[EXO KrisYeol] Predestination Love
บางครั้งความรักก็จะชักนำพรหมลิขิตเข้ามาหาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว คุณพน้องจะต้องรับเอาคนที่พรหมลิขิตสร้างมาเพื่อคุณรึยังละ?
ผู้เข้าชมรวม
802
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
Predestination Love
คุณเคยเห็นงานประติมากรรม แล้วต้องหยุดชื่นชมมันไหมครับ คุณไม่สามารถที่จะละสายตาจากภาพที่เห็นได้ จนต้องหยุดมอง เหมือนโลกทั้งโลกของคุณกำลังหยุด เมื่อคุณได้มองผลงานที่สวยงามชิ้นนั้น
ถ้าคุณเคย คุณคงจะรู้สึกเหมือนผม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Predestination Love
“อ้าว!! อู๋ฟาน กลับได้แล้วลูก มัวเหม่ออะไรอยู่” หญิงสาวเอ่ยเรียกลูกชายเพราะไม่เหตุออกมาจากงานประติมากรรมข้างหน้าสักที
“ม๊าฮะ ทำไมเขาถึงอยู่บนนั้นได้ละฮะ” เด็กชายอู๋ฟานถามผู้เป็นแม่พร้อมชี้ไปที่เทวดาที่อยู่บนผนัง
เทวดาที่มีปีกสีดำ ทั้งๆที่งานหินอ่อนมีสีขาว แต่บริเวณของปีกกลับมีสีดำอย่างแปลกประหลาด เทวดากำลังสยายปีกเบื้องบนท้องนภา
“มีตำนานเล่าว่า เทวดาตนนี้ได้ช่วยมนุษย์จากปีศาจร้าย แต่ปีศาจร้ายกลับทำร้ายเทวดาก่อนจะขาดใจ ปีกเทวดาที่ถูกทำร้าย โดยพิษกัดกร่อนจนเป็นสีดำ เพื่อรอเวลารักษาตัว เทวดาจึงกลายร่างตัวเองเป็นหินรอคอยเวลาที่จะกลับคืนมาใช้ชีวิตอีกครั้งไงจ๊ะ” หญิงสาวพูดก่อนจะจูงมือเด็กชายอู๋ฟานตามไป
อู๋ฟานหันกลับมามองก่อนโบกมือให้ “บะบาย แล้วเจอกันนะ” แม้จะไม่มีเสียงตอบรับ แต่เค้าก็รู้ว่ายังไงภาพนี้ก็จะรอเค้ากลับมาเสมอ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…………
เสียงนาฬิกาปลุกเครื่องเล็กปลุกการนอนร่างที่อยู่บนเตียง มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าน้อยๆก่อนจะลุกมานั่ง
ฝันแบบนี้อีกแล้วสินะ
ร่างสูงบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะลุกขึ้นนั่ง วันนี้วันเสาร์งานไม่มีไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า แต่เค้ากลับข่มตานอนต่อไม่ได้ ขายาวก้าวเร็วเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกมาพร้อมชุดเก่ง
วันนี้เค้าอยากไปเที่ยวคนเดียวดูบ้าง
ชีวิตนักร้องแร็บเปอร์ ไม่ค่อยมีเวลาว่างนัก เสาร์-อาทิตย์ บางทียังได้เทียวต่างจังหวัด บางครั้งนอนลงแค่ 2 ชั่วโมง งานก็มาอีกแล้ว ชื่อเสียงเค้าตอนนี้ดังพอสมควร แต่มาดที่ดูดุทำให้ไม่ค่อยมีคนเข้าใกล้นัก ทุกคนรู้จักเค้าในนาม Kris
อู๋ฟานเดินออกจากหอพักตรงไปยังร้านชา เค้าเลือกที่จะนั่งภายนอกร้าน แว่นสีดำทำให้คนไม่สังเกตที่เค้านัก ร่างสูงลงมือทานต่อจนหมดก่อนจะออกเดินไปในส่วนสาธารณะ
ขายาวก้าวเดินไม่เร่งรีบ มองดูทิวไม้ไปเรื่อยๆ แต่ก็คอยฟังเสียงข้างหลัง จากคนที่เดินตามมาด้วย เค้ารู้สึกมีคนกำลังสะกดรอยตามเค้ามา รู้สึกตั้งแต่อยู่ที่ ร้านชา แล้ว แต่เค้ายังคอยสังเกตดูว่าอีกคนเป็นยังไง ร่างที่ตามมาหลบซ้ายและขวาตามต้นไม้ แลเห็นเป็นคนรูปร่างสูง
อู๋ฟานทำท่าหันไปกดเครื่องจ่ายน้ำอัดลม ร่างๆนั้นก็กระโจนลงพุ้มไม้ข้างๆ ทันที ทำเอาเค้าอดหัวเราะน้อยๆไม่ได้แต่แกล้งทำเป็นไอ
เด็ก สินะ สัก 20 มั่งแต่สูงพอดู ผิวขาว ผมสั้นสีน้ำตาลเข้มที่หยักน้อยๆ เสื้อผ้าเป็นสีขาวหมด ผ้าคลุม กางเกงขายาวสีขาว รองเท้าสีขาว แต่ดูแล้วยังไงก็ไม่ใช่ซาแซง เพราะกล้องหรือ โทรศัพท์ที่เอาไว้ถ่ายรูปไม่มี ถ้าจะว่ามีรายการอำอะไรรึเปล่า ก็ไม่น่าใช่
อู๋ฟานเดินมานั่งหน้าริมน้ำในสวนสาธารณะสักพักก่อนจะเรียกอีกคนให้ออกมา
“นายอะฉันเห็นตั้งแต่ดืมชาแล้วนะ ออกมาเถอะ” ร่างนั้นเดินออกมาพร้อมเกาหัวแก้เก้อ
“นายเดินมานี่สิ อยากคุยอะไรกับฉันรึเปล่า” ดวงตากลมโตพลุบลงต่ำ ก่อนจะยิ้มกว้าง พยักหน้างึกงัก แล้วชี้มาที่ตัวเอง ริมฝีปากขยับออกมาเพียงแค่วลี แต่ไม่มีเสียง เป็นใบ๋หรอ?
“คงจะคุยไม่ได้สินะ” อู๋ฟานหัวเราะน้อยๆ เมื่ออีกคนทำถ้าเหมือนจะพยายามพูด ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีเสียงออกมา จะว่ายังไงละ เค้าไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาทนะ แต่เหมือนอีกคนจะไม่รู้ว่าตัวเองพูดไม่ได้ มืออีกข้างจับคอก่อนจะกระแอมเบา ๆ ยิ่งทำให้ดูน่ามอง อู๋ฟานเลยจับแขนอีกคนให้นั่งลงข้างๆ
“นายจะบอกว่าจำฉันได้ไหมหรอ?”
ร่างนั้นพยักหน้างึกงัก ดูแล้วกลัวจะคอหักก่อนตอบเสร็จ
“ฉันจำนายไม่ได้หรอกนะ เพราะทุกวันฉันต้องเจอกับคนมากมาย”
อีกคนก้มหน้าลงนิ่ง
“แต่ฉันจะพยายามนะ”
ดวงตากลมโตกลับมาสดใสอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างส่งมาให้
ผมมองรอยยิ้มสดใสนั้นราวต้องมนต์สะกด รอยยิ้มที่สวยสุดเท่าที่ผมเคยพบ หละมั้ง ใบหน้าขาวที่ส่งยิ้มให้ทำให้ผมต้อง หันมองข้างๆ แก้เขินตัวเองก่อนจะหันกลับมา
“นายชื่ออะไรหละ”
มืออีกคนดึงมือผมก่อนจะเอานิ้วเขียนเป็นชื่อ
ช า น ย อ ล
“เป็นชื่อที่เพราะดีนี่”
อีกคนยิ้มรับ ตากลมดูมีประกายสดใส ถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นเกาหลีผมคงคิดว่าเค้าคงจะหลุดออกมาจากฮาราจุกุ หน้าตาของคนตรงหน้าจัดได้ว่าเป็นนายแบบได้สบายๆ หรือชุดนี้เป็นแฟชั่นวิคของห้องเสื้อชื่อดัง ที่ให้นายแบบออกมาใส่โชว์ก็ได้
คนตรงหน้ามองออกไปด้านนอกได้สักพัก ก็มีเสียงนกร้อง ผมและชานยอลเดินไปใกล้บริเวณเสียง นกน้อยร้องเสียงดังอยู่ใกล้พุ่มไม้ ชานยอลค่อยๆจับนกตัวน้อยขึ้นก่อนจะลูบหัวเบาๆ เสียงร้องเจ็บปวดหายไป ชานยอลเป่าเบาๆ ปีกเล็กๆของนกน้อยก็กระพืออย่างยินดี เจ้าตัวเล็กร้องเสียงหวานคล้ายขอบคุณก่อนจะบินออกไป
มันช่างดูมหัศจรรย์ และสวยงาม
ชานยอลหันมามองผมก่อนจะยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่สวยงามและสดใสไม่ต่างอะไรกับเจ้าของ สองขาเรียวเดินมาก่อนจะชี้ไปอีกฝั่งของสวนสาธารณะที่เป็นสวนสนุก
“อยากไปงั้นหรอ? งั้นไปกัน”
ชานยอลพยักหน้างึกงัก ผมจึงจับมือของอีกคนก่อนจะออกเดินไปยังอีกด้านของสวนสาธารณะ มืออีกคนทีเกาะกุมอยู่กำเบาๆรับตอบ ผมซื้อบัตรทั้งวันสำหรับสองคน ชานยองดูตื่นเต้นมาก ผมเรียกผู้จัดการให้เอารถมาให้ก่อนจะเอาเสื้อโคสออกเพราะผมไม่ค่อยชอบใสเท่าไหร่ ที่ใส่ไว้กลัวคนทักเท่านั้น แต่ตอนนี้ใครมันจะไปสนละ ผมเปลี่ยนใส่เสื้อกล้ามสีดำ กับหมวกดำและแว่นตา อีกคนถอดผ้าคลุมออกก็เป็นเสื้อกล้ามสีขาวแล้ว แต่แต่งลายสีเทานิดหน่อยไม่ดูจืดไป ผมแปลกใจแต่รอยข้างหลังของชานยอลที่เป็นรอยไหม้แปลกๆ เหมือนเพ้นท์รอยไหม้ปีกลง แต่จะว่าอะไรละครับ ผมกลับชอบซะอีกผมก็สักเหมือนกัน
ผมหยิบกระเป๋าตังค์เป็นอย่างสุดท้ายก่อนเราจะเข้าไปกัน ทำไมก็ไม่รู้วันนี้ผมอยากใช้เวลากับคนข้างๆเหลือเกิน จะเป็นไปได้รึเปล่านะที่เราจะรักกับคนที่พึ่งเจอหน้าครั้งแรก ชานยอลเดินไปที่เรือไวกิ้ง ผมก็เดินตามไปด้วย ชานยอลยิ้มให้ผมผมก็ยิ้มตอบกลับ ดูชานยอลอึ้งนิดๆ พนักงานเอาที่ล็อกลงก่อนเจ้าเรือลำใหญ่จะไกว่ไปมา การแกว่งเพิ่มเลเวลขึ้นทำให้ผมต้องเอาแว่นออก ดวงตากลมมองผมก่อนยิ้มให้อีกครั้ง แบบนี้ไม่ดีนะครับ ผมอาจเป็นโรคหัวใจได้!!
ลงมาเจ้าตัวก็ทำหน้าปั้นยากก่อนจะมองดูตั๋วในมือ แล้วเดินกึ่งวิ่งออกมาทำให้ผมต้องรีบเดินตามและเอามือของอีกคนมากุมไว้เพราะกลัวหลง ชานยอลหันมายิ้มแล้วชี้ไปที่เจ้าเครื่องเล่นวงกลมที่หมุนด้วยความเร็ว เราสองคนนั่งคนละด้าน ชานยอลหลับตาแน่นในขณะที่เครื่องเล่นหมุน มีบางจังหวะที่ชานยอลลืมตาโพลง คงตกใจ ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ ลงมาชานยอลก็ยู๋ปากนิดๆ ทำจมูกฟุดฟิด เจ้าตัวชี้ที่ท้อง ทำเอาผมหัวเราะลั่น คงจะหิวนี้เอง
ผมกุมมืออีกคนมาร้าน อาหารที่อยู่ภายในสวนสนุก ผมอาศัยถามอีกคนว่าจะเอาอันไหน ชานยอลส่ายหัวน้อยๆ เจ้าตัวคงไม่รู้จะเลือกอะไรดี
“งั้นเอาเซตนี้ 2 เซตครับ” เราสั่งหารฟาสฟูดง่ายๆมาทาน ชานยอลกินอาหารตามที่เค้ากิน ดูจะชอบเบอร์เกอร์เป็นพิเศษด้วยสิ
เราเดินย่อยอาหารไปด้วยในบ้านยักษ์ ผมอดไม่ได้ที่จะทำตัวเป็นช่างภาพให้อีกคนเพราะ ชานยอลเดินไปจับนูนจับนี่ ปีบนูน ปีบนี่ แบบเด็กๆ จนคนที่เข้ามาด้วยกันยังอดจะแอบถ่ายชานยอลไม่ได้เช่นกัน ต่อจากนั้นเราก็เดินเข้าส่วนหิมะที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ชานยอลหยิบหิมะขึ้นมาก่อนโปรยไปทั่ว จมูกของชานยอลที่โผล่พ้นจากเสื้อโคสที่สวนสนุกให้มาแดงนิดๆ โทรศัพท์ถูกใช้เก็บภาพประทับใจต่างๆ ของผม
ผมตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วสินะ
เราใช้เวลาจนเกือบเย็น เครื่องเล่นอย่างสุดท้ายที่เราเลือกคือกระเช้าลอยฟ้า ผมใช้คำว่าเราคงไม่ผิดเพราะมีผมกับชานยอล ชานยอลมองออกไปนอกกระจก รอยยิ้มหวานหายไปแล้ว เหลือเพียงดวงหน้าสวย ชานยอลตอนนี้ช่างดูเปราะบางเหลือเกิน
“ชานยอล นายพอจะมีอะไรให้ฉันติดต่อกลับได้ไหม” ผมถามทำลายความเงียบ ชานยอลหันมายิ้มบางๆพร้อมส่ายหน้าเบาๆ
“นายเศร้าอะไร บอกฉันได้ไหม” ผมตัดสินใจถามไปตรงๆ คำตอบที่ได้กลับมาคือการส่ายหน้าช้าๆ ผมจึงดึงชานยอลเข้ามากอดก่อนจะลูบหัวช้า ชานยอลสะอื้นเบาๆ บนไหล่ผม จนเครื่องหยุด เราเดินมาขึ้นรถเพราะดูเวลาน่ากลับได้แล้ว ผมขับรถออกจากสวนสนุกก่อนจะนึกได้ว่าแถวนี้เคยมีโบสถ์ที่เคยมากับแม่ตอนเด็ก เลยอยากแวะ เดี่ยวออกมาค่อยถามทางกลับที่พักของชานยอลแล้วกัน
ชานยอลไม่ตอบสนองอะไร ผมเลี้ยวรถมาจอดก่อนจะพาอีกคนเข้ามาโบสถ์ พื้นที่โบสถ์ ถูกปิดกั้นด้วยสัญญาลักษณ์ห้ามเข้าไป มันเป็นส่วนผนังที่เป็นที่อยู่ของงานประติมากรรมนั้นนี่
อู๋ฟานเดินมาหยุดอยู่หน้างานประติมากรรมข้างผนัง ที่เหลือไว้เพียงปีกสองข้างของเทวดาแต่ไร้ตัวตน และเศษผงของหินอ่อนที่แตกกระจาย มันดูคล้ายๆกันอยู่นะ ผมมองกลับมายังคนข้างกาย ที่ยิ้มน้อยๆให้ผม ชัดเลย!!
“นาย” ชานยอลพยักหน้า
“ไม่จริงน่า” ชานยอลหน้าถอดสี
“… …..” ริมฝีปากบางขยับเป็นคำว่าขอโทษ
นี้ผมกำลังอยู่กับเทวดาที่หลุดออกมาจากงานประติมากรรมนั้นจริงๆหรอ อย่างนี้เองสินะชานยอลถึงดูไม่เหมือนคนธรรมดา
“นายออกมาได้ยังไง” ผมถามออกมา กลัวไหม ผมกลัว แต่จะให้กลัวคนที่ไม่ได้ทำอะไรผมเลยคงไม่มีเหตุผล ซ้ำชานยอลยังไม่น่ากลัวตรงไหนด้วยสิ
มือชานยอลจับมือผมไว้ ก่อนถ่อยคำ ถูกส่งผ่านมาเป็นเสียงทุ้มๆ
“ฉันรักษาชีวิตฉัน แต่ฉันไม่สามารถรักษาปีกของฉันไว้ได้ ฉันเลยหลุดออกมาจากบ่วงพันธนาการไงละ ขอโทษนะ นายกลัวฉันใช่ไหม”
“เปล่า ฉันแค่ตกใจ แล้วทำไมมาหาฉันละ”
“เพราะนายทำให้ฉันอยากมีชีวิตอีกครั้งไงละ” ชานยอลตอบก่อนก้มหน้าลงอีก จนเค้าต้องจับใบหน้านั้นหันมามองอีกครั้ง
ฟังยังไงมันก็เป็นประโยคสารภาพรัก
“ชานยอลไปอยู่ด้วยกันนะ”
“ฮะ”
“นายรู้รึเปล่า ฉันตกหลุมรักนายจนถอดตัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ฉันรักนายนะชานยอล”
ชานยอลหน้าขึ้นสีแดงระเรื้อ
“ฉันก็รักนายอู๋ฟาน”
ผมก้มลงจูบริมฝีปากบางเบาๆ
ชานยอลพยักหน้าแรงๆ
ผมกุมมือของชานยอล ก่อนเราจะก้าวเดินไปด้วยกัน ต่อไปนี้ผมจะมีชีวิตที่ไม่น่าเบื่อเพราะผมจะมีเค้าอยู่ข้างๆ ผมจะคอยช่วยเหลือเค้า และเค้าจะคอยเป็นกำลังใจให้ผม
ผมหวังว่าพวกคุณจะพบเจอรักแท้ที่ใดที่หนึ่ง
เพราะพรหมลิขิตจะชักพาพวกคุณไปหากันแน่นอน
by. romear
@romer103
ผลงานอื่นๆ ของ โรเมียล ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ โรเมียล
ความคิดเห็น