ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #55 : หุบเขาอสูรฟ้า [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.05K
      672
      17 ต.ค. 60





               เมื่อนึกถึงป่าอสูรฟ้า กาเล็ทพลันหวนนึกถึง​แผนที่ของโรฮาน เหตุการณ์สัตว์อสูรบุกเมืองรีเวลเมื่อไม่นานมานี้ก็สืบเนื่องจากหุบเหาอสูรฟ้า หุบเขาอสูรฟ้านั้นตั้งอยู่ทางทิศเหนือของโรฮาน จะว่าไปเมืองรีเวลที่ถูกบุกจู่โจมโดยสัตว์อสูรก็เป็นเพราะที่ตั้งของเมืองรีเวลนั้นอยู่ใกล้หุบเขาอสูรฟ้าที่สุด ครั้งที่ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับหุบเขาอสูรฟ้าจากพ่อบ้านโจเซพเมื่อหลานเดือนก่อน กาเล็ทก็เกิดความสนใจหุบเขาที่น่าพิศวงนี้ไม่น้อยแต่ด้วยเวลาที่มีอย่างจำกัด ในตอนนั้นตนเองทั้งต้องจัดการสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้น ไม่เพียงแต่สถาพความเป็นอยู่ของตระกูลระดับพลังของตนเองเมื่อครั้งนั้นก็ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่บัดนี้เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มลงตัว ตนเองสามารถหยั่งเท้าอยู่ในโลกใหม่แห่งนี้ได้อย่างมั่นคงแล้ว อีกทั้งการฝึกฝนของตนเองสิ่งที่ขาดไปและไม่สามารถหามาทดแทนได้นั้นคือคู่ฝึกซ้อม พอหวนนึกถึงงูสายรุ้ง กาเล็ทก็รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา "ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้างก่อนจะเช้า ไปสำรวจตรวจดูก็คงไม่เสียหายที่ใด" กาเล็ทคิดกับตนเอง เมื่อได้ตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะ ร่างของกาเล็ทก็ทยานขึ้นสู่ฟากฟ้ากลายเป็นลำแสงหายวับไป

              ระยะห่างจากเมืองแบรี่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโรฮานกับเมืองรีเวลนั้นมีระยะห่างที่ไกลกันอยู่ไม่น้อย ครั้งเมื่อกาเล็ทใช้รถม้าอพยพครอบครัวของตนเองจากเมืองรีเวลใช้ระยะเวลาเดินทางร่วมสองเดือนที่ใช้ระยะเวลานานถึงเพียงนั้นเหตุเพราะเป็นการเดินทางโดยรถม้า อีกทั้งยังมีสัมภาระมากมาย ครั้งเมื่อกาเล็ทเดินทางไปบรรเทาทุกข์โดยใช้เรือเหาะกลับใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งวันเท่านั้น แต่ความเร็วของเรือเหาะย่อมเที่ยบไม่ได้กับความเร็วของกาเล็ทในขณะนี้ ร่างของกาเล็ทที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วยามค่ำคืนตอนนี้เปรียบดังทวยเทพเหินบิน หากว่ามีชาวบ้านพบเห็นลำแสงที่เกิดจากการแปลงพลังจิตวิญญาณขณะเคลื่อนที่บนฝากฟ้ายามค่ำคืนของกาเล็ท ชาวบ้านผู้นั้นคงอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเทพยาดาเหินบินบนฟากฟ้าเป็นแน่ ด้วยความเร็วที่ยิ่งยวด เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีกาเล็ทก็เดินทางมาถึงยังเมืองรีเวล เมื่อเดินทางมาถึงเบื้องบนของเมืองรีเวล กาเล็ทก็ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของตนเองลงเล็กน้อย แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่ร่องรอยของความเสียหายรอบนอกยังคงมีหลงเหลือให้เห็นได้ ทั้งซากศพของสัตว์อสูร ทั้งซากศพของผู้คน กาเล็ทที่เฝ้ามองจากบนท้องฟ้าเห็นแล้วก็อดที่จะหดหู่ใจไม่ได้


    เดินทางมาอีกระยะหนึ่งกาเล็ทกลับพบว่าที่เบื้องหน้าของตนเองเป็นเขตของหุบเขาที่กว้างไกลสุดสายตา 

    ที่น่าแปลกใจคือทั่วทั้งอาณาเขตหุบเขาที่กว้างไกลสุดสายตานั้นกลับปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ยิ่งเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในหุบเขามากเท่าใด หมอกที่มีก็ยิ่งหนาทึบมากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่หมอกที่หนาทึบ ทันทีที่เข้ามายังเขตของหุบเขาอสูรฟ้ากาเล็ทรู้สึกเสมือนว่าร่างกายของตนเองผ่านสนามพลังบางอย่างไป "ไม่แปลกที่ท่านลุงโจเซพเล่าว่าป่าอสูรฟ้าเป็นสถานที่ซึ่งอันตรายสุดจะหยั่ง มีผู้คนมากมายที่ต้องมาทิ้งชีวิตไว้ ณ ป่าแห่งนี้" กาเล็ทคิดได้ดังนั้นทั่วทั้งร่างก็เริ่มรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา

    ร่างของกาเล็ทค่อยๆร่อนลง กาเล็ทที่สังเกตุรอบบริเวณอย่างถี่ถ้วนรอบครอบกลับพบว่าภายในเขตป่าอสูรฟ้า ไม่เพียงแต่ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่โตกว่าที่เบื้องนอกหลายเท่าแล้วพืชพรรณต่างๆยังแปลกตาแตกต่างจากด้านนอกเขตหุบเขาอย่างสิ้นเชิง

    สมุนไพรต่างๆที่หายากเมื่ออยู่ในโลกภายนอกกลับพบได้ทั่วไปในหุบเขาอสูรฟ้านี้เป็นดั่งคำบอกเล่าของโจเซพที่ว่ามักจะมีชาวบ้านและนักผจญภัยไม่น้อยเลือกที่จะมาเสี่ยงโชคในหุบเขาอสูรฟ้า เดินสำรวจโดยรอบอยู่พักหนึ่งกาเล็ทกลับสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันจากทางด้านหลังของตนเอง

    ขณะที่คมเขี้ยวใหญ่ยักษ์กำลังจะฝังลงใส่ที่ต้นคอของกาเล็ท ร่างของกาเล็ทก็สามารถผลิกหลบการขบกัดนั้นไปได้อย่างเฉียดฉิว

    แครกกกกกก เสียงครูดไปกับพื้นของกดเล็บคมกริบทั้งสี่ของสัตว์ร้ายดังขึ้น สัตว์ร้ายนั้นพยายามหยุดสภาวะพุ่งกระโจนของตัวมันโดยการใช้กดเล็บจิกใส่พื้นดิน

    "ฮืออออ กรร" มันพลิกตัวหันกลับมาขู่คำรามใส่กาเล็ท

    "ช่างปกปิดตัวตนได้แนบเนียนนัก" กาเล็ทเอ่ยกับสัตว์ร้ายที่เบื้องหน้าของตนเอง

    สัตว์ร้ายนั้นกลับเป็นหมาป่าขนทองมันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าสิ่งโตถึงสองเท่า ขนทั่วร่างของมันนั้นมีสีทองอร่าม หมาป่าขนทองจัดได้ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับที่  7

    "กรร" หมาป่าขนทองใช้ดวงตาซึ่งทอแววของความดุร้ายทั้งสองของมันจ้องมาที่กาเล็ทอย่างไม่วางตา มันแปลกใจไม่น้อยที่สิ่งมีชีวิตอ่อนแอเบื้องหน้ามันสามารถหลบรอดจากคมเขี้ยวเมื่อครู่ของมันได้ "โบ๊ววววววว" มันส่งเสียงหอนลากยาวออกมา

    พริบตาที่เสียงหอนดังขั้น เงาร่างสามสายก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหลังของกาเล็ท เงาร่างทั้งสามพุ่งกระโจนจู่โจมใส่กาเล็ทอย่างพร้อมเพรียงจากทางด้านหลัง แครก หมาป่าขนทองที่เบื้องหน้าของกาเล็ทใช้ทั้งสี่ขายันใส่พื้นดินพร้อมทั้งพุ่งกระโจนใส่กาเล็ทจากทางด้านหน้าพร้อมกับเงาร่างทั้งสามสายนั้น

    "เดรัจฉาน!" กาเล็ทคำรามก้องพร้อมกับระเบิดพลังจิตวิญญาณออกมา อาภรณ์สีฟ้าที่ก่อเกิดจากพลังจิตวิญญาณครอบคลุมไปทั่วร่างของกาเล็ทอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ร่างของกาเล็ทปกคลุมไปด้วยอาภรณ์จิตวิญญาณ เวลารอบตัวก็เสมือนค่อยๆเดินช้าลง เงาร่างสามสายที่เบื้องหลัง หมาป่าขนทองตัวใหญ่ที่เบื้องหน้า กาเล็ทสำผัสได้อย่างชัดเจน การจู่โจมผสานของหมาป่าขนทองทั้งสี่ซึ่งดูเหมือนจะไร้ช่องโหว่ แต่บัดนี้กาเล็ทกลับเห็นถึงช่องว่างให้สามารถฉกฉวย

    "เอ๊งง" เสียงร้องลั่นของสัตว์ร้ายดังขึ้น เป็นเสียงของหนึ่งในสามหมาป่าขนทองที่จู่โจมใส่กาเล็ทจากด้านหลัง

    กาเล็ทกลับผลิกตัวหมุนเตะใส่หมาป่าตัวหนึ่งเข้าพร้อมทั้งกวาดเอาร่างของมันไปกระแทกเข้ากับร่างหมาป่าขนทองอีกสองร่างที่กระโจนขนานกันเข้ามา

    ลูกเตะของกาเล็ทนี้รวดเร็วยิ่ง เมื่อกาเล็ทหมุนตัวกลับมาร่างขอหมาป่าขนทองตัวที่ส่งเสียงหอนสั่งการก็กระโจนมาถึง มันเผยอปากขึ้นเผยให้เห็นคมเขี้ยวคมกริบหมายจะงับเข้าที่คอหอยของกาเล็ทซึ่งเป็นจุดตายของสิ่งมีชีวิต กาเล็ทยกมือทั้งสองขึ้น มือหนึ่งคว้าจับไปที่ขาหน้าซึ่งใหญ่ยักษ์เท่ากับท่อนขาของคนผู้หนึ่งของหมาป่าขนทองหนึ่งข้าง มืออีกข้างหนึ่งของกาเล็ทก็ช้อนเข้าไปที่ใต้ท้องของมันพร้อมทั้งอาศัยสภาวะที่พุ่งเข้ามาของมันเหวี่ยงร่างของมันไป

    ตูม เสียงของร่างยักษ์ถูกเหวี่ยงกระแทกเข้ากับพื้น "หุบเขาอสูรฟ้าช่างเป็นสถานที่อันตรายนัก หากไม่ระมัดระวัง แม้แต่เราเองก็อาจไม่ได้กลับออกไป" กาเล็ทขบคิดกับตนเอง

    แครก แครก เสียงของกงเล็บจิกเข้ากับพื้นดิน หมาป่าขนทองตัวที่เป็นจ่าฝูงพยายามใช้ขาทั้งสี่ข้างขอมันดันตัวเองให้ลุกขึ้น ขาทั้งสี่ข้างของมันนั้นสั่นเทา "โบ๊ว โบ๊ว" มันส่งเสียงหอนสั้นออกมาสองครั้ง จากนั้นหมาป่าขนทองอีกสองตัวก็ยันกายลุกขึ้น หมาป่าขนทองทั้งสองตัวนี้ย่อมมีอาการบาดเจ็บไม่รุนแรงเท่าใดนัก เหตุเพราะพวกมันไม่ได้รับลูกเตะของกาเล็ทโดยตรงหากแต่มีร่างของเพื่อนหมาป่าซึมซับแรงกระแทกจากการเตะส่วนใหญ่ของกาเล็ทไป ส่วนหมาป่าที่ถูกกาเล็ทเตะเข้าอย่างจังตัวนั้นย่อมไม่ต้องเอ่ยถึง ทันทีที่ถูกเตะกระดูกทั่วร่างของมันก็แหลกเละ อวัยวะภายในฉีกขาดถึงแก่ความตายทันที ลูกตาทั้งสองข้างของมันถึงกับกระเด็นออกมาจากเบ้าตา ส่วนหมาป่าขนทองตัวที่เป็นจ่าฝูงนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าลูกฝูง เพียงถูกกาเล็ทจับทุ่มย่อมไม่ถึงแก่ความตาย

    กาเล็ทกลับมีความรวดเร็วเหนือกว่าการจู่โจมผสานของหมาป่าขนทองทั้งสี่ หมาป่าขนทองนั้นขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็ว แต่สิ่งที่น่ากลัวของหมาป่าขนทองนั้นหาใช่ความเร็วหากกลับเป็นจำนวนของพวกมัน ผู้ที่เผชิญหน้ากับหมาป่าขนทองมักจะไม่ได้เผชิญกับพวกมันเพียงตัวเดียว พวกมันมักจะออกล่าเป็นฝูง 3-7 ตัวเป็นอย่างน้อย ฝูงที่กาเล็ทเผชิญนี้มีจำนวนถึงสี่ตัว ด้วยจำนวนเท่านี้แม้ว่ามันต้องเผชิญกับสัตว์อสูรระดับที่สูงกว่าก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกมัน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งด้อยกว่าสัตว์อสูร ผู้มีพลังระดับ 8 หากต้องมาเผชิญกับหมาป่าขนทองฝูงนี้ย่อมต้องตกตายอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นผู้มีพลังระดับ 9 อย่างน้อยๆก็ต้องได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แต่น่าเสียดายสำหรับหมาป่าฝูงนี้ มนุษย์ที่มันหมายมั่นจะล่ามาเป็นอาหาร ไม่เพียงแต่มีพลังระดับที่ 9  ขั้นสูงแต่ยังเป็นกาเล็ท บรุษผู้ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งยวดกว่าผู้มีพลังระดับ 9 ใดๆ

    หมาป่าทั้งสามส่งเสียงร้อง งิ๊ดๆออกมาพร้อมทั้งทำท่าจะหันหลังวิ่งจากไป "คิดหลบหนีหรือ คงไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น" กาเล็ทเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหมาป่าทั้งสามที่เหลือรอดทำท่าจะออกวิ่งหลบหนี

    หอกยักษ์สี่เล่มปรากฎขึ้นที่เบื้องหลังของกาเล็ท ฟู่ว ๆ ๆ เสียงหอกทั้งสี่แล่นฝ่าอากาศตรงไปยังทิศทางของหมาป่าขนทองทั้งสามที่บัดนี้ออกตัววิ่งหลบหนี "ฉึก ฉึก เอ๊ง ๆ" เสียงทิ่มแทงดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของหมาป่าขนทอง

    กาเล็ทเดินเข้ามาสำรวจยังซากที่ไร้วิญญาณของหมาป่าขนทอง "เหลือรอดไปได้ตัวหนึ่งหรือ"  กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งถอนหายใจออกมา  วิชาที่กาเล็ทใช้ออกเมื่อครู่ย่อมเป็นวิชาใหม่ที่กาเล็ทคิดค้นขึ้น หากว่าสามารถต่อสู้ห่ำหั่นพร้อมทั้งสามารถบังคับหอกพวกนี้เพื่อฉกฉวยจู่โจมใส่ศัตรูไปด้วยไม่ทราบว่าจะมีผู้ใดสามารถต้านทานได้? แต่ทว่าการคิดนั้นง่ายกว่ากระทำมากนัก เมื่อครู่กาเล็ทเพียงแต่ยืนนิ่งๆบังคับหอกยักษ์ทั้งสี่ยังเกิดข้อผิดพลาดจนปล่อยให้หมาป่าขนทองตัวหนึ่งหลบรอดไปได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าหากต้องต่อสู้ไปด้วยบังคับหอกพวกนี้ไปด้วย "ยังคงอีกไกลกว่าจะสำเร็จ" กาเล็ทเอ่ยรำพันกับตนเองพร้อมทั้งนำดาบออกมาผ่าชำแหละส่วนหัวของหมาป่าขนทองทั้งสามตัวเพื่อหาผลึกจิตวิญญาณจากร่างของพวกมัน

    การชำแหละซากศพพวกนี้ให้ความรู้สึกสะอิดสะเอียนแก่กาเล็ทไม่น้อย

    กาเล็ทมีความคิดว่าจะเดินสำรวจป่าอสูรฟ้าอีกสักหน่อย ทว่าลางสังหรณ์บางอย่างได้เตือนสติของกาเล็ทไว้ "เอาเถอะวันนี้มิใช่ตั้งเป้าหมายเพียงมาสำรวจตรวจดูพื้นที่หรอกหรือ บัดนี้ทั้งได้ออกแรงทดสอบฝีมือ ทั้งได้ผลึกจิตวิญญาณระดับ 7 ตั้งสามก้อน สมควรเพียงพอแล้ว" คิดได้เช่นนั้นกาเล็ทก็หันกายมุ่งหน้าออกจากป่าอสูรฟ้าไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×