ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #206 : ท่านคือจักรพรรดิ์ทมิฬ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.73K
      668
      30 เม.ย. 61




    เมื่อหางตาของเรย์นาร์ดเหลือบไปเห็นกาเล็ทที่กำลังเดินดุ่มๆเข้ามาที่โต๊ะของตนเองมุมปากของมันก็ยกสูงขึ้นอย่างพอใจ "ในที่สุดก็อดทนรอต่อไปไม่ได้แล้วหรือ?" เรย์นาร์ดคิดกับตนเองในใจ เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาตัวมันไม่เพียงแต่สั่งอาหารหลากหลายเมนูอย่างไม่หยุดหย่อนให้แก่โต๊ะของตนเองมันยังสั่งอาหารเลี้ยงแขกโต๊ะอื่นๆภายในภัตตาคารเหินฟ้าอย่างครบถ้วน จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวของมันในการกระทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการจะฉีกหน้าโต๊ะของกาเล็ทที่บอกปัดไม่รับไม่ตรีที่มันเสนอให้

    กาเล็ทที่เดินดุ่มๆเข้ามาถึงโต๊ะของเรย์นาร์ดก็ถือวิสาสะดึงเก้าอี้ออกและหย่อนก้นของตนเองนั่งลงทันที เมื่อสังเกตุเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเรย์นาร์ดแล้วกาเล็ทก็เกิดความรู้สึกอย่างจะจัดการมันผู้นี้ให้แดดิ้นไปในชั่วพริบตาให้รู้แล้วรู้รอด

    "น้องชายเปลี่ยนใจที่จะร่วมโต๊ะกับเราผู้พี่แล้วหรือ" เรย์นาร์ดแสแสร้งปั้นรอยยิ้มเป็นมิตรขึ้นบนใบหน้าจากนั้นจึงเอ่ยเรียกพี่เรียกน้องกับกาเล็ท
    "ยังไม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกสงสัยใจว่าพี่ท่านสั่งอาหารมามากมายหลากหลายเมนูเช่นนี้จะรับประทานหมดหรือ" กาเล็ทเอ่ย ขณะที่เอ่ยเช่นนั้นในจิตใจก็นึกคิด "หากเจ้าต้องการเปิดการละเล่น เช่นนั้นข้าก็จะเล่นกับเจ้าสักครา"
    "ไม่หมดแล้วจะเป็นไร? ไม่หมดก็คือไม่หมด" เรย์นาร์ดยิ้มตอบ
    "ข้าสอบถามพนักงานของร้านมาว่ากฎของภัตตาคารเหินฟ้านี้จะใช้กฎผู้ใดมาก่อนก็ได้สั่งก่อน การที่พี่ท่านสั่งอาหารมากมายไม่หยุดหย่อนเช่นนี้เป็นเหตุให้โต๊ะของข้าต้องรอนาน" กาเล็ทเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงเหลือบมองไปยังอาหารบนโต๊ะของเรย์นาร์ดซึ่งมีมากมายจนต้องนำโต๊ะเสริมมาต่ออีกหลายโต๊ะ "ข้าเองก็เห็นว่าอาหารบนโต๊ะของพี่ท่านก็มีมากมายก่ายกองจนไม่เหลือที่จะวางเพิ่มเติมแล้ว เช่นนั้นจะเป็นไรหรือไม่หากข้าจะขอให้พี่ท่านช่วยหยุดสั่งอาหารโดยไม่จำเป็นเพิ่มเพื่อที่จะให้พ่อครัวของภัตตาคารสามารถปรุงอาหารให้แก่โต๊ะอื่นๆได้"

    เรน์นาร์ดได้ฟังเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกสมใจขึ้น "เกรงว่าทำเช่นนั้นคงไม่ได้ ข้านั้นได้ออกปากไปแล้วว่าในวันนี้จะสั่งอาหารเลี้ยงทุกผู้คนที่เข้ามายังภัตตาคารเหินฟ้านี้" เรย์นาร์ดเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็แสร้งแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา "คงต้องรบกวนให้น้องชายรออีกสักครู่ใหญ่แล้ว"

    "ถือว่าข้าได้ให้โอกาสแก่เจ้าแล้ว" เมื่อกาเล็ทได้ฟังคำของเรย์นาร์ดก็ครุ่นคิดกับตนเอง

    ทางด้านนีน่าซึ่งเห็นผู้เป็นบุตรชายเดินดุ่มๆเข้าไปหาโต๊ะของเรย์นาร์ดก็เหลียวมองตามหลังไปอย่างเป็นห่วง

    "ท่านหญิงข้าขอกล่าวสิ่งใดสักหน่อยจะได้หรือไม่" เทลเล่อที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้น

    นีน่าซึ่งกำลังเหลียวมองไปยังโต๊ะของเรย์นาร์ดอย่างเป็นห่วงได้ฟังเช่นนั้นก็หันกลับมาเอ่ย "เชิญท่านผู้พิทักษ์กล่าวได้อย่างเต็มที่"

    เทลเล่อได้ฟังก็ยิ้มออกมา "ท่านหญิงข้าทราบดีถึงความคิดอ่านของท่านหญิงที่ต้องการให้กาเล็ทใช้ชีวิตอย่างสุขสงบแต่ท่านหญิงทราบหรือไม่ว่าผู้คนบางครั้งก็ไม่สามารถจะใช้ชีวิตได้อย่างหวังไว้ได้ ในโลกแห่งนี้นั้นแม้ว่าเราไม่ข่มเหงรังแกผู้ใดก็ใช่ว่าจะไม่ถูกผู้ใดข่มเหงรังแก ในยามนี้ท่านหญิงอาจจะเกิดเมตตาจิตต่อผู้อื่นแต่ข้าอยากจะให้ท่านหญิงลองคิดไตร่ตรองดูให้ดี หากว่าเราปล่อยให้ผู้คนที่กระทำความผิดไปโดยไม่สอนสั่งบทเรียนแก่มัน มันก็จะยิ่งได้ใจและจะกระทำซ้ำเช่นนี้ต่อผู้อื่นอีกไม่รู้จักจบจักสิ้น เช่นนี้แล้วท่านหญิงไม่นึกคิดสงสารถึงผู้คนอื่นที่จะถูกมันข่มเหงในอนาคตหรือ?"

    นีน่าซึ่งได้ฟังคำกล่าวของเทลเล่อก็ตากระจ่างขึ้นมาวูบหนึ่ง "ท่านผู้พิทักษ์คิดว่าสาเหตุที่อาหารของพวกเรามาเสริพล่าช้านั้นเป็นความผิดของคุณชายโต๊ะนั้นหรือ?" นีน่าเอ่ย

    เทลเล่อได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัวตอบคำ "ย่อมไม่แปลกปลอม แม้ว่าข้าจะไม่ทราบสาเหตุว่าเหตุใดมันจึงคิดข่มเหงรังแกพวกเราแต่สาเหตุที่โต๊ะของพวกเราไม่มีอาหารที่สั่งนำมาเสริพเลยแม้สักเมนูเดียวต้องเกี่ยวข้องกับคุณชายโต๊ะนั้นแน่นอน"

    "ท่านป้า ขอให้เชื่อใจกาเล็ทเถอะ ข้าเองก็เชื่อว่ากาเล็ทคงไม่ทำสิ่งใดไปอย่างไร้เหตุผลแน่นอน" แชลเทียเอ่ยขึ้นจากนั้นทั้ง ซิลเวีย เบลล่า เซลิน่าและโซเฟียต่างเอ่ยแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาในทำนองเดียวกันกับแชลเทีย

    กลับมาทีเรย์นาร์ดซึ่งยังไม่ทราบว่าฟางเส้นสุดท้ายที่จะสามารถช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากเคราะห์กรรมได้พึ่งจะขาดผึงลงไปแล้ว เรย์นาร์ดในยามนี้นั้นกลับกำลังยิ้มจ้องมองไปที่กาเล็ทอย่างสมใจ

    วีร่าที่ด้านข้างนั้นกลับจ้องมองไปที่กาเล็ทด้วยสายตาที่แตกต่างจากคู่หมั้นของตนเอง เมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างถนัดชัดตาแล้วนางนั้นไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงลายล้อมไปด้วยสตรีที่งดงามมากมายถึงเพียงนั้นได้ นั่นก็เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างหน้าต่างที่หล่อเหลา ดวงตาคมกลิบซึ่งจ้องมองไปที่เรย์นาร์ดคู่หมั้นของตนเองอย่างไม่หวั่นเกรง ใบหน้าของเขาในตอนนี้นั้นกลับไม่ปรากฎเค้าลางของความหวั่นไหวเลย ดูไปแล้วชวนให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกอยากแอบอิงพึ่งพิงขึ้นมา

    "ครอบครัวของท่านพี่ร่ำรวยนักหรือถึงได้ไม่เสียดายเงินทองใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมือเติบเช่นนี้" กาเล็ทยิ้มเอ่ยขึ้น แม้ว่าใบหน้าจะยังคงยิ้มแย้มหากแต่ความหมายในวาจากลับแตกต่างจากใบหน้า

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ทคิ้วของเรย์นาร์ดก็กระตุกวูบหนึ่ง "ร่ำรวยเพียงไหนคงยากจะสามารถอธิบายให้เข้าใจเป็นคำพูดได้ เอาเป็นว่าข้าสามารถที่จะจ่ายเงินทองค่าอาหารเหล่านี้ได้อย่างสบาย" กล่าวถึงจุดนี้เรย์นาร์ดก็จ้องมองไปที่กาเล็ทอย่างท้าทายจากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องเอ่ยขึ้น "ได้ฟังมาว่าน้องชายเป็นคนต่างถิ่นหรือ? ไม่ทราบว่าน้องชายมาจากตระกูลใดและมีถิ่นฐานอยู่ที่ใด"

    "พี่ท่านช่างรอบรู้นักตัวข้านั้นมาจากตระกูลบุสโซ่ มีนามว่ากาเล็ทบุสโซ่" กาเล็ทเอ่ยบอกออกไปอย่างไม่ปิดบังขณะที่เอ่ยบอกใบหน้าของกาเล็ทก็ปรากฎรอยยิ้มประหลาดขึ้นวูบหนึ่ง
    "ตระกูลบุสโซ่หรือ? ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อน ใช่เป็นชื่อตระกูลที่สังกัดอยู่ในเมืองขึ้นของไอออนหรือไม่?" เรย์นาร์ดเอ่ย
    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ยังคงยิิ้มออกมาเช่นเดิม "เมื่อก่อนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเช่นนั้นแต่ตอนนี้นั้นแตกต่างแล้ว เฮ้อจะกล่าวไปแล้วข้าล่ะเกิดความรู้สึกอิจฉาเลื่อมใสพี่ท่านนัก"

    ได้ฟังคำกล่าวช่วงท้ายของกาเล็ทเรย์นาร์ดก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดใจขึ้น "อิจฉาข้า?"

    "ใช่แล้วข้าล่ะอิจฉาพี่ท่านนักที่สามารถกระทำในสิ่งที่อยากจะกระทำได้ ส่วนตัวข้านั้นแม้ว่าอยากจะกระทำบางสิ่งถึงเพียงไหนหากแต่ยังคงต้องยับยั้งชั่งใจไว้เพราะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควร" กาเล็ทเอ่ย

    "จ..เจ้า" เรย์นาร์ดยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาชี้ไปที่กาเล็ท มีหรือที่มันจะไม่สามารถแปลความหมายในวาจาของกาเล็ทออกแต่ยังไม่ทันที่มันจะอาละวาดออกมามันก็เหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งซึ่งกำลังก้าวเดินเข้ามาในภัตตาคารเหินฟ้า เมื่อคนผู้นั้นหันมองมาทางโต๊ะของตนเองสีหน้าของคนผู้นั้นก็แปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง คนผู้นี้นั้นเป็นขุนนางที่มักจะไปมาหาสู่กับผู้เป็นบิดาของตนเองเป็นประจำเนื่องจากว่ามันต้องพึ่งพิงเส้นสายและเงินทองของผู้เป็นบิดาจึงทำให้ขุนนางผู้นี้แสดงความเกรงอกเกรงใจต่อครอบครัวของเรย์นาร์ดไม่น้อย

    เรย์นาร์ดรู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อยที่วันนี้คาซัพกลับแสดงความนอบน้อมต่อตนเองมากเป็นพิเศษ ขณะที่เดินเข้ามายังโต๊ะของตนเองมันนั้นถึงกับค้อมตัวลงขณะก้าวเดินเข้ามา "ไม่ทราบว่าท่าน.." ขณะที่คาซัพเอ่ยคำทักทายขึ้นเรย์นาร์ดก็ยกมือข้างหนึ่งของตนขึ้นปรามทันที "คนกันเองทั้งนั้นเหตุใดท่านคาซัพถึงต้องมากพิธี"

    คาซัพที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองเรย์นาร์ดเสมือนมองคนบ้าผู้หนึ่ง "ข้าไม่ได้กล่าวกับเจ้า" เอ่ยจบคาซัพก็หันไปหากาเล็ท "เหตุใดท่านจักรพรรดิ์ทมิฬถึงได้มาอยู่ที่นี่กันขอรับ" คาซัพผู้นี้ย่อมเป็นหนึ่งในขุนนางที่ถูกเรียกตัวด่วนเพื่อให้ไปรอต้อนรับกาเล็ทเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนดังนั้นแล้วมันย่อมสามารถจดจำออกได้ว่ากาเล็ทคือผู้ใด

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็หันไปหาคาซัพที่ย่อตัวลองอยู่ข้างเก้าอี้ของตนเองแล้ว "ข้ามาไม่ได้หรือ?"

    "ได้ขอรับ ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬสามารถเดินทางไปทุกแห่งหนได้แน่นอน ทุกแห่งหนในทวีปตะวันออกแห่งนี้ย่อมอยู่ใต้อาณัติของท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ" กล่าวประจบเสร็จคาซัพก็เหลือบมองไปบนอาหารบนโต๊ะที่มากมายจนผิดปกติ "ก็สมควรอยู่" คาซัพนึกคิดสรุปกับตนเองในใจถึงสาเหตุที่เรย์นาร์ดสั่งอาหารมามากมายถึงเพียงนี้คงเพราะเพื่อต้อนรับจักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้แน่นอนโดยไม่ได้สังเกตุเห็นเลยว่าบัดนี้ทั้งเรย์นาร์ดและวีร่าต่างนิ่งอึ้งไปแล้ว

    "ไม่ทราบว่าอาหารของภัตตาคารเหินฟ้าถูกปากท่านจักรพรรดิ์ทมิฬหรือไม่ขอรับ" คาซัพเอ่ยถาม

    "ข้าจะทราบได้อย่างไรว่าถูกปากหรือไม่ ในเมื่อรอมากว่าชั่วโมงแล้วยังไม่มีอาหารมาเสริพที่โต๊ะของข้าแม้สักจานเดียว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งชี้มือไปยังโต๊ะของตนเองที่ว่างเปล่าปราศจากอาหารแม้สักจานเดียวจากนั้นจึงเอ่ยต่อ "วันนี้ข้าพาครอบครัวออกมารับประทานอาหารยังภัตตาคารแห่งนี้แต่ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิดไปเกี่ยวกับไอออน ผู้คนของไอออนกลับต้อนรับข้าได้ประเสริฐนัก" กาเล็ทเอ่ยในน้ำเสียงแฝงความไม่พอใจออกมาอยู่หลายส่วน

    "จ..จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ" คาซัพเอ่ยพร้อมทั้งหันกลับไปมองอาหารมากมายบนโต๊ะอย่างมึนงงสงสัย
    "ข..ข้า ข.ขอตัวกลับก่อน" เรย์นาร์ดเอ่ยขึ้นและทำทีว่าจะลุกขึ้นหากแต่ร่างของมันกลับถูกมือข้างหนึ่งยื่นมากดไว้ให้นั่งลงดังเดิม เรย์นาร์ดกลับรู้สึกเสมือนว่าถูกภูเขาลูกหนึ่งหล่นทับใส่ร่างเข้าอย่างจังทั่วทั้งร่างหนักอึ้งไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้

    "จะรีบไปไหนหรือพี่ท่าน การสนทนาของเรายังไม่จบเลย" กาเล็ทเอ่ยจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกลับคาซัพ "เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าได้ยินกฎที่แปลกประหลาดของภัตตาคารเหินฟ้ามาข้อหนึ่งทำให้ข้าใคร่สงสัยใจนัก"
    "ก..กฎอันใดหรือขอรับ?" คาซัพรีบเอ่ยถาม

    "ที่ว่าเป็นผู้ใดมาก่อนได้สั่งก่อน ต้องรอให้ผู้มาก่อนสั่งอาหารจนแล้วเสร็จครบถ้วนตามต้องการแล้วผู้มาทีหลังจึงจะได้รับสิทธิ" กาเล็ทเอ่ย

    "ห..หามีไม่ขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ" คาซัพรีบเอ่ยกล่าว

    "หืม แต่กฎข้อนี้พนักงานต้อนรับเป็นผู้เอ่ยบอกต่อข้า" กาเล็ทเอ่ย

    "คงมีการเข้าใจผิดแล้วขอรับ"

    "เช่นนั้นก็ช่วยรบกวนเจ้าตรวจสอบให้ด้วยว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องราวใดขึ้นกันแน่ ขอบอกต่อเจ้าว่าข้าต้องการทราบแต่เพียงความจริง หากว่ามีการกล่าวโป้ปดแม้แต่น้อยก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเชิงข่มขู่กับคาซัพ

    "ขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ" คาซัพรีบเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงรีบกุลีกุจอไปสืบหาสาเหตุของเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น

    "ท...ทท..ท่านคือจักรพรรดิ์ทมิฬผู้สังหารจักรพรรดิ์แดง?" เรย์นาร์ดเอ่ยกล่าวอย่างตระกุกตระกักใบหน้าของมันในตอนนี้นั้นซีดขาวจนไร้สีเลือด สีหน้าที่ยโสโอหังเมื่อครู่มลายหายไปไม่เหลือเค้าอยู่เลยแม้แต่น้อย

    "ผู้คนมักเอ่ยเรียกข้าเช่นนั้นพี่ท่าน" กาเล็ทยังคงเอ่ยเรียกพี่เรียกน้องกับเรย์นาร์ดตามเดิมหากแต่น้ำเสียงและสีหน้ากลับผิดแผกแตกต่างไปอยู่บ้าง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×