ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #34 : การพบกันของผองเพื่อน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      5
      20 ต.ค. 49

    บารามอส

    ตอนที่ 34

    ที่พระราชวังแห่งกิลดิเรก เสียงเถียงกันของสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งกิลดิเรกทำให้แขกผู้มาใหม่ต้องหยุดรอที่หน้าห้อง

    เด็กหนุ่มผมสีเงินขมวดคิ้วก่อนคลายออกอย่างเข้าใจ สองคู่กัดยังคงเถียงกันเรื่องเดิมๆ เป็นเรื่องปกติของกิลดิเรกสำหรับ การไม่ค่อยลงรอยกันของราชวงศ์และศาสนจักร

    และวันนี้ก็อีกเช่นเดิม เรื่องงบประมาณของแผ่นดินระหว่างองค์กษัตริย์และองต์สังฆราช

    เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนตัดสินใจกลับไปรอเจอหน้าบิดาที่ห้องสมุด อย่างน้อยก็อ่านหนังสือรอฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ

    ในห้องสมุดของพระราชวัง มุมโปรดข้างหน้าต่าง เด็กหนุ่มผมสีเงินทอดดวงตาสีฟ้ามองดูสวนของพระราชวัง ความคิดลอยไปถึงสาวน้อยผมสีน้ำตาล ดวงตาสีเขียวคู่สวย ดูคุ้นเคยแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    เขาตัดสินใจว่าไว้เจอหน้าบิดาสักพักค่อยขี่ม้ากลับไปลองค้นหาดูในป่าอีกสักครั้งดีกว่า

    ตกเย็นที่โต๊ะอาหารองค์กษัตริย์แห่งกิลดิเรก โปรดเสวยเป็นการส่วนพระองค์กับองค์รัชทายาทที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน

    "กระหม่อมเห็นท่านพ่อเถียงกับองค์สังฆราชอีกแล้ว" กัสเอ่ยชวนคุย

    "ก็เรื่องเดิมๆนะ พ่อว่าจะเอางบประมาณไปซ่อมป้อมชายแดน แต่ไอ้คนบ้าศาสนานั่นมันจะเอาไปซ่อมวิหารชายแดน เถียงกับมันนะไม่จบหรอก" องค์กษัตริย์ตรัสบอกเสียงรื่นเริง แน่ละก็พวกเขาเถียงกันมาตั้งแต่สมัยจบมาจากเอดินเบิร์กจนลูกโตป่านนี้แล้ว วันไหนไม่ได้เถียงกับมันมีหวังนอนไม่หลับแน่

    "ดีนะครับที่ในรุ่นผม พวกนักบวชจากกิลดิเรกไม่หัวแข็งเท่าท่านสังฆราช" กัสเอ่ยยิ้มๆ เมื่อนึกถึงโคลว์และเอ็ดเวิร์ดเพื่อนของเขา

    "ได้อย่างนั้นมันก็ดีไป แต่ก็มีแค่มันนั่นแหละที่กล้าเถียง " น้ำเสียงชื่นชมขององค์กษัตริย์บอกได้ดีถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ที่เป็นทั้งคู่แข่งคู่กัดและคนที่รู้ใจกันดี

    สองพ่อลูกพูดคุยเรื่องราวต่างๆระหว่างที่ไม่ได้เจอกันอย่างสนุกสนาน

    กัสพยายามขี่ม้าไปสำรวจตามป่าไรรัวล์อย่างมีความหวังว่าอาจเจอคนที่อยากเจอ ดวงตาสีฟ้าส่องประกายผิดหวังเมื่อไปอาจพบคนที่ตามหา

    กว่าสัปดาห์ที่กลับมาจากการไปเที่ยว เด็กหนุ่มค้นทุกซอกมุมของป่าแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของนางไม้ดวงตาสีเขียวคู่สวย

    ยามบ่ายที่ตลาดในเมืองหลวงของกิลดิเรก ดวงตาสีฟ้าไปสะดุดตากับผมสีน้ำตาลสลวย เด็กหนุ่มสาวเท้าอย่างรวดเร็วไปหาร่างที่เป็นเป้าหมาย มือขาวจับบ่าบางของคนที่หมายตา ส่งผลให้เจ้าของบ่าหันหน้ามามองผู้ที่ทักทาย

    "อ้าว กัสบังเอิญเจอกันอีกแล้ว" เสียงคุ้นเคยของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลมองสบดวงตาสีฟ้าของร่างที่สูงกว่าอย่างยินดี

    "เอ่อ เฟริน สวัสดี" กัสทักอีกฝ่ายแก้เก้อ ดวงหน้าส่ออารมณ์ผิดหวังอย่างชัดเจน เมื่อไม่ใช่คนที่คิดถึง

    "มีอะไรหรือเปล่ากัส " เฟรินถามเพื่อนร่วมป้อมอย่างเป็นห่วง จูงมืออีกฝ่ายเข้าไปร้านอาหารใกล้ๆ ก่อนเริ่มจับเข่าคุยสัมภาษณ์ค้นหาปัญหาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

    "นายมาเที่ยวคนเดียวเหรอ" กัสเปลี่ยนเรื่องชวนคุย

    "ไม่ใช่หรอก ไอ้คิลกับคาโลนะติดลมอยู่ที่ร้านตีดาบตรงหัวมุมโน้น ฉันเลยเที่ยวตลาดรอพวกมันไปก่อนนะ" เฟรินว่า ก่อนโบกมืออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสองคู่หู

    ร่างสูงผมสีเงินของเจ้าชายแห่งคาโนวาลและร่างเพียวผมสีดำดวงตาสีม่วงของนักฆ่าแห่งซาเรสเดินเข้ามาในร้านอาหารและนั่งเคียงข้างสองคนที่นั่งอยู่ก่อน

    "สวัสดีกัส" เสียงทักทายของสองหนุ่มกับเจ้าบ้านผมสีเงิน

    "พวกนายไปยังไงถึงได้มากิลดิเรกได้ล่ะเนี่ย" กัสถามเปลี่ยนเรื่องให้ห่างจากประเด็นแรกที่เฟรินเริ่มไว้

    "พวกเราไปเที่ยวฟรานส์ก่อนและลงมาเรื่อยๆ ผ่านอเมซอน แวะกิลดิเรกก่อนเข้าคาโนวาลนะ" คาโลบอกเสียงเรียบ

    "ฟรานส์ พวกนายได้ไปดูโรงละครหลักของฟรานส์ไหม นักแสดงที่นั่นสวยใช้ได้เลย" กัสผสมโรงต่อทันที

    "ก็สวยอยู่หรอก " คิลตอบอ้อมแอ้ม นึกกระดากไม่หายที่ไปหลงชื่นชมตอนแรก กว่าจะรู้ทีหลังว่าเป็นผู้ชายทั้งหมด ส่งผลให้ทั้งเขาและเจ้าชายหอคอยงาช้างของเฟรินอ้าปากค้างกันไปทั้งคู่

    "อย่าบอกนะว่าพวกนายคิดว่าเป็นนักแสดงหญิงแสนสวยจริงๆ"กัสถามยิ้มๆกับสีหน้าประหลาดของสองหนุ่ม กับใบหน้าอมยิ้มของหัวขโมยตัวดี

    "ก็เออสิ" คิลตอบสั้นๆ

    "ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ใช่แค่พวกนายหรอกที่อดหลงนักแสดงไม่ได้ เมื่อหลายปีก่อนมีนักแสดงคนหนึ่งสวยมาก ร้องเพลงเพราะมากเลย มีแฟนคลับเพียบทั้งราชา นักบวช นักปกครอง พ่อค้า น่าเสียดายที่เขาเลิกแสดงไปแล้ว พวกนายเลยไม่ได้เห็น" กัสว่านึกถึงนักแสดงอันดับหนึ่งของฟรานส์ที่เคยไปดูกับบิดา ที่ทำให้บิดาถึงกับมองตาไม่กระพริบตลอดการแสดงเลย

    "แล้วพวกนี้พอเลิกแสดงแล้ว พวกเขาไปทำอะไรต่อเหรอ" คาโลถามอย่างสนใจ

    "ไม่รู้สิ ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าสวย พอโตหน่อยส่วนใหญ่ก็เลิก เพราะเสียงแตก อย่างนักแสดงที่ฉันว่านะ ตอนลาเวที ทั้งกษัตริย์ เศรษฐีมากมายต่างขออุปถัมภ์กันใหญ่ แต่รู้สึกว่าจะถูกปฏิเสธหมด ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้ว" กัสบอกเสียงชื่นชม เมื่อนึกถึงร่างบางดวงหน้าหวานผมสีน้ำตาล แววตาสีน้ำตาลมีเสน่ห์ที่สะกดผู้คนที่ได้พบเห็นให้ไม่อาจลืมได้

    "งั้นเหรอ แล้วเขาชื่ออะไรนะ" คิลถามอย่างสนใจเช่นกัน เพราะเท่าที่ได้ไปดูละครที่ฟรานส์มา ก็สวยๆกันหมดทุกคน แต่สวยขนาดที่กัสมันชื่นชมขนาดนี้ ทำให้เขาอยากเห็นสักครั้งเหมือนกัน

    "ชื่อ โรส น่ะ ร้องเพลงเพราะมากเลย" กัสบอก

    เสียงสำลักน้ำดังมาจากหัวขโมยตัวดี

    "นายเคยไปดูไหมเฟริน" กัสหันไปถามเพื่อน เพราะรู้ว่ามันเดินทางบ่อย เรื่องแค่นี้ไม่น่าพลาด

    "ก็เคยเห็นอยู่หรอก" เสียงตอบแผ่วเบา ก็จะไม่ให้เห็นได้อย่างไร มองดูในกระจกอยู่ทุกวัน

    "สวยมากไหมเฟริน" คิลหันไปถามอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น

    "รู้สึกว่าที่บ้านน่าจะมีรูปเก็บไว้นะ ไว้วันหลังถ้าพวกนายผ่านไป ฉันค่อยให้ดูก็แล้วกัน" เฟรินพูดตัดบท ดวงตาส่อแววเจ้าเล่ห์ แน่ละเขาไม่ยอมให้ใครเปลี่ยนประเด็นง่ายๆหรอก

    ทั้งสามเงียบกันไปสักพักเพราะอาหารที่สั่งมาเสริฟ ทำให้ทั้งสี่ทานอาหารกันไป ยุติการสนทนาไปสักพัก จนเริ่มช่วงอาหารหวาน

    เฟรินอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนเริ่มเรื่องที่คาใจทันที

    "จริงสิ กัสนายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับนาย ถึงได้ทำหน้าราวกับคนอกหักขนาดนั้น" เฟรินเข้าเรื่องทันทีอย่างไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเลี่ยง

    ดวงตาสีฟ้ามองดูหัวขโมยตัวดี อ้ำอึ้งสักพักก่อนตัดสินใจระบายเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ออกมา

    "ฉันเจอนางไม้ในป่า แต่พอไปตามหาก็ไม่พบ ฉันอยากเจอเธอคนนั้นอีกครั้งนะ" กัสบอกเสียงอ่อน

    หลังได้ยินเรื่องที่ชาวป้อมอัศวินโปรด ทำให้ทั้งสามหูผึ่งขึ้นมาทันที มองนักดาบหนุ่มอย่างสนใจ ก่อนที่แววตาของนักฆ่าจะเป็นประกาย

    "จริงสิ เฟรินนายไม่ทำนายให้กัสหน่อยเหรอ เหมือนที่นายทำนายให้เจ้าชายอาเทอร์ไง" คิลเสนอไอเดียทันที

    "นายทำนายเป็นด้วยเหรอเฟริน" กัสหันไปถามหัวขโมยอย่างสนใจ

    "ก็พอเป็น แต่อาจไม่แม่นก็ได้นะ" เฟรินออกตัวเล็กน้อย

    ทั้งสี่เดินออกไปคุยเรื่องลับกันต่อที่โรงแรมที่ทั้งสามพักอยู่ ในห้องพักมีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่เตียงเดียว

    กัสมองดูแล้วคิดว่าพวกมันนอนกันสามคนในเตียงเดียวนี่น่ะนะ

    สงสัยข่าวลือที่ว่าพวกมันมีความสัมพันธ์กันน่าจะมีมูลซะแล้ว

    เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหยิบเอาไพ่ทำนายขึ้นมาสับไพ่อย่างรวดเร็ว ก่อนส่งให้อีกฝ่ายเลือก ร่างบางรับไพ่มาวางเรียง

    รอยยิ้มบางประดับที่ใบหน้าหวาน ก่อนเริ่มคำทำนาย

    "นางไม้ผมสีน้ำตาล ดวงตาสีเขียวใช่มั้ย"

    "ใช่" เสียงตอบรับตื่นเต้นเล็กน้อยของนักดาบหนุ่ม

    "โชคชะตาจะนำเธอมาหานาย เพราะเธอคนนั้นอยู่ใกล้จนนายนึกไม่ถึง" เสียงหวานทรงอำนาจอย่างประหลาดบอก

    "ทำไมเธอรู้จักชื่อฉันด้วยละ" กัสถามเรื่องที่ติดใจต่อ หวังว่าอีกฝ่ายจะบอกรายละเอียดมากกว่านี้

    "ก็เพราะเธอเป็นคนที่นายรู้จักไง แถมพ่อก็หวงมากด้วย" เฟรินใบ้ให้อีกเล็กน้อย

    "หมายความว่าฉันเคยเจอเธอมาแล้ว แต่ทำไมฉันจำไม่ได้ล่ะ" กัสพูดตามที่คิดทันที

    "นั่นก็เพราะพ่อเขาหวงมากไง" รอยยิ้มขบขันเป็นคำตอบของนักทำนายตัวดีที่ไม่ยอมหลวมตัวง่ายๆ

    "ตกลงนายจะไม่บอกใบ้มากกว่านี้หน่อยเหรอ" เด็กหนุ่มผมเงินต่อรองถามอย่างมีความหวัง

    "บางสิ่งที่ได้มาง่ายเกินไป ทำให้ไม่มีค่าพอค้นหา แต่ถ้านายรู้คำตอบด้วยตัวเอง มันจะทำให้นายรู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน" เฟรินตอบเสียงหนักแน่น ดวงตาส่องประกายลึกลับ

    เด็กหนุ่มผมสีเงินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขารู้ดีว่าพวกเพื่อนๆต่างก็หวังดีกับเขาอย่างจริงใจ แต่หวังว่าพวกมันคงไม่หาเรื่องสนุกมาทำแบบที่ช่วยครี้ดหรอกนะ ไม่น่าไว้ใจจริงๆ

    เจ้าชายแห่งคาโนวาลนิ่งไปสักพักกับคำพูดฟังดูดีของจอมกะล่อน แต่คิดอีกที สงสัยมันต้องหาเรื่องยุ่งทีหลังแน่ๆ สงสัยเปิดเรียนเขาคงต้องจับตามองดูมันให้ดีๆ กันมันก่อเรื่องอะไรอีก

    คิลกลั้นหัวเราะแทบแย่ คิดในใจว่าเปิดเทอมคงสนุกน่าดู ท่าทางพลพรรคป้อมคงได้ยุ่งเรื่องเพื่อนอีกแน่ๆ

    ทั้งหมดเปลี่ยนมาสนทนาเรื่องสัพเพเหระกันต่อ

    "จริงสิปีนี้พวกเราก็ต้องเลือกตำแหน่งกันใหม่อีกใช่มั้ย" กัสหันไปถามเฟรินเมื่อนึกได้ว่าพวกรุ่นพี่ในสภาจบไปกันหลายคน

    "อ้อไม่ต้องเล่นกันเอริกเกริกเหมือนตอนพวกเราอยู่ปีสองหรอก เพราะปีนี้งบคงไม่ขาดดุลไม่ต้องหารายได้พิเศษ พี่โรเวนบอกว่าให้จัดการเลือกแค่ตำแหน่งสองเสธ ที่เหลือให้สองเสธเลือกคนที่เหลือเอง" เฟรินอธิบาย

    "หมายความว่าให้แต่ละชั้นปีส่งผู้สมัครแค่สองตำแหน่งก็พอสินะ ที่เหลือก็ฟอร์มทีมกันเอง" กัสสรุปประเด็นทันที

    "แล้วพวกนายจะเอายังไง" คาโลถาม เพราะรู้ดีว่าพวกรุ่นพี่มองให้เฟรินและกัสเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งสองเสธต่อ

    "นายเอาใครบ้าง" กัสหันไปถามเฟรินอย่างเป็นงานเป็นการทันที

    "โร คิล ซิบิล แล้วก็โคลว์" เฟรินตอบอย่างรวดเร็ว

    "นายจะเอาสองนักบวชเลยเหรอ" กัสต่อรอง

    "นายสนใจโคลว์เหรอ" เฟรินหันไปถามอีกฝ่ายแววตาเจ้าเล่ห์

    "เปลี่ยนเป็นเอ็ดเวิร์ดแทนไม่ได้เหรอ มันก็นักบวชเหมือนกัน" กัสเลี่ยงคำตอบที่อีกฝ่ายถาม

    "เอาเอ็ดเวิร์ด ก็ไม่ต่างกับเลือกไอ้ครี้ดหรอก แต่ถ้านายอยากได้โคลว์ ฉันเปลี่ยนเป็นเรนอนแทนก็แล้วกัน จะได้ช่วยคุมผู้คุมกฏบางคนด้วย" เฟรินตอบยิ้มๆ

    "เหรอ แต่ตอนแรกฉันกะจะให้สามนางฟ้าเป็นสามขุนพล"กัสเสนอความคิด

    "นายก็ให้โคลว์แทนตำแหน่งเรนอนก็ได้นี่ แล้วให้พวกวิเวียนกับเพื่อนๆ เติมในส่วนสิบสองขุนพลที่ขาดอีกสามตำแหน่งก็แล้วกัน" เฟรินสรุป  แน่นอนถ้าปีสี่และปีสามคุมป้อม พวกเขาก็สบายไม่ต้องเลือกตำแหน่งใหม่ไปจนจบการศึกษาปีเจ็ดเลย เรียกได้ว่าสบายไปอีกสี่ปี

    ทั้งคิลและคาโลมองดู ว่าที่สองเสธปรึกษาการเลือกตัวอย่างกับการเล่นหมาก ก่อนส่ายหน้า ปล่อยให้พวกมันจัดการตามชอบก็แล้วกัน เพราะอย่างไรชาวป้อมอัศวินก็ไม่เรื่องมากอยู่แล้ว

     วันรุ่งขึ้นกัสไปส่งเพื่อนๆที่ชายแดนคาโนวาล บางทีเปิดเทอมเขาคงเจอนางไม้ของเขา เสียแต่ว่าไอ้หัวขโมยตัวดีมันอมพะนำอยู่นั่นแหละ แต่เห็นแววตาของมันแล้วเขาก็คิดว่าอย่างไรพวกมันก็ไม่พลาดเรื่องสนุกๆแน่นอน สงสัยเขาคงต้องพกยาแค่ปวดหัวไปด้วยเป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าจะดีกว่า

    ที่มหาวิหารแห่งกิลดิเรก ร่างโปร่งบางของบิชอปหนุ่มน้อยเดินเข้ามาให้ห้องทำงานส่วนตัวขององค์สังฆราช

    "อาทิตย์หน้าก็จะเปิดเทอมแล้วใช่มั้ย" เสียงอ่อนโยนถามโดยไม่ได้มองหน้าผู้ที่เดินเข้ามา

    "ครับท่านพ่อ" เสียงนุ่มนวลเข้ากับใบหน้าหวานตอบรับ

    "แล้วลูกว่าจะเดินทางวันไหน" เสียงผู้เป็นบิดาถามต่อ

    "ผมว่าจะรอให้เอ็ดเวิร์ดกลับจากไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยออกเดินทางพร้อมกัน" ผู้เป็นลูกบอกกำหนดการ

    สองพ่อลูกพูดคุยกัน จิบน้ำชาแกล้มซาลาเปาไปเรื่อยๆ แน่ละเพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าดูน่ารักที่สุดก็ตอนกินอย่างมีความสุขนี่แหละ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×