ตอนที่ 63 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 62 ตัดกำลัง
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 62 ตัดกำลัง
การรับมือกับอสูรกระทิงไฟมิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดสำหรับวาเลน มันก็แค่อสูรวิเศษระดับกลาง บางตัวก็เป็นระดับสูงทั่ว ๆ ไป แต่ที่ยากคือมันมิได้มาเพียงตัวเดียวมันกลับมาเป็นฝูง การรับมือกับอสูรวิเศษระดับสูงเป็นฝูงนี้ต่อให้ผู้ที่ทรงพลังแข็งแกร่งก็ยังต้องล่าถอยอย่างเลี่ยงมิได้
โชคดีที่วาเลนมิได้มาเพียงคนเดียว เขายังมีพวกพ้องที่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าต้านทานได้
นักเวทย์ที่มิได้แข็งแกร่งมากมายภายในทีมจะใช้วิธีจับกลุ่มเข้าโจมตี ในขณะที่ผู้ที่พอมีฝีมืออย่างองค์ชายสามและพี่หญิงรองของวาเลนเลือกที่จะโจมตีตัวต่อตัวกับพวกมัน
ทั้งหมดเข้าโรมรันพันตูกับอสูรกระทิงไฟอย่างไม่มีฝ่ายไหนถอยให้กัน
วาเลนเห็นองค์ชายสามนั้นจับศาสตราวุธวิเศษเข้าฟาดฟัน เปลวเพลิงของเขานั้นเผาผลาญใบดาบจนแดงฉานเพิ่มพลังให้กับการโจมตีเป็นเท่าทวีคูณ มันคือการโจมตีประสานระหว่างศาสตราวุธวิเศษและเวทมนตร์ธาตุ อำนาจของมันจึงมิใช่สิ่งธรรมดาสามัญทั่วไป
แต่ทว่ายามเมื่อฟาดใบดาบออกไป ผิวหนังของกระทิงไฟนั้นหนาและต้านทานความร้อนได้ดี การโจมตีนี้จึงแทบจะไร้ผลกับมัน องค์ชายสามมีสีหน้าที่ปั้นได้ยาก หากจะสยบมันจำต้องใช้เปลวไฟที่เหนือกว่าหรือไม่ก็ศาสตราที่ทรงพลัง น่าผิดหวังที่เขาไม่มีทั้งสองอย่างไว้ในครอบครอง
นอกจากพลังของวิหคอัคคีคู่หูที่ทรงพลังของเขาที่ยามนี้มันก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ที่น่าตื่นตะลึงกว่าที่ผ่านมาแต่หากยังไม่ถึงวิกฤตที่น่าหวั่นใจ องค์ชายสามจะยังไม่เรียกมันออกมา เขายอมที่จะรบในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ไปก่อน
ทางด้านขององค์หญิงสี่และสตรีของเหล่าสำนักบุปผาปรากฏว่าพวกเธอรับมือได้ดีกว่าเป็นไหน ๆ เถาวัลย์อัคคี! หนึ่งในพฤกษาที่ไร้จิตวิญญาณธาตุไฟ แต่ทว่าตัวตนของมันนั้นหาได้อ่อนแอ่ไม่จึงถูกองค์หญิงสี่ควบคุมใช้ต่างอาวุธ
องค์หญิงสี่ผู้มีธาตุพิเศษอย่างพฤกษาไว้ครอบครองสามารถบงการพวกมันได้ดังใจเธอสั่งให้มันโจมตีและตรึงศัตรูเอาไว้ ก่อนที่สตรีในสำนักบุปผาจะใช้เวทย์และศาสตราวุธวิเศษกระหน่ำโจมตีอีกทีจนพวกมันตกตาย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ง่ายดาย ความสะดวกสบายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ที่จำกัดในกายขององค์หญิงสี่ หากพลังเวทย์นี้หมดลงสตรีเหล่านี้คงต้องจำใจค้นหายุทธวิธีใหม่ในการโจมตีแทน
วาเลนยิ้มชอบใจที่พี่หญิงรองของเขามิได้อ่อนแอ แม้ว่าส่วนใหญ่เธอจะลอบป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นให้กับองค์หญิงสี่เสียมากกว่า แต่ทว่ายามเมื่อเธอโจมตี ยุทธภัณฑ์วิญญาณประเภทแส้จะสำแดงเดชได้ดีกว่าอาวุธใด ๆ ที่วาเลนได้เห็นในตอนนี้ แม้แต่กระทิงไฟก็ยังไม่แม้แต่จะย่างกรายเข้าใกล้เธอ เสียดายที่หญิงสาวเลือกที่จะอารักษ์ขาอยู่ใกล้ ๆ กับองค์หญิงสี่มากกว่าจะไปตั้งใจสู้ มิเช่นนั้นกระทิงไฟอีกหลายตัวคงได้ล้มอยู่ภายใต้การหวดฟาดโดยยุทธภัณฑ์วิญญาณของเธอ
"ไป" วาเลนหันกลับมาสนใจและสั่งการให้เบญจดาราเข้าโจมตีทันทีทั้งสองฉลาดพอที่จะจับคู่กันโจมตีอสูรทีละตัว ต่อให้ประเมินตัวเองว่าสู้ได้แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ประมาทในสถานการณ์เช่นนี้
"คารีส....ห้ามใช้ธันเดอร์ ให้คิดว่านี่คือการฝึกฝีมือ."วาเลนหันไปกำชับสหายคู่กายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะโดดเข้าไปร่วมวงต่อสู้ทันที
กระทิงไฟคู่หนึ่งกระทืบเท้าและโครงหัวลงเตรียมโจมตีอย่างดุร้าย มันถีบขาวิ่งเข้าใส่วาเลนทันทีหมายจะขวิดไปที่เด็กชายที่พุ่งทะยานเข้าใส่พวกมัน
วาเลนยิ้มหยันเขาเข้าประชิดพวกมันและระเบิดอากาศที่ปลายเท้าทันที ร่างของเขาตีลังกาลอยเหินขึ้นไปเหนือหัวของพวกมัน ส่งผลให้การขวิดของพวกมันพุ่งเข้าปะทะกันเองเต็มแรง การกระแทกนี้รุนแรงจนมีเสียงดังสนั่นออกมาราวกับเสียงฟ้าผ่า แต่มันยังไม่น่าตกใจเท่าเสียงร้องโหยหวนของพวกมันที่ดังรอดออกมาจากการปะทะกันเองนี้
กระทิงไฟทั้งสองทรุดร่างที่ไร้แรงทันทีแข้งขาของพวกมันไม่สามารถค้ำยันยืนต่อไปได้ พวกมันตกอยู่ในสภาวะมึนงงและเอาแต่โครงหัวที่ปวดร้าวไปมาอย่างไม่รู้ทิศเหนือใต้ มันหมดสภาพภายใต้การโจมตีกันเองอย่างน่าสงสาร
มัจจุราชที่แท้จริงตามมาหลังจากนั้น คารีสส่งสัญญาณสั่งให้เบญจดาราละมือจากการต่อสู้ที่ติดพันของพวกเขาทันที กระทิงไฟผู้โชคร้ายหลังจากที่วาเลนเคลื่อนกายจากไปอย่างไม่ใยดี พวกมันถูกสังหารให้ตกตายในทันทีอย่างไม่ทรมาน
ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณชายเจ็ดจะใช้วิธีการต่อสู้ระยะประชิดในลักษณะเช่นนี้ คาดว่านักกายกรรมฝีมือดีก็ยังต้องยอมยกนิ้วให้กับท่าเมื่อสักครู่นี้ของเขา
วาเลนไม่ได้รู้ว่าการต่อสู้ของเขาประทับเข้าไปยังสมองของทุกคนโดยที่ไม่ตั้งใจ คุณชายผู้ล้มกระทิงไฟสองตัวลงได้ในคราเดียวโดยไร้อาวุธในมือและไม่แม้แต่จะใช้เวทย์โจมตี นี่มันบ้าอะไรกัน!
วาเลนทะยานต่อไปยังเป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้ ระยะห่างจากเขาและจ่าฝูงกระทิงไฟค่อย ๆ ลดลงไปอย่างต่อเนื่อง และมันก็ใกล้พอที่เขาจะสำรวจไปรอบกายของมันได้ มีร่องรอยมากมายที่แสดงให้เห็นว่ามันผ่านการต่อสู้มาก่อนหน้านี้ โดยบางสิ่งที่อันตรายกว่าที่ตัวมันจะต้านทานได้จึงทำให้มันนำฝูงหนีมาทางนี้
วาเลนหรี่ตามองขนของวิหคสีทองที่ติดมากับตัวของมัน หรือนี่คือเหตุผลที่มันเลือกที่จะโจมตีและสู้ตายเพื่อชิงอาณาเขตแห่งใหม่ เป็นไปได้ว่าขนของวิหคสีทองนี้จะเป็นของวิหคอมตะที่ผูกใจอาฆาตวาเลนเป็นผู้ขับไล่มันมา
"เบญจดารา หนึ่งในพวกเจ้าใครจะเอาอสูรตัวนี้เป็นคู่หู เลือกมา! ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่ามัน" วาเลนประกาศกร้าวทันที กระทิงไฟตัวนี้มีระดับที่น่าเสียดาย หากสามารถนำมันมาเป็นอสูรคู่หูได้จะทำให้คนของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับทันที แม้แต่ช่วงเวลาเช่นนี้วาเลนก็ยังมีใจคิดที่จะยกระดับให้กับคนของเขา
จ่าฝูงกระทิงไฟพ่นลมหายใจที่ร้อนแรงของมันอย่างฉุนเฉียวพลางกระทืบเท้าหน้าหนัก ๆ หลายทีเป็นเชิงเตือนวาเลนว่าไม่ควรเข้ามาใกล้มันมากกว่านี้ วาเลนไม่ได้มีท่าทีกดดันใด ๆ เขารอคอยการตอบสนองของเบญจดาราอย่างใจเย็น
ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์แม้จะรู้สึกทึ่งกับการต่อสู้ของวาเลนแต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าเด็กชายจะสามารถเอาชนะและสยบจ่าฝูงกระทิงไฟลงได้ การสังหารมันให้ตายอาจจะง่ายกว่าการทำให้มันยอมศิโรราบ
ต้องรู้ว่าอสูรที่เติบโตในป่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรีของมัน การจะทำให้มันศิโรราบได้จำต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่ามันมาก ๆ การทรงพลังเหนือกว่ามันไม่เท่าไหร่ใช่ว่ามันจะยอมรับใช้แต่โดยดี
ไม่มีผู้เยาว์คนไหนที่จะลองเสี่ยงในสถานการณ์เช่นนี้หากพันธะสัญญาที่ทำผิดพลาดคาดว่าพวกเขาคงจะมีสภาพที่ไม่อาจคาดเดาได้หากเลือกได้พวกเขาคงเลือกที่จะฆ่าและเอาแก่นเวทย์อสูรของพวกมันมาใช้ยกระดับพลังมากกว่าจะเสี่ยงทำพันธะสัญญาในตอนนี้
เบญจดาราทั้งสองมองหน้ากัน น่าเสียดายที่วันนี้สหายที่ครอบครองธาตุไฟของเขามิได้มา อีกทั้งการทำพันธะสัญญาจำต้องทำในทันทีที่สามารถสยบมันได้ หากเปลี่ยนอสูรตรงหน้าเป็นธาตุที่พวกเขาครอบครองอยู่ ทั้งสองจะไม่กล้าชักช้าแม้แต่นาทีเดียว เสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้
"เรียนคุณชายข้าทั้งสองมิใช่ผู้ใช้ธาตุไฟ" คำตอบของเบญจดารากลายเป็นคำตัดสินประหารให้กับจ่าฝูงกระทิงไฟในทันที
"งั้นก็เหลือทางเลือกเดียวให้กับมัน" ใบหน้าของวาเลนไม่เปลี่ยนแม้กำลังจะตัดสินโทษประหาร ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครทำใจเชื่อในสิ่งที่เขานั้นพูดออกมา ทว่าหลังจากที่วาเลนปรากฏกายฉับพลันที่ตัวของจ่าฝูงตรงหน้า โดยไม่มีใครรู้ว่าเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างไร การเคลื่อนไหวระดับนี้ใช่สิ่งที่นักเวทย์จะทำได้หรือ? รวดเร็วเกินไป!
โดยไม่มีใครคาดเดาการกระทำของเขาได้ เด็กชายยกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังของเปลวไฟประหลาดสีน้ำเงินขึ้นมายามที่มันลุกโชนเต็มฝ่ามือ อากาศโดยรอบราวกับกำลังถูกเผาไหม้และถูกชำระให้กลายเป็นอากาศบริสุทธิ์ในทันที
สัญชาตญาณของอสูรธาตุไฟย่อมรู้ดีที่สุดว่านี่ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา และกว่าจะรู้มันก็สายเกินกว่าที่จะหลบหนีได้ เปลวไฟในตำนานที่สามารถเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นจุลได้ในพริบตา ใครจะรู้ว่ามันถูกครอบครองโดยเด็กชายคนหนึ่ง
จ่าฝูงกระทิงไฟ ตัวแข็งและตกใจจนแทบจะกลายเป็นอัมพาต มันหวาดกลัวและร้องคำรามออกมาอย่างน่าสงสาร จนผู้คนที่เฝ้าดูอยู่อดที่จะเวทนามันไม่ได้
"ตาย!" เสียงราบเรียบถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา ประกายตาของวาเลนเปิดเผยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตายแล้ววววมันขาดตอนอ้ะ
มาต่อไวๆนะคะ
ไรท์จะค้างแบบนี้ไม่ได้😭😭😭
ค้างงงงงงสุด รอต่อค่า
สนุุกมาก ชอบจ้า
รอตอนต่อไปน๊าาา