ตอนที่ 31 : คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 30 จากลา
คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 30 จากลา
นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์สัตว์อสูรเตลิดและคลุ้มคลั่งภายในป่าบรรพกาล จึงเป็นเหตุให้เทศกาลล่านั้นจำต้องยุติลงในทันที
พลังงานไม่รู้ที่มายังคงเป็นปริศนา ถึงจะมีผู้สงสัยแต่มิมีใครกล้าที่จะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงพิสูจน์ความจริงในป่าบรรพกาลตอนนี้
ดีที่สัตว์อสูรส่วนใหญ่ไม่ได้อาละวาดออกมาที่เขตอยู่อาศัย มีเพียงสัตว์อสูรที่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก ที่หนีภัยจากสัตว์อสูรที่อันตรายออกมาเพียงเท่านั้น จึงทำให้ชาวบ้านสามารถที่จะรับมือได้
ส่วนผู้เยาว์ที่เข้าไปท้าทายขีดจำกัดของตนเองในเทศกาลล่าภายในป่านั้น ส่วนใหญ่สามารถหลบหนีออกมาได้ตามสัญญาณเตือน บางคนออกมาทันที บางคนหลบหนีซ่อนเร้นจนเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วจึงออกมา แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้ออกมา สูญหายและอาจตกตายภายในป่าบรรพกาล
ในขณะที่กิจการอื่น ๆ เริ่มค่อย ๆ ฟื้นตัว พ่อค้าแม่ขายเริ่มวางใจและออกมาค้าขายเช่นเดิม แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่ค่อยให้ความสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าดึงดูดผู้คนเหล่านี้ไปจนหมดนั่นก็คือ สมาคมนักรบรับจ้าง
ป้ายประกาศมากมายถูกติดเต็มบอร์ดประกาศงานหน้าสมาคม ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยข้อมูลและลักษณะคนหาย ผู้เยาว์ที่หายไปไม่พ้นเป็นผู้เยาว์ของตระกูลใหญ่ ๆ ที่พร้อมจะจ่ายเงินเพื่อให้ได้เด็กน้อยพวกนั้นกลับคืนมา พวกเขายังคงมีความหวังเล็ก ๆ ว่า เด็กเหล่านั้นยังคงอยู่ที่ไหนซักแห่งภายในป่าที่ถูกยกระดับความอันตราย
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจทั้งมือใหม่ที่ถูกของรางวัลล่อใจ และมืออาชีพที่สังกัดอยู่ในสมาคม พวกเขาต่างจับกลุ่มรวมตัว เพื่อที่จะเข้าไปในป่าบรรพกาล ป้ายประกาศงานที่สนใจถูกดึงลงมาแล้วนำไปลงทะเบียนไว้กับสมาคม หากไม่สามารถปฎิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงได้ เช่นนั้นจะต้องจ่ายเป็นสิ่งของชดเฉยให้กับสมาคม
ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมาย มีร่างอรชรอ้อนแอ้นสวมชุดคลุมยาวสีดำ ราวกับหญิงสาวไว้ทุกข์เดินทางมาที่สมาคม ใบหน้าของเธอถูกปิดบังเอาไว้แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่สามารถปิดบังประกายความงดงามภายใต้ผ้าคลุมดำของเธอได้
นัตย์ตาเด็ดเดี่ยวฉายประกายแหลมคม ตวัดมองไปโดยรอบ มองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาอย่างเฝ้ารอบางสิ่งบางอย่าง มีผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา แต่เหมือนกับว่ายังมิใช่คนที่เธอต้องการพบ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการมาเพื่อจ้างวานใคร เพียงแต่มาเพื่อใช้สถานที่เพื่อพลางตา
อยู่ ๆ บรรยากาศก็ไหววูบจนแทบรู้สึกไม่ได้ที่เบื้องหลังของเธอ ปรากฎชายหนุ่มในชุดคลุมธรรมดาเว้นระยะห่างยืนประกบหลังเอาไว้ ภายใต้สีหน้านิ่งสงบของหญิงสาวนั้นสามารถรับรู้ได้ถึงการมาของชายคนนี้ได้ทันที
"ท่านหญิง" เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ราวกับจะให้ได้ยินกันแค่สองคน
"เจอไหม"คำถามสั้น ๆ ได้ใจความถูกเอ่ยถามขึ้น ผู้ถูกถามก็มีท่าทีเคร่งเครียดในทันที สามวันแล้วที่ไม่พบล่องรอยใด ๆ ให้สามารถสืบหาได้เลย คุณชายผู้นี้หายไปราวกับไม่เคยมีตัวตน
"เราค้นหากันอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่พบแม้แต่เงา เราเดินทางไปตามทิศทางตามคำบอกเล่าของเด็กน้อยคารีสนั้นพบว่าห่างจากอาณาเขตของหมาป่าดำนิลกาฬไปไม่ไกลมีล่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้น สภาพเหมือนไม่นานมานี้ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร มันหลงเหลือไว้เพียงสมรภูมิรบที่ว่างเปล่า"
"ตอนนี้คารีสไปไหน"หญิงสาวถามต่อราวกับต้องการรู้ความเป็นไปในเรื่องอื่น ๆ
"เด็กคนนั้นไปกับทีมค้นหาชุดที่สอง เขาไม่ได้หยุดพักมาสามวันแล้ว จนถึงตอนนี้" ชายคนเดิมรายงาน เหตุการณ์ในครั้งนี้ คารีสโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง เขาแทบจะถลาเข้าป่าไปตามหาวาเลนทันทีเมื่อได้ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นจากกองกำลังภายในราชวงศ์ที่เข้ามารับตัวองค์ชายสาม หญิงสาวในชุดคลุมดำไม่พูดสิ่งใด
"ตอนนี้มีข่าวว่า องค์ชายสามนำกองกำลังภายในราชวงศ์ส่วนหนึ่งมาเพื่อช่วยเร่งค้นหา ท่านหญิงเห็นว่าเป็นอย่างไร" ชายคนดังกล่าวถามขึ้นอย่างต้องการความเห็น
"หากเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็ยิ่งต้องระวังให้มากขึ้น ให้หลีกเลี่ยงการพบเจอไว้ก่อน หากจำเป็นจริง ๆ ก็ให้ปิดบังสถานะของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดีอย่าให้ใครรับรู้ได้เป็นอันขาด " หญิงสาวพูดขึ้นเรียบ ๆ
"ขอรับท่านหญิง" สิ้นคำร่างของชายคนนั้นก็เลือนหายไปราวกับตรงนั้นไม่เคยมีใครมาก่อน หลงเหลือเพียงสายลมอ่อน ๆ อันเป็นพลังธาตุที่บางเบาของเขาเท่านั้น
"ท่านจะไม่ร้องขอต่อตระกูลจริง ๆ หรือ ท่านหญิง มีนักล่ามากมายภายในตระกูลของเราที่พร้อมให้ใช้สอย"ชายชราที่คุ้นหน้าคุ้นตา เอ่ยขึ้นหลังจากที่ชายคนนั้นหายไป เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลโอเดลรอสที่หญิงสาวคุ้นเคยดี หญิงสาวรับรู้ตั้งแต่ต้นถึงการสะกดรอยตาม แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็คร้านจะใส่ใจ
"ผู้อาวุโสเอียนท่านรู้ดีว่าภายในตระกูลตอนนี้เป็นอย่างไร ข้าไม่สามารถไว้ใจใครได้ หลังจากที่บุตรของข้าเกือบต้องตาย ภายใต้แผนการเลวร้ายของใครซักคน แม้ส่วนหนึ่งนั้นจะเป็นเพราะเขาพาตัวเองไปอยู่ ณ ขอบเหวแห่งความตายเอง แต่เมื่อรอดมาได้ ข้าไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องให้ตระกูลมาเหยียบย่ำซ้ำเติมอีก และนับตั้งแต่เขาเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่โดยไร้การสนับสนุนจากบิดา ข้ายิ่งคิดว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะได้พบเจออะไรใหม่ ๆ ภายนอกตระกูลเสียที " คำพูดที่พรั่งพรูออกมาของท่านหญิงตรงหน้านั้น ผู้อาวุโสเอียนย่อมรู้ดี ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกสะสมมาอย่างยาวนาน การรักลูกไม่เท่ากันสำหรับผู้นำตระกูลนั้นเป็นการสร้างหายนะในอนาคตอันใกล้ ให้กับผู้เยาว์รุ่นต่อ ๆ ไป ไม่จบสิ้น
ปัญหาภายในตระกูลโอเดลรอสนั่นมีมาช้านาน การแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้น ไม่แพ้การแข่งขันของบรรดาเจ้าชายของราชวงศ์
ความคิดของท่านหญิงวิเรร่านับว่าล้ำลึก เป็นอย่างมากเธอต้องการใช้สถานการณ์เหล่านี้กันตัวบุตรชายของเธอออกไปจากอันตรายภายในตระกูล เธอเชื่อว่าบุตรของเธอยังไม่ตาย เธอจึงใช้กองกำลังที่ผู้อาวุโสเอียนไม่ทราบฝ่าย เร่งเข้าค้นหา เพื่อเข้าถึงตัวของวาเลนก่อนคนอื่น ๆ เธอต้องการให้บุตรชายของเธอนั้นสูญหาย ตามความเข้าใจของคนอื่น ๆ อย่างถาวร แม้ว่าการอยู่แบบซ่อนเร้นนั้นจะดูน่าอดสู แต่หากอยู่ในที่แจ้งทั้งสภาพที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้นับว่าไม่ฉลาดเลย การเข้าไปพัวพันกับเทศกาลล่า ทำให้เธอเห็นปัญหาที่กำลังจะตามมาได้ทันที การแบ่งฝักฝ่ายในราชวงศ์นั้นเป็นการสร้างปัญหาอย่างแท้จริง ยิ่งทำให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ประจวบเหมาะกับสถานการณ์เช่นนี้ ราวกับสวรรค์มีใจให้กับเธอ
จนกว่าบุตรของเธอจะพร้อมกลับมาเผชิญหน้ากับอำนาจมืดที่เกิดจากบรรดาผู้ไม่หวังดี นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำได้
ณ ชายป่าบรรพกาล
กองกำลังภายในของราชวงศ์นับสิบยืนเรียงเป็นระเบียบ อยู่ที่ขอบชายป่าบรรพกาล โดยด้านหน้ามีองค์ชายสาม และกาเร็ทคู่หูคนสนิท ยืนอยู่
"องค์ชาย ท่านจะไม่เข้าร่วมพิธีมอบของรางวัลจริง ๆ รึ" กาเร็ทยังคงคอยถามอย่างไม่ลดละเพื่อหวังให้นายของตนเปลี่ยนใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นชนวนให้เทศกาลล่ายุติก็จริง แต่ถึงอย่างนั้น บทสรุปของเทศกาลยังคงต้องมีต่อไป นั่นก็คือ การมอบของรางวัลให้กับผู้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้
"ข้าตัดสินใจแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้ รับหยาดอัคคีพันปี แต่ชัยชนะครั้งนี้ไม่มีความหมายสำหรับข้า" องค์ชายสามตอบอย่างเด็ดเดี่ยว ในแววตาไม่มีแม้ความลังเล หากมองย้อนกลับไป ผู้ที่เปิดโอกาสให้ทั้งทีมอยู่รอดได้ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตรอดไหม ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายอยู่ภายในป่าแห่งนั้น ส่วนเด็กชายผู้ใช้สายฟ้าผู้สังหารสัตว์อสูรหมาป่าดำนิลกาฬส่วนใหญ่ไปมากกว่าครึ่งก็ยังไม่กลับมาปรากฎกายให้เห็นแม้แต่เงา
กาเร็ทถอนหายใจด้วยความเสียดาย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นของรางวัลที่ไม่สามารถหาได้ดาษดื่นทั่วไป แต่การตัดสินใจขององค์ชายสามก็ถือเป็นที่สุด ที่เขาไม่สามารถทัดทานได้อยู่ดี
แม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายเพียงใด แต่เด็กชายที่หลายคนตามหาและห่วงใยยังคง เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ภายในป่าอย่างเมามัน
วาเลนให้เหตุผลที่ราชินีดรายแอดส์ปฎิเสธไม่ได้ แม้แต่ราชสีห์ขนทองคำเด็กชายยังไม่สามารถจัดการได้ เขาจะเอาอะไรไปช่วยเธอในยามนี้ นี่เป็นการค้นหาที่ยากเกินไป เด็กชายอ้างถึงความเป็นไปไม่ได้นี้ทันที แต่วาเลนไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือเธอ
ถึงแม้ราชินีผู้เอาแต่ใจจะขัดเคืองแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ จึงต้องจำใจยอมรับเหตุผลนั้นแต่โดยดี
หลังจากวาเลนพูดถึงสิ่งที่เป็นปัญหา ในภารกิจของเธอ เขาพยายามพูดให้ตัวเองดูไร้โชควาสนา แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยปัญญาและความสามารถในการพัฒนาพลัง มิน่าเชื่อว่าการเจรจาครั้งนี้จะทำให้เขาได้มีโชคอันมหาศาล
"งั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง" ราชินีดรายแอดส์ผู้อยู่มานาน แต่ก็ยังไม่สามารถทัดทาน วาทะโน้มนาวใจของวาเลนได้ เด็กชายจากต่างโลกผู้นี้รู้ดีถึงการเจรจาอย่างไรถึงจะได้ผลตามที่ต้องการ จิตวิญญาณของชายวัยยี่สิบกว่า ๆ ในร่างของเด็กชายวัยสิบห้าปี จึงทำให้การเจรจานี้มีความเป็นไปได้
หลังการออกปากให้คำช่วยเหลือจากราชินีดรายแอดส์ เธอก็พาวาเลนก็ท่องไปทั่วทั้งป่าเขตใน สิ่งของมากมายล้วนถูกเก็บไว้ในแหวนมิติ จนเต็มล้นปรี่ สมบัติมากมายมหาศาลนั้นดูไม่มีความหมายต่อราชินีดรายแอดส์ เธอเฝ้ามองวาเลนอย่างสงสัย บางสิ่งบางอย่างเริ่มทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ มีความรู้สึกเล็ก ๆ ว่าภายใต้การกระทำนี้ มีแต่เธอที่เสียเปรียบ แต่เพียงมองรอยยิ้มที่สดใส เธอก็ปัดความคิดนี้ทิ้งอย่างฉับไวทันทีเป็นไปไม่ได้ นี่ก็แค่เด็กชายคนหนึ่ง !
ราชินีดรายแอดส์โบกมือเบา ๆ หนึ่งครั้งก่อนที่ร่างสีทองที่ครั้งหนึ่งนั้นเคยห้ำหั่นกันกับวาเลนจนเกือบตกตายถูกโยนมาไว้เบื้องหน้าของเด็กชายในทันที
"ทำสัญญา หรือ ตกตาย "ถ้อยคำสั้น ๆ นี้ถูกเอ่ยถามไปยังราชสีห์ขนทองคำเบื้องหน้า น้ำเสียงที่เยียบเย็นถึงกลับทำให้ตัวมันอดสั่นกลัวไม่ได้ ตัวตนเบื้องหน้านั้น ราวกับยังคงกรุ่นโกรธในตัวมันอยู่ ผิดพลาดเพียงนิดตัวมันอาจตกตายได้ทันที
มันมีสติปัญญามากพอที่จะเข้าใจภาษามนุษย์ เพียงแต่มันพูดออกมาไม่ได้ ตัวมันมิอยากตกตายจึงทำได้เพียงจำยอม ร่างสีทองขนาดใหญ่เท่าม้าวัยรุ่นเดินหมอบเข้ามาหาวาเลน เพียงไม่นานพันธะสีทองจากตัวมันนั้นก็สว่างจ้า ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นพาหนะให้วาเลนขี่ตะล่อนไปทั่วป่าเขตใน
เมื่อเห็นว่าเด็กชายพอใจ กับการเดินทางในป่าเขตในแล้ว เธอจึงนำวาเลนมาส่งยังจุดหมายที่เด็กชายต้องการ
"นี่คือของชิ้นสุดท้าย เจ้าจงรับเอาไว้" สร้อยคอที่ประดับไปด้วยจี้รูปดอกไม้ ถูกส่งมาให้วาเลน
"นี่คือสิ่งใด" วาเลนถามอย่างสงสัย
"ถึงเวลา เจ้าจะรู้เอง ข้าต้องไปแล้ว จากตรงนี้ไปไม่มีอันตรายแล้ว แมวน้อยตัวนี้จะพาเจ้าออกไป แล้วจงจำไว้ให้ดี จากนี้อีกสิบปี หากเจ้ายังไม่มีการพัฒนาที่น่าพอใจ สิ่งของที่ได้ไป ข้าจะให้เจ้าชดใช้อย่างสาสม" ราชินีดรายแอดส์พูดสัมทับขู่เด็กชายเบื้องหน้า
วาเลนยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะโบกมือลาอย่างจริงใจ เขาไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ กับคำขู่นี้ ราชินีพฤกษาภายนอกดูเหมือนไม่น่าคบหา แต่ภายในนั้นก็ยังคงคล้ายกับเด็กสาวธรรมดา ๆ ทั่วไปผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องระวันโดนป้าจับกินนะ
เดี๋ยวอายุ 40 จบปริญญาเอกมาใช่ป่ะ เห็นตอนแรกบอกแค่ได้ใบมา มาตอนนี้บอกจิตวิญญาณอายุ40 เคๆ
สู้ๆนะ
ที่หยิบๆไปน่ะของดีทั้งนั๊นนนนน