ตอนที่ 55 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 54 หัวขโมยตัวน้อย
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 54 หัวขโมยตัวน้อย
ประสบการณ์ในการหลอมโอสถระดับทองของวาเลนยังมีไม่มากนักดังนั้นเขาจึงไม่อยากที่จะเสียสมาธิแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวไปสนใจสิ่งอื่นใด เพราะนั่นอาจจะหมายถึงความล้มเหลวที่เขาจะได้รับหลังจากนี้
หากวาเลนไม่มีตัวช่วยอย่างธาตุไฟและธาตุพฤกษา เขาคงไม่สามารถทำอะไรเช่นนี้ได้ แต่หลาย ๆ อย่างบางครั้งก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ด้วย หากมีความรู้หรือความสามารถที่จะทำได้แต่กลับไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดความชำนาญ คนผู้นั้นจะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างไร
วาเลนเป่าปากพลางปาดเหงื่ออย่างเหน็ดเหนื่อยใจ ความตึงเครียดทั้งหลายแหล่ของเขาพลันค่อย ๆ มลายหายไปทันทีที่สามารถผ่านขั้นตอนสุดท้ายของการควบรวมเม็ดยาไปได้ มันคือขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
และนี่ก็เป็นการหลอมโอสถระดับทองชุดสุดท้ายที่วาเลนได้เตรียมสมุนไพรเอาไว้ เขาระบายยิ้มอย่างสุขใจยามเมื่อหันไปมองโอสถสีทองอร่ามที่ล้ำค่าของเขาในกล่องใบเล็กที่จัดเก็บเอาไว้อย่างดี
หลังจากที่วาเลนมองมันอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาบังเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจจำนวนของมันทำไมจึงมีแค่นี้ นี่ไม่ถูกต้อง เขาก้มหาและกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างร้อนรนใจ หวังว่ามันจะไปตกที่ไหนซักแห่งในห้องนี้ ....แต่กลับไม่มี!
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กชายกลายเป็นแข็งค้างและมึดครึ้มทันที ไม่มีทางที่โอสถเหล่านี้มันจะหายไปเฉย ๆ ได้ นอกจาก..ถูกขโมย!
วาเลนวาดฝ่ามือในอากาศอย่างฉับไวก่อนที่สายธารสีเขียวของธาตุพฤกษาจะกระจายตัวออกมารอบห้องกลายเป็นละอองสีเขียวที่ไม่สามารถจับต้องได้ วาเลนบังคับให้มันเคลื่อนไหวไปทุกที่ภายในห้องใต้ดินแห่งนี้
"เจอแล้ว...."ดวงตาของเขาหรี่ลงทันทีเมื่อหนึ่งในความสามารถของธาตุพิเศษพฤกษา "สัมผัสวิญญาณ" สามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในห้องนี้ได้
ไวเท่าความคิดวาเลนเคลื่อนกายเข้าประชิดและคว้าไปยังสิ่งที่สัมผัสวิญญาณเปิดเผยให้เขาได้รับรู้ปรากฏว่ามันคือ งูตัวหนึ่ง!
ไม่ใช่! มันไม่เหมือนงูเสียทีเดียว ลำตัวสีดำเหลือบเขียวของมันมีช่วงลำตัวและคอต่อกัน ลักษณะเช่นนั้นจะไม่ปรากฏในสัตว์ชนิดงู อีกทั้งกรงเล็บที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว และปีกเล็ก ๆ ที่ติดอยู่กับลำตัวก็ชี้ให้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่งูทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอน
มีเสียงขู่ฟ่อและตีปีกกระพือด้วยความตกใจ เมื่อมันถูกจับเอาไว้โดยเด็กชายที่มันเฝ้ามองอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
และเมื่อวาเลนได้ยินเสียงขู่ก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน สัญชาตญาณจากโลกก่อนสั่งให้เขาเหวี่ยงมันออกไปให้พ้นตัว ในโลกเดิมที่เขาจากมา อสรพิษคือสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก มันจัดอยู่ในจำพวกสัตว์ดุร้ายและมีพิษรุนแรง นี่จึงเป็นปฏิกิริยาตอบสนองแรกที่วาเลนทำออกไปเมื่อจับมันได้
"เผ่าพันธุ์ยุคโบราณอย่างงั้นหรือ?" วาเลนมีท่าทีแปลกใจหลังจากในหัวผุดข้อมูลชุดหนึ่งขึ้นมา เขาคาดว่ามันน่าจะมาจากสัมผัสพิเศษที่เป็นพลังติดตัวของเขา
วาเลนจับจ้องอสูรตัวเล็กชนิดนี้อย่างไม่วางตา เขาเห็นมันใช้ขาที่มีกรงเล็บพยุงตัวมันเองขึ้นมา ก่อนจะหุบปีกและเคลื่อนไหวโดยใช้ขาตระกุยไปด้านหน้าอย่างว่องไว
มันเคลื่อนกายไปยังมุมที่วาเลนวางบรรดาไข่อสูรที่เขายังไม่ได้ฟักเอาไว้ ตอนนี้วาเลนสังเกตได้ทันทีว่ามันมีไข่อสูรบางใบที่แตกกระเทาะออกมา
อสูรน้อยมุดกลับเข้าไปในไข่ใบที่ว่านั้นวาเลนเห็นมันขนดตัวอยู่ภายใน เอาหัวถูไถกับเม็ดยาระดับทองที่หายไปของเขาราวกับนี่เป็นของรักของหวงของมัน
"เจ้าขโมยน้อย!" วาเลนอดที่จะสบถออกมาเบา ๆ ไม่ได้ นั่นเป็นของที่จะเอาไปเล่นได้หรือ ช่างเข้าใจเลือกนัก วาเลนยังคงมีอารมณ์ขุ่นมัวไม่หายเนื่องจากการหลอมโอสถระดับทองแต่ละครั้งสูญเสียพลังงานไปไม่น้อย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่หวงแหนมัน
แต่เมื่อเข้าไปเพ่งมองใกล้ ๆ อสูรน้อยตัวนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์แต่อย่างใด มันถอนหัวที่ซุกไซร้เม็ดยา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับวาเลนเป็นครั้งแรก
วาเลนมีใบหน้าที่อ่อนลงเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีอเมทิสต์ของมัน แววตาของมันแสดงออกอย่างสงสัย มันเป็นแววตาเดียวกันกับที่วาเลนเคยได้จากมอโธร่า ยามเมื่อแรกเจอ
มันนับว่าเป็นอสูรตัวที่สามจากทั้งหมดเจ็ดใบที่วาเลนคัดเอามาได้จากโรงเก็บไข่อสูรของตระกูล
ตัวแรกคือมอโธร่าที่เป็นราชินีของเหล่ามวลภมร อีกทั้งเผ่าพันธุ์ของมันนั้นยังเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษที่มีประวัติยาวนานและผูกพันธ์กับราชินีพฤกษาดรายแอดส์ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ผู้ครอบครองอาณาเขตชั้นในของป่าบรรพกาล!
ส่วนอสูรตัวที่สองนั้นวาเลนฟักมันออกมาให้กับคารีส มันคืออสูรตระกูลวิหคสายฟ้า สายพันธุ์ของมันนั้นก็นับได้ว่าเป็นตระกูลของวิหคชั้นสูงในอดีตกาล ในปัจจุบันนั้นไม่มีทางที่จะพบมันได้ง่าย ๆ คารีสตั้งชื่อให้มันว่า "ธันเดอร์" ซึ่งแปลว่าสายฟ้าตรงตัว
อสูรตัวนี้จึงกลายเป็นอสูรตัวที่สามที่ฟักออกมา ไข่แต่ละใบที่วาเลนเลือกมานั้นถูกยืนยันโดยสัมผัสวิเศษว่าเป็นสายพันธ์ุที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาไข่ที่มีอยู่ภายในโรงแห่งนั้น
วาเลนคาดว่า อสูรรูปร่างประหลาดตัวนี้ก็น่าจะมีพลังพิศดารที่ไม่ต่างจากพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ของมันก่อนหน้านี้ เห็นทีว่าเขาคงต้องหาเวลาคืนนี้ย่อยข้อมูลของมันที่ได้มาจากสัมผัสพิเศษ เพื่อจะได้รู้ว่าควรจะพัฒนามันไปในแนวทางไหน
วาเลนถอนหายใจ เขาทำท่าจะเอื้อมไปหยิบโอสถระดับทองกลับคืนมา แต่ท่าทางของอสูรน้อยกลับไม่ยินยอม มันขู่ฟ่ออย่างจงใจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจึงปล่อยมันไปก่อน
อสูรน้อยนั้นจ้องมองวาเลนที่ถอยออกไปแต่ทว่าในใจของมันยังคงไม่ไว้ใจในท่าทีเช่นนั้น ด้วยความหวาดระแวงของมัน มันจึงตวัดหางเล็ก ๆ นั้นโอบอุ้มเม็ดยาสีทองเอาไว้ก่อนจะยัดมันใส่เข้าไปในปากทันที โอสถและหางของมันถูกอมแช่อยู่เช่นนี้ภายในปากของมันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมา
วาเลนพลันมีสีหน้าที่ตกตะลึง ในเวลาเช่นนี้เขามิได้เสียดายโอสถอีกต่อไป เขาเกรงว่าพลังของยาระดับทองนั้นจะคราชีวิตของอสูรน้อยตรงหน้าให้ตกตายไปเสียเปล่า ในใจของเขาหนาววูบทันทีที่เห็นภาพนี้
"คายมันออกมา..."วาเลนตะคอกด้วยเสียงอันดัง เขาพยายามจะล้วงมือเข้าไปหามันในเปลือกไข่ โอกาสที่จะโดนฉกกัดแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะมันอมหางและโอสถเอาไว้จนเขาไม่คิดว่ามันจะเอาสิ่งใดใส่ปากไปได้มากกว่านี้
ยิ่งวาเลนเข้าใกล้มันยิ่งเคลื่อนกายหนีเมื่อหางยังค้างอยู่ในปากมันจึงเคลื่อนไหวด้วยวิธีกลิ้งเป็นวงกลมหลบหนีเด็กชาย เปลือกไข่ที่ห่อหุ้มมันไว้แตกกระจายทันทีที่มันพุ่งทะยานออกมา
นี่มันเป็นเรื่องบ้าบอที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา จะมีอสูรตัวไหนของเขาที่เข้าข่ายไม่ผิดปกติบ้างไหม?
"เจ้าอยากจะฆ่าตัวตายหรือยังไง? คายมันออกมาเดี๋ยวนี้" หนึ่งคนหนึ่งอสูรต่างไล่ต่างหนีอย่างไม่มีใครยอมใคร การยื้อแย่งกินเวลาไปนานพอสมควร เพราะวาเลนไม่อยากทำรุนแรงกับมัน แต่จนป่านนี้กลับยังไม่มีสิ่งใดขึ้น
วาเลนสังเกตว่านี่มันผิดปกติมากเกินไปมันเลยเวลาที่โอสถควรแสดงผลของมันออกมานานมากแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าตัวเล็กยังปกติดีไม่มีอาการเหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นกับวิหคอัคคีแต่อย่างใดหรือนี่เป็นเรื่องปกติสำหรับมัน วาเลนเฝ้าสังเกตุมันอีกพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะยอมแพ้ไปโดยปริยาย ไม่มีประโยชน์ที่จะเฝ้ามันอีกต่อไป
ตอนนี้อสูรน้อยที่หวาดระแวงยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่นไปทั้ง ๆ อย่างนี้ดวงตาของมันหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ ในขณะที่ปากยังคงคาบหางตัวเองเอาไว้ วาเลนส่ายหน้าอย่างหน่ายใจก่อนจะกลับไปยังห้องนอนอย่างหมดหนทาง
ประกายแสงสว่างวาบยามเมื่อวาเลนหันหลังเดินจากไป เขาไม่ทันเห็นว่าอสูรน้อยได้กลายเป็นละอองแสงหายวูบเข้าไปในกายของเขาจากทางด้านหลัง เพราะกฎแห่งพันธะสัญญาของอสูรเกิดใหม่
วาเลนกลับมาถึงห้องเขานั่งย่อยข้อมูลของมันก่อนจะหลุดอุทานไปหลายครั้งอย่างไม่ตั้งใจ คาดว่าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา หรือคนที่ไม่มีสัมผัสพิเศษได้มันไป อสูรตัวนี้จะไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ ต่อให้มันมีพลังชีวิตที่เหลือเฟือยาวนาน คาดว่ากว่าจะสามารถก้าวข้ามระดับได้นั้นคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าพันปี! ในกรณีที่มันไม่มีเจ้าของ
วาเลนมีท่าทีประหลาดใจอีกครั้งเมื่อพลังของสัมผัสพิเศษไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของมันได้! มันมีบางส่วนที่ถูกปกปิดเอาไว้ เหตุการณ์นี้คล้ายกับตอนที่เขาได้รับคลังความรู้ของอักษรรูนโบราณมา
ภายในอาณาจักรความรู้ของเขานั้นขยายออกไปเกินกว่าที่เขาจะคาดได้แต่ภายใต้เขตแดนนี้วาเลนรู้ว่ามันยังไม่ใช่ขอบเขตความรู้ที่แท้จริงของมัน ขึ้นชื่อว่าอักษรที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาสามัญทั่วไปจะทำความเข้าใจทั้งหมดได้
อสูรน้อยตัวนี้ทำให้เขามีความรู้สึกเช่นนั้นอีกครั้งอย่างน่าประหลาดใจ ถ้ามิใช่ว่ามันทรงพลังจนสัมผัสพิเศษเปิดเผยไม่ได้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะรองรับได้อีก
"เห็นทีข้าคงต้องปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ถึงอย่างไรการพัฒนาอสูรก็ไม่สามารถเร่งรัดได้ มิเช่นนั้นมันจะกลายเป็นอสูรยักษ์ใหญ่จิตใจดีอยู่ในสภาวะเด็กเฉกเช่นมอโธร่า"ตอนนี้วาเลนมักใช้เวลาที่อยู่กับมอโธร่าฝึกฝนพัฒนาการทางด้านจิตใจให้กับราชินีอสูรของเขา วาเลนเชื่อว่าโชคของเขาอาจไม่ดีเหมือนครั้งที่เจอกับวิหคทองคำอีกแล้ว
หากวันข้างหน้าเจออสูรที่มีสติปัญญาที่มากกว่าและเห็นถึงข้อบกพร่องนี้ มอโธ่ร่าจะพบกับปัญหาที่ยุ่งยากทันทีต่อให้มันมีพลังมากกว่าก็ตาม
วาเลนวิเคราะห์ตามความเป็นจริงที่เขาเห็น อย่างเช่นในแง่ของความฉลาดของอสูรที่เขามีนับได้ว่าตอนนี้ตัวที่ฉลาดที่สุดคือ ราชสีห์ขนทองคำที่เขาได้มาจากการบังคับทำสัญญาโดยราชินีดรายแอดส์
ถึงแม้ว่ามันจะมีพลังที่น้อยกว่าแต่วาเลนยังเชื่อว่าอสูรที่มีปัญญามากกว่าจะสามารถเอาชนะได้ในท้ายที่สุด แต่ที่ราชสีห์ขนทองคำมิกล้าท้าทายมอโธร่า เพราะมันรู้ดีว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอแค่ไหน มันจึงมิคิดที่จะแก่งแย่งสถานะนี้
จุดนี้เองที่วาเลนชอบมัน ความเจ้าปัญญาของมันนั้นจะไม่กลายเป็นปัญหาอีกต่อไปยามเมื่อมันจะก้าวผ่านในระดับขั้นที่สูงขึ้น นั่นก็คือกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวที่สองของเขา
ต้องไม่ลืมว่าอสูรที่จะพัฒนาถึงระดับนี้ได้ จำต้องพัฒนาทั้งปัญญาและจิตวิญญาณ สิ่งที่ยากที่สุดในสองอย่างนี้นั้นย่อมเป็นการพัฒนาทางด้านสติปัญญาอย่างแน่นอน ดังนั้นอสูรที่ฉลาดจะได้เปรียบในกฎเกณฑ์นี้เมื่อต้องการเลื่อนระดับ
"ถึงแม้ว่าข้าอาจจะได้รับโชคเมื่อศึกษาเรื่องอำนาจของผู้ใช้มนตรา แต่ทว่าตอนนี้ข้าควรต้องเร่งบ่มเพราะพลังธาตุทั้งห้าสายนี้เสียก่อน มิแน่ว่าข้าอาจจะต้องใช้มันเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้"วาเลนมีลางสังหรณ์ในใจยามเมื่อเหลือบแลป้ายเชิญระดับสูงสุดขององค์ชายสามที่ส่งมาให้ ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แหม แหม เกือบได้ขำน้ำตาเล็ดแล้วเชียว ตอนเห็นชื่อตอนเกือบตบเข่าฉาดแล้วนะเนี่ย
#สู้ๆนะไรท์
ต้องเป็นลางสังหรณ์ที่แม่นแน่ๆ