ลำดับตอนที่ #47
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : การมาถึงของกำลังเสริม [รีไรท์]
นับตั้งแต่กาเล็ทคุ้มครองผู้อพยพมาถึงเมืองรีเวลก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้นแม้ว่าจะไม่ปรากฎวี่แววของสัตว์อสูรเลยแต่ทว่ากาเล็ทก็ไม่ประมาท กาเล็ทใช้เวลาหลายวันนี้ทั้งเสริมแนวป้องกันของเมืองรีเวล ทั้งตรวจดูอาการของผู้อพยพพร้อมทั้งดูแลเรื่องอาหารการกินให้แก่ผู้อพยพ ความกล้าหาญทุ่มเทของกาเล็ทในภารกิจครั้งนี้เหล่าทหารที่ทำงานใต้คำสั่งของกาเล็ทล้วนมองเห็น โดยเฉพาะทหารภายใต้บังคับบัญชาของกาเล็ท
ภายในหมู่ทหารเมื่อถึงเวลาพักผลัดเปลี่ยนเวรหรือยามว่างจากการงาน ทหารมักจะหยิบยกเรื่องราววีรกรรมของกาเล็ทขึ้นมาถกเถียงพูดคุยกัน เหล่าทหารที่ได้ร่วมรบร่วมถอยกับกาเล็ท ณ หมู่บ้านคองโก้ต่างประโคมโอ่เล่าเรื่องเหตุการณ์สู้รบของตนเอง ณ แนลหลังของหมู่บ้านคองโก้ต่อเพื่อนทหาร
ภายในหมู่ทหารเมื่อถึงเวลาพักผลัดเปลี่ยนเวรหรือยามว่างจากการงาน ทหารมักจะหยิบยกเรื่องราววีรกรรมของกาเล็ทขึ้นมาถกเถียงพูดคุยกัน เหล่าทหารที่ได้ร่วมรบร่วมถอยกับกาเล็ท ณ หมู่บ้านคองโก้ต่างประโคมโอ่เล่าเรื่องเหตุการณ์สู้รบของตนเอง ณ แนลหลังของหมู่บ้านคองโก้ต่อเพื่อนทหาร
ทหารที่ไม่ได้สังกัดอยู่ใต้บังคับบัญชาของกาเล็ทเมื่อได้ยินเรื่องเล่าการรบพุ่งของเพื่อนทหารในจิตใจก็มีอยู่หลายส่วนที่ไม่อยากจะเชื่อ เหตุเพราะเรื่องเล่าที่ได้ยินมาดูเหลือเชื่ออยู่บ้าง ทหารจำนวน 400 นายกลับสามารถต้านทานฝูงสัตว์อสูรจำนวนหลายพันได้โดยไม่มีการเสียชีวิต แต่แม้จะไม่อยากเชื่อเพียงใดความจริงมิใช่อยู่ตรงหน้าแล้วหรอกหรือ
"ท่านมาร์ควิสบุสโซ่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ?" ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างคลืบแคลง
"ย่อมแน่นอน ข้าสามารถเอาหัวของข้าเป็นประกันได้" ทหารผู้เล่าเรื่องเอ่ยยืนยันในสิ่งที่ตนเองเล่าไป
"หึ หึ ยังมีเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออีก ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของงูสายรุ้ง พวกเจ้าเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่" ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้น
"ย่อมเคยได้ยินมา ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่ทรงภูมิและแข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้เป็นผู้มีพลังระดับ 9 ยังยากที่จะเอาชีวิตรอดได้เมื่อเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง" ทหารนายหนึ่งเอ่ยบอกถึงข้อมูลของงูสายรุ้นที่ตนเองเคยได้ยินมา
ได้ยินดังนั้นทหารผู้ซึ่งเอ่ยถามถึงงูสายรุ้งเมื่อครู่ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ "เจ้าเพียงแต่ได้ยินถึงความร้ายกาจของมันแต่พวกข้านั้นกลับได้เห็นมันมากับตาของตนเองแล้ว"
เมื่อทหารนายนี้เอ่ยขึ้น ทหารโดยลอบต่างมองมายังกลุ่มของมันด้วยสายตาที่สงสัยใคร่รู้
"ในระหว่างคุ้มกันผู้อพยพล่าถอย ขบวนของพวกข้าก็ถูกจู่โจมจากงูสายรุ้ง เป็นท่านมาร์ควิสบุสโซ่ลงมือสังหารเดรัจฉานนั่นด้วยตนเอง เรื่องนี้พวกข้าทุกคนต่างสามารถยืนยันได้ อีกทั้งองค์หญิงซิลเวียเองก็อยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน" ทหารนายหนึ่งในสังกัดของกาเล็ทเอ่ยเล่าถึงเรื่องราวที่กาเล็ทสังหารงูสายรุ้ง
เมื่อได้ยินเหล่าทหารต่างแสดงสีหน้าตกใจออกมา
"น่าเศร้านักที่ขุนนางทุกผู้คนหาได้เป็นอย่างท่านมาร์ควิสบุสโซ่ ตัวข้านั้นแทบจะเอาชีวิตไม่รอดจากภารกิจที่ได้รับ" ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความคับแค้นใจ เพื่อนของมันก็ต้องตกตายไปหลายคนในภารกิจคุ้มกันครั้งนี้ พวกมันกลับเป็นทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของมาร์ควิสเจอริโก้
ยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านไปวีรกรรมของกาเล็ทในครั้งนี้ยิ่งถูกเล่าขานปากต่อปากในหมู่ทหารมากขึ้น ด้วยเหตุนี้กาเล็ทจึงได้รับการยอมรับจากเหล่าทหารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ปู๊นนนนนนนนน เลียงสัญญาณก้องลากยาวดังขึ้นเหนือทองฟ้าของเมืองรีเวลเป็นสัญญาณบ่งบอกการมาถึงของขบวนเรือเหาะจากเมืองหลวง ในที่สุดราชาเบรุทก็นำกำลังเสริมจากเมืองหลวงมาถึงเมืองรีเวลแล้ว
ปู๊นนนนนนนนน เลียงสัญญาณก้องลากยาวดังขึ้นเหนือทองฟ้าของเมืองรีเวลเป็นสัญญาณบ่งบอกการมาถึงของขบวนเรือเหาะจากเมืองหลวง ในที่สุดราชาเบรุทก็นำกำลังเสริมจากเมืองหลวงมาถึงเมืองรีเวลแล้ว
ณ ท่าจอดเรือเหาะของเมืองรีเวล มาร์ควิสเจอริโก้และมาร์ควิสเครตันต่างนำทหารคนสนิทมารอต้อนรับการมาถึงของราชาเบรุท เนื่องจากพวกมันได้รู้ข่าวล่วงหน้าว่าราชาเบรุทจะนำกำลังเสริมมาถึงในวันนี้ แต่ทว่ากลับไร้ร่องรอยของกาเลท เหตุเพราะกาเล็ทนั้นวุ่นวายหัวหมุนอยู่กับการตรวจตราของเรียบร้อยในค่ายผู้อพยพ
"ขอต้อนรับการมาถึงขององค์ราชา" มาร์ควิวเจอริโก้เอ่ยต้อนรับราชาเบรุทที่เดินลงมาจากเรือเหาะอย่างยิ้มแย้ม
"ข้าได้รับรายงายการปฎิบัติภารกิจของพวกท่านแล้ว พวกท่านของจะเหนื่อยยากไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะพวกท่านไม่ทราบว่าจะมีชาวบ้านตกตายอีกมากน้อยเท่าใด" ราชาเบรุทเอ่ยกับมาร์ควิสเจอริโก้และมาร์ควิสเครตัน เมื่อสังเกตุว่ากาเล็ทไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้คนที่มาต้อนรับ ราชาเบรุทจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัยใจ "มาร์ควิสบุสโซ่เล่า?"
มาร์ควิสเจอริโก้พ่นลมหายใจอย่างดูถูกออกมาคราหนึ่ง "เด็กหนุ่มเลือดลมร้อนแรง เมื่อได้ตำแหน่งสูงตั้งแต่อายุยังเยาว์จึงอาจหลงลำพองไป แม้แต่องค์ราชาเสด็จมาถึงยังกล้าไม่มาต้อนรับ" อันที่จริงกาเล็ทหาได้รู่ข่าวถึงการมาเยือนของราชาเบรุทไม่ เหตุเพราะมาร์ควิสเจอริโก้และมาร์ควิสเครตันเองที่เป็นผู้ปกปิดข่าวคราวไว้
"ท่านมาร์ควิสอย่าได้ถือสาคนหนุ่มเลือดลมร้อนแรงเลย อาจบางทีเขาพึ่งเข้ารับต่ำแหน่งคงยังไม่รู้จักพิธีรีตรอง" ราชาเบรุทที่สังเกตุเห็นถึงความไม่พอใจที่มาร์ควิสเจอริโก้แสดงออกมาเมื่อเอ่ยถึงมาร์ควิสบุสโซ่ก็ได้แต่เอ่ยคำพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศลง
"หวังว่าคงจะเป็นเช่นั้นพะยะค่ะ องค์ราชาทราบหรือไม่ว่าองค์หญิงซิลเวียก็อยู่ที่นี่ด้วย" มาร์ควิสเจอริโก้เอ่ยรายงานต่อ
ราชาเบรุทแสดงออกถึงความประหลาดใจออกมาทางสีหน้าทันที "ซิลเวียอยู่ที่นี่?"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ" มาร์ควิสเจอริโก้ตอบรับ
จากนั้นราชาเบรุทจึงให้มาร์ควิสเจอริโก้กับมาร์ควิสเครตันติดตามตนเองไปยังที่พักเพื่อถามไถ่รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่บุตรสาวของตนเองปรากฎตัวอยู่ที่เมืองรีเวล
"เกิดเรื่องขึ้นมากมายเช่นนี้หรือ" ราชาเบรุทอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มาร์ควิสเจอริโก้เอ่ยบอก
เรื่องที่มาร์ควิสเจอริโก้เล่าให้แก่ราชาเบรุทฟังย่อมเป็นเรื่องการกระทำของกาเล็ท การที่ตนเองโดนซิลเวียปลดออกจากตำแหน่งโดยไม่ไว้หน้า การที่กาเล็ทก้าวล่วงต่อตนเองอย่างไร้เหตุผล แต่มาร์ควิสเจอริโก้กลับไม่ได้เอ่ยเล่าเกี่ยวกับการกระทำของตนเอง การที่ตนเองละเลยต่อหน้าที่
"ท่านมาร์ควิสเจอริโก้ ข้าขออภัยแทนบุตรสาวของข้าด้วย อาจบางทีนางยังเล็กอยู่ก็เลยไม่รู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร" ราชาเบรุทเอ่ยคำปลอบโยนกับมาร์ควิสเจอริโก้
"เรื่องถูกปลดจากตำแหน่งโดยองค์หญิงข้าหาได้ติดใจไม่ จะอย่างไรองค์หญิงก็ถือเป็นเจ้าเหนือหัวย่อมมีความสามารถกระทำได้ แต่เรื่องของมาร์ควิสบุสโซ่ องค์ราชาต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้า"้ มาร์ควิสเจอริโก้เอ่ยเป็นเชิงบีบบังคับอยู่บ้าง
ราชาเบรุทมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความลำบากใจ "จะอย่างไรเหรียญย่อมมีสองด้าน ขอท่านมาร์ควิสเจอริโก้โปรดวางใจ ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้แก่ท่านมาร์ควิสแน่นอนแต่ต้องให้ข้าได้มีโอกาสสอบถามมาร์ควิสบุสโซ่ถึงเหตุผลในการกระทำของเขาก่อน"
ราชาเบรุทนั้นลำบากใจกับเรื่องราวครั้งนี้เป็นอย่างมาก มันย่อมไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากมันทราบแต่แรกตัวมันย่อมเลือกที่จะไม่ส่งให้กาเล็ทมาปฎิบัติภารกิจนี้เป็นแน่ ด้วยหนึ่งนั้นคือตระกูลใหญ่แห่งโรฮาน ตระกูลเจอริโก้นั้นอยู่คู่กับโรฮานมาช้านานแถมยังเรียกได้ว่ามีอำนาจและอิทธิพลในหมู่ขุนนางอยู่ไม่น้อยอีกทั้งเจ้าตระกูลเจอริโก้คนก่อนก็ได้สละตำแหน่งให้แก่บุตรชาย เหตุการณ์นั้นก็ล่วงเลยมานับสิบปีแล้ว เมื่อสิบปีก่อนนั้นมาร์ควิสเจอริโก้ผู้มีพลังถึงระดับที่ 9 ขั้นสูงก็ได้สละตำแหน่งของตนเองเพื่อให้บุตรชายรับช่วงต่อโดยให้สาเหตุแก่ราชาเบรุทว่าตนเองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวตอของการฝึกวิชาจึงไม่สามารถแบ่งแยกสมาธิในการรับใช้บ้านเมืองได้ แต่นั่นก็นับสิบปีมาแล้วไม่ทราบว่าบัดนี้จ้าวตระกูลเจอริโก้ที่แท้จริงมีพลังอยู่ในระดับขั้นใดแล้ว
อีกหนึ่งคนก็เป็นยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยพบพานมาก่อนที่ผู้พิทักษ์แห่งโรฮานให้การสนับสนุน หากว่าต้องตัดสินคดีความรายไม่ทราบว่าจะต้องตัดสินเช่นไร
อีกหนึ่งคนก็เป็นยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยพบพานมาก่อนที่ผู้พิทักษ์แห่งโรฮานให้การสนับสนุน หากว่าต้องตัดสินคดีความรายไม่ทราบว่าจะต้องตัดสินเช่นไร
"ท่านมาร์ควิสทั้งสองไปพักผ่อนเถอะ รบกวนท่านมาร์ควิสส่งคนของท่านไปแจ้งต่อบุตรสาวข้าให้มาพบข้าโดยด่วนด้วย ข้าจำต้องอบรมนางสักหน่อย" ราชาเบรุทเอ่ยตัดบทขับไล่มาร์ควิสทั้งสองที่เฝ้ารอดูท่าทีของตนเองอย่างอ้อมๆ
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เสียงใสเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้นภายในห้องโถงที่ราชาเบรุทนั่งครุ่งคิดอยู่ว่าจะเอาเช่นไรดีต่อเรื่องนี้ "ท่านพ่อ" ซิลเวียเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเอ่ยเรียกบิดาของตนเองที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
"ซิลเวีย!! เจ้า" ราชาเบรุทเอ่ยอย่างมีน้ำโหเมื่อเห็นหน้าบุตรสาวของตนเอง
"ท่านพ่อคิดถึงข้าหรือไม่" ซิลเวียยังคงเอ่ยถามอย่างไม่ทุกร้อน
"เจ้าก่อเรื่องไว้มากมายยังไม่สำนึกอีกหรือ คงเพราะข้าตามใจเจ้ามากเกินไปจึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจเช่นนี้" ราชาเบรุทเอ่ยเสียงดุ
เห็นว่าบิดาของตนเองโมโหขึ้นมาจริงๆซิลเวียจึงทำเสียงอ่อน "ท่านพ่อ ลูกรู้ว่าทำผิดที่หนีออกมาจากเมืองหลวงโดยไม่บอกกล่าว" นางกล่าวเสียงละห้อยพร้อมทั้งเข้าไปกอดแขนบิดาของตนเอง
"ฮึ เรื่องนั้นนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เจ้ากลับกล้าปลดมาร์ควิสเจอริโก้ออกจากตำแหน่ง" ราชาเบรุทเอ่ยอย่างเดือดดาลอยู่บ้างแต่เมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาวของตนเองราชาเบรุทจึงใจอ่อนลง
"ท่านพ่อทราบแล้ว?" ซิลเวียเอ่ยอย่างประหลาดใจที่ราชาเบรุทที่พึ่งมาถึงเมืองรีเวลกลับสามารถทราบเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว
"รู้หรือไม่ว่าเจ้าก่อเรื่องใหญ่ขึ้น ตระกูลเจอริโก้นั้นเป็นตระกูลใหญ่ หากพวกเขาไม่พอใจแล้วก่อความวุ่นวายขึ้น แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจรับมือได้ การที่เจ้าปลดเขาท่ามกลางทหารมากมายนับว่าเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียหน้าสำหรับมาร์ควิสเจอริโก้อย่างมาก มิหนำซ้ำแทนที่เจ้าซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าหญิงจะห้ามปรามมิให้มีการลงไม้ลงมือกันแต่เจ้ากลับปล่อยให้มาร์ควิสเจอริโก้ถูกหยามเกียรติต่อหน้าผู้คน" ราชาเบรุทระบายความไม่พอใจออกมาด้วยเสียงอันดัง เมื่อหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นราชาเบรุทก็เริ่มโมโหขึ้นอีกรอบ
"ท่านพ่อเป็นมาร์ควิสเจอริโก้ไร้เหตุผลใช้อำนาจรังแกผู้คน" ซิลเวียเอ่ยอธิบายอย่างไม่ยินยอมพร้อมทั้งปล่อยแขนของบิดาตนเอง
"ยังจะเถียงอีก!!" ราชาเบรุทตวาดใส่บุตรของของตนเอง
"ข ข้าไม่ผิด ท่านพ่อกลับเข้าข้างคนผิด เป็นมาร์ควิสเจอริโก้บีบบังคับให้เขาต้องลงมือเอง" ซิลเวียเอ่ยโต้เถียง
ได้เห็นท่าทีของบุตรสาวของตนเองราชาเบรุทจึงรู้ว่าต้องมีสิ่งใดผิดพลาด หรือสิ่งที่ตนเองได้ฟังมาจะผิด? คิดได้เช่นนั้นราชาเบรุทก็ทำใจเย็นลงจากนั้นจึงเอ่ย "เจ้าลองเล่ามาว่าเกิดเรื่องราวใด"
เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของบุตรสาวราชาเบรุทจึงใจอ่อนลง "ถึงจะเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนี้เสมือนการทำให้มาร์ควิสทั้งสองต้องแตกหักกันไม่สามารถสมานรอยแผลได้อีก"
"แตกหักก็แตกหักสิท่านพ่อ ผู้ใดผิดถูกเรื่องราวก็กระจ่างชัดเรื่องนี้ทหารทุกผู้คนก็ย่อมเป็นพยานได้ ท่านพ่อก็เพียงแต่ลงโทษคนผิด" ซิลเวียเอ่ย
ได้ยินคำกล่าวของบุตรสาวที่ดูอ่อนต่อโลกราชาเบรุทก็ถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย "ซิลเวียเรื่องราวหาได้ง่ายดายดั่งเช่นเจ้าว่าไม่ เจ้าคิดว่าการที่ราชวงศ์ของเรายังแข็งแกร่งเช่นกาลก่อนหรือ การที่ตระกูลของเรายังสามารถปกครองโรฮานอยู่ได้นั้นต้องพึ่งพาหลายปัจจัย ต้องอาศัยเหล่าขุนนางเหล่านั้น เรื่องบางเรื่องเราก็หาได้กระทำได้ดั่งใจคิดไม่"
"ข้าไม่เข้าใจ ต่อให้ไม่มีตระกูลเจอริโก้ มาร์ควิสบุสโซ่มิใช่เก่งกล้าสามารถหรอกหรือท่านพ่อ ข้าคิดว่าเขาย่อมสามารถมาทดแทนตระกูลเจอริโก้ได้ เขาเพียงผู้เดียวก็มีความสามารถมากกว่าขุนนางมากมายของท่านพ่อแล้ว" ซิลเวียเอ่ยอย่างไม่ยินยอม ดวงตาคู่สวยทอแววชื่นชมเมื่อเอ่ยถึงกาเล็ท
ราชาเบรุทรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่บุตรสาวของตนเองเอ่ยปากเช่นนี้ นางมิใช่เกลียดชังมาร์ควิสบุสโซ่อยู่หรอกหรือ? "ซิลเวียเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น มันไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะตระกูลเจอริโก้ ตระกูลเจอริโก้นั้นเป็นตระกูลใหญ่ มีสายสัมพันธ์กับตระกูลน้อยใหญ่หลายตระกูล อีกทั้งเจ้าตระกูลเจอริโก้ที่เก็บตัวฝึกฝนมานับสิบปีก็มีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าผู้พิทักษ์ของโรฮานเรา จริงอยู่ว่ามาร์ควิสบุสโซ่นั่นเก่งกล้าสามารถ แต่เขาก็มีเพียงตัวคนเดียว หาได้มีขุมกำลังดั่งเช่นตระกูลเจอริโก้ไม่ เรื่องนี้ไม่ได้เรียบง่ายดั่งที่เจ้าคิดซิลเวีย จะอย่างไรเจ้าต้องไปขออภัยต่อมาร์ควิสทั้งสอง ส่วนทางด้านมาร์ควิสบุสโซ่พ่อจะไปจัดการเอง" ราชาเบรุทเอ่ยอย่างหนักใจ
"ต แต่" ซิลเวียเมื่อได้ฟังคำกล่าวของบิดาตนก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก คิ้วคู่สวยของนางย่นเข้าหากันแสดงออกถึงความอึดอัดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวนางได้รับรู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้ ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่าการเมือง
"เจ้ามิใช่ไม่ชอบมาร์ควิสบุสโซ่อยู่หรอกหรือ เรื่องนี้ให้จบกันเท่านี้ พ่อตัดสินใจแล้ว ส่วนเรื่องหมั้นหมายกับมาร์ควิสบุสโซ่" ราชาเบรุทเอ่ยตัดบุตรสาวของตนเองที่ยังคงมีท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจ พอเอ่ยถึงช่วงท้ายก็เหลือบสำรวจดูบุตรสาวของตนผู้นี่รอบหนึ่งจากนั้นจึงกล่าวต่อ "ถือซะว่าพ่อไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ คงสมใจเจ้าแล้วกระมัง"
ซิลเวียเมื่อได้ยินคำพูดของบิดา ตัวนางกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจอย่างที่ควรจะเป็น นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองต้องการหรอกหรือ ? บัดนี่ตนเองได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว ตนเองมิใช่เกลียดเขามากมายหรอกหรือ? ตนเองมิใช่ต้องการให้บิดาล้มเลิกการที่จะยกตนเองให้แต่งงานทางการเมืองกับเขาหรอกหรือ เหตุใดเมื่อสมปราถนาแล้วตนเองกลับไม่ดีใจทว่ากลับรู้สึกใจหายแทน ตัวนางถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่งและตกอยู่ในห้วงความคิดเมื่อได้ยินคำกล่าวของราชาเบรุท "หรือว่าท่านพ่อ ท่านพ่อจะละทิ้งตระกูลบุสโซ่!!" ซิลเวียคิดได้เช่นนั้นตัวนางก็ได้แต่กลัว กลัวว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นจริง
"ข้าไม่ยินยอม ข้าไม่ยอมรับ เรื่องแบบนี้ข้าไม่ยอมรับ ท่านพ่อไม่ยุติธรรม เขาไม่ผิด ท่านพ่อจะทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าไม่ยอม" ดวงตาคู่สวยของนางบัดนี้กลับปรากฎน้ำใสเอ่อล้นออกมา เสียงของนางนั้นสั่นเครือ นางรู้สึกถึงสิ่งที่ยากจะบรรยาย ความรู้สึกบัดนี้ของซิลเวียนั้นสับสน ไม่เข้าใจ นางกลับรู้สึกถึงโลกอีกใบ โลกที่ตนเองนั้นไม่รู้จัก โลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกลับที่ตัวนางเข้าใจ นางเคยเข้าใจตลอดมาว่าหากยืนอยู่บนความดี ความถูกต้องก็ไม่ต้องกลัวเกรงสิ่งใด แต่บัดนี้สิ่งที่ตนเองเคยเชื่อ เคยเข้าใจกลับพังทลายลงตรงหน้า แล้วผู้ที่ทำลายมันก็คือบิดาของตัวนางเอง "ข้าเกลียดท่านพ่อที่สุด" ซิลเวียใช้ดวงตาคู่งามที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตามองไปที่ราชาเบรุท แววตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความเคารพแต่บัดนี้ความเคารพนับถือในแววตานั้นกลับลดน้อยถอยลง กล่าวจบนางก็หันกายวิ่งจากไป
ราชาเบรุทมองแผ่นหลังบุตรสาวของตนที่หันหลังวิ่งจากไปอย่างเหนื่อยใจ อันที่จริงเรื่องนี้ราชาเบรุทก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย กาเล็ทบุสโซ่ เด็กหนุ่มที่มากความสามารถยากจะหยั่งถึงมีอนาคตไกล กลับอีกฝ่ายที่เป็นตระกูลใหญ่และมีอิทธิพลมากมายในโรฮาน เดิมทีการที่ราชาเบรุทมอบภารกิจนี้ให้แก่กาเล็ทก็เพราะต้องการส่งเสริมกาเล็ทที่เป็นขุนนางใหม่ให้มีผลงาน แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ตนเองก็จำเป็นที่จะต้องคิดทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เรื่องที่ราชาเบรุทหนักใจที่สุดคือจะทำอย่างไรเพื่อที่จะสมานความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างคู่กรณีทั้งสอง ใช่เรื่องนี่จะยังคงแก้ไขได้หรือไม่ หากว่ามาร์ควิสบุสโซ่ยอมที่จะเอ่ยคำขออภัยต่อมาร์ควิสเจอริโก้เรื่องราวคงจะง่ายขึ้นไม่น้อย
กาเล็ทที่เดินทางมาเพื่อเข้าพบกับราชาเบรุทก็เผอิญสวนทางกับซิลเวียที่วิ่งออกมาพอดี กาเล็ทกลับสังเกตุได้ว่าเจ้าหญิงผู้นี้นั้นปาดเช็ดน้ำตาในขณะที่วิ่งออกมาจากห้องโถง ชั่วครู่ที่ทั้งสองสวนทางกัน กาเล็ทกลับสังเกตุได้ว่าซิลเวียมองมาที่ตนเองแวบหนึ่ง แววตาของนางนั้นดูเศร้า สิ้นหวัง และรู้สึกผิด มีหลายความรู้สึกปนกัน กาเล็ทไม่ทราบว่าการที่เจ้าหญิงผู้นี้ร่ำไห้เกิดจากสาเหตุใดแต่ทว่าความรู้สึกเขียดขึงไม่พอใจที่เคยมีต่อนางเหมือนว่าจะลดเลือนจางลงเมื่อตนเองสบตาเข้ากับดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้น
"องค์ราชาข้าขออภัยที่ข้ามาเข้าเฝ้าช้าพะยะค่ะ" กาเล็ทที่เข้ามาในห้องโถงรับของซึ่งมีราชาเบรุทยืนหันหลังอยู่เอ่ยขึ้น ในจิตใจยังครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรร่ำไห้เมื่อครู่อยู่
"ท่านมาแล้วหรือมาร์ควิสบุสโซ่ ข้าได้ยินมาว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายไม่น้อย" ราชาเบรุทหันมาเอ่ยกล่าวกับกาเล็ทพร้อมทั้งใช้สายตาที่ประหลาดพิกลมองมายังเด็กหนุ่มที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ที่เบื้องหน้าของตนเอง
"องค์ราชาหมายถึงเรื่องระหว่างข้ากับมาร์ควิสเจอริโก้และมาร์ควิสเครตันหรือ?" กาเล็ทที่ยังคงคุกเข่าเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม
ราชาเบรุทยังคงจ้องมองมายังกาเล็ทในขณะที่สายตาของทั้งคู่ผสานกันราชาเบรุทก็เผยรอยยิ้มออกมา "ท่านลุกขึ้นก่อนเถอะ เชิญนั่ง" ราชาเบรุทกล่าวกับกาเล็ท
กล่าวตามจริงกาเล็ทนั้นรู้สึกตื่นเต้นตึงเครียดไม่น้อยเหตุเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองและมาร์ควิสเจอริโก้นั้นถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก และตนเองก็ไม่ทราบว่าราชาเบรุทจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร
"ข้าได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของซิลเวียแล้ว" ราชาเบรุทเอ่ยพร้อมทั้งสังเกตุท่าทีของกาเล็ทไปด้วยในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้ายังคงนิ่งเงียบไม่แสดงท่าทีใดราชาเบรุทจึงเอ่ยต่อ "เรื่องนี้เป็นเรื่องระเอียดอ่อน ท่านมาร์ควิสทราบหรือไม่ว่าตระกูลเจอริโก้นั้นมีอิทธิพลมากน้อยเท่าใดในโรฮาน"
เมื่อได้ยินคำถามในช่วงท้ายของราชาเบรุท จิตใจของกาเล็ทนั้นถึงกับหนักอึ้งขึ้น เหตุเพราะด้วยปัญญาของกาเล็ทย่อมพอจะสามารถคาดเดาถึงจุดประสงค์ของราชาเบรุทออก กาเล็ทแสร้งปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "องค์ราชากล่าวตามจริงตัวข้านั้นก็ไม่ทราบถึงความตื้นลึกหนาบางของตระกูลเจอริโก้และตระกูลเครตันดีเท่าใด แต่ที่ข้าชิงชังที่สุดคือความไม่ยุติธรรม"
ได้ฟังคำกล่าวของเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าของตนราชาเบรุทก็ถอนใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ราชาเบรุทกลับหวนนึกถึงบุคคลผู้หนึ่ง บุคคลผู้เป็นบิดาของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าตนเองผู้นี้ กาลาน "ช่างเหมือนกันนัก" ราชาเบรุทครุ่นคิดกับตนเอง "ท่านทราบหรือไม่ว่าการกระทำของท่านจะทำให้ท่านมาร์ควิสบุสโซ่และตระกูลเจอริโก้เป็นศัตรูกันตลอดกาล"
ได้ฟังคำกล่าวกึ่งคำถามของราชาเบรุท กาเล็ทกลับไม่ได้แสดงอาการหวั่นไหวหรือตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย "เรื่องนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ขอองค์ราชาโปรดเข้าใจข้า ด้วยหลายสิ่งบีบบังคับเป็นเหตุให้ข้าต้องกระทำเช่นนั้น และข้าก็พร้อมที่จะยอมรับถึงผลที่จะตามมาของการกระทำนั้น"
ราชาเบรุทที่รับฟังอยู่ถึงกับฉงนใจครุ่นคิด "ตระกูลเจอริโก้นั้นเป็นตระกูลใหญ่ ข้าทราบดีว่าท่านมาร์ควิสนั้นมีความสามารถอีกทั้งยังหนุ่มแน่นย่อมไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใด แต่ข้าอยากให้ท่านทราบไว้ว่าอำนาจอิทธิพลของตระกูลเจอริโก้นั้นเหนือกว่าตระกูลโรมาสมาก ทั้งด้านเส้นสาย ทั้งด้านขุมกำลัง ที่เบื้องหลังของมาร์ควิสเจอริโก้ยังมีบิดาของเขาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลเจอริโก้ขึ้นมาเมื่อแรกตั้งโรฮานขึ้นมาคู่กับบิดาของข้า ท่านมาร์ควิสคงพอเข้าใจแล้วกระมังว่าตระกูลเจอริโก้หยั่งรากลึกอยู่ในโรฮานมากน้อยเท่าใด ไม่เพียงแต่เท่านั้นจ้าวตระกูลเจอริโก้คนก่อนยังมีระดับพลังที่ยากจะหยั่งถึงจากความคิดของข้าระดับพลังของเขาในตอนนี้คงไม่ด้อยกว่าผู้พิทักษ์แห่งโรฮานอาจารย์ของท่าน"
กาเล็ทซึ่งได้ยินเรื่องราวจากปากของราชาเบรุทก็รู้สึกหวั่นไหวใจไม่น้อย
เมื่อเห็นเช่นนั้นราชาเบรุทผู้ซึ่งเปรียบเสมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่จึงรู้ดีว่าเหล็กนั้นสมควรจะตีเมื่อมันยังคงร้อนกรุ่นอยู่ "หากเกิดเรื่องใดขึ้นเกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่สามารถจะปกป้องท่านได้ ผู้เดียวที่พอจะออกหน้าคานอำนาจกับตระกูลเจอริโก้ได้ก็เห็นแต่จะมีเพียงอาจารย์ของท่านมาร์ควิสเพียงผู้เดียวในโรฮานนี้" เหลือบมองอาการของกาเล็ทชั่วครู่จากนั้นราชาเบรุทจึงเอ่ยต่อถึงสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างแท้จริง "แต่ท่านมาร์ควิสอย่าได้เป็นกันวลไปเรื่องราวทุกเรื่องย่อมมีหนทางแก้ไข ข้าว่าหากท่านมาร์ควิสบุสโซ่เห็นด้วยที่จะเอ่ยปากขออภัยต่อมาร์ควิสเจอริโก้ ข้าคิดว่าท่านมาร์ควิสทั้งของคงพอเข้าใจได้ ข้าก็จะช่วยพูดให้อีกแรงหนึ่ง" แม้ว่าราชาเบรุทจะเอ่ยเช่นนี้แต่ตัวมันเองนั้นยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเรื่องจะง่ายดายราบรื่นดั่งที่กล่าวหรือไม่
ทันทีที่กาเล็ทได้ฟังคำกล่าวของราชาเบรุทแววตาของกาเล็ทก็แข็งกร้าวขึ้นทันที ขออภัยหรือ? อย่าว่าแต่แค่เรื่องคราวนี้เท่านั้น ด้วยตระกูลเจอริโก้ต้องมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการตายชองบิดาตนอย่างแน่นอน เพียงแค่เรื่องการตายของบิดาเพียงเรื่องเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ตนเองและตระกูลเจอริโก้ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้แล้ว อย่าว่าแต่ครั้งนี้หากตนเองยอมถอยชีวิตของผู้บริสุทธินับพัน ชีวิตของทหารนับร้อยที่นอนตายตาไม่หลับผู้ใดจะทวงถามความยุติธรรมให้กับความอยุติธรรมครั้งนี้ คิดได้ดังนั้นกาเล็ทก็จ้องมองไปที่ราชาเบรุท หากสังเกตให้ดีในแววตาของกาเล็ทนั้นชั่ววูบหนึ่งแสดงออกถึงความผิดหวัง
"องค์ราชา ขออภัยด้วยที่เรื่องนี้ข้าไม่อาจทำตามความต้องการขององค์ราชาได้ ข้านั้นชิงชังความอยุติธรรมที่สุด ในเหตุการณ์ครั้งนี้หาใช่ข้าซึ่งเป็นผู้เริ่มมัน ความรู้สึกของทหารมากมายที่จับมือข้าไว้ยามที่พวกเขาสิ้นใจไป ความกลัว ความสิ้นหวังของพวกเขาก่อนที่จะสิ้นใจ จนถึงบัดนี้ข้ายังจำมันได้ดี ข้าไม่อาจลืมมัน ไม่อาจลืม ความรู้สึกที่พวกเขาฝากฝังไว้ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป อีกทั้งยังมีประชาชนผู้บริสุทธิจำนวนมากที่ต้องตายไปทั้งๆที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งกับลุกยืนขึ้นและสบตากับราชาเบรุทอย่างไม่เกรงกลัว "ท่านจะบอกให้ข้าลืมมันหรือ ท่านจะให้ข้าขออภัยกับบุคคลซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งมวลนี้หรือ ท่านใช่จะบอกให้ข้าปล่อยให้เขาสังหารนายกองหญิงของข้าด้วยหรือไม่?" ขณะที่กล่าวคำทั้งหมดทั้งมวลนี้ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นในจิตใจของกาเล็ท ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรแต่กาเล็ทกลับไม่สามารถที่จะความคุมความรู้สึกผิดหวังต่อราชาของโรฮานผู้อยู่ตรงหน้าของตนเองตอนนี้ได้เลย
"ครึก" เสียงแตกร้าวของหินดังขึ้น ไม่ใช่หินที่ไหนแตกกลับเป็นพื้นหินอ่อนใต้เท้าของกาเล็ทเองที่แตกร้าวจากพลังจิตวิญญาณที่กาเล็ทปลดปล่อยออกมา
ราชาเบรุทที่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากพลังที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าปลดปล่อยออกมาถึงกลับแสดงอาการหวาดกลัวออกมาทางสีหน้า
กาเล็ทที่สังเกตุเห็นอาการของราชาเบรุทก็ได้สติกลับคืนมาจากนั้นจึงรั้งพลังคืนกลับ "ข้าขออภัยที่ไม่อาจจะระงับโทสะในจิตใจของตนเองได้ เกรงว่าตัวข้าคงไม่มีคุณสมบัติรับใช้องค์ราชาอีกต่อไป" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งคุกเข่าลงพร้อมทั้งล้วงตราประจำตำแหน่งออกมาส่งคืนให้แก่ราชาเบรุท
ราชาเบรุทซึ่งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า แม้ว่าจะยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่กลับสามารถปรับท่าทีจากการตื่นตกใจให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว "ท่านมาร์ควิสข้าเกรงว่าท่านยังหนุ่มแน่นเลือดลมร้อนแรง ร เรื่องนี้ข้าหากแต่เพียงเสนอทางเลือกเพื่อเป็นแนวทางออกที่ดีให้แก่ทั้งสองฝ่าย หากว่าท่านไม่ต้องการจะแสดงออกถึงคำขอโทษแก่มาร์ควิสทั้งสองก็ไม่เป็นไร" แน่นอนราชาเบรุทต้องกล่าวเช่นนี้ เหตุเพราะตัวมันประเมินเด็กหนุ่มเบื้องหน้านี้ต่ำเกินไป ระดับพลังเมื่อครู่ที่เด็กหนุ่มแสดงออกต้องไม่ต่ำกว่าระดับ 9 ขั้นกลางเป็นแน่น แม้จะยังไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้านั้นมีระดับพลังอยู่ที่ขั้นใดแต่สิ่งที่ตัวมันรู้ดีคือแข็งแกร่ง! ชั่วครู่ที่ผ่านมามันกลับรู้สึกเหมือนดั่งว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางหุบเหวที่ลึกสุดหยั่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่มันจับใจ คิดได้เช่นนั้นสายตาของมันก็เหลือบลงไปมองฟื้นหินอ่อนที่แตกร้าว สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำถึงพลังของเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าแม้ตัวมันก็มีพลังระดับ 9 เช่นกันแต่การจะทำให้พื้นหินแตกร้าวได้ดั่งเช่นที่เกิดขึ้นนี้ตัวมันยังคงต้องออกแรงไม่น้อย แต่เด็กหนุ่มที่มีวัยเพียง 17 ปีเบื้องหน้ามันกลับทำได้อย่างง่ายได้
"ขอบคุณองค์ราชาที่เข้าใจข้า" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งลุกขึ้นขณะที่รั้งเก็บตรากลับคืนไป
"ท่านมาร์ควิสคงตรากตรำทำงานหนักมาไม่น้อยในหลายวันที่ผ่านมานี้ งานที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้าและเหล่าขุนนางเถอะ ท่านมาร์ควิสสมควรพักผ่อนสักหน่อย" ราชาเบรุทเอ่ย เสียงของมันยังคงสั่นเครืออยู่บ้าง ก่อนที่กาเล็ทจะเดินออกจากห้องโถงไปมันกลับนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ "ท่านมาร์ควิส ข้าได้ให้คนจัดเตรียมที่พักไว้สำหรับท่านแล้ว แม่หนูแชลเทียจากตระกูลเรนเดลก็เดินทางมากับข้าด้วย ตอนนี้นางคงรอท่านมาร์ควิสอยู่ในที่พักหลายวันมานี้นางตื่นตระหนกไม่น้อย"
ได้ยินดังนั้นกาเล็ทก็ก้มหัวแสดงความเคารพในเชิงแสดงคำขอบคุณก่อนจะเดินออกจากห้องโถงไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น