ตอนที่ 56 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 55 ยกระดับพลัง
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 55 ยกระดับพลัง
เกิดเหตุประหลาดในยามเช้าภายในตระกูลโอเดลรอส มีการปะทุพลังของธาตุลมอันรุนแรงกระจายตัวออกมา จากอาณาเขตต้องห้ามของตระกูล!
อาณาเขตที่ว่านั้นคือสถานที่ ๆ เหล่าอาวุโสและผู้คุมกฎกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน นั่นก็คือบริเวณเรือนพักของคุณชายเจ็ด วาเลนติโน่ โอเดลรอส
แน่นอนว่าต่อให้เหตุการณ์นี้น่าสงสัยเพียงใดแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบหรือวุ่นวายเพราะกลัวว่าจะไปยั่วยุตัวตนเช่นมารดาของคุณชายเจ็ดเอาได้
นักเวทย์ระดับสูงที่สามารถตัดผ่านไปเป็นจอมเวทย์ได้นั้นหาได้น้อยนิดเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น มันจึงไม่ใช่อะไรที่เหล่านักเวทย์จะสามารถไปตอแยพวกเขาได้
พลังที่ต่างระดับก็เหมือนกับอยู่กันคนละโลก เรื่องนี้แม้แต่ผู้ที่โง่ที่สุดก็ยังรู้ได้ พวกเขาจะนิยามคติในใจว่า 'ผู้ทรงพลังเหล่านี้หากไม่เป็นมิตรก็อย่าได้คิดเป็นศัตรูเป็นอันขาด เพราะเพียงแค่กระดิกนิ้วเดียวก็สามารถโจมตีจนถึงตายได้ทันที'
เหตุการณ์นี้พวกเขาจึงทำได้เพียงสงสัยและเก็บความอยากรู้เอาไว้แต่เพียงในใจเท่านั้น ยกเว้นเหล่าผู้อาวุโสและนักเวทย์ระดับสูงเท่านั้นที่คุ้นเคยกับพลังในลักษณะนี้ นี่คือการข้ามผ่านระดับพลัง!
หลายคนที่สามารถตรวจจับพลังเหล่านี้ได้ล้วนทะยานออกมาและเฝ้ามองอยู่ไกล ๆ การข้ามผ่านขั้นพลังในระดับสูงนั้นมิใช่ว่าจะมีให้เห็นกันได้ง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อพวกเขาสัมผัสถึงมันได้จึงไม่รอช้าที่จะออกมารอชมดู
เหนืออาณาเขตของตระกูลขึ้นไปในท้องฟ้า ปรากฏร่างของชายชราที่มีหน้าตาใจดียืนมองมาที่เรือนที่เจ็ดอย่างใจเย็น เขาคืนหนึ่งในบุคคลที่เฝ้ามองความเป็นไปของตระกูลมาโดยตลอด ชายชราคนนี้คืออาวุโสสูงสุด
"เป็นอัจฉริยะที่คาดเดาได้ยากจริง ๆ" เสียงที่ทุ้มต่ำพูดเปรยออกมาคนเดียวอย่างดีใจ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของผู้เยาว์นั้นเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะมันหมายถึงตระกูลจะมีความมั่นคงในระดับที่ดีขึ้น
มิใช่แค่เขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ มีแสงสามสายเหาะผาดผ่านท้องฟ้าเหนือตระกูลมุ่งตรงไปยังเรือนที่เจ็ดอย่างรวดเร็ว
แสงแรกที่มีความเร็วเหนือจินตนาการนั้นแม้แต่ชายชราที่มีระดับพลังสูงสุดในบรรดาอาวุโสยังไม่สามารถมองตามทันได้
เขาสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ ชายชราคาดว่าเจ้าของพลังนี้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น มิคาดว่าในระยะเวลาสั้น ๆ นั้นเธอกลับสามารถล่วงหน้าก้าวนำเขาไปได้ไกลแล้ว ในตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าภายในตระกูลท่านหญิงวิเรร่าสามารถชี้เป็นชี้ตายได้แล้ว ระดับพลังในขั้นนี้จะมีใครกล้าทัดทานเธอได้
พลังอีกสองสาย หนึ่งในนั้นคืออาวุโสปรุงยาอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เป็นอาจารย์จะเร่งรุดมายังศิษย์ของตนเองในเวลาเช่นนี้ นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่อาวุโสสูงสุดอดที่จะอิจฉาอาวุโสเอียนไม่ได้ การมีศิษย์อัจฉริยะนับได้ว่ามีทุกสิ่งในกำมือ นั่นเป็นเรื่องของวาสนาและชะตาที่ต้องกัน เขาไม่สามารถเลียนแบบได้จึงได้แต่ทอดถอนใจ
ชายชราหรี่ตามองแสงอีกหนึ่งสายก่อนจะมีสีหน้าตกใจ อาวุโสเมลล์! อาวุโสผู้นี้ก็กลายเป็นจอมเวทย์ได้เช่นนั้นหรือ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! เหมือนสวรรค์จะตัดสินมาแล้วว่าผู้ใดมีสิทธิที่จะได้ครอบครองตระกูล การมีจอมเวทย์ถึงสามคนเป็นฐานในการเติบโต คุณชายเจ็ดยังต้องกังวลสิ่งใดอีก ชายชรามองยังไงก็ไม่เห็นถึงอุปสรรคที่จะมาขวางทางคุณชายเจ็ดได้อีก
"ลมเปลี่ยนทิศเสียแล้ว"ชายชรารำพึงเบา ๆ ก่อนจะเฝ้ามองต่อไป หวังว่าสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้จะผิดไปบ้าง
"หวังว่าคุณชายเจ็ดจะไม่บรรลุระดับจอมเวทย์ได้เร็วเกินไป มิเช่นนั้นอาจมีอาวุโสชราอีกหลายรายได้กลั้นใจตายในวันนี้เป็นแน่"อาวุโสสูงสุดเอ่ยเบา ๆ และถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เดี๋ยวนี้ผู้เยาว์เป็นจอมเวทย์ได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?
ในโลกที่ผู้คนให้การเคารพผู้เข้มแข็งชายชราที่อ่อนแรงเหล่านั้นจะทำตัวอย่างไร มันคงเป็นภาพที่พิลึกที่จะให้พวกเขาเข้ามาก้มหัวให้กับเหล่าผู้เยาว์ที่มีศักยภาพเหล่านี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ทำทีว่าสูงศักดิ์เสียนักหนา พวกเขาจะหาทางลงจากยอดเขาที่เย่อหยิ่งและสูงชันนี้ได้อย่างไร
ชายชราเคลื่อนกายจากไปด้วยเพราะไม่อาจตรวจสอบสิ่งใดได้อีกต่อไป การรวมตัวของจอมเวทย์ทั้งสามนั้นทำให้การตรวจสอบพลังยากจนเกินไป พลังงานภายในเรือนที่เจ็ดตอนนี้ปั่นป่วนจนไม่สามารถแยกแยะได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะเฝ้ามองต่อไป
"เขาไปแล้ว"อาวุโสเมลล์พูดขึ้นมา ก่อนที่สายตาจะมาตกที่หญิงสาวในชุดดำ
"ขอบคุณท่านทั้งสองมากที่มาตามคำขอ" ท่านหญิงวิเรร่าพูดขึ้น
"อย่าได้กล่าวเช่นนั้นท่านหญิง นี่มิใช่เรื่องลำบากแต่อย่างใด"อาวุโสเมลล์ตอบกลับไป
อาวุโสเอียนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น "ถึงท่านไม่แจ้ง เราก็ยินดีมาอยู่แล้ว ศิษย์ตัวร้ายของข้าก้าวหน้าขึ้นทุกวันเห็นทีว่าข้าจะเอาเวลาไปทำงานอย่างเดียวไม่ได้เสียแล้ว"
"นั่นสิ"อาวุโสเมลล์ก็อดที่จะเห็นด้วยกับสหายมิได้
ท่านหญิงวิเรร่ามิได้พูดสิ่งใดแต่ประกายตาของเธอนั้นเติมไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ บุตรชายของเธอก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว
วาเลนนั้นจมจ่ออยู่กับการซึมซับพลังจึงมิได้ใส่ใจกับผู้มาเยือน จิตของเขาเข้าสู่โลกแห่งพลังภายในกาย ซึ่งในตอนนี้นั้นมันเต็มไปด้วยความวุ่นวายและปั่นป่วน
นับได้ว่าตอนนี้นั้นมหาสมุทรแห่งธาตุลมของเขากำลังตกอยู่ในความโกลาหลอย่างถึงที่สุด พลังงานที่ดูดซับเข้ามากำลังเปลี่ยนให้มหาสมุทรธาตุลมกลายเป็นดินแดนที่ดูแปลกตาจากเดิมที่มันเคยเป็น
เสาพายุหมุนนับร้อยกำลังขยายจำนวนของมันเป็นเท่าทวี สี่ร้อย ห้าร้อยลูก เพิ่มขึ้นทุก ๆ นาทีที่วาเลนเฝ้ามอง
ผ่านไปหลายนาทีจากการคาดคะเนด้วยสายตาของเขานั้นจำนวนพายุหมุนตอนนี้น่าจะแตะอยู่ที่หนึ่งพันลูกในมหาสมุทรแห่งพลัง
และยังไม่ทันที่จำนวนของมันจะเพิ่มต่อไป จู่ ๆ มหาสมุทรธาตุลมก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสาแสงสีขาวบริสุทธิ์ปรากฎออกมาที่ใจกลางมหาสมุทรธาตุลม
พลังงานของเสาพายุหมุนนับพันที่ปั่นป่วนโกลาหลพลั้นนิ่งสงบลงราวกับช่วงเวลาถูกหยุดในทันที การเปลี่ยนแปลงไม่ได้จบลงเท่านี้ เสาแสงสีขาวที่ปรากฏออกมามีพลังดึงดูดที่มหาศาล พายุหมุนนับพันถูกดึงดูดเข้ามาและเปลี่ยนไปเป็นพลังงานให้กับเสาแสงนี้
พายุหมุนนับพันลูกถูกพลังของกระแสธารเวลาหยุดเอาไว้มันจึงไม่สามารถต่อต้านได้ในที่สุดมหาสมุทรแห่งพายุที่ยิ่งใหญ่ก็กลายเป็นเวิ้งว้างไร้ซึ่งความปั่นป่วนใด ๆ แต่ใจกลางของมันที่ตอนนี้นั้นเป็นเสาแสงแห่งพลังยังคงเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง
ในโลกแห่งพลังที่วาเลนจมจ่ออยู่นั้นเวลาเริ่มกลับมาเดินใหม่อีกครั้งหลังจากที่มันหยุดไปอย่างยาวนาน ภายในมหาสมุทรแห่งพลังธาตุลมนั้น เริ่มก่อกำเนิดริ้วแห่งพายุหมุนที่ปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้งราวกับพลังนี้เริ่มที่จะนับหนึ่งใหม่พร้อมที่จะกลายเป็นพายุหมุนต้นแรกให้กับมหาสมุทรที่ว่างเปล่าลงจากการดึงดูดของเสาแสงสีขาวที่ผ่านมา
วาเลนยังคงเฝ้ามองเสาแห่งแสงสีขาวในมหาสมุทรแห่งธาตุลมอย่างไม่วางตามันยังคงอยู่ในลักษณะที่ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่ามันจะกลายไปเป็นสิ่งใด แต่แล้วในฉับพลันมันเริ่มแปลงสภาพไปเป็นสิ่งที่วาเลนคาดไม่ถึง
การแปลงสภาพเริ่มจากล่างขึ้นบน ลำแสงเริ่มเลื้อยเป็นสาย กลายเป็นรากและลำต้น ในฉับพลันมันพุ่งทะยานสูงขึ้นไปราวกับจะแตะสวรรค์และเปลี่ยนลำแสงทั้งหมดของมันให้กลายไปเป็นกิ่งก้านและใบ มันกลายเป็นพฤกษาสีขาว ที่ทั้งต้นของมันนั้นส่องประกายแวววาวสว่างตาลักษณะเช่นนี้อาจเป็นเพราะมันมาจากธาตุลมที่เป็นส่วนประกอบทั้งหมดของมัน
มหาสมุทรแห่งธาตุลมนั้นบังเกิดเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวยามเมื่อพฤกษาสีขาวนั้นแผ่พลังออกมา มันสามารถข้ามชายขอบของระดับพลังมาได้ นั่นจึงหมายความว่า วาเลนในตอนนี้ได้กลายไปเป็นจอมเวทย์ธาตุลมขั้นต้นได้แล้ว ยามเมื่อใช้มันออกมาเขาจะสามารถใช้พลังของมันได้มหาศาลมากกว่าเดิมหลายเท่า
แต่การสำแดงพลังของพฤกษาสีขาวนั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับหนึ่งในกิ่งก้านของมหาพฤกษาธาตุไม้ของวาเลนที่ตอบสนองต่อการเลื่อนระดับของธาตุลมในทันที
พฤกษาธาตุที่เคยเป็นที่หนึ่งในบรรดาธาตุที่วาเลนมีบัดนี้มันมิยอมที่จะกลายเป็นลำดับสอง มันจึงตอบสนองต่อการเลื่อนระดับใหม่ของธาตุลมอย่างรุนแรง
ลำแสงสีเขียวสาดประกายอำนาจของมันกระหน่ำพลั่งพรูออกมาอย่างน่ากลัว วาเลนมองภาพเหล่านี้ด้วยความตกใจอย่างมิอาจจัดการได้ ลำแสงนั้นอาบไล้ต้นไม้ทุกต้นราวกับคลื่นทะเลที่ถาโถมเข้าหาฝั่ง
อำนาจสีเขียวย้อมให้มหาสมุทรที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นับหมื่นนับแสนต้นภายในเขตของมันเจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่ง แต่ละต้นทะยานสูงใหญ่และมีกลิ่นอายที่เท่าเทียมกับพฤกษาธาตุลม นี่เป็นหนึ่งในการแสดงอำนาจของมหาพฤกษา ราวกับมันต้องการจะประกาศว่า อย่าได้บังอาจมาเทียบเทียม!
การประชันขันแข่งกันในโลกมหาสมุทรจุดกำเนิดพลังนั้นกลับกลายเป็นว่ามิใช่สิ่งที่ดี ร่างกายของวาเลนถึงจะมีศักยภาพในการรองรับพลังได้ถึงระดับของมหาจอมเวทย์ แต่ทว่ามันกลับยังมิได้พร้อมในช่วงเวลาเช่นนี้ ร่างกายของเขายังมีสภาวะที่อ่อนแอเกินไป
การเพิ่มขึ้นของพลังธาตุพฤกษาเพื่อที่จะเอาชนะและอยู่เหนือธาตุลมนี้จึงกลายเป็นภัยและสร้างภาระให้กับร่างกายของเขาอย่างยิ่งยวด เพราะความทรงพลังของมันกำลังจะเพิ่มระดับให้พลังธาตุนั้นทะลุไปถึงระดับของมหาจอมเวทย์ขั้นต้นให้ได้
ผู้อาวุโสเอียนสังเกตถึงความผิดปกติของวาเลนได้จากภายนอก พลังของธาตุลมที่เพิ่งจะสงบลงนั้นกลับมิได้สร้างสถานการณ์ที่น่าดีใจ เพราะมันกลับปะทุพลังของธาตุใหม่ขึ้นมา การยกระดับธาตุที่สอง!
"หยุดนะวาเลน....เจ้าจะฆ่าตัวตายหรืออย่างไร"อาวุโสเอียนตะโกนเรียกสติของวาเลนทันทีที่คาดเดาบางสิ่งได้ ชายชรามิอาจรู้ได้ว่านี่มิได้อยู่ในแผนของวาเลน ธาตุพฤกษาที่เอาแต่ใจกำลังอาละวาดอยู่ภายในโลกแห่งพลังของเขา
เสียงของชายชราเรียกให้ อาวุโสเมลล์และท่านหญิงวิเรร่าถลาเข้ามาอย่างว่องไว
"เขากำลังยกระดับธาตุพฤกษา! บ้าไปแล้ว" อาวุโสเมลล์พูดละล่ำละลักออกมาอย่างตกใจ
"การยกระดับนี้ผิดธรรมดาเกินไป" ท่านหญิงวิเรร่าพูดพลางปาดเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกของบุตรชาย "ราวกับเขาควบคุมมันไม่ได้" เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
"อย่านั้นก็ช่วยเขา..."อาวุโสเมลล์ผู้รอบรู้ตัดสินใจใช้การดูดซับและกระจายพลังที่จะช่วยวาเลน ทั้งสามพยักหน้ารับและต้องการจะเริ่มในทันที
"พวกเจ้าจะหาเรื่องตายหรือ? ถ้าใช่ข้าก็จะไม่ห้าม แต่เห็นแก่เจ้าที่มีสายเลือดเดียวกับเขา ข้าเลยต้องถามให้แน่ใจ เพราะเมื่อพวกเจ้าตายอย่างไร้ประโยชน์ แล้วเขาตื่นขึ้นมา ข้าจะได้บอกเขาได้ถูก"
อยู่ ๆ ทั้งสามก็สัมผัสได้ถึงร่างเงาสีเขียวของหญิงสาวในชุดป่านที่ไม่คุ้นตา พวกเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครและปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด? แต่การกระทำใด ๆ ก่อนหน้านี้พลั้นต้องสะดุดหยุดลง เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่มองมาราวกับจะสะกดทุกสิ่ง
ทั้งสามสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บมองดูเธอก้าวมาด้านหน้าของวาเลนที่ยังอยู่ในภวังค์
ท่านหญิงวิเรร่าถลาเข้ามาต้องการจะขวางหน้าของหญิงสาวเอาไว้ แต่ทว่าความเร็วของเธอยังช้ากว่ามือบางที่เอื้อมมาหยิบจับสร้อยคอประดับจี้รูปดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ของวาเลนเอาไว้ในมือบางของเธอ
"คิดไม่ผิดที่ให้เจ้าติดตัวเอาไว้"หญิงสาวมองจี้รูปดอกไม้สลับกับใบหน้าของคุณชายเจ็ด คำพูดของเธอในสถานการณ์เช่นนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าทั้งคู่รู้จักกัน
"ท่านเป็นใคร"ท่านหญิงวิเรร่ามิยอมให้ภาพลักษณ์ของหญิงสาวตรงหน้าตบตาเอาได้ หากแม้แต่เธอยังมิสามารถตรวจสอบได้ คาดว่าหญิงสาวคงเป็นหนึ่งในเหล่าผู้ทรงพลังที่เร้นกายปิดบังตนเอาไว้ แต่ทำไมเธอคนนี้ถึงได้รู้จักบุตรชายของเธอได้
"อย่าได้กังวลจนเกินไป .... บุตรของเจ้ากับข้านั้นมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ฉะนั้นนี่เป็นเพียงสิ่งที่ข้าพึงทำเพื่อเขาก็เท่านั้น"
ทั้งสามมองหญิงสาวปริศนาวาดฝ่ามือของเธอในอากาศปรากฏแรงกดดันที่หนักหน่วงปะทุออกมาพร้อม ๆ กับระดับพลังของเธอที่ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ การวาดแต่ละครั้ง
"มะ มหาจอมเวทย์ ! ....วาเลน นี่ลูกทำสัญญาอะไรกับตัวตนเช่นนี้เอาไว้กัน" เหงื่อซึมออกจากฝ่ามือของท่านหญิงวิเรร่า ในขณะที่ร่างของเธอเย็นเชียบราวกับคนตาย ใกล้ ๆ กันนั้นอาวุโสชราทั้งสองนั้นก็มีอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่ พวกเขามีอาการราวกับคนแก่ที่ใกล้จะเป็นลม!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยอมแล้ว นิยายเรื่องนี้สนุก สนุกเกินไป สนุกกจนนั่งไม่ติด กริ๊ดดดดด ตื่นตาตื่นใจกับเนื้อเรื่องตัวละครมันชวนให้อยากอ่านต่อ อยากอ่านแบบไม่พัก มันสนุกมากจริงๆ นักเขียนโครตเทพ เก่งมากจริงๆๆ สนุกมากๆ
น้องน้องจะเป็นมหาจอมเวทเลยใช่มั้ย!? ใช่มั้ย!!? O(≧▽≦)O