คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SF - FRIEND [4] lENDl
[TAO’S SAID]
ผมที่กำลังเบลอๆ อยู่ถูกลากออกมาโดนรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่จนถึงตอนนี้...ผมยังจำชื่อของเขาไม่ได้เลยครับ
ไม่ได้ลืมนะครับ แต่ไม่เคยจำอ่ะ
ส่วนผมเป็นใครก็คงจะรู้กันแล้ว เดาว่าไอ้เตี้ยคชาคงนินทาว่าร้ายใส่สีตี่ไข่ผมไว้เยอะเลยอ่ะดิ และตอนนี้ก็ถึงตาผมเอาคืนบ้างแล้วล่ะครับ จะเผาเอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู หึหึหึ
“น้องเต๋าคะ ปลาหมึกอร่อยมากเลยค่ะ ลองมั้ย?”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยิน ตกใจหมด!
ผมออกมาจากโลกส่วนตัวเมื่อพี่ทะเล (นี่ใจคอมึงจะเรียกพี่เขาว่างี้จริงดิ) ส่งเสียงเรียกพร้อมกับสะกิดแขนผม พอหันไปมองตามเสียงเรียก ก็เห็นปลาหมึกเสียบไม้ตัวใหญ่สีเหลืองๆ ดำๆ ดูไม่ค่อยจะน่าทานซักเท่าไหร่กำลังถูกยื่นมาให้
...แต่ผมไม่ชอบปลาหมึกอ่ะครับ -*-
“ไม่เอาล่ะครับ ขอผ่านแล้วกัน”
ผมปฏิเสธพี่เขาอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่ไม่ชอบก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ ไอ้คชามันแพ้ปลาหมึกอ่ะครับ กินแล้วอ้วกตลอด จำได้ว่าตอนมัธยมต้นผมแกล้งเอาปลาหมึกไปยัดไส้ผสมกับหมูบดของมันครับ พอคชากินเท่านั้นแหละ อ้วกแตกอ้วกแตน ไข้ขึ้นสูง ตัวแดงๆ ต้องนอนโรงพยาบาลเลยทีเดียว
ผมเลยเกลียดปลาหมึกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครับ
ตอนนี้ผมอยู่ตรงชายหาด วิวพระอาทิตย์ตกดินกำลังสวยเชียวครับ คิดแล้วอยากจะชวนคชาที่ตอนนี้คงจะนอนรออยู่ที่ห้องมาดูด้วยกันจริงๆ
“เต๋า คบกับพี่ได้มั้ยคะ”
......!
พอได้ยินที่พี่เขาพูด ผมที่กำลังคิดถึงคชาอยู่ดีๆ ก็เหวอแดกเลยครับ นี่ผมกำลังถูกสารภาพรักอยู่ใช่ป่ะ เฮ้ย ผมไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่มะ -_-!
“เอ่อ...พี่ครับ พูดเล่นอยู่ใช่ป่ะเนี่ย?”
“พี่พูดจริงๆ ค่ะ คบกับพี่นะ”
“...คือว่า” ผมจะปฏิเสธพี่เขายังไงดีวะเนี่ย โอย คนหล่อเครียดครับ “ผม...ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วอ่ะครับพี่”
“เต๋า...หมายถึงน้องคชารึเปล่าคะ...?”
“ก็...ใช่ครับ”
“แต่น้องคชาเป็นผู้ชายนะคะ!!”
“ก็นั่นแหละครับ ผู้ชายขี้งอน ผู้ชายดื้อ ผู้ชายขี้บ่นคนนั้นนั่นแหละครับ”
พูดไปแล้วผมก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าจะให้พูดถึงคชา แต่ละคำที่กลั่นออกมาจากสมองก็คงจะเลวร้ายประมาณนี้แหละครับ
ไม่ว่าจะเป็น...
...ผู้ชายขี้งอน(ที่ง้อด้วยลูกอมซักเม็ดก็หาย)
...ผู้ชายดื้อ(ที่บอกยังไงก็ไม่ยอมฟัง เถียงกลับตลอด)
...ผู้ชายเถื่อน(ที่ชอบใช้ความรุนแรงแต่แรงดันไม่ค่อยจะมี)
...ผู้ชายไม่หล่อ(แต่ดันน่ารักโคตรๆ จนผมหลงซะโงหัวไม่ขึ้น)
...ผู้ชายขี้บ่น(แต่ถึงยังไงผมก็ยังคงชอบเสียงหวานๆ ที่ชอบบ่นแกมอ้อนผมอยู่ดี)
...และอีกสารพัด
....แต่ถ้าเอามารวมกัน
.
.
.
...นั่นแหละคชาที่ผมชอบ
---------------------------> TAOKACHA <----------------------------
ตอนนี้ผมกลับมาที่ที่พักแล้ว พี่ซีให้ผมกลับมาก่อน เห็นพี่เขาบอกว่าจะขออยู่ทำใจซักพัก ส่วนผมก็ไม่อะไรหรอกครับ แต่ไหนแต่ไรมาก็โดนด่ามาตลอดว่าไม่ค่อยจะสนใจโลกและคนรอบข้างซักเท่าไหร่ ขอยอมรับเลยแล้วกัน โลกของผมมันโคตรส่วนตัวอ่ะครับ คนที่จะเข้ามาได้นี่ต้องเก่งมากๆ นะ
...และแน่นอนว่าคชาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ผมเดินเรื่อยๆ กลับมาอย่างไม่รีบร้อนอะไร ก็ไม่รู้จะรีบไปทำไม ยังไงกลับไปก็คงต้องไปคอยยับยั้งชั่งใจไม่ให้ชวนคชาทะเลาะด้วยอีกอยู่ดี สู้เดินเล่นสงบสติอารมณ์ไปเรื่อยๆ ดีกว่าครับ
อ๋อ...ผมตัดสินใจแล้วนะ คืนพรุ่งนี้ผมจะชวนคชาไปดูดาว แล้วก็คงจะได้หาโอกาสสารภาพรักกับมันนั่นซักที
เอิ่ม...กลัวจะแห้วนิดๆ เหมือนกันนะครับ
มาถึงตรงบริเวณแถวๆ ลานตรงชายหาดผมก็เห็นกลุ่มของพวกรุ่นพี่กำลังนั่งกินบาร์บีคิวกันสนุกเลยครับ เห็นพี่เจเล่นกีตาร์ พี่คิวกับพี่เฟิร์นนั่งร้องเพลงกำลังสนุกกันได้ที่ ส่วนคชาของผม(ของมึง?)ก็ร่วมร้องไปกับเขาด้วย ถึงจะเป็นการร้องแบบเพี้ยนๆ จนคนฟังจวนจะร้องไห้ก็เหอะ
ผมเดินตรงไปหา ส่งเสียงเรียกพร้อมกับตบไหล่คชาเบาๆ เป็นการบอกให้รู้ว่าผมมาแล้ว มันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดๆ ก่อนจะทำเป็นเมินผม หันหน้าไปอีกทางอย่างไม่ใส่ใจ
เวรกรรม กูถูกงอนอะไรอีกล่ะเนี่ย...
ผมมองหน้าคชาที่ตอนนี้งอนผมเต็มขั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าผมโดนเจ้าตัวเล็กนี่งอนเรื่องอะไร หึ เจ้านี่มันเดาได้ง่ายจะตายไปครับ อย่าลืมสิว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นไม่ว่าคชาจะคิดอะไรอยู่ ผมก็มองออกหมดนั่นแหละ และตอนนี้ สิ่งที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของคชาก็คือ
‘งอน’
เป็นการงอนที่คงจะนานที่สุดแล้วมั้งเนี่ย เพราะปกติถึงคชาจะงอนผม ผมก็จะรีบง้อทันที แต่ครั้งนี้มันคงต่างออกไปตรงที่ว่าผมเพิ่งมารู้ว่าคชางอนเมื่อกี้นี้เอง
“ชา เอาบาร์บีคิวเปล่า”
“ไม่เป็นไร มีอยู่”
“...แล้วเอาน้ำส้มเปล่า”
“ไม่กิน...ไปไกลๆ เลยไป”
...ง้อไม่หายด้วยครับ...
ผมเริ่มจะหน้าเสีย คิดหนักซะแล้วล่ะ ปกติเอาใจหน่อยๆ คชาก็ยอมแล้วนะครับ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ คชายังคงหน้าบึ้ง ทำเมินผมต่อไปเรื่อยๆ
...ทำแบบนี้แล้วสนุกนักหรือไงนะ แต่ผมขอบอกไว้เลย ผมไม่สนุกซักนิด!
“อ้าวซี ไปไหนมาเนี่ย ตอนไปก็ไปกับน้องเต๋า แต่งไหงกลับมาคนเดียว”
“...ฉันให้เต๋ากลับมาก่อนน่ะ ฉันอยากดูวิวพระอาทิตย์”
“อ๋อ มาโรแมนติกอ่ะไรตอนนี้ยะ ฮ่าๆๆๆๆ”
ผมมองพี่ซีที่เพิ่งเดินมานั่งร่วมวงกับพวกผมด้วยความรู้สึกผิด พี่เฟิร์นทักพี่ซีอย่างอารมณ์ดี ส่วนพี่ซีก็ตอบกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกัน ผมส่งสายตาไปขอโทษพี่เขาอีกครั้งตอนที่เราบังเอิญสบตากัน
และตอนนั้น ผมก็รู้สึกถึงแรงหยิกอย่างแรงมาจากข้างหลัง
“ชอบพี่เขามากป่ะ!”
เป็นคชานี่แหละที่หยิกผมซะเต็มแรง ให้ตายสิ ทำไมคชาถึงชอบใช้ความรุนแรงนักนะ ผมหันไปมองมัน ส่งสายตาสงสัยสุดๆ ไปให้ ตอนนี้ผมถูกงอนอยู่ไม่ใช่เหรอวะ?
ผมเลยจัดการลากคชาออกมาจากวงสนทนาของรุ่นพี่โดยให้เหตุผมว่าจะไปเอาบาร์บีคิวมาเพิ่ม ผมดึงข้อมือของคชาให้เดินตามออกมา เรามาหยุดกันตรงบริเวณชายหาดที่ห่างไกลจากพวกรุ่นพี่พอสมควร และผมก็ไม่รอช้า เริ่มเปิดปากถามเพื่อไขข้อข้องใจทันที
“อะไรของมึง”
“สบตากันซะหวานขนาดนี้ มึงชอบพี่เขามากป่ะ!”
“หา? อะไรของมึงเนี่ย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าตาย ทิ้งกูไปขนาดนี้อ่ะ ชอบพี่เขามากเลยใช่ป่ะ!!”
ผมมองคชาด้วยความไม่เข้าใจ มันต้องการอะไรจากผมกันแน่วะ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ผมง้อแทบตายแต่คชากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ทำไมตอนนี้ถึงได้มาขึ้นเสียงหาเรื่องใส่ผมซะอย่างนั้น
...คชาเป็นคนเข้าใจยาก
จำได้ว่าตอนนั้นผมเถียงคนที่พูดประโยคนี้ขาดใจ เพราะผมว่าผมเข้าใจทุกอารมณ์ของคชา แม้เจ้าตัวจะไม่ได้แสดงออกมาก็ตาม
หึ แต่ตอนนี้ผมกำลังไม่เข้าใจผู้ชายตัวเล็กๆ ตรงหน้าผมอย่างมาก เราไม่เคยผิดใจกันอย่างนี้มาก่อน เพราะทุกเรื่องที่ผมหรือคชาทำไม่ดี เราต่างคนจะต่างเตือนกันและกันให้ได้รับรู้ถึงข้อผิดพลาดเสมอๆ และหลังจากนั้นเราก็จะปรับความเข้าใจ และกลับมาเป็นเพื่อนกันดังเดิม
...ใช่ กลับมาเป็นเพื่อนกัน...
“ชา มีอะไรก็พูดกันดีๆ ขอร้องอย่าใส่อารมณ์”
“นี่กูพูดดีขนาดนี้แล้ว มึงยังต้องให้กูย้ำอะไรอีก!”
“ชาเป็นอะไรครับ เต๋าทำอะไรไม่ถูกใจ ไหนลองบอกเต๋าหน่อยเถอะ”
ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบอารมณ์ของคชาที่กำลังคลุกกรุ่น ผมได้แต่สะกดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากจะให้เรื่องราวมันเลวร้ายมากไปกว่าที่เป็นอยู่นี้
ความจริงผมเป็นคนใจร้อน ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายด้วยกันป่านนี้คงได้แลกหมัดกันซักหมัดสองหมัด แต่นี่มันไม่ใช่
...เพราะเป็นคชา เพราะคนตรงหน้าผมคือคชา ผมถึงได้ยอมลงให้มากมายขนาดนี้!
แต่ความอดทนของผมก็ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัด ถ้าคชายังคงเถียงผมคำต่อคำอยู่แบบนี้ ต่อไปผมคงได้เล่นบทตัวร้าย ตบจูบคชาแล้วจับแม่งปล้ำกลางทะเลแน่ๆ!
“ยังต้องให้บอกอีกเหรอเต๋า...ฮึก ยังต้องสงสัยอะไรอีกเหรอ”
หยดน้ำตาของคชาไหลลงมาจากหางตา มันยืนจ้องผมนิ่ง แววตาบ่งบอกถึงความน้อยใจและความผิดหวังในตัวผมจนผมหน้าชา นัยน์ตาของคชาแข็งจนผมที่ถูกมองเริ่มจะเจ็บ หัวใจของผมยิ่งเต้นรัวมากขึ้นเมื่อเห็นหยดน้ำตาอีกหยดของมัน
“ชา...ไม่เอา อย่าร้อง”
ผมเดินเข้าไปหา แต่คชากลับเดินถอยหลังหนีผมไปเรื่อยๆ คชาส่ายหน้าทั้งน้ำตา ปากก็บ่นพึมพำอะไรซักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ
ผมยังคงเดินตามคชาไปเรื่อยๆ และตอนนั้นเองที่คชาสะดุดอะไรบางอย่างก่อนจะล้มขมำลงกับพื้นทรายอย่างหมดท่า ผมที่กำลังจะดราม่าก็เปลี่ยนบทกะทันหัน...ท่าคชาตอนนี้มันกลายเป็นคอมเมดี้แทนดราม่าซะแล้วล่ะครับ หึหึหึ
“เฮ้ย! เป็นไรเปล่า! หึหึหึ”
ผมแสร้งตะโกนแล้ววิ่งเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง กัดฟันกลั้นหัวเราะจนหน้าแทบจะเป็นตะคริวเพราะเกร็งมากเกินไป ส่วนคชาก็ลุกขึ้นนั่งพลางทำหน้ายู่ยี่บอกบุญไม่รับ หัวกระเซอะกระเซิงเพราะแรงลม เสื้อผ้าหน้าผมเปื้อนทรายจนเละเทะ ใบหน้าก็มีคราบของน้ำตาที่ติดอยู่
สภาพคชาตอนนี้ โคตรดูไม่ได้!!!
“ถ้าจะหัวเราะก็หัวเราะออกมา!!”
“จริงอ่ะ?...หึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!”
ผมที่พอได้ยินอย่างนั้นก็ปล่อยก๊ากออกมาเต็มที่อย่างไม่อายใคร ก็แถวนี้คนมันไม่มีแล้วอ่ะครับ อีกอย่าง ผมก็อยากจะให้บรรยากาศมาคุแบบเมื่อกี้ผ่อนคลายลงซักหน่อยก็ยังดี เลยได้แต่หัวเราะไป ทำเป็นว่าสะใจเหลือประดา (ก็สะใจจริงๆ อ่ะแหละ -*-)
ที่สำคัญ ผมโคตรอยากหากระจกมาให้เจ้าเป็ดนี่ส่องตัวเองชะมัดว่าตอนนี้น่ะมันตลกขนาดไหน ถ้าคชามาเห็นเข้าจริงๆ คงได้ช็อคตายกับสภาพเหมือนผีทะเลของตัวเองแน่ๆ
“เต๋า!!!!”
ผมโดนทุบมาสองที แต่ก็คุ้มครับกับการแลกกับรอยยิ้มนิดๆ ของคชา
ผมดึงแขนคชาให้นั่งลงบนพื้นทรายข้างๆ ผม ก่อนจะเอามือสางผมที่ยุ่งเหยิงของคชาให้เข้าที่ ส่วนคชาก็ยังคงหน้าบึ้งพร้อมกับเถียงผมขาดใจ แต่ก็ยอมอยู่เฉยๆ เพื่อที่จะให้ผมสางผมของมันได้สะดวกขึ้น
“เอ้า เลิกงอนกูได้แล้วครับเป็ดครับ มานี่มา”
“...ไม่ได้งอน”
“โหไม่ได้งอน แล้วเมื่อกี้ใครร้องให้งอแงห้ะ”
“น่ะ...นั่นมัน...ฝุ่นมันเข้าตาหรอก!!”
“โอเคครับ ฝุ่นก็ฝุ่น แล้วนี่หายรึยังฮึ?”
ผมถามพร้อมกับลูบหัวคชาไปด้วย ที่ว่าหายรึยังน่ะไม่ใช่ว่าพูดถึงเรื่องฝุ่นเข้าตานะครับ ผมหมายถึงว่าคชามันหายงอนผมรึยังต่างหาก และแน่นอนว่าคชารู้ถึงประโยคความนัยที่ผมต้องการจะสื่อแน่นอน
“ยัง!!”
ผมเบ้ปากใส่เจ้าเป็ดเล่นตัวคนนี้ทันทีที่ได้ยินคำตอบไม่เข้าหู นี่มันจะยอมให้ผมหน่อยไม่ได้เลยรึไงวะ ทำไมถึงได้ทำตัวเรื่องมากย่างนี้นะ
หึ แบบนี้มันต้อง...แกล้ง!
“เออนี่ชา มึงช่วยยินดีกับกูหน่อยดิ กูกำลังจะมีแฟนแล้วเว้ย!”
“....ห๊ะ?”
“กูกำลังจะมีแฟน มึงช่วยยินดีหน่อยครับ”
“ค...ใครเหรอ? พี่ซี...”
“แหม ก็เป็นอย่างที่มึงคิดนั่นแหละชา ฮ่าๆๆๆ”
ผมแกล้งทำเป็นหัวเราะไปแบบเขินๆ ส่วนคชาหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด อ้าวนี่คุณ อย่ามองผมอย่างนั้น ผมไม่ได้ใจร้ายกับคชาซักหน่อย คุณคิดว่าคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งสิบเจ็ดปีแล้วจะมองแววตาของอีกคนไม่ออกเหรอครับ?
ผมเริ่มเอะใจตั้งแต่วันแรกที่แววตาของคชาเปลี่ยนไป แววตานั้นบ่งบอกให้ผมได้รู้ว่าภายในร่างกายเล็กๆ ของคชา เจ้าตัวกักเก็บความรู้สึกอะไรเอาไว้มากมายแค่ไหน
ผมรู้ว่าการแอบรักเพื่อนรักของตัวเองมันน่าอึดอัดขนาดไหน เพราะผมก็เป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ และถ้ายิ่งเราสนิทกันมากเท่าไหร่ ความอึดอัดและสับสนในดวงตาก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เหมือนแววตาของคชาที่ใช้มองผมเสมอตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
คุณอย่าเพิ่งด่าว่าผมก็รู้ตัวแล้วทำไมถึงไม่บอกกับน้ำคชาให้ชัดเจน ในตอนนั้นถึงผมจะแน่ใจในความรู้ของตัวเองแล้วแต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างมันจะราบลื่น ทำไมผมจะไม่รู้ว่าแค่คชามาเดินอยู่กับผมที่มหาวิทยาลัยทุกวันก็ทำให้คชาโดนผู้หญิงคนอื่นเกลียดจะตายอยู่แล้ว และถ้าเราเป็นแฟนกัน เจ้าเป็ดตัวน้อยๆ นี่ได้ถูกรุมตบจนหมดสภาพแน่ๆ
เพราะฉะนั้นผมเลยต้องรอเวลา รอเวลาที่ผู้หญิงพวกนั้นจะเลิกสนใจเรื่องส่วนตัวของผมแล้วหันกลับไปหาเด็กใหม่ของพวกเธอเสียที
...และตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้วล่ะครับ ไม่ต้องมีอะไรมาขัดขวางผมที่จะสารภาพรักกับคชาได้อีกต่อไป
“งั้นก็...กลับไปหาพี่ซีเถอะ...เดี๋ยวกู...ไปรอที่ห้องนะ”
คชาลุกขึ้นยืนก่อนจะตั้งท่าหมุนตัวกลับไปในทางเดิมที่เราจากมา แต่ผมก็ดึงรั้งข้อมือเล็กๆนั่นเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิชา”
“มีอะไรอีก”
“มึงยังฟังกูพูดไม่จบเลยนะ”
“กู...อึก ไม่ต้องการฟังอะไรอีกแล้วเต๋า...มึงไปหาพี่ซีเถอะ อย่ามาเสียเวลากับคนอย่างกูเลยนะ”
ผมดึงคชาให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับผม ย่อตัวลงให้ระดับสายตาเราอยู่ในระนาบเดียวกัน ผมใช้มือทั้งสองข้างแตะแก้มนิ่มอมชมพูของคชาเบาๆ พลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอีกครั้งให้อย่างเบามือ
“ชาตั้งใจฟังเต๋านะครับ ไม่ร้องแล้วนะ”
“....”
“จ้องเข้ามาในตาของเต๋านะ ชาเห็นอะไรอยู่ในนี้ครับ”
“...”
“ชาเห็นตัวเองใช่มั้ย...”
“...”
“แล้วชารู้อะไรไหม คนที่อยู่ในดวงตาของเต๋าตอนนี้เนี่ย น่ารักที่สุดสำหรับเต๋าเลยนะ...”
“เอ๊ะ...”
“ถึงบางครั้งจะซุ่มซ่าม บางครั้งจะซน บางครั้งจะดื้อ บางครั้งจะขี้งอนหรือขี้น้อยใจ แต่ยังไงชาก็ยังน่ารักที่สุดอยู่ดี”
“...”
“ยังไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ครับ เต๋าแค่อยากให้ชารู้ไว้ ว่าเพื่อนคนนี้ ไม่อยากจะเป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปแล้วครับ”
“เต๋า...”
“เต๋าชอบชานะ ชอบมานานพอๆ กับที่ชาชอบเต๋านั่นแหละ...ตอนนี้มันยังทันอยู่ใช่มั้ยครับ? คชายังไม่ได้มอบหัวใจดวงนี้ไปให้ใครใช่มั้ย”
“เอ่อ...”
“เป็นแฟนกันนะ เพื่อนครับ”
“...”
“ว่าไงครับเพื่อน เรามาเป็นแฟนกันนะ”
“กะ...ก็ได้ เป็นแฟน...กัน”
“โอเค...งั้นตอนนี้ เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้วนะ คุณแฟน”
เปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟน ไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอกนะครับ....J
END
----------------------------------------------------
เย้! จบแล้วววววววววว >w<
จบสไตล์นิยายรักน้ำเน่าอย่างสมบูรณ์แบบ กร๊ากกกกกกก
มาต่อตอนที่ 4 (ตอนจบ) อย่างเร็วไว 55555
ตอนนี้อาจจะไร้สาระนิดนึง แต่เกรียนกันมาทั้งเรื่องแล้ว ขอหวานบ้างแล้วกัน อิอิอิ
มีคนถามมาด้วยแหละว่าทำไมชื่อตัวร้ายไม่ใช่ผู้หญิงใน AF8?
.....ไม่รู้อ่ะ ไม่รู้จะเอาใครดี เลยเอาชื่อรุ่นพี่ที่โรงเรียนแทน - - #โดนรุ่นพี่ตบ
อ่ะ อ่ะ เค้าขอเม้นตอนนี้ 10 เม้น ครบเมื่อไหร่จะมาต่อเรื่องต่อไปนะฮะ >w<
#เกินได้ไม่มีใครว่านะฮะ -____-;
ขอเวลาหายไปซักวันสองวัน ไปจัดระเบียบเรื่องต่อไปก่อน #ยังไม่ได้เริ่มแต่ง - -'
สุดท้าย SF นี้ไม่มีดราม่านะฮะ
หนูไม่สามารถบิ้วอารมณ์ตัวเองได้จริงๆ
จะแต่งดราม่าแล้วมันกลายร่างเป็นเลิฟคอมเมดี้ทุ๊กที =___=;
อ่านแล้วเม้นด้วยนะฮะ เป็นกำลังใจโคตรๆ เลย ><
เจอกันเรื่องหน้า บ๊ายบุ่ย จุ๊บๆ >3<
#การจัดหน้ากูห่วยแตกชิบหายเลย...OTZ
26/03/2012
ความคิดเห็น