ตอนที่ 5 : CH 4 100%
Chapter 4
[ความลับไม่มีในโลก]
“นี่เอกสารที่คุณขอผมไว้”
“ขอบคุณครับ” ชาร์ลีเอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่ขอมิสเตอร์แซ็กส์ไว้ในตอนเช้า เปิดสำรวจความเรียบร้อยของงาน เมื่อไม่เจออะไรที่ผิดจุดอีกเขาถึงออกปากให้อีกฝ่ายกลับไปทำงาน ตั้งแต่เมื่อคืน แอชตันอ่านข้อความแต่ไม่ได้ตอบ อาจจะกำลังเขินหรือไม่ก็ยั้วะเมื่อเขาไปพูดแหย่แบบนั้น
“หึ...”
“คุณชาร์ลีคะ”
“ครับ?”
“การประชุมย่อยวันนี้ คุณคลินน์จะไม่มาเข้าร่วมนะคะ แต่ท่านประธานใหญ่จะมาแทน”
“อ่า แบบนั้นหรอครับ แล้วมิสเตอร์คลินน์ไปไหน” ชาร์ลีหันกลับไปถามมิสซิสลอเรนซ์ด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย ผู้หญิงอายุสี่สิบต้นๆเธอแต่งงานแล้วกับสามีที่มีอาชีพพนักงานบริษัททั่วๆไป ครอบครัวดูสุขสันต์ แอชตันบอกกับเขาว่าเธอเข้ามาทำงานเป็นเลขาของพ่อก่อนจะถูกสั่งให้มาเป็นเลขาของแอชตันแทน
“คุณคลินน์มีนัดเจรจากับทางบริษัทของลูกค้าค่ะ”
“ขอบคุณที่มาบอกผมนะครับ” เขาตอบกลับตามมารยาท หันกลับไปทำงานในส่วนของตัวเองต่อ มิสซิสลอแรนซ์มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เธอดันแว่นขึ้นไปชิดสันจมูก น้ำเสียงเรียบๆเอื่อยๆที่เธอใช้ประจำถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้งจนผมต้องหันไปมอง
“คุณชาร์ลี”
“ครับ”
“อย่าหาว่าก้าวก่ายเลยค่ะ แต่....”
“…”
“คุณคลินน์น่ะ อันตรายนะคะ”
“ครับ ผมรู้ ไม่งั้นเขาคงคุมคนในบริษัทนี้ไม่ได้” ชาร์ลีขำนิดๆ แต่สายตาคมๆที่จ้องมาใต้กรอบแว่นทำให้เขาหยุดขำลง
“ฉันรู้ว่าคุณรู้อยู่แก่ใจ ว่าอะไรที่อันตราย”
“…”
“ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ไม่สิ ฐานะเลขาของคุณคลินน์” เธอจงใจกดดันเขาใช่ไหม ให้ตายสิ จะใช้ชีวิตยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอไม่ใช่หรือไงกัน ชาร์ลีแอบเหนื่อยหน่ายใจเบาๆ แต่ก็ยังฟังอยู่ดีเพราะอยากรู้ว่าเธอจะพูดให้คนอันตรายน่ากลัวแค่ไหน
อยากจะรู้ว่าอันตรายเท่าที่เขาเจอมั้ย...
“คุณคลินน์น่ะ เขามีความลับ”
“…”
“เขาถูก...”
“คุณชาร์ลีคะ ได้เวลาเข้าประชุมแล้วค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะออกไป” จู่ๆเสียงมิสนาตาเซียก็ดังขึ้น เขาตอบรับและหันกลับไปหยิบข้อมูลสำหรับการประชุมที่พร้อมไว้แล้วขึ้นมา เขาไม่ได้สนใจว่ามิสซิสลอแรนซ์จะพูดว่าอะไรนัก อย่างว่า ปากของคนนอก จะสู้ปากของเจ้าตัวเองได้ยังไง
ชาร์ลีขำในลำคอ หันกลับไปลามิสซิสลอแรนซ์อีกครั้ง ขณะที่กำลังจะเดินออกไป ข้อมือหนาๆใต้เสื้อสูทก็ถูกคว้าเอาไว้ เขาหันกลับไปมองเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถามอีกรอบ
“ฉันหวังดีนะคะ อย่ายุ่งกับคุณคลินน์ให้มากถ้าไม่อยากเดือดร้อน”
“ผมว่าท่านประธานใหญ่น่าจะมาแล้ว คุณควรออกไปต้อนรับท่าน” ชาร์ลีแย้งขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ แกะข้อมือออกจากการจับของมิสซิสลอแรนซ์เบาๆแล้วเดินไปทางห้องประชุมทันที ใบหน้ายิ้มแย้มค่อยๆลดลงจนกลายเป็นนิ่งสนิท ชาร์ลีกำลังหัวเสีย เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ยัยป้าแก่ๆนั้นพูดว่าให้เขาเลิกยุ่งกับแอชตัน
“คุณคลินน์น่ะ เขามีความลับ...”
ชักอยากจะรู้ขึ้นมานิดๆ ว่าไอความลับบ้านั้นมันคืออะไร แต่คงจะยาก เขานึกถึงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกับใบหน้ายิ้มๆนั่น ถึงจะยิ้มง่าย มันก็เป็นรอยยิ้มที่เสแสร้ง ขนาดอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน แต่เหมือนว่าแอชตันจะยังมี อะไรบางอย่าง ที่จงใจเก็บไว้ไม่ให้เขารู้ หรืออาจจะไม่ให้คนอื่นรู้ด้วย...
แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะไม่ก้าวก่าย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าแอชตันอยากจะบอกก็คงบอกเอง เขาคิดแบบนั้น เลิกสนใจคำของมิสซิสลอแรนซ์มาคิดให้รกสมอง เดินเข้าห้องประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม ปรับท่าทีให้ดูเหมือนปกติ เข้าไปนั่งประจำที่ผู้จัดการแผนกฝ่ายบุคคลนิ่งๆ ยิ้มรับและทักทายจากหัวหน้าแผนกอื่นเข้ามาด้วย จนกระทั่งประตูห้องประชุมถูกเปิดอีกครั้ง ทั่วทั้งห้องประชุมกลับเงียบกริบ ไร้เสียงพูดคุยเฮฮาเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิงเมื่อมีร่างๆหนึ่งเดินเข้ามา
ชายวัยกลางคนในชุดสูทหรู ด้วยส่วนสูงที่เกือบจะ190เซนติเมตร ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเซ็ตขึ้นอย่างดี ดวงตาสีเทาสว่างดูดุดัน ใบหน้าคมคายแต่ทว่าดูมีอายุกับริมฝีปากที่เรียบสนิท บรรยากาศรอบตัวดูกดดันทำให้เขาเห็นเค้าลางของแอชตันได้เป็นอย่างดี
ไม่ต้องรออะไร พวกเขาทั้งหมดในห้องต่างโค้งหัวลงเพื่อเป็นการทักทายและให้ความเคารพกับท่านประธานใหญ่ของบริษัทอย่าง อัลเบิร์ต คลินน์ ด้วยความพร้อมเพียง ชาร์ลีเหลือบมองอีกฝ่าย รอยยิ้มจากมุมปากที่แผ่ความกดดันเรียกความคุ้นเคยให้เขาได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะ เขาเห็นใบหน้าของแอชตันซ้อนทับขึ้นมาในความคิด รีบสะบัดใบหน้านั้นออกจากหัวทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นกลางห้องประชุม
บรรยากาศกดดันแบบนี้มันถ่ายทอดกันได้ทางดีเอ็นเอด้วยรึไงนะ...
“ไม่ต้องมากเรื่อง นั่งลงเถอะ” น้ำเสียงแหบทุ้มตามวัยของเจ้าตัวเอ่ยขึ้น สายตาสีเทาสว่างกวาดตามองไปรอบห้องนิ่งๆ มิสเตอร์คลินน์นั่งลงกับเก้าอี้ตำแหน่งท่านประธานของห้องประชุม พกวเขานั่งลงตามตำแหน่งเก้าอี้ตัวเองเรียบร้อยเพื่อเริ่มเข้าสู่การประชุม
ในระหว่างการประชุม การพูดคุยถกเถียงกันเรื่องต่างๆในส่วนงานของแต่ละคนที่จะต้องรับผิดชอบดังขึ้นเป็นระยะๆ สายตาเขาเหลือบมองไปทางมิสเตอร์คลินน์นิ่งๆในขณะที่หูก็ฟังหัวหน้าแผนกฝ่ายจัดซื้อไปด้วย ในส่วนฝ่ายบุคคลที่เขารับผิดชอบ เขาไม่ได้รับคำพูดติชมอะไรมากมายเป็นพิเศษหลังจากที่พรีเซ็นต์ในส่วนนั้นไป มีเพียงแค่สายตาดุดันที่ส่งมาให้นิ่งๆกับรอยยิ้มมุมปากนั่นเท่านั้น
ซึ่งมันก็ดูน่าขนลุกไม่ต่างจากคนลูกเลยซักนิด....
แต่อย่างน้อยๆเขาก็คงไม่ต้องถูกมิสเตอร์คลินน์คนพ่อฟาดด้วยแส้หรอกน่า...ชาร์ลีคิดอะไรเงียบๆคนเดียวในหัว ฝ่ามือหน้าหมุนควงปากกาในมือไปพลางๆ เริ่มหันไปสนใจกับมิสเตอร์โจนส์ที่กำลังทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนยิงคำถามจากคนที่นั่งหัวโต๊ะเล่นๆ จริงๆแล้วว่าชาร์ลีไม่ได้ตั้งใจจะมานั่งทำงานในบริษัท แต่ก็เป็นเพราะแอชตันที่บังคับให้เขาเข้ามาทำในส่วนนี้เนื่องจากเหตุผลห่วยๆที่พูดตอกหน้าเขาขณะกำลังมีเซ็กส์กัน
‘ผมอยากเจอหน้าคุณที่ทำงานทุกวันน่ะ’
ยิ่งนึกกลับไปก็เหมือนเขาเป็นคนใจง่ายที่ยอมทุกอย่างตามที่แอชตันสั่ง เขาเข้ามาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล ทำงานไปวันๆแบบง่ายๆและมีเซ็กส์กับแอชตันทุกคืนวันศุกร์กับระหว่างวันเสาร์ เพราะอะไรเขาถึงยอมเจ้าของรอยยิ้มเสแสร้งแบบนั้นได้หลายเดือนก็ไม่รู้เหมือนกัน ความรู้สึกที่ได้เจอหน้าก็เหมือนๆกับกำลังหัดจีบสาวไฮสคูลตอนตัวเองอายุสิบห้าสิบหก เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายหรือท่าทางที่เป็นตัวของตัวเองตอนอยู่กับเขาใจมันก็เต้นแรงแทบจะระเบิดออกมาข้างนอก ก็พอรู้ใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง แต่คิดว่ามันคงยากซักนิดในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เปิดโอกาสขนาดนั้น
มันก็แค่เซ็กส์...
ชาร์ลีเอียงตัวหลบให้กับพนักงานเสริฟของว่าง แขนเสื้อสูทถูกกระตุกเบาๆเรียกความสงสัยให้เขาก้มมองก็พบกับกระดาษเล็กๆใบหนึ่ง หันกลับไปหาพนักงานที่เข้ามาเมื่อกี้ก็เดินออกไปแล้ว เขาก้มลงมองกระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือเรียบๆ คิ้วหนาขมวดขึ้นเมื่อเห็นข้อความในกระดาษ
You want to know a secret, right?
I can help you, too
Library of Congress
Thomas Jefferson Building 18 : 00 PM
Hamlet Price of Denmark
‘คุณชาร์ลีน่ะ เขามีความลับ’
จู่ๆคำพูดของมิสซิลลอแรนซ์ก็แวบขึ้นมาในหัว กระดาษในมือถูกกำแน่นขึ้นพร้อมๆกับคิ้วที่เริ่มขมวดเป็นปมมากกว่าเดิมจนมิสเตอร์จอนห์ที่นั่งอยู่ข้างๆต้องหันมาถามด้วยสีหน้าตื่นๆ
“คุณโอเคนะชาร์ลี?”
“ครับ”
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า คุณชาร์ลี?” เสียงของมิสเตอร์คลินน์ดังขึ้นมาเรียกเอาทุกสายตาให้หันกลับมามองที่เขาทั้งหมด ชาร์ลียืดตัวขึ้น กระดาษในมือถูกเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงเงียบๆในขณะที่ใบหน้ายุ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นส่งรอยยิ้มนิดๆ
“ผมแค่คิดว่า มิสเตอร์โจนส์ทำงานดีขนาดนี้คงต้องได้โบนัสเพิ่มแน่ๆครับ” ชาร์ลีพูดขึ้นแบบติดตลก เสียงหัวเราะของคนในห้องประชุมดังขึ้นรวมถึงมิสเตอร์คลินน์ด้วย มุมปากที่นิ่งสนิทกระตุกยิ้มกว้างมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ลดบรรยากาศกดดันลง
“ดีใจแทนคุณจริงๆที่มีเพื่อนร่วมงานอยากให้คุณได้โบนัสนะคุณโจนส์” คุณคลินน์พูดขึ้น ถึงปากจะบอกว่าดีใจ แต่สายตาดุๆที่พร้อมจะเชือดคนทิ้งได้เพียงแค่มองกลับจ้องมิสเตอร์โจนส์ราวกับจะบอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้น คุณโจนส์พยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย หันกลับมามองเขาแบบไม่สบอารมณ์ทั้งที่ใบหน้ายิ้มจืดชืด
สงสัยคงจะโดนคนเกลียดขี้หน้าเพิ่มแน่ๆ
18 : 00 PM
Library of Congress
Thomas Jefferson Building
ชาร์ลีหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตึกหอสมุดขนาดใหญ่ สถานที่ที่น่าท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของวอชิงตัน เขามองไปที่ตึกด้วยสายตาเรียบนิ่งขณะที่ท่อนขายาวใต้ชุดสูทค่อยๆเดินเข้าไปภายใน ผ่านเครื่องสแกนต่างๆเข้าไปทีละชั้นทั้งที่ในหัวมันตื้อๆ หลังจบการประชุม ชาร์ลีรีบออกมาก่อนเวลาเลิกงานโดยให้เหตุผลว่ามีธุระ ตาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเมื่อพบว่ามันถึงเวลานัด ท่อนขาแข็งแกร่งภายใต้ชุดสูทเดินตรงเข้าไปในส่วนตึกของ Thomas Jefferson เป็นตึกที่ใช้บรรจุหนังสือนับหลายล้านเล่ม ผู้คนหลากหลายทั้งนักศึกษาหรือวัยทำงานต่างก็มาใช้บริการห้องสมุดแห่งนี้
ในขณะที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ผู้คนที่เข้ามาใช้บริการห้องสมุดล้วนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือตรงหน้าเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว แต่กลับมีโต๊ะในมุมที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น
ชาร์ลีมองไปที่โต๊ะนั้น ผู้ชายในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์แบรนด์ดัง ทรงผมเซทปัดขึ้นกับใบหน้าคมๆออกแนวหวานประดับด้วยแว่นตาทรงเด็กเนิร์ด อายุน่าจะน้อยกว่าเขา อาจจะประมาณสิบหกสิบเจ็ด ในจังหวะที่กำลังมอง สายตาเขาดันเหลือบไปเห็นหนังสือในมืออีกฝ่ายที่ถืออยู่ถึงได้ตรงไปที่โต๊ะนั้นทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา
Hamlet Price of Denmark...
“คุณชอบแฮมเล็ทไหม?” ทันทีที่เขานั่งลงไปที่ฝั่งตรงข้าม น้ำเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้น ชาร์ลีเลื่อนสายตาเพื่อกลับไปสังเกตใบหน้าคนถามให้ชัดๆ
ใบหน้าขาวใสออกแนวหวานมากกว่าคมเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูเป็นประกายภายใต้แว่นตาเด็กเนิร์ดกำลังจ้องเขาไม่วางตา จมูกโด่งเป็นสันรั้นเชิดขึ้นตรงปลายเล็กน้อย ริมฝีปากบางอมชมพูระเรื่อแย้มยิ้มออกมาเป็นรอยยิ้มสดใส มองดูรวมๆก็ไม่ได้เหมือนเด็กเนิร์ดเพราะทรงผมที่คนตรงหน้าทำมันเซทแบบเสยขึ้นให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนแบบสมัยใหม่
“ไม่ได้ชอบมาก” ชาร์ลีตอบกลับห้วนๆ
“งั้นหรอ แล้วเชกสเปียร์ล่ะ?”
“คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ ผมรอฟังอยู่”
“อืมมมม...” คนตรงหน้าลากเสียงยาวในลำคอพลางมองเขาไปด้วย ท่าทางดูกวนประสาทไม่เหมาะกับแว่นเฉิ่มๆบนหน้าเลยซักนิด
“ผมชื่ออลัน”
“…”
“อลัน แคลเลคแฮน”
“ชาร์ลี” เขาไม่ได้ยื่นมือออกไปจับมือขาวๆที่ส่งมาให้ แต่ก็ยอมตอบชื่อเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
“อ้อ... ชาร์ลี ชื่อคุณโหลมากเลยนะครับรู้ตัวไหม”
แต่ก็คิดว่าเสียมารยาทกับเด็กปากหมาคงไม่เป็นไร...
“เข้าเรื่องซักที ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น”
“อาฮะ ไหนมีคนบอกว่าคุณใจเย็น” ถ้าเจอเด็กปากหมาแบบนี้ใครก็เย็นไม่ลงทั้งนั้น
เขาเลือกเงียบแทนการต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้า เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ใจ ยังพูดเล่นไปเรื่อยๆเหมือนกับประวิงเวลา
“ไม่ต้องรีบหรอก เรื่องที่คุณอยากรู้น่ะ ได้รู้อยู่แล้ว…” อีกฝ่ายพูดขณะตามองตัวอักษรในหนังสือวรรณกรรมไปด้วย
“ผมมีธุระต่อ หวังว่าจะเข้าใจ”
“ไม่เอาน่า ห้องสมุดคองเกรสนี้ใช่ว่าจะเปิดง่ายๆนะ ไม่อยากซึมซับไว้ซักหน่อยหรอ”
ไม่ต้องรอให้เสียเวลา ชาร์ลีคิดว่าอาจจะเป็นแผนปั่นประสาทจึงตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็ถูกอลันคว้าแขนไว้ซะก่อน
“อะไรกัน จะรีบกลับแล้วหรอครับ?”
“ผมจะไม่เสียเวลาไปเปล่าๆกับการมานั่งจ้องคนแบบคุณหรอก” ชาร์ลีพูดเสียงเรียบ
“ที่พูดว่าเสียเวลาน่ะคิดดีแล้วหรือครับ ความลับของคนที่คุณอยู่ใกล้เขามานานหลายเดือนน่ะ...” รอยยิ้มเสแสร้งถูกวาดขึ้นบนใบหน้า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองเขาด้วยประกายตาแบบคุ้นเคยตามแบบที่เขาเห็นจากแอชตันเวลาไม่พอใจทำให้เขายอมหยุดมอง
อะไรบางอย่างกำลังบอกเขาว่าผู้ชายคนนี้เหมือนแอชตัน มันเป็นความรู้สึกคล้ายคลึงที่เขาสนใจจนต้องนั่งลงกับโต๊ะเหมือนเดิม เรียกรอยยิ้มสดใจให้กลับมาที่ใบหน้าหวานอีกครั้ง
“ไม่ลุกแล้วหรอครับ??” แถมยังกลายเป็นเด็กกวนประสาทเหมือนเดิมซะด้วย
“เมื่อไหร่ที่คุณหยุดพูดจบ ผมจะลุกทันที” เมื่อเป็นเรื่องของแอชตัน สมองเขาเหมือนกับสั่งการว่าให้ใจเย็นลงกับอลัน ถึงแม้ว่าการที่ได้รู้อะไรจากปากมันจะจริงหรือไม่จริง แต่อย่างน้อยๆเขาก็ได้รู้ว่าใครคิดยังไงกับแอชตันบ้าง
“ไม่สนุกเลยนะ” อลันยู่ปากทำหน้าไม่พอใจแบบเด็กๆใส่เขา
“แอชตัน คลินน์ อายุ 25 ปี เขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวของ อัลเบิร์ต คลินน์ และ มิสซิสเลร่า คลินน์ ชีวิตวัยเด็กของเขาเป็นเด็กน่ารัก ใครๆก็รักใครๆก็หลง จนกระทั่งเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน...” จู่ๆอลันก็วางหนังสือในมือลงและพูดสิ่งที่ควรจะพูดออกมา
“แอชตัน คลินน์ เด็กอายุ15ปี ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ เขารุนแรง..และป่าเถื่อน เขาทำร้ายคุณโสมีระดับที่ซื้อมาหลายคนด้วยประแจ ค้อน ไขควงและอุปกรณ์ช่างต่างๆจนปางตาย...”
“แต่พออายุย่างได้ 20 เขาพยายามลดความรุนแรงลง จากจำพวกเครื่องมือช่าง กลายเป็นอวัยวะในร่างกาย หมัดและเท้าถูกใช้ทำร้ายคุณโสที่ซื้อมารายเดือนแทบทุกครั้งที่มีเซ็กส์กัน และเมื่อก่อนมาเจอคุณได้ 3 ปี เขาเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้และเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเสแสร้งใช้บังหน้า กลายเป็นคนอบอุ่นชวนเข้าใกล้ของพนักงานสาวๆในบริษัทตัวเอง เขาเริ่มหันมาสนใจอุปกรณ์ทางเพศอย่างเช่น ไวเบรเตอร์ แส้ โซ่ เชือก เทป หรือเครื่องทรมานอื่นๆ เขาเริ่มกวาดหาคุณโสที่ยอมรับกิจกรรมที่เขาทำได้โดยไม่เดือดร้อน และอยู่ดีๆ คุณโสก็หายไป” อลันทำมือในอากาศเหมือนกับกำลังแสดงให้ดูว่ามันหายไปจริงๆ
“…”
“กลายเป็นคุณแทนยังไงล่ะชาร์ลี” รอยยิ้มบิดเบี้ยวที่เขาไม่เคยเห็นจากแอชตันมันมาจากอลัน สายตาของเด็กนั่นมันประกายไปด้วยความคุกรุ่นและโกรธเคือง
“คุณคงไม่ได้โดนเขายัดอะไรเข้าไประหว่างมีเซ็กส์ใช่ไหมล่ะ? ดูหน่วยก้านคุณไม่น่าจะรับอะไรแบบนั้นได้ คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทะลวงเขานะ!” อลันกลับมายิ้มสดใสอีกครั้ง
ชาร์ลีนิ่งคิดในสิ่งที่อลันเล่าให้ฟัง ดวงตาสีสนิมเลื่อนลงมองข้อมือของตัวเองด้วยหัวตื้อๆ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเขารู้ว่าแอชตันเป็นพวกที่ชอบใช้กำลังในการมีเซ็กส์กับคนอื่น นิสัยเสแสร้งนั่นเขาก็รู้ รู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าภายใต้หน้ากากนั่นมันซ่อนอะไรที่เร้าใจสำหรับเขาอยู่
แต่...สาเหตุที่แอชตันกลายเป็นแบบนี้เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และนี่อาจจะเป็นความลับที่แอชตันจงใจปิดเขา แต่คิดได้ไม่นาน เสียงอลันก็ดังขึ้นอีกครั้ง และมันตรงประเด็นกับที่เขาคิดไว้ได้แบบแม่นยำ
“อยากรู้มั้ยล่ะ อดีตของคุณคลินน์...” เขาเลือกที่จะเงียบ จ้องใบหน้าอลันนิ่ง ความคิดเริ่มตีรวนในหัวจนไม่เป็นระบบ
“ว่าไง?”
“ผม....”
“ผมจำได้นะว่าคุณควรจะอยู่ที่คอนโดในเวลานี้ มิสเตอร์ชาร์ลี :) ”
100%
ชาร์ลี มีคนมาตามอะ! 5555
ครบ 100% แล้ววว เอิ่ม...แอชตันนางอาจจะน่ากลัวนิดๆ แต่จริงๆแล้วเขาอ่อนโยนมากเลยจริงๆนะคะ (?) ส่วนตอนหน้า ชาร์ลีแอบหนีมาเที่ยว...เดี๋ยวมาดูบทลงโทษกัน 5555 มาเปิดตัวละครใหม่ด้วยย อลัน ของเรา... เขาเป็นใคร ติดตามไปอีกหลายๆตอนก็จะรู้เองงง มีคำผิดสามารถแจ้งได้นะคะ จะรีบแก้เลย อ่านตรงไหนขัดๆก็บอก จะพยายามปรับแก้ให้ค่ะ ^^
ขอขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกยอดวิว ทุกยอดเฟบ ทุกๆกำลังใจค่ะ ตอนที่5 กำลังจะมา ใจเย็นๆนะคะ5555 ฝันดีค่ะนักอ่านทุกคนน
1 เฟบ 1 คอมเมนต์ 1 ร้อยล้านกำลังใจนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

139 ความคิดเห็น
-
#133 My.sister (จากตอนที่ 5)วันที่ 8 เมษายน 2563 / 16:52เจ้านายมาแล้ว#1330
-
#31 Som O Usanee (จากตอนที่ 5)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 / 07:06อลันนี่ไม่ชอบแอชตันหรือ? หรือชอบแต่แอชตันไม่เอา? คือมันแปลกที่อยู่ ๆ ก็มาเล่าเรื่องของแอชตันให้ชาลีฟัง นางต้องการอะไรกัน#310
-
#26 nonichan (จากตอนที่ 5)วันที่ 31 ตุลาคม 2559 / 06:51รอลุ้นความลับแอชตันค่ะ#260
-
#24 nonichan (จากตอนที่ 5)วันที่ 21 เมษายน 2559 / 23:09หวีดมาก ตอนแรกคิดว่าเซ็กส์เฟรนด์ธรรมดา นี่มีสวีทฮาร์ทกับมายฮันนี่ คงต้องคิดใหม่#240