ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #271 : การต่อสู้กับสัตว์อสูรขั้น3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.1K
      554
      23 ก.พ. 63

    การจะล่าสัตว์อสูรซักตัวหนึ่งนั้นต้องใช้ผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่เข้าล้อมกรอบ โดยเฉพาะในพื้นที่อาณาเขตมู่หลงที่ถือได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร

     

    ในโลกธรรมชาตินั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย เหล่าสัตว์อสูรต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด หากพวกมันไม่แข็งแกร่งพอ สุดท้ายร่างกายก็ถูกกลืนกินโดยผู้ชนะ

     

    เหมือนดั่งเจ้าหมูป่าขนเหล็กที่สามารถอยู่รอดจนกลายมาเป็นสัตว์อสูรขั้น3เต็มวัยตัวนี้ได้ ในชีวิตของมันย่อมผ่านการต่อสู้เข่นฆ่ามาอย่างสาหัสสากรรย์ ความบ้าคลั่งที่มันแสดงออกมาช่างน่าสะพรึงกลัว โลหิตจากบาดแผลกลางหัวไหลย้อมใบหน้าของมันยิ่งทำให้ดูเหี้ยมโหด

     

    “รีบเอาลูกคืนมันไปเร็วเข้า” ฉินหลิงอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าหมูป่าตรงหน้ากำลังครวญครางกับบาดแผลตะโกนไปทางเซี่ยรั่วหรู เขาไม่คิดเลยองค์หญิงน้อยแห่งสำนักทะยานฟ้าจะอาจหาญถึงขนาดไปขโมยลูกของหมูป่าขนเหล็กมา

     

    อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้กลับมาเกือบทำให้ฉินหลิงแทบล้มลงไปกับพื้น

     

    “เจ้าหมูน้อยหายไป ตอนวิ่งหนีเจ้าตัวใหญ่ มันดิ้นจนหลุดมือข้าไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้มันไปอยู่ที่ไหน” เสียงของเซี่ยรั่วหรูดูอับอายไม่น้อย นางสร้างปัญหาให้ชายหนุ่มอีกแล้ว

     

    ฉินหลิงพยายามสงบใจ เขาครุ่นคิดหาหนทางรับมือกับเจ้าหมูป่าที่กำลังโมโหจนเลือดขึ้นหน้า

     

    เห็นได้ชัดว่าขนรอบตัวของหมูป่าขนเหล็กนั้นแข็งแกร่งเหมือนดั่งชื่อของมัน ปราณกระบี่ที่ฉินหลิงทุ่มสุดตัวยังทะลวงผ่านไปเพียงผิวเผิน หากนี้ไม่เรียกว่าย่ำแย่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรได้อีก?

     

    ผู้ฝึกขั้นสร้างฐานที่เหลือพลังปราณเพียงครึ่งหนึ่งกับขั้นแก่นทองคำที่แทบไม่มีประสบการณ์ต่อสู้กำลังคิดหาวิธีต่อสู้กับหมูป่าขนเหล็ก หากใครได้ยินเข้าคงหัวเราะจนแทบขาดใจตาย โดยปกติหากต้องการล่าหมูป่าขนเหล็กต้องนำผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคำที่ชำนาญการล่ามาอย่างน้อย20คนถึงจะพอมีหวังในการล่าอสูรร้ายที่เป็นเหมือนป้อมปราการตัวนี้

     

    “แม่นางเซี่ย ถ่วงเวลาให้ข้าครู่หนึ่ง” ฉินหลิงตะโกนไปทางเซี่ยรั่วหรู ก่อนจะคว้าเอาแท่งไม้ที่มีรูนสลักอักขระเอาไว้ออกมา นอกจากปราณกระบี่ที่ร้ายกาจแล้วก็มีค่ายกลผนึกวิญญาณที่อาจารย์ตัวน้อยมอบไว้ให้นี้แหละที่พอเป็นความหวังในการต่อสู้กับหมูป่ายักษ์ตัวนี้ได้

     

    อีกด้านหนึ่ง เซี่ยรั่วหรูกำลังตกตะลึง “ห๊ะ....เจ้าจะให้ข้าไปสู้กับเจ้าตัวใหญ่เนี่ยน่ะ ไม่ไหวหรอก!

     

    “ข้าบอกให้ถ่วงเวลา ไม่ใช่ไปสู้กับมัน”

     

    “ละ..แล้วข้าจะไปสู้กับมันได้ยังไง ขนาดคลื่นพลังสีขาวของเจ้ายังแทงไม่ทะลุหนังของมันเลย”

     

    “บัดซบ! พ่อเจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่รึ เขาไม่ให้ของวิเศษติดตัวปกป้องลูกสาวเลยรึไง? มีของวิเศษอะไรก็ใช่ถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย” ฉินหลิงตะโกนไปทางหญิงสาวในขณะที่เตรียมร่ายอาคมเปิดค่ายกลผนึกวิญญาณ

     

    เซี่ยรั่วหรูเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่านางตื่นตระหนกจนลืมเลือนไปเลยว่าในกำไลมิติของนางนั้นยังมีของวิเศษอยู่ไม่น้อย

     

    ทันใดนั้นเอง ในมือของหญิงสาวปรากฏยันต์ใบหนึ่ง แสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากยันต์นั้นช่างสว่างจ้าราวกับดวงตะวัน นางหันไปตะโกนใส่เจ้าหมูป่าขนเหล็กอย่างไม่เกรงกลัวแตกต่างจจากก่อนหน้าราวกับคนล่ะคน “เจ้าหมูอ้วนตัวใหญ่ ถ้าไม่อยากตาย รีบไสหัวไปซ่ะ!

     

    อย่างไรก็ตาม หมูป่าขนเหล็กนั้นเป็นเพียงสัตว์อสูรขั้น3ที่ไม่อาจทำความเข้าใจภาษาคนได้เหมือนวิหคทมิฬของเซี่ยชิงหมิน เมื่อเห็นกลิ่นอายน่าหวาดกลัวแพร่ออกมาจากยันต์ที่เซี่ยรั่วหรูถืออยู่ มันจึงถือว่าเป็นการท้าทาย

     

    โฮกกกกก!!

     

    หมูป่าขนเหล็กตัวเต็มวัยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

     

    แทบจะในเวลาเดียวกัน ฉินหลิงก็ร่ายอาคมเสร็จพอดี แต่คาดถึงเลยว่าเขาจะเห็นองค์หญิงน้อยของสำนักทะยานฟ้านำยันต์ระเบิดระดับ4ที่อันตรายออกมาเผชิญหน้ากับหมูป่าขนเหล็กเช่นนี้

     

    “รีบเก็บยันต์เร็วเข้า!

     

    เซี่ยรั่วหรูที่กำลังจะใช้ยันต์ขั้น4ที่บิดามอบให้ใส่เจ้าหมูยักษ์ตรงหน้าก็ต้องหยุดชะงักและรีบเคลื่อนตัวหลบการพุ่งเข้ามาของหมูป่าขนเหล็กทันที

     

    ตูมมมม!!!

     

    หมูป่าขนเหล็กพุ่งตรงเข้าปะทะจนต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่อยู่ด้านหลังของเซี่ยรั่วหรูจนล้มลงเป็นทางยาว

     

    “เจ้าคนแซ่ฉิน ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าที่บอกให้ข้าเอาของวิเศษออกมาหรอกรึ? หากเมื่อครู่ข้าเคลื่อนไหวช้าไปนิด ร่างข้าไม่เละเป็นโจ๊กเลยรึ!!” หลังจากเคลื่อนไหวหลบการโจมตีของหมูยักษ์อย่างฉับพลัน นางจึงหันไปตะโกนใส่ฉินหลิงอย่างเดือดดาล

     

    “เจ้าคิดบ้าอะไรถึงจะใช้ยันต์ระเบิดขั้น4 เพียงแค่หมูป่าขนเหล็กตัวเดียวเรายังรับมือไม่ไหว เจ้าจะใช้เสียงระเบิดดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามาเพิ่มอีกรึไง?” ฉินหลิงเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด หากยันต์ระเบิดขั้น4ถูกใช้ออกมา ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสสังหารหมูป่าขนเหล็กที่เก่งกาจตัวนี้ได้ แต่มันย่อมดึงดูดสัตว์ร้ายโดยรอบเข้ามาอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงฝูงสัตว์อสูรระดับเดียวกันกับหมูป่ายักษ์ตรงหน้า แม้แต่ฉินหลิงยังสั่นเครือ

     

    เซี่ยรั่วหรูตกตะลึง นางเข้าใจได้ทันทีว่าหากยันต์วิเศษขั้น4ในมือทำงานคงทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น

     

    “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอะไร ของวิเศษอย่างอื่นที่ข้ามีก็ไม่มีพลังอนุภาพรุนแรงพอที่จะสังหารมันได้”

     

    “ไม่ต้องแล้ว!” เอ่ยจบฉินหลิงก็เคลื่อนตัวไปทางหมูป่าขนเหล็กตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว รอบร่างของเขาเปล่งแสงเป็นวงกลม

     

    หมูป่าขนเหล็กที่เลือดท่วมหน้าสัมผัสได้ถึงอันตรายจากแสงที่กำลังขยายตัวรอบชายหนุ่มตรงหน้า แต่ด้วยความที่มันเป็นเพียงเดรัจฉานตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้เบิกปัญญา มันจะพุ่งเข้ามาท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว

     

    ฉินหลิงเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ตอนแรกเขากังวลว่าเจ้าหมูตัวนี้จะระแวงและถอยหลบหนีไป ดูเหมือนข้าจะประเมินสติปัญญาของสัตว์อสูรมากเกินไป

     

    เพียงพริบตาหมูป่าขนเหล็กที่ใหญ่โตราวกับขุนเขาขนาดย่อมๆ ก็เข้ามาด้านในวงแสงที่แพร่กระจายออกมาจากแท่งไม้ในมือของฉินหลิง

     

    เจ้าหมูยักษ์ราวกับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในร่างกายของมัน สีหน้าของมันดูตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งในร่างดูเหมือนจะลดฮวบในความเร็วที่น่าตกใจ ทันใดนั้นเองในหัวมันมีความคิดที่จะหนีขึ้นมา..

     

    อย่างไรก็ตาม หลังจากหันถอยหลังกลับไปเพียงสองสามก้าว ร่างขนาดใหญ่ของหมูป่าขนเหล็กพลันล้มนอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

     

    ตูม!!

     

    ร่างของหมูป่ายักษ์ทำให้เกิดพื้นดินสั่นไหว ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สายตาของมันจ้องเขม็งไปทางชายหนุ่มตรงหน้าที่ห่างออกไปไม่กี่จั้งอย่างเคียดแค้น

     

    หลังจากสยบเจ้าหมูป่าขนเหล็กตรงหน้าได้ ฉินหลิงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ การกระทำของเขานั้นเสี่ยงต่อชีวิตเหลือเกิน

     

    ต้องรู้ว่าสัตว์อสูรนั้นไม่ได้มีระบบการฝึกฝนเฉกเช่นผู้บำเพ็ญตน พวกมันอาศัยพลังวิญญาณในธรรมชาติขัดเกลาสายเลือดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพให้ถึงขีดสุด ยิ่งสายเลือดของมันเข้มข้นเพียงใดก็ยิ่งบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของมัน

     

    ถึงแม้ว่าค่ายกลผนึกวิญญาณจะสามารถลบล้างพลังวิญญาณในพื้นที่โดยรอบให้หมดสิ้นลงไป แต่พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ภายในสายเลือดของสัตว์อสูรนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนให้หายไปได้ในทันที หากเจ้าหมูป่าขนเหล็กมีสายเลือดที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกนิด บางทีอาจจะเป็นฉินหลิงที่ต้องสละชีพแทน

     

    อีกด้านหนึ่ง เซี่ยรั่วหรูยืนแข็งทื่อ นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะล้มเจ้าหมูยักษ์ที่หนักกว่าเขานับสิบเท่าได้เพียงลำพัง เขาสร้างความตะลึงแก่นางครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    “อย่าเดินเข้ามา” ฉินหลิงเอ่ยเตือนหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาให้หยุด

     

    “ทำไมรึ?

     

    “รอบตัวข้าคืออาณาเขตของค่ายกลผนึกวิญญาณ หากเจ้าเข้ามาเจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งทันที เจ้าช่วยเฝ้าระวังอยู่ด้านนอก ข้ากังวลว่าเสียงการต่อสู้จะดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามา” ถึงแม้ว่าบริเวณโดยรอบจะเป็นอาณาเขตของหมูป่าขนเหล็กตัวนี้ แต่ในอาณาเขตมู่หลงนั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายไร้สิ้นสุด เขาจึงต้องเอ่ยเตือนให้เซี่ยรั่วหรูคอยเฝ้าระวัง

     

    “อืม.. แล้วเจ้าจะทำยังไงกับเจ้าตัวใหญ่นี้ล่ะ” เซี่ยรั่วหรูชี้ไปทางหมูป่าขนเหล็กที่กำลังนอนจ้องไปทางฉินหลิงด้วยสายตาแดงกล่ำราวกับกำลังบ้าคลั่ง

     

    ฉินหลิงพ่นลมหายใจออกมา แววตาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม หากเขาไม่ลงมือปลิดชีพมันก่อนก็จะเป็นตัวเขาที่ต้องตาย หากค่ายกลผนึกวิญญาณหมดพลังลงและหมูป่ายักษ์ตัวนี้เคลื่อนไหวได้อีกครั้ง เขาคงรอดจากความตายได้ยาก

     

    ร่างกายของฉินหลิงเปล่งแสงสีดำ คลื่นพลังขั้นจอมยุทธของปุถุชนระเบิดออกจากตัวชายหนุ่ม

     

    “นะ...นี้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นหลอมรวมได้ยังไง” เซี่ยรั่วหรูอ้าปากค้าง นางเข้าใจมาตลอดว่าหากจะปล่อยคลื่นแสงออกมาจากร่างได้ต้องบรรลุขั้นหลอมรวมเสียก่อน ดังนั้นในสายตาของนาง การที่ฉินหลิงสามารถปล่อยแสงออกมาจากในร่างได้เป็นเพราะเขาบรรลุขั้นหลอมรวมแล้ว

     

    แน่นอนว่าฉินหลิงไม่มีเวลาไปอธิบายหญิงสาว เขาก้าวตรงไปทางหมูป่าขนเหล็กที่กำลังนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาของมนุษย์และอสูรจ้องมองกันราวกับไม่เจ้าตายก็เป็นเราที่สิ้น

     

    ในโลกธรรมชาติของเหล่าสัตว์อสูรนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย ฉินหลิงเองก็เข้าใจดี หากเขาไม่สังหารมันก็เป็นมันที่จะสังหารเขา

     

    ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเขาเปล่งแสงเข้มข้นขึ้น กระบี่ไม้ในมือพุ่งไปยังดวงตาที่เป็นจุดอ่อนสำคัญของสิ่งมีชีวิต

     

    เปรี๊ยะ!

     

    ทว่าตอนนั้นเอง เจ้าหมูป่าขนเหล็กหลับตาลงจนกระบี่ไม่ของฉินหลิงปะทะกับเปลือกตาของเจ้าหมูยักษ์

     

    นอกจากรอยขีดข่วนบางๆ กระบี่ไม้ก็ไม่อาจสร้างบาดแผลใดๆแก่มันได้เลย ฉินหลิงตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของผิวหนังของเจ้าหมูป่าร่างยักษ์อย่างยิ่ง พละกำลังของจอมยุทธในขั้นปุถุชนไม่อาจสร้างบาดแผลให้แก่ร่างของสัตว์อสูรขั้น3ได้เลย เรียกได้ว่าความแข็งแกร่งแตกต่างเกินไป การกระทำของเขาราวกับเป็นเพียงมดตัวจ้อยที่ต้องการล้มช้าง

     

    สีหน้าของฉินหลิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขามองแสงรอบแท่งไม้ที่เป็นแก่นกลางของค่ายกลผนึกวิญญาณด้วยสีหน้ากังวล

     

    “ไม่มีทางเลือกแล้วสิน่ะ!” ฉินหลิงถอนหายใจและเดินอ้อมไปด้านหลังของเจ้าหมูยักษ์

     

    เซี่ยรั่วหรูที่กำลังเฝ้าระวังอยู่รอบนอกมองฉินหลิงด้วยความสงสัย หลังจากเห็นพลังโจมตีของเขา นางก็มั่นใจว่าคลื่นแสงที่ออกมานั้นไม่ใช่คลื่นพลังของชนชั้นหลอมรวม

     

    ฉินหลิงเดินมาทางบั้นท้ายของเจ้าหมูยักษ์ สายตาของเขามองไปยังรูก้นของเจ้าหมูยักษ์ด้วยสีหน้าซับซ้อน

     

    ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินหลิงสูดหายใจแน่น เขาใช้กระบี่ไม้ที่แข็งไม่แพ้เหล็กกล้าชั้นดีแทงเข้าไปในช่องทวารขนาดใหญ่ของหมูป่าขนเหล็กพร้อมกับพุ่งร่างเข้าไปด้านใน

     

    การโจมตีโดยวิธีไร้ยางอายเช่นนี้ทำให้เจ้าหมูป่าขนเหล็กเบิกตากว้าง มันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

     

    อู๊ดดดดดดดดดดดดด!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×