ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #38 : เดือดดาล [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.94K
      693
      8 มิ.ย. 60




         กาเล็ทนำร่างของหญิงสาวเคราะห์ร้ายที่ตนเองช่วยมาได้กลับมายังจุดรวมพลหมู่บ้านคองโก้อย่างรวดเร็วและมอบให้กับทหารคนหนึ่งดูแล ขณะที่จะกลับไปตรวจตราการขุดหลุมกับดักกาเล็ทกลับสังเกตุเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น นั่นคือกลับมีทหารผู้หนึ่งนั่งอย่างสุขสบายนัก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีทหารอีกสองคนคอยโบกพัดไปมาเพื่อช่วยคลายร้อนให้ทหารผู้นั้นอีกด้วย

         "พวกเจ้ากำลังทำอะไร" กาเล็ทเอ่ยถาม ในน้ำเสียงแฝงถึงความไม่พอใจถึงขีดสุด

         "ข ข ข้า ข้า" ทหารทั้งสองที่กำลังโบกพัดสบัดไปมากล่าวตะกุกตะกักไม่ทราบว่าจะตอบเช่นไรดี

         "บัดซบ พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ถึงเพียงไหน กำลังคนทุกคนย่อมมีค่าหามีเวลาให้พวกเจ้าได้พักผ่อนอย่างสุขสบายเช่นนี้ไม่ หากข้ากลับมาแล้วยังเห็นว่ามีผู้ใดทำตัวออดแอดอีกข้าจะไม่อภัยละเว้นและจะลงโทษมันผู้นั้นตามกฎของทหาร" กาเล็ทเอ่ย แม้ตอนนี้ตนเองอยากจะลงโทษทหารทั้งสามที่เบื้องหน้านี้เพียงไรยังคงต้องอดกลั้นไว้

         "เจ้าจะมากเกินไปแล้ว" เสียงหวานใสกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ

         กาเล็ทซึ่งกำลังจะหันกายจากไปพลันหยุดชงักลงหันกลับมามองยังทิศทางที่เสียงใสนั้นดังมากลับพบว่าผู้กล่าวคำเป็นทหารผู้ซึ่งกำลังรับการปรนิบัติจากทหารอีกสองคนนั้น กาเล็ทกลับพบว่าทหารหญิงผู้นี้กลับเป็นคนที่ตนเองเคยตักเตือนบนเรือเหาะ "เจ้าว่าอะไรนะ" กาเล็ทเอ่ยถาม

         "ข้าบอกว่าเจ้าจะมากเกินไปแล้ว ชอบแสดงอำนาจบาตใหญ่ หึ เสแสร้งแกล้งดัดทำเป็นคนดีห่วงใยประชาชน ข้ารู้ว่าพอถึงเวลาคับขันเจ้าก็จะหนีหายไปเป็นคนแรกดั่งเช่นที่บิดาของเจ้าเคยทำ" ซิลเวียซึ่งปลอมแปลงเป็นทหารเอ่ยออกมาด้วยความโกรธที่ตนเองถูกตวาดใส่ พอเอ่ยคำออกมาแล้วตนเองกลับรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

         "วิเศษมาก กลับกล้าดูหมิ่นบิดาข้า พวกเจ้าจับมัดมันผู้นี้ไว้เมื่อกลับไปถึงเมืองรีเวลข้าจะสำเร็จโทษมันฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาตามกฎของทหาร" กาเล็ทเอ่ยอย่างเดือดดาล

         "เจ้ากล้าหรือ เจ้าไม่รู้หรือไม่ข้าเป็นใคร" ซิลเวียกลับเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้

         กาเล็ทเห็นทหารทั้งสองคนยังรีรอรังเลก็ยิ่งมีความรู้สึกโกรธเคือง "พวกเจ้าต้องการรับโทษเช่นเดียวกับมันผู้นี้ ?" กาเล็ทเอ่ยถามทหารอีกสองคนที่มีท่าทางรีรอรังเล เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ตอบคำกาเล็ทก็ชักดาบออกมา "ดีเช่นนั้นข้าจะลงโทษพวกเจ้าในบัลดล"

         "ท่านมาร์ควิสช้าก่อน น นี่คือเจ้าหญิงลำดับสองของโรฮาน ท่านมาร์ควิสโปรดเข้าใจความลำบากใจของพวกข้าด้วย" ทหารทั้งสองนายเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ

         "เจ้าหญิง ?" กาเล็ทเลิกคิ้วสูงขึ้นอย่างงงงวย จากนั้นจึงสำรวจดูผู้ซึ่งอ้างตนเองว่ามีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าหญิงผู้นี้อย่างถี่ถ้วนอีกรอบหนึ่ง กาเล็ทกลับพบว่าภายใต้หมวกเกราะนั้นกลับเป็นใบหน้าที่งดงาม ทั้งปาก จมูก คิ้ว ดวงตากลมโตนั้นกลับรวมเข้ากันไอ้อย่างลงตัวกลายเป็นใบหน้าที่งดงาม ผิวพรรณที่ขาวผ่องยองใยราวหิมะ หากจะบอกว่านางเป็นเจ้าหญิงของอาณาจักรก็ไม่เกินเลยไป ยังมีท่าทีที่ยโสโอหังนั้น สายตาที่จ้องมองมาที่ตนเองอย่างไม่หวาดกลัว

         "หึ รู้แล้วสิว่าข้าเป็นใคร ทีนี้เจ้ายังจะกล้าทำตัวไร้มารยาทกับข้าอีกไหม" ซิลเวียเอ่ยอย่างผู้ชนะ แต่คำกล่าวต่อมาของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าของตนเองก็ทำให้รอยยิ้มนั้นชงักค้างไป

         "จับนางมัดไว้ !" กาเล็ทยังคงออกคำสั่งเช่นเดิม

         "ท ท่านมาร์ควิสแต่ว่านางเป็นเจ้าหญิง" ทหารผู้หนึ่งโต้แย้ง

         "หากเจ้าไม่ทำ ข้าจะสังหารเจ้าในบัดดลโทษฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ข้าจะนับถึงเพียงสามและจะไม่มีโอกาสที่สองให้พวกเจ้าแก้ตัวอีก" กาเล็ทเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "สาม" กาเล็ทนับสามในทันทีพร้อมกันนั้นดาบในมือก็เงื้อขึ้น

         ทหารทั้งสองนายซึ่งเห็นว่ามาร์ควิสบุสโซ่ผู้นี้คงไม่ได้กล่าวเล่นๆก็รีบเร่งนำเชือกออกมาจากกระเป๋าจากนั้นจึงกล่าวกับเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอย่างช่วยไม่ได้ "องค์หญิง ข้าน้อยขออภัยด้วยหวังว่าองค์หญิงจะเข้าใจความลำพวกใจของพวกข้า"

         "ไม่ เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้ ข้าเป็นเจ้าหญิงนะ เจ้าไม่มีสิทธิทำแบบนี้กับข้า" ซิลเวียซึ่งกำลังถูกทหารทั้งสองจับมัดพันธนาการร่างไว้เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม

         กาเล็ทได้ยินเด่นนั้นก็ยิ้มอย่างพอในเดินเข้าหาร่างเล็กนั่นพร้อมทั้งใช้มือบีบคางของนาง "เป็นถึงเจ้าหญิงก็ควรอยู่แต่ในวังมิใช่หรือ เป็นเจ้าหญิงจริงหรือไม่ก็ยังไม่อาจพิสูจน์ทราบได้ บางทีอาจจะใช่ หรืออาจจะไม่" กาเล็ทเอ่ย ที่จริงแล้วกาเล็ทก็มั่นใจอยู่หลายส่วนว่านางนั้นคงเป็นเจ้าหญิงของโรฮานไม่แปลกปลอมแล้ว แต่ด้วยหากปล่อยให้นางใช้อำนาจบาตใหญ่จะกระทบการทำงานของตนเองได้ อีกเหตุผลคือกาเล็ทต้องการสั่งสอนเอาคืนที่นางใช้วาจาดูหมิ่นบิดาของตนเอง

         ตาสีฟ้าคู่งามกลับจ้องมองอย่างไม่ยินยอม

         "เมื่อมัดนางเสร็จแล้วให้พวกเจ้านำนางไปไว้บนเกวียนนั่นเพื่อรอการอพยพ บอกต่อพวกเจ้าไว้ก่อน หากว่านางหลุดรอดหนีหายไปได้พวกเจ้าก็เตรียมตัวหัวหลุดจากบ่าไว้ได้เลย" กาเล็ทเอ่ยขู่ทหารทั้งสองจากนั้นก็หันกายจากไปเพื่อไปตรวจงานที่ตนเองสั่งการไว้

         "คนอย่างเจ้าต้องไม่มีจุดจบที่ดี" เสียงใสเอ่ยไล่หลังกาเล็ทไป

         
         "ท่านมาร์ควิส" โรสเอ่ยเรียกกาเล็ทไว้ "ข้าได้ไปสำรวจมาอย่างละเอียดแล้วในชาวบ้าน จำนวนทั้งสิ้นห้าพันกว่าคนนั้นมี เด็ก สตรีและคนแก่อยู่ประมาณพันห้าร้อยคนซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เท่าไรนัก คนเจ็บที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยประมาณสามร้อนคน คนเจ็บที่พอช่วยเหลือตัวเองได้บ้างห้าร้อยคน ส่วนคนที่เหลือนั้นล้วนแข็งแรงดีอยู่" โรสเอ่ยรายงาน

         กาเล็ทซึ่งผงกหัวอย่างเข้าใจก็เอ่ยขึ้น "เจ้าเร่งรีบบอกแก่พวกเราอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมงพวกเราจะรีบออกเดินทาง โรสให้เจ้าคัดเอาชายที่แข็งแรงจากผู้อพมาช่วยงานเพื่อแก้ไขในเรื่องกำลังพลที่พวกเราขาดแคลนไปก่อน บอกต่อพวกเขาว่าเมื่อไปถึงเมืองรีเวลแล้วทางการจะจ่ายค่าจ้างให้" กาเล็ทเอ่ยสั่งการ

         "เข้าใจแล้วท่านมาร์ควิส" โรสเอ่ยรับคำ

         เวลาล่วงเลยผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียวเหล่าทหารทั้งสองร้อยนายก็ขุดหลุมได้หลายหลุมแล้ว ส่วนไม้ที่ตัดมาเหลาจนแหลมคมก็มีไม่น้อยแล้วเช่นกัน

         "เจ้านำเชือกนั้นมามัดต่อกันและเอามาวางเป็นแนวให้พวกเราใช้หลบภัยป้องกันเวลาซุ่มโจมตี" กาเล็ทยืนชี้นิวสั่งการในแต่ละจุด "พวกเจ้านำไม้ที่เหลาจนแหลมคมแล้วลงไปติดตั้งยังก้นหลุม" กาเล็ทเอ่ยสังการทหารอีกหลุ่มหนึ่ง

         หลุมที่ลึกถึงสามเมตรหาได้จะขุดกันโดยง่ายแต่ทหารทั้งสี่ร้อยคนที่กาเล็ทนำมายังหมู่บ้านคองโก้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนทั้งสิ้นจึงมีกำลังวังชามากกว่าคนทั่วไปมากนักนี่จึงเป็นเหตุให้ทั้งงานขุดหลุม ตัดไม้ต่างเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว

         เวลาผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง หลุมนับร้อยๆหลุมซึ่งมีไม้แหลมคมถูกปักไว้ยังก้นหลุมก็แล้วเสร็จ ไม่แต่เพียงนั้นยังมีแนวรั้วซึ่งทำจากไม้เป็นระยะทางยาวพอสมควรอยู่ด้วย

         "เจพ ส่งคนไปแจ้งต่อโรสให้เริ่มตั้งขบวนอพยพได้ให้กลุ่มที่มีผู้บาดเจ็บผู้หญิงและคนแก่ออกเดินทางก่อน การคุ้มกันดูแลขบวนผู้อพยพให้ใช้หน่วนของโรสบวกกับทหารของเมืองรีเวลอีกแปดสิบคนช่วยดูแล ส่วนพวกเจ้าที่เหลืออีกสามร้อยให้ไปเตรียมตัวพวกเราจะอยู่รั้งท้ายรอต้อนรับฝูงสัตว์อสูรอยู่ที่นี่" กาเล็ทเอ่ย

         จากการสำรวจของการเล็ทพบว่ากลุ่มแรกของฝูงก๊อบลินนั้นใกล้ที่จะมาถึงจุดรวมพลหมู่บ้านคองโก้แล้ว กาเล็ทต้องการซื้อเวลาสักหน่อยอย่างน้อยก็จนกว่าขบวนผู้อพยพทั้งหมดจะเดินทางออกจากหมู่บ้านคองโก้ไปได้

         ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทเหล่าทหารก็กลืนน้ำลายลงคออย่างหนาวเหน็บ

         "อย่าห่วงไปเลย ด้วยหลุมกับดักและแนวกั้นที่ทำไว้ แม้ฝูงก๊อบลินจะมีจำนวนนับพันก็ไม่สามารถผ่าเข้ามาได้ พวกเราจะใช้ธนูยิงจู่โจมมันจากระยะไกล หากมีศัตรูแข็งแกร่งสามารถผ่าแนวกั้นมาได้ข้าจะเป็นผู้เข้ารับมือเอง" กาเล็ทเอ่ยเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจของทหารกลับคืนมาอีกครา

         กาเล็ทนั้นรู้ดีว่าการออกรบ ออกศึก สิ่งที่สำคัญที่สุดหาใช่จำนวนแต่มันคือกำลังใจของไพร่พล จากประวัติศาสตร์การศึกในโลกก่อนบ้างก็มีแม่ทักซึ่งสามารถนำกำลังที่น้อยกว่าหลายเท่าเอาชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้ เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวของเรื่องนี้ย่อมเป็นขวัญและกำลังใจ
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×