คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #271 : การต่อสู้กับสัตว์อสูรขั้น3
การจะล่าสัตว์อสูรซักตัวหนึ่งนั้นต้องใช้ผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่เข้าล้อมกรอบ
โดยเฉพาะในพื้นที่อาณาเขตมู่หลงที่ถือได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร
ในโลกธรรมชาตินั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย
เหล่าสัตว์อสูรต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด หากพวกมันไม่แข็งแกร่งพอ
สุดท้ายร่างกายก็ถูกกลืนกินโดยผู้ชนะ
เหมือนดั่งเจ้าหมูป่าขนเหล็กที่สามารถอยู่รอดจนกลายมาเป็นสัตว์อสูรขั้น3เต็มวัยตัวนี้ได้
ในชีวิตของมันย่อมผ่านการต่อสู้เข่นฆ่ามาอย่างสาหัสสากรรย์ ความบ้าคลั่งที่มันแสดงออกมาช่างน่าสะพรึงกลัว
โลหิตจากบาดแผลกลางหัวไหลย้อมใบหน้าของมันยิ่งทำให้ดูเหี้ยมโหด
“รีบเอาลูกคืนมันไปเร็วเข้า”
ฉินหลิงอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าหมูป่าตรงหน้ากำลังครวญครางกับบาดแผลตะโกนไปทางเซี่ยรั่วหรู เขาไม่คิดเลยองค์หญิงน้อยแห่งสำนักทะยานฟ้าจะอาจหาญถึงขนาดไปขโมยลูกของหมูป่าขนเหล็กมา
อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้กลับมาเกือบทำให้ฉินหลิงแทบล้มลงไปกับพื้น
“เจ้าหมูน้อยหายไป ตอนวิ่งหนีเจ้าตัวใหญ่
มันดิ้นจนหลุดมือข้าไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้มันไปอยู่ที่ไหน”
เสียงของเซี่ยรั่วหรูดูอับอายไม่น้อย นางสร้างปัญหาให้ชายหนุ่มอีกแล้ว
ฉินหลิงพยายามสงบใจ
เขาครุ่นคิดหาหนทางรับมือกับเจ้าหมูป่าที่กำลังโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
เห็นได้ชัดว่าขนรอบตัวของหมูป่าขนเหล็กนั้นแข็งแกร่งเหมือนดั่งชื่อของมัน
ปราณกระบี่ที่ฉินหลิงทุ่มสุดตัวยังทะลวงผ่านไปเพียงผิวเผิน
หากนี้ไม่เรียกว่าย่ำแย่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรได้อีก?
ผู้ฝึกขั้นสร้างฐานที่เหลือพลังปราณเพียงครึ่งหนึ่งกับขั้นแก่นทองคำที่แทบไม่มีประสบการณ์ต่อสู้กำลังคิดหาวิธีต่อสู้กับหมูป่าขนเหล็ก
หากใครได้ยินเข้าคงหัวเราะจนแทบขาดใจตาย
โดยปกติหากต้องการล่าหมูป่าขนเหล็กต้องนำผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคำที่ชำนาญการล่ามาอย่างน้อย20คนถึงจะพอมีหวังในการล่าอสูรร้ายที่เป็นเหมือนป้อมปราการตัวนี้
“แม่นางเซี่ย ถ่วงเวลาให้ข้าครู่หนึ่ง”
ฉินหลิงตะโกนไปทางเซี่ยรั่วหรู ก่อนจะคว้าเอาแท่งไม้ที่มีรูนสลักอักขระเอาไว้ออกมา
นอกจากปราณกระบี่ที่ร้ายกาจแล้วก็มีค่ายกลผนึกวิญญาณที่อาจารย์ตัวน้อยมอบไว้ให้นี้แหละที่พอเป็นความหวังในการต่อสู้กับหมูป่ายักษ์ตัวนี้ได้
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยรั่วหรูกำลังตกตะลึง “ห๊ะ....เจ้าจะให้ข้าไปสู้กับเจ้าตัวใหญ่เนี่ยน่ะ
ไม่ไหวหรอก!”
“ข้าบอกให้ถ่วงเวลา ไม่ใช่ไปสู้กับมัน”
“ละ..แล้วข้าจะไปสู้กับมันได้ยังไง ขนาดคลื่นพลังสีขาวของเจ้ายังแทงไม่ทะลุหนังของมันเลย”
“บัดซบ! พ่อเจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่รึ
เขาไม่ให้ของวิเศษติดตัวปกป้องลูกสาวเลยรึไง? มีของวิเศษอะไรก็ใช่ถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย”
ฉินหลิงตะโกนไปทางหญิงสาวในขณะที่เตรียมร่ายอาคมเปิดค่ายกลผนึกวิญญาณ
เซี่ยรั่วหรูเบิกตากว้าง
เห็นได้ชัดว่านางตื่นตระหนกจนลืมเลือนไปเลยว่าในกำไลมิติของนางนั้นยังมีของวิเศษอยู่ไม่น้อย
ทันใดนั้นเอง ในมือของหญิงสาวปรากฏยันต์ใบหนึ่ง
แสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากยันต์นั้นช่างสว่างจ้าราวกับดวงตะวัน
นางหันไปตะโกนใส่เจ้าหมูป่าขนเหล็กอย่างไม่เกรงกลัวแตกต่างจจากก่อนหน้าราวกับคนล่ะคน
“เจ้าหมูอ้วนตัวใหญ่ ถ้าไม่อยากตาย รีบไสหัวไปซ่ะ!”
อย่างไรก็ตาม
หมูป่าขนเหล็กนั้นเป็นเพียงสัตว์อสูรขั้น3ที่ไม่อาจทำความเข้าใจภาษาคนได้เหมือนวิหคทมิฬของเซี่ยชิงหมิน
เมื่อเห็นกลิ่นอายน่าหวาดกลัวแพร่ออกมาจากยันต์ที่เซี่ยรั่วหรูถืออยู่
มันจึงถือว่าเป็นการท้าทาย
โฮกกกกก!!
หมูป่าขนเหล็กตัวเต็มวัยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แทบจะในเวลาเดียวกัน
ฉินหลิงก็ร่ายอาคมเสร็จพอดี แต่คาดถึงเลยว่าเขาจะเห็นองค์หญิงน้อยของสำนักทะยานฟ้านำยันต์ระเบิดระดับ4ที่อันตรายออกมาเผชิญหน้ากับหมูป่าขนเหล็กเช่นนี้
“รีบเก็บยันต์เร็วเข้า!”
เซี่ยรั่วหรูที่กำลังจะใช้ยันต์ขั้น4ที่บิดามอบให้ใส่เจ้าหมูยักษ์ตรงหน้าก็ต้องหยุดชะงักและรีบเคลื่อนตัวหลบการพุ่งเข้ามาของหมูป่าขนเหล็กทันที
ตูมมมม!!!
หมูป่าขนเหล็กพุ่งตรงเข้าปะทะจนต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่อยู่ด้านหลังของเซี่ยรั่วหรูจนล้มลงเป็นทางยาว
“เจ้าคนแซ่ฉิน
ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าที่บอกให้ข้าเอาของวิเศษออกมาหรอกรึ?
หากเมื่อครู่ข้าเคลื่อนไหวช้าไปนิด ร่างข้าไม่เละเป็นโจ๊กเลยรึ!!”
หลังจากเคลื่อนไหวหลบการโจมตีของหมูยักษ์อย่างฉับพลัน นางจึงหันไปตะโกนใส่ฉินหลิงอย่างเดือดดาล
“เจ้าคิดบ้าอะไรถึงจะใช้ยันต์ระเบิดขั้น4 เพียงแค่หมูป่าขนเหล็กตัวเดียวเรายังรับมือไม่ไหว
เจ้าจะใช้เสียงระเบิดดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามาเพิ่มอีกรึไง?”
ฉินหลิงเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด หากยันต์ระเบิดขั้น4ถูกใช้ออกมา ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสสังหารหมูป่าขนเหล็กที่เก่งกาจตัวนี้ได้
แต่มันย่อมดึงดูดสัตว์ร้ายโดยรอบเข้ามาอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงฝูงสัตว์อสูรระดับเดียวกันกับหมูป่ายักษ์ตรงหน้า
แม้แต่ฉินหลิงยังสั่นเครือ
เซี่ยรั่วหรูตกตะลึง นางเข้าใจได้ทันทีว่าหากยันต์วิเศษขั้น4ในมือทำงานคงทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอะไร
ของวิเศษอย่างอื่นที่ข้ามีก็ไม่มีพลังอนุภาพรุนแรงพอที่จะสังหารมันได้”
“ไม่ต้องแล้ว!”
เอ่ยจบฉินหลิงก็เคลื่อนตัวไปทางหมูป่าขนเหล็กตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว รอบร่างของเขาเปล่งแสงเป็นวงกลม
หมูป่าขนเหล็กที่เลือดท่วมหน้าสัมผัสได้ถึงอันตรายจากแสงที่กำลังขยายตัวรอบชายหนุ่มตรงหน้า
แต่ด้วยความที่มันเป็นเพียงเดรัจฉานตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้เบิกปัญญา มันจะพุ่งเข้ามาท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว
ฉินหลิงเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ตอนแรกเขากังวลว่าเจ้าหมูตัวนี้จะระแวงและถอยหลบหนีไป
ดูเหมือนข้าจะประเมินสติปัญญาของสัตว์อสูรมากเกินไป
เพียงพริบตาหมูป่าขนเหล็กที่ใหญ่โตราวกับขุนเขาขนาดย่อมๆ
ก็เข้ามาด้านในวงแสงที่แพร่กระจายออกมาจากแท่งไม้ในมือของฉินหลิง
เจ้าหมูยักษ์ราวกับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในร่างกายของมัน
สีหน้าของมันดูตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งในร่างดูเหมือนจะลดฮวบในความเร็วที่น่าตกใจ
ทันใดนั้นเองในหัวมันมีความคิดที่จะหนีขึ้นมา..
อย่างไรก็ตาม หลังจากหันถอยหลังกลับไปเพียงสองสามก้าว
ร่างขนาดใหญ่ของหมูป่าขนเหล็กพลันล้มนอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตูม!!
ร่างของหมูป่ายักษ์ทำให้เกิดพื้นดินสั่นไหว ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว
สายตาของมันจ้องเขม็งไปทางชายหนุ่มตรงหน้าที่ห่างออกไปไม่กี่จั้งอย่างเคียดแค้น
หลังจากสยบเจ้าหมูป่าขนเหล็กตรงหน้าได้
ฉินหลิงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ การกระทำของเขานั้นเสี่ยงต่อชีวิตเหลือเกิน
ต้องรู้ว่าสัตว์อสูรนั้นไม่ได้มีระบบการฝึกฝนเฉกเช่นผู้บำเพ็ญตน
พวกมันอาศัยพลังวิญญาณในธรรมชาติขัดเกลาสายเลือดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพให้ถึงขีดสุด
ยิ่งสายเลือดของมันเข้มข้นเพียงใดก็ยิ่งบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของมัน
ถึงแม้ว่าค่ายกลผนึกวิญญาณจะสามารถลบล้างพลังวิญญาณในพื้นที่โดยรอบให้หมดสิ้นลงไป
แต่พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ภายในสายเลือดของสัตว์อสูรนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนให้หายไปได้ในทันที
หากเจ้าหมูป่าขนเหล็กมีสายเลือดที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกนิด บางทีอาจจะเป็นฉินหลิงที่ต้องสละชีพแทน
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยรั่วหรูยืนแข็งทื่อ นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะล้มเจ้าหมูยักษ์ที่หนักกว่าเขานับสิบเท่าได้เพียงลำพัง เขาสร้างความตะลึงแก่นางครั้งแล้วครั้งเล่า
“อย่าเดินเข้ามา” ฉินหลิงเอ่ยเตือนหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาให้หยุด
“ทำไมรึ?”
“รอบตัวข้าคืออาณาเขตของค่ายกลผนึกวิญญาณ
หากเจ้าเข้ามาเจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งทันที เจ้าช่วยเฝ้าระวังอยู่ด้านนอก
ข้ากังวลว่าเสียงการต่อสู้จะดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามา” ถึงแม้ว่าบริเวณโดยรอบจะเป็นอาณาเขตของหมูป่าขนเหล็กตัวนี้
แต่ในอาณาเขตมู่หลงนั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายไร้สิ้นสุด
เขาจึงต้องเอ่ยเตือนให้เซี่ยรั่วหรูคอยเฝ้าระวัง
“อืม.. แล้วเจ้าจะทำยังไงกับเจ้าตัวใหญ่นี้ล่ะ”
เซี่ยรั่วหรูชี้ไปทางหมูป่าขนเหล็กที่กำลังนอนจ้องไปทางฉินหลิงด้วยสายตาแดงกล่ำราวกับกำลังบ้าคลั่ง
ฉินหลิงพ่นลมหายใจออกมา แววตาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม
หากเขาไม่ลงมือปลิดชีพมันก่อนก็จะเป็นตัวเขาที่ต้องตาย หากค่ายกลผนึกวิญญาณหมดพลังลงและหมูป่ายักษ์ตัวนี้เคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
เขาคงรอดจากความตายได้ยาก
ร่างกายของฉินหลิงเปล่งแสงสีดำ
คลื่นพลังขั้นจอมยุทธของปุถุชนระเบิดออกจากตัวชายหนุ่ม
“นะ...นี้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นหลอมรวมได้ยังไง”
เซี่ยรั่วหรูอ้าปากค้าง นางเข้าใจมาตลอดว่าหากจะปล่อยคลื่นแสงออกมาจากร่างได้ต้องบรรลุขั้นหลอมรวมเสียก่อน
ดังนั้นในสายตาของนาง การที่ฉินหลิงสามารถปล่อยแสงออกมาจากในร่างได้เป็นเพราะเขาบรรลุขั้นหลอมรวมแล้ว
แน่นอนว่าฉินหลิงไม่มีเวลาไปอธิบายหญิงสาว
เขาก้าวตรงไปทางหมูป่าขนเหล็กที่กำลังนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาของมนุษย์และอสูรจ้องมองกันราวกับไม่เจ้าตายก็เป็นเราที่สิ้น
ในโลกธรรมชาติของเหล่าสัตว์อสูรนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย
ฉินหลิงเองก็เข้าใจดี หากเขาไม่สังหารมันก็เป็นมันที่จะสังหารเขา
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเขาเปล่งแสงเข้มข้นขึ้น
กระบี่ไม้ในมือพุ่งไปยังดวงตาที่เป็นจุดอ่อนสำคัญของสิ่งมีชีวิต
เปรี๊ยะ!
ทว่าตอนนั้นเอง เจ้าหมูป่าขนเหล็กหลับตาลงจนกระบี่ไม่ของฉินหลิงปะทะกับเปลือกตาของเจ้าหมูยักษ์
นอกจากรอยขีดข่วนบางๆ
กระบี่ไม้ก็ไม่อาจสร้างบาดแผลใดๆแก่มันได้เลย ฉินหลิงตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของผิวหนังของเจ้าหมูป่าร่างยักษ์อย่างยิ่ง
พละกำลังของจอมยุทธในขั้นปุถุชนไม่อาจสร้างบาดแผลให้แก่ร่างของสัตว์อสูรขั้น3ได้เลย เรียกได้ว่าความแข็งแกร่งแตกต่างเกินไป
การกระทำของเขาราวกับเป็นเพียงมดตัวจ้อยที่ต้องการล้มช้าง
สีหน้าของฉินหลิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขามองแสงรอบแท่งไม้ที่เป็นแก่นกลางของค่ายกลผนึกวิญญาณด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่มีทางเลือกแล้วสิน่ะ!”
ฉินหลิงถอนหายใจและเดินอ้อมไปด้านหลังของเจ้าหมูยักษ์
เซี่ยรั่วหรูที่กำลังเฝ้าระวังอยู่รอบนอกมองฉินหลิงด้วยความสงสัย
หลังจากเห็นพลังโจมตีของเขา นางก็มั่นใจว่าคลื่นแสงที่ออกมานั้นไม่ใช่คลื่นพลังของชนชั้นหลอมรวม
ฉินหลิงเดินมาทางบั้นท้ายของเจ้าหมูยักษ์
สายตาของเขามองไปยังรูก้นของเจ้าหมูยักษ์ด้วยสีหน้าซับซ้อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินหลิงสูดหายใจแน่น
เขาใช้กระบี่ไม้ที่แข็งไม่แพ้เหล็กกล้าชั้นดีแทงเข้าไปในช่องทวารขนาดใหญ่ของหมูป่าขนเหล็กพร้อมกับพุ่งร่างเข้าไปด้านใน
การโจมตีโดยวิธีไร้ยางอายเช่นนี้ทำให้เจ้าหมูป่าขนเหล็กเบิกตากว้าง
มันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
อู๊ดดดดดดดดดดดดด!!
ความคิดเห็น