล้อบ้าง แบบถังทรงกลมที่มีแขนกลหลายแขน แบบจานบิน แบบสี่ขา และอื่นๆอีกมาก

              จิลบอกด้วยความไม่พอใจอย่างมาก "แล้วจะอธิบายถึงพวกนี้กันยังไงละ"

              "งึงๆๆๆๆๆๆ" เหล่าหุ่นพวกนี้ส่งเสียงกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับ "วึ้งๆๆๆๆๆๆๆ" ฉายแสงจากดวงตาเข้าใส่พวกพีวิลกันอย่างยกใหญ่ โดยเฉพาะจายด์ที่ฉายเยอะมากที่สุด "พวกนั้นคิดจะทำอะไรพวกเรากันน่ะ" เจเนลบอก

              พีวิลกล่าว "ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่พวกเราไม่แสดงท่าทางที่พวกนั้นมองว่าเราเป็นตัวอันตรายกันเสียก่อนน่ะ"

              "งึงๆๆๆ" หุ่นเหล่านั้นฉายแสงไปสักพักก็หยุดมือลง จนกระทั่ง "แฟ้ววว แฟ้ววว แฟ้ววว แกร็กๆๆๆ" ยิงหุ่นแมงมุมเข้าเกาะแขนของพวกพีวิลกันอย่างรวดเร็ว "นี้พวกแก ทำอะไรพวกเรากันน่ะ" เจเนลโวยลั่นขึ้นมา แต่ "เปรี้ยะๆๆๆๆๆ" หุ่นแมงมุมใช้ปลายแขนปล่อยประจุเข้าช็อตแขนของเจเนลอย่างจังๆ

              "กรุณาอยู่เฉยๆ เพื่อให้รีแพร์ชิปทำการซ่อมแซมส่วนจักรกลที่ได้รับความเสียหายได้อย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้น การซ่อมแซมจะถูกขัดจังหวะและทำให้ฟังค์ชั่นในส่วนจักรกลที่คุณมีต้องสูญเสียไปด้วย"

              "นี้พวกคุณ มิได้เป็นพวกเดียวกับ พวกเมคครอฟิคนะหรือ" จายด์บอก

              หุ่นทรงกลมที่สวมตัวถังทรงกระบอกกล่าว "ถ้าเป็นเมื่อตอนที่ชนเผ่าออร์เลี่ยนยังอยู่ พวกเราต่างเป็นมิตรกับพวกเมคครอฟิคมานานแสนนานแล้ว แต่บัดนี้ พวกเมคครอฟิคกลายเป็นพวกที่กดขี่ข่มเหงพวกเรามานานแสนนาน จากการที่พวกนั้น รวมมือกับพวกเดลอาเนี่ยน....กวาดล้างพวกออร์เลี่ยนจนสิ้นชีพลงไปจนหมดแล้ว"

              "แต่จากการที่พวกเรา ได้เห็นพวกคุณสู้กับพวกเมคครอฟิคที่ไล่ล่ามาถึงเขตเศษเหล็กของพวกเรานั้น ทำให้เรารู้ว่า พวกคุณต่อกรกับพวกเดลอาเนี่ยนด้วยสิ่งที่ชาวออร์เลี่ยนหลงเหลือเอาไว้ด้วยน่ะ" หุ่นทรงกระบอกที่มีแขนกลเล็กๆสี่แขนและลอยอยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงผู้หญิงขึ้นมา และหันมาถาม "พวกคุณคงจะเป็น พวกที่เรียกตัวเองว่าแมนิเกเตอร์ไทรเวเซอร์หรือเปล่าละ"

              จิลกล่าว "พวกเราเป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ เดิมเป็นมนุษย์โลกที่อาศัยอยู่ที่ดาวดวงที่ 3 ของระบบสุริยะจักรวาล แต่เราประสบกับความตายและถูกคืนชีพขึ้นมาจนมีกายเป็นเช่นนี้ ซึ่งพวกเราได้ใช้พลังและร่างกายที่เราเป็นอยู่กันนี้แหละ"

              "......... จากการวิเคราะห์ร่างของพวกคุณ พบว่ามีส่วนหนึ่งเป็นจักรกลเชื่อมต่อกับกายเนื้อและอวัยวะกันอยู่ เราจึงขอให้พวกคุณอยู่ที่นี้กันไว้ เพื่อให้เราดูสภาพของพวกคุณเสียหน่อยน่ะ" หุ่นทรงกลมที่ใช้ร่างหุ่นตัวโตสีดำกล่าว

              พีวิลถาม "แต่ พวกเราไม่รู้ว่า พวกคุณเป็นใครกันเลยน่ะ จะรู้ได้ไงว่าพวกคุณไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา"

              "พวกเราก็อยากจะรู้เช่นกันว่า พวกคุณต่อสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนกันเช่นไรน่ะ เพราะการที่เราหลบซ่อนมานานนั้น เราได้ยินข่าวลือเพียงเล็กน้อยกันน่ะ" หุ่นน้ำเสียงผู้หญิงกล่าว

              จายด์บอก "หวังว่าพวกคุณคงไม่หลอกลวงพวกเรากันน่ะ"

              แล้วพีวิลและพวกเจเนไซด์ทีมก็มาอยู่ในห้องขนาดเล็ก โดยอยู่บนเตียงซึ่งมีเครื่องสแกนฉายรังสีพวกเขากันอยู่

              "อย่างงี้เอง พวกคุณผ่านการสู้รบจากดาวบ้านเกิดมาจนถึงจักรวาล เพื่อปกป้องอดีตเพื่อนร่วมเผ่าจากการคุกคามของขั้วอำนาจที่คุณกับพวกเคยรับใช้มาถึงสองครั้งสองคร่า แล้วก็ค้นพบยานอวกาศของชาวออร์เลี่ยนที่เหลือไว้ ต่อสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนเลยสิน่ะ แทบไม่เชื่อเลยว่า พวกคุณจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันจนฟันฝ่ามาถึงจุดนี้ได้นะคะ" หุ่นทรงกระบอกเสียงผู้หญิงกล่าว

              พีวิลบอก "งั้นพวกคุณก็ช่วยเหลือชาวออร์เลี่ยนมาโดยตลอดสิน่ะ"

              "พวกเรา เผ่าเมอโมเฮิร์มนั้น เดิมมาจากเขตอวกาศดาวเหนือ ซึ่งผู้สร้างได้สร้างพวกเราในการช่วยเหลือและพัฒนาชนเผ่าที่ยังล้าหลังในการพัฒนาอารยธรรมกันอยู่ โดยเฉพาะการพัฒนาอารยธรรมไปถึงขั้นที่สามารถเดินจากระบบดาวไปสู่อีกระบบดาวกันด้วย พวกเราได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชนเผ่าทั้ง 12 ราศีส่วนหนึ่งให้มีความเจริญเหมือนเช่นที่พวกคุณเคยเห็นมาแล้ว" เมอโมเฮิร์มหมายเลข 55PTD ซึ่งใช้หุ่นสีดำกล่าว "ทว่า การมาของผู้รุกรานอันน่ากลัวนั้น ไม่เพียงทำให้ชนเผ่าที่สร้างพวกเรามาต้องสูญสิ้นไป จนผู้ที่สร้างเรา ต้องให้พวกเราไปอยู่กับชาวออร์เลี่ยน ซึ่งเป็นมิตรกับผู้สร้างพวกเรามานาน เพื่อช่วยเหลือพวกเขากันต่อไป ทั้งการดูแลการพัฒนาด้านต่างๆของดวงดาวและชนเผ่า ไปจนถึง...การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางสังคมกันไว้ด้วย"

              จายด์บอก "นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พวกคุณทำมาตลอดเลยสิ"

              "พวกเราทำได้แค่แนะแนวทางและปฏิบัติตามขอบข่ายคำสั่งกันไว้ พวกเราจะสู้ก็ต่อเมื่อเราสามารถสู้ได้เท่านั้นนะคะ" เมอโมเฮิร์มเสียงผู้หญิงตอบ

              เจเนลถาม "แล้วเราควรจะเรียกพวกคุณกันยังไงละ เพราะพวกคุณหน้าตาแทบเหมือนกัน แต่ใช้ตัวถังต่างกันน่ะ"

              "นัมเบอร์  T2920 นั้น เป็นเมอโมเฮิร์มที่รับผิดชอบเรื่องบำรุงรักษาพวกเรามาโดยตลอด รวมถึงซ่อมแซมความเสียหายจากโครงสร้างที่เราใช้กันอยู่นะ ส่วนฉัน คือนัมเบอร์ 55PTD ผู้นำของเมอโมเฮิร์มในแถบนี้" 55PTD แนะนำตัว "แม้เราจะรู้ว่าการต่อสู้ของพวกคุณกับผู้ที่สร้างและคืนชีพคุณขึ้นมานั้น จะเป็นการวางแผนในการผลักดันพวกคุณกับพวกที่ยังอยู่ที่ระบบดาวให้ออกมาสู่อวกาศกันก็จริง แต่การต่อสู้ระหว่างพวกเรากับพวกเมคครอฟิคนั้น เลวร้ายกว่าที่พวกคุณประสบกันมาเสียอีก"

              "เลวร้ายกว่าอย่างงั้นนะหรือ นี้คงไม่ได้หมายความว่า การต่อต้านของพวกคุณ ไม่สามารถทำให้พวกเมคครอฟิคสยบลงได้เลยหรือ" จิลถาม

              จายด์บอก "พอจะอธิบายได้มั้ย ว่าเพราะอะไร ที่ทำให้พวกเมคครอฟิคเหนือกว่าพวกคุณกันน่ะ"

              "นั้นเป็นเรื่องราวที่ยาวนานมากแล้ว นับตั้งแต่เมคครอฟิค ยังเป็นชนเผ่าจักรกลที่ยังล้าหลังมากที่สุด ในเขตอวกาศของออร์เลี่ยน ก่อนที่เดลอาเนี่ยนจะมีอิทธิพลครอบงำโดยสมบูรณ์กันน่ะ" 55PTD เกิร์นนำ "พวกเรารุ่นก่อนหน้านั้น ได้ค้นพบพวกเมคครอฟิคอยู่ที่ดาวดวงนี้ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากกองเศษหุ่นยนต์เก่าๆของพวกต่างดาวที่ถูกทิ้งเอาไว้ เรากับชาวออร์เลี่ยนจึง...ช่วยเหลือด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของพวกเมคครอฟิคที่อ่อนด้อยและไร้ค่า ให้กลายเป็นกลุ่มอารยธรรมจักรกลกลุ่มที่สองในเขตอวกาศแห่งนี้ โดยเราได้ชี้แนะแนวทางและให้คำปรึกษากับพวกเมคครอฟิคใ นการสร้างและบูรณะสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจนกลายเป็นดาวที่ทุกชนเผ่าสามารถอยู่ได้ รวมถึงการขยับขยายขอบเขตของพวกเขาที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนทำให้ระบบดาวอันไร้ค่าเป็นของพวกเมคครอฟิคภายใน 10 ปีให้หลัง ซึ่งเราแน่ใจว่า พวกเมคครอฟิคสามารถดูแลตนเองและสามารถสานสัมพันธ์กับชนเผ่าอื่นที่อยู่นอกระบบดาวกันได้แน่นอน"

              T2920 กล่าวต่อ "หลังจากที่พวกเรารุ่นก่อนได้ช่วยเหลือชาวออร์เลี่ยนในเรื่องรวบรวมชนเผ่าต่างๆที่อยู่ในเขตอวกาศแห่งนี้ ช่วยเหลือและพัฒนาชนเผ่าที่ล้าหลังให้เจริญรุ่งเรือง จนชาวออร์เลี่ยนสร้างกลุ่มสังคมอวกาศขึ้นมา พวกเรารุ่นก่อนจึงลงไปที่ดาวดวงนี้เพื่อดูความเคลื่อนไหวของพวกเมคครอฟิค โดยเราคิดว่า พวกเขาคงจะทำให้ดาวดวงนี้น่าอยู่มากขึ้น แต่ก็...."

              "พวกเมคครอฟิคนั้น แม้ว่าจะเป็นชนเผ่าจักรกลที่มีพัฒนาการด้านความคิดและความรู้ก้าวไกลมากที่สุดนั้น พวกเขาได้พัฒนาไปเร็วเกินกว่าที่เราคาดไว้ พวกเขาคิดค้นสิ่งอะไรใหม่ๆขึ้นมาก็รีบสร้างขึ้นมา โดยละทิ้งสิ่งเก่าๆที่ล้าหลังและไม่มีประโยชน์อันใดต่อสิ่งใหม่ๆที่สร้างขึ้นมา สิ่งเก่าๆที่เคยสร้างเอาไว้นั้นได้ถูกทิ้งเอาไว้นอกเขตเมืองทุกแห่ง ทำให้ดาวกลับกลายเป็นสภาพเดิมที่เรามาถึง ซึ่งการกระทำของพวกเมคครอฟิคในเวลานี้ ทำให้เราต้องลงไปชี้แนะขึ้นมา ทว่า..." 55PTD บอก

              เจเนลกล่าว "พวกเมคครอฟิคพัฒนาสมองจนคิดได้ว่าพวกนี้สามารถทำอะไรได้เองโดยไม่ต้องเชื่อฟังคนอื่นๆ รวมถึงพวกนายเลยสิน่ะ"

              "พวกเมคครอฟิคคิดว่าพวกเขาสามารถพัฒนาอารยธรรมของพวกเขาได้โดยไม่ต้องฟังคำแนะนำจากพวกเรา แม้พวกเราจะเตือนพวกเขาถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่และขอร้องให้พวกเขาทำตาม แต่สุดท้าย พวกเขากลับตอบแทนพวกเราด้วยอาวุธปืนขึ้นมา ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มของความขัดแย้งระหว่างพวกเราและพวกเมคครอฟิคไปโดยปริยาย และยิ่งแตกหักมากขึ้น เมื่อพวกเขาคิดที่จะแปรสภาพชนเผ่าที่มีเลือดเนื้อให้กลายเป็นจักรกล โดยอ้างว่า พวกเขาทำเพื่อยุติความขัดแย้งทั้งปวงที่เกิดขึ้นในระบบอวกาศกันในเวลานี้ลง ด้วยการทำให้ทุกชนเผ่าที่ถูกแปรสภาพ อยู่ภายใต้เครือข่ายการควบคุมของพวกเขาทั้งหมด ผู้ที่ส่อเค้าว่าจะต่อต้านหรือพยายามขัดขืนก็จะถูกกำจัดไป โดยไม่รู้เลยว่า การกระทำของพวกเมคครอฟิคนั้น เป็นการทำลายอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองให้สูญสลายหายไป เมื่ออัตลักษณ์ตัวตนเดิม ถูกแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งไร้ชีวิตขึ้นมา" 55PTD บอก

              T2920 กล่าว "การกระทำของพวกเมคครอฟิคนั้น แม้จะไม่มีการเปิดเผย เพราะพวกเขาร่วมมือกับพวกเดลอาเนี่ยน เพื่อหวังจะใช้ประโยชน์จากการรุกรานครั้งนี้ ดำเนินแผนการแปรสภาพทุกชีวิตให้กลายเป็นจักรกลขึ้นมา ซึ่งนั้นหมายถึง...พวกเขาคิดจะเปลี่ยนเดลอาเนี่ยนกันด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่า พวกเดลอาเนี่ยนเองก็รู้อยู่แล้วเช่นกัน"

              "พูดง่ายๆก็คือ หากพวกเดลอาเนี่ยนรู้ว่าพวกเมคครอฟิคล้ำเส้นด้วยการเปลี่ยนชาวอาณานิคมต่างดาวให้เป็นจักรกลกันละก็....นั้นหมายถึงพวกเมคครอฟิคเองก็ต้องโดนลงโทษไปด้วยสิน่ะ" พีวิลบอก

              55PTD ตอบ "ถูกต้อง....ขนาดพวกเดลอาเนี่ยนกวาดล้างพวกออร์เลี่ยนจนสิ้นสูญไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาเองก็ทำกับพวกเมคครอฟิคได้เช่นกัน หากแต่....พวกเมคครอฟิคเองก็รู้ถึงแสนยานุภาพของฝ่ายมหาจักรวรรดิ์อยู่ พวกเขาเห็นว่าหากรีบลงมือนั้นหมายถึงหายนะของพวกเขาอย่างแน่นอน"


              "แล้วพวกคุณพยายามสู้กับพวกเมคครอฟิคมาตลอดเลยหรือ" จิลถาม

              T2920 ตอบ "พวกเรารุ่นก่อนนั้นได้สู้กับพวกเมคครอฟิคและหยุดยั้งแผนการแปรสภาพเป็นจักรกลกันมาตลอด แต่อย่างที่บอกเอาไว้ พวกเมคครอฟิคพัฒนาศักยภาพเหนือชั้นได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงปรับตัวสร้างอาวุธและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้ทุกเมื่อ จนพวกเราจำต้องรวมตัวกับเผ่าที่ทรงพลังกว่าเพื่อโต้ตอบพวกเมคครอฟิคกันไว้น่ะ"

              "แล้วเผ่านั้นเป็นเผ่าไหนกันละ" จายด์บอก

              55PTD ตอบ "เผ่าเชนเทโชท เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทรงผลึกซิลิกอน แม้จะเป็นแท่งผลึกที่ไม่ได้มีแขนขาหรือส่วนหัวเหมือนกับพวกคุณ แต่ก็เป็นชนเผ่าเก่าแก่และทรงภูมิปัญญา เฉกเช่นเดียวกับทรงอำนาจขึ้นมากันด้วย โดยพวกเขาเป็นแรงผลักดันสำคัญสนับสนุนช่วยเหลือออร์เลี่ยนในการรวบรวมชนเผ่า เพื่อสร้างกลุ่มสังคมอวกาศขึ้นมา ซึ่งพวกเขาเองก็เจอกับปัญหาแบบเดียวกันกับลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาด้วย"

              "ลูกพี่ลูกน้องของพวกเผ่าแท่งผลึกนิ หรือว่าจะเป็น....พวกซีรีสตรัลนะหรือ" เจเนลบอก

              55PTD ตอบ "ใช่ เมื่อปัญหาของพวกเรากับของเชนเทโชทเหมือนๆกัน พวกเราจึงตัดสินใจ รวมร่างกับพวกเขาจนกลายเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมา แม้ว่านั้นจะทำให้พวกเราส่วนหนึ่งต้องสูญเสียอัตลักษณ์เดิม แต่การตัดสินใจของพวกเรากลุ่มนั้นมาถูกทางแล้ว ร่างรวมของเราและของเชนเทโชททรงพลังจนสามารถสยบทั้งสองเผ่าลงไปได้แน่นอน"

              "แต่สุดท้าย พวกเมคครอฟิคกับพวกซีรีสตรัลแก้ทางและจัดการกับพวกคุณได้เลยสิน่ะ" จายด์กล่าว

              T2920 ตอบ "คะ หลังจากสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างพวกเรากับพวกเดลอาเนี่ยนจบลง พวกเราเลยถูกจับกลับมาที่ดาวดวงนี้ โดยอยู่ในเขตเศษเหล็กที่ซึ่งพวกเราพบกับพวกเมคครอฟิคกันเป็นครั้งแรก ซึ่งพวกเราต่างก็ต่อสู้กับพวกเมคครอฟิคกันมาตลอด แต่....พวกเรา สูญเสียอาวุธทุกอย่างไป สิ่งประดิษฐ์อันเก่าแก่นั้นก็ไม่อาจจะใช้กับพวกเมคครอฟิคที่พัฒนาตนเองได้ตลอดเวลา และต้องอยู่ในวังวนแห่งการต่อสู้นี้มานานแสนนานกันแล้ว พวกเราจำต้องรักษาชีวิตพวกเรากันไว้ แม้ว่าการต่อสู้นี้ พวกเมคครอฟิคจะปล่อยให้พวกเรารอดไปได้ก็ตาม..."

              "เกรงว่า คราวนี้พวกเราคงสู้กับพวกมันไม่ได้แน่ๆน่ะ" 55PTD บอก

              เจเนลถาม "แล้วพวกนาย ลองทุกวิธีการกันแล้วหรือยัง แล้วใช้ทุกอย่างที่มีให้เกิดประโยชน์กันบ้างหรือเปล่าละ"

              "เราเคยลองกันมาแล้ว แต่สิ่งประดิษฐ์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในกองเศษเหล็กเหล่านี้ ล้วนเป็นของที่เสีย ของที่ใช้ไม่ได้กันทั้งนั้น แม้เราพยายามจะซ่อมมันแล้ว แต่ก็...." 55PTD บอก

              พีวิลกล่าว "อย่าถอดใจสิครับ ว่าของทุกอย่างที่อยู่ในนี้มันเสียจนใช้ไม่ได้กันน่ะ พวกคุณอยู่ที่นี้มานานก็น่าจะมีเก็บบางอย่างที่ใช้ได้มาบ้าง หรือมีของที่มีประโยชน์กันแบบนี้ไว้น่ะ"

              "นั้นสิ ถ้าพวกคุณใช้หุ่นสำหรับซ่อมแขนของพวกเราได้ก็น่าจะสร้างของเจ็งๆนั้นให้เป็นของดีๆได้เช่นกันน่ะ" จิลบอก

              จายด์กล่าว "แล้วก็ร่างของพวกคุณนั้น ถ้าพวกคุณสร้างขึ้นมาเองจากชิ้นส่วนที่หามาได้ในกอง หรือได้มาจากการซ่อมแซมนั้นละก็...ทำไมคุณถึงไม่ลองทำอะไรที่ดีๆกันบ้างละ" แล้วก็บอกไปว่า "ถ้าพวกคุณทำไม่ได้ แล้วทำไม ไม่ลองให้พวกเราช่วยกันบ้างเลยล่ะ"

              "...................." 55PTD ได้ฟังก็คิด T2920 บอก "นัมเบอร์ 55PTD คะ ฉันเองก็เห็นด้วยกับพวกเขานะคะ เพราะ....พวกเราเคยรวบรวมสิ่งของที่มีประโยชน์ทั้งหลายเอาไว้ในนี้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่เคยลองทำเป็นชิ้นเป็นอันแบบนี้ แม้จะรู้ว่ามันใช้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ลองใช้ จะรู้ได้ไงกันละคะ"

              เจเนลบอก "สงสัยว่าคงจะคิดเยอะและนานไปละสิ เครื่องถึงแฮงค์ไปได้น่ะ"

              "..........................................................." 55PTD นิ่งไปถึง 4 นาทีจนกระทั่ง.... ".....คำแนะนำของพวกคุณ เหมือนกับที่ชาวออร์เลี่ยนเคยว่าไว้ไม่มีผิด ในตอนที่พวกเราไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับชาวเมคครอฟิคในเวลานั้น และพวกเราเองก็ไม่อยากจะทำร้ายพวกเขา เพราะพวกเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นนี้เอง"

              จิลบอก "แล้วชาวออร์เลี่ยนบอกกับพวกคุณยังไงบ้างละคะ"

              "พวกเขาบอกกับพวกเราว่า ปัญหาที่เกิดจากพวกเรานั้น พวกเราต้องเป็นฝ่ายแก้เองอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกเราไม่รู้จะทำยังไง พวกเขายินดีจะช่วยพวกเรากันอย่างเต็มที่" 55PTD บอก "และด้วยความช่วยเหลือของชาวออร์เลี่ยน พวกเราจึงรู้วิธีจัดการกับชาวเมคครอฟิคไว้ การรวมร่างกับชาวเชนเทโชทเอง ก็คือหนึ่งทางเลือกที่มาจากคำแนะนำของชาวออร์เลี่ยน ซึ่งพวกเราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนไว้แล้วน่ะ"

              พีวิลถาม "แสดงว่าชาวออร์เลี่ยนยินดีจะช่วยพวกคุณแก้ปัญหาด้วยกันสิน่ะ"

              "นับแต่พวกเราถูกกักไว้แค่กองเศษเหล็กนับร้อยแห่ง และถูกกดขี่กันมาตลอดแล้ว พวกเราเกือบจะลืมคำพูดของชาวออร์เลี่ยนเหล่านั้นไปหมดสิ้น แต่พวกคุณ...ได้ทำให้พวกเรามีความตั้งใจที่จะหยุดพวกเมคครอฟิคกันไว้แล้ว ดังนั้น....พวกเราจึงขอร้องพวกคุณให้ช่วยกันเสียหน่อยน่ะ" 55PTD บอก

              เจเนลกล่าว "พวกเราช่วยพวกนายได้ก็จริง แต่อย่างน้อย พวกนายคงไม่คิดจะเปลี่ยนพวกเราเป็นมนุษย์จักรกลเต็มตัวกันน่ะ"

              "พวกคุณเองก็มีสภาพแบบเดียวกับที่พวกเมคครอฟิคทำไว้กับชนเผ่าต่างๆกันแล้ว เพียงแต่....พวกเขายังไม่รู้เลยนะคะ ว่านั้นเป็นแผนขั้นต้นของพวกเมคครอฟิคกันน่ะ ดังนั้น พวกเราจึงไม่จำเป็นต้องทำกับพวกคุณ โดยที่พวกเมคครอฟิคเองก็ทำได้แค่...เปลี่ยนความจำหรือฝังชิปเพื่อควบคุมพวกคุณได้สมบูรณ์เลยนะคะ" T2920 กล่าว

              เจเนลอุทาน "โว้ว สงสัยว่าพวกใส่อิมแพลนท์หรือติดตั้งอวัยวะเทียมหรือการผ่าตัดคืนชีพเป็นไซบอร์คมาได้ยินเขา คงไม่แฮปปี้แน่ๆละสิ"

              "ถ้าเช่นนั้น พวกเรายินดีจะช่วยพวกคุณกันแน่นอนนะครับ เพียงแต่ เราต้องการยานอวกาศสำหรับออกไปจากดาวดวงนี้สำหรับสี่คนโดยสารไปสักลำหนึ่งกันนะครับ" พีวิลตอบรับ

              55PTD เห็นด้วย "....เพราะว่าพวกเราคงไม่ยอมให้พวกเมคครอฟิคบรรลุเป้าหมายได้เร็วแน่ๆ หากพวกคุณเสียท่ากันไว้ งั้นเรารีบลงมือกันดีกว่า"

              "แล้วว่าแต่ สิ่งประดิษฐ์ที่เก่าแก่ที่พวกนายเก็บมานั้น เก็บได้เยอะแค่ไหนกันน่ะ" เจเนลถาม 55PTD เลยส่งสัญญาณติดต่อไปหาเมอโมเฮิร์มพาพวกพีวิลไปดู ซึ่งก็...

              "โอ้ว....นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่กองเศษเหล็กที่เรายืนอยู่ มันกลวงไปเยอะมากเลยน่ะ" จิลกล่าว เพราะสิ่งประดิษฐ์อันเก่าแก่ทั้งเล็กและใหญ่ล้วนถูกกองสุ่มกันใหญ่โตมากๆ

              "แต่ เราต้องการชิ้นส่วนที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อใช้สร้างอาวุธสำหรับรับมือกับพวกเมคครอฟิคกันไว้นะคะ" T2920 บอก

              พีวิลกล่าว "งั้น เราคงขอดูแปลนข้อมูลอาวุธที่พวกคุณคิดค้นมาหน่อยได้มั้ย อย่างน้อยก็ช่วยไกด์นำพวกเราในเรื่องหาชิ้นส่วนกันได้น่ะ"


              แล้วหลังจากนั้น เวลาผ่านไป 2 วันด้วยกัน

              "พวกเมอโมเฮิร์มผลุบๆโผล่ๆในเขตที่ 88 นี้ถี่ไปหน่อยน่ะ" ทหารเมคครอฟิคระดับนายกองบอก

              พลทหารเมคครอฟิคกล่าว "สงสัยว่าพวกนั้นคงจะเตรียมการรับมือกับพวกเราแน่นอนเลยละ"

              "ถึงกระนั้น...พวกเมอโมเฮิร์มที่มีพวกแมนิเกเตอร์มาช่วยนั้น ไม่มีทางสู้กับพวกเราไปได้หรอก" นายกองกล่าว "เพราะ....ในกองเศษเหล็กเหล่านี้ มีแต่ของที่ใช้การไม่ได้กันทั้งนั้น แถมเตาพลังงานที่ให้พลังพวกมันนั้นก็ให้ได้แค่อยู่ได้หลายๆวันเท่านั้น ไม่มีทางที่พวกมันสร้างแหล่งพลังงานที่พวกเราควบคุมกันไปได้หรอก"

              พลทหารบอก "แถมพวกแมนิเกเตอร์สี่ตัวนั้นก็โดนเล่นงานมาก่อนแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวเกรงอะไรพวกมันเลยสิครับ"

              "ถ้าเช่นนั้น พวกเรารีบบุกไปกันดีกว่า ก่อนที่พวกแมนิเกเตอร์ทั้งสี่ตัวจะลอยนวลไปได้กันน่ะ" นายกองบอก "ส่งหน่วยที่ 1 ถึง 8 เข้าไปด้านหน้า หน่วยที่ 9 ถึง 12 ไปฝั่งตะวันตก หน่วยที่ 13 ถึง 16 ไปฝั่งตะวันออก ถ้าเจอพวกเมอโมเฮิร์มละก็ ให้ยิงทิ้งได้ในทันทีเลย"

              ทหารเมคครอฟิคตอบ "รับทราบ" แล้วพวกมันก็บุกเข้าไปในเขตกองเศษเหล็กที่ 88 กันโดยเร็ว ซึ่งพวกมันก็เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ อย่างระมัดระวัง

              "ไม่เห็นเจอพวกเมอโมเฮิร์มหรือพวกแมนิเกเตอร์เลยนะครับ" ทหารเมคครอฟิคหน่วย 3 บอก

              นายกองกล่าว "พวกมันไม่มีทางซ่อนตัวจากระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว พลังงาน ไปจนถึงกับดักที่วางไว้รอบด้านกันหรอกน่ะ"

              "แล้วถ้าเป็นเครื่องสร้างคลื่นรบกวนและอำพรางตนเองกันละ พวกเราเคยสร้างมันมาก่อนมิใช่หรือ" ทหารหน่วย 12 ถาม

              นายกองตอบ "ไม่มีทางหรอก เครื่องมือเหล่านั้นตกรุ่นไปแล้ว ไม่มีทางสู้กับรุ่นใหม่ไปได้หรอก"

              "ตึกๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงฝีเท้าดังถี่ๆตรงมาพร้อมกับ "ฟึ่บบบ" ร่างเงาวิ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว "พบความเคลื่อนไหวตรงไปทางตะวันออก อนุมัติให้ไล่ตามกันโดยเร็วนะครับ" หัวหน้าหน่วย 14 รายงานและขอคำอนุมัติ ซึ่งนายกองกล่าว

              "อนุมัติให้ไล่ล่าได้อย่างเต็มที่ จัดการกับพวกมันก่อนที่จะลงมือกันน่ะ" แล้วพวกเมคครอฟิคหน่วย 14 ก็บุกไล่ตามเสียงฝีเท้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องพบกับ... "อะไรเนี้ย หุ่นทำความสะอาดติดลำโพงนะหรือ ลูกไม้ตื้นๆที่คิดจะให้พวกเราเดินมาติดกับนั้น ไม่ได้ผลกันหรอก" เมคครอฟิคในหน่วยที่ 14 กล่าว แล้วก็ "แชดดดด ตรูมมม" ใช้แขนปืนยิงทำลายหุ่นทำความสะอาดติดลูกล้อทิ้งลง

              "ฟึ่บบบ ครืดด แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" หน่วยที่ 12 ถูกระดมโจมตีด้วยปืนแสงที่เป็นเครื่องฉายแสงที่ถูกปรับให้ยิงลำแสงแบบเจาะทะลวงเกราะอย่างรวดเร็ว โดยปืนแสงเหล่านั้นโผล่มาจากกองเศษเหล็กทั้งด้านข้างและที่พื้นไว้ "แชดด แชดดด แชดดด แชดดด" แต่หน่วยที่ 12 ยิงทิ้งไปกันหมด "เครื่องฉายแสงที่ถูกดัดแปลงไปนั้น พวกเมอโมเฮิร์มทำได้แค่นี้เลยหรือ" พวกเมคครอฟิคกล่าวพร้อมกับยิงทำลายปืนแสงที่โผล่มาจนพังไปหมด โดยที่...

              "โว้ว แบบนี้พวกเราจะจัดการกับพวกมันยังไงดีละเนี้ย ในเมื่ออาวุธที่เราเมคขึ้นมาสดๆนั้น ใช้ไม่ได้ผลทั้งนั้นเลยน่า" เจเนลกล่าวเมื่อเห็นภาพที่ถ่ายจากคาเมร่าบิทที่จิลดัดแปลงเพื่อสอดแนมไว้

              "เย็นไว้น่า เจเนล เรารู้อยู่แล้วละ ว่าอาวุธที่เราทำอย่างเร่งด่วนนั้น ทำอะไรมันไม่ได้แน่ๆ" พีวิลบอก โดยมองดูแผนที่เขตเศษเหล็ก ซึ่งระบุตำแหน่งของพวกเมคครอฟิครายล้อมอยู่ในพื้นที่กันทั้งนั้น "อย่างน้อย นั้นก็ทำให้พวกมันอยู่ในพื้นที่กันแล้วน่ะ"

              จิลกล่าว "ภาวนาว่ากับดักที่เราทำขึ้นมานั้น คงจะช่วยได้กันบ้างละน่ะ"

              "นี้คือหน่วยที่ 4 เราฝ่ากับดักเครื่องทำความเย็นที่พยายามจะแช่แข็งพวกเรากันแล้วละ" ทหารเมคครอฟิคหน่วย 4 รายงาน

              อีกหน่วยบอก "นี้หน่วยที่ 7 พวกเราเก็บลูกระเบิดที่เป็นลูกบอลสั่นสะเทือนที่ใช้สร้างอุโมงค์ ซึ่งทุกลูก ไม่ระเบิดทำร้ายพวกเราเลย พวกเมอโมเฮิร์มคาดการณ์ผิดไปมากแล้วละ"

              "พวกเราผ่านกับดักเครื่องพ่นพลังพลาสม่ารุ่นเก่าเมื่อ 150 ปีกันมาได้แล้ว ความร้อนจากเครื่องดังกล่าวไม่มีผลอะไรกับพวกเรากัน ดังนั้น พวกเราขอเคลื่อนตัวต่อ" ทหารหน่วยที่ 11 บอก

              หน่วยที่ 15 แจ้งมา "พวกเราทำลายปืนยาวที่ติดหุ่นโดรนจานบินเล็กรุ่นเก่าที่พวกเมอโมเฮิร์มส่งมากันแล้ว แม้ว่าพวกเราจะสาหัสไปบ้าง แต่ไม่มีผลอะไรต่อภารกิจ พวกเราขอเคลื่อนตัวต่อ"

              "พวกเราเคลื่อนผ่านกับดักหลุมพลาง กับดักที่พื้นและผนังรอบด้านไว้แล้วละ" หน่วยที่ 6 รายงาน เช่นเดียวกับหน่วย 3 หน่วย 5 หน่วย 9 และหน่วยที่ 10 เองก็ผ่านกับดักมาด้วย

              "พวกมันผ่านกับดักหลอกของพวกเรากันแล้วน่ะ" จายด์บอก

              "แผ่นเหล็กลวงระบบตรวจสอบนั้นช่วยได้มากในการหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าพวกเราขุดหลุมกันไว้ แม้ว่านั้นจะทำให้พวกมันเข้ามาใกล้ได้เลยก็ตามน่ะ" 55PTD กล่าว "แต่ พวกนั้นน่าจะรู้ว่าแผ่นเหล็กที่พวกคุณวางเอาไว้นั้น เป็นของเก่ากันแล้วมิใช่หรือ"

              เจเนลบอก "พวกคุณบอกว่า พวกเมคครอฟิคพัฒนาอะไรใหม่ๆ โดยละทิ้งของเก่าเอาไว้เบื้องหลังใช่มั้ยล่ะ ถ้าพวกมันจะทิ้งของเก่าให้ได้สมบูรณ์แบบ พวกมันก็ต้องลบข้อมูลเก่าๆทิ้งเพื่อเอาของใหม่ใส่เข้าไปแทนที่ จนไม่มีข้อมูลเก่าอ้างอิงกันนี้แหละ"

              "เข้าใจแล้วละ ถ้าพวกเขาลบข้อมูลของเครื่องมือเก่าๆที่วางกองไว้ในกองเศษเหล็กแห่งนี้ออกไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเครื่องมือแต่ละอย่างนั้นมีฟังก์ชั่นอะไรกันบ้างสิน่ะ" D02B9SA2 กล่าว

              พีวิลบอก "นั้นเป็นข้อเสียของพวกเมคครอฟิคที่ยังไม่รู้ตัวกันไว้น่ะ...และคงไม่รู้ถึงแผนการของเราในตอนนี้กันหรอกน่า...." โดยกดปุ่มสีเขียวลงบนแป้นไว้

              "นายกองครับ พวกเราตรวจจับสัญญาณของพวกเมอโมเฮิร์มกับแมนิเกเตอร์นัมเบอร์ G-3 อยู่ห่างจากเราไปไม่มาก ให้พวกเราเริ่มโจมตีกันเดียวนี้เลย" หัวหน้าหน่วย 3 รายงาน โดยมองเห็นจิลกับพวกเมอโมเฮิร์มอยู่หลังกำแพง

              หัวหน้าหน่วย 8 กล่าว "แมนิเกเตอร์มือโตสีน้ำเงินใช้พาหนะแล่นผ่านพวกเราไปแล้วละครับ มันกำลังล่อพวกเรามายังปืนใหญ่ที่ซ่อนไว้อยู่น่ะ"

              "พวกเราเห็นแมนิเกเตอร์ตัวโตรหัส G-2 ยืนอยู่ด้านบน ขอคำสั่งอนุมัติให้ยิงปืนแสงพิสัยไกลจัดการก่อนที่มันจะทำร้ายพวกเรากันนะครับ" หัวหน้าหน่วย 11 บอก

              หัวหน้าหน่วยที่ 5 กล่าว "เรดาห์สแกนตรวจพบแมนิเกเตอร์สามเขารหัส G-1 ซ่อนตัวพร้อมกับพวกเมอโมเฮิร์มที่ใช้บอดี้ต่อสู้รุ่นเก่าแอบแฝงอยู่ใต้ดินในโซนที่เราอยู่ ขออนุญาตให้จัดการกับพวกมันโดยเร็วเถอะครับ"

              "นายกองครับ รีบจัดการกับพวกมันโดยเร็วดีกว่านะครับ" ทหารคนสนิทบอก

              หัวหน้ากองเห็นด้วยจึงสั่งให้ "หน่วยที่ 3 หน่วยที่ 5 หน่วยที่ 8 อนุมัติให้โจมตีได้ในทันที ส่วนหน่วยที่ 11 เราจะยิงปืนใหญ่เข้าไปตามนี้เลย" 

              "รับทราบ" หัวหน้าหน่วยที่ 3 5 และ 8 ตอบแล้วก็รีบบุกจู่โจมโดยเร็ว ส่วนกองรบหลักนั้นก็ "ครืดดดดด ตรึงงงง" นำป้อมปืนเลเซอร์ออกมาเพื่อยิงใส่เป้าหมายที่หน่วยที่ 11 ระบุเอาไว้จน "ตรูมมมม" ระเบิดวินาศสันตะโรขึ้นมา

              "เออ มีรายงานจากหน่วยที่ 1 2 4 และ 7 มา พวกเมอโมเฮิร์มได้นำป้อมปืนโผล่มากันแล้วละครับ" ทหารคนสนิทรายงาน โดยที่กองเศษเหล็กนั้น เห็นป้อมปืนที่เป็นหุ่นทรงกระบอกติดปืนใหญ่สองข้างโผล่ขึ้นมาจากกองเศษเหล็กกองสูง

              "ร่างต่อสู้เวอร์ชั่นที่ 4 ซึ่งถูกปลดระวางไปเมื่อ 240 ปีก่อน หึ พวกเมอโมเฮิร์มฉลาดมากพอที่จะขุดของเก่ามา แต่น่าเสียดายที่ป้อมปืนเหล่านี้ไม่มีทางยิงได้เร็วกันหรอก" นายกองกล่าวแล้วก็ "แชดดด แชดดด แชดดดด แชดดดด" ป้อมปืนเลเซอร์ยิงใส่จน "ตรูมมมม บรึมมมม ตรูมมมม ตรูมมมม" ป้อมปืนของเมอโมเฮิร์มระเบิดไปทั้งสี่ป้อมด้วยกัน

              "มีรายงานจากหน่วยที่เหลือ ว่าตอนนี้ตรวจจับสัญญาณของพวกเมอโมเฮิร์มกันแล้วละครับ" ทหารคนสนิทบอก

              "อยู่ทั่วเลยหรือ มั่นใจน่ะ ว่านี้ไม่ได้เป็นแผนหลอกของพวกมันเลยน่ะ" นายกองกล่าว

              ทหารคนสนิทตอบ "ไม่มีทางอยู่แล้วละครับ เพราะหุ่นสอดแนมภาคอากาศของเรานั้นตรวจจับสัญญาณของพวกเมอโมเฮิร์มจากเขต 14 27 33 48 53 60 และ 74 อยู่ทั่วทุกมุมในเขตที่ 88 โดยติดตั้งชุดสู้รบไว้แล้วละครับ"

              "อย่างงี้นี้เอง พวกแมนิเกเตอร์สี่ตัวรวมหัวกับพวกเมอโมเฮิร์มติดต่อกับพวกพ้องจากเขตอื่นให้มารวมตัวกัน เพื่อจัดการกับพวกเราเลยสิน่ะ" นายกองบอก และสั่งการให้ "ทุกหน่วย จู่โจมใส่พวกเมอโมเฮิร์มที่อยู่ในนี้ให้พังพินาศไปซะ" แล้วก็ "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงปืนแสงดังขึ้นไปทั่วเขต 88 กันอย่างต่อเนื่อง

              "ตอนนี้ เราระบุจุดของพวกศัตรูรวมตัวกันที่สถานีอวกาศรุ่นเก่ากันแล้วละครับ"

              "ให้หน่วยรบทั้งหมดแห่ไปที่จุดนั้นโดยเร็วเลย" นายกองกล่าว โดยในเวลานี้ หน่วยรบเมคครอฟิคจำนวน 5 หน่วยโผล่มาตรงหน้าสถานีอวกาศเก่า ซึ่งพีวิล เจเนล จายด์และจิลยืนอยู่ตรงชั้นบนสุด

              "พวกแกหลบซ่อนไปก็เปล่าประโยชน์แล้ว" หัวหน้าหน่วยที่ 2 กล่าว

              "บ้าชะมัด นี้กับดักของพวกเราหยุดพวกมันไม่ได้จริงๆเลยหรือ" เจเนลโวยลั่น "ทำอะไรสักอย่างสิ พีวิล" พีวิลทำเป็นนิ่งเอาไว้

              หัวหน้าหน่วยที่ 1 กล่าว "เอาละ ไอ้พวกแมนิเกเตอร์ พวกแกกับพวกเมอโมเฮิร์มหยุดพวกเราไม่ได้กันแล้ว ยอมแพ้กันเสียเหอะ เพราะตอนนี้ เราทำลายยุทโธปกรณ์ของพวกแกที่สร้างเอาไว้จนหมดแล้วน่ะ"

              "เดียวก่อนน่ะ...เราได้ยินมาว่า พวกแกถูกหน่วยที่ 3 5 8 และ 11 โจมตีกันแล้วมิใช่หรือ สภาพของพวกแกในตอนนี้ไม่น่ารอดกันเลยนิ มันหมายความว่าไงกันละ" หัวหน้าหน่วย 2 บอก

              จายด์บอก "คิดว่าพวกแกคงจะทำลายพวกเราทิ้งไปแล้ว เช่นเดียวกับทำลายอาวุธที่เรารู้ดี ว่าใช้หยุดพวกแกไม่ได้แน่ๆเลยสิน่ะ"

              "และสภาพของเรานั้น แม้จะฟื้นได้แค่ระบบอาวุธ แต่สภาพกายโดยรวมของเรายังสาหัสกันอยู่ ดังนั้น...พวกเราไม่มีทางหนีไปไหนได้ หรือหาทางวิ่งมาทางนี้ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน" จิลบอก

              หัวหน้าหน่วยที่ 6 บอก "แต่ถึงพวกแกจะหาทางก่อกวนพวกเรา แต่พวกเราทั้งหมดนี้จะโจมตีพวกแกและพวกเมอโมเฮิร์มจนราบคาบกันไปเลยนี้แหละ"

              "ทั้งหมดเลยหรือ....แน่ใจน่ะ ว่าทั้งหมดเลยน่ะ" เจเนลเปลี่ยนท่าทีจากร้อนรนมาเป็นพูดอย่างเป็นต่อขึ้นมา "ทำไมพวกแกถึงไม่ติดต่อหาพวกพ้องของพวกแกกันเลยละ เพราะอย่างน้อย พวกแกก็ต้องการยืนยันว่าพวกพ้องของพวกแกยังอยู่กันน่ะ"

              เมคครอฟิคหัวหน้าหน่วยที่ 1 กล่าว "เดียวก็รู้ ถึงหน่วยที่ 3 4 5 7 8 9 10 11 ได้ยินแล้วตอบด้วย....ตอบด้วย ตอบด้วย..."

              "นี้หน่วยที่ 3.... พวกเรา ถูกจู่โจมกันน่ะ" เมคครอฟิคหน่วยที่ 3 กล่าว

              หัวหน้าหน่วยที่ 2 ถาม "จู่โจมนะหรือ พวกเมอโมเฮิร์มไม่น่าจะเล่นงานพวกนายกันไว้เลยนิ แล้วโดนเล่นงานได้ไง"

              "....พวกเรา...ถูก....หน่วยที่ 10 สวนกลับมาเพราะคิดว่าเป็นพวกเมอโมเฮิร์มที่เคลื่อนตัวตรงมาอยู่หลังกำแพง ซึ่งหน่วย 7 เองก็โดนหลอกเหมือนกับพวกเรากัน..." เมคครอฟิคหน่วย 3 กล่าวจบก็ดับวูบลง เพราะถูกยิงเข้าที่หน้าอกทะลุเตาพลังงานและระบบซ่อมแซมไป ตามด้วย

              "นี้ หน่วยที่ 5 พวกเราไม่เพียงไล่ตามแมนิเกเตอร์ 3 เขามาจนถึงลานกว้าง ซึ่งหนีมาอยู่กับพวกเมอโมเฮิร์มที่เตรียมกองรบ โดยพวกเรารีบจัดการจนราบคาบไปก็จริง" เมคครอฟิคหน่วย 5 รายงานจนเหลือเพียงแค่หัว "แต่เราถูกเมคครอฟิคหน่วย 7 จู่โจมด้วยระเบิดแรงสั่นสะเทือนกลับจนเราทั้งสองกลุ่มถูกบดขยี้กันเองน่ะ"

              "หน่วยที่ 11 เล่นงานพวกเราเพราะเข้าใจว่าพวกเราเป็นพวกเมอโมเฮิร์มที่หนีออกจากป้อมปืนที่ถูกยิงไปเมื่อครู่กันไม่ว่า....พวกเราทั้งสองหน่วยร่วงตกหลุมพลางสว่านกันแล้ว กุกๆๆๆๆๆ" เมคครอฟิคหน่วย 8 บอก โดยส่วนหัวถูกสว่านเจาะหมุนแยกจากลำตัว เช่นเดียวกับพวกเมคครอฟิคตัวอื่นๆกันด้วย

              หัวหน้าหน่วยที่ 6 กล่าว "หน่วยรบที่เหลือ ได้ยินแล้วตอบด้วย มีหน่วยไหน ยูนิตไหนรอดไปได้ละ"

              "นี้หน่วยที่ 16 พวกเรากับหน่วยที่เหลือนั้น..." เมคครอฟิคหน่วยที่ 16 กล่าว "พวกเราไล่ตามพวกเมอโมเฮิร์มที่ดักซุ่มโจมตีเพื่อถล่มพวกมันก่อน แต่กลายเป็นว่า...."

              เมคครอฟิคจากหน่วยที่ 15 บอก "....พวกเรากลับถูกสะท้อนด้วยเครื่องสร้างสนามพลังสะท้อนลำแสงรุ่นเก่าที่ถูกปรับให้สวนกลับ หลังจากที่จู่โจมไปแล้ว ซึ่งพวกเมอโมเฮิร์ม ทำสัญญาณหลอกพวก....."

              "นี้คงเป็นฝีมือของพวกแกกับพวกเมอโมเฮิร์มกันสิน่ะ ที่กล้ามาหลอกพวกเราให้พวกเราทำลายกันเองน่ะ" เมอครอฟิคหน่วยที่ 1 บอก

              หัวหน้าหน่วยที่ 2 กล่าว "แต่กองบัญชาการของพวกเรามีป้อมปืนใหญ่อยู่ พวกแกไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้หรอกน่ะ"

              "มั่นใจน่ะ ว่าจะจัดการกับพวกเราด้วยปืนใหญ่กันได้น่ะ" พีวิลบอก

              หัวหน้าหน่วยที่ 6 กล่าว "ถ้าเช่นนั้นก็ กองบัญชาการ รีบจัดการกับพวกมันตรงตำแหน่งของพวกเราเดียวนี้เลย"

              "ฉันได้สั่งยิงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยก็ช่วยให้กองรบที่เหลืออยู่ เคลื่อนตัวมาช่วยพวกนายได้กันน่ะ" นายกองกล่าว

              หัวหน้าหน่วยที่ 2 บอก "ที่เหลือนะหรือ แต่ พวกนั้นถูกทำลายไปแล้วมิใช่หรือ"

              "แต่ จอเรดาห์ยังระบุสัญญาณกันอยู่น่ะ และกำลังเคลื่อนไหวเพื่อล้อมปิดทางหนีของพวกศัตรูกันไว้ โดยที่พวกเขาแจ้งพวกเรามาแล้วน่ะ" นายกองบอก     

              หัวหน้าหน่วยที่ 1 บอก "ไม่ใช่น่ะ นายกอง DDT หน่วยรบของพวกเราถูกถล่มยับเยิ่นแล้ว ย้ำ หน่วยของเราถูก...."

              "เบื้องบนสั่งยิงปืนใหญ่ไปแล้วละครับ" ทหารคนสนิทบอก

              นายกอง DDT กล่าว "เอาละ หน่วยรบที่ 1 2 และ 6 เตรียมพร้อมจู่โจมกันเดียว...."

              "ตรูมมมมม บรึมมมมมม ตรูมมมมม ตรูมมมมมม บรึมมมมม" เสียงระเบิดดังขึ้นถึง 5 ครั้งด้วยกัน กองบัญชาการของหน่วยรบถูกเป่ายับเยิ่นไปโดยทันที "....นี้....มัน อะไร กัน....ทำไมถึง..." นายกอง DDT ที่เหลือแต่หัวกล่าวและดับชีพลง

              หัวหน้าหน่วยที่ 6 "นี้แก แกทำอะไรกับกองบัญชาการกันแน่ละเนี้ย ในเมื่อพวกแกไม่มีป้อมปืนใหญ่ที่ถูกถล่มไปน่ะ"

              "ป้อมปืนใหญ่ที่เรานำมานั้น....เรารู้อยู่แล้วละ ว่ามันเก่าและทำอะไรพวกแกไม่ได้แน่นอนน่ะ" เจเนลบอก

              จายด์กล่าว "แต่นั้นก็เป็นตัวหลอกสำหรับระบุตำแหน่งของป้อมปืนใหญ่ในกองบัญชาการที่อยู่นอกเขตนี้ ไปจนถึงที่อยู่ฐานหลักกันด้วย ซึ่งพลังงานลำแสงจากปืนใหญ่ที่ยิงใส่เครื่องฉายภาพโฮโลแกรมของฉัน กับป้อมปืนอีก 4 ป้อมนั้น ให้พลังมากพอสำหรับการเจาะระบบของหุ่นกล้องสอดแนม เพื่อส่งคำสั่งลวงให้เบื้องบนยิงปืนใหญ่เข้าใส่ตามคำสั่งที่ขอเอาไว้ พร้อมกับระบุตำแหน่งหน่วยรบที่ถูกทำลายไปแล้ว ให้กองบัญชาการแนวหน้ารู้ว่าพวกเขายังขยับตัวได้อยู่กันน่ะ"
    "ถ้าอย่างงั้น ตอนที่นายกอง DDT สั่งยิงปืนใหญ่ถล่มพวกแกไปนั้น เบื้องบนไม่ได้ยิงพวกแก แต่ยิงกองบัญชาการแนวหน้าของพวกเรางั้นหรือ" หัวหน้าหน่วยที่ 2 กล่าว โดยพีวิล และเจเนไซด์ทีมลงลิพท์มา

              จิลบอก "ด้วยระบบควบคุมการสั่งการซึ่งพวกแกใช้ในการเปลี่ยนชุดคำสั่งหุ่นรบของกลุ่มผู้รุกรานจากระบบดาวอื่น ให้หันมาทำร้ายพวกผู้รุกรานเสียเอง ที่พวกแกทิ้งเอาไว้เพราะมันใช้พลังงานเยอะเกินควรแล้ว ซึ่งต้องขอบใจพวกแกด้วย ที่มอบพลังให้กับพวกเราทั้งหมดนี้กันน่ะ" แล้วก็ "ครืดๆๆๆๆๆ" พวกเมอโมเฮิร์มนำชุดสู้รบรุ่นเก่าออกมาจากสถานีอวกาศเก่ากันทั้งหมด

              "บ้าชะมัด พวกเรามีจำนวนน้อยไปกันน่ะ" หัวหน้าหน่วยที่ 6 กล่าว

              หัวหน้าหน่วยที่ 1 บอก "พวกเมคครอฟิคใช้ชุดสู้รบเก่าๆที่พวกเราเคยใช้มาแบบนี้ นึกหรือว่าจะสู้กับพวกเรากันได้น่ะ" แล้วก็งัดแขนอาวุธปืนและแขนดาบพลังออกมา

              "สงสัยว่า เธอต้องอยู่แนวหลังแล้วละ เพราะสภาพกายของเธอนั้นอ่อนแรงเกินกว่าจะสู้ได้น่ะ" เจเนลกล่าว จิลพยักหน้า โดยให้หุ่นเมอโมเฮิร์มคอยคุ้มกันไว้ 3 ตัวด้วยกัน

              จายด์บอก "คงต้องใช้อาวุธที่เราทำเองสู้กันแล้วละ" แล้วก็งัดขวานที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนจักรกลเก่าๆเอาไว้ เจเนลเอาดาบเล่มโค้งออกมา ส่วนพีวิลเป็นมีดยาวสองเล่มด้วยกัน 

              "เตรียมตัวถูกทำลายได้เลย" เมคครอฟิคหน่วย 2 บุกเข้ามาด้วยดาบพลังเมคคราเลี่ยมทั้งสองเล่ม แต่... "ฟ้าววว ฉั้วะ ฉั้วะ ฉั้วะ" พีวิลพุ่งเข้าใส่เมคครอฟิคและฟาดฟันมีดยาวจนสับท้อง หน้าอกและหัวขาดสะบั้นลง เจเนลเลยใช้ดาบฟาดฟันใส่ขาของเมคครอฟิคจนขาดแล้วก็ถีบใส่หน้าเมคครอฟิคจนยุบคาฝ่าเท้าไปเต็มๆ "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" เมคครอฟิคสามตัวพุ่งทะยานด้วยขาเจ็ทขึ้นเพื่อใช้ดาบพลังฟาดใส่จายด์ แต่... "หวับบบ ฟึ่บบบ ฉั้วะ" จายด์ถอยตัวหลบออกมาพร้อมกับหวดขวานฟันใส่พวกเมคครอฟิคที่ลงพื้นมาจนตัวขาดไปสามตัวอย่างจังๆ แต่พวกมันพยายามจะต่อตัวใหม่ "ฟิ้วๆๆๆๆ แชดดด แชดดดด แชดดด ตูมมมม ตูมมมม ตูมมมมม" ปืนยาวรุ่นเก่าติดระบบอัตโนมัติ 3 กระบอกยิงลำแสงวงแหวนเข้าซ้ำใส่ท่อนบนเมคครอฟิคทั้งสามตัวจนระเบิด ในขณะที่เมคครอฟิคส่วนที่เหลือนั้น "แชดดดด แชดดดดด แชดดดด แชดดดด ฟิ้วๆๆๆๆๆ" ระดมยิงลำแสงและมิไซล์เข้า "ตูมมมม บรึมมมม เปรี้ยงงง ตูมมมม" ถล่มใส่ชุดต่อสู้แบบตีนตะขาบและชุดทรงกระบอกลอยได้จนพังเสียหายไปไม่น้อย แต่ก็ "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ส่วนหนึ่งหลบเข้ากำบังที่เป็นท่อเหล็กขนาดใหญ่และยิงปืนเลเซอร์เข้าใส่พวกเมคครอฟิค "ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งลำแสงแทบไม่ระคายผิวแต่อย่างใดเลย "แชดๆๆๆๆ ป้ากกก เพล้งงง ป้าก ป้าก ป้าก" แต่กับส่วนตาและส่วนหน้าที่ไม่มีอะไรป้องกันนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเลเซอร์ยิงทะลุตาและใบหน้าเข้าเต็มๆ ลำแสงวงแหวนจากเมอโมเฮิร์มขี่จานบินนั้นพุ่งเข้าใส่เมคครอฟิคอย่างไม่ยั้ง แต่พวกมันปล่อยส่วนแขนออกมาเพื่อยิงใส่พวกเมคครอฟิคที่ขี่จานบินและยานบินขนาดเล็กอยู่ "ฟิ้วๆๆๆ ป้ากๆๆๆ" มีดยาวติดรีโมทคอนโทรลพุ่งเข้ามาทำลายส่วนแขนทิ้ง พร้อมกับ "ฟ้าวววว ป้ากก ป้าก ป้าก ป้าก" มือคีมติดจรวดพุ่งเข้าหนีบตรงหน้าของเมคครอฟิคพร้อมกับ "กึกๆๆๆๆ ตรูมมม บรึมมม" หนีบใบหน้าจนตัวจรวดระเบิดเพราะกำลังเครื่องที่เยอะเกินไป

              "แทบไม่คิดเลยว่า พวกคุณจะคิดค้นอาวุธควบคุมอัตโนมัติกันไว้แต่แรกเลยน่ะ" จิลกล่าว

              "พวกเราคิดค้นหุ่นเล็กควบคุมระยะไกลอัตโนมัติเอาไว้ เพื่อใช้ในการสำรวจหรือทำงานในส่วนที่พวกเราไม่อาจเข้าไปถึงได้ อย่างซอกเล็กๆหรือจุดแคบที่เข้าถึงยากด้วยบอดี้หุ่นสำรวจที่เราใช้อยู่ ในช่วงที่เราสู้กับพวกเมคครอฟิคนั้น เราไม่คิดจะใช้อาวุธอัตโนมัติเหล่านี้กับพวกนั้น เพราะกลัวว่าพวกเมคครอฟิคจะสร้างอาวุธมารับมือกันไว้น่ะ" T2920 บอกโดยควบคุมระบบอาวุธระยะไกลไว้ "แต่ไม่คิดเลยว่า ชาวออร์เลี่ยนจะพัฒนาอาวุธระยะไกลโดยใช้การควบคุมด้วยกระแสจิตขึ้นมา ทั้งๆที่มันเกินกำลังการควบคุมของพวกเราอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ"

              จิลได้ฟังก็บอก "ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณต้องรับภาระหนักจากการที่ฉันมีอาวุธเหล่านี้ไว้น่ะ"

              "ไม่เลยคะ เราดีใจไม่น้อย เพราะสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเราร่วมทำกับชาวออร์เลี่ยนนั้น สุดท้ายก็มีคนสานต่อจนได้นะคะ" T2920 บอก โดยเจเนลแทงใส่เมคครอฟิคตรงหน้าอกพร้อมกับ "ว้ากกกกกก" วิ่งใช้เป็นกำบังต้านมิไซล์ที่พวกเมคครอฟิคยิงใส่จนตัวที่ใช้เป็นกำบังเละ แต่ตัวเจเนล "ฟ้าวววว ป้ากกกก" ใช้ท่าชาร์จคิกถีบใส่ตัวหัวหน้าหน่วยที่ 1 จนพังไป "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกเมอโมเฮิร์มส่วนหนึ่งถูกพวกเมคครอฟิคยิงจนระเบิดไปพร้อมกับชุดต่อสู้รุ่นเก่าไว้ โดยที่มีส่วนหนึ่งพยายามจะเข้าไปช่วย จนตกเป็นเป้าปืนแสง "แชดๆๆๆๆๆๆ" จายด์เลยกระโดดเข้ากำบังด้วย "ควี้งงงงง เปร้งๆๆๆๆๆๆ" ผิวเกราะผลึกโชนโครคิฟหุ้มทั้งตัวเข้าสะท้อนลำแสงเล่นงานพวกเมคครอฟิคหน่วย 6 จนพังไป แต่พวกหน่วย 6 ส่วนที่เหลือบุกเข้าใช้ดาบพลังอนุภาคเข้าสู้กับจายด์ที่ใช้ขวานฟาดฟันใส่ ซึ่งก็ "เกร้งงงง" คมขวานบิ่นจากการถูกดาบอนุภาคฟันใส่ "ย้า ย้า ย้า" พีวิลเลยซัดหอกที่มีใบมีดยาวทำด้วยเพชรแทงใส่พวกเมคครอฟิคเข้าที่หัวไปอย่างจังๆ เพียงแค่ 3 ตัว "ครืนนนนนน โครมมม โครมมม โครมมมม" เมอโมเฮิร์มควบคุมหุ่นรถบดเข้าเหยียบทับพวกหน่วยหกเข้า

              "งึงๆๆๆๆ พวกเมคครอฟิคกำลังหลอมรวมกับยูนิตที่เราใช้แล้วละ" เมอโมเฮิร์มที่ควบคุมอยู่ดีดตัวออกมากันโดยเร็ว

              "เรื่องนั้น อยู่ในแผนการเอาไว้นานแล้วละ" 55PTD กล่าวพร้อมกับ "ปี้บๆๆ" ใช้แขนกลกดปุ่มจน "ปี้บๆๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆ" หุ่นรถบดที่พวกเมคครอฟิครวมอยู่นั้นเกิดประจุไฟฟ้าขึ้นมาพร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆๆ" ชิ้นส่วนรถบดปลิวกระจัดกระจายไป จนเหลือเพียงพวกเมคครอฟิคที่อยู่ในส่วนเครื่องยนต์ไว้ "แชดๆๆๆๆๆๆ" เมอโมเฮิร์มใช้ปืนเลเซอร์รุ่นเก่าระดมยิงใส่เครื่องยนต์ จนเป่าทำลายเมคครอฟิคในนั้นจนแหลกเป็นจุลไปทั้งสามตัว หน่วยที่ 2 พยายามจะโจมตี แต่... "ตรึงๆๆๆๆ แคร้ง โครม แคร้งๆๆๆๆ" โดนเมอโมเฮิร์มใช้อาวุธที่ทำขึ้นมาปะทะกันอย่างหนักหน่วง เจเนล พีวิล จายด์เลยบุกเข้าฟาดฟันไปด้วย แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะสาหัสมากก็ตาม

              "ฉันรู้สึกเหมือน ตอนที่พวกเราสามคนถูกลูกน้องของฟรีทเทรเซียจับไปทรมานทรกรรม ได้หวนกลับมากันแล้วละ" เจเนลบอก พร้อมกับใช้ดาบสู้กับพวกเมคครอฟิค แม้ดาบจะแตกร้าวกับการฟาดฟันทะลุเกราะของพวกมันไปก็ตาม แต่เมอโมเฮิร์มโยนขวานสั้นเข้ามาใช้เฉาะซ้ำที่หัวไป

              "แต่สำหรับฉัน ฉันนึกถึงตอนที่สู้กับแพททรีออทจนอาการสาหัสมากกว่าน่ะ แม้ว่าตอนนี้ ความเจ็บปวดไม่ได้เยอะเท่ากับตอนนั้นด้วยน่ะ" พีวิลบอก พร้อมกับเอี้ยวตัวหลบดาบอนุภาคที่เมคครอฟิคฟาดเข้ามา และใช้มีดยาวแทงเข้าที่หน้าไปเต็มๆ พร้อมกับกระโดดหลบการยิงของพวกเมคครอฟิคไป

              จายด์บอก "แม้ว่ากายเราจะเจ็บปวดมาก แต่พวกเราก็ต้องลุกขึ้นสู้กันอยู่ดี หาไม่แล้ว จะต้องมีคนต้องเดือดร้อนเพราะพวกเราไปไม่น้อยเลยน่ะ" แล้วก็ "หวับๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆ" ซัดขวานเข้ากรีดตัดร่างพวกเมคครอฟิคจนขาดเพียง 8 ตัวเท่านั้น "ฟิ้วๆๆๆๆ แชดดด แชดดด แชดดด แชดดดด" ปืนแสงควบคุมอัตโนมัติเข้ายิงใส่พวกเมคครอฟิคที่เหลือจนล้มลงไปกันหมด "เยี่ยม ไม่นึกเลยว่าของเก่าๆที่ดูเจ็งๆและเสียๆไปนั้น ยังมีดีกันอยู่บ้างน่ะ พวกเมคครอฟิคมองข้ามแบบนี้ สมควรจะโดนมิใช่น้อยๆกันแล้วน่า" เจเนลบอก โดยที่มองดูดาบของตนเองที่บิ่นไป แม้จะใช้ฟาดฟันพวกเมคครอฟิคแทนเมทัลเบลดไปแล้ว

              "จริงอยู่ ที่พวกคุณได้ช่วยให้พวกเราต่อกรกับพวกเมคครอฟิคกันในคราวนี้ แต่...." 55PTD กล่าวอย่างไม่สู้ดี "....หน่วยรบไล่ล่าพวกคุณและกวาดล้างพวกเราได้ถูกกำจัดไปหมดเช่นนี้ จักรพรรดิ์วอร์คอร์ทจะต้องส่งกองยานรบมากวาดล้างที่แห่งนี้ไว้แน่นอน นั้นหมายความว่า พวกเราและพวกคุณจะต้องถูกทำลายไปพร้อมกับที่แห่งนี้แน่ๆ"

              พีวิลบอก "แล้วพวกคุณคงไม่มีหนทางอื่นใดเลยหรือ"

              "........... พวกเราต้องขอบคุณพวกคุณด้วย ที่ช่วยรื้อฟื้นจุดมุ่งหมายของพวกเรา ในการมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อบอกเล่าชนเผ่าต่างดาวรุ่นใหม่ๆ และกลุ่มที่มาจากเขตอวกาศอื่นรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเราไว้ รวมถึงจุดมุ่งหมายในการขัดขวางและหยุดยั้งพวกเมคครอฟิค มิให้ทุกชีวิตต้องสิ้นสูญจากการแปรสภาพเป็นจักรกลกันขึ้นมา" 55PTD บอก โดยหันมายังกองเศษเหล็กเผยร่างอมนุษย์หัวม้าติดปืนใหญ่ หุ่นทรงมนุษย์แต่มีหัวงูสองหัว หุ่นหัวกระโหลกที่มีใบมีดโค้งติดหู หุ่นหนอนแก้วผสมกับรถไฟ ไปจนถึงเรือหุ่นยนต์ตาเดียว ที่กองพร้อมกับเหล่าจักรกลทรงคล้ายกับอสูรกับสัตว์ประหลาดหลายตัวด้วยกัน ทั้งหมดกองอยู่ในนี้กันไว้และไร้ซึ่งชีวิตกันแล้ว "เพราะการที่ชนเผ่าที่มีเลือดเนื้อถูกแปรสภาพขึ้น ย่อมหมายถึงการกระตุ้นให้สติของพวกเขาเสียการควบคุม นำพาไปสู่จุดจบและหายนะของอารยธรรมที่เหลือ แม้กระทั่งของเมคครอฟิคเองด้วย ถึงพวกนั้นจะเคยสร้างความเสียหายให้กับเมคครอฟิคและพวกเรากันมาก่อน พวกเราจึงไม่ยอมให้มีการแปรสภาพเป็นจักรกลขึ้นแน่นอน"

              จิลบอก "แล้วไม่กลัวว่าพวกเมคครอฟิคปลุกพวกนี้ขึ้นมาเลยหรือ"

              "ไม่มีทางอยู่แล้วคะ เพราะพวกเมคครอฟิครู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นมา พวกนั้นเลยปล่อยให้พวกนี้ถูกทำลายด้วยอำนาจกาลเวลากันไว้นะคะ" T2920 บอก

              จายด์บอก "แสดงว่าพวกอสูรเหล่านี้ เกินความควบคุมของพวกเมคครอฟิคกันแล้วสิน่ะ"

              "แล้วพวกคุณจะหาทางหนีกันยังไงน่ะ" พีวิลถาม

              55PTD บอก "พวกเราได้สร้างประตูเทเลพอร์ตกันไว้ โดยได้ใช้เครือข่ายสื่อสารใยแก้วใต้ดินเชื่อมโยงจากเขตเศษเหล็กที่แห่งนี้ ส่งสัญญาณแจ้งให้พวกเขาต่อสู้ หากพวกเขาพร้อมในเรื่องทรัพยากรหรือมีแผนการเตรียมไว้แล้ว หรือหนีไปกับพวกเรา เพื่อรวบรวมพวกพ้องของเราที่ยังไม่ถูกพวกเมคครอฟิคควบคุมกันอยู่ ให้เป็นแนวร่วมต่อต้านพวกเมคครอฟิค ช่วยเหลือพวกคุณกันไว้" แล้วก็กล่าวไปว่า "แม้ว่านั้นหมายถึงพวกเราอาจจะต้องถูกพวกเมคครอฟิคควบคุมและใช้ให้มาสู้กับพวกคุณกันแล้ว อย่าได้เสียใจหรือรู้สึกลำบากใจที่ต้องสู้กับเราในตอนนั้นเลยน่ะ

              ".....นี้แปลว่า พวกคุณคำนวณหรือคาดการณ์ถึงขั้นนั้นเลยหรือ" จิลบอก

              T2920 กล่าว "เราเกรงว่า เหตุการณ์ที่พวกคุณเคยประสบกันบนดาวบ้านเกิดแห่งแรกนั้น จะต้องเกิดขึ้นซ้ำรอยกันอย่างแน่นอน เพราะพวกเราผ่านช่วงเวลามาอย่างยาวนาน พวกเรารุ่นก่อนหน้าได้สร้างเมอโมเฮิร์มรุ่นใหม่ๆขึ้นมาโดยให้พวกเขารับฟังคำแนะนำจากพวกเรากันไว้ โดยรับสืบทอดองค์ความรู้ที่มีมาอย่างยาวนาน รอเวลาที่มีคนต่างเผ่าซึ่งได้รับเทคโนโลยี่ของชาวออร์เลี่ยน จนถึงขั้นออกเดินทางสู่อวกาศมาจนเจอพวกเรากัน แม้จะไม่แน่ใจว่า ผู้ถูกเลือกนั้น จะเป็นผู้ที่คิดตรงข้ามกับพวกเดลอาเนี่ยนหรือแย่กว่าพวกเดลอาเนี่ยนกันก็ตาม.... " แล้วก็พูดไปว่า "แต่เห็นได้ชัดเลยว่า พวกคุณกับทุกๆคนบนระบบดาวสุดท้ายของออร์เลี่ยนนั้น ก็คือผู้ถูกเลือกให้มาหยุดความทะเยอทะยานของเดลอาเนี่ยนและพันธมิตรกันจริงๆน่ะ"

              "ผู้ที่ออร์เลี่ยนเลือกไว้นะหรือ แมนิเกเตอร์อย่างพวกเราเนี้ยน่ะ" เจเนลบอก

              55PTD กล่าว "พวกเรารู้ว่า มนุษย์อย่างพวกคุณที่กลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปนั้น ยังงุนงงกับปริศนาอันเก่าแก่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของพวกคุณกับชาวออร์เลี่ยน" แล้วก็พาพวกพีวิลเข้าไปในสถานีอวกาศเก่า โดยลงลิพท์ไปยังชั้นใต้ดินสุด "แต่พวกคุณจะไม่มีทางได้รับรู้คำตอบของปริศนาดังกล่าว หากพวกคุณไม่ออกไปจากที่นี้กันน่ะ"

              "ว่าแต่ พวกคุณจะให้พวกเราหนีกันยังไงละ" พีวิลถาม

              55PTD บอก "เราได้สร้างยานอวกาศสำหรับหลบหนีให้พวกคุณกันไว้แล้ว T2920 จะนำทางไปที่นั้นเอง" โดยให้จายด์ขึ้นยานขนส่งขนาดใหญ่ ซึ่งจอดรอเอาไว้แล้ว

              "ขอบคุณพวกคุณมากเลยน่ะ ที่ช่วยเหลือพวกเราเอาไว้น่ะ" จายด์บอก

              55PTD กล่าว "พวกเราไม่ยอมให้ต่างดาวที่ตกอยู่กำมือของพวกเดลอาเนี่ยนหรือเมคครอฟิคซ้ำเติมพวกคุณ เหมือนกับเผ่าอื่นๆที่ถูกจับมาก่อนหน้าได้หรอกน่ะ ดังนั้น พวกเราหวังว่าการกลับไปของพวกคุณ คงจะช่วยอีกหลายเผ่าพันธุ์ที่อยู่ติดกับระบบดาวของพวกคุณ ให้รอดพ้นจากการคุกคามครั้งนี้ไว้...." แล้วก็บอก "....จงจำเอาไว้ ว่าของเก่าที่แม้จะพังหรือเสียหายกันไว้ มันก็ยังมีคุณประโยชน์และมีค่าเมื่อเวลาผ่านไปอย่างยาวนาน อย่าละทิ้งและกระทำเหมือนกับพวกเมคครอฟิคเป็นอันขาด จงบอกเรื่องนี้กับพวกคุณที่ยังอยู่บนดาวและพวกพ้องที่ออกตามหาพวกคุณกันด้วย"

              "พวกเราจะบอกกับทุกๆคนตามที่พวกคุณขอไว้แล้วกันนะครับ" พีวิลตอบ โดยเขาขึ้นบนยานขนส่ง พร้อมกับเจเนลและจิลกันแล้ว

              55PTD บอก "ลาก่อนน่ะ สหายแมนิเกเตอร์ผู้มาจากโลกสู่ระบบอีสทาล่าฟรอนเทียร์ หวังว่าพวกเราจะได้พบกัน ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ขอให้พวกคุณรอดพ้นจากพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วย" แล้วเมอโมเฮิร์ม 55PTD ก็เข้าไปในกองเศษเหล็กโดยเร็ว

              "ฟ้าววววววววว" แล้วยานขนส่งขนาดใหญ่ก็แล่นออกจากกองเศษเหล็กที่ 88 ไป เจเนลบอก "นี้เร็วที่สุดแล้วสิน่ะ"

              T2920 ตอบ "คะ....ยานขนส่งด้วยระบบต้านแรงโน้มถ่วงนี้ แม้จะเป็นรุ่นเก่า แต่พวกเราก็ใช้ชิ้นส่วนพาหนะที่ไม่ใช้แล้วของพวกเมคครอฟิคที่ยังใช้ได้อยู่ มาใช้ ซึ่งความเร็วสูงสุดเช่นนี้ก็ยังดีกว่าเร็วจนพวกเราไม่สามารถหยุดได้เลยนะคะ"

              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะว่าพวกเราต้องการจะออกจากดาวดวงนี้ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่กันทุกคนเลยน่ะ" พีวิลบอก

              จายด์บอก "นั้นสิ แม้ว่าตอนนี้ส่วนระบบอาวุธในแขนของพวกเราใช้ได้กันแล้วก็จริง แต่....สภาพกายที่บาดเจ็บอยู่นั้น อาจทำให้ใช้อาวุธไม่ค่อยได้กันน่ะ"

              "แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่รักษาพวกเรากันเสียเลยละ" เจเนลถาม

              T2920 บอก "แม้ว่าพวกเรามีเครื่องมือสำหรับรักษามนุษย์ต่างดาวที่มีสภาพเดียวกับพวกคุณกันอยู่ และอยู่ในสภาพที่ใช้ได้กันก็จริง...." แล้วก็หยุดพูดก่อนจะบอกไปว่า "....แต่เพราะว่าร่างกายของพวกคุณนั้น มีชิ้นส่วนจักรกลที่ถูกผลึกเกาะเอาไว้ โดยเราตรวจสอบในช่วงที่พวกคุณหลับอยู่ ปรากฎว่าผลึกเหล่านั้นทำหน้าที่ประสานรอยร้าวของชิ้นส่วนจักรกลในร่าง และฟื้นฟูด้วยตัวเอง รวมถึงการจ่ายพลังงานให้ร่างกายพวกคุณอยู่ต่อไปได้โดยปราศจากพลังงานของอาหารที่พวกคุณกินเข้าไปด้วยน่ะ"

              "บอกตรงๆน่ะ ว่าพวกเราสามารถอยู่ได้โดยไม่กินอะไรมาตลอด 3-4 วัน ถ้าจำไม่ผิดกันน่ะ" เจเนลกล่าวโดยที่เขารู้มาจากหมอเซริซ่า ในช่วงที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ของโคเคสไปได้แล้ว

              T2920 กล่าว "แม้ว่าร่างกายของพวกคุณแทบจะใกล้เคียงกับสภาพตั้งต้นเดิมของพวกคุณกันไว้ก็ตาม แต่ในสถานการณ์ที่พวกคุณเป็นอยู่นั้น ได้ทำให้ร่างกายของคุณใช้พลังงานจากแกนกลางในร่างขึ้นมาแทนที่ ซึ่งทำให้การฟื้นฟูทางร่างกายของพวกคุณช้ากว่าเดิมถึง 24 เปอร์เซนต์ด้วยกัน รวมถึงการฟื้นฟูส่วนที่พวกคุณจำเป็นต้องใช้กันด้วย"

              "นั้นรวมถึงชิปควบคุมพลังจิตของฉันด้วยสิน่ะ" จิลบอก

              T2920 กล่าว "จากการที่คุณจิลมิได้ใช้พลังจิตในการควบคุมสิ่งต่างๆ เพราะกลัวว่าพลังจิตที่มากล้นของคุณจะเสียสมดุลย์ คุณเลยพักการใช้พลังจิต และใช้ระบบควบคุมรีโมทกันไว้ เพื่อให้ระบบการฟื้นฟูทางร่างกายของคุณนั้นซ่อมตัวควบคุมที่ติดบนหัวของคุณไว้ได้ แม้ว่าจะซ่อมไปได้ครึ่งหนึ่ง เพราะสภาพกายของคุณเหมือนกับอีกสามคนนะคะ"

              "แค่เรากลับไปที่ไทรแองเกิ้ลละก็ อย่างน้อยพวกเราก็พักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายกันได้ละน่ะ" เจเนลบอก จิลพยักหน้า แต่... "อื้อออ"  เธอเจ็บจี้ดตรงหัวจนทรุดลง

              พีวิลบอก "นี้ชิปควบคุมพลังจิตเสียอย่างงั้นหรือ จิล..."

              "....ไม่ ชิปนั้นยังซ่อมอยู่น่ะ หากแต่...." จิลกล่าว "ฉันสัมผัสถึงอันตรายที่เข้าใกล้พวกเราได้น่ะ"

              ไม่ทันไรก็ "วือออ ตรึงงงง" วอร์บอทของแมทเฟลิมกระโดดลงมาดักหน้าไว้ "แคทครอฟของแมทเฟลิม!!!" จายด์กล่าวอย่างตกใจ ซึ่งแคทครอฟไม่ได้มาเพียงตัวเดียว "วือออ ตรึงงง ตรึงงง ตรึงงงง" ตอนนี้ยานขนส่งของพวกพีวิลถูกล้อมเอาไว้แล้ว 

              "แง้วๆๆๆๆ" ทหารแมทเฟลิมกระโดดลงจากบ่าแคทครอฟลงมาล้อมพวกพีวิลไว้

              "นี้พวกแกเตี้ยมกับพวกเมคครอฟิคไว้เลยหรือวะ" เจเนลโวย

              ทหารแมทเฟลิมบอก "....วอร์คอร์ทไม่รู้เรื่องที่พวกเราดักซุ่มเพื่อหาเหยื่อดีๆอย่างพวกแก ซึ่งถูกส่งมาที่ดาวดวงนี้กันหรอก แม้ว่าพวกแกจะได้ความช่วยเหลือจากเผ่าหุ่นลูกบอลเหล่านั้นก็ตาม...เกรงว่าพวกแกคงมาได้เท่านี้แล้วละ"

              "แสดงว่า พวกแก....คงอยู่ที่ดาวดวงนี้หลังจากที่รู้ว่าพวกเราถูกจับมาที่ดาวดวงนี้เลยสิน่ะ" พีวิลบอก

              ทหารแมทเฟลิมพยักหน้า "ถูกต้อง....ที่จริง พวกเราได้รับคำสั่งจากท่านเฟียโดม่าให้กำจัดพวกแกได้ในทันทีที่เห็นกันแต่แรกแล้ว" และชักกงเล็บออกมา ซึ่งพวกพีวิลเริ่มตั้งท่าสู้ เว้นแต่จิล ที่ขี่คอเจเนลกันไว้ ทว่าทหารแมทเฟลิมดับกงเล็บลง "แต่....องค์จักรพรรดินีอยากได้พวกแกกันไว้ซะมากกว่า"

              "จักรพรรดินีที่แกว่า หมายถึงจักรพรรดินีมิวนัสอย่างงั้นนะหรือ" เจเนลกล่าว

              ทหารแมทเฟลิมบอก "ท่านมิวนัสต้องการพลังและความสามารถของพวกแก ในการต่อสู้กับยอดนักสู้ที่เป็นเชลยของพวกเฟลาเลี่ยมที่ดาวสเลฟแคท-3 ซึ่งเอาชนะนักโทษของพวกเรามาหลายครั้งแล้วน่ะ เห็นว่าเป็นยอดนักรบที่เก่งกาจมากละสิ"

              "นักโทษของเฟลาเลี่ยมที่เก่งกาจมากที่สุดนะหรือ...." พีวิลบอก

              ทหารแมทเฟลิมกล่าว "....ช่าย ดังนั้น พอเราได้รับคำสั่งมา เราจึงดักรอพวกแกที่อาจจะใช้เส้นทางนี้ ซึ่งพวกเมคครอฟิคไม่เข้ามาใช้มานานมากแล้วน่ะ" แล้วก็หันมา "ฟ้าววว จึกก ตรูมมม" ยิงกงเล็บใส่คอกพิตควบคุมยานขนส่งจนเป่า T2920 ปลิวกระเด็นร่วงสู่เบื้องล่างไป

              "นี้แก...." เจเนลกล่าว จิลเลยหยิกแก้มเจเนลเอาไว้ พร้อมกับส่ายหน้าขึ้นมา จายด์เองก็ส่ายหน้าด้วย "บ้าชะมัด หนีไอ้พวกหุ่นยนต์ดันมาเจอแมวอวกาศซะได้วะ" เจเนลสบถ

              พีวิลบอก "เอาเถอะ เพราะสภาพกายของเราไม่อยู่ในสภาพที่ต่อสู้ได้อย่างเต็มที่กันแล้วน่ะ"

              "หลังจากที่ฉันถูกจู่โจมโดยพวกแมทเฟลิม ฉันได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพวกเขานั้น ส่งผ่านคลื่นความถี่ควอนตั่มโดยที่มีข้อมูลของยานอวกาศของพวกคุณ ซึ่งได้จากส่วนแขนซ้ายของคุณพีวิลมา โดยหวังว่าข้อความนี้ที่ถูกส่งไปอย่างรวดเร็วจะไปถึงมือพวกคุณ เพราะเรารู้ว่า พวกเมคครอฟิคจะนำฝูงยานบินมาถล่มกองเศษเหล็กที่ 88 กับกองอื่นๆให้พังพินาศไว้ 55PTD กับพวกพ้องส่วนที่ติดตามมาได้นำทรัพยากรทุกอย่างที่จำเป็น บรรทุกไปกับยานอวกาศอันเก่าแก่ หนีออกจากดาวในเวลาเดียวกันกับที่อาคันตุกะทั้ง 4 ถูกพวกแมทเฟลิมจับตัวไปแล้ว.....แม้ว่าฉันอาจจะไม่ได้เห็นพวกคุณเจอกันอีกครั้ง...แต่...อย่างน้อย พวกคุณที่เป็นเพื่อนๆของพวกเขาคงจะได้ข้อความเหล่านี้กัน....ไว้...." แล้วข้อความจาก T2920 ก็จบลงเพียงเท่านี้....

              แอนเดรียบอก "ไม่คิดเลยนะคะ ว่าพวกเมอโมเฮิร์มจะประสบเหตุเหมือนกับพวกคุณโคเคสตอนอยู่บนโลกกันนะคะ"

              "หากแต่พวกเมคครอฟิคเหนือชั้นกว่า พัฒนาเร็วกว่าและก้าวไกลไปตั้งหลายโยชน์ จนพวกหุ่นทรงกลมนั้นตามไม่ทัน เห็นแล้วรู้สึกเหมือนวันวานบนโลกกลับมากันชัดๆเลยวะ" คลอเวฟบอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ดีน่ะ ที่พีวิลและพวกเจเนลมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรกล โดยเฉพาะอาวุธกันด้วยแล้ว พวกเขาจึงพอรับมือกันได้บ้างน่ะ"

              "แล้วก็แผนการหลอกล่อพวกเมคครอฟิคด้วยทรัพยากรจำกัดจำเขี่ยนั้น....ฉันเคยใช้ตอนที่ช่วยปกป้องเหล่าเชลยและผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ในเมืองเลคเซ่ ที่ถูกพวกแอตแลนไทซ์ปิดล้อมเอาไว้มาก่อน โดยให้พีทและเจมส์ออกไปหาเครื่องไม้เครื่องมือมาทำกับดักหรือใช้เป็นอาวุธกันน่ะ" โฟรซ่าบอก

              สเตฟอร์ดบอก "ถ้าเป็นตอนนั้น ฉันจำได้เลย ว่าเคยใช้แบตเตอรี่รถยนต์และเครื่องช็อตไฟฟ้าในสถานีตำรวจมาทำเป็นกับระเบิดไฟฟ้า เอาเครื่องฉีดปุ๋ยเหลวมาดัดแปลงเป็นเครื่องพ่นไฟแบบง่ายๆกันน่ะ"

              "นั้นคงไม่แปลกใจสิน่ะ ที่ลูกพี่พีวิลและลูกพี่เจเนลรู้วิธีดัดแปลงอาวุธจากกองเศษเหล็กและขยะเทคโนโลยี่ที่เก่าเก็บกันไว้น่ะ" ไกซ์บอก

              พลัสเชอริทบอก "บวกกับว่าพวกเมอโมเฮิร์มที่ถูกกักขังให้อยู่ในกองเศษเหล็กนั้น ไม่เพียงจดจำได้ว่าสิ่งที่ถูกทิ้งมานั้นเป็นอะไร ใช้ทำอะไร มีวิธีการทำงานเป็นเช่นไร ซ่อมแซมและบำรุงรักษากันยังไงนั้น นั้นเป็นข้อดีที่พวกเขานำมาใช้ แม้จะเสียเปรียบในเรื่องที่ขีดความสามารถของพวกเขายังด้อยกว่าพวกเมคครอฟิคกันเลยน่ะ"
              "เช่นเดียวกันกับพวกเรา ที่ให้ความสำคัญในการใช้สิ่งที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ในส่วนที่เราควรใช้ สิ่งไหนที่ใช้ไปแล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง โดยไม่ทิ้งให้เป็นซากไร้ค่ากันไว้ด้วย" มิลด์บอก "นายช่างด็อดเจอร์เองก็พยายามจะใช้สิ่งที่มีสร้างสิ่งใหม่ๆให้ได้อย่างเต็มที่ แม้จะเหลือเศษเสี้ยวที่ไม่น่าใช้ แต่ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่ากันด้วย แม้กระทั่งปรับปรุงสิ่งเก่าๆที่เรามี ไปพร้อมกับใช้สิ่งใหม่ๆที่ได้รับมากันด้วยน่ะ"

              แอบไบออสบอก "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะนายช่าง เออ รัฐมนตรีด็อดเจอร์เองก็มีหลักการเหมือนกับท่านประธานาธิบดีกันแล้ว ไม่อย่างงั้น ฉันคงไม่ได้มีสติกลับมาตามเดิมกันหรอกน่ะ"

              "เพราะแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์หรือพวกที่เป็นมนุษย์แต่ถูกแปรสภาพไปนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปกว่า....สิ่งที่พวกมนุษย์ไม่ต้องการและต้องการกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก ทั้งๆที่พวกเขาอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อใช้สิ่งที่พวกเขาได้รับมาให้เกิดประโยชน์กันไว้ ซึ่งโชคดีมากที่โคเคสรับพวกเรามาเป็นแนวร่วม ช่วยเหลือพวกแมนิเกเตอร์ที่ถูกกดขี่ข่มเหงและถูกขับไล่ให้มีที่ยืนของพวกเขา จนกลายเป็นกลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ที่ได้รับการยอมรับจากสมาพันธ์อวกาศในฐานะที่พวกเราช่วยเหลือพวกเขาในการรุกรานของพวกแรซัลก้ากันไว้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "น่าเสียดายจริงๆนะคะ ที่พวกเมคครอฟิคมองข้ามสิ่งเก่าๆ พอมีสิ่งใหม่ๆมาก็ละทิ้งสิ่งเก่าๆลง แล้วทำซ้ำอีกครั้งจนวนเวียนไม่จบสิ้นกันไม่ว่า พวกเขายังคิดจะเปลี่ยนชนเผ่าที่มีเลือดเนื้อให้เป็นจักรกลกันแบบนี้ การกระทำของพวกเขาก็แทบไม่ต่างจากพวกไซมาเทนและแม่ทัพโอลดาธกันอยู่ดีนะคะ"

              "พวกเราที่เคยถูกแปรสภาพให้มีชีวิตกลับมาหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว จนกลายเป็นเหล่าสมุนที่คุกคามชีวิตคนอื่นนั้น จะไม่ยอมให้พวกเมคครอฟิคทำสำเร็จกันไปได้หรอก" ไซโคลเนียบอก

              ฟิเกซกล่าว "เพราะถึงแม้ว่าพวกนั้นจะพัฒนาให้ตนเองเหนือชั้นยิ่งกว่า แข็งแกร่งกว่า สดใหม่กว่า แต่การพัฒนาไปให้ไกลโดยละทิ้งสิ่งเก่าๆที่เป็นรากเหง้าของสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมา และไม่คิดที่จะใช้สิ่งเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์หรืออนุรักษ์มันเอาไว้ ก็สู้กับพวกเราที่ใช้สิ่งเก่าๆที่นำกลับมาใช้ใหม่ไม่ได้กันอยู่ดีนี้แหละ"
              "สรุปง่ายๆเลยน่ะ ไอ้หุ่นกระป๋องต่างดาวรุ่นใหม่ มันก็แพ้ของเก่าที่ถูกรีไซเคิ่ลกลับมา แม้ว่ามันจะมีของชำรุดและไม่มีทางใช้ได้เลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก "แต่จะดีกว่ามาก หากเราเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าเป็นซุปเปอร์นอร์ติลุสกันน่ะ"

              เนคมาดูซัมบอก "อย่าเอาเรื่องของนายมามัวชั่นจะได้มั้ยละ คลอเวฟ ยิ่งตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าพวกพีวิลรอดจากการไล่ล่าของพวกเมคครอฟิคและลงเอยกันยังไงแล้วน่ะ"


              "แต่ปัญหาคือ เรายังไม่รู้ว่า สเปียริทไปลงเอยด้วยการเป็นนักโทษของพวกเฟลาเลี่ยมกันยังไงนะสิ" โฟรซ่าบอก

              แอนเดรียถาม "ว่าแต่ พวกเธอได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแล้วหรือยังละ"

              "ผมลองเซิร์จดูข้อมูลคอสมิคเน็ตในเขตอวกาศนี้ เกี่ยวกับการประลองบนดาวทาสแมว-3 นั้น ดูเหมือนว่าจะมีข่าวเรื่องคุณสเปียริทโผล่ขึ้นมากันนะครับ" อิคกรีทบอก และนำภาพที่สเปียริทใช้คริสทรัลร็อดสู้กับ

              "อะไรเนี้ย ยัยบื้อฟัดกับแรดต่างดาวกันตั้ง 4 ตัวกันเลยหรือวะ...." คลอเวฟบ่นอย่างหงุดหงิด เพราะตนอยากจะลงไปสู้กันบ้าง

              "ว่าแต่ภาพนี้คงเป็นแมทซ์ที่สเปียริทสู้กันอยู่สิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              อิคกรีทบอก "นี้เป็นแมทซ์ที่ 5 ซึ่งคุณสเปียริทสู้กับมนุษย์ต่างดาวชาวไรแทรแดคกันอยู่ โดยพวกนี้เป็นทาสของพวกบรูซาเรมกันมานานนมแล้ว แมทซ์นี้จบลงโดยฝีมือของคุณสเปียริทกันนี้เอง"

              "แต่คงเป็นภาพที่เธอชนะกันแค่ภาพเดียวละสิ" คลอเวฟบอก

              เฮเรเค้นกล่าว "เปล่าเลย ลุง เพราะเท่าที่ผมดูข้อมูลการแข่งมา เจ้สเปียริทชนะมาถึง 10 แมทซ์กันเลยละ"

              "คงไม่ต้องสรุปหรอก ว่าพลังของเธอเหลือบาน เหมือนกับพีทและพวกเจมส์กันน่ะ" โฟรซ่ากล่าว

              สเตฟอร์ดถาม "แล้วมีข้อมูลเกี่ยวกับสเปียริทที่ปรากฎกันบ้างหรือเปล่าละ"

              "แย่หน่อยนะ ลุง...เพราะเจ้าของข่าวสั่งห้ามไม่ให้รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนักโทษ โดยเฉพาะ นักโทษของกลุ่มชนเผ่าหลักที่เป็นพันธมิตรต่อมหาจักรวรรดิ์กันนะสิ" เฮเรเค้นบอก

              ไกซ์กล่าว "หวังว่าคงจะมีต่างดาวส่งข่าวเรื่องเจ้สเปียริทเหมือนในเคสของพวกลูกพี่กัน...."

              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ" ฉับพลันสัญญาณเตือนดังขึ้นมา ไซโคลเนียอุทานด้วยความตกใจขึ้นมา "พวกเดลอาเนี่ยนเจอพวกเราแล้วหรือ"

              แอมเบอร์กล่าว "เปล่าคะ มีปฏิกิริยาพลังงานแสงพุ่งเข้าไปในโรงเก็บโมบิลลอยด์....ในส่วนเก็บเพรโทรแน็กซ์ทั้งสองเครื่องนะคะ"

              "นี้ฟูลออเรสนะครับ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่อิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนเรืองแสงขึ้นมาตรงส่วนหัวนะครับ" ฟูลออเรสติดต่อด้วยการเปิดมอนิเตอร์เอาไว้

              เมดิน่ากล่าว "เรดาห์ตรวจจับโดยรอบนั้นไม่ระบุว่ามีอะไรปรากฎเข้ามากันเลยนะคะ"

              "แล้วตรวจจับปฏิกิริยาพลังงานได้หรือเปล่าละ เพราะแอมเบอร์ตรวจจับบางอย่างได้จนรายงานให้เราทราบน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม

              เมดิน่าเลยลองเช็คกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้ๆจนเห็นภาพ "อา... มีลูกบอลพลังแสงสองลูกพุ่งเข้ามาโดยที่เรามองไม่เห็นเลยนะคะ"

            "งืงงงงง ที่นี้คือยานอวกาศรุ่นล่าสุดของชาวออร์เลี่ยนที่เหล่าสหายของผู้มาเยือนใช้อยู่สินะ" ไม่ทันไร ฟาร์โอเวี่ยนส่งเสียงพูดออกมา  เพียงแต่ไม่ขยับปาก

              เมดิน่าได้ฟังก็ถึงกับตกใจขึ้นมา "เดียวสิ นี้ฉันไม่ได้ใส่โปรแกรมให้หุ่นสนทนากันได้เลยนิน่า"

              "เดียวก่อนนะ ฟูลออเรส เมดิน่า ที่ฟาร์โอเวี่ยน เออ สิ่งที่สิงอยู่ในฟาร์โอเวี่ยนบอกมา นั้น เขาเอ่ยถึงยานไทรแองเกิ่้ลของพวกเราใช่มั้ยละ" ลิเนียร์ตี้กล่าว "และพูดถึงเหล่าสหายของผู้มาเยือนนั้นด้วยใช่มั้ยละ"

              ไซโคลเนียบอก "มันก็ใช่นะ ลินี่ แต่คงไม่ใช่ผีหรือวิญญาณอวกาศกันแน่ๆละสิ"

              "ไม่หรอก ไซโคลเนีย ลืมไปแล้วหรือ ว่าเราพึ่งทราบเรื่องของพวกพีทและเจมส์จากพวกเมอโมเฮิร์มใช่มั้ยละ" โฟรซ่าบอก "คำพูดที่ฟาร์โอเวี่ยนพูดว่า เหล่าสหายของผู้มาเยือนนั้น นอกจากจะพูดถึงพวกเราแล้ว ถ้าเรารู้เรื่องของพีทกับเจมส์กันมาแล้ว ดังนั้น คนที่เอ่ยถึงจะต้องเป็น...."

              คลอเวฟบอก "เธอจะบอกว่า ไอ้ตัวที่สิงหุ่นฟาร์โอเวี่ยนเอ่ยถึงยัยบื้อนั้นนะหรือ"

              "ที่ได้ยินอยู่นี้คือความทรงจำของพวกเรา ชาวเชนเทโชท ส่งมาจากดาวครีสเทรอนของพวกซีรีสตรัล ถึงเหล่าสหายของผู้มาเยือนที่ชื่อ สเปียริท ผู้ซึ่งต่อกรและสู้กับพวกเมคครอฟิคด้วยแขนขาและอาวุธของเธอมาตลอด 4 วันด้วยกัน" อิชเชเตียนพูดต่อ

              ฟูลออเรสกล่าว "คราวนี้อิชเชเตียนด้วยหรือเนี้ย...."

              "เดียวสิ ทำไมมันเลือกสิงแต่เพรโทรแน็กซ์กันวะ" คลอเวฟบอก

              พลัสเชอริทบอก "หรือว่า เชนเทโชทเป็นชนเผ่าแท่งผลึก ซึ่งพวกเขาคงจะรู้ว่าเพรโทรแน็กซ์ทั้งสองเครื่องที่เรามีนั้น มีผลึกติดอยู่ เลยใช้เป็นตัวสื่อสารระหว่างพวกเขากับพวกเรากันนี้แหละ"

              "แล้วจะให้เราทำไงกันดีละคะ" เมดิน่าบอก

              เนคมาดูซัมบอก "ฟังพวกเขาเล่าเกี่ยวกับสเปียริทเลยแล้วกันน่ะ เพราะพวกเราจะบันทึกเสียงการพูดคุยจากเธอสองคนกันนี้แหละ"

              "นับแต่พวกเรา พ่ายแพ้ให้กับเดลอาเนี่ยนมาหลายศตวรรษ พวกเราถูกซีรีสตรัลจองจำอยู่ใต้ดินที่อยู่ลึกลงไปอย่างมาก จนไม่ค่อยมีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอก รวมถึงชาตะกรรมของชาวออร์เลี่ยนหลังจากที่ทราบว่าดาวบ้านเกิดของพวกเขาได้ดับสูญลง แม้จะมีพวกเราส่วนหนึ่งได้โผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวดาวโดยมิให้พวกซีรีสตรัลเห็นตัวกันมาหลายครั้ง แต่ก็มิได้รู้เรื่องความเป็นไปนอกดาวแห่งนี้กันมากนัก" อิชเชเตียนกล่าว ฟาร์โอเวี่ยนบอก "จนกระทั่ง ผู้มาเยือน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ที่พวกซีรีสตรัลไล่ล่าสังหารกันอยู่ ได้ปรากฎกายขึ้นมา...." แล้วก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่สเปียริทพบเจอกันอยู่

              "ไฮย้า" สเปียริทใช้คริสทรัลร็อดหวดเข้า "เปรี้ยงงงง" ฟาดใส่แขนผลึกหนามของทหารซีรีสตรัลจนแตกกระจุย แล้วก็ "จึกกก หวับบบบ โครมมม" จ้วงแทงใส่ท้องซีรีสตรัลพร้อมกับทุ่มไปอัดกับพวกพ้องที่บุกมาถึง 5 ตัวจนล้มกลิ้งไปเต็มๆ "ฉั้วะ ฉั้วะ" ซีรีสตรัลสองตัวใช้แขนดาบผลึกฟันเข้ากลางหลังสเปียริทจนได้แผลขึ้นมา "ดีสคัสเซอคูล่าเบรค" สเปียริทกัดฟันควงพลองหมุนวนเข้า "ป้ากๆๆๆๆๆๆ" ฟาดใส่ซีรีสตรัลสองตัวจนแตกกระจุยไป

              "คริฟแทงก์ จัดการกับเธอเลย" นายกองซีรีสตรัลสั่งให้รถถังยิงปืนใหญ่ลำแสงเข้า "แชด แชด แชด" จน "ตรูมมม บรึมมม ตรูมมมม" ระเบิดใส่สเปียริทอย่างจังๆ แต่... "วี้ง ฟิ้วๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมมมม" คริฟแทงก์โดนห่าหอกคารามิตี้อาร์มฟอลพุ่งลงมาถล่มทิ้มแทงใส่จนระเบิดไป "ลูกถีบมังกรบิน มังกรคาบสมุทรหวงโหพิโรธ" ส่วนนายกองก็โดนสเปียริทพุ่งถีบจากจุดที่เธอโดนถล่มไปเต็มๆ ซึ่งแรงระเบิดได้ทำให้ชุดกังฟูของเธอขาดไปมากแล้ว

              "ต้องรอดกลับไปให้ได้....ฉันไม่ยอมตายบนดาวดวงนี้กันหรอก....แม้จะรู้ว่า ฉันไม่มีโอกาสได้หยุดพักเหนือยเลยก็ตาม" สเปียริทกล่าวอย่างเหนือยอ่อนขึ้นมา โดยที่เธอวิ่งมาหลบอยู่ซอกแคบของหน้าผา ซึ่งคริฟเดลต้าและคริฟซีคเกอร์บินตรวจตรากันอยู่ "แม้จะรู้สึกได้ว่า....ฉันเคยถูกไล่ล่าแบบนี้กันมาก่อน....ทั้งถูกรุมล้อม ถูกลอบกัด ถูกจู่โจมจากระยะไกลสุดกู่ และจำไม่ได้เลยว่า ฉันถูกฝ่ายไหนไล่ล่า ถูกไล่ล่ากันที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และโดนมากี่ครั้งแล้ว....แต่....ฉันต้องรอดกลับไปช่วยพวกพีวิลให้ได้...." แต่ก็... "ปี้บๆๆๆๆ" เธอได้ยินเสียงดังจากในซอกผา ซึ่งก็มีจานผลึกแปะติดอยู่ โดยตรงกลางนั้นกระพริบพร้อมส่งเสียงไว้ "ตรูมมมมม" จนทำให้สเปียริทรีบโดดออกมาก่อนที่เธอจะโดนระเบิดเป่าไปเสียก่อน

              "เจอตัวนักโทษแล้ว" ทหารซีรีสตรัลที่ขี่คริฟซีคเกอร์เห็นตัวสเปียริททันที ซึ่งก็ "ฟิ้วววว ฉึก ตรูมมม" โดนสเปียริทยิงแฟลชแอร์โรวจาเบรินช็อตทะลวงใต้ท้องยานจนระเบิดไป แล้วก็รีบวิ่งหนีกันต่อ

              "หยุดเธอไว้ให้ได้ ต่อให้ต้องบดขยี้เธอให้ราบคาบ ก็ต้องทำ" นายกองซีรีสตรัลสั่งการ ซึ่งก็.... "เปรี้ยงงง โครมมม ป้ากกกก" สเปียริทใช้คริสทรัลร็อดเฮฟวี่ดัมเบลฟอร์ม กวาดฟาดใส่ทหารซีรีสตรัลที่จู่โจมด้วยลูกตุ้มผลึกในช่วงวันที่สองจนกระจุย "ไฮย้า" สเปียริทกระโดดเข้าฟาดใส่แนวกำแพงที่เป็นซีรีสตรัลแปลงร่าง ระดมใช้กระสุนผลึกต่อเนื่องเข้าใส่จนแตกกระจุยไป "นี้แน่ เทาซันอาร์มแทรปเปอร์" แล้วก็ฟาดพลองดัมเบลลงพื้นจน "ครี้ง ป้ากๆๆๆๆ" เสกหอกหัวแฉกขึ้นจากพื้นหลายสิบอันแทงทะลวงใส่พวกซีรีสตรัล เปิดช่องให้สเปียริทวิ่งหนีไปอีก "ย้าๆๆๆๆๆ" สเปียริทไล่ตะบันหน้าและจัดการกับพวกซีรีสตรัลที่แห่แหนกันมาไม่หยุดหย่อน "แชดๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" พวกซีรีสตรัลระดมยิงลำแสงและกระสุนผลึกเข้าใส่ แต่ "โฮลด์เซอเคิ่ล" เธอแบมือสร้างวงกลมพลังป้องกันเอาไว้ พร้อมกับ "หวับๆๆๆๆๆๆ" หมุนควงพลองปัดป้องการโจมตีระยะไกลด้วยมือทั้งสองด้วยกัน การไล่ล่าผ่านไปจนถึงวันที่ 3 โดยตอนนี้....

              "ฉันยังสู้ได้อยู่ แม้ว่า...แฮกๆๆๆๆ....." สเปียริทเหนื่อยอ่อนมาก แม้พลังของเธอจะไม่หมด แต่การที่เธอต้องสู้มาตลอด 3 วันโดยไม่หยุดพักมาอย่างต่อเนื่อง สภาพกายที่ภายนอกได้รับบาดเจ็บ แม้จะเคลือบผิวด้วยจิวเวลเลี่ยมผสมเซรามิคูเลี่ยม จนเธอรู้สึกเจ็บน้อยลง แต่ภายในที่อ่อนล้าจากการขยับตัวและออกอาวุธกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มส่งผลให้ตาของเธอพร่ามัว ขาสองข้างของเธอสั่นเช่นเดียวกับแขนของเธอด้วย "....บ้าที่สุด ฉันขยับแขนขาไม่ได้เลยหรือเนี้ย....นี้ถึงขีดจำกัดกันแล้วสิน่ะ.....แถม....มาเจอปลายทางที่แย่กว่าทางตันเสียอีก" เพราะข้างหลังของเธอ เป็นเหวสูงไร้ก้นด้วยกัน 

              "เตรียมตัวตายได้เลย" นายกองซีรีสตรัลกล่าวแล้วก็ "แชดๆๆๆๆๆ" พวกซีรีสตรัลยิงลำแสงเข้าใส่สเปียริทจน "ตรูมมมมม" เป่าเธอปลิวร่วงลงสู่เบื้องล่าง

            "นะ นั้นคงเป็นจุดจบของฉันแล้วนะหรือ....แม้ว่าฉันยังไม่อยากจะตาย ฉันไม่อยากจะแพ้ ไม่อยากจะจบเห่แบบนั้นเลย....เพราะว่า....ฉัน...." สเปียริทคิดในใจ เพราะความอ่อนแรงที่เธอสะสมมานั้น มากจนทำให้เธอขยับปากกรีดร้องกันไม่ได้เลย ในช่วงที่เธอร่วงสู่หายไปในความมืดมิดของหุบเหวอยู่ สติของเธอจึงดับวูบลง

              ".....เจ้า จะยอมจำนนเพียงเท่านี้เลยหรือ" เสียงนั้นดังขึ้น โดยที่สเปียริทได้ยินขึ้นมา

              "นั้นใครพูดกันน่ะ.... นี้ฉันอยู่ในโลกแห่งความตายกันแล้วหรือ ถึงได้ยินเสียงแว่วเข้ามากันน่ะ"      

              "....เจ้า มีร่างที่แข็งแกร่ง เฉกเช่นเดียวกับพลังอันยิ่งใหญ่ในตัวของเจ้า ซึ่งพวกเรา....ไม่เคยเห็น ชนเผ่าอย่างพวกเจ้ากันมานานแสนนานแล้ว" อีกเสียงหนึ่งกล่าว

              เสียงที่สามบอก "....โดยเฉพาะเจ้า ได้ต่อสู้กับพวกซีรีสตรัล ซึ่งเป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งและทนทานต่อสภาพแวดล้อมอันไม่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตส่วนมาก ได้เพียงลำพังกันนั้น ได้ทำให้พวกเรา....สนใจในตัวของเจ้าไม่น้อยเลยน่ะ"

              สเปียริทบอก "นี้พวกนาย คงไม่คิดจะทำอะไรฉันในสภาพที่ตายไปแล้วกันหรอกน่ะ"

            "เราแค่อยากรู้ว่า เจ้า มีที่มาที่ไปกันยังไง และต่อสู้กับพวกซีรีสตรัลกันด้วยเหตุผลอันใดบ้าง....ดังนั้น...." เสียงแรกบอก และ "แวบบบบบ" แสงสว่างจ้าขึ้นมาในหัวของสเปียริท "โอ้ว.....อืมมมมม เออ" เสียงแรกกล่าว เฉกเช่นเดียวกับอีกหลายเสียงกันด้วย

              สเปียริทบอก "พวกนาย ทำอะไรกับฉันกันละ"

              "ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วจริงๆ พวกเจ้า ได้ต่อสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนกันอยู่สิน่ะ" เสียงแรกบอก

              เสียงที่สองกล่าว "เราได้รับรู้ความทรงจำของเจ้ากันมาแล้ว แม้ว่าร่างของเจ้าจะเป็นหุ่นจักรกล แต่ก็มีความรู้สึกนึกคิด มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านพ้นมา จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเรื่องราวก่อนหน้าในช่วงที่เจ้าถือกำเนิดขึ้นมาจะรางเลือนไปเลยก็ตาม.... เจ้าคือความหวังที่พวกเรารอคอยมานานกันน่ะ"


              "ความหวังที่พวกนายรอคอยอย่างงั้นนะหรือ พวกนายเป็นใครกันละ" สเปียริทถาม

                เสียงที่สามกล่าว "พวกเราคือ....เชนเทโชท พวกเราเป็นชนเผ่าแท่งผลึก ชนเผ่าเก่าแก่ที่อยู่คู่เขตอวกาศฝั่งตะวันออก ซึ่งเดิมเป็นของชาวออร์เลี่ยน ผู้คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยี่ล้ำยุคอันก้าวไกล ซึ่งอยู่ในรูปของยานอวกาศทรงสามเหลี่ยมที่พวกเจ้าตั้งชื่อมันว่า ไทรแองเกิ้ล และได้ใช้มันต่อสู้กับพวกเดลอาเนี่ยน ตามความตั้งใจของชาวออร์เลี่ยนกลุ่มสุดท้าย ที่มาตั้งรกรากบนดาวที่พวกเจ้า ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์ใหม่ที่พวกมนุษย์บนโลก ดาวดวงที่สามในระบบสุริยะจักรวาลในเขตอวกาศตอนใต้สร้างขึ้นมา ได้ฟันฝ่าต่อสู้กับพวกเดียวกันที่มีเจตนาไม่ดีต่อเขตอวกาศตอนใต้ จนมาถึงดาวดังกล่าวนี้แหละ"    

              "ชนเผ่าแท่งผลึกเชนเทโชทนะหรือ นี้พวกนาย เป็นพวกเดียวกับพวกซีรีสตรัลนะหรือ" สเปียริทกล่าว

                 เชนเทโชทตนที่สองบอก "ซีรีสตรัลเป็นชนเผ่าลูกพี่ลูกน้องที่ล้าหลังกว่าพวกเรา ซึ่งพวกเราได้ผลักดันให้พวกเขาก้าวไกลสู่การเดินทางไปยังระบบดาวอื่นที่นอกเหนือจากระบบดาวของพวกเขาเอง จนพวกซีรีสตรัลพัฒนารูปร่างเป็นเหมือนมนุษย์เช่นเดียวกับพวกออร์เลี่ยน เดลอาเนี่ยน ชนเผ่าในเขตอวกาศตอนใต้ แม้กระทั่ง พวกเจ้าเองด้วย"

              "แต่สุดท้าย ซีรีสตรัลกลับถูกเดลอาเนี่ยนชักจูงให้มาเป็นพวก แม้ว่าจะทำให้ทุกเผ่าที่เป็นพันธมิตรต่างรังเกียจต่อชาวซีรีสตรัลในทีแรก แต่เพราะการรุกรานพวกออร์เลี่ยนที่มีพวกเขาร่วมอยู่ด้วยนั้น คือเหตุผลที่ทำให้ซีรีสตรัลเป็นส่วนหนึ่งของพวกเดลอาเนี่ยนไปโดยปริยาย แม้ว่าพวกนั้น....ลงโทษพวกเราด้วยการจองจำให้อยู่ส่วนลึกของดาวดวงนี้เลยก็ตาม" เชนเทโชทตนที่สามบอก สเปียริทถาม "แล้ว พวกนายกำลังทำอะไรกับฉันเลยละสิ"         

              "ในจังหวะที่เจ้าร่วงลงไปสู่เบื้องล่างที่มีหนามผลึกขนาดยาว ซึ่งอาจจะเสียบร่างของเจ้าได้แน่ๆ ถึงจะมีผิวกายเป็นผลึกแข็งเลยก็ตาม แรงโน้มถ่วงจากการตกจากที่สูงอาจจะช่วยทำให้ร่างของเจ้าถูกเสียบไปได้แน่นอน" เชนเทโชทตนแรกบอก "พวกเราจำต้องย้ายเจ้าให้มาอยู่ในบ่อน้ำแห่งการเยียวยา สถานที่ที่พวกเราใช้ฟื้นฟูสภาพกายของพวกเราเอง ซึ่งผิวกายของเจ้าดูดซับสารสำหรับฟื้นฟูเข้าสู่ร่างกายที่เจ้าใช้มาโดยไม่มีการหยุดพักกันไว้เลย" โดยตอนนี้สเปียริทลืมตาขึ้นมา ก็พบว่า เธออยู่ในน้ำแล้ว โดยที่มีเชนเทโชทหลายตนอยู่ในนั้นไว้ จนเธอเห็นร่างของเชนเทโชทที่เป็นแท่งผลึกยาวลอยอยู่

              "ฟื้นฟูฉันอย่างงั้นนะหรือ แต่ร่างของฉันนั้นมีส่วนเป็นจักรกลกันเลยน่ะ" เธอกล่าวด้วยกระแสจิตเพราะสเปียริทขยับปากมิได้เลย

              "ใช่ ส่วนของจักรกลของเจ้านั้น แม้ว่าจะถูกสร้างโดยกรรมวิธีเดียวกับการสืบเผ่าพันธุ์ด้วยสองเพศกันก็ตาม แต่พวกเราซึ่งเคยรวมตัวกับชนเผ่าจักรกลกันมาก่อนนั้น ได้รู้วิธีเยียวยาภายในร่างกายของเจ้า โดยไม่ไปขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูร่างกายของเจ้า และส่วนแกนพลังงานของเจ้า ที่เคยเสียหายมาก่อนครั้งหนึ่งด้วย แม้จะได้รับการเยียวยาด้วยพลังอื่นที่เราไม่เคยรู้มาก่อนก็ตาม" เชนเทโชทตนแรกกล่าว

              เชนเทโชทตนที่สามบอก "แม้เจ้าจะเป็นจักรกลที่ไม่สามารถสื่อสารด้วยกระแสจิตเหมือนที่พวกเราเคยทำกันอยู่ แต่ดูเหมือนว่า เจ้าจะถูกสร้างให้เหนือชั้นและใกล้เคียงกับชนเผ่าที่เจ้าเรียกว่า มนุษย์ กันอย่างมาก บวกกับที่เจ้ามีพลังในตัวอันมหาศาลมากพอ แม้ว่าจะมากมายจนเอาชนะพวกซีรีสตรัล หรือแม้กระทั่งพวกเดลอาเนี่ยนได้ พลังในตัวของเจ้าก็ย่อมนำพาความเดือดร้อน เหมือนเช่นเดียวกับ ผู้นำแมนิเกเตอร์ทั้งสองกันได้แน่นอน"     

             "พวกนายหมายถึงโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสเลยสิน่ะ....แต่...ฉันรู้ว่าพลังของฉันนั้นยิ่งใหญ่ก็จริง ฉันก็จะไม่ใช้พลังก่อเรื่องซ้ำรอยเป็นหนที่สามกันหรอก" สเปียริทบอก

              เชนเทโชทตนแรกบอก "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะเราหวังว่าเจ้าคงจะใช้พลังที่เจ้ามี ช่วยเหลือพวกพ้องหยุดยั้งการคุกคามของพวกเดลอาเนี่ยนกันในตอนนี้อยู่ แม้เราจะรู้ว่าพวกพ้องของเจ้าที่ถูกจับมาด้วยนั้น กำลังประสบเหตุเดือดร้อนก็ตาม"

              "แต่....เจ้าจงวางใจได้ เพราะ....พวกเมอโมเฮิร์มที่โน่นได้ช่วยเหลือพวกพ้องทั้งสี่ของเจ้าไว้แล้วน่ะ" เชนเทโชทตนที่สี่ ซึ่งมีวงแหวนจักรกลวนรอบโผล่มา

                สเปียริทกล่าว "แค่ได้ยินก็วางใจได้แล้วละ" แต่ก็สงสัยไม่น้อย "แต่ นายดูต่างจากตัวอื่นๆกันนิ เพราะมีชิ้นส่วนจักรกลติดมาด้วยนั้น คงเป็นการดัดแปลงเลยสิน่ะ"

              "เฮเฮิมเป็น เชอเมิร์ท ร่างรวมของพวกเรากับพวกเมอโมเฮิร์ม ซึ่งเป็น 1 ใน 120 ตนที่รอดพ้นจากการถูกจับแยกเป็นพวกเรากับเมอโมเฮิร์ม หลังจากที่ออร์เลี่ยนพ่ายแพ้ลงไปแล้วน่ะ" เชนเทโชทตนแรกบอก

              สเปียริทบอก "แล้ว พวกนายมีที่มากันยังไงละ และพวกนายรวมร่างกันไปเพื่ออะไรกัน ฉันต้องการจะรู้สักหน่อยน่ะ"

             ต้นกำเนิดของพวกเรานั้นมาจากดาวโพซิยอน-4 ซึ่งอยู่ในเขตอวกาศภาคกลางกันมาก่อน โดยพวกเราวิวัฒนาการจากการเป็นหินแร่ธรรมดาที่มีพลังอันแรงกล้าขึ้น พลังนั้นได้ช่วยให้เราสร้างสติสัมปะชัญญะ พัฒนาเป็นสติปัญญา และกลายเป็นตัวตน รวมตัวกันเป็นเผ่าพันธุ์มาจนถึงบัดนี้.... แม้ว่าพวกเราจะมีพลังและภูมิปัญญาสูงส่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่น แต่ด้วยสภาพกายของพวกเราที่แตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่นที่มีแขนมีขามีใบหน้า ซึ่งทำให้ชนเผ่าอื่นๆยังหวาดกลัวต่อพวกเรากันอยู่" เฮเฮิมบอก "จนกระทั่งชนเผ่าผู้มีใบหน้า มีแขนและขากลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นมา สื่อสารและพยายามทำความเข้าใจกับพวกเราอย่างเต็มที่ จนพวกเราได้รับการยอมรับจากพวกเขา เผ่าต่างดาวเหล่านั้น ก็คือชาวออร์เลี่ยนนี้เอง"

              สเปียริทบอก "แปลว่า พวกเขาพยายามจะเป็นมิตรกับต่างดาว ต่อให้มีหน้าตาประหลาดและดูไม่เป็นมิตรเลยสิน่ะ"

             "นับจากที่พวกเราเป็นมิตรกับชาวออร์เลี่ยนนั้น พวกเราได้แลกเปลี่ยนวิทยาการและเทคโนโลยี่ด้านผลึกคริสตัลแบบต่างๆให้กับชาวออร์เลี่ยน ที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของพวกเขาจนเราพัฒนาสร้างอารยธรรมของพวกเราอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป รวมถึง ร่วมมือกันตามหาเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญากลุ่มอื่นๆที่อยู่ในเขตอวกาศของออร์เลี่ยนขึ้น นำไปสู่กลุ่มพันธมิตรระหว่างดวงดาวลุ่มสังคมอวกาศกลุ่มแรกก่อนที่กลุ่มสมาพันธ์อวกาศของชาวอวกาศ 12 เผ่าทั้งทางใต้และทางเหนือจะถูกก่อตั้งขึ้นมา" เฮเฮิมกล่าว "ซึ่งในกลุ่มนั้นก็มีเดลอาเนี่ยน ชนเผ่าที่แข็งแกร่งทั้งด้านการต่อสู้และการวางแผนการรบ รวมถึงซีรีสตรัล ลูกพี่ลูกน้องของเราที่เป็นชนเผ่ามนุษย์ต่างดาวผลึกกันด้วย โดยพวกเดลอาเนี่ยนและต่างดาวทั้ง 12 เผ่านั้นคือสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรระหว่างดวงดาวที่เรารวบรวมมากันน่ะ"

              สเปียริทถาม "แล้ว พวกเดลอาเนี่ยนก่อร่างสร้างจักรวรรดิ์ขึ้นมาได้ไงกันน่ะ"

             "ทั้งหมดเริ่มต้นจากสงครามทาส อันเกิดมาจากเผ่าเออควาท เผ่าหนอนอวกาศยอดนักล่าและนักผจญภัย ได้ถูกเผ่าปีศาจดานาลิท ซึ่งเป็นชนเผ่าขนาดเล็กแต่มีพลังจิตสูงส่ง ครอบงำจิตใจจนกลายเป็นทาสจนทำลายกลุ่มสมาชิกกลุ่มแรกๆของออร์เลี่ยนกันจนหมด แม้ว่าพวกออร์เลี่ยนและเดลอาเนี่ยนพยายามต่อกร แต่ก็ไร้ผล เพราะเออควาทมีกองยานรบที่แข็งแกร่งเฉกเช่นเดียวกับกายที่แข็งแกร่งกันด้วย....เรากับชาวออร์เลี่ยนจึงบอกวิธีกับเออควาทในการทำร้ายตัวเอง เพราะเออควาทถูกดานาลิทควบคุมด้วยพลังจิต การที่เออควาทเจ็บปวดนั้น ความเจ็บปวดจะถูกถ่ายทอดไปสู่ดานาลิทขึ้นมา ส่งผลให้พวกมันต้องรีบตัดการเชื่อมต่อก่อนที่ความเจ็บปวดขั้นถึงแก่ความตายจะเข้าถึงตัวพวกมันไว้" เฮเฮิมบอก "ซึ่งแนวคิดนี้ได้ผล เออควาทปลดปล่อยตัวเองออกจากดานาลิทลงไปได้ก็จริง แต่ผลจากการที่พวกเขาถูกครอบงำจนกลายเป็นทาสและเครื่องมือ ได้ทำให้พวกเขาตัดสินใจอันเลวร้ายขึ้นมา"

              สเปียริทถาม "พวกหนอนยักษ์นั้นคงจะไม่คิดรุกรานระบบดาวเหมือนที่โอเวอร์เรสทำกันอยู่ละสิ"


              "ใช่ เพราะการที่เออควาทถูกครอบงำไปนั้น พวกเขากลัวว่าจะมีต่างดาวที่เหนือกว่าเข้ามาครอบงำพวกเขาเหมือนที่ดานาริลกระทำไว้ ซึ่งพวกเราได้กวาดล้างชนเผ่าต่างดาวน่ากลัวนี้ลงจนราบคาบไปแล้ว พวกเออควาทจึงวางแผนครอบครองเขตอวกาศของพวกเรา โดยรุกรานระบบดาวต่างๆที่เออควาทไปถึง โดยพวกเขาได้ให้ทางเลือก 3 ทางด้วยกัน คือ ร่วมมือกับพวกเออควาทเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังทาส ถูกกักขังด้วยสนามพลังปิดกั้นดวงดาวที่ไม่มีใครสามารถออกไปจากดาวได้ รวมถึงคนนอกเองก็เข้ามาไม่ได้ด้วย และสุดท้ายก็คือ ถูกกวาดล้างจนพินาศสิ้นไป ซึ่งชนเผ่าในเขตอวกาศนี้ ล้วนประสบกับความเดือดร้อนจากการระรานของเออควาทกันไม่น้อย ส่วนมากล้วนถูกกวาดล้างจนราบคาบไป" เฮเฮิมเล่าต่อ "ด้วยการกระทำของเออควาท กลุ่มพันธมิตรระหว่างดวงดาวจึงออกไปรับมือสู้กับพวกเออควาทกับกองกำลังทาสแห่งดวงดาวอย่างต่อเนื่อง ครั้งแรก พวกเราประสบกับความพ่ายแพ้ เพราะเออควาทใช้สุดยอดอาวุธเป็นยานรบอันไร้เทียมทานขึ้นมา กลุ่มพันธมิตรจึงแตกแยกกันไป แน่นอน ว่ารวมถึงพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วย...ที่ลี้ภัยหนีไปทางเหนือของเขตอวกาศนี้ เผ่าพันธุ์ของเราและเมอโมเฮิร์มถูกกักขังในดาวดวงเดียวกัน เพราะพวกเราเลือกยอมจำนนเพื่อหวังผลในภายภาคหน้าไว้"

              สเปียริทบอก "คงไม่ได้หมายถึง การรวมร่างกันละสิน่ะ"

            "ถูกต้อง พวกเราทั้งสองเผ่าตัดสินใจรวมร่างขึ้น เพราะการรวมร่างของพวกเรานั้น ไม่เพียงสลายบาเรียดังกล่าวออกไปกันอย่างเดียว แต่หมายถึงการช่วยเหลือชนเผ่าออร์เลี่ยนและเดลอาเนี่ยนในการเอาชนะพวกเออควาท ที่ตอนนี้ เริ่มแตกแยกในแนวความคิดของพวกนั้นลงจนก่อสงครามกันเอง เพียงแต่ กระบวนการนี้ ต้องใช้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาที่ดาว ซึ่งต้องใช้เวลามากเกือบจะศตวรรษหนึ่งกว่าพวกเราจะรวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ" เฮเฮิมบอก "แต่ด้วยความช่วยเหลือของชาวออร์เลี่ยนที่ใช้เครื่องเพิ่มพลังให้กับพระอาทิตย์ ทำให้กระบวนการรวมร่างที่เชื่องช้า แล้วเสร็จภายในไม่กี่นาทีจนพวกเรามีสภาพเป็นอย่างนี้แหละ"

              สเปียริทบอก "และพวกนายก็คงช่วยออร์เลี่ยนกับเดลอาเนี่ยนเอาชนะไอ้พวกเออควาทกันด้วยสิ"

            "ใช่ ด้วยความช่วยเหลือด้านพลังจิตของชาวเฟลาเลี่ยมและชาวไซลีม ในการสร้างความสับสนให้กับพวกเออควาท เพราะว่าพวกเราได้กวาดล้างพวกดานาริลจนราบคาบไปหมดแล้ว พวกเรากับพวกเดลอาเนี่ยนที่พัฒนาอาวุธและกองยานให้เหนือชั้น บุกทำลายสุดยอดอาวุธนี้ทิ้งไปจนได้...." เฮเฮิมบอก "ทว่า....ชัยชนะของพวกเรากับความยินดีปรีดาของทุกชนเผ่าที่เป็นอิสระจากเออควาทที่ตอนนี้พ่ายแพ้และถูกสยบลงนั้น ช่างสั้นอย่างที่คาดไม่ถึง เมื่อพวกเดลอาเนี่ยน....พัฒนาตนเองเป็นจักรวรรดิ์ขึ้นมา"

              สเปียริทบอก "แสดงว่าพวกเดลอาเนี่ยนใช้วิกฤตในเหตุการณ์นั้น ก่อตั้งตนเป็นจักรวรรดิ์เลยสิน่ะ"

            "ใช่ พวกเดลอาเนี่ยนคิดว่าพวกเราและชนเผ่าที่รวมตัวกันนั้น อ่อนแอเกินไปที่จะมาดูแลความสงบสุขในเขตอวกาศที่พวกเราตีกรอบให้ปกครองกันไว้ พวกนั้นจึงขอร้องให้พวกเรามอบอำนาจให้แก่พวกเขา ซึ่งพวกออร์เลี่ยนได้ส่งคนไปเจรจาเกลี้ยกล่อมพวกเดลอาเนี่ยนให้เปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ เพราะกลุ่มพันธมิตรระหว่างดวงดาวไม่อยากจะก่อสงครามในช่วงที่....พวกเฮซเทิร์ซยึดระบบอวกาศดาวเหนือจนขับไล่ชนเผ่าทั้ง 12 ให้ลงมาทางตอนใต้กันไว้....ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่พวกเดลอาเนี่ยนต้องการอำนาจในการปกครองอวกาศที่พวกเราอยู่...." เฮเฮิมกล่าว "น่าเสียดาย ที่เดลมูดัลที่ 1 ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำของพวกเดลอาเนี่ยนไม่เพียงไม่ยอมรับฟังคำเกลี้ยกล่อม พวกเขากับเหล่าพันธมิตรยังเห็นว่าออร์เลี่ยนและพวกเราตั้งตนเป็นศัตรูต่อพวกเขา ฐานที่เข้ามาขัดขวางการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในเขตอวกาศที่พวกเราอาศัยอยู่ และจักรวาลทั้งปวงกันขึ้นมา ซึ่งพวกเราทั้งหมด รวมถึงชาวออร์เลี่ยน ต่างรู้แล้วว่า เดลมูดัลที่ 1 อยากจะเป็นจ้าวจักรวาลปกครองจักรวาลภายใต้อำนาจของพวกเขา ซึ่งนั้นหมายถึง กลุ่มสมาพันธ์อวกาศของ 24 ชนเผ่าที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของเดลอาเนี่ยน ซ้ำรอยเดิมที่พวกเออควาททำกันไว้....จนนำพาไปสู่.....มหาสงครามอวกาศระหว่างพันธมิตรระหว่างดวงดาวของออร์เลี่ยน กับจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยนของเดลมูดัลที่ 1"

              สเปียริทบอก "แล้วพวกนายกับชาวออร์เลี่ยนก็สู้กับพวกเดลอาเนี่ยนไม่ได้เลยสิน่ะ"

            "เดลอาเนี่ยนกับพวก ใช้เทคโนโลยี่สร้างหุ่นขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการสร้างขุมกำลังกองทัพขึ้นมา ไม่ว่าจะบนบก บนฟ้า ในน้ำ รวมถึงในอวกาศ เข้ารุกรานระบบดาวของกลุ่มพันธมิตรอวกาศอย่างช้าๆ ซึ่งนั้นก็ทำให้ชาวออร์เลี่ยนเจ็บปวดมากๆ กับการที่เดลอาเนี่ยนใช้เทคโนโลยี่ที่พวกเขาร่วมกันสร้าง เพื่อสร้างอารยธรรมและพัฒนาดวงดาวที่ทุรกันดารและเป็นอันตรายต่อทุกชนเผ่าที่ต้องการอยู่อาศัย พัฒนาให้กลายเป็นเครื่องมือในการรุกรานระบบดาวเสียเอง แน่นอน ว่ากลุ่มพันธมิตรอวกาศที่แม้จะมีเทคโนโลยี่อันกล้าแกร่ง ก็สู้กับพวกเดลอาเนี่ยนที่เหนือชั้นกว่ามิได้อยู่ดี" เฮเฮิมบอก "ผลของการต่อสู้อย่างสิ้นหวังนี้ จบลงที่ดาวแม่ของชาวออร์เลี่ยน รวมถึงชาวออร์เลี่ยนถูกพวกเดลอาเนี่ยนใช้ลำแสงสลายดวงดาวทำลายทิ้งจนไม่เหลือซาก ชนเผ่าพันธมิตรอย่างพวกเราและเผ่าอื่นๆ รวมถึงเออควาท ที่ขอเข้าร่วมเพื่อไถ่โทษในสิ่งที่พวกเขาได้ก่อไว้ ถ้าไม่ถูกเผ่าพันธมิตรของเดลอาเนี่ยนจองจำเป็นนักโทษหรือทาสเหมือนที่เจ้าได้เห็น ก็ต้องถูกกวาดล้างจนไม่เหลือซากกันทั้งนั้น แม้จะมีบางส่วน หนีไปอยู่ในเขตอวกาศภาคกลางแล้วไม่กลับมาอีกเลยก็ตาม เขตอวกาศของพันธมิตรระหว่างดวงดาว จึงกลายเป็นของพวกเดลอาเนี่ยนไปโดยปริยายนี้แหละ"

              สเปียริทบอก "พวกเดลอาเนี่ยนกระทำไม่ต่างจากโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรส แต่แย่และเลวร้ายยิ่งกว่ากันน่ะ"


              "ใช่ แม้ว่าพวกเชอเมิร์ทส่วนมากจะถูกแยกจนกลายเป็นสองเผ่าตามเดิม แต่พวกเราส่วนหนึ่งที่รอดอยู่ก็ต้องอยู่ที่นี้โดยไม่สามารถต่อต้านใดๆต่อพวกเมคครอฟิคและซีรีสตรัลได้เลย จนกว่า...จะมีใครที่สืบทอดสิ่งที่ออร์เลี่ยนเหลือไว้มาถึง ซึ่งเจ้าก็มาเยือนกันนี้แหละ" เฮเฮิมบอก

              สเปียริทกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกเรา มียานรบไทรแองเกิ้ลที่เป็นยานรบของพวกออร์เลี่ยนอยู่สินะ"

             "จากความทรงจำที่เรารับรู้มาจากเจ้านั้น เราพบว่า พวกเจ้าได้พัฒนาเทคโนโลยี่เกี่ยวกับผลึกแร่เพิ่มพลังไปอย่างก้าวไกลกันมาก จนกลายเป็นต้นต่อสร้างชนเผ่าย่อยขึ้นมาหลายเผ่าด้วยกัน ทั้งนี้ เพราะผู้คิดค้นและสร้างขึ้นมานั้น ใช้องค์ความรู้ของพวกเรากันน่ะ" เชนเทโชทตนแรกบอก

              สเปียริทบอก "เดียวก่อนน่ะ พวกนายกำลังจะบอกว่า พลังของพีวิล ของมาสวาร์ทาร์ ของเจเนไซด์ทีม และของพวกเพรโทรน็อกซ์นั้น ต้นตอจริงๆมาจากพวกนายนะหรือ"

             "ถูกต้อง เพราะพวกเราคิดค้นผลึกเสริมพลังให้กับชนเผ่าที่มีเลือดเนื้อ นำไปใช้สู้กับเหล่านักรบของพวกเดลอาเนี่ยนที่บุกรุกเข้ามาในดวงดาวกันหลายอย่าง แต่ก็ไม่อาจสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนที่ใช้วิทยาการของพวกเรา ที่มีพวกไซเอมเที่ยนพัฒนาและคิดค้นอย่างรวดเร็วลงไปได้เลย บวกกับว่าชาวออร์เลี่ยน ไม่เคยประกาศตนว่าได้คิดค้นอะไรให้ทุกๆคนได้รับรู้ เพราะกลัวว่าจะมีคนไม่ดีอย่างพวกเดลอาเนี่ยนนำไปใช้กัน" เชนเทโชทบอก "ทว่า ผู้นำทั้งสองของพวกเจ้า ได้นำองค์ความรู้ของพวกเราไปต่อยอด พัฒนาผลึกที่เสริมสมรรถนะภาพทางร่างกายให้รวดเร็วว่องไวให้กลายเป็นผลึกอีเนลเซี่ยมของพวกอีเนอไมนด์ แท่งผลึกที่มีคลื่นกัมตรังสีกลางที่เพิ่มพลังสมองจนสามารถเชื่อมต่อกับองค์ความรู้อันเก่าแก่ รวมถึงเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่หลากหลายจนกลายเป็นผลึกครอสเซี่ยมของครอสตรีม สร้างผลึกพลังงานที่สามารถแปรเปลี่ยนมวลอะตอมให้เป็นรูปร่าง และพลังงานแบบต่างๆจนกลายเป็นแร่เราซ์อะตอมมิคให้กับพวกครีซีแทนและผลึกเซจเจนของโมบิลลอยด์สกรีแทนไทป์ สุดท้ายก็คือผลึกที่ช่วยดึงขีดความสามารถทางกายและทางจิต และเพิ่มพลังให้สูงส่งยิ่งขึ้นจนกลายเป็นผลึกซีริเดี้ยม ที่พวกสโทรเพธใช้กันอยู่.....แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะใช้พลังเหล่านั้นสร้างขุมกำลังขึ้นก่อเหตุซ้ำรอยเดียวกับเออควาทและเดลอาเนี่ยน สุดท้าย พวกเจ้าที่เป็นฝ่ายต่อต้านก็ใช้พลังดังกล่าวฟันฝ่ามาจนรู้เรื่องของพวกเรากันนี้แหละ"

              สเปียริทบอก "แม้กระทั่งผลึกโชนโครคิฟและจิลเวลเลี่ยมเองก็ด้วยหรือ"

            "ทั้งสองอย่างนี้ คือผลงานระดับสูงสุดเกินขอบเขตที่พวกเราและชาวออร์เลี่ยนพัฒนากันไว้ พวกเราคาดไม่ถึงเลยว่า แมนิเกเตอร์อย่างพวกเจ้าจะพัฒนาไปไกล ถึงขั้นที่สามารถ สร้างขุมกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นจนต่อกรกับพวกซีรีสตรัล และให้เปลือกเกราะที่ช่วยปกป้องเจ้าจากอันตรายจากนอกและในกันไว้ด้วย...." เฮเฮิมบอก "ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงสามารถฟื้นฟูร่างกายของเจ้าเอาไว้ เพราะว่าเจ้าใช้เปลือกเกราะจากแร่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี่ของพวกเรา แต่ก้าวล้ำไปไกลอย่างมาก แม้ว่าวิธีการสร้างนั้นจะดูเลวร้ายไปมากก็ตาม เราจึงหวังว่า เจ้าคงจะไม่ใช้พลังไปในทางที่มันถูกสร้างขึ้นมากันหรอกน่ะ"

              "ฉันจะจำเอาไว้แล้วกันน่ะ แต่...ฉันจะออกไปจากนี้กันยังไงละ" สเปียริทถาม

                 เฮเฮิมกล่าว "จนกว่าสภาพกายที่อ่อนล้าจากภายในของเจ้าได้ถูกลบเลือนไป เราถึงจะส่งเจ้าขึ้นสู่ภาคพื้นกัน แต่ด้วยสภาพการฟื้นฟูของเจ้าในตอนนี้ เราแน่ใจว่า วันเดียวบนดาวดวงนี้ คงพอที่จะทำให้เจ้าหายดีกันบ้างแล้วละ"

              "นั้นสิน่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่า อาการเมื่อยล้าตามตัวจนขยับมือ แขน ขาและเท้าไม่ได้นั้น เริ่มจางลง เช่นเดียวกับขากรรไกรของฉันแล้วน่ะ" สเปียริทบอก และหันมาถาม "แล้วพวกซีรีสตรัลไม่ลงมาเจอที่นี้เลยหรือ"

                เฮเฮิมบอก "พวกซีรีสตรัลแม้จะอยู่ใต้ดินเหมือนที่พวกเราอยู่ แต่พวกนั้นก็ไม่ลงมาลึกในจุดที่พวกเราอยู่กันได้หรอกน่ะ"

              หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปจนถึงวันต่อมา "แว้งงงงงง" สเปียริทลอยตัวขึ้นมาพร้อมกับเชนเทโชท 4 ตัวที่ใช้พลังรอบตัวไว้ โดยพามาส่งตรงขอบผาห่างจากเหวลึกไปอย่างมาก "เรามาส่งเจ้าเพียงเท่านี้แหละ....ที่เหลือ เจ้าต้องหาทางหนีกันเองแล้วละ" เชนเทโชทกล่าว

              สเปียริทตอบ "ขอบใจมากน่ะที่มาช่วยฉันไว้ แต่ไม่รู้ว่าฉันจะได้เจอกับพวกนายอีกหรือเปล่าละ"

              "ตอนนี้พวกเราคิดที่จะออกไปจากดาวดวงนี้โดยไม่ให้พวกซีรีสตรัลรู้เรื่องกันไว้ หวังว่าเจ้าคงจะรักษาตัวจนหาทางออกจากดาวดวงนี้กันบ้างน่ะ" เชนเทโชทบอก แล้วสเปียริทก็ก้าวเดินออกไป

              "ถ้าอย่างงั้น ขอให้พวกนายโชคดีแล้วกัน" เธอกล่าวทิ้งท้ายไป ก่อนจะเดินออกห่างจากพวกเชนเทโชทไปไกลมากแล้ว

              "แว้งๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไรก็มีแสงโผล่ขึ้นมาล้อมรอบสเปียริทขึ้น พร้อมกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่โผล่เข้ามา เป็นนักรบหญิงผิวสีม่วงอ่อนออกไปโทนสีเทา ใส่เกราะสีน้ำเงินม่วงถือหอกยาวเป็นอาวุธ "ลักษณะเหมือนกับพวกดาวฤกษ์ แต่....สีผิวกับชุดรบที่ใส่ไม่เหมือนกับที่เจอแบบนี้....." สเปียริทกล่าวและจับอาวุธประจำตัวของเธอไว้ทั้งสองมือ "....พวกเธอคงเป็นพวกเฟลาเลี่ยมละสิ"

              นักรบหญิงต่างดาวกล่าว "เจ้าคงจะได้รับรู้เรื่องของพวกเราจากพวกเชนเทโชทเลยสิน่ะ เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่รู้ว่าเราเป็นใครกันหรอก"

              "ถ้าคิดจะสู้กับฉันละก็ ย่อมได้ เพราะว่าฉันพร้อมจะจัดการกับใครก็ได้ที่เข้ามาขวางกันน่ะ" สเปียริทบอก

              เหล่านักรบเฟลาเลี่ยมจึงแบมือ "แว้งงงง" เปล่งแสงเข้าใส่สเปียริทจนไม่สามารถขยับตัวไปได้ "พวกเราไม่คิดจะหาเรื่องเจ็บตัวโดยน้ำมือของเจ้าหรอกน่ะ เพราะว่าพวกเราได้สังเกตุการณ์ดูเจ้ามาตลอด 3 วัน นับแต่เรา ทราบว่าเจ้าถูกจับตัวมาที่ดาวแม่ของพวกซีรีสตรัลกันไว้น่ะ" นักรบเฟลาเลี่ยมตนหนึ่งบอก

              "เจ้าได้ต่อสู้กับชาวซีรีสตรัล ซึ่งเป็นต่างดาวชนเผ่าหลักที่มีความแข็งแกร่งและทนทายาทมากที่สุดในกลุ่มของเรา จนตีฝ่าวงล้อมและหนีการไล่ล่าไปได้ทุกครั้ง ซึ่งไม่มีใครหน้าไหนที่อยู่บนดาวดวงนี้แล้วจะรอดไปได้กันหรอกน่ะ" นักรบอีกตนกล่าว

              แม่ทัพหญิงที่สวมเกราะที่มีส่วนปีกสีเงินบนหน้าผากหมวกกล่าว "แต่การที่เจ้าฟันฝ่าพวกซีรีสตรัลมาตลอด 3-4 วันที่ผ่านมาได้นั้น บ่งบอกได้ว่า เจ้าทรงพลังและแข็งแกร่งมากพอ ถึงขั้นที่เป็นกุญแจดอกสำคัญที่กำชัยชนะให้กับพวกพ้องของเจ้ากันไว้ ซึ่งพวกเรา อยากจะสู้กับเจ้ากันแต่แรกอยู่แล้วละ" แล้วก็เดินมาดูหน้าสเปียริทกันใกล้ๆ "น่าเสียดาย ที่คำสั่งใหม่ของท่านออมนิม่า ได้สั่งให้เรา จับตัวเจ้าไปกันสักหน่อย"

              "ออมนิม่านิ ผู้นำของพวกเธออย่างงั้นนะหรือ" สเปียริทบอก

              แม่ทัพหญิงกล่าว "ใช่ เพราะพวกเราทราบว่า เจ้ากับพวกพ้องของเจ้า รู้จักกับคู่ปรับตัวเอ้ของท่านออมนิม่ามานานกันแล้ว ดังนั้น....กรุณาให้ความร่วมมือกันหน่อยน่ะ"

              "เออ นายกองคะ พวกเชนเทโชทอยู่ด้วยนิ จะให้ทำอะไรกันดีละคะ" ทหารเฟลาเลี่ยมตนหนึ่งถาม

              แม่ทัพเห็นพวกเชนเทโชทหลบอยู่หลังก้อนหินที่อยู่ไม่ไกล จึงบอกไปว่า "เผ่าพันธุ์ผลึกแก้วเหล่านั้นไม่มีทางสู้กับพวกเรากันได้หรอกน่ะ และเราไม่ได้รับคำสั่งให้กวาดล้างพวกนี้กันด้วย เพราะท่านออมนิม่าสั่งให้พวกเราพาตัวเชลยคนนี้ไปก็พอ ดังนั้น เราไม่มีความจำเป็นต้องสู้กับเผ่าพันธุ์เก่าแก่นี้จนสร้างความแตกแยกให้กับซีรีสตรัลกันหรอกน่ะ"

              "รับทราบคะ" ทหารเฟลาเลี่ยมตนนั้นเข้าใจ แล้วก็ "แว้งๆๆๆๆๆๆๆๆ" ทั้งหมดก็พาสเปียริทหายไปโดยทันที

              เชนเทโชทบอก "สงสัยว่า เราจำต้องบอกกับพวกพ้องของผู้มาเยือนให้รับทราบกันแล้วละ" แล้วก็ "แว้งๆๆๆ ฟ้าว ฟ้าวว" เชนเทโชทเรืองแสงปล่อยลูกบอลแสงที่ไม่มีใครมองเห็นพุ่งลอยออกไปยังอวกาศ ผ่านข้ามระบบดาวไปหลายปีแสงจนมาถึง ยานไทรแองเกิ้ลที่ระบบดาววลาดด้า


              "แทบไม่เชื่อเลยน่ะ ว่าพลังอีเนลเซี่ยม ครอสเซี่ยม เราซ์อะตอมมิค พลังงานเซจเจน แร่ซีรีเดี้ยม แร่โชนโครคริฟ แล้วก็ จิวเวลเลี่ยม มีที่มาจากเทคโนโลยี่ของพวกเชนเทโชทกันน่ะ" โฟรซ่าบอก

              คลอเวฟบอก "ถึงว่าสิ ว่าทำไมพวกอีเนอไมนด์กับครอสตรีมตอนอยู่บนโลกถึงทรงพลัง และก้าวหน้าเร็วกว่าแอตแลนไทซ์ในตอนนั้นเสียอีกน่ะ"

             "พลังของพวกเจ้าส่วนมากนั้น ล้วนมาจากองค์ความรู้อันเก่าแก่ของพวกเรา ซึ่งเดิมมันใช้ไม่ได้ผลกับพวกออร์เลี่ยน และเกือบทุกชนเผ่าที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรระหว่างดวงดาว เพราะโครงสร้างทางร่างกายดังกล่าว ไม่สามารถปรับตัวกับผลึกเสริมพลังกันไว้ได้เลย" อิชเชเตียนกล่าว

               ฟาร์โอเวี่ยนบอก "แต่จากการที่ได้เห็นพวกเจ้าผ่านจากความทรงจำของสเปียริทกันนั้น แสดงว่าชนเผ่ามนุษย์ที่ผ่านการดัดแปลง หรือมีการเปลี่ยนแปลงยีนที่สามารถปรับตัวได้กับทุกสิ่งที่เข้ามานั้น สามารถรับกับพลังจากผลึกเสริมพลังของพวกเรากันได้ เปรียบเหมือนกับชาวออร์เลี่ยนที่พยายามสื่อสาร และทำความเข้าใจระหว่างพวกเขากับพวกเราเมื่ออดีตกาลกันนี้แหละ"

              "เหล่าสหายของสเปียริทเอ๋ย ตอนนี้พวกเจ้าได้รับรู้เรื่องราวของพวกเรากันแล้ว พวกเราหวังว่า พวกเจ้าคงจะช่วยพวกพ้องที่ตกอยู่ภายใต้กำมือของพวกเดลอาเนี่ยนได้อย่างแน่นอน" อิชเชเตียนบอก

              ฟาร์โอเวี่ยนกล่าว "เราได้ส่งมอบข้อมูลองค์ความรู้ให้กับสิ่งที่ข้อความนี้สิงอยู่ พวกเราหวังว่าองค์ความรู้จากพวกเราที่ฝากมากับข้อความนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าในภายภาคหน้ากันแน่นอน" แล้วก็... "วูบบบบ" ผลึกตามตัวอิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนที่เรืองแสงอยู่ก็ดับวูบลง บ่งบอกได้ว่า ข้อความของเชนเทโชทได้จบลงแล้ว ฟูลออเรสและเมดิน่าเลยเข้าไปดูในคอกพิต ซึ่งหน้าจอมอนิเตอร์มีข้อมูลปรากฎขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

              "เกรงว่า ผมกับเมดิน่าต้องอัพโหลดข้อมูลเหล่านี้เข้าคอมพิวเตอร์หลักกันสักหน่อยนะครับ ข้อมูลเยอะมากเลยน่ะ" ฟูลออเรสบอก

              แอนเดรียบอก "มิลด์ ลงไปช่วยฟูลออเรสและเมดิน่าอัพโหลดข้อมูลที่ได้ให้ทีหน่อยนะ" มิลด์พยักหน้าและรีบวิ่งออกไป

              "ในเมื่อเรารู้แล้วว่าสเปียริทและพวกพีวิลไปลงเอยกันที่นั้นแล้ว และรู้ว่าพวกเขาพบกับพวกต่างดาวที่เป็นพันธมิตรเก่าของชาวออร์เลี่ยนที่เหลือรอดอยู่กันด้วยนั้น เท่ากับว่าเขตอวกาศของเดลอาเนี่ยน ยังพอมีคนช่วยเหลือเรากันบ้าง พอๆกันกับพวกที่พวกเราสมควรจะไปช่วยกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              ไซโคลเนียบอก "ในเมื่อเรารู้แล้วว่าพวกพีวิลถูกจับไปที่ดาวสเลฟแคท-3 กันแล้ว เราน่าจะตรงไปที่ดาวดวงนั้นโดยเร็วเลยน่ะ"

              "แม้ว่านั้นเสี่ยงกันไม่น้อย เพราะเราไม่รู้ว่าสนามโคลอสเซี่ยมที่พวกพีวิลถูกกักขังนั้นอยู่ตรงไหนของดาวกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              โฟรซ่ากล่าว "โชคยังดีมาก ที่เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับโคลอสเซี่ยมที่พวกพีทและเจมส์จะถูกส่งไป ซึ่งได้จากคอมพิวเตอร์ของหัวหน้ากิลด์อูดูกิน เห็นว่าอยู่ในเขตเมืองตะวันออกของทวีปฝั่งบูรพา ซึ่งมีฐานบัญชาการที่สามารถติดต่อกองบัญชาการจากทั่วทุกมุมของดาวดวงนี้ หากเกิดเหตุร้ายขึ้นนอกสนามแข่งประลอง โดยกองรบที่ประจำการบนดาวดวงนั้น มีอยู่ราว 5-6 กองด้วยกันน่ะ"

              "ถึงจะน้อยไปก็จริง แต่พวกแมทเฟลิมเคลื่อนไหวเร็วมาก จนเราหนีแทบไม่ทันแน่ๆเลยละ" พลัสเชอริทบอก

              เบติสกล่าว "ถ้าเราใช้แผนแบ่งกำลังเพื่อดึงความสนใจ ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีเยอะแค่ไหนกันน่ะ"

              "ว่าแต่ นอกเหนือจากข้อมูลที่ได้จากคอมของหัวหน้ากิลด์ ยังมีอะไรอีกบ้างละคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฟรซ่ากล่าว "ก็มี ข้อมูลประวัติของอูดูกินน่ะสิ เพราะว่าหัวหน้ากิลด์ตั้งใจจะมาดูการประลองในครั้งนี้ โดยแจ้งกับที่โน่นไว้แล้ว ว่าจะพาตัวพวกเรามาเสนอต่อหน้าจักรพรรดินีมิวนัสและจักรพรรดินีออมนิม่า หลังจากที่พวกเราถูกจัดการลงไปแล้ว....ซึ่งเรามีทะเบียนเลขยานอวกาศของหัวหน้ากิลด์ด้วยน่ะ"

              "แต่เรามีสเตลท์ฟิลด์อยู่มิใช่หรือ ถ้าเกิดพวกเฟราเลี่ยมรู้เข้าขึ้นมากันละ" แอบไบออสบอก

              ฟิเกซบอก "....แต่ถ้าเราใช้ข้อมูลของอูดูกินไปแจ้งกับทางนั้นว่า ไซเมี่ยนร่วมมือกับพวกต่อต้านแยกกันก่อวินาศกรรมทั่วดาวเพื่อช่วยเหล่าตัวประกันในโคลอสเซี่ยมกันล่ะ"

              "นั้นก็เสี่ยงไม่น้อย หากไซเมี่ยนกับพวกต่อต้านอยู่ที่ดาวดวงนั้นจริงขึ้นมากันละ" สเตฟอร์ดบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "แต่พวกเรารอไม่ได้แล้ว มันต้องวัดดวงกันสักตั้งแล้วละ" แล้วก็แจ้งให้ "แอมเบอร์ ใช้ข้อมูลของอูดูกินส่งข่าวไปยังพวกแมทเฟลิมที่อยู่ที่สเลฟแคท-3 รับทราบเรื่องที่ไซเมี่ยนจะพาพวกมาที่ดาวกันเดียวนี้เลย"

              "รับทราบแล้วคะ" แอมเบอร์บอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "พวกเธอทุกคนที่อยู่ในห้องนี้และยานลำนี้ เตรียมตัวไว้ให้พร้อม พวกเราจะมุ่งหน้าไปช่วยพวกพีวิลกันเดียวนี้เลย" โดยบอกให้ "คลอเวฟ นำยานไปยังสเลฟแคท-3 กันโดยเร็วเลย"

              "ถึงนายไม่บอก ฉันก็พาไปอยู่แล้วละ" คลอเวฟบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แม้จะรู้ว่าพวกเฟราเลี่ยมจะมีพลังจิตกล้าแกร่งด้อยกว่าชาวแอตทาเวี่ยน จนรับรู้ว่าพวกเรามาเพื่อช่วยพวกพีวิล รวมถึงอุบายที่เราใช้นั้นไม่มีผลกันอย่างแน่นอน...." แล้วก็กุมด้ามดาบไว้ "...แต่....เรามาถึงเขตอวกาศแห่งนี้แล้ว เราถอยหลังกลับไปไม่ได้ด้วย มันต้องเสี่ยงกันแล้วละ"

              "แต่ปัญหาคือ เจ้สเปียริทตอนอยู่ที่ยานรบของพวกเฟลาเลี่ยมนั้น จะเป็นยังไงหรือเปล่าน่ะ" ไกซ์ถาม

              แอนเดรียกล่าว "ถ้าดูจากข่าวการประลองนั้น แสดงว่าเธอคงจะถูกพวกเฟลาเลี่ยมควบคุมตัวกันไว้น่ะ"

    ต่อช่วงที่ 2
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×