ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #187 : เรียกข้าว่ากาเล็ท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.25K
      403
      12 มี.ค. 61





    หลังจากเดินทางมาถึงยังหอร้อยบุปผากาเล็ทใช้เวลารอไม่นานเซลิน่าและโซเฟียก็ลงมาพบ เมื่อเห็นว่าทั้งสองมีเพียงกระเป๊าใบเล็กใบหนึ่งที่ติดตัวมาคนละใบคิ้วของกาเล็ทก็ขมวดเข้าหากัน

    "ท่านดยุค ขออภัยที่พวกข้าทำให้ท่านดยุคต้องรอนาน" โซเฟียเอ่ยขึ้น

    "ข้าวของมีเพียงนี้หรือ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งเดินเข้าไปคว้าเอากระเป๋าจากมือของทั้งโซเฟียและเซลิน่า

    "ค่ะท่านดยุค" ทั้งเซลิน่าและโซเฟียเอ่ยตอบและเมื่อเห็นว่ากาเล็ทยื่นมือออกมาเพื่อรับเอาสัมภาระของพวกตนเองไปทั้งเซลิน่าและโซเฟียก็รีบเอ่ยออกไป "ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านดยุคพวกข้าถือเองได้"

    กาเล็ทใช้สายตาสังเกตุดูทั้งโซเฟียละเซลิน่าอย่างถี่ถ้วนรอบหนึ่ง กาเล็ทกลับพบว่าพวกนางดูผ่ายผอมลงกว่าเมื่อครั้งพบกันหนแรกอยู่ไม่น้อย "ไม่เป็นไรสิ่งของพวกนี้สำหรับกับข้าไม่หนักหนาถึงเพียงนั้น" กาเล็ทคว้าเอากระเป๋าในมือของเซลิน่าและโซเฟียมาจากนั้นจึงเอ่ยถามต่อ "รับประทานสิ่งใดมาแล้วหรือไม่"
    "พวกข้ารับประทานมาบ้างแล้วค่ะท่านดยุค" โซเฟียทำหน้าที่เอ่ยตอบออกมาอย่างแผ่วเบา

    กาเล็ทเก็บกระเป๋าทั้งสองเข้าไปในแหวนมิติของตนเองจากนั้นจึงเอ่ยกับทั้งสอง "เอาเช่นนี้เถอะรับประทานให้อิ่มท้องกันก่อนเมื่อเสร็จแล้วข้าจะพาพวกเข้าไปเลือกซื้อของใช้จำเป็นภายในเมือง" กล่าวจบกาเล็ทก็ไม่รอให้ทั้งสองตอบรับยกมือขึ้นโบกเรียกบริกรของหอร้อยบุปผาที่เตรียมพร้อมรออยู่แล้วให้เข้ามาหา

    "ขอรับท่านดยุคมีสิ่งใดให้พวกข้ารับใช้ขอรับ" ผู้ดูแลหอร่างท้วมรีบกุลีกุจอเข้ามาเอ่ยถาม

    "ช่วยจัดเตรียมห้องพิเศษพร้อมทั้งอาหารให้แก่ข้าเหมือนดั่งครั้งก่อนสักหน่อย พวกนางยังไม่ได้รับประทานอะไรเกรงว่าพวกนางจะหิวเอาได้ตอนที่ข้าพาพวกนางไปหาซื้อข้าวของ" กาเล็ทเอ่ยกับผู้ดูแลหอร่างท้วม

    "ขอรับท่านดยุค" กล่าวจบผู้ดูแลหอร่างท้วมก็รีบหันไปโบกไม้โบกมือให้กับผู้คนของมันที่เตรียมการรออยู่แล้ว "เชิญขอรับท่านดยุค" มันเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งผายมือนำทางให้แก่กาเล็ท

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็หันกลับมายิ้มให้แก่เซลิน่าและโซเฟีย "ไปเถอะ ตั้งแต่วันนั้นข้ากับพวกเจ้าก็ไม่ได้พูดคุยกันเท่าที่ควร ครั้งที่แล้วก็มีท่านแม่อยู่ด้วยเลยไม่สะดวกกับการเอ่ยปากเท่าใด" กาเล็ทเอ่ย ขณะที่เอ่ยก็เกิดความรู้สึกกระดากเขินอายอยู่ในใจสาเหตุก็เพราะเมื่อครั้งก่อนหาใช่เพราะผู้เป็นมารดาอันใดแต่กลับเป็นเพราะเมื่อมีคู่หมั้นทั้งสามของตนเองอยู่ด้วยเป็นเหตุให้กาเล็ทไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากพูดคุยกับเซลิน่าและโซเฟีย

    เมื่อเข้ามานั่งอยู่ภายในห้องพิเศษเรียบร้อยดีแล้วกาเล็ทก็เอ่ยปากขึ้น "อย่าได้ไปนั่งไกลถึงเพียงนั้นมานั่งที่ตรงนี้" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งตบยังพื้นที่เปล่าข้างกายของตนเอง ขณะสำรวจตรวจดูเซลิน่าและโซเฟียในจิตใจของกาเล็ทก็ครุ่นคิด "เหตุใดกลับกลายเป็นเกรงกลัวเราถึงเพียงนี้?"

    "ค่ะท่านดยุค" ทั้งเซลิน่าและโซเฟียตกปากรับคำ

    "ให้เรียกข้าว่ากาเล็ท ข้าฟังผู้อื่นเรียกข้าว่าท่านดยุคจนเบื่อหน่ายแล้ว พวกเจ้าเองจากนี้ก็จะเข้ามาเป็นภรรยาของข้า เป็นคู่ชีวิตของข้า หาใช่คนอื่นคนไกลให้เรียกข้าเหมือนกับที่คู่หมั้นทั้งสามของข้าเรียกเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    "ค่ะท่านดยุค" ทั้งเซลิน่าและโซเฟียยังคงเอ่ยตอบเช่นนั้น

    "ข้าน่ากลัวนักหรือ?" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน

    ได้ยินคำถามนี้ของกาเล็ททั้งเซลิน่าและโซเฟียก็ไม่ทราบว่าจะตอบเช่นไรดี น่ากลัวหรือ? หากให้บอกกล่าวตามตรง ในจิตใจของพวกนางตอนนี้ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล พวกนางล้วนกังวลใจว่าพวกนางนั้นใช่คู่ควรกับสิ่งที่ตนเองกำลังจะได้รับหรือไม่ พวกนางเฝ้าตั้งคำถามเช่นนี้วนไปวนมาเป็นสาเหตุให้ตลอดสองถึงสามวันมานี้พวกนางถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับสุดท้ายแล้วความกังวลก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความกลัว ความกลัวที่จะสูญเสียสิ่งที่พึ่งได้รับไป กลัวว่ากาเล็ทจะนึกเปลี่ยนใจและรังเกียจฐานะของพวกนาง กลัวว่าหากพวกนางจะทำสิ่งใดไม่ถูกใจกาเล็ท กลัวว่ากาเล็ทจะขับไล่พวกนางออกจากตระกูลบุสโซ่ไป

    ทั้งเซลิน่าและโซเฟียนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งเมื่อรู้สึกตัวพวกนางก็สังเกตุเห็นถึงสีหน้าท่าทีของกาเล็ทที่หน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมองมาที่พวกนาง "ขออภัยท่านดยุคที่โซเฟีย/เซลิน่าทำให้ท่านดยุคต้องขุ่นข้องหมองใจ" ทั้งโซเฟียและเซลิน่ารีบผละตัวออกห่างและก้มลงหมอบกราบ อันที่จริงแล้วพวกนางนั้นล้วนเข้าใจผิดคิดไปเองว่ากาเล็ทกำลังขุ่นข้องหมองใจโกรธเคืองต่อพวกนาง ที่จริงแล้วกาเล็ทนั้นเพียงแต่กำลังครุ่นคิดหาสาเหตุที่พวกนางนั้นมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งแรกและหาวิธีแก้ไขปรับความเข้าใจ

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นจึงรีบประคองพวกนางขึ้น "นี่ไปกันใหญ่แล้ว ไม่ต้องเกรงกลัวข้าถึงเพียงนั้น ข้าเพียงแต่สงสัยใจว่าเหตุใดพวกเจ้าทั้งสองจึงมีทีท่าเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้? ข้าใช่น่ากลัวนักหรือในสายตาของพวกเจ้า" กาเล็ทเอ่ย

    วืดดดดด เสียงของบานประตูที่ถูกเปิดของพร้อมกับบริกรที่ยกสำรับอาหารเข้ามาเสริพ การเข้ามาขัดจังหว่ะของบริกรในการเสริพอาหารนี้กลับเพิ่มเวลาให้กับเซลิน่าและโซเฟียได้คิด

    เมื่อบริกรออกจากห้องไปแล้วกาเล็ทก็ใช้สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำถามจ้องมองไปที่เซลิน่าและโซเฟียอย่างไม่เข้าใจ กาเล็ทที่พยายามทำตัวให้เป็นมิตร อ่อนโยนนุ่มนวลย่อมไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทั้งสองนั้นเกรงกลัวต่อตนเองถึงเพียงนี้

    การที่กาเล็ทไม่เข้าใจถึงสาเหตุย่อมไม่แปลก สำหรับความเกรงกลัวของผู้คนซึ่งไม่รู้จักรตัวตนที่แท้จริงของกาเล็ทดีนั้นย่อมไม่ใช่เกิดจากว่ากาเล็ทแสดงท่าทีเช่นไรหากแต่เกิดจากสิ่งที่กาเล็ทสามารถกระทำได้ สำหรับบุคคลอื่นที่รู้และเข้าใจถึงขีดความสามารถของกาเล็ทการที่จะเกรงกลัวต่อกาเล็ทย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด การที่อยู่ใกล้ผู้มีอำนาจย่อมไม่แตกต่างจากการอยู่ใกล้สัตว์ร้าย ไม่ทราบว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรในตอนนี้จะแปรเปลี่ยนกลับกลายไปเมื่อใด เพียงคำสั่งเดียวของกาเล็ทก็สามารถที่จะตัดสินความเป็นความตายของผู้คนได้ เช่นนี้จะไม่ให้ผู้คนเกรงกลัวต่อกาเล็ทได้อย่างไร? ดังนั้นที่เกรงกลัวย่อมเกิดขึ้นเพราะหามีผู้ใดเข้าใจความคิดที่แท้จริงของกาเล็ทได้

    "พวกข้านั้นมีฐานะต่ำต้อยไม่คู่ควรกับท่านดยุคเกรงว่าตัวข้าจะเป็นสาเหตุทำให้ท่านดยุคเสื่อมเสียชื่อเสียง" โซเฟียเอ่ยออกมา

    แม้กาเล็ทจะยังไม่เข้าใจดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับท่าทีเกรงกลัวของพวกนางที่มีต่อตนเองแต่กาเล็ทก็เสมือนตัดสินใจบางอย่างได้ กาเล็ทถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง "เจ้ามองว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อยหรือ?" กาเล็ทเอ่ยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบออกมา ไม่รอให้ทั้งโซเฟียและเซลิน่าเอ่ยตอบกาเล็ทก็เอ่ยต่อ "หากว่าแม้แต่ตัวเจ้าเองยังดูถูกตนเองเช่นนั้นแล้วจะมีผู้ใดบ้างที่ไม่ดูถูกเจ้า? ขอถามเจ้าการที่เจ้ามีอาชีพเป็นนางคณิกาอยู่ในหอร้อยบุปผานี้ใช่เป็นการเลือกของตัวเจ้าเองหรือไม่?" คำถามในคราครั้งนี้กาเล็ทกลับเอ่ยถามขึ้นอย่างต้องการคำตอบ สายตาของกาเล็ทที่จ้องมองไปยังโซเฟียบ่งบอกออกมาเช่นนั้น

    "ไม่ใช่ความต้องการของข้า หากเลือกได้ข้าย่อมไม่ต้องการ ข้าย่อมไม่ต้องการที่จะเป็นเช่นนี้" ดวงตาของโซเฟียค่อยๆเปียกชื้นขึ้นขณะที่เอ่ยกล่าว

    "เช่นนั้นเจ้าก็ไม่สมควรที่จะโทษว่าตำหนิตนเอง สำหรับกับข้าสูงต่ำอยู่ที่ใจของผู้คน ทราบหรือไม่ว่าเบลล่าคู่หมั้นคนที่สามของข้านางเคยเป็นตัวประกันอยู่ที่ไอออน เพราะเพื่อความปลอดภัยของโรฮานนางต้องยอมเสียสละตนเองไปเป็นประกันและหมั้นหมายกับเจ้าชายของไอออน ความคิดของข้าที่มีต่อนางนั้นมีแต่ความชื่นชมยกย่อง ต่อให้นางนั้นแต่งให้แก่เจ้าชายของไอออนแล้วข้าก็ยังคงยินดีที่จะรับนางเข้ามาเป็นหนึ่งในภรรยาของข้าอย่างไม่ขบคิด ข้าไม่ทราบว่าสำหรับกับผู้อื่นนั้นตัดสินความสูงต่ำของผู้คนที่จุดในแต่สำหรับกับข้าอยู่ที่นี่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวมาถึงช่วงท้ายก็ยกกำปั้นของตนเองทุบลงบริเวณที่อกของตนจากนั้นจึงเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและยื่นมือออกไปปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของทั้งโซเฟีย "ผู้คนไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ เมื่อก่อนเจ้าไม่สามารถที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตนเองได้แต่บัดนี้นั้นแตกต่าง เมื่อก่อนอดีตเป็นเช่นไรไม่สลักสำคัญสำหรับกับข้าแต่ที่สำคัญคือต่อจานนี้เข้าใจหรือไม่"

    โซเฟียที่น้ำตาไหลหลั่งลงมาอาบแก้มค่อยๆผงกหัวอย่างเชื่องช้า ความเกรงกลัวที่เคยมีต่อกาเล็ทก็เสมือนจางหายไปหลายส่วน "เมื่อตัวข้านั้นไม่ถือสาก็อย่าได้สนใจว่าผู้อื่นจะว่าเช่นไร ต่อจากนี้ข้าจะปกป้องและดูแลพวกเจ้า พวกเจ้าถือว่าเป็นสตรีของข้าแล้วเข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถึงช่วงท้ายก็หันไปหาเซลิน่าด้วย

    ทั้งเซลิน่าและโซเฟียต่างผงกหัว

    เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงแล้วก็เล็ทก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเป็ดที่ถูกหั้นออกเป็นชิ้นขนาดพอดีคำอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าส่งยื่นใส่จานให้แก่โซเฟียและเซลิน่า "พวกเจ้าดูซูบผอมลงมาก ต้องกินให้มากไว้เข้าใจหรือไม่"

    "ค่ะ ก..กาเล็ท" โซเฟียเอ่ยกล่างอย่างติดๆขัดๆ พร้อมทั้งชำเรืองมองมายังกาเล็ทวูบหนึ่ง ขณะที่ชำเรืองมองใบหน้าที่หล่อเหลาซึ่งบัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนนุ่มนวลที่มองมายังตนเองหัวใจของโซเฟียก็เต้นถี่ยิบรวดเร็วขึ้น ความรู้สึกที่ตัวนางไม่คิดฝันว่าจะเกิดขึ้นกับตนเองก็เกิดขึ้นกับนาง

    "เมื่อไปอยู่ที่ตระกูลบุสโซ่แล้วพวกเจ้าทั้งสองคงต้องปรับตัวอีกมากถึงจะคุ้นชิน ข้าอยากให้พวกเจ้าช่วยดูแลและอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนเล่นกับท่านแม่ของข้า เมื่อก่อนท่านแม่น่ะลำบากเพื่อข้ามามาก" กาเล็ทเอ่ยขึ้นขณะที่ตักแบ่งเนื้อปลาและเขี่ยเอาก้างปลาออกจากนั้นจึงยื่นส่งใส่จานให้ทั้งเซลิน่าและโซเฟีย

    "ค่ะ" ทั้งคู่ตอบรับ

    เมื่อเห็นว่าทั้งคู่นั้นมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความฉงนสงสัยกาเล็ทจึงเอ่ยเล่าถึงเรื่องราวของตนเองและนีน่าอย่างคร่าวๆให้กับทั้งเซลิน่าและโซเฟียฟัง

    เมื่อได้ฟังเรื่องราวของกาเล็ททั้งเซลิน่าและโซเฟียก็แสดงสีหน้าเสมือนว่าได้ฟังเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อเรื่องหนึ่งออกมา

    "ผู้ใดจะคาดคิดว่าข้าจะมาถึงจุดนี้ได้ ฮะ ฮะ เมื่อหนึ่งปีก่อนท่านแม่ของข้ายังรับปักชุนเสื้อผ้าเพื่อแลกกับเศษเงินอยู่ที่เมืองรีเวลอยู่เลย ส่วนข้านั้นจำได้ว่าเคยไปรับจ้างแบกยกสิ่งของเพื่อแลกกับเงินเพียงหนึ่งเหรียญเงิน" กาเล็ทเอ่ยเล่าพร้อมทั้งยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบที่ศรีษะและหัวเราะออกมา

    "ได้ยินมาว่าพวกเจ้าทั้งสองล้วนรู้หนังสือ?" กาเล็ทเปลี่ยนเรื่องเอ่ยถามขึ้น

    "ค่ะท่านดย.. กาเล็ท" เซลิน่าเอ่ย

    "กับข้านั้นไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นตึงเครียดไปหรอก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบหัวของเซลิน่า "หากว่าอยู่ว่างไม่มีสิ่งใดกระทำก็มาช่วยข้าดูแลจัดการเรื่องราวดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ย

    ทั้งเซลิน่าและโซเฟียต่างผงกหัวรับคำ

    อาหารเมนูต่างๆค่อยๆทยอยนำเข้ามาเสริพถายในห้องจนครบ เมื่อเงื่อนปมที่รบกวนจิตใจของทั้งเซลิน่าและโซเฟียคลายออก ท้องที่ว่างเปล่าแต่ไม่ยอมเปิดรับอาหารของพวกนางก็เสมือนว่าจะเปิดออกในทันใดประกอบเข้ากับการพูดคุยและการบริการจากกาเล็ททำให้ในมื้อนี้พวกนางนั้นกินเข้าไปมากมายนัก

    "อิ่มแล้วใช่หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นว่าอาหารที่ตนเองตักให้ทั้งเซลิน่าและโซเฟียยังคงหลงเหลืออยู่ในจาน

    "อืม" ทั้งเซลิน่าและโซเฟียผงกหัวรับ

    "ข้ายังไม่ได้บอกพวกเจ้าว่าพรุ่งนี้ข้าและครอบครัวจะเดินทางไปไอออนเพื่อจัดการธุระบางอย่างและถือโอกาสออกท่องเที่ยวด้วย อาจจะกระทันหันไปหน่อยแต่คู่หมั้นทั้งสามและท่านแม่ของข้าก็อยากให้พวกเจ้าทั้งสองร่วมทางไปด้วย จะได้ถือเอาโอกาสนี้ทำความรู้จักให้คุ้นเคยกันไว้ดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ย

    เมื่อเห็นว่าทั้งเซลิน่าและโซเฟียผงกหัวรับกาเล็ทก็เอ่ย "อืม เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดินเลือกซื้อของใช้ภายในเมือง"

    "ก..กาเล็ทข้ามีเรื่องอยากขอร้อง" โซเฟียเปิดปากเอ่ยขึ้นมา

    "เรื่องอะไรหรือ?" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกฉงนใจ

    "ข้า อืม กาเล็ทช่วยพาเพื่อนของข้าออกไปด้วยได้หรือไม่ ข้ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ข้ารับรองว่านางนั้นมีนิสัยใจคอ.." โซเฟียเอ่ยกล่าวยังไม่ทันจบกาเล็ทก็เอ่ยตอบ

    "ไฉนจะไม่ได้ อยากพาไปด้วยสักกี่คนก็บอกมาเถอะข้าจะจัดการให้ เซลิน่าเล่ามีเพื่อนที่อยากพาไปอยู่ที่ตระกูลบุสโซ่ด้วยหรือไม่?" กาเล็ทหันไปเอ่ย

    "ข้ามีอยู่สองคน" เซลิน่าเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ



    ปล.ยิ่งเขียนนานไปยิ่งอยากใส่รายละเอียด จริงๆจะข้ามบทพวกนี้ไปก็ได้มั้งแต่ผมมองว่าความสัมพันธ์ของผู้คนมันต้องมีที่มาที่ไป ความผูกพันของผู้คนมันต้องเกิดจากการพูดคุยและใช้ชีวิตร่วมกันผมก็เลยไม่อยากตัดบทพวกนี้ออก จริงๆบทของตัวละครเซลิน่าและโซเฟียนี้ใส่มาก็เพื่อเปิดซิงให้พระเอกและเป็นการสื่อถึงนิสัยใจของของกาเล็ทให้ชัดเจนขึ้นหวังว่าจะไม่เบื่อหน่ายกันนะใครที่อยากอ่านแนวสงคราม บู๊แหลกโชเทพ ได้เห็นแน่นอนรอหน่อยเน้อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×