ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #173 : แกว่งเท้าหาเสี้ยน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.12K
      402
      12 ก.พ. 61




    "ด ด ด....ดยุคบุสโซ่ ?" เมื่อเห็นตราที่กาเล็ทนำออกมาแสดงผู้ดูแลหอร่างท้วมก็ถึงกับปากสั่นเอ่ยกล่าววาจาอย่างยากลำบากออกมา มีหรือที่มันจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนี้ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้ชื่อเสียงของดยุคบุสโซ่มิใช่ดังก้องไปทั่วเมืองหลวงหลอกหรือ หนำซ้ำยังค่อนไปทางร้ายมากกว่าดีเสียด้วยซ้ำ บ้างบอกกล่าวว่าดยุคบุสโซ่โหดเหี้ยมอำมหิต หากว่าผู้ใดขัดใจไม่กระทำตามที่เขาต้องการก็ต้องถูกสังหารฆ่าทิ้ง แต่ก็มีบางข่าวที่กล่าวว่าดยุคบุสโซ่หาใช่โหดร้ายดั่งที่หลายคนเข้าใจ แต่โดยธรรมชาติแล้วผู้คนมักเลือกที่จะเชื่อสิ่งแรกที่ได้ยินได้ฟังมาก่อนเสมอ และผู้ดูแลหอร่างท้วมนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เชื่อว่ากาเล็ทบุสโซ่มีนิสัยโหดเหี้ยมอำมหิต

    "ผู้ดูแลหอท่านไม่ต้องแตกตื่นตกใจ ท่านเพียงแต่ทำตามหน้าที่หาได้กระทำสิ่งใดผิด เอาล่ะข้าขอรบกวนผู้ดูแลหอช่วยจัดหาห้องพิเศษให้ข้ากับคุณหนูมาเรียและคุณหนูเอลลี่ได้พูดคุยกันได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    "ข ข ..ขอรับท่านดยุค" ผู้ดูแลหอร่างท้วมเอ่ยกล่าวอย่างติดๆขัดๆ

    ทางด้านมาเรียและเอลลี่เองก็นิ่งอึ้งไปเช่นเดียวกัน "นี่จะเป็นไปได้หรือที่คุณชายที่เบื้องหน้าของตนเองนี้คือดยุคบุสโซ่จริงๆ คนระดับเขาเหตุใดจึงมาอยู่ในสถานที่เช่นหอร้อยบุปผานี่ได้กัน?" พวกนางต่างขบคิดไปต่างๆนาๆ

    "คุณหนูทั้งสองข้าหาได้หลอกลวงคุณหนูทั้งสอง นี่คือตราสัญลักษณ์ของตระกูลบุสโซ่แบบเก่า" กาเล็ทนำตราที่พึ่งจะแสดงให้แก่ผู้ดูแลหอร่างท้วมดูเมื่อสักครู่ยื่นส่งให้แก่มาเรียและเอลลี่ชมดู

    เมื่อทั้งเอลลี่และมาเรียได้ชมดูอย่างถนัดชัดตาทั้งสองก็หันหน้าสบตากันจากนั้นจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่และย่อกายคาระวะกาเล็ทอย่างพร้อมเพรียง "ขออภัยท่านดยุคที่พวกข้านั้นมีตาแต่ไร้แวว ท่านดยุคได้โปรดให้อภัยในความโง่เขลาของข้าด้วย" ขณะที่ย่อกายคาระวะเอ่ยกล่าวคำขออภัยในจิตใจของพวกนางนั้นกลับว้าวุ่นสับสน ไม่ทราบว่าตนเองสมควรที่จะยินดีหรือไม่? ครั้งนี้จะเป็นคราเคราห์หรือโชคลาภ? แต่จากข่าวลือต่างๆที่ได้ยินมาเกี่ยวกับดยุคบุสโซ่ผู้นี้เกรงว่าการพบกันครั้งนี้จะแปรเปลี่ยนกลับกลายจากที่คิดว่าดีเป็นร้ายเสียแล้ว

    สังเกตุได้ถึงทีท่าที่เปลี่ยนไปและร่างกายที่สั่นเครือเล็กน้อยของทั้งสองกาเล็ทก็ไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเช่นกัน "พวกนางกลับตื่นกลัวตนเองเสียแล้ว" นึกคิดได้ดังนั้นกาเล็ทก็ลุกขึ้นและรีบเอ่ยกล่าว "คุณหนูทั้งสองโปรดลุกขึ้น อย่าได้กระทำเช่นนี้ ในวันนี้ข้าคงต้องขอรบกวนสอบถามข้อมูลของหอร้อยบุปผานี้จากคุณหนูทั้งสองแล้ว ตัวข้านั้นมีจิตเจตนาต้องการที่จะช่วยเหลือคุณหนูทั้งสองด้วยใจจริงขอให้คุณหนูทั้งสองอย่างได้เชื่อข่าวลือผิดๆที่ได้ยินมาเกี่ยวกับตัวข้า" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวนี่กลับเป็นครั้งแรกที่กาเล็ทเอ่ยบอกแก้ต่างให้กับตนเอง

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ททั้งเอลลี่และมาเรียต่างก็ค่อยๆกลับมาอยู่ในสภาพปกติด้วยสีหน้าและท่าทางซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกลำบากใจ

    "เพราะเกรงว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าถึงไม่ได้บอกกล่าวแต่แรกว่าข้าคือผู้ใด บางทีการมีตำแหน่งที่สูงเสียดฟ้าก็หาใช่เรื่องดีเสมอไป" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาจากนั้นจึงเปิดปากกล่าวต่อ "คุณหนูทั้งสองอย่าได้ตึงเครียด ให้คุณหนูทั้งสองพูดคุยกับข้าเสมือนว่าข้าเป็นเด็กหนุ่มที่มาเที่ยวเตร่ผู้หนึ่งเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    ทั้งมาเรียและเอลลี่ต่างเงยหน้าขึ้นสำรวจตรวจดูกาเล็ทพร้อมทั้งครุ่นคิดกับตนเอง "จากหน้าตา น้ำเสียง และการวางตัวของเขา เขาก็ดูไม่คล้ายเหมือนกับข่าวลือร้ายๆที่เราได้ยินมา หรือว่าเรื่องที่พวกเราได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับดยุคบุสโซ่จะไม่ใช่เรื่องจริง?"


    สำหรับกับผู้ดูแลหอร่างท้วมเมื่อได้เห็นตราของตระกูลบุสโซ่ที่กาเล็ทนำแสดงต่อมันเมื่อสักครู่ตัวมันนั้นก็มีความเชื่อเสีย 8 ส่วนไปแล้วว่าคุณชายที่เบื้องหน้าของมันนี้ต้องเป็นกาเล็ทบุสโซ่จริงแท้ไม่แปลกปลอม ถึงจะเป็นเรื่องที่แปลกปลอมแต่ในตอนนี้มันย่อมเลือกที่จะเชื่อไว้ก่อน หากว่าคุณชายท่านนี้ถึงขนาดขวัญกล้าบังอาจสวมรอยเป็นกาเล็ทบุสโซ่จริงอย่างมากตัวมันก็แค่ถูกหลอกลวงต้มตุ๊นก็เท่านั้นแต่หากว่ามันเลือกที่จะไม่เชื่อและแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อคุณชายท่านนี้เล่า? เช่นนั้นหากเรื่องกลับกลายเป็นว่าเขาคือกาเล็ทบุสโซ่ตัวจริงตนเองนั้นมิใช่ว่าต้องตกตายลงอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วหรอกหรือ? ด้วยเหตุผลเช่นนี้มันจึงเลือกที่จะเชื่อเพื่อรักษาชีวิตอันมีค่าซึ่งมันหวงแหนยิ่งไว้ก่อน เมื่อผละออกมาจากกาเล็ทมันก็เร่งรีบร่ำร้องด่าทอลูกน้องสองคนของตนเองเป็นการใหญ่พร้อมทั้งสั่งให้ผู้คนเร่งไปจัดเตรียมห้องพิเศษให้แก่กาเล็ท แต่ถึงมันเลือกที่จะเชื่อแต่มันก็หาได้มืออ่อน เพราะเหตุนี้มันจึงใช้หนึ่งในลูกน้องของมันให้เดินทางออกจากเมืองเพื่อไปสอบถามยังตระกูลบุสโซ่โดยตรงว่าที่แท้แล้วดยุคบุสโซ่ใช่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเหมือนกับคุณชายท่านนี้หรือไม่


    ใช้เวลารอคอยไม่นานห้องพิเศษก็จัดเตรียมแล้วเสร็จ เมื่อห้องพิเศษจัดเตรียมแล้วเสร็จผู้ดูแลหอร่างท้วมก็ใช้ให้ผู้คนมาแจ้งบอกกล่าวแก่กาเล็ท

    "เอลลี่ มาเรีย ดูแลท่านดยุคให้ดีอย่าได้ขาดตกบกพร่องเข้าใจหรือไม่" ผู้ดูแลหอร่างท้วมเอ่ยกำชับกับทั้งมาเรียและเอลลี่ บัดนี้มันถึงกับไม่สนใจกฎเกณฑ์ไร้สาระที่ตัวมันนั้นยึดถือปฎิบัติมาครึ่งค่อนชีวิต หากว่าคุณชายท่านนี้คือกาเล็ทบุสโซ่จริง กฎต่างๆยังจะสามารถใช้กับบุคคลที่ทรงอำนาจเช่นนี้ได้อยู่อีกหรือ? คำตอบคือย่อมไม่ หากว่าเขาคือกาเล็ทบุสโซ่ เขาย่อมสามารถตั้งกฎ หรือแม้กระทั่งยกเลิกกฎอย่างที่เขาพึ่งจะกล่าวบอกแก่ตนเองไปเมื่อไม่นานมานี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเหตุผลย่อมสืบเนื่องมาจากพลังและอำนาจที่เขาครอบครอง

    เมื่อกาเล็ทเข้ามาในห้องพิเศษแล้วก็เอ่ยบอกกล่าวแจ้งต้องบริกร "มีอาหารอะไรที่แนะนำก็นำมาเถอะ" จากนั้นกาเล็ทก็หันไปเอ่ยกล่าวกับเอลลี่และมาเรีย "วันนี้ให้ข้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารคุณหนูทั้งสองเถอะ"

    "ค่ะท่านดยุ... คุณชาย" ทั้งมาเรียและเอลลี่เอ่ย

    รอคอยไม่นานอาหารแนะนำต่างๆก็ถูกยกเข้ามาเสริพให้แก่กาเล็ทในห้องพิเศษ ใช้เวลากว่า 20 นาที อาหารที่ยกเข้ามาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่หมดสิ้น ผู้ดูแลหอร่างท้วมถึงกับเข้าครัวไปเพื่อยกเลิกรายการอาหารที่แขกเหรื่อคนอื่นสั่งไว้อยู่ก่อนแล้วและลัดคิวให้แก่กาเล็ท เนื่องด้วยกาเล็ทไม่ได้เจาะจงว่าต้องการสั่งอาหารจานใดเป็นพิเศษมันจึงเลือกที่จะนำเมนูอาหารเลิศรสขึ้นชื่อของหอร้อยบุปผามานำเสนอให้แก่กาเล็ทอย่างครบถ้วนเพื่อเป็นการรับประกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น สำหรับตัวของกาเล็ทเองก็เริ่มรู้สึกว่ายิ่งเวลาผ่านไปอาหารที่นำเสริพเข้ามาก็ยิ่งมากเข้า มากเข้า สุดท้ายแล้วกาเล็ทก็ถึงกับเอ่ยปากบอกออกมาว่าอาหารที่นำมานั้นเพียงพอแล้วเพราะหากว่าถ้ายังคงนำเสริพอาหารเข้ามาอีกทั่วทั้งห้องพิเศษนี้คงเต็มเปี่ยมไปด้วยจานอาหารแล้ว

    ตั้งแต่ที่เข้ามานั่งลงอยู่ในห้องพิเศษจนถึงบัดนี้กาเล็ทกลับยังไม่ได้เอ่ยบอกกล่าวพูดคุยถึงประเด็นสำคัญที่ตนเองพูดคุยค้างไว้ กาเล็ทใช้เวลาหลายสิบนาทีเพื่อพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้แก่ทั้งเอลลี่และมาเรียฟัง โดยเฉพาะเรื่องราวต่างๆที่ตนเองถูกเข้าใจผิด ทั้งเรื่องที่มีข่าวลือที่ว่าตนเองโหดเหี้ยมดุร้ายลงโทษขุนนางที่คิดต่างและเห็นต่างอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งเรื่องที่ตนเองชอบความรุนแรงถึงขนาดที่ว่าสั่งลงโทษฆ่าล้างตระกูลมูโนอย่างเหี้ยมโหดและสั่งทำลายล้างตระกูลเกรย์หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของโรฮาน กาเล็ทใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการบอกเล่าถึงต้นสายปลายเหตุของการกระทำของตนเองแก่เองลี่และมาเรียอย่างครบถ้วน

    แรกเริ่มเดิมทีเอลลี่และมาเรียก็ยังคงหลงเหลือความตึงเครียดกดดันอยู่แต่เมื่อเวลายิ่งผ่านไป ด้วยท่าทีซึ่งดูเป็นมิตรอบอุ่นของกาเล็ท ด้วยเรื่องราวความจริงที่ดูน่าเชื่อถือกว่าข่าวลือที่ได้ฟังมาซึ่งกาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวเล่าให้ฟัง ยังมีข่าวลือที่ไร้สาระซึ่งบอกกล่าวว่ากาเล็ทบุสโซ่เป็นชายวัยกลางคนที่หน้าตาอัปลักษณ์ดูไม่ได้นั่น แต่บัดนี้บรุษหนุ่มที่เบื้องหน้านี้มิใช่หล่อเหลาเยาว์วัยหรอกหรือ? ทำให้เอลลีและมาเรียค่อยๆเขยิบใกล้กาเล็ทเข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วก็มาจบอยู่ที่การนั่งกระนาบอยู่ทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาของกาเล็ทผลัดกันรินเหล้าเริสรสให้แก่กาเล็ท จากการที่กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวว่าอาหารมื้อนี้ตนจะเป็นผู้เลี้ยงหญิงงามทั้งสองกลับกลายเป็นตนเองสั่งอาหารทั้งหมดนี้มาเลี้ยงดูท้องของตนเองเสียแล้ว

    "เป็นเช่นนี้นี่เอง ช่างน่าแค้นใจนัก คนดีเช่นคุณชายกลับถูกใส่ร้ายต่อว่า" มาเรียเอ่ยกล่าวขณะที่ยกกาที่บรรจุสุราอยู่เทลงไปยังแก้วของกาเล็ทที่ว่างเปล่าลงอีกครา

    "ตระกูลเกรย์ก็สมควรแล้วที่ถูกลงโทษเช่นนั้น เป็นถึงสี่ตระกูลใหญ่ของโรฮานกลับฉวยโฮกาสตอบแทนบุญคุณของคุณชายด้วยความแค้นเช่นนั้น" เอลลี่เองก็เอ่ยกล่าวแสดงความเห็นออกมาอย่างเห็นด้วยขณะที่เอ่ยกล่าวตัวนางก็ยังคีบอาหารชิ้นหนึ่งยื่นส่งไปที่มุมปากของกาเล็ท

    "ฮ่า ฮ่า คุณหนูทั้งสองเข้าใจในตัวข้าเช่นนี้ข้าก็รู้สึกวางใจแล้ว" กาเล็ทยกมือขึ้นเกาหัวพร้อมทั้งเปล่งเสียงหัวเราะเอ่ยกล่าวออกมาจากนั้นจึงอ้าปากกัดกินเนื้อที่เอลลี่คีบส่งมาให้ถึงมุมปาก เมื่อเคี้ยวกลืนเนื้อจนหมดสิ้นแล้วกาเล็ทยังยกจอกเหล้าขึ้นมากระดกดื่มเข้าไปจนหมดสิ้น กาเล็ทในตอนนี้นั้นกลับมีท่าทีซึ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่ดูเขร่งขรึมวางตัวอยู่บ้างก็กลับกลายเป็นปล่อยตัวขึ้น เหตุผลก็เนื่องจากผลของสุราที่ตนเองดื่นกินเข้าไปเป็นจำนวนมาก


    ขณะที่กำลังดื่มกินและเล่าถึงวีรกรรมของตนเองอย่างออกรส ที่เบื้องนอกห้องพิเศษกลับมีเสียงอึกทึกโวยวายเกิดขึ้น "บัดซบ คนของข้าบอกกล่าวว่าเห็นเอลลี่เข้าไปอยู่ในห้องนั้น ผู้ดูแลหอเจ้ามิใช่บอกว่าก่อนถึงวันประมูลพรหมจรรย์มีกฎห้ามมิให้นางเผยตัวต่อผู้ใดมิใช่หรือ? นี่ไม่เพียงเผยตัวต่อผู้ใดยังถึงกับเสนอบริการให้ถึงที่ ยังมีมาเรียที่ข้าต้องการเรียกหาก็เข้าไปบริการผู้อื่นอยู่ในห้อง ผู้ดูแลหอเจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าเช่นไรหรือเจ้าต้องการมีปัญหากับข้า" เสียงโวยวายดังขึ้นที่ด้านนอกห้องพิเศษของกาเล็ท

    "คุณชาย คุณชาย ท่านได้โปรดใจเย็นลงก่อน บุคคลที่อยู่ในห้องนั้นไม่ใช่บุคคลที่ท่านจะล่วงเกินได้ วันนี้เชิญคุณชายกลับไปก่อนเถอะ" เสียงของผู้ดูแลหอร่างท้วมซึ่งเอ่ยกล่าวพยายามทัดทานบุคคลที่เบื้องนอกไว้ดังขึ้นมาติดๆ


    กาเล็ทซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาเล็กน้อยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเหยียดที่มุมปากขึ้น "หืมเราไม่คิดจะรังแกผู้คนแต่ผู้คนกลับเสนอหน้ามาให้รังแกหรือ?"



    ปล.พูดคุยทำความเข้าใจนิดๆ ทำไมกาเล็ทดื่มเหล้าแล้วเมาทั้งที่มีพลังสูงขนาดนั้นขนาดพิษยังทำอะไรไม่ได้เลย? คำตอบคือพิษนั้นกาเล็ทเมื่อรู้สึกถึงมันก็เร่งพลังต้านทานสลายพิษ แต่เหล้ากาเล็ทประมาทไม่สนใจปล่อยให้ผลของมันค่อยๆเกิดขึ้นไม่ได้ต่อต้านพร้อมทั้งตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมงมันกระดกเข้าไปเยอะมากๆ ส่วนผลที่จะตามมาก็คงพอจะเดากันได้กระมัง? ถ้าใครเป็นขาเหล้าจะเข้าใจ เมื่อเริ่มกินเข้าไปสติการตัดสินใจมันจะลดน้อยลด อย่างเช่นตอนแรกคิดว่าไม่ควรใกล้ชิดกับมาเรียและเอลลี่มากเกินไป พอผลของเหล้าเริ่มออกมันก็จะคิดว่าช่างแมร่งไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนิดๆหน่อยๆประมาณนี้แหละนะเออ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×