ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #56 : เงื่อนงำที่ปรากฎ [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.8K
      645
      17 ต.ค. 60




         กว่าที่กาเล็ทจะกลับมาถึงปราสาทบุสโซ่ก็เป็นช่วงเช้าแล้ว เมื่อมาถึงกาเล็ทก็นำร่างที่ไร้วิญญาณทั้งสามของหมาป่าขนทองออกมากองไว้ที่สวนภายในปราสาทบุสโซ่ กล่าวไปแล้วที่โลกนี้นั้นแตกต่างจากโลกก่อนของกาเล็ท คุณภาพชีวิตของผู้คนภายในดินแดนยูยานนั้นยังต่ำ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถเลือกอาหารที่จะกินได้ เนื้อที่มีขายอยู่ตามตลาดจึงเป็นเนื้อของสัตว์หลายหลายชนิดคละกันไป ชาวบ้านบางคนที่พอมีฝีมือติดตัวก็จะออกจากเขตเมืองไปล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถนำไปแปรเปลี่ยนเป็นเงินทอง ส่วนผู้ที่มีความสามารถมากกว่าคนทั่วไปจะเรียกว่านักผจญภัย คนพวกนี้จะสามารถหาเงินได้มากมายจากการออกผจญภัยในป่าลึก หากฆ่าสัตว์อสูรได้ก็สามารถนำเนื้อของมันมาขายได้เช่นกัน เนื้อของสัตว์อสูรนั้นแม้จะเหนียวกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป แต่หากกล่าวถึงคุณค่าทางสารอาหารแล้ว เนื้อของสัตว์อสูรย่อมมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไปมาก หากจะนำเนื้อของสัตว์อสูรที่มีความเหนียวและคาวกว่าสัตว์ทั่วไปมาประกอบอาหารให้ได้รสชาติที่ดี ผู้ลงมือทำต้องมีฝีมืออยู่พอสมควร

         หมาป่าขนทองทั้งสามที่กาเล็ทนำมา จะกล่าวไปแล้วด้วยขนาดตัวของพวกมันที่ใหญ่โตกว่าเสือหรือสิงโตถึงสองเท่า หมาป่าขนทองทั้งสามตัวนั้นมีน้ำหนักรวมกันเกือบหนึ่งพันกิโลกรัมเลยก็ว่าได้ ด้วยน้ำหนักที่มากมายถึงเพียงนี้ เนื้อของพวกมันก็ต้องมีจำนวนมากตามไปด้วยเช่นกัน หากจะทิ้งไปให้เสียเปล่าก็ออกจะน่าเสียดายไป ครั้นเมื่อกาเล็ทเหลียวนึกถึงเด็กๆที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่ต้องอดมื้อกินเมื้อจึงมีความรู้สึกไม่อยากให้เนื้อของหมาป่าขนทองทั้งสามนี้เสียเปล่าไป

         ทหารของตระกูลบุสโซ่ที่ทยอยสังเกตุเห็นถึงร่างอันใหญ่โตของหมาป่าขนทองทั้งสามก็เริ่มเข้ามามุงดู

         "น นายน้อยนี่มัน" มาร์ตินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้นไม่น้อย

         "เจ้ามาก็ดีแล้วมาร์ติน นี่เป็นหมาป่าขนทอง เจ้านำผู้คนแบกร่างของพวกมันไปยังส่วนหลังของปราสาทพร้อมทั้งชำแหละร่างของพวกมัน ส่วนไหนกินได้ก็ส่งต่อให้แก่ห้องครั้วเพื่อทำอาหารออกมาเลี้ยงดูเหล่าทหาร" กาเล็ทเอ่ยสั่งการ

         กล่าวไปพวกมันย่อมรู้ว่างร่างพวกนี้คือหมาป่าขนทอง ที่พวกมันต้องการทราบหาใช่ว่าร่างยักษ์นี้คือสิ่งใด แต่กลับเป็นเหตุผลที่ร่างของหมาป่าขนทองทั้งสามมาอยู่ที่แห่งนี้ได้

         "พวกมันล้วนสิ้นชีพแล้ว ไม่ต้องกลัวไป ช่วงที่ข้าออกลาดตระเวนประจวบเหมาะไปเจอพวกมันเข้า" กาเล็ทเอ่ยอธิบายแบบขอไปที 

         มาร์ตินผู้ซึ่งได้ยินคำอธิบายก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม ไม่ทราบว่าแถบเมืองหลวงมีหมาป่าขนทองอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อใด ? หากมีสัตว์ร้ายเช่นนี้อยู่บริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นเช่นนี้ไม่ทราบว่าจะมีชาวบ้านเคราะห์ร้ายเท่าใดที่ถูกมันกลืนกินไป แม้แต่ตนเองซึ่งเป็นผู้ฝึกพลังหากว่าต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าขนทองแม้สักตัวเดียวก็คงไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ แม้จะสงสัยกังขาแต่มาร์ตินก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามมากความได้แต่เก็บความสงสัยของตนเองเอาได้และออกคำสั่งให้ผู้คนนำร่างทั้งสามของหมาป่าขนทองไปชำแระตามคำสั่งของกาเล็ท

         กาเล็ทกลับเข้ามายังส่วนชั้นในของปราสาท ในสวนภายในของส่วนชั้นในกาเล็ทถอทเสื้อเชิตที่เปรอะเปลื้อนไปด้วยคราบของสิ่งสกปกออก เผยให้เห็นถึงมัดกล้ามเนื้อที่เพิ่มพูนขึ้น หลายเดือนมานี้ไม่เพียงแต่ฝึกฝนพลังกาเล็ทยังแบ่งเวลามาฝึกฝนร่างกายของตนเองอย่างหนัก ขณะที่กาเล็ทกำลังฝึกฝนร่างกายอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงหวานดังขึ้น "กาเล็ทมาอยู่ที่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าทั่วไปหมด"

         เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครที่ไหนหากแต่เป็นเสียงของแชลเทีย 

         "ตามหาข้ามีเรื่องใดหรือ" กาเล็ทละจากการฝึกฝนร่างกายพร้อมทั้งยันกายลุกขึ้นมาเอ่ยถาม เผยให้เห็นถึงหน้าท้องที่แบนราบไม่มีไขมันอยู่เลยแม้แต่น้อย มัดกร้ามที่สามารถสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนสมชายชาตรี

         แชลเทียซึ่งเห็นภาพนั้นก็เกิดอาการไม่ปกติเล็กน้อย "จะเขินอายด้วยเหตุใด อีกหน่อยย่อมต้องเห็นอยู่ทุกวี่วัน ทั้งยังจะต้องเห็นมากกว่านี้" กาเล็ทสัพยอกหญิงคนรัก

         ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทแชลเทียก็หน้าขึ้นสี "ช่างน่าไม่อายนัก วาจาเช่นนี้ก็กล่าวออกมาได้"

         "ว่าแต่ตามหาข้าด้วยเรื่องใด" กาเล็ทเอ่ยถามอีกครา

         "ข้าจะมาถามเจ้าว่า งานวันเกิดของแมรี่จะจัดขึ้นอีกสองวันข้างหน้า เจ้าต้องการจะไปด้วยหรือไม่" แชลเทียเอ่ยถาม

         กาเล็ทได้ฟังคำถามก็ยิ้มออกมา "งานสังคมเช่นนี้ ข้าออกจะไม่คุ้นชินอยู่บ้าง เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ"

         "ข้าคิดไว้แล้วเชียว" แชลเทียเอ่ย "เช่นนั้นวันนี้จ้าจะพาซิลเวียเข้าเมืองไปตระเตรียมตัว" แชลเทียเอ่ยบอก

         "ท่านแม่ไม่ได้ออกงานสังคมนานแล้ว รบกวนเจ้าพาท่านแม่ไปด้วยได้หรือไม่" กาเล็ทกลับนึกถึงนีน่าขึ้นมา

         "เมื่อครู่ข้าถามท่านป้าดูแล้ว ท่านป้าบอกว่างานนี้เป็นงานของเด็กๆ หากมีผู้ใหญ่อย่างตนไปเข้าร่วมก็จะทำให้บรรยากาศความรื่นเริงลดน้อยลง" แชลเทียเอ่ยอธิบาย

         เมื่อคิดตามกาเล็ทก็เห็นว่าคำกล่าวนี้ดูมีเหตุผลอยู่บ้าง "ให้ข้าไปส่งดีหรือไม่"

         แชลเทียเหลียวมองมาที่กาเล็ทชั่วแวบหนึ่ง "กาเล็ทเจ้าเอาแต่ฝึกฝน แม้แต่เวลานอนเจ้าก็ไม่ยอมนอน เจ้าพักผ่อนเถอะ"

         ได้ฟังคำกล่าวของคนรัก ตนเองก็ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรดีว่าร่างกายของตนเองบัดนี้ไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป แม้อดหลับอดนอนสักสองสามวันก็ไม่นับเป็นอย่างไรได้สำหรับตนเอง "ให้ข้าไปส่งเถอะ" กาเล็ทได้แต่เอ่ยขันอาสาออกมา

         "นายน้อย หมาป่าสามตัวที่ด้านหลังท่านเป็นคนล่ามาหรือ" หลังจากแชลเทียไปได้ไม่นานเสียงของพ่อบ้านโจเซพก็ดังขึ้น

         "ท่านลุง ท่านทราบแล้ว" กาเล็ทเอ่ย

         "นายน้อยท่านไปเยือนป่าอสูรฟ้ามาใช่หรือไม่" โจเซพตั้งคำถามกับกาเล็ททันที

         "เป็นเช่นนั้น ท่านลุง" กาเล็ทนั้นทราบดีว่าไม่อาจปิดปังพ่อบ้านของตนผู้นี้ อีกทั้งไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง โจเซพนั้นซื้อสัตจงรักพักดีต่อตระกูลบุสโซ่ยิ่งกว่าผู้ใด ครั้นเมื่อตระกูลบุสโซ่ตกต่ำถึงขีดสุดก็มีเพียงแต่โจเซพเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าไม่หนีหายไปไหน ดังนั้นทุกเรื่องราวกาเล็ทล้วนบอกกล่าวต่อโจเซพได้ทั้งสิ้น

         "นายน้อย ท่านไม่อาจไม่ระวังตัว จริงอยู่ว่าตัวท่านนั้นมากด้วยความสามารถ แต่ว่าภายในป่าอสูรฟ้านั้นก็เต็มไปด้วยซากศพของผู้มากความสามารถไม่น้อยเช่นกัน หากว่านายน้อยไปเจอกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเข้าจะทำเช่นไร ครั้งนี้ท่านเอาตัวรอดมาจากฝูงหมาป่าที่น่ากลัวเหล่านั้นได้ ครั้งหน้าเล่า หากท่านเป็นอะไรไปนายหญิงจะมีชีวิตอยู่ได้เช่นไร" โจเซพปิดบังความกังวลไว้ไม่มิด จนไม่อาจที่จะควบคุมตัวเองเอ่ยน้ำเสียงเป็นเชิงตำหนิออกมา โจเซพนั้นรู้ดีว่าหากว่านายน้อยผู้นี้ของตนเป็นอะไรไป นายหญิงของตนก็คงต้องตรอมใจจนตกตายเป็นแน่

         ได้ฟังน้ำเสียงเชิงตำหนิติเตียนของโจเซพ กาเล็ทกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่กาเล็ทกลับยิ้มออกมา "ท่านลุง ข้าทราบดีว่าท่านลุงนั้นเป็นห่วงข้าไม่ด้อยกว่าผู้ใด ที่ข้าต้องทำเช่นนี้หนึ่งนั้นเพราะความจำเป็น อีกหนึ่งนั้นเพราะต้องการศึกษาเกี่ยวกับป่าอสูรฟ้าที่ลึกลับนั่นให้กระจ่าง"

         "นายน้อยที่ว่าจำเป็นท่านหมายความว่าอย่างไร" โจเซพเอ่ยถามอย่างกังขา น้ำเสียงของโจเซพนั้นอ่อนลงเล็กน้อย

         "ท่านลุง ข้านั้นสามารถฝึกฝนพลังจิตวิญญาณ ข้าสามารถฝึกฝนการควบคุมพลัง เรื่องเหล่านี้ไม่มีปัญหาสำหรับข้าแต่ที่เป็นปัญหาสำหรับข้าคือประสบการณ์ต่อสู้จริง ท่านลูงการต่อสู้ของข้ากับรุสโซ่แห่งตระกูลบลูโน ข้าอาจได้ชัยก็จริงอยู่แต่ท่านลุงทราบหรือไม่ว่าหากไม่เพราะโชคช่วยผู้ที่ต้องตกตายอาจจะเป็นตัวข้าเองก็เป็นได้ คนผู้หนึ่งไม่ว่าจะมีพลังมากมายเพียงไรแต่หากปราศจากประสบการณ์ย่อมเพรี่ยงพร้ำได้โดยง่าย ยกตัวอย่างรุสโซ่ที่มีเปรียบทุกทางเหตุใดเขาจึงถูกข้าสังหาร?" กล่าวมาถึงช่วงท้ายเมื่อเห็นว่าโจเซพไม่ตอบคำกาเล็ทก็เอ่ยตอบแทน "เหตุเพราะว่าเขาขาดประสบการณ์ เขาแม้จะมีพลังถึงระดับ 9ขั้นสูงก็จริงอยู่ แต่หากให้แจกแจงออกมาข้าเชื่อว่าในรอบสิบปีที่ผ่านมารุสโซ่ไม่เคยผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาเลยแม้สักครั้งเดียว ท่านลุงเส้นทางของตระกูลบุสโซ่เราหาได้โรยด้วยกรีบกุหลาบ ไม่ทราบว่ามีศัตรูเข้มแข็งมากน้อยเท่าใดจ้องที่จะทำลายพวกเราจากเงามืด ดังนั้นข้าไม่อาจงอมืองอเท้ารอรับความตาย"

         หลังจากนั้นกาเล็ทก็เอ่ยเล่าเหตุพิพาทระหว่างตนเองกับตระกูลเจอริโก้ให้แก่โจเซพฟัง พร้อมทั้งกำชับว่าอย่าให้เรื่องนี้หลุดรอดไปเข้าหูนีน่าเป็นอันขาด เมื่อได้ฟังโจเซพก็ปากอ้าตาค้าง

         "ท่านลุงเพื่อความรวดเร็วในการทะลวงสู่ระดับราชา ข้าไม่อาจฝึกฝนด้วยวิธีปกติ อาจบางที 1 ปีนับจากนี้ อาจบางที 5 ปี 10 ปีต่อจากนี้ตระกูลเจอริโก้อาจจะไม่มีความเคลื่อนไหว ข้าอาจจะไม่จำเป็นต้องเร่งรัดตนเองจนเกินไป แต่นั่นก็เป็นเพียงคำว่าอาจจะ ข้าไม่สามารถเอาชะตาของพวกเราทั้งหมดผู้เข้ากับโชคได้ หากถามหาสถานที่ที่จะให้ประสบการณ์ต่อสู้แก่ข้าได้คงไม่มีที่ใดเหมาะไปแก่หุบเขาอสูรฟ้าแล้ว ท่านลุงโปรดวางใจข้าจะระมัดระวังตัวให้ถึงที่สุดและจะไม่ทำสิ่งใดเสี่ยงอันตราย" กาเล็ทเอ่ยอธิบายอย่างเนิ่นนานกว่าที่โจเซพจะสามารถสงบจิตใจลงได้

         หลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับโจเซพ กาเล็ทก็อาบน้ำชำระกายและทำหน้าที่คุ้มกันส่งแชลเทียกับซิลเวียไปยังตระกูลเรนเดล จากนั้นกาเล็ทก็แวะไปหาอาจารย์เทลเล่อ ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากกลับมาจากภารกิจที่เมืองรีเวล สิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจกาเล็ทตลอดมาคือเรื่องการตายของบิดา อาจบางทีผู้พิทักษ์อย่างอาจารย์ของตนอาจทราบสิ่งบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

         อาจารย์เทลเล่อยังคงจับเจ่าอยู่กับการเขียนตำราเช่นเดิมเมื่อกาเล็ทเดินทางมาถึงยังที่พักของอาจารย์ของตนผู้นี้ "ท่านอาจารย์ ท่านยังคงเก็บตัวอยู่ที่นี่เช่นเคย" กาเล็ทเอ่ยทักทาย

         "ไม่ใช่พึ่งมาหาข้าไม่กี่วันก่อนหรอกหรือ เหตุใดวันนี้เจ้าจึงเดินทางมาอีก" อาจารย์เทลเล่อที่นึกถึงบทสทนาเมื่อครั้งก่อนเอ่ยปากถามไถ่ศิษย์ของตนเองด้วยน้ำเสียงที่ดูรำคาญใจอยู่บ้าง ตัวมันนั้นคิดว่าที่กาเล็ทมาเยี่ยมในวันนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมมันเรื่องอาการบาดเจ็บของตนเอง

         "ท่านอาจารย์ที่ข้ามาวันนี้เพราะตัวข้ามีสิ่งที่รบกวนจิตใจมาตลอด ข้าคงไม่อาจฝึกฝนอย่างสบายใจได้หากว่าเรื่องนี้ไม่ได้รับความกระจ่าง" กาเล็ทเอ่ยสีหน้าดูเป็นกังวลไม่น้อย

         "เรื่องใดกันที่ทำให้เจ้าเป็นกังวล" อาจารย์เทลเล่าเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเช่นกันเมื่อเห็นอาการของศิษย์รัก

         บอกกล่าวท่านอาจารย์ตามตรง "หลังจากกลับมาจากเมืองรีเวล ตัวข้าก็เฝ้าครุ่นคิดเสมอมาเกี่ยวกับเรื่องของบิดาข้า ท่านพ่อของข้าหากว่าตกตายไปแล้วจริงข้าก็ต้องการที่จะทราบว่ามันเกิดเรื่องใดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เหตุใดจึงมีข่าวลือเช่นว่านั้น หากท่านพ่อตายแล้วสังขานของท่านพ่อเล่าอยู่ที่ใด" กาเล็ทพรั่งพรูสิ่งที่ตนเองเป็นกังวลใจออกมา

         อาจารย์เทลเล่อได้ฟังก็ถอนหายใจออกมานิ่งเงียบไป "เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบกระจ่างนัก ข้าเพียงได้ยินมาว่าเมื่อ 8 ปีก่อนบิดาของเจ้าได้ปฎิบัติภารกิจลับประกรหนึ่งให้แก่องค์ราชา ข้ารู้มาเพียงเท่านี้"

         "ภารกิจลับ?" กาเล็ทเอ่ยอย่างฉงนใจ

         "เรื่องราวเบื้องหลังการตายของบิดาเจ้า เห็นคงมีแต่องค์ราชาที่สามารถให้ความกระจ่างแก่เจ้าได้ศิษย์ข้า" ถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งจากนั้นอาจารย์เทลเล่อจึงเอ่ยต่อ "เอาเป็นว่าเรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าถามไถ่อีกแรงหนึ่ง เอาเป็นว่าหลังจากองค์ราชาเสด็จกลับมาจากเมืองรีเวลเมื่อไร เจ้ากับข้าก็ไปพบองค์ราชาพร้อมกันเถอะ"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×