ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #270 : หมูป่าขนเหล็ก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.08K
      574
      22 ก.พ. 63

    หลังจากกลืนดีงูเข้าไป มันก็ละลายในท้องอย่างรวดเร็ว.. 

    ต่อมาฉินหลิงรู้สึกเจ็บแสบดวงตาราวกับถูกแผดเผา เขาต้องกัดฟันทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

    แน่นอนว่าอวัยวะจากสัตว์อสูรนั้นมีฤทธิ์รุนแรง โดยทั่วไปผู้ฝึกตนมักนำไปหลอมเพื่อขจัดพลังป่าเถื่อนในสายเลือดของสัตว์อสูรก่อนจะนำมาใช้ ดังนั้นวิธีที่ฉินหลิงกลืนลงไปทันทีนั้นถือว่าเสี่ยงไม่น้อย 

    แต่การที่ฉินหลิงกล้ากลืนเข้าไปโดยตรงเป็นเพราะเขามั่นใจว่าพลังแฝงของงูเขียวริ้วเงินไม่อาจทำอะไรเขาได้ เพราะอย่างไรงูเขียวริ้วเงินก็เป็นเพียงสัตว์อสูรขั้น1ที่เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนก่อตั้งวิญญาณเท่านั้น

    ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากผ่านพ้นความเจ็บปวดไปได้ ดวงตาฉินหลิงฉายแววเปล่งประกายราวกับอัญมณี เมื่อมองออกไปเขาพบว่าดวงตาสามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นกว่าเดิม

    เหมือนดั่งคำพูดที่ว่า มนุษย์ยอมตายเพื่อความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับนกที่ยอมตายเพื่ออาหาร... 

    แม้ว่าภายในอาณาเขตมู่หลงแห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายพร้อมพรากชีวิตไปได้ทุกเมื่อ แต่มันก็มีสมบัติล้ำค่าอยู่มากมาย ไม่แปลกเลยที่ผู้ฝึกตนจำนวนมากจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อบุกเบิกเข้ามายังพื้นที่ป่าขนาดใหญ่แห่งนี้ 

    “รีบไปกันเถอะ” ฉินหลิงรู้ดีว่าหากยังมัวช้าอยู่อีก กลิ่นคาวเลือดจากงูเขียวริ้วเงินจะดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามา หากถูกล้อมด้วยสัตว์อสูรจำนวนมาก พวกเขาคงยากจะฝ่าออกไปได้เป็นแน่

    “อ่า..อือ”เซี่ยรั่วหรูยังคงตกตะลึงอยู่กับภาพชายหนุ่มกลืนดีงูเข้าไปสดๆอยู่ ในชีวิตของนางไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน การกระทำของฉินหลิงช่างดูเหมือนสัตว์อสูรเสียจริง

    หลังจากทั้งสองเดินหน้าต่อไป ถางอีเหวินก็ปรากฏตัวตรงซากงูที่ถูกแยกเป็นสองส่วน..

    ถางอีเหวินขมวดคิ้วแน่น นางสงสัยว่าทำไมฉินหลิงถึงสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของงูเขียวริ้วเงินได้ ต้องรู้ว่าอสรพิษร้ายตัวนี้แทบไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวเลยก่อนที่จะโจมตี แถมเป้าหมายของมันก็ไม่ใช่ชายหนุ่มแต่เป็นเซี่ยรั่วหรูที่เดินตามหลัง ต่อให้ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาเร็วเพียงใดก็ไม่น่าจะตอบสนองได้ทัน

    “หรือว่าเขาจะมีสัมผัสวิญญาณ เป็นไปไม่ได้!” ถางอีเหวินสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออก สัมผัสวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนขั้นหลอมรวมขึ้นไปถึงจะมีได้ แต่ฉินหลิงเป็นเพียงแค่เด็กน้อยขั้นสร้างฐานที่ยังห่างกับขั้นหลอมรวมอีกไกล หลังจากขบคิดอยู่หนึ่งนางก็หาเหตุผลเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ

     “แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะเผยความลับอะไรออกมาบ้าง!” ถางอีเหวินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปยังเส้นทางที่ฉินหลิงเดินไป

    แน่นอนว่าการบังคับให้ฉินหลิงเข้ามาในดินแดนอันตรายอย่างอาณาเขตมู่หลงนั้นไม่เพียงแต่ใช้ฝึกฝนเขาเท่านั้น แต่นางยังต้องการล้วงความลับจากลูกศิษย์ตัวดีอีกด้วย

    ..................

    ผ่านไปอีกหลายวัน

    ฉินหลิงและเซี่ยรั่วหรูยังคงเดินอยู่ในป่า แต่ด้วยพื้นที่ราวกับไม่สิ้นสุด พวกเขาจึงยังอยู่เพียงด้านนอกของอาณาเขตมู่หลงเท่านั้น

    “นอกจากงูเขียวริ้วเงินที่เจอในวันแรกที่เข้ามา ทำไมข้าถึงไม่พบเห็นสัตว์อสูรอื่นซักตัวเลยล่ะ? หรือว่าจริงๆแล้วที่พวกเราเข้ามาไม่ใช่อาณาเขตมู่หลง” เซี่ยรั่วหรูเอ่ยถามอย่างสงสัย นางเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าป่าที่นางเดินอยู่ในตอนนี้คืออาณาเขตมู่หลง แม้แต่เส้นทางที่ถูกบุกเบิกแล้วยังต้องพบเจอสัตว์อสูรอยู่บ้างประปลาย แต่การถูกท่านอาจารย์ตัวเล็กบังคับให้เดินทางเข้ามากับไม่ได้พบเจอสัตว์อสูรใดๆเลย

    เมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาว ฉินหลิงเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี หากไม่ใช่เพราะเขาคอยใช้พลังจิตสำรวจเส้นทางอยู่เรื่อยๆมีหรือที่จะหลบพ้นสัตว์อสูรไปได้อย่างปลอดภัยจนถึงตอนนี้

    อย่างไรก็ตาม ความลับเรื่องพลังจิตนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะบอกกันได้ ฉินหลิงจึงทำเป็นไม่รู้ต่อไปและเอ่ยตอบว่าเป็นเพียงโชคดีที่ไม่เจอสัตว์อสูรเท่านั้น

    แน่นอนว่าพลังจิตเองก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้อย่างต่อเนื่องโดยไร้ขีดจำกัด หลังจากฝืนใช้มาอย่างต่อเนื่อง ฉินหลิงรู้สึกราวกับแบกภาระอย่างหนักจนต้องพักอยู่ตลอดทาง แต่โชคยังดีที่การเดินเข้ามายังอาณาเขตมู่หลงไม่ได้มีข้อกำจัดด้านเวลา จึงทำให้เขาไม่ต้องเร่งรีบและสามารถพักฟื้นได้เรื่อยๆ

    “ข้าขอพักอีกหน่อยก็แล้วกัน รบกวนเจ้าคุ้มครองด้วย” เอ่ยจบฉินหลิงก็เดินไปหามุมนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อฟื้นฟูพลัง 

    การพักฟื้นครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการฟื้นฟูพลังวิญญาณแต่เป็นการฟื้นฟูพลังจิตที่ไม่อาจใช้หินวิญญาณมาเติมเต็มได้ เนื่องจากระบบการฝึกฝนพลังจิตนั้นมีต้นกำเนิดอยู่ที่สมองในขณะที่พลังการบ่มเพาะนั้นมีต้นกำเนิดจากตันเถียน การใช้คลื่นพลังจิตอย่างต่อเนื่องเพื่อสำรวจเส้นทางจึงทำให้เกิดภาระกดดันทางจิตใจอย่างหนัก ดังนั้นหากปล่อยให้จิตใจอ่อนล้าเกินไปอาจจะเกิดผลเสียในเวลาต่อสู้ได้

    เซี่ยรั่วหรูมองดูชายหนุ่มอย่างสับสน สีหน้าอ่อนเพลียของเขาทำให้นางรู้สึกสงสัย ตลอดทางไม่ได้เกิดการต่อสู้ขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้แทบจะไม่ได้โอกาสใช้พลังวิญญาณเลย แต่ทำไมสภาพของชายหนุ่มถึงได้ดูย่ำแย่นัก

    หลังจากฉินหลิงหลับตาลงเขาก็ปล่อยให้เซี่ยรั่วหรูทำหน้าที่คุ้มกัน หลังจากเกือบถูกงูเขียวริ้วเงินโจมตี นางก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังตลอดทาง บางทีคำว่าประสบการณ์สอนให้คนเติบโตคงจะหมายถึงองค์หญิงน้อยจากสำนักทะยานฟ้าในยามนี้ก็เป็นได้

    ท่ามกลางบรรยากาศวังเวง กอหญ้าที่อยู่ห่างออกไปด้านหน้าพลันสั่นไหวราวกับมีอะไรซ่อนอยู่..

    เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังกอหญ้าที่สูงเกือบเท่าเอว เซี่ยรั่วหรูกำมีดคู่ในมือจนแน่น ภายในใจเกิดความรู้สึกลังเลว่าจะเอ่ยบอกฉินหลิงให้ระวังตัวดีหรือไม่? 

    แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของเขา นางจึงตั้งใจสำรวจให้ชัดก่อนว่าข้างหน้าเป็นสัตว์อสูรรึไม่? 

    เซี่ยรั่วหรูค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบาที่สุด 

    หลังจากไปถึงกอหญ้าที่สูงเกือบถึงเอวแล้ว เซี่ยรั่วหรูใช้มีดในมือแหวกหญ้าออกพร้อมกับระมัดระวัง ในตอนนนี้คือช่วงที่ประสาทสัมผัสของนางตื่นตัวที่สุด เพียงแค่ไม่ใช่สัตว์อสูรขั้น4ที่หายาก นางมั่นใจว่าสามารถเคลื่อนไหวเพื่อหลบหนีอันตรายได้ทันท่วงทีอย่างแน่นอน

    ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าตรงหน้านางคือลูกหมูสีน้ำตาลตัวหนึ่ง มันกำลังขุดคุ้ยดินอยู่ราวกับกำลังหาอาหาร 

    เช่นเดียวกันกับเจ้าหมูตัวน้อย มันเองก็เงยหน้ามองไปทางแขกผู้ปรากฏตัวอย่างลึกลับด้วยท่าทางสงสัย

    อู๊ด อู๊ด

    เจ้าลูกหมูตัวเล็กที่ดูเหมือนยังไม่รู้ความเดินตรงมาทางเซี่ยรั่วหรู

    “เจ้าตัวน้อย มาหาพี่สาวซิ” หลังจากรับรู้ได้ว่าไม่ได้มีอันตราย เซี่ยรั่วหรูจึงคลายความระวังลงและเอื้อมมือไปทางเจ้าหมูตัวเล็ก

    หมูตัวน้อยเดินมาดมกลิ่นที่มือของหญิงสาวอยู่สองสามครา ก่อนจะยินยอมให้สาวงามอุ้ม

    เซี่ยรั่วหรูลูบหัวเจ้าหมูตัวน้อยที่ดูน่ารักด้วยท่าทางรักใคร่ เทียบกับเจ้านกเสียวเฮยตัวใหญ่ยักษ์ของท่านพ่อ นางชอบสัตว์อสูรตัวเล็กๆที่ดูน่ารักเช่นนี้มากกว่า

    เซี่ยรั่วหรูหันกลับไปมองชายหนุ่มที่นั่งหลับตาด้านหลังด้วยสีหน้าเป็นกังวล ภาพที่เขากลืนดีงูเข้าไปยังคงติดอยู่ในใจของนาง หากว่าเขาเห็นเจ้าหมูน้อยตัวนี้เข้า นางกังวลเหลือเกินว่าเขาจะจับมันเชือดและกินเข้าไปอีก 

    ถึงแม้ว่านางจะมีขั้นพลังบำเพียรสูงกว่าเขา แต่ความสามารถของเขานั้นเป็นของจริงและไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการเดินทางในครั้งนี้ก็เป็นเขาที่เป็นผู้นำ หากเขาต้องการเจ้าหมูน้อยตัวจริงๆ นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย

    เมื่อจ้องไปยังดวงตาใสที่ดูไร้เดียงสาของลูกหมูตัวน้อย นางก็ถอนหายใจออกมาและเตรียมปล่อยมันกลับไป

    ทว่าตอนนั้นเอง พื้นดินโดยรอบพลันสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว เซี่ยรั่วหรูเบิกตากว้างขณะที่จ้องไปด้านหน้า

    เบื้องหน้าของนางคือหมูสีน้ำตาลขนาดยักษ์ที่มีเขี้ยวงอกออกมามากมายจนดูยุ่งเหยิง ดวงตาแดงกล่ำของมันจ้องมาทางหญิงสาวอย่างดุร้าย ร่างกายใหญ่โตของมันทำให้ร่างของมนุษย์เหมือนเป็นมดตัวจิ๋ว ลมหายใจหนักแน่นที่พ่นออกมาจากกระทบถึงใบหน้าของนาง

    เมื่อก้มมองลงไปในอ้อมแขน นางเข้าใจทันทีว่าเจ้าหมูยักษ์ตรงหน้าคงเข้าใจผิดว่าเป็นนางที่แย่งชิงลูกของมันไป

    “เจ้าคนแซ่ฉิน ช่วยข้าด้วย!” เซี่ยรั่วหรูตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับหันหลังวิ่งหนีทันที

    สัตว์อสูรที่แสนดุร้ายตัวนี้คือหมูป่าขนเหล็ก มันเป็นสัตว์อสูรขั้น3ที่เทียบได้กับผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคำ อย่างไรก็ตามความน่ากลัวของมันคือพลังป้องกันที่แทบจะไร้เทียมทาน ทั่วร่างของเจ้าหมูป่าขนเหล็กปกคลุมไปด้วยขนที่แข็งเหมือนดั่งเหล็กกล้าจนทำให้มันเป็นดั่งป้อมปราการเคลื่อนที่ได้เลยทีเดียว

    ฉินหลิงลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือของหญิงสาว

    อย่างไรก็ตาม ภาพหมูยังไล่ตะเพิดมาทางเขานั้นทำให้เขาตกตะลึง เมื่อมองลูกมือตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว ฉินหลิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที

    “บ้าเอ๊ย!..เจ้าจะไปขโมยลูกของมันมาทำไม?” 

    “ขะ..ข้า” 

    ฉินหลิงไม่มีเจตนารอคำตอบของหญิงสาว เขาพุ่งตรงไปข้างหน้าทันทีพร้อมกับกระบี่ไม้เปล่งแสงสีขาว

    “กระโดดหลบไปด้านข้าง ตอนนี้เลย!” ฉินหลิงตะโกนเสียงดัง นัยน์ตาคมกริบจ้องไปยังหมูป่าขนเหล็กตัวโตเต็มวัยด้านหลังเซี่ยรั่วหรู ปราณวิญญาณในร่างถูกเคลื่อนย้ายไปยังกระบี่ไม้ในมือ..

    ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้เจตนาของชายหนุ่มว่าเขาต้องการทำอะไร แต่เซี่ยรั่วหรูก็กระโดดหลบไปด้านข้างทันที

    ทันใดนั้นเอง คลื่นลำแสงสีขาวที่ออกมาจากกระบี่ไม้พุ่งทะลุอากาศเข้าใส่เจ้าหมูป่าด้านหลังอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายที่ออกมาจากปราณกระบี่ชวนให้กริ่นเกรงประดุจพลังของเทพเจ้า

    ปราณกระบี่ที่ฉินหลิงต้องใช้พลังวิญญาณในร่างไปกว่าครึ่งตัดผ่านคมเขี้ยวแหลมคมของหมูป่าขนเหล็กก่อนจะพุ่งเข้าไปกลางหน้าผากของมัน

    โฮกกกกกก!!!

    เขี้ยวสีขาวของหมูป่ายักษ์ล่วงหล่นไปบนพื้นพร้อมกับหยาดโลหิตที่กระฉูดออกมาจากรอยบาดแผลตรงกลางหน้าผาก หมูป่าขนเหล็กกรีดร้องเสียงดั่งสนั่นจนฉินหลิงต้องเอามือปิดหู

    อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่ที่ฉินหลิงใช้เป็นไพ่ตายมาตลอดดูเหมือนจะไม่อาจปลิดชีพเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้ทันที ทว่าอาการบาดเจ็บกลับยิ่งทำให้มันบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม

    ฉินหลิงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงในขณะที่กำลังก้าวถอยหลัง การใช้ปล่อยปราณกระบี่แต่ล่ะครั้งได้สร้างภาระแก่ร่างกายเขาอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าปราณกระบี่จะขึ้นชื่อว่าเหนือล้ำจนทำให้สังหารข้ามขั้นพลังบำเพ็ญเพียรได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายของผู้ฝึกตนขั้นสร้างฐานอย่างเขาจะทานทนได้เช่นเดียวกัน

    “หนังของมันเลิศล้ำปานนั้นเชียวหรือ!” เซี่ยรั่วหรูพึมพำพร้อมกับร่างกายที่สั่นเครือ คลื่นพลังสีขาวที่นางเห็นก่อนหน้านี้นั้นแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าหวาดกลัว แม้แต่นางเองหากโดนเข้าไปก็คงยากที่จะรอด แต่เจ้าหมูยักษ์ตรงหน้าดูเหมือนจะบาดเจ็บภายนอกเพียงชั้นผิวเท่านั้น ความน่ากลัวของอาณาเขตมู่หลงไม่ใช่เพียงคำร่ำลือจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×