ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #92 : ให้ถือว่าพวกเจ้าดวงไม่ดีก็แล้วกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.26K
      501
      11 ธ.ค. 60




    บนถนนภายในเมืองแบรี่นั้นคับคั่งไปด้วยผู้คน บ้างเขาเมืองมาเพื่อหางานทำ บ้างเข้าเมืองมาเพื่อนำของป่าที่หาได้มาขาย บ้างเข้ามาเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ "ข้าคิดว่าระบบการจัดเก็บภาษีของโรฮานนั้นยังมีช่องโหว่อยู่ ยกตัวอย่างเช่นชาวบ้านที่ต้องการนำสิ่งของเข้ามาวางขายแต่ยังไม่ทันได้วางขายก็ต้องถูกประเมินราคาและถูกคิดคำนวนภาษีก่อนแล้ว หากว่ามีเงินจ่ายก็ดีไปหากว่าไม่มีเล่า? หากว่าไม่มีเงินจ่ายค่าภาษีจากการประเมินสุดท้ายก็ต้องจำใจขายสิ่งของนั้นให้แก่นายหน้าในราคาที่ถูกกว่าราคาทองตลาด" กาเล็ทเอ่ยอธิบายให้กับซิลเวียฟัง
    "เรื่องนี้ท่านพ่อก็เคยอธิบายให้กับข้าฟังมาบ้าง ครั้งแรกที่ได้ฟังข้าก็คิดสงสัยใจอยู่เช่นกัน ระบบที่เอารัดเอาเปรียบเช่นนี้ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดตราขึ้นกัน" แชลเทียเอ่ย นางนั้นถือว่าแตกต่างจากซิลเวีย เนื่องจากแชลเทียนั้นเกิดมาอยู่ในตระกูลพ่อค้าดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้นางจะเป็นสตรีแต่ก็ยังคงรู้เรื่องราวภายนอกและระบบระเบียบของโรฮานอยู่บ้าง
    "กาเล็ทหากว่าระบบเช่นนี้ถือว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบชาวบ้านเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดร้องทุกข์ขึ้นมา ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้มาร้องทุกข์มาก่อน" ซิลเวียเอ่ยถามอย่างสงสัยใจขณะที่ทั้งหมดเดินชมบริเวณเขตชั้นนอกของเมืองแบรี่
    กาเล็ทได้ฟังคำถามของนางก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางถามคำถามเช่นนี้ออกมา ที่ซิลเวียนั้นไม่รู้ถึงเรื่องราวความเดือดร้อนของชาวบ้านหาใช่ว่านางเอาแต่เสพสุขวาสนาจนไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชน เรื่องนี้เพียงดูจากคำพูดของนางก็พอจะทราบได้ว่านางนั้นก็ติดตามสอบถามถึงทุกข์สุขของประชาชนอยู่เป็นประจำ ไม่เช่นนั้นนางจะทราบได้อย่างไรว่าไม่มีการร้องทุกข์ในเรื่องนี้ขึ้นไป? สาเหตุที่นางไม่ทราบก็คงจะมีอยู่ประการเดียวคือเหตุเพราะขุนนางที่ทำหน้าที่ตรวจตรารายงานรับเงินทองจากผู้มีอิทธิพลและทำการปิดบังอำพรางคำร้องทุกข์ไว้ คงแทบจะเป็นกรณีเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ในโลกก่อนของตนเองที่มีราชินีองค์หนึ่งเอ่ยถามขึ้นว่า"หากประชาชนปราศขนมปังที่จะกินเหตุใดจึงไม่กินเนื้อสัตว์แทน"
    "ซิลเวีย ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ร้องทุกข์แต่เป็นคำร้องทุกข์ส่งขึ้นไปไม่ถึง" กาเล็ทเอ่ย
    เมื่อได้ฟังซิลเวียก็เกิดความฉงนใจยิ่งกว่าเดิมจนคิ้วคู่สวยภายใต้ผ้าคลุมย่นเข้าหากันอย่างลืมตัว
    "เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์มากมาย ไม่ทราบว่าภาษีที่จัดเก็บได้จากชาวบ้านนี้จะเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใด เมื่อมีผลประโยชน์ก็ต้องมีผู้ใดรับผลประโยชน์ เจ้าลองคิดดูว่าหากขุนนางผู้มีหน้าที่ตรวจตราเรื่องร้องเรียนได้รับผลประโยชน์จากระบบการจัดเก็บภาษีเช่นนี้ด้วยเล่า? หากว่าเป็นเช่นนั้นไม่เพียงแต่ผู้ร้องเรียนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้นอาจจะถูกกลั่นแกล้งหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมหรือบางทีอาจจะถูกกีดกันจนไม่สามารถค้าขายในเมืองแบรี่ได้อีกเลยก็เป็นได้" กาเล็ทเอ่ย
    "ห...โหดร้ายเกินไปแล้ว เรื่องเช่นนี้.." เมื่อได้ฟังคำกล่าวอธิบายของกาเล็ทซิลเวียก็หมดคำพูดจะกล่าวต่อ ขุนนางพวกนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้านางทุกผู้คนล้วนแสดงออกว่าเป็นสุภาพชนและมีจิตใจโอบอ้อมอารีจึงยากที่นางจะล่วงรู้ถึงเบื้องลึกภายในของพวกมัน พวกมันล้วนแสดงออกได้แนบเนียนยิ่ง
    "ต้องฆ่าทิ้ง คนที่ทำให้ปะป๋าไม่สบายใจเป็นคนไม่ดี ต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น" มิร่าที่ถูกกาเล็ทจูงมืออยู่เอ่ยคำขึ้น
    กาเล็ทได้ฟังก็ก้มลงอุ้มนางขึ้นพร้อมกับตบก้นน้อยๆของนางเบาๆคราหนึ่ง "อย่าได้เอาแต่ฆ่าฟันเพื่อแก้ไขปัญหา มีแต่ทรราชเท่านั้นที่นิยมฆ่าฟันเพื่อแก้ไขปัญหา" กาเล็ทกล่าวกับมิร่าในอ้อมกอด
    น่าเสียงดายที่ร่างเล็กกลับไม่เข้าใจความหมายของทรราช "ทรราชคืออะไร" มิร่าเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
    "ทรราชคือคนไม่ดี" กาเล็ทกล่าวอธิบาย
    "งือ.." เมื่อได้ฟังคำกล่าวอธิบายของกาเล็ทมิร่าก็ครางออกมาอย่างหดหู่ เมื่อครู่กาเล็ทมิใช่พึ่งบอกว่าการฆ่าเพื่อแก้ไขปัญหานับว่าเป็นทรราชหรอกหรือ เช่นนั้นตนเองที่แก้ไขปัญหาด้วยการฆ่าฟันตลอดมามิใช่กลายเป็นทรราชไป เมื่อทรราชหมายถึงคนไม่ดีและกาเล็ทปะป๋าของตนเองก็มักจะพร่ำบอกว่าเกลี่ยดคนไม่ดีเช่นนี้ตนเองมิใช่คงถูกโกรธเกลียดเข้าแล้ว?
    เห็นอาการของร่างเล็กที่อุ้มอยู่ในอ้อมอกกาเล็ทก็เอ่ยขึ้นอีก "ดังนั้นมิร่าต้องเลือกว่าจะเป็นทรราชหรืออยากจะเป็นเด็กดีที่ถูกปะป๋ารัก"
    "เป็นเด็กดีที่ถูกปะป๋ารัก" มิร่าตอบกลับทันควันโดยไม่ขบคิดเลยแม้แต่น้อย
    กาเล็ทได้ฟังก็ยิ้มอย่างพอใจออกมา "ถ้าอย่างนั้นก็ต้องฆ่าให้น้อยที่สุด" กาเล็ทกล่าวพร้อมทั้งหอมแก้นางคราหนึ่ง
    การโต้ตอบระหว่างกาเล็ทและมิร่านั้นได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดจากการพูดคุยเรื่องหนักๆเมื่อครู่ผ่อนคลายลง
    "เงินทองเล่าจ่ายมา เมื่อวานเจ้าบอกว่าไม่มีเงินทองข้าเห็นใจก็ผัดผ่อนให้แล้วมาวันนี้ยังกล้าบอกว่าไม่มีอีกหรือ ถ้าไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองมาแต่โดยดีก็อย่าได้ค้าขายในเมืองแบรี่ต่อไปเลย" บรุษร่างกายกำยำใหญ่โตผู้หนึ่งคำรามก้องใส่พ่อค้าแม่ค้าคู่หนึ่งที่ตั้งแผงขายของอยู่ข้างถนนอย่างดุร้าย
    "พ..พี่ท่านพวกข้าไม่มีเงินทองจ่ายให้จริงๆ พวกข้าพึ่งเข้าเมืองมาตั้งแผงขายของใหม่เลยยังขายไม่ได้เงินมากนัก เงินทองที่พอมีติดตัวมาก็จ่ายเป็นค่าภาษีเข้าเมืองไปจนหมดสิ้นแล้ว ค..คืนนี้พวกข้าก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซื้ออาหารกินกัน" บรุษซึ่งดูเหมือนจะเป็นสามีเอ่ยปากขึ้นเพื่อร้องขอความเมตตาจากอัธพาลที่มีร่างกายกำยำใหญ่โตกว่าตัวมันเกือบเท่าตัว
    "นั่นมันเป็นปัญหาของเจ้า เมื่อไม่มีเงินทองจ่ายค่าคุ้มครอง" มันกล่าวถึงช่วงนี้บนใบหน้าของมันก็ปรากฎรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้น "ก็อย่าได้ค้าขายต่อไปเลย" กล่าวจบมันก็ใช้ท่อนแขนกำยำใหญ่โตของมันทุบทำลายข้าวของภายในร้านของพ่อค้าแม่ค้าคู่นั้นทันที ที่มันทำเช่นนี้นั้นหนึ่งคือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูว่าหากไม่ยอมจ่ายเงินทองให้แก่มันก็ต้องพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
    "พ.. พี่ท่านได้โปรด ได้โปรดอย่าทำลายข้าวของ ของพวกนี้ถือว่าเป็นทุนรอนสุดท้ายของพวกข้าแล้ว พี่ท่านได้โปรดหยุดมือ ได้โปรด" สองสามีภรรยาเอ่ยร้องขอความเมตตาจากกลุ่มอัธพาลอย่างสุดชีวิตผู้เป็นภรรยาถึงกับกระโดดปราดออกไปเพื่อเอาตัวเองเป็นโล่ป้องกันหม้อดินชิ้นหนึ่งเพื่อไม่ให้ถูกกวาดทุบทำลายไป
    เมื่อตัดสินใจลงมือด้วยอำมหิตมีหรือที่กลุ่มอันธพาลจะเกิดความเห็นใจกับคำร้องขอหากจะกล่าวไปแล้วพวกมันล้วนได้ยินคำร้องขอเช่นนี้มาจนชาชินแล้ว มันแสยะยิ้มพร้อมทั้งเงื้อมือใหญ่โตข้างหนึ่งขึ้นหมายที่จะทุบใส่ร่างของหญิงแม่ค้าให้แตกสลายไปพร้อมกับหม้อดินที่นางปกป้อง
    "หยุดมือเถอะ หากว่าเจ้าลงมือไปมากกว่านี้คงไม่จบแค่การชดใช้เงินทองเท่านั้น" เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกมัน
    เด็กหนุ่มที่กล้าเอ่ยปากรบกวนกลุ่มอันธพาลนี้ย่อมเป็นกาเล็ท เสียงตะคอกใส่สองสามีภรรเมื่อครู่ของอันธพาลร่างใหญ่กลับไปดึงดูดความสนใจกลุ่มของกาเล็ทที่เดินตรวจตราสังเกตุความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่
    เมื่อได้ยินเสียงที่เอ่ยทัดทานการกระทำของตนเองอันธพาลร่างยักษ์นั้นก็หยุดมือของมันไว้พร้อมทั้งหันกายกลับมามองดูว่าเป็นผู้ใดที่กล้าสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมัน มันพบว่าผู้ที่กล้าสอดมือเข้ามาเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งแม้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะมีหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการทว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นกลับเป็นผ้าเนื้อหยาบราคาถูกดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์และท่าทีที่หยิ่งผยองซึ่งแสดงออกมาในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
    "ใสหัวไปนี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมายุ่งเกี่ยวได้" มันตะหวาดใส่เด็กหนุ่มที่เดินจูงมือร่างเล็กซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชายเหตุเพราะร่างเล็กนั้นสวมชุดคลุมไว้ทั้งร่าง แม้ว่ามันจะเป็นอันธพาลจะอย่างไรมันก็มีกฎเหล็กให้กับตนเองข้อหนึ่งนั่นคือมันจะไม่ทำร้ายเด็กเล็กดังนั้นเมื่อมันเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีเด็กเล็กมาด้วยมันจึงคิดจะละเว้นให้สักครั้งหนึ่ง
    แม้จะถูกตะหวาดใส่แต่กาเล็ทก็ไม่ได้แสดงอาการยี่หระออกมาเลยแม้แต่น้อยกาเล็ทยังคงจูงมือของมิร่าน้อยก้าวเดินเข้าหาอันธพาลร่างยักษ์และพักพวกด้วยรอยยิ้มประหนึ่งว่าแม้โลกจะพังทลายลงตอนนี้ก็ไม่สามารถหยุดการก้าวเดินของข้าได้ "ไม่ทราบว่าที่เอ่ยว่าเก็บค่าคุ้มครองนั้นเป็นการคุ้มครองจากผู้ใด?" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น เหตุการณ์ที่พบเห็นครั้งนี้ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับกาเล็ทแต่สิ่งที่ทำให้กาเล็ทรู้สึกแปลกใจนั้นกลับเป็นการที่ทหารยามซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นโดยไม่เข้ามาระงับเหตุทำให้ตนเองอดสงสัยใจไม่ได้ว่าแม้แต่ทหารยามพวกนี้ก็ได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์ด้วย?

    "ในเมื่อข้าให้โอกาสเจ้าแล้วแต่กลับไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ก็อย่าโทษว่าข้าที่ลงมือ" อันธพาลร่างยักษ์ขู่คำรามก้อง แต่ก่อนที่มันจะลงมือลูกน้องของมันกลับสะกิดให้มันสังเกตุถึงการคงอยู่ของร่างเล็กอีกสองร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลังเด็กหนุ่ม มันหยุดชลอการลงมือพร้อมทั้งพินิจเพ่งตามองไปยังเบื้องหลังของเด็กหนุ่ม มันกลับพบว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตางดงามผุดผาดยากจะหาผู้ใดมาเทียบเปรียบได้ทั้งยังมีถึงสองคน น่าเสียดายที่มันกลับไม่ฉุกใจคิดว่าหญิงสาวที่งดงามผุดผาดเช่นนี้จะมีฐานะต่ำต้อยเลี่ยดินได้อย่างไร? ความโลภที่ก่อเกิดเกาะกุมจิตใจของมันไว้สิ่งเดียวที่มันคิดอยู่ในหัวคือหากจับหญิงสาวสองนางนี้ไปขายให้แก่หอนางโลมไม่ทราบว่าตัวมันจะได้เงินทองมากมายถึงเพียงไหน?
    "เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า ที่ว่าค่าคุ้มครองนั้นเป็นคุ้มครองจากผู้ใด"
    คำถามของเด็กหนุ่มปลุกให้มันตื่นจากภวังค์ความคิด ท่าทีหยิ่งผยองเสมือนว่าไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดของเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้ายิ่งกระตุ้นโทสะของมันให้โหมกระพือกว่าเดิม "ให้ข้าตอบเจ้าด้วยการกระทำก็แล้วกัน" กล่าวจบมันก็วาดท่อนแขนอันใหญ่โตของมันเข้าหาร่างของเด็กหนุ่มโดยไม่สนใจอันใดอีกมันหมายมั่นว่าจะกวาดร่างของเด็กหนุ่มให้กระเด็นกระดอนไปด้วยท่อนแขนของมัน
    "เฮ้อ ให้ถือว่าพวกเจ้าดวงไม่ดีก็แล้วกัน ซิลเวีย แชลเทีย หลับตาสักครู่ได้หรือไม่" ไม่มีแม้แต่ท่าทีว่าจะหลบเลี่ยงไม่เพียงไม่หลบเลี่ยงแต่กลับเอ่ยกล่าววาจาที่ผู้ฟังไม่เข้าใจออกมา




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×