ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #244 : สอบสวน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.3K
      419
      24 ส.ค. 61




    วึ่ง วึ่ง วึ่ง เสียงของม่านพลังโปร่งใส่ที่ถูกสร้างขึ้นสั่นไหวตัดผ่านอากาศดังระงมไปทั่ว

    กาเล็ทที่ใช้เวลากว่าหลายนาทีนั่งถ่ายทอดพลังเข้าสู่ร่างของเจฟเพื่อเยียวยารักษาผละมือออกจากร่างของหนึ่งในลูกน้องคนสนิท "ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับบทเรียนในครั้งนี้ของเจ้าเกือบจะต้องแลกด้วยมาชีวิต หวังว่าเจ้าจะจดจำความผิดพลาดในครั้งนี้ให้ขึ้นใจ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่ปล่อยร่างของเจฟที่ยังอ่อนแรงให้ทรุดลงกับพื้น ในตอนนี้อาการบาดเจ็บภาพในและภายนอกของเจฟนั้นนับว่าไม่ได้อยู่ในขั้นอันตรายอีกต่อไป กาเล็ทที่ลุกขึ้นค่อยๆเดินไปเบื้องหน้าที่เอกีย์และบาทหลวงเจมินี่ถูกม่านพลังคุมขังอยู่ ขณะที่เดินผ่านไปถึงข้างกายของมิร่าซึ่งโผบินลอยตัวอยู่กาเล็ทก็ไม่ลืมที่จะลูบหัวของนางอย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นรางวัลที่นางสมควรจะได้รับ

    "หากอยากมีชีวิตรอดกลับออกไปก็ตอบคำถามข้า" กาเล็ที่ก้าวเดินมาถึงเบื้องหน้าม่านพลังแล้วเอ่ยขึ้นขณะที่ยืนจังก้าจ้องมองเข้าไปภายในม่านพลังที่คุมขังผู้คนถึงสองคนที่ไม่รู้ที่มา

    แม้จะมีม่านพลังครอบคลุมไว้แต่ประโยคที่กาเล็ทเอ่ยกล่าวยังคงสามารถได้ยินและจับใจความได้บ้าง บาทหลวงเจมินี่ที่อยู่ภายในทำเสมือนว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าเอ่ย ตอนนี้มันกลอกตาของตนเองไปมาเพื่อประเมินและหาช่องทางทำลายม่านพลังที่ครอบคุมพื้นที่บริเวณโดยราบสามเมตรรอบตัวมันอยู่ เมื่อเห็นว่าม่านพลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยการร่วมมือของผู้มีพลังระดับราชาขั้นกลางเพียงสามคนมันก็รู้สึกเบาใจไปเปราะหนึ่ง สำหรับกับมันในตอนนี้แล้วหากว่ายอมสูญเสียพลังของตนเองบางส่วนก็ยังพอมีช่องทางที่จะสามารถระเบิดทำลายม่านพลังนี้ให้แตกออกได้อยู่แต่ที่เป็นปัญหาสำหรับมันนั้นคือการหลบหนี ลำพังตัวมันหากคิดจะหลบหนีไปจากสถานการณ์ตรงหน้าว่ายากแล้วกลับยังต้องพาคนที่บาดเจ็บหนึ่งคนหลบนี้ไปด้วยอีกนี่มิใช่เป็นเรื่องที่นับว่ายากเย็นกว่าการปีนป่ายขึ้นสวรรค์อีก?

    "ท่านบาทหลวงไม่ต้องสนใจข้า ชีวิตนี้ข้ายอมสละได้เพื่อความรุ่งเรืองของทวีปกลางเรา ขอให้ท่านบาทหลวงรวบรวมพลังเพื่อทำลายม่านพลังนี้ เมื่อสบโอกาสข้าจะใช้วิชาช่วยพลางตาอีกแรงหนึ่งจากนั้นขอให้ท่านบาทหลวงหลบหนีไปอย่างเต็มกำลังอย่าได้หันกลับมา" เอกีย์ส่งเทเลพาทีแจ้งจุดประสงค์ของตนเองต่อบาทหลวงเจมินี่โดยหารู้ไม่เลยว่าการสื่อสารของตนเองกับบาทหลวงเจมินี่ถูกกาเล็ทที่ยืนอยู่นอกบาเรียตรวจจับได้แล้ว

    "เช่นนี้จะได้อย่างไร จะให้ข้าทิ้งท่านไป.." บาทหลวงเจมินี่ตอบไปทางเทเลพาทีอย่างลำบากใจ

    "ท่านบาทหลวงเวลาไม่รอช้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด เราไม่อาจปล่อยให้ศัตรูร้ายหลบซ่อนคอยเฝ้าหาโอกาสจู่โจมเข้าใส่พวกเรายามเผลอพลั้ง จำเป็นต้องมีหนึ่งในพวกเราที่หนีรอดกลับไปนำข้อมูลของสัตว์อสูรที่น่ากลัวตัวนี้กลับไปแจ้งต่อท่านจักรพรรดิจรัสแสงและในตอนนี้ท่านก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าข้า" เอกีย์ตอบกลับไป

    ได้ยินเช่นนั้นบาทหลวงเจมินี่ก็ไม่อิดออดอีก มันได้แต่ผงกหัวยอมรับความตั้งใจของเอกีย์ ในหัวใจของมันตอนนี้นั้นเกิดความรู้สึกยอมรับนับถือเอกีย์ผู้นี้ขึ้นมาอีกหลายส่วน ในตอนแรกมันนั้นมีความรู้สึกไม่สู้ดีกับเอกีย์ผู้นี้เท่าใดนัก ผู้ใดจะคาดว่าเมื่อวิกฤตการณ์มาถึงมันผู้นี้กลับยินยอมเสียสละได้แม้แต่ชีวิตของตนเองเพื่อส่วนรวม บาทหลวงเจมินี่ลอบถอดถอนใจอยู่ภายใน ใครจะคาดคิดว่าการเดินทางครั้งนี้กลับต้องจบลงเช่นนี้ พวกมันที่คิดว่าตนเองสามารถเร้นกายเข้ามาได้อย่างสมบูรณ์แบบกลับถูกตรวจจับติดตามได้เช่นนี้ ที่หลงเหลืออยู่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดศัตรูจึงพึ่งจะปรากฎตัวลงมือ หากมีกำลังเพียบพร้อมถึงเพียงนี้ก็สมควรที่จะลงมือต่อพวกมันขณะที่กำลังถ่ายพลังเข้าสู่ผลึกอสูรคลั่งจึงถูกต้อง มันเฝ้าถามคำถามนี้ต่อตนเองโดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าที่พวกตนถูกพบเห็นนั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น

    กาเล็ทที่ลอบรับฝังการสื่อสารของบุคคลทั้งสองอยู่กลับปรากฎรอยยิ้มลึ้งซึ้งขึ้นบนใบหน้า "ที่แท้ก็คนจากทวีปกลาง ที่น่าแปลกคือพวกมันมาทำอะไรในทวีปตะวันออก ในหุบเขาอสูรฟ้าแห่งนี้? เอาเถอะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้พวกมันทั้งสองหลบหนีรอดพ้นกลับไปได้" กาเล็ทคิดตัดสินใจกับตนเอง

    เมื่อตัดสินใจได้แล้วบาทหลวงเจมินี่ก็ไม่ลังเลอีก จากการประเมินของมันหากต้องการที่จะระเบิดทำลายม่านพลังนี้ให้คลายออกมันต้องยอมเสียสละพลังของตนเองไปกว่าครึ่งเพื่ออัดกระแทกใส่ม่านพลังนี้จากทุกทิศทาง แม้การทำเช่นนั้นจะส่งผลให้พลังต่อสู้ของมันตกลงอย่างมากแต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวและหากมันทำให้ตนเองสามารถหนีกลับไปแจ้งข่าวได้ก็ไม่นับว่าเป็นทางเลือกที่เลวร้าย พลังที่สูญเสียไปขอเพียงมันพักผ่อนพื้นฟูเพียงไม่กี่วันก็ย่อมสามารถที่จะเรียกคืนกลับมาได้ ที่มันยังคงรู้สึกยากจะตัดใจอยู่เพียงเรื่องเดียวคือการที่มันต้องทิ้งบุคคลที่จงรักภักดีดั่งเช่นเอกีย์ไว้ให้ตกตายยังทวีปตะวันออกแห่งนี้ "เจ้าวางใจเถอะ พระผู้เป็นเจ้าจะต้องซาบซึ้งต่อการเสียสละของเจ้าแน่นอน ข้ารับปากว่าจะกลับมาทวงความยุติธรรมให้แก่เจ้าและเมื่อเวลานั้นมาถึงพวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม" บาทหลวงเจมินี่กวาดมือของตนเองไปมาเอ่ยกล่าวขึ้น ขณะที่เอ่ยกล่าวถ้อยคำมันก็ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจ้องมองออกไปเบื้องนอกม่านพลัง จากนั้นมันจึงยื่นมือทั้งสองข้างของมันออกไปเบื้องหน้าและแบหงายฝ่ามือออกส่งผลให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นจากฝ่ามือทั้งสองของมันที่แบออก วึ่งงงงงงง คลื่นพลังมหาศาลก่อตัวพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือทั้งสองของบาทหลวงเจมินี่แผ่กระจายออกไปรอบทิศทางปะทะเข้ากับกำแพงของม่านพลังจากภายใน

    โรส มาร์ตินและเรน่าซึ่งลอยตัวอยู่เบื้องบนรับรู้ได้ถึงแรงกระทบที่สะท้อนกลับมาอย่างหนักหน่วง ทั้งสามตามรู้ดีสามารถหน่วงรั้งม่านพลังให้คงอยู่ได้อีกไม่นานนัก ทั้งสามรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยกับเรื่องนี้ หากว่ามีเจฟร่วมสร้างม่านพลังนี้ด้วยอีกคนหนึ่งมีหรือที่ม่านพลังจะถูกทำลายตีกลับได้ง่ายดายเช่นนี้

    กาเล็ทซึ่งยืนจับจ้องมองดูการกระทำของบาทหลวงเจมินี่อยู่ยังคงเผยรอยยิ้มจ้องมองดูต่อไปโดยไม่ได้ลงมือกระทำสิ่งใดเสมือนจะเป็นการยิ้มเยาะใส่ทั้งบาทหลวงเจมินี่และเอกีย์ที่อยู่ภายใน ครืด คราด กาเล็ทรับรู้ได้ถึงแรงเสียดสีสัมผัสจากทางด้านหลัง เป็นมิร่าที่โผบินมุดตัวเข้ามาคลอเคลียกับตนเอง มิร่าจ้องมองมาที่ตนเองในเชิงเอ่ยถามว่าต้องการให้ตนเองลงมือหรือไม่ กาเล็ทเห็นเช่นนั้นจึงได้ส่ายหัวปฎิเสธไป พร้อมกันนั้นกาเล็ทที่กะช่วงระยะเวลาได้อย่างแม่ยำก็แหงนมองขึ้นไปส่งสัญญาณให้แก่ลูกน้องของตนทั้งสามให้ผ่อนคลายม่านพลังออก อย่างน้อยการผ่อนคลายยกเลิกม่านพลังออกด้วยตนเองก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันถูกฝืนทำลายจากภายใน หากมันถูกฝืนทำลายจากภายในย่อมส่งผลให้แก่นจิตวิญญาณของผู้ร่วมสร้างม่านพลังอยู่นั้นเกิดการสับสนปั่นป่วนและได้รับบาดเจ็มไม่มากก็น้อย

    คลื่นพลังที่บาทหลวงเจมินี่ระเบิดกระจายออกทันทีที่ม่านพลังถูกยกเลิกทิ้งไป พร้อมกันนั้นเอกีย์ที่บาดเจ็บร่อแร่อ่อนระทวยอยู่ก็เค้นพลังเฮือกสุดท้ายของตนเองขึ้นมา มันยกชูมือทั้งสอนของตนเองขึ้นจากนั้นก็เกิดลูกบอลพลังสว่างจ้าขึ้น แสงจ้าจากลูกบอลพลังนี้สว่างเสียจนย้อมทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยแสงของมัน วิชานี้เป็นวิชาที่มันร่ำเรียนมาจากจักรพรรดิตชจรัสแสง แม้ว่าตัวมันจะเรียนรู้ฝึกปรือมาได้เพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้นแต่ก็นับว่ามากเกินพอที่จะใช้เปิดช่องถ่วงเวลาให้บาทหลวงเจมินี่หลบหนีไปในยามนี้

    แสงสว่างจากวิชาประหลาดของเอกีย์สาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณแม้แต่กาเล็ทเองยังต้องยกมือของตนเองขึ้นมาปัดป้องปิดบังดวงตาไว้อย่างไม่รู้ตัว สัมผัสที่ส่งมาทางข่ายจิตวิญญาณที่กางไว้บ่งบอกให้กาเล็ทได้ลับรู้ว่าบุคคลที่เอกีย์เอ่ยเรียกว่าบาทหลวงเจมินี่กำลังเริ่มเคลื่อนไหวที่จะหลบหนีแล้วหากแต่กาเล็ทยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออกอะไรสิ่งเดียวที่กาเล็ทกระทำนั้นคือรอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นมากว่าเดิมบนใบหน้า

    เมื่อเห็นว่าเอกีย์เปิดโอกาสให้ บาทหลวงเจมินี่ก็ไม่รีรอชักช้าอีก ทันทีที่แสงสว่างสาดส่องไปทั่วมันก็รู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่เอกีย์กระทำเพื่อมัน มันพลันเร่งพลังทะยานร่างขึ้นสู่อากาศ ร่างของมันลอยขึ้นสูงเคลื่อนผ่าน มาร์ติน โรสและเรน่าไป แต่ก่อนที่มันจะเร่งความเร็วพุ่งทะยานหลบหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตก็มีประกายของสายฟ้าปรากฎขึ้น

    วูบ ร่างของเทลเล่อปรากฎขึ้นมาเหนือศรีษะของบาทหลวงเจมินี่พร้อมกับใช้สองมือที่ประกับเข้าหากันทุบใส่บาทหลวงเจมินี่ที่ไม่ทันระวังตัวเข้าอย่างเต็มแรง "คิดหลบหนีต่อหน้าข้าเจ้ายังไม่ได้รับอนุญาติ" เทลเล่อคำรามก้อง

    วูบบบบ ตึ้มม ร่างของบาทหลวงเจมินี่ลอยลิ่วล่วงกลับลงมายังจุดเดิมกระแทกกับพื้นดินส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว อัก บาดหลวงเจมินี่พ่นลิ่มเลือดออกมาจากปากของตนเอง "บัดซบแม้แต่จะหลบหนียังทำไม่ได้" บาทหลวงเจมินี่สบถก่นด่าอยู่ในจิตใจ ตอนนี้มันรู้แล้วว่าโอกาสหลบหนีเพียงหนึ่งเดียวของตนเองนั้นผ่านไปแล้ว มันในตอนนี้นั้นได้รับบาดเจ็บและไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้หรือหลบหนีได้อีกต่อไป "เพื่อล้อมจับพวกเราทวีปตะวันออกถึงกับทุ่มกำลังทั้งหมดออกมา" บาทหลวงเจมินี่คิดกับตนเองขณะที่มันค่อยๆเงยหน้าขึ้นเหลือบมองบรุษหนุ่มที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาและย่อตัวลงอยู่เบื้องหน้ามัน


    "ผู้คนจากทวีปกลาง หากยังไม่ตอบคำถามของข้าให้กระจ่างก็อย่าได้คิดหมายจะจากไป" กาเล็ทเอ่ยคำ

    "แคก.. จ.เจ้ารู้ว่าพวกข้ามาจากทวีปกลาง?" บาทหลวงเจมินี่เอ่ยออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ต่อให้พวกมันจะถูกติดตามล้อมจับนั่นก็สมควรจะเป็นเพราะความเคลื่อนไหวของพวกมันถูกตรวจจับพบเห็นผู้อื่นไม่สมควรที่จะรู้ถึงที่มาของพวกมันได้เช่นนี้

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง "เมื่อครู่พวกท่านมิใช่บ่งบอกออกมาเองหรอกหรือ? ที่ข้าต้องการทราบคือคนจากทวีปกลางเหตุใดจึงปรากฎตัว ณ ป่าอสูรฟ้าแห่งนี้ได้" กาเล็ทยังคงเอ่ยถาม
    "มันสามารถตรวจจับรับรู้ข้อความทางจิตที่เราสื่อสารกับเอกีย์ได้!" ในใจลอบตื่นตระหนกหากแต่ปากของบาทหลวงเจมินี่ยังคงเปิดออกด่าทอใส่กาเล็ท "ถุยอย่าได้คิดว่าจะล้วงเอาความลับใดจากปากของพวกข้าไปได้เลย พวกเจ้าจะต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยเพลิงพิโรธของพระผู้เป็นเจ้า"

    "ไม่บอกก็ไม่บอก ข้านั้นย่อมมีวิธีการมากมายที่จะล้วงเอาความลับจากพวกเจ้าเอง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่ลุกขึ้นจากนั้นจึงยกเท้าข้างหนึ่งของตนเองกระทืบเหยียบย่ำเข้าใส่ใบหน้าของบาทหลวงเจมินี่จนมันสลบไป



    ปล.คงยังไม่ลืมแผนของจักรพรรดิจรัสแสงกันใช่ไหมหว่า เอ่ยถึงเรื่องนี้ผมก็คิดหนักเหมือนกันครับว่าจะทำยังไงให้พันธมิตรสี่ทวีปก่อตัวร่วมมือกันได้อย่างไม่หวาดระแวงซึ่งกันและกัน เรื่องนี้ถือว่ายกเอาการที่จะทำให้ออกมาสมเหตุสมผลและลงตัว ส่วนเรื่องสร้างปืนที่พระเอกกำลังจะสร้างนี่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะใส่มาในโลกนี้ ต้องคิดเยอะเหมือนกัน ทั้งปัจจัยต่างๆ การมีอยู่ของดินปืน เทคโนโลยีในโลกนี้เพียงพอที่จะสร้างปืนหรือเปล่า? จากการคิดอย่างถี่ถ้วนและศึกษาโครงสร้างของปืนมาแบบคร่าวๆแล้วผมเลยสรุปว่าการสร้างปืนสำหรับพระเอกไม่ใช่เรื่องยากครับ ที่ยากคือจะสร้างเป็นจำนวนมากยังไงให้เพียงพอ และที่เหนื่อยที่สุดคือคิดถึงสเกลพลังของปืน ปืนสมควรยิงใครตายได้ ปืนยิงคนมีพลังระดับ 7 8 9 ตายไหม ? ปืนลอบยิงคนมีพลังระดับ ราชา จักรพรรดิ บาดเจ็บไหม ? พอกล่าวถึงเรื่องนี้ก็ได้คิดว่าลูกปืนก็มีขนาดและอานุภาพรุนแรงต่างกันไป ในเรื่องพระเอกกับมิร่าในตอนนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็ยังไม่มากกว่าความเร็วเสียงเท่าไหร่เลยนะครับ ส่วนลูกปืนบางรุ่นมีความเร็วกว่าเสียงถึง 2 -3 เท่าเลยนะ การจัดสเกลพลังเลยค่อนข้างลำบากแต่ก็เอาเถอะมันคือสัจธรรม ในโลกของเรานี้การมาถึงของปืนก็ทำให้นักรบที่ฝึกฝนมาอย่างยากลำบากหลายปีต้องตายได้เพราะการเหนี่ยวไกเพียงครั้งเดียวแหละหนอ ไม่พูดเยอะแล้วเดียวสปอยเกิน 55




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×