ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #33 : ความรักของภูต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      1
      13 ต.ค. 49

    บารามอส

    ตอนที่ 33

    หลังงานเลี้ยงเลิกรา วันรุ่งขึ้นเหล่าชาวป้อมอัศวินก็ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดอุปกรณ์ตกแต่งฉาก ทั้งป้ายหลุมศพ และของสยองขวัญต่างๆ

    "ตกลงพวกนี้ไม่ใช่ป้ายหลุมศพของจริงใช่มั้ย" แองจี้ถามเจคที่อยู่ใกล้ๆ เนื่องจากเธอยังเขินไม่หายเลยไม่กล้าเข้าใกล้ครี้ด

    "แน่นอนของพวกนี้เราตัดมาเองกับมือนี่" เจคบอกก่อนยิ้มปลอบใจเพื่อนสาว

    อีกฟากซอร์โรกำลังเก็บกวาดอุปกรณ์ไปปากก็แซวครี้ดไปอย่างสนุกสนาน โดยมีเดทเป็นลูกคู่

    "ความจริงพวกเราว่าจะทำแผนอื่นให้พวกนายด้วย แต่ไม่ผ่านมติครม.เลยต้องอดไป ไม่งั้นได้สนุกยิ่งกว่านี้แน่" นายสามดาบเกริ่น

    ครี้ดหันมามองเพื่อนอย่างสงสัยก่อนเอ่ยถาม "แผนอะไรว่ะ"

    "ก็ยกตัวอย่างเช่น ให้แองจี้ขาแพลง และพระเอกขี่ม้าขาวก็อุ้มนางเอกไปตลอดทาง แต่บังเอิญว่าฝนตกก็เลยต้องพักกลางทาง " เดทบรรยาย

    "แล้วคราวนี้ท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ พระเอกก็ต้องให้ความอบอุ่นนางเอก ก็เลย.." ซอร์โรเสริมต่อ

    "พอๆ พวกแกไม่ต้องติดเรทให้มันมากนักก็ได้ ฉันเข้าใจเลยว่ามาทิลด้าต้องสั่งแบนความคิดพวกนายแน่" ครี้ดบอกส่งวงค้อนเพื่อนสนิทอย่างหมั่นไส้ นึกคาดโทษในใจ ไม่ถึงตาพวกมันก็ให้รู้ไปว่านักดาบแก้แค้นไม่เป็น

    หลังเก็บกวาดเสร็จ พวกสาวๆก็ไปอาบน้ำหาความสำราญที่บ่อน้ำร้อน ที่แองจี้พึ่งรู้ว่าโดนหลอกให้เดินอ้อมอยู่ตั้งนาน ความจริงมันก็อยู่ใกล้ๆกับบ้านพักเดินทางลัดไปแป๋บเดียวก็ถึงแล้ว

    ปล่อยให้หน้าที่ทำอาหารเย็นเป็นของพวกป้อมอัศวินก๊กกินนอน ที่พกพาเอาพรสวรรค์พ่อครัวติดมาด้วย อย่างที่ทราบเป็นการภายในว่าสาวๆป้อมอัศวินทำอาหารไม่ค่อยได้เรื่องเมื่อเทียบกับพวกหนุ่มๆของป้อม ที่มีฝีมือขนาดเชฟชั้นเยี่ยม

    โดยเฟรินรับหน้าที่ทำสลัดผัก และขนมหวาน เป็นสลัดผักรวมที่มีน้ำสลัดให้เลือกได้หลายแบบ ตามด้วยพายแอปเปิ้ล และพุดดิ้งเย็น

    ส่วนอาหารคาวรับหน้าที่โดยโคลว์ เอ็ดเวิร์ด อาชูร่า เจค โดยมีเพื่อนๆที่เหลือรับหน้าที่เสริฟ เตรียมอุปกรณ์และรอล้างจาน

    อาหารเย็นเป็นไปอย่างร่าเริง พรุ่งนี้มีกำหนดการให้ทุกคนเที่ยวตามใจชอบ เพราะเรือจะมารับเมื่อครบหนึ่งสัปดาห์ตามที่ได้นัดหมายไว้

    แองจี้อาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องมองไปไม่เห็นพวกเพื่อนร่วมห้อง ( มาทิลด้าและเรนอน ) สงสัยว่าเรนอนคงอยู่กับคิล ส่วนมาทิลด้าสงสัยยังเล่นหมากรุกกับกัสไม่จบเกม

    เด็กสาวรู้สึกขอบคุณเพื่อนๆสำหรับความช่วยเหลือ เพราะเธอก็รู้ว่าครี้ดชอบเธอ และเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามองหมอนั่นเป็นพิเศษตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีหมอนั่นก็อยู่เคียงข้างมาตลอด แต่ไม่ยอมสารภาพรักสักที จะให้เป็นฝ่ายบอกเองก่อนก็ทำไม่ได้อีก จริงสิ หมอนั่นยังไม่ได้บอกว่าชอบเราสักคำนี่

    ยิ่งคิดเด็กสาวก็ยิ่งเขินที่เป็นฝ่ายไปจูบตานักรบบ้านั่นก่อน หมอนั่นก็ทำตาลอยอยู่ได้ ไม่ยอมพูดให้ชัดๆว่าคิดอย่างไรกับเรา ตาบ้านั่น อยากเอาคทาฟาดหัวให้แรงๆ เสียจริงๆ

    แองจี้เดินออกไปรับลมที่ระเบีบง ก่อนมองไปที่เนินชมวิว ที่นั่นคงมองเห็นดาวได้สวยแน่ๆ เมื่อคิดเสร็จเด็กสาวก็ใส่เสื้อคลุม ก่อนเดินออกจากบ้านพักไปที่เนินชมวิวคนเดียวทันที

    สายลมพัดเย็นสบาย แองจี้สะดุดตากับร่างโปร่งแสงของหญิงสาวผมสีเงินยวง ในชุดสีเงินยวงเปล่งประกาย ทำให้เด็กสาวยืนตัวแข็งไปทันที พวกเพื่อนๆคงไม่ได้หลอกเธอซ้ำอีกหรอกนะ ก่อนที่แองจี้จะเห็นร่างบางที่คุ้นตานั่งเคียงข้างร่างโปร่งแสงสีเงิน

    เด็กสาวเดินเข้าไปใกล้เพื่อฟังบทสนทนาอย่างสนใจ

    "ท่านยายรู้ไหมฮะว่าบ้านพ่อมาดัสทุกหลังนะชื่อเวอร์จิเนียหมดเลยนะฮะ" เฟรินบอกปนหัวเราะกับภูตแห่งสายลมที่อยู่เคียงข้าง เพราะเขาเห็นชื่อบ้านทีไรก็คิดถึงความโรแมนติกของพ่อมาดัสพลางอดขำไม่ได้ทุกที

    "นั่นก็เป็นความพอใจของมาดัส" เสียงหวานบอกส่งยิ้มอย่างเอ็นดูให้หลานชาย

    "จริงสิถ้านับดูแล้วพวกคิงแห่งเอเดนนี่ชอบแต่งงานกับพวกภูตจังนะฮะ ทั้งภูตดอกไม้เอย ภูตหิมะบ้างล่ะ " เฟรินท้าวความอย่างนึกสนุก

    "ความรักระหว่างภูตกับมนุษย์น่ะเป็นปาฏิหาริย์นะจ๊ะเฟริน " เสียงหวานตอบมา

    "ปาฏิหาริย์ ?" เฟรินทวนคำมองหน้าท่านยายอย่างสงสัย

    "การที่ภูตถูกใจและหลงรักมนุษย์สักคน พวกเราจะเฝ้ามองแต่พวกเขา และภาวนาให้เขาหันมามองเห็นเราบ้าง ถึงแม้จะรู้ว่าคงไม่ได้อยู่ร่วมกันตลอดไป แต่พวกเราก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน เพราะความรักเป็นสิ่งอันสูงค่าที่ไม่อาจได้มาด้วยพลังหรืออำนาจอะไร นอกจากใช้หัวใจแลกมาเท่านั้น" เสียงหวานของภูตแห่งสายลมอธิบายให้เด็กหนุ่มเข้าใจ

    "มันเป็นความรัก และเพื่อความรักเท่านั้นสินะฮะ" เฟรินพยักหน้าอย่างเข้าใจ ว่าปัญหาเรื่องความแตกต่างคงทำให้แต่ละฝ่ายไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ตลอด และมนุษย์ก็มีอายุไขสั้นกว่าภูต แถมท่านตาไฮคิงกับท่านยายต่างฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ของตนที่ต้องกระทำ ยิ่งทำให้ไม่ค่อยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันมากเท่าพ่อปีศาจกับท่านแม่อลิเซีย ที่สำคัญแม่อลิเซียก็เป็นลูกครึ่งภูตกับมนุษย์ด้วยสินะทำให้ดูยังไงก็ไม่แก่สักที

    "หลานก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไรหรอกเฟริน ควรเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆจะดีกว่านะจ๊ะ" เสียงห่วงใยตอบมา

    "ผมทราบดีฮะ" เฟรินรับคำก่อนส่งยิ้มหวานให้ท่านยายคนสวยอย่างเข้มแข็ง

    "แล้วก็อย่างก่อเรื่องยุ่งให้มากนักนะจ๊ะ" ท่านยายก็คงสอนต่ออย่างใจเย็น

    "ผมไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเลยฮะ แค่เรื่องสนุกบริการเพื่อนฝูงก็แค่นั้นเอง" จอมกะล่อนแก้ตัวอย่างรวดเร็ว

    รอยยิ้มหวานแบบรู้ทันถูกส่งมาให้หลานรักอย่างอ่อนใจกับนิสัยแบบมาดัสที่ติดมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเลี้ยงเฟรินมาตั้งแต่เล็กๆ

    ร่างโปร่งบางค่อยๆจางหายไปกับสายลม หลังร่ำลาหลานรักโดยการหอมไปหลายฟอดสลับกันไปมาระหว่างยายกับหลาน

    "นั่นยายของนายเหรอ" แองจี้ส่งเสียงถามหลังตั้งสติไป

    "อืม สวยใช่ไหมล่ะ" เฟรินหันไปถามอย่างไม่แปลกใจกับแขกไม่ได้รับเชิญ

    แองจี้พยักหน้าเป็นคำตอบ เดินเคียงข้างเด็กหนุ่มร่างบางกลับบ้านพัก

    "ฉันขอโทษสำหรับเรื่องยุ่งๆที่ทำกับเธอด้วยแล้วกันนะแองจี้" เฟรินบอกเมื่อนึกได้

    "ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าพวกเพื่อนๆหวังดี และที่สำคัญฉันก็เริ่มชอบตานั่นเหมือนกัน" แองจี้เริ่มยอมรับความจริงได้มากขึ้น

    "นั่นสิ ฉันนะคิดว่าแองจี้นะน่าจะชอบครี้ดมากกว่าฉันมาตั้งแต่แรกนะ แต่หมอนั่นดูอันตราย เธอเลยหันมาหาฉันที่ดูตัวเล็ก และน่าปลอดภัยกว่าแทน" เฟรินวิเคราะห์

    "บ้าสิ คิดอย่างนั้นได้ยังไง" แองจี้บ่น แต่สีหน้าร้อนผ่าว ก่อนคิดตาม

    "ก็ตอนที่เจ้าพวกนั้นว่าแองจี้ชอบฉัน ฉันไม่เห็นด้วยนี่ เพราะเห็นเธอชอบหัวเจ้าครี้ดมากกว่าหัวฉัน และเธอก็ไม่เคยพิศวาสจะตีหัวใครนอกเหนือพวกเราเลยนี่" เฟรินให้เหตุผล

    "บ้า ตาบ้า เหตุผลอะไรของนายกัน  ไม่ต้องมาวิจารณ์ฉันเลย ไปดูแต่คู่โฮโมของนายเถอะ" แองจี้แหวใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด คิดต่อต้านในใจว่าก็คนอื่นไม่ได้กวนประสาทฉันเหมือนพวกนายนี่ ถึงได้ไม่โดนคทาของฉัน

    "จริงเหรอ แล้วฉันกับครี้ดนี่เธอชอบใครมากกว่ากัน" เฟรินเริ่มยั่วอีกฝ่ายทันที ส่งนัยน์ตากรุ่มกริ่มให้เด็กสาวตรงหน้า ก่อนขยิบตาให้เป็นสัญญาณ

    " ไม่ต้องมาหว่านเสน่ห์ให้ฉันเลย ยังไง นายมันก็เป็นโฮโมอยู่แล้วนี่" แองจี้ไม่รับมุขตอบกลับทันที

    "โธ่ แองจี้ ฉันนะรับได้หมดทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างหาก" เฟรินโอดเสียงอ้อน

    "จริงเหรอ" แองจี้ถามเริ่มสะกิดใจกับท่าทีเหมือนให้ร่วมมือเล่นอะไรสักอย่างของเฟริน

    "จริงสิ ไม่ลองมองดูฉันดีๆหน่อยเหรอ" เฟรินส่งเสียงนุ่มถามต่อ

    แองจี้ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนถือวิสาสะยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มร่างบาง

    "ลองมองดูดีๆ นายนี่ก็หน้าหวานเหมือนผู้หญิงเลยนะ" แองจี้กระซิบเสียงเบา

    "ไว้วันหลังฉันค่อยใช้เวทมนต์แปลงร่างให้มีหน้าอกแบบผู้หญิงบ้างก็ไม่เลวเหมือนกันนะแองจี้" เฟรินกระซิบโอบแขนรอบเอวเพื่อนสาว

    "นายจะแต่งงานกับคาโลเหรอ" เสียงกระซิบถามให้ได้ยินแค่สองคน เพราะรู้สึกเหมือนมีใครจับตามองอยู่ ทำให้แองจี้เริ่มเดาจุดประสงค์ของหัวขโมยตัวป่วนได้ไม่ยาก

    " คงต้องหลังงานแต่งงานของเธอมั้งแองจี้ ไว้ฉันจองช่อดอกไม้เจ้าสาวของเธอแล้วกันนะ" เฟรินกระซิบตอบอมยิ้มมุมปากกับความร่วมมือของแม่มดสาว

    "พวกนายทำอะไรกันสองคนนะ" ครี้ดที่มองดูอยู่นานแล้วเริ่มทนไม่ได้จนต้องแสดงตัวออกมา

    "ก็ทำอย่างที่นายเห็นไง กำลังถามแองจี้อยู่ว่าคิดยังไงกับฉัน" เฟรินบอกปนยั่วนักรบหนุ่ม

    "ไอ้บ้า แองจี้เป็นของฉันนะ" ครี้ดตะโกนบอกอย่างเหลืออด

    "แล้วนายสารภาพความรู้สึกของนายให้แองจี้รู้แล้วเหรอ " หัวขโมยตีหน้าซื่อแสร้งถามทันที

    "นาย.." ครี้ดออกอาการน้ำท่วมปากทันที สีหน้าแดงแปร๊ด นึกด่าสังคญาติหัวขโมยทั้งก๊กที่วางแผนให้เขาต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้

    "อ้าวว่าไง ท่านนักรบแห่งไนล์" เสียงท้าทายดังมาจากร่างเจ้าตัวยุ่ง

    "แกก็กลับเข้าไปในบ้านก่อนสิ" ครี้ดกัดฟันข่มความอายไล่ไอ้ตัวสอดรู้ออกไป

    "ไม่ได้หรอก ฉันต้องอยู่เป็นพยานให้พวกนายก่อนสิ" เฟรินยังไม่เลิกก่อกวน

    "ความเป็นส่วนตัวนะ นายรู้จักไหม" ครี้ดเริ่มใช้สายตาประมาณเจ้าชายแห่งคาโนวาลประนามอีกฝ่าย

    "ก็ได้" เฟรินยกมือยอมแพ้ก่อนเดินจากไปพร้อมการยักไหล่และส่งจูบให้แองจี้ยั่วเป็นรายการสุดท้าย

    แสงจันทร์สาดส่องให้ทั้งคู่เป็นบรรยากาศสงบในสวนข้างบ้าน ครี้ดสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่มองหน้าเด็กสาวที่เริ่มเปลี่ยนอารมรณ์อย่างรวดเร็ว

    "ถ้ามันยากนักก็ไม่ต้องฝืนพูดก็ได้นี่ครี้ด" เสียงเยือกเย็นตอบออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ กับดีกรีของอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจจะพูด แล้วต้องฝืนพูดปดเพื่อให้เธอสบายใจ ความจริงแล้วครี้ดก็แค่สงสารเธอเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอ เธอแค่ทึกทักไปเองฝ่ายเดียว

    ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้แม่มดสาวรู้สึกเศร้า จนน้ำตาไหลออกมาคลอเต็มสองตา

    "มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะแองจี้ เธอสำคัญสำหรับฉันที่สุด แต่มันน่าอายที่จะพูดเฉยๆ" ครี้ดรีบบอกกลัวเด็กสาวตรงหน้าเข้าใจผิดไปยิ่งกว่านี้

    "จริงเหรอ" แองจี้ถามปนสะอื้น

    "ฉันสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างและปกป้องเธอตลอดไป" ครี้ดบอกอย่างหนักแน่นก้มจูบเด็กสาวในอ้อมแขนอย่างอ่อนหวานที่สุดในชีวิต อย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน แน่ล่ะการบอกรักด้วยภาษากายมันทำง่ายกว่าคำพูดที่มันเขินจนพูดไม่ออกนี่ แถมริมฝีปากของแองจี้มันก็หวานยิ่งกว่าอะไร จนทำให้เด็กหนุ่มลืมตัว จนไม่ได้สังเกตุเหตุผิดปกติบางอย่าง

    ไฟในบ้านพักดับหมดทุกดวงอย่างน่าประหลาด แน่นอนก็เพื่อเหตุผลในการแอบมองดูเหตุการณ์ในสวนให้เห็นอย่างชัดเจน สายตาอีกสิบห้าคู่จ้องเป๋งอย่างสนใจยิ่งกว่าเล็คเชอร์ของอาจารย์ท่านไหน เพราะปกติท่านปรมาจารย์ครี้ดจัดว่าเจนจัดเรื่องพวกนี้ยิ่งกว่าใคร แต่พอเป็นเรื่องตัวเอง ความเก่งที่ว่าก็หดหายไปหมด

    ทำให้พวกเพื่อนๆรู้ว่ามันต้องเข้าสมาคมเคารพแฟนแน่ๆ และนั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่นักรบแห่งไนล์กลัว และคำพูดติดปากครี้ดในอีกหลายสิบปีให้หลังก็เป็นว่า
    " ฉันไม่ได้กลัว แค่เกรงใจเฉยๆต่างหากล่ะ พวกแกนี่"

     หลังจากพักผ่อนกันอย่างสนุกสนาน เรือสำราญก็มารับและส่งทุกคนแยกย้ายกันที่เมืองท่า ก่อนแบ่งเป็นกลุ่มๆไปเที่ยวกันต่อหรือกลับบ้านของแต่ละคน

    เฟรินยังคงเดินทางต่อตามนิสัยรักสนุกของมัน แต่พ่วงเอาสองเพื่อนซี้ ที่เพื่อนๆไม่ทราบความสัมพันธ์แน่นอนของพวกมันว่าตกลงมันเป็นโฮโมกันจริงๆหรือเปล่า หรือแค่สร้างภาพก็ไม่รู้ แต่พวกมันก็ติดกันเป็นแพ็คเก็จซื้อสองแถมหนึ่งเสมอ เห็นว่าเฟรินจะพาพวกมันไปเปิดหูเปิดตาแถวฟรานส์ ดูละครและสาวๆสวยๆแทน

    นิกส์ก็กลับเอเธนส์ ที่พวกเพื่อนๆคิดว่าถ้านางพญาแห่งเอเธนส์รู้คงต้องมาหามันที่บ้านแน่ๆ

    ชายหนุ่มผมสีเงินคิดถึงเรื่องพวกเพื่อนๆไปเดินทางไปอย่างเพลิดเพลิน เข้ามาในใจกลางป่าไรลัวร์อย่างรีบเร่ง มันเป็นทางลัดที่จะเดินทางเข้าเมืองหลวงกิลดิเรกให้เร็วที่สุด ถ้าเขาทำเวลาได้ดี เขาคงไม่ต้องนอนค้างกลางป่าคืนนี้

    นึกอีกทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แทนที่จะขี่มังกรเช่าหรือขี่ม้ากลับบ้าน เขาดันเลือกเดินเท้าชมป่าแทนอย่างนี้ ยิ่งเย็นก็ยิ่งรู้สึกว่าตัดสินใจผิดเล็กน้อย ทำให้เด็กหนุ่มผมสีเงินก้าวเท้าเดินให้เร็วขึ้น

    ยามดึกมาถึงอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจหยุดพัก เขาเลือกทำเลสักพักก่อนวางของลง เตรียมก่อไฟ และนำอาหารแห้งติดตัวออกมาจัดการลงท้องให้หายหิว ก่อนเตรียมตัวไปอาบน้ำ

    ที่ริมแม่น้ำชายหนุ่มผมสีเงินยาวกำลังรู้สึกผ่อนคลายกับสายน้ำเย็นที่ทำให้การเดินเมื่อยมาทั้งวันดีขึ้น เสียงร้องเพลงดังมาทำให้เด็กหนุ่มเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

    ใครมาร้องเพลงอยู่ในป่ากันนะ ชักอยากเห็นตัวเสียแล้ว เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินตามเสียงเข้าไปในป่าอย่างสนใจ

    ที่กลางป่า เหล่านางไม้กำลังร่ายรำและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ตรงกลางลานมีเหล่านางไม้มากมายทั้งที่มีผมสีเงินบ้าง สีเขียวบ้าง สีทองเป็นประกายบ้าง ดูแล้วละลานตาไปหมดกำลังร่ายรำอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มจ้องมองอย่างเพลิดเพลินก่อนสะดุดตากับร่างบางผมสีน้ำตาล ดวงตาสีเขียวที่เหมือนเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก ดวงหน้าหวานที่รู้สึกคุ้นตาอย่างเหลือเกิน

    เหล่านางไม้กำลังร่ายรำและร้องเพลงราวกับการฉลองอะไรสักอย่าง ในภาษาที่เขาฟังไม่ออก แต่ก็ไพเราะจนสะกดเด็กหนุ่มให้ยืนนิ่งจนสายตาไปสบกับดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกกว้างเมื่อเห็นเขา

    ริมฝีปากบางดูจะหลุดเสียงออกมาอย่างลืมตัว "กัส"

    "เธอรู้จักฉันได้อย่างไร" กัสถามกลับทันที เดินเข้าไปหาร่างบางอย่างสนใจ เหล่านางไม้ต่างก็แฝงตัวหายไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงนางไม้ตาสีน้ำตาลคนสวย

    "เดี๋ยว รอก่อน" กัสตะโกนเรียก วิ่งตามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และโดยไม่ได้ทันระวังร่างของเขาก็ทะยานพุ่งลงไปอย่างรวดเร็ว

    "นี่มันหน้าผานี่ " กัสบอกตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรต่อการพุ่งลงไปอย่างรวดเร็วของตัวเองได้ นอกจากภาวนาถึงพระเจ้า ก่อนรู้สึกถึงเถาวัลย์มากมายที่พุ่งออกมาจากหน้าผารัดรอบตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว ช่วยหยุดการลื่นตกหน้าผาของเด็กหนุ่มได้อย่างหวุดหวิด

    หลังจากที่ปีนกลับมาที่ขอบหน้าผาได้อีกครั้ง เด็กหนุ่มก็มองไม่เห็นนางไม้คนนั้นเสียแล้ว เขาถอนหายใจอย่างเสียดาย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงได้ตามอีกฝ่ายมาอย่างขาดสติเช่นนี้ หัวใจที่เคยสงบกลับกระวนกระวายอย่างประหลาด อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายอีกสักครั้ง

    และที่สำคัญ ทำไมอีกฝ่ายถึงได้รู้จักชื่อของเขาได้? เด็กหนุ่มได้แต่ครุ่นคิดจนหลับไปโดยไม่รู้ตัว

    ***************************************************

    มาอัพรับวันศุกร์สิบสามให้ หวังว่าคงไม่บ่นกันนะจ๊ะ

    แน่นอน เราจะเริ่มเปิดตัวคู่ใหม่แล้ว ทายกันไปก่อนก็แล้วกันนะว่าเป็นกัสกับ???

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×