ลำดับตอนที่ #43
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : The Beginning :จุดเริ่มต้นของตำนาน [1]
The Beginning :จุดเริ่มต้นของตำนาน [1]
ในดินแดนแห่งนี้...เมื่อหลายร้อยปีก่อน ย้อนเวลากลับไปยาวนานจนถึงช่วงบุกเบิก...
...ในยุคสงครามแห่งเทพ...
“ท่านไลท์ ตื่นเถอะ”
“งึมๆ...ขออีกห้านาที”ร่างสูงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะเริ่มกลับเข้าสู่นิทรา แต่ท่าทางคนปลุกก็ไม่ยอมง่ายๆ
“ท่านไลท์...ท่าทางท่านจะอยากให้แขกรอนานมากเลยนะครับ”ชายหนุ่มถอนหายใจ
“...เงียบน่า...”ร่างสูงพึมพำ
“ครับ งั้นข้าจะไปไล่ท่านมูนชายน์กลับตำหนัก...”
“มูนมาเหรอ!!!!!”ร่างสูงเด้นพรวดขึ้นทันที อาการง่วงหงาวหาวนอนหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ท่านมูนชายน์รอท่านมาเกือบสามชั่วโมงแล้วครับ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ทำไมเจ้าไม่รีบปลุกข้าเล่า ครีอุส!!!!!!!!!!”ชายหนุ่มพุ่งพรวดเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
“...พูดเหมือนข้าไม่ปลุก...ก็ท่านนั่นแหละไม่ตื่นเอง...”ครีอุสพึมพำ แต่มุมปากกลับแสยะยิ้มชั่วร้าย
ปัง!
“ข...ขอโทษที่ให้รอนะมูนชายน์”ชายหนุ่มหอบแฮ่กๆ
ร่าง สูงที่เมื่อครู่เพิ่งอาบน้ำอย่างลวกๆราวกับวิ่งผ่านน้ำ ตอนนี้อยู่ในสภาพพร้อมรับแขกเรียบร้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่หอบอ่อนๆ ผมยาวสีทองอร่ามมัดรวบที่ท้ายทอย แล้วปล่อยยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าใสที่ในยามปรกติมักจะมีแววอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ แต่ตอนนี้กลับมีแต่แววสำนึกผิดที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอ
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็เพิ่งมาถึงเองไลท์”แขกของชายหนุ่มยิ้มบางๆ
ร่าง นี้ผิดจาก “ไลท์” ลิบลับ เพราะสีผิวนั้นขาวนวลอมชมพูผิดกับไลท์ที่ขาวสว่างจนดูเหมือนจะเรืองแสงได้ ริมฝีปากยิ้มบางๆน่ารักน่าเอ็นดู ผมสีม่วงเป็นประกายยามต้องแสง กับดวงตาสีอะเมทิสต์ที่อ่อนโยน ดูงดงามน่าหลงไหล
“พ...เพิ่งมาถึง???”
“ก็นี่เพิ่งย่างเข้าสู่ยามสอง [แปดโมง] เองนี่ไลท์”มูนชายน์ยิ้มอ่อนโยน สมชื่อของตนที่แปลได้ว่า “แสงจันทร์” จริงๆ
“ยาม...ยามสอง”ไลท์หันขวับไปมองนาฬิกาลูกตุ้มทองคำที่ตั้งตระหง่าน ก่อนจะสบถไม่เป็นภาษา
“เจ้าครีอุส!!! หลอกข้าอีกแล้วนะ!!!!!”ไลท์สบถ
“ไม่ งามนะท่านไลท์ ท่านช่วยสำนึกด้วยว่าท่านคือเทพแห่งแสงสว่างผู้สว่างไสวตลอดเวลามาทำเรื่อง ไม่งามแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน”ชายหนุ่มด้านหลังของเขายิ้ม
“หุบปากไปเลย! แล้วมีผู้รับใช้เทพองค์ใดที่มันกล้าบังอาจหลอกเทพที่ตนเองสังกัดกันล่ะ ครีอุส!!!”ไลท์ตวาด
“อย่าง น้อยก็ข้ากับเทอร์มิส”ครีอุสยักไหล่ “นี่ข้ายังไม่นับเนเฟลที่ทำเทพคลาวด์สะดุ้งเฮือกราวกับเจอผีอยู่ทุกวัน อาร์เมลที่แทบจะเอาดาบของเขาเชือดเทพสโตเนสวันละหลายรอบเพราะความเห็นไม่ตรง กัน หรือไอซอทที่วันๆเอาแต่เงียบจนเทพฟรอเซ่นรู้สึกเหมือนเดินกับก้อนน้ำแข็ง แล้วยัง...”
“นี่เจ้าจะแฉเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าให้หมดก็บอกมาเถอะครีอุส”เสียงเย็นดังขึ้นจากด้านหลังเทพมูนชายน์
“อ้อ ข้าลืมพูดถึงเจ้าไปเลยอาเทมิส”ครีอุสยิ้มบาง
“เฮอะ”อาเทมิสแค่นเสียงในลำคอ ดวงตามองครีอุสอย่างเหยียดๆ
“คิกๆ ครีอุสนี่ตลกดีนะ”
“ขอบคุณที่ชมครับ เทพมูนชายน์”ครีอุสโค้งตัว
“มันหน้าไหว้หลังหลอกน่ะสิ ไปๆ ข้าจะคุยธุระกับมูนชายน์”เทพไลท์ออกปากไล่
“ครับ”ครีอุสและอาเทมิสถอยร่นออกจากห้องทันที
“เรื่อง อาณาจักรของเทพดาร์คเนสเป็นอย่างไรบ้างมูนชายน์”ชายหนุ่มตีสีหน้าจริงจัง เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือเทพแห่งแสงสว่างที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของเทพแห่ง ความมืดมน “ดาร์คเนส” ผู้นั้น แต่เทพมูนชายน์แห่งจันทราก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เจ้าพูดออกมาเองดีกว่าว่าเจ้าสืบอะไรได้บ้าง”มูนชายน์หันไปมองรอบๆตัวราวกับหาคน
“ไม่ ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างที่พวกเจ้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าดาร์คเนสมันไปแพร่ฐานะ ชื่อเสียง และความเชื่อของมันไปทั่วโลก ตอนนี้พวกมนุษย์ถึงกับก่อตั้ง “วิหารเทพแห่งความมืดมน” เพื่อเป็นการสักการะบูชามันเชียวนะ”
“เทพวินสตอมจ์”ไลท์ประสานมือทำความเคารพเล็กน้อย
“ขออภัยที่ต้องมาเงียบๆ แต่ช่วยไม่ได้นี่ ข้ายังไม่อยากเจอครีอุสเท่าไหร่ พวกท่านน่าจะเข้าใจ”เทพวินสตรอมจ์ถอนหายใจ
“คนปรกติที่ไหนจะอยากเข้าใกล้เจ้านั่น”ไลท์สบถงึมงำ “วันนี้ข้าเพิ่งโดนมันหลอกมาหมาดๆ”
“ก็...นะ”มูนชายน์หัวเราะ
ใน สมัยนี้ เทพอย่างพวกเขามักจะไปยุ่งวุ่นวายกับโลกมนุษย์ไปเรื่อย ถึงพวกเขาจะไม่เหมือนเทพพวกนั้นก็ตาม แต่เทพชั้นล่างส่วนมากต่างก็พยายามขยายชื่อเสียงและ “ลักธิ” ของตนเองไปทั่วโลก ความวุ่นวายแบบนี้ทำให้เทพชั้นสูงอย่าง “เทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ไลท์” จำเป็นต้องจัดการให้เด็ดขาดเสียที แต่ในเมื่อศัตรูของพวกเขาคือ “เทพเจ้าแห่งความมืดมน ดาร์คเนส” ที่เป็นเทพชั้นสูงสุดเช่นเดียวกันนั่นแหละ ทำให้พวกเขากินกันไม่ลงซักที
ส่วน การที่ “เทพ” อย่างพวกเขาจะมี “มนุษย์” อยู่ข้างกายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสมัยนี้มีลักธิต่างๆมากมาย ดังนั้นเทพทั้งหลายต่างก็ต้องการผู้เผยแพร่ลักธิของตนเองกันทั้งนั้น จึงได้ดึงมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถเข้าตาให้มาเป็นคนใกล้ชิดของตนเอง เพื่อการนี้ทั้งนั้น
ตอนนี้ เหล่าเทพที่หมดความอดทนกับการกระทำไร้ศีลธรรมของเทพดาร์คเนสต่างมารวมตัวกัน ใต้การนำของเทพไลท์ เพื่อจัดการกับเทพดาร์คเนสเสียที ซึ่งก็รวบรวมได้มาถึงสิบสององค์เข้าไปแล้ว อันประกอบไปด้วย
เทพไลท์ เทพแห่งแสงสว่าง ผู้มากความสามารถรอบด้าน มีรอยยิ้มที่งดงามตลอดเวลา ทั้งท่าทางการวางตัวและนิสัยสง่างามอยู่ตลอด แต่หลังจากได้ครีอุสมีเป็นผู้ติดตามก็เริ่มความอดทนต่ำลงเรื่อยๆ [...เอ่อ...]
เทพวินสตรอมจ์ เทพแห่งพายุผู้รวดเร็วที่สุดในเทพทั้งมวล ได้ยินมาว่าชอบแอบปลอมตัวเป็นมนุษย์ลงไป...หลีสาวแข่งกับเทมเพส ผู้ติดตาม [และจากที่ได้ยินมา สถิติการจีบติดดูจะมากกว่าเทมเพสถึงครึ่งต่อครึ่ง]
เทพ เอิร์ธ เทพแห่งปฐพีผู้ความจงรักภักดีจนตัวยอมตายไม่ยอมหักหลัง มีปราการดินไร้พ่ายเป็นอาวุธ แต่ก็ดันเซ่อซ่าจนพังโล่ปราการตัวเองบ่อยครั้ง
เทพ เนทรัว เทพแห่งพฤกษาที่เพียบพร้อมด้วยนิสัยที่ดีงาม มีสายตาที่แม่นยำและฝีมือการยิงธนูชั้นแนวหน้าของแดนเทพ [ตอนนี้กำลังปวดหัวอย่างรุนแรงเพราะสอนผู้ติดตามเคเรสให้เป็นคนดี “จากภายใน” ไม่ได้]
เทพคลาวด์ เทพแห่งเมฆาที่มักจะอยู่ไม่ติดที่ การตามหาตัวเขาแต่ละครั้งแทบจะต้องพลิกแผ่นดินหาเอา ถึงแม้ว่าหลังๆนี้จะไม่ชอบออกจากตำหนักยามค่ำคืนเพราะกลัวผี [ที่กลายมาเป็นผู้ติดตามของตัวเอง]
เทพไฟร์ เทพแห่งเปลวเพลิงผู้เลือดร้อนตลอดกาล ว่ากันว่าหากเขาจะเข้าห้องใครไม่เคยมีซักครั้งที่จะเคาะประตู จนได้ยินข่าวว่าครั้งหนึ่งเขาพังประตูห้องเทพไลท์เข้าไปเห็นอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นห้องของเทพไลท์จึงเป็นห้องเดียวที่เทพไฟร์จะต้องเคาะประตูก่อน เข้าเสมอ
เทพจัสติส เทพแห่งความยุติธรรมที่มักกำจัดความชั่วอย่างไม่เลือกวิธีการ ความเที่ยงตรงนั้นแน่วแน่จนแทบไม่คิดจะให้อภัยแก่ใครทั้งสิ้น และเป็นทั้งคู่หูและคู่ปรับของเทพไลท์กลายๆ
เทพฟรอเซ่น เทพแห่งน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก เดิมครองตำแหน่งเทพที่เย็นชาที่สุด แต่ตอนหลังคงจะสอนคนติดตามมาดีไปหน่อยจึงเสียตำแหน่งให้ไอซอทไป
เทพ มูนชายน์ เทพแห่งจันทราผู้งดงาม แต่เป็นความงามที่อาบไปด้วยยาพิษ ในเมื่อคนที่คิดจีบเทพผู้นี้ไม่เคยรอดออกมาอย่างปลอดภัยซักคน ถือเป็นเทพที่ลึกลับน่าค้นหา ครั้งหนึ่งเคยประกาศว่า หากทำให้เขายอมรับไม่ได้อย่าหวังว่าเขาจะยอม [?]
เทพโกลด์ เทพแห่งทองคำอันบริสุทธิ์ แต่นิสัยไม่ได้บริสุทธิ์หรือสว่างไสวดั่งสิ่งที่ควบคุม เพราะขนาดเทพฟรอเซ่นที่เยือกเย็นจนเข้าขั้นเย็นชายังไม่อยากพูดกับชายคนนี้ เลยเพราะกลัวอารมณ์ระเบิด
เทพสโตเนส เทพแห่งศิลาที่แข็งกร้าวรุนแรง เป็นพวกหัวแข็งพอประมาณ แต่ดันมีนิสัยไม่ยอมแพ้ใคร ทำให้ทะเลาะกับผู้ติดตามจอมทิฐิจนเกือบๆจะฆ่ากันเองอยู่ทุกวัน
เทพชา โดว์ เทพแห่งเงาผู้ลึกลับ จนปัจจุบันนี้ยังไม่เคยมีใครเห็น “ใบหน้าที่แท้จริง” ของเขาเลยซักครั้ง เพราะแต่ละครั้งเขาจะซ่อนตัวอยู่ในเงา หรือมุมมืดต่างๆในห้อง แต่ที่เทพทุกองค์รู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ได้ก็มาจากการที่เขาจะมีไอเทพเป็น สีดำสนิท หรือก็คือไอเทพที่มัวหมองมาก ดังนั้นเวลาเขาอยู่ที่ไหนเหล่าเทพจะรู้ได้ทันที ถึงจะมองไม่เห็นตัวก็ตาม
เทพ ทั้งสิบสองต่างมารวมตัวกันเป็นหนึ่ง เพื่อจัดการกับ “เทพแห่งความมืดมน ดาร์คเนส” เทพผู้ชั่วร้ายที่สุดในประวัติการของเทพทั้งปวง โดยยกเทพไลท์ขึ้นเป็นเทพสูงสุดในกลุ่ม และมีเทพจัสติสเป็นผู้ดูแลอีกทีหนึ่งเผื่อเทพไลท์ตกอยู่ในอันตราย เพราะความใจดีของเทพไลท์นั้นมีมากจนเกินไป แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกนับถือและอยากอยู่ใต้บังคับบัญชาเช่นกัน
“นี่มากันแค่สามเองหรือ”มูนชายน์กวาดตามองรอบๆห้อง
“เทพ ชาโดว์ไปทำธุระน่ะ เขาแจ้งข้ามาแล้ว”ไลท์ว่า “สโตเนสบาดเจ็บสาหัสเพราะเมื่อวานทะเลาะกับอาร์เมลเหมือนเดิม เทพเนทรัว เทพฟรอเซ่น และเทพไฟร์ถูกราชาเทพเรียกพบ”
“ตัดไปสี่ แล้วอีกห้า?”วินด์สตรอมจ์ขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวพวกเขาคงมาเองกระมัง”ไลท์ถอนหายใจ
วิ้ว...
ระหว่างที่เทพไลท์ถอนหายใจ สายลมวูบหนึ่งก็พัดเข้ามาในตำหนักเทพ
“นั่นไง มาแล้ว”วินด์สตรอมจ์ยิ้ม “เจ้าช้านะคลาวด์”
“...ข้ารีบที่สุดแล้ว...วินสตรอมจ์...”เสียงพึมพำแผ่วเบาพร้อมร่างของเทพคลาวด์ปรากฎออกมาให้ทุกคนตกตะลึง
ผม สีเงินที่ยาวเลยหลังของเทพคลาวด์ ในวันนี้มันกลับแหว่งแถมยังชี้โด่ชี้เด่จนไม่ต้องเดาก็บอกได้ว่าไม่ได้หวีมา ดวงตาสีขี้เถ้าหรี่ปรือจนแทบจะหลับทั้งยืน ร่างสูงโปร่งนั่งแปะลงกับเก้าอี้รับรองแขกของเทพไลท์พลางปาดเหงื่อออกจากใบ หน้านั้น
“เจ้าไปทำอะไรม๊า!!!”วินด์สตรอมจ์ร้องจ๊าก
“ข้าแค่วิ่งไล่จับกับท่านคลาวด์นั้นเอง”ร่างอีกร่างโผล่พรวดขึ้นบนอากาศ
“เนเฟล...ที่ว่าวิ่งไล่จับนี่มันกี่วันกี่คืนกัน”เทพวินด์สตรอมจ์คราง
เน เฟล ผู้ติดตามของเทพคลาวด์ เป็นเด็กหนุ่มร่างผอมจนดูไม่เหมือนคนอายุสิบแปดซักนิด ผมยาวสีเงินเช่นเดียวกับเทพคลาวด์แต่กลับสั้นประบ่า ดวงตาสีดำสนิทที่อยู่ใต้ผมปรกๆหน้านั้นใสซื่อบริสุทธิ์ แตต่างจากครีอุสผู้ติดตามของเทพไลท์โดยสิ้นเชิง แต่เขาแตกต่างจากเทพคลาวด์คือยังสมบูรณ์ทุกประการ ไม่ได้โทรมจนดูไม่ได้ขนาดนั้น
“อืม...คงราวๆ...สามสัปดาห์ได้กระมังขอรับ”เนเฟลตอบ
“ข้าไม่แปลกใจเลยซักนิดเดียว”เทพมูนชายน์ยิ้มแห้ง “เจ้าออกไปข้างนอก แล้วบอกอาเทมิสให้เขาเอาผ้าสะอาดมาที”
“ผ้าสะอาด?”
“ชุบน้ำเย็นๆด้วยก็ดีนะ”เทพมูนชายน์บอก
“ครับ”
ว่าแล้วร่างของเนเฟลก็เลือนหายไปในพริบตา
“เจ้านี่มันซื่อซะจนเซ่อ ข้าล่ะเป็นห่วงอนาคตจริงๆ”ไลท์ว่า
“ข้า ว่าไม่น่าห่วงซักนิด ไล่จับกับเทพคลาวด์ที่ตามหาตัวยากยิ่งกว่าการจับเมฆมาสามอาทิตย์แต่กลับไม่ มีอาการเหนื่อยแบบนั้นน่ะ”เทพวินด์สตรอมจ์บ่นงึมงำ
“ครีอุส อาเทมิส”
เฮือก!!!
ชายหนุ่มทั้งสองสะดุ้งเฮือก ก่อนจะผ่อนลมหายใจเมื่อเนเฟลปรากฏร่าง
“ขอเถอะ ช่วยเดินไปเดินมาแบบคนปรกติเขาได้มั๊ยเนเฟล ข้าหัวใจจะวาย”ครีอุสบ่น
“ก็...เทพคลาวด์สอนข้ามาแบบนี้นี่”เนเฟลอึกอัก
“ไม่ต้องไปทำตามทุกอย่างก็ได้ ไม่งั้นเจ้าครีอุสคงนิสัยดีกว่านี้”อาเทมิสเชิดหน้า
“เจ้าว่าอะไรนะ!”ครีอุสโวยวาย
“ก็ข้าพูดผิดมั๊ยล่ะ ถ้าเป็นเอกอนคงพูดแรงกว่าข้าอีก”อาเทมิสว่า
“...หนวกหู...”
กึก
เด็กหนุ่มทั้งสองชะงักนิ่ง
“ท่าทางจะว่างกันมากเลยนะ ครีอุส อาเทมิส”
“...ท่าน...ท่านจัสติส...”ทั้งสองหน้าซีด
“วิ่งรอบวิหารแห่งแสงสว่างห้าสิบรอบภายในสิบนาที!”
“ค...ครับ!”ทั้งสองคนรีบวิ่งจากไปทันที
เทพ จัสติส...เทพแห่งความยุติธรรมผู้แข็งกระด้าง เขาเป็นเทพที่มีรูปร่างสูงใหญ่และดูน่าเกรงขามเป็นที่สุด ดวงตาคมกริบจนดูราวกับจะฆ่ากันให้ดับดิ้นเสียตรงนั้นทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้า แหยม ผมยาวสีดำมัดรวบสูงเป็นทรงคล้ายซามูไรญี่ปุ่นยิ่งขับให้ดูดุดัน สีผมและสีตาเป็นสีนิลกาลที่หาได้ยากในดินแดนเทพแห่งความดีงามเช่นนี้ ทำให้กลายเป็นจุดเด่นได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าวิจารณ์
“จะไม่โหดไปหน่อยรึขอรับ ท่านจัสติส”
“หากกับพวกเดียวกันเองยังไม่เด็ดขาดก็จะถือว่าข้าไม่ยุติธรรมน่ะสิ เทอร์มิส”เทพจัสติสหันมามองลูกศิษย์ผู้ติดตามตนเองมาด้วย
ใบ หน้าของเทอร์มิสนั้น แม้จะมีประกายแห่งนักรบ แต่ก็งดงามอ่อนช้อยเข้ากันได้อย่างลงตัว ยิ่งดาบที่เหน็บที่เอวนั้นเป็นดาบที่ยาวและบาง เน้นความเร็วมากกว่าพละกำลัง มันทำให้เทพจัสติสถึงกับกุมขมับไม่น้อยในตอนที่คัดเลือกเขามา แต่เทอร์มิสก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ไม่งั้นคงไม่อาจดำรงตำแหน่งนี้ได้ แม้สีผมและดวงตาจะเป็นสีดำสนิทแต่กลับไม่ได้ชั่วร้ายหรือโหดเหี้ยมอำมหิต ขนาดความเจ้าเล่ห์ยังน้อยกว่าเจ้าตัวขาวๆทองๆที่เพิ่งไล่ไปวิ่งด้วยซ้ำ
“ข้าอยากสลับเจ้ากับครีอุสจริงๆเทอร์มิสเอ๊ย”จัสติสทอดถอนใจ ลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะปรับเสียงให้แข็งกร้าวอีกครั้ง
“ถ้า พวกเจ้าอู้ข้าจะเพิ่มโทษเป็นสองเท่า โดยเฉพาะเจ้า ครีอุส!”เทพจัสติสตวาด ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมเข้าไปในตำหนัก ทิ้งเทอร์มิสที่ทำหน้าสงสารกับเนเฟลที่อ้ำๆอึ้งๆยังไม่ได้บอกเรื่องที่มูน ชายน์ไหว้วานเอาไว้ข้างนอก
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก”
“ไงล่ะ โดนท่านจัสติสลงโทษ”เทอร์มิสถอนหายใจในขณะที่ลูบหลังครีอุสให้หยุดอาการหอบเป็นบ้าเป็นหลัง
“เจ้าทนอยู่กับคนเฮี้ยบทุกกระเบียดนิ้วแบบนั้นได้ไง!”ครีอุสโวยวาย
“รู้สึกข้าจะอยู่กับท่านจัสติสตั้งแต่สิบสองขวบ นี่ก็ปีที่หกแล้วนะ”เทอร์มิสถอนหายใจ
“อ้อ อยู่มาหกปีเลยชิน...ชิ!”ครีอุสบ่นหงุงหงิง
“เจ้า น่ะยังดี อย่างน้อยก็ไม่สลบเหมือดแบบอาเทมิสนะ”เทอร์มิสหันไปมองด้านหลัง ภาพของเพื่อนร่วมรุ่นจอมหยิ่งนอนแผ่หลาหมดสภาพทำครีอุสหายเหนื่อยขึ้นมา หน่อย เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องลงไปนอนกองกับพื้นแบบนั้น
“ท่าทางจะแย่แฮะ เหมือนอาเทมิสจะเหนื่อยจัดเลย”เนเฟลว่า
“ช่างหมอนั่นเถอะ!”ครีอุสสบถ
“เจ้าเป็นผู้ติดตามของเทพแห่งความเมตตานะครีอุส”เทอร์มิสส่ายหัว
“ส่วนเจ้าก็เป็นผู้ติดตามของเทพแห่งความเด็ดขาดนะเทอร์มิส”ครีอุสย้อนกลับด้วยประโยคเดียวกัน
“พอกันทั้งคู่”เนเฟลพึมพำ
“นั่นสิน้า~ พอกันทั้งคู่จริงๆด้วย”
“เทมเพส”เนเฟลหันไปด้านข้าง จึงได้พบกับเทมเพส เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่นอนเอกขเนกอยู่บนหลังคา
เท มเพสนั้น แค่มองผ่านๆครั้งเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มเจ้าสำราญไม่น้อย ผมสีน้ำเงินเข้มของเขาพลิ้วไปตามลมดูแปลกตา เนื่องเพราะผมสีนี้คงหาใครอื่นอีกไม่ได้แล้ว ดวงตากำลังระริกระรี้อย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจอาการเดือดร้อนของเพื่อนร่วม รุ่นของตัวเองเลยที่ถูกลงโทษ แถมยังไม่วายเอาชากับขนมมานั่งชมอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ครีอุสถาม
“ก็...ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงเจ้าหลอกท่านเทพไลท์ล่ะมั๊ง”เทมเพสยิ้ม กัดคุกกี้ไปคำหนึ่งก่อนจะเอาที่เหลือมาถือไว้ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“นี่เจ้าไปหลอกอะไรท่านไลท์อีกล่ะครีอุส”เสียงเทอร์มิสเริ่มเย็นลง
“ข้าไม่ได้หลอกซักหน่อย แค่ปลุก”ครีอุสลอยหน้าลอยตาตอบ
ป๊อก!
คุกกี้ครึ่งชิ้นที่เทมเพสถือเมื่อครู่ถูกปาใส่หัวครีอุสอย่างแรง
“ไม่ได้หลอก โกหกทั้งเพ เจ้าน่ะจงใจหลอกชัดๆเลย”เทมเพสว่า
“ท่าทางจะอยากเจ็บตัวนะเทมเพส!!!”ครีอุสรีบปัดเศษขนมบนผมสีทองของตนเองออกอย่างหงุดหงิด
“จะ หาที่ระบายก็บอกมาเถอะ โดนท่านจัสติสสั่งลงโทษน่ะมันก็สมควรแล้วนี่”เทมเพสกระโดดลงมาจากหลังคา ตำหนักอย่างสบายๆ “อีกอย่าง รอให้ผีมือดาบของเจ้าได้ซักครึ่งของเคเรสก่อนเถอะค่อยมาสู้กับข้า ฝีมือดาบเจ้านี่มันไม่เอาไหนเลย”
“เจ้าพูดเหมือนเรามีเรื่องให้ใช้ดาบกันบ่อยนัก หน้าที่นั่นมันหน้าที่พวกอัศวินไม่ใช่รึไง พวกเราน่ะมันผู้ติดตามเทพนะ.”ครีอุสย้อน
“ไม่เข้าใจเล้ย...เทพไลท์ก็ออกจะเก่งรอบด้าน เจ้าน่ะหาอะไรเก่งซักด้านได้รึเปล่าล่ะ”เทมเพสยักไหล่
“อย่างน้อยข้าก็ฉลาดกว่าเจ้าแล้วกัน”ครีอุสเริ่มแสยะยิ้มชั่วร้าย โดยที่เทอร์มิสที่นั่งอยู่ใกล้สุดต้องรีบเขยิบหนี
“หลงตัวเอง นี่ล่ะน้าคนเรา”เทมเพสยิ้มยียวนอย่างไม่รู้ชะตาตัวเอง
“งั้นเจ้าก็ช่วยคิดหน่อย...ว่าที่ตำหนักเทพแห่งแสงสว่างน่ะ...มันถิ่นใคร”ครีอุสดีดนิ้วตัวเอง
แซ่กๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผลุบ!
“เฮ้ย!!!”เทมเพสร้อง เมื่ออยู่ๆพื้นหญ้านิ่มๆที่ยืนอยู่ก็กลายเป็นหลุมกว้าง
โครม!!!!!
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ กะว่าจะเอาไว้ดักเจ้าเอกอน ดันได้เอามาใช้กับเจ้าซะก่อนนะเนี่ย”ครีอุสหัวเราะ
“เจ้า! ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก! เจ้ามัน...”
“โอ๊ะๆๆๆ อย่าพูดแบบนั้นสิเทมเพสที่รัก ในฐานะผู้แทนวจนะเทพแห่งแสงสว่างผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาเช่นข้านั้น จิตใจที่แสนบริสุทธิ์ของข้ามิอาจต้านทานการเสียดสีที่รุนแรงได้แม้ว่าจะเป็น เพียงคำเอ่ยวาจาของเจ้า ข้ารู้สึกปวดใจเสียเหลือเกินที่เจ้าหลงผิด เชื่อคำผู้อื่นถึงขั้นเข้าใจข้าผิดไปเช่นนี้ ข้ารู้สึกโศกเศร้าเสียใจประดุจ...”
“อ๊ากกกกกกก ข้ายอมแพ้แล้วววววววววววววว”เทมเพสโหยหวน
“ฮึๆ รู้แล้วก็อย่ามาหาเรื่องข้าดีกว่านะเทมเพสที่รัก แล้วเทพแห่งแสงสว่างจะอยู่เคียงข้างเจ้า ฮึๆๆๆๆๆๆๆๆ”ครีอุสหัวเราะ
“...เขาพูดก็ถูกอยู่แล้วนี่...”เนเฟลพึมพำเบาๆ
“...ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก...”เทอร์มิสบ่นงึมงำ
“เจ้าครีอุสรังแกเทมเพสอีกแล้ว เฮ้อ”เทพไลท์ถอนหายใจพลางลดมือลงให้ม่านปิดสนิทดังเดิม
“เมื่อครู่ข้าว่าข้าสั่งให้เจ้านั่นวิ่งห้าสิบรอบแล้วนะ ยังไม่หมดแรงอีกรึไง”เทพจัสติสพึมพำ
“ไอ้ตัวแสบจะสิ้นฤทธิ์แค่การวิ่งรอบตำหนักได้ยังไง”เทพคลาวด์บ่น
“ข้าล่ะสงสารเทมเพส”เทพวินสตรอมจ์ถอนหายใจบ้าง
“ถ้าเนทรัวกับเคเรสมาเมื่อไหร่ คนที่จะโดนแทนคงเป็นเคเรสสินะ”เทพมูนชายน์ยิ้มอ่อนแรง
“เจ้านั่นมันฉลาดเป็นกรด...เป็น...คนที่ข้ากลัวที่สุดจริงๆ”เทพไลท์ถอนหายใจ
“ข้า ว่าไม่มั๊ง ฝีมือการต่อสู้ของครีอุสไม่เอาไหนเลย ขนาดเคเรสที่ฝึกธนูมาตั้งแต่สิบสองปียังเก่งเชิงดาบกว่าเขาที่ฝึกดาบมาแต่ แรกเสียอีก”เทพวินด์สตรอมจ์ว่า
“เจ้ายังไม่รู้ฤทธิ์ครีอุสดีน่ะสิวิ นสตรอมจ์ เชื่อข้า ในโลกนี้ข้าไม่เคยกลัวมนุษย์คนไหนเท่าครีอุสอีกแล้ว ถึงต้องดึงเขามาไว้ข้างกายไง”
“เพื่อที่เจ้าจะทำตัวเป็นฝักดาบไม่ใช้ครีอุสไปอาละวาดที่ไหนงั้นรึ”จัสติสถาม
“เปล่า ข้าแค่กลัวว่าดาร์คเนสจะดึงเขาไป ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ข้าไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเดือดร้อนมากกว่าตอนนี้ซักกี่ เท่า”เทพไลท์ถอนหายใจ
“ว่าแต่...เจ้าจะเอาจริงรึ เรื่องที่ว่าน่ะ”เทพคลาวด์ถาม
“ใช่ ในเมื่อดาร์คเนสเองก็ทำเช่นนั้น เราเองก็คงต้องเริ่มเสียที”
“เริ่มขยายอิทธิพลและลักธิของเรา ที่จะต่อต้านลักธิเทพแห่งความมืดมนของดาร์คเนส...เรื่องนี้งั้นเหรอ”มูนชายน์เอียงคอ
“จริงๆ ข้าก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาได้แล้ว เราประชุมเรื่องนี้กันมานานมากแล้วนะ”จัสติสว่า “แต่เจ้าคิดจะส่งใครไปเป็นผู้เผยแพร่คำสอนกันเทพไลท์ หรือเจ้าคิดจะให้เทพอย่างพวกเราลงไปโลกมนุษย์ด้วยตัวเอง?”
“เปล่าหรอก...ข้าไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“ก่อตั้งลักธิ!?!”เหล่าผู้ติดตามทั้งสอบสองของเทพสิบสองค์องใต้สังกัดเทพไลท์ต่างพากันขมวดคิ้ว
“ใช่ อย่างที่พวกเจ้าน่าจะได้ยินข่าวเรื่องลักธิเทพเจ้าแห่งความมืดมนในโลกมนุษย์ มาบ้างแล้ว”เทพไลท์พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะแค่เห็นสายตาของครีอุสที่ราวกับรู้ทันก็ทำเทพหนุ่มเสียวสันหลังวาบ
“คิดจะโยนงานให้พวกเราทำงั้นสิท่านไลท์”ครีอุสว่า
“เจ้ามายความว่ายังไงครีอุส”ไทรอนถาม
ไท รอน ผู้ติดตามของเทพเอิร์ธ เขาเป็นชายร่างสูบใหญ่บึกบึนไม่แพ้เทพเอิร์ธแห่งผืนปฐพีเลย ดวงตาแน่วแน่มั่นคงนั้นทำให้เชื่อมั่นได้เลยว่าชายคนนี้ไม่มีทางทรยศหักหลัง เด็ดขาด ผมยุ่งเหยิงน้อยๆที่แม้จะหวีเท่าไหร่ก็ไม่เคยเรียบของเขาเป็นเอกลักษณ์ประจำ ตัวไปนานแล้วจนเพื่อนๆเริ่มชิน [ถึงแม้เอกอนมักจะชอบพูดว่าเหมือนรังนกก็ตามเถอะ]
“ฮึ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้ว พวกท่านเหล่าเทพไม่ได้คิดจะลงไปโลกมนุษย์ด้วยตนเองแต่แรกแล้ว แต่จะส่งพวกเราลงไปแทนงั้นสิ ใช่มั๊ย?”ครีอุสว่า
“หา!?!”
“ใช่”เทพไลท์พยักหน้า “ข้าต้องการให้พวกเจ้าสิบสองคนลงไปในฐานะตัวแทนแห่งข้า...ในฐานะตัวแทนแห่งเทพแห่งแสงสว่าง”
“ทำไมต้องเป็นเทพแห่งแสงสว่าง ในเมื่อพวกข้าต่างก็รับใช้เทพของตนเองกันทั้งนั้น”อาร์เมลชักสีหน้า
อา ร์เมล เด็กหนุ่มจอมทิฐิที่กล้าเถียงแม้แต่เทพสูงสุดอย่างเทพไลท์ เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว แต่เพราะชาติกำเนิดทำให้มีผิวสีคล้ำผิดจากคนอื่นๆ ผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลัง จริงๆไม่ใช่เพราะเจ้าตัวอยากไว้หรอก แต่ไม่มีเวลาไปตัดต่างหาก ครั้งหนึ่งเขารำคาญผมตัวเองมากๆจนใช้ดาบตัดทิ้งไป แต่ก็ทำผมแหว่งไปนานทีเดียว
“หากไปโดยอ้างเทพคนละคนกันจะถือว่าเป็น คนละลักธิกันน่ะสิ ลักธิหนึ่งมีเทพได้แค่องค์เดียวเท่านั้น”เทพไลท์ส่ายหัว “ตอนแรกข้าก็ไม่ได้อยากให้พวกเจ้าเอาชื่อข้าหรอก น่าจะเอาชื่อของคนอื่น แต่อยากให้พวกเจ้าเข้าใจด้วยว่าเป้าหมายหลักของเราคือขัดขวางดาร์คเนสที่ เป็นเทพเจ้าแห่งความมืดมน ดังนั้นก็ต้องใช้ชื่อของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน เข้าใจมั๊ย?”
“ไม่!”เทพอาร์เมลตอบทันที “ข้าไม่ยอมอ้างชื่อของท่านเด็ดขาด”
“ข้า ก็ไม่อยากเหมือนกัน”เอกอนลอยหน้าลอยตาตอบ “บอกตรงๆนะว่ามันขยะแขยง ความสว่างอะไรกัน ตัวแทนแห่งความดีงามอะไรกัน ถ้าข้าต้องทำตัวอยู่ภายใต้ไอ้ความสว่างบ้าๆบอๆนี่ข้าคงอกแตกตาย”
“เอกอน!”เทอร์มิสตวาดทันทีที่เห็นเทพไลท์เริ่มหน้าเสีย
“ข้า พูดผิดตรงไหนกันล่ะเทอร์มิส! ทำไมข้าต้องไปอยู่ภายใต้ชื่อของเทพไลท์ด้วย จะให้ข้าฝืนทำตัวดีงามให้สมกับเป็นผู้แทนของเทพแห่งแสงสว่างน่ะข้าทำไม่ได้ หรอกนะ! แค่คิดข้าก็รู้สึกอยากอ๊วก ถ้าต้องไปทำจริงๆเจ้าฆ่าข้าเลยเถอะ!”
แกร็ก!!!
“งั้นข้าฆ่าเจ้าจริงๆซะเลยดีมั๊ย”เทอร์มิสเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ยังไงๆเขาก็ถูกเลี้ยงดูมาจากเทพจัสติสย่อมมี “ความน่ากลัว” ติดมาบ้างล่ะ
“เจ้าบอกว่าฝืนงั้นเหรอเอกอน หมายความว่าเจ้าไม่อยากทำตัวดีสินะ”เทพไลท์ถอนหายใจ
“ใช่ สิ จะให้ทำตัวแบบท่านน่ะนะ? ฝันไปเถอะ! จะมีไอ้บ้าตัวไหนเดินยิ้มตลอดเวลา คนตบหัวก็ไม่โกรธ แถมยังให้อภัยทุกคนแบบท่านกัน! หาเอาทั่วโลกก็ไม่เจอหรอก”
“งั้นข้าจะทำเอง”
“หา!?!”ทุกคนหันขวับ
“หาก ต้องลงไปโลกมนุษย์จริงๆ ข้าขอเสนอตัวเองเป็นผู้แทนวจนะเทพแห่งแสงสว่าง เป็นผู้นำของพวกเราทั้งสิบสองคนเอง ส่วนพวกเจ้าจะทำตัวทำนิสัยยังไงก็เรื่องของพวกเจ้า แต่ข้าจะทำตัวให้ “ดีงาม” ตามแบบของเทพแห่งแสงสว่างเพียงผู้เดียว พอใจรึยัง”
“...ครี...ครีอุส...”เคเรสคราง แค่เห็นเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มผมทองก็รู้แล้วว่า...
ครีอุสกำลังโกรธ...โกรธมาก!
“แต่ เจ้า...อย่ามาทำตัวงี่เง่าและไม่เคารพท่านไลท์เด็ดขาด!”ครีอุสหันมาตวาดใส่ เอกอนด้วยแววตาเอาเรื่อง “ท่านคือเทพ! ส่วนเราคือมนุษย์! ถึงปรกติข้าจะเหลวแหลกทำตัวไร้มารยาทกับท่านไลท์แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขต ไม่เหมือนเจ้า!!!”
“...อึก...”
“เจ้าก็เหมือนกันอาร์เมล! ไม่ว่ายังไงเทพสโตเนสก็อยู่ภายใต้การดูแลของท่านไลท์อยู่แล้ว พูดง่ายๆคือท่านไลท์ก็เปรียบเหมือนผู้ดูแลของอาจารย์ของเจ้า เจ้าจะไม่เคารพท่านไม่ได้!!!”
“ครีอุส...อย่าทำให้ข้าโมโหนะ”เทพอาร์เมลกดเสียงต่ำ
“พอได้แล้ว!!!”
“ท่านจัสติส”เคเรสคราง
“ข้า ตัดสินเอง! ตอนลงไปพวกเจ้าอยู่ภายใต้ชื่อของเทพแห่งแสงสว่าง แต่ให้แบ่งเป็นสองกลุ่ม! กลุ่มแรกแทนความเมตตาของไลท์ อีกกลุ่มแทนความเด็ดขาดโหดเหี้ยมของข้า! พอใจรึยัง!!!”เทพจัสติสตัดสิน
“นี่ๆ เดี๋ยวใครเขาก็หาว่าข้าเป็นคนสองบุคลิกหรอก เล่นแบ่งกลุ่มให้สวนทางกันแบบนี้”เทพไลท์กุมขมับ
“นั่นมันเรื่องของเจ้า!”เทพจัสติสทำตาขวางใส่เทพไลท์ ที่ตอนนี้แทบจะวิ่งไปหลบหลังผู้ติดตามของตัวเองอยู่รอมร่อ
“ครี อุส ข้ายกหน้าที่ผู้นำสูงสุดของฝ่ายความเมตตาให้เจ้า และขอมอบชื่อกลุ่มให้ว่า “กลุ่มเฮมิซ” ส่วนเทอร์มิส เจ้ารับผิดชอบ “กลุ่มโคลด์บลัดด์” ที่เป็นฝ่ายโหดเหี้ยมของข้า”จัสติสตัดสินรวบรัด ไม่ยอมให้ใครขัดทั้งสิ้น
“ฝั่งเฮมิซมีครีอุส เทมเพส เคเรส ไทรอน เนเฟล เฮฟเฟตัส ฝั่งโคลด์บลัดด์มีเทอร์มิส อาเทมิส ฮาเดส อาร์เมล เอกอน ไอซอท กลุ่มนี้พวกเจ้าจะทำตัวให้ชั่วช้ายังไงก็เรื่องของเจ้า ขอแค่อย่าให้เสื่อมเสีย “มากเกินไป” เท่านั้นพอ!”
“จริงๆครีอุสควรจะอยู่ฝั่งชั่วร้าย แล้วเอาเทอร์มิสมาไม่ใช่เหรอ”เทมเพสพึมพำกับเฮฟเฟตัส
“ข้าก็เห็นด้วยนะ”เฮฟเฟตัสพยักหน้าหงึกๆ
“แล้ว ตอนที่ลงไป ไม่ใช่แค่พวกเจ้าจะเผยแพร่ลักธิของข้าอย่างเดียว พวกเจ้าต้องกำจัดลักธิของดาร์คเนสด้วยนะ”เทพไลท์รีบพูดเมื่อเห็นเอกอ นกับอาร์เมลยอมสงบลง ถึงจะเป็นการสงบอย่างไม่พอใจก็ตาม
“งั้นก็หมายความว่าเราต้องต่อสู้สินะครับ”ครีอุสว่า
“ใช่ เพราะฉะนั้นตอนที่ลงไป...ข้าจะขอมอบตำแหน่งให้พวกเจ้า”เทพไลท์ลูบหัวครีอุสเบาๆ
“...ตำแหน่งแห่งผู้ปกปักษ์เทพ...ตำแหน่ง “เทพอัศวิน” ยังไงล่ะ...”
########################################
ในดินแดนแห่งนี้...เมื่อหลายร้อยปีก่อน ย้อนเวลากลับไปยาวนานจนถึงช่วงบุกเบิก...
...ในยุคสงครามแห่งเทพ...
“ท่านไลท์ ตื่นเถอะ”
“งึมๆ...ขออีกห้านาที”ร่างสูงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะเริ่มกลับเข้าสู่นิทรา แต่ท่าทางคนปลุกก็ไม่ยอมง่ายๆ
“ท่านไลท์...ท่าทางท่านจะอยากให้แขกรอนานมากเลยนะครับ”ชายหนุ่มถอนหายใจ
“...เงียบน่า...”ร่างสูงพึมพำ
“ครับ งั้นข้าจะไปไล่ท่านมูนชายน์กลับตำหนัก...”
“มูนมาเหรอ!!!!!”ร่างสูงเด้นพรวดขึ้นทันที อาการง่วงหงาวหาวนอนหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ท่านมูนชายน์รอท่านมาเกือบสามชั่วโมงแล้วครับ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ทำไมเจ้าไม่รีบปลุกข้าเล่า ครีอุส!!!!!!!!!!”ชายหนุ่มพุ่งพรวดเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
“...พูดเหมือนข้าไม่ปลุก...ก็ท่านนั่นแหละไม่ตื่นเอง...”ครีอุสพึมพำ แต่มุมปากกลับแสยะยิ้มชั่วร้าย
ปัง!
“ข...ขอโทษที่ให้รอนะมูนชายน์”ชายหนุ่มหอบแฮ่กๆ
ร่าง สูงที่เมื่อครู่เพิ่งอาบน้ำอย่างลวกๆราวกับวิ่งผ่านน้ำ ตอนนี้อยู่ในสภาพพร้อมรับแขกเรียบร้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่หอบอ่อนๆ ผมยาวสีทองอร่ามมัดรวบที่ท้ายทอย แล้วปล่อยยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าใสที่ในยามปรกติมักจะมีแววอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ แต่ตอนนี้กลับมีแต่แววสำนึกผิดที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอ
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็เพิ่งมาถึงเองไลท์”แขกของชายหนุ่มยิ้มบางๆ
ร่าง นี้ผิดจาก “ไลท์” ลิบลับ เพราะสีผิวนั้นขาวนวลอมชมพูผิดกับไลท์ที่ขาวสว่างจนดูเหมือนจะเรืองแสงได้ ริมฝีปากยิ้มบางๆน่ารักน่าเอ็นดู ผมสีม่วงเป็นประกายยามต้องแสง กับดวงตาสีอะเมทิสต์ที่อ่อนโยน ดูงดงามน่าหลงไหล
“พ...เพิ่งมาถึง???”
“ก็นี่เพิ่งย่างเข้าสู่ยามสอง [แปดโมง] เองนี่ไลท์”มูนชายน์ยิ้มอ่อนโยน สมชื่อของตนที่แปลได้ว่า “แสงจันทร์” จริงๆ
“ยาม...ยามสอง”ไลท์หันขวับไปมองนาฬิกาลูกตุ้มทองคำที่ตั้งตระหง่าน ก่อนจะสบถไม่เป็นภาษา
“เจ้าครีอุส!!! หลอกข้าอีกแล้วนะ!!!!!”ไลท์สบถ
“ไม่ งามนะท่านไลท์ ท่านช่วยสำนึกด้วยว่าท่านคือเทพแห่งแสงสว่างผู้สว่างไสวตลอดเวลามาทำเรื่อง ไม่งามแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน”ชายหนุ่มด้านหลังของเขายิ้ม
“หุบปากไปเลย! แล้วมีผู้รับใช้เทพองค์ใดที่มันกล้าบังอาจหลอกเทพที่ตนเองสังกัดกันล่ะ ครีอุส!!!”ไลท์ตวาด
“อย่าง น้อยก็ข้ากับเทอร์มิส”ครีอุสยักไหล่ “นี่ข้ายังไม่นับเนเฟลที่ทำเทพคลาวด์สะดุ้งเฮือกราวกับเจอผีอยู่ทุกวัน อาร์เมลที่แทบจะเอาดาบของเขาเชือดเทพสโตเนสวันละหลายรอบเพราะความเห็นไม่ตรง กัน หรือไอซอทที่วันๆเอาแต่เงียบจนเทพฟรอเซ่นรู้สึกเหมือนเดินกับก้อนน้ำแข็ง แล้วยัง...”
“นี่เจ้าจะแฉเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าให้หมดก็บอกมาเถอะครีอุส”เสียงเย็นดังขึ้นจากด้านหลังเทพมูนชายน์
“อ้อ ข้าลืมพูดถึงเจ้าไปเลยอาเทมิส”ครีอุสยิ้มบาง
“เฮอะ”อาเทมิสแค่นเสียงในลำคอ ดวงตามองครีอุสอย่างเหยียดๆ
“คิกๆ ครีอุสนี่ตลกดีนะ”
“ขอบคุณที่ชมครับ เทพมูนชายน์”ครีอุสโค้งตัว
“มันหน้าไหว้หลังหลอกน่ะสิ ไปๆ ข้าจะคุยธุระกับมูนชายน์”เทพไลท์ออกปากไล่
“ครับ”ครีอุสและอาเทมิสถอยร่นออกจากห้องทันที
“เรื่อง อาณาจักรของเทพดาร์คเนสเป็นอย่างไรบ้างมูนชายน์”ชายหนุ่มตีสีหน้าจริงจัง เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือเทพแห่งแสงสว่างที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของเทพแห่ง ความมืดมน “ดาร์คเนส” ผู้นั้น แต่เทพมูนชายน์แห่งจันทราก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เจ้าพูดออกมาเองดีกว่าว่าเจ้าสืบอะไรได้บ้าง”มูนชายน์หันไปมองรอบๆตัวราวกับหาคน
“ไม่ ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างที่พวกเจ้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าดาร์คเนสมันไปแพร่ฐานะ ชื่อเสียง และความเชื่อของมันไปทั่วโลก ตอนนี้พวกมนุษย์ถึงกับก่อตั้ง “วิหารเทพแห่งความมืดมน” เพื่อเป็นการสักการะบูชามันเชียวนะ”
“เทพวินสตอมจ์”ไลท์ประสานมือทำความเคารพเล็กน้อย
“ขออภัยที่ต้องมาเงียบๆ แต่ช่วยไม่ได้นี่ ข้ายังไม่อยากเจอครีอุสเท่าไหร่ พวกท่านน่าจะเข้าใจ”เทพวินสตรอมจ์ถอนหายใจ
“คนปรกติที่ไหนจะอยากเข้าใกล้เจ้านั่น”ไลท์สบถงึมงำ “วันนี้ข้าเพิ่งโดนมันหลอกมาหมาดๆ”
“ก็...นะ”มูนชายน์หัวเราะ
ใน สมัยนี้ เทพอย่างพวกเขามักจะไปยุ่งวุ่นวายกับโลกมนุษย์ไปเรื่อย ถึงพวกเขาจะไม่เหมือนเทพพวกนั้นก็ตาม แต่เทพชั้นล่างส่วนมากต่างก็พยายามขยายชื่อเสียงและ “ลักธิ” ของตนเองไปทั่วโลก ความวุ่นวายแบบนี้ทำให้เทพชั้นสูงอย่าง “เทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ไลท์” จำเป็นต้องจัดการให้เด็ดขาดเสียที แต่ในเมื่อศัตรูของพวกเขาคือ “เทพเจ้าแห่งความมืดมน ดาร์คเนส” ที่เป็นเทพชั้นสูงสุดเช่นเดียวกันนั่นแหละ ทำให้พวกเขากินกันไม่ลงซักที
ส่วน การที่ “เทพ” อย่างพวกเขาจะมี “มนุษย์” อยู่ข้างกายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสมัยนี้มีลักธิต่างๆมากมาย ดังนั้นเทพทั้งหลายต่างก็ต้องการผู้เผยแพร่ลักธิของตนเองกันทั้งนั้น จึงได้ดึงมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถเข้าตาให้มาเป็นคนใกล้ชิดของตนเอง เพื่อการนี้ทั้งนั้น
ตอนนี้ เหล่าเทพที่หมดความอดทนกับการกระทำไร้ศีลธรรมของเทพดาร์คเนสต่างมารวมตัวกัน ใต้การนำของเทพไลท์ เพื่อจัดการกับเทพดาร์คเนสเสียที ซึ่งก็รวบรวมได้มาถึงสิบสององค์เข้าไปแล้ว อันประกอบไปด้วย
เทพไลท์ เทพแห่งแสงสว่าง ผู้มากความสามารถรอบด้าน มีรอยยิ้มที่งดงามตลอดเวลา ทั้งท่าทางการวางตัวและนิสัยสง่างามอยู่ตลอด แต่หลังจากได้ครีอุสมีเป็นผู้ติดตามก็เริ่มความอดทนต่ำลงเรื่อยๆ [...เอ่อ...]
เทพวินสตรอมจ์ เทพแห่งพายุผู้รวดเร็วที่สุดในเทพทั้งมวล ได้ยินมาว่าชอบแอบปลอมตัวเป็นมนุษย์ลงไป...หลีสาวแข่งกับเทมเพส ผู้ติดตาม [และจากที่ได้ยินมา สถิติการจีบติดดูจะมากกว่าเทมเพสถึงครึ่งต่อครึ่ง]
เทพ เอิร์ธ เทพแห่งปฐพีผู้ความจงรักภักดีจนตัวยอมตายไม่ยอมหักหลัง มีปราการดินไร้พ่ายเป็นอาวุธ แต่ก็ดันเซ่อซ่าจนพังโล่ปราการตัวเองบ่อยครั้ง
เทพ เนทรัว เทพแห่งพฤกษาที่เพียบพร้อมด้วยนิสัยที่ดีงาม มีสายตาที่แม่นยำและฝีมือการยิงธนูชั้นแนวหน้าของแดนเทพ [ตอนนี้กำลังปวดหัวอย่างรุนแรงเพราะสอนผู้ติดตามเคเรสให้เป็นคนดี “จากภายใน” ไม่ได้]
เทพคลาวด์ เทพแห่งเมฆาที่มักจะอยู่ไม่ติดที่ การตามหาตัวเขาแต่ละครั้งแทบจะต้องพลิกแผ่นดินหาเอา ถึงแม้ว่าหลังๆนี้จะไม่ชอบออกจากตำหนักยามค่ำคืนเพราะกลัวผี [ที่กลายมาเป็นผู้ติดตามของตัวเอง]
เทพไฟร์ เทพแห่งเปลวเพลิงผู้เลือดร้อนตลอดกาล ว่ากันว่าหากเขาจะเข้าห้องใครไม่เคยมีซักครั้งที่จะเคาะประตู จนได้ยินข่าวว่าครั้งหนึ่งเขาพังประตูห้องเทพไลท์เข้าไปเห็นอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นห้องของเทพไลท์จึงเป็นห้องเดียวที่เทพไฟร์จะต้องเคาะประตูก่อน เข้าเสมอ
เทพจัสติส เทพแห่งความยุติธรรมที่มักกำจัดความชั่วอย่างไม่เลือกวิธีการ ความเที่ยงตรงนั้นแน่วแน่จนแทบไม่คิดจะให้อภัยแก่ใครทั้งสิ้น และเป็นทั้งคู่หูและคู่ปรับของเทพไลท์กลายๆ
เทพฟรอเซ่น เทพแห่งน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก เดิมครองตำแหน่งเทพที่เย็นชาที่สุด แต่ตอนหลังคงจะสอนคนติดตามมาดีไปหน่อยจึงเสียตำแหน่งให้ไอซอทไป
เทพ มูนชายน์ เทพแห่งจันทราผู้งดงาม แต่เป็นความงามที่อาบไปด้วยยาพิษ ในเมื่อคนที่คิดจีบเทพผู้นี้ไม่เคยรอดออกมาอย่างปลอดภัยซักคน ถือเป็นเทพที่ลึกลับน่าค้นหา ครั้งหนึ่งเคยประกาศว่า หากทำให้เขายอมรับไม่ได้อย่าหวังว่าเขาจะยอม [?]
เทพโกลด์ เทพแห่งทองคำอันบริสุทธิ์ แต่นิสัยไม่ได้บริสุทธิ์หรือสว่างไสวดั่งสิ่งที่ควบคุม เพราะขนาดเทพฟรอเซ่นที่เยือกเย็นจนเข้าขั้นเย็นชายังไม่อยากพูดกับชายคนนี้ เลยเพราะกลัวอารมณ์ระเบิด
เทพสโตเนส เทพแห่งศิลาที่แข็งกร้าวรุนแรง เป็นพวกหัวแข็งพอประมาณ แต่ดันมีนิสัยไม่ยอมแพ้ใคร ทำให้ทะเลาะกับผู้ติดตามจอมทิฐิจนเกือบๆจะฆ่ากันเองอยู่ทุกวัน
เทพชา โดว์ เทพแห่งเงาผู้ลึกลับ จนปัจจุบันนี้ยังไม่เคยมีใครเห็น “ใบหน้าที่แท้จริง” ของเขาเลยซักครั้ง เพราะแต่ละครั้งเขาจะซ่อนตัวอยู่ในเงา หรือมุมมืดต่างๆในห้อง แต่ที่เทพทุกองค์รู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ได้ก็มาจากการที่เขาจะมีไอเทพเป็น สีดำสนิท หรือก็คือไอเทพที่มัวหมองมาก ดังนั้นเวลาเขาอยู่ที่ไหนเหล่าเทพจะรู้ได้ทันที ถึงจะมองไม่เห็นตัวก็ตาม
เทพ ทั้งสิบสองต่างมารวมตัวกันเป็นหนึ่ง เพื่อจัดการกับ “เทพแห่งความมืดมน ดาร์คเนส” เทพผู้ชั่วร้ายที่สุดในประวัติการของเทพทั้งปวง โดยยกเทพไลท์ขึ้นเป็นเทพสูงสุดในกลุ่ม และมีเทพจัสติสเป็นผู้ดูแลอีกทีหนึ่งเผื่อเทพไลท์ตกอยู่ในอันตราย เพราะความใจดีของเทพไลท์นั้นมีมากจนเกินไป แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกนับถือและอยากอยู่ใต้บังคับบัญชาเช่นกัน
“นี่มากันแค่สามเองหรือ”มูนชายน์กวาดตามองรอบๆห้อง
“เทพ ชาโดว์ไปทำธุระน่ะ เขาแจ้งข้ามาแล้ว”ไลท์ว่า “สโตเนสบาดเจ็บสาหัสเพราะเมื่อวานทะเลาะกับอาร์เมลเหมือนเดิม เทพเนทรัว เทพฟรอเซ่น และเทพไฟร์ถูกราชาเทพเรียกพบ”
“ตัดไปสี่ แล้วอีกห้า?”วินด์สตรอมจ์ขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวพวกเขาคงมาเองกระมัง”ไลท์ถอนหายใจ
วิ้ว...
ระหว่างที่เทพไลท์ถอนหายใจ สายลมวูบหนึ่งก็พัดเข้ามาในตำหนักเทพ
“นั่นไง มาแล้ว”วินด์สตรอมจ์ยิ้ม “เจ้าช้านะคลาวด์”
“...ข้ารีบที่สุดแล้ว...วินสตรอมจ์...”เสียงพึมพำแผ่วเบาพร้อมร่างของเทพคลาวด์ปรากฎออกมาให้ทุกคนตกตะลึง
ผม สีเงินที่ยาวเลยหลังของเทพคลาวด์ ในวันนี้มันกลับแหว่งแถมยังชี้โด่ชี้เด่จนไม่ต้องเดาก็บอกได้ว่าไม่ได้หวีมา ดวงตาสีขี้เถ้าหรี่ปรือจนแทบจะหลับทั้งยืน ร่างสูงโปร่งนั่งแปะลงกับเก้าอี้รับรองแขกของเทพไลท์พลางปาดเหงื่อออกจากใบ หน้านั้น
“เจ้าไปทำอะไรม๊า!!!”วินด์สตรอมจ์ร้องจ๊าก
“ข้าแค่วิ่งไล่จับกับท่านคลาวด์นั้นเอง”ร่างอีกร่างโผล่พรวดขึ้นบนอากาศ
“เนเฟล...ที่ว่าวิ่งไล่จับนี่มันกี่วันกี่คืนกัน”เทพวินด์สตรอมจ์คราง
เน เฟล ผู้ติดตามของเทพคลาวด์ เป็นเด็กหนุ่มร่างผอมจนดูไม่เหมือนคนอายุสิบแปดซักนิด ผมยาวสีเงินเช่นเดียวกับเทพคลาวด์แต่กลับสั้นประบ่า ดวงตาสีดำสนิทที่อยู่ใต้ผมปรกๆหน้านั้นใสซื่อบริสุทธิ์ แตต่างจากครีอุสผู้ติดตามของเทพไลท์โดยสิ้นเชิง แต่เขาแตกต่างจากเทพคลาวด์คือยังสมบูรณ์ทุกประการ ไม่ได้โทรมจนดูไม่ได้ขนาดนั้น
“อืม...คงราวๆ...สามสัปดาห์ได้กระมังขอรับ”เนเฟลตอบ
“ข้าไม่แปลกใจเลยซักนิดเดียว”เทพมูนชายน์ยิ้มแห้ง “เจ้าออกไปข้างนอก แล้วบอกอาเทมิสให้เขาเอาผ้าสะอาดมาที”
“ผ้าสะอาด?”
“ชุบน้ำเย็นๆด้วยก็ดีนะ”เทพมูนชายน์บอก
“ครับ”
ว่าแล้วร่างของเนเฟลก็เลือนหายไปในพริบตา
“เจ้านี่มันซื่อซะจนเซ่อ ข้าล่ะเป็นห่วงอนาคตจริงๆ”ไลท์ว่า
“ข้า ว่าไม่น่าห่วงซักนิด ไล่จับกับเทพคลาวด์ที่ตามหาตัวยากยิ่งกว่าการจับเมฆมาสามอาทิตย์แต่กลับไม่ มีอาการเหนื่อยแบบนั้นน่ะ”เทพวินด์สตรอมจ์บ่นงึมงำ
“ครีอุส อาเทมิส”
เฮือก!!!
ชายหนุ่มทั้งสองสะดุ้งเฮือก ก่อนจะผ่อนลมหายใจเมื่อเนเฟลปรากฏร่าง
“ขอเถอะ ช่วยเดินไปเดินมาแบบคนปรกติเขาได้มั๊ยเนเฟล ข้าหัวใจจะวาย”ครีอุสบ่น
“ก็...เทพคลาวด์สอนข้ามาแบบนี้นี่”เนเฟลอึกอัก
“ไม่ต้องไปทำตามทุกอย่างก็ได้ ไม่งั้นเจ้าครีอุสคงนิสัยดีกว่านี้”อาเทมิสเชิดหน้า
“เจ้าว่าอะไรนะ!”ครีอุสโวยวาย
“ก็ข้าพูดผิดมั๊ยล่ะ ถ้าเป็นเอกอนคงพูดแรงกว่าข้าอีก”อาเทมิสว่า
“...หนวกหู...”
กึก
เด็กหนุ่มทั้งสองชะงักนิ่ง
“ท่าทางจะว่างกันมากเลยนะ ครีอุส อาเทมิส”
“...ท่าน...ท่านจัสติส...”ทั้งสองหน้าซีด
“วิ่งรอบวิหารแห่งแสงสว่างห้าสิบรอบภายในสิบนาที!”
“ค...ครับ!”ทั้งสองคนรีบวิ่งจากไปทันที
เทพ จัสติส...เทพแห่งความยุติธรรมผู้แข็งกระด้าง เขาเป็นเทพที่มีรูปร่างสูงใหญ่และดูน่าเกรงขามเป็นที่สุด ดวงตาคมกริบจนดูราวกับจะฆ่ากันให้ดับดิ้นเสียตรงนั้นทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้า แหยม ผมยาวสีดำมัดรวบสูงเป็นทรงคล้ายซามูไรญี่ปุ่นยิ่งขับให้ดูดุดัน สีผมและสีตาเป็นสีนิลกาลที่หาได้ยากในดินแดนเทพแห่งความดีงามเช่นนี้ ทำให้กลายเป็นจุดเด่นได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าวิจารณ์
“จะไม่โหดไปหน่อยรึขอรับ ท่านจัสติส”
“หากกับพวกเดียวกันเองยังไม่เด็ดขาดก็จะถือว่าข้าไม่ยุติธรรมน่ะสิ เทอร์มิส”เทพจัสติสหันมามองลูกศิษย์ผู้ติดตามตนเองมาด้วย
ใบ หน้าของเทอร์มิสนั้น แม้จะมีประกายแห่งนักรบ แต่ก็งดงามอ่อนช้อยเข้ากันได้อย่างลงตัว ยิ่งดาบที่เหน็บที่เอวนั้นเป็นดาบที่ยาวและบาง เน้นความเร็วมากกว่าพละกำลัง มันทำให้เทพจัสติสถึงกับกุมขมับไม่น้อยในตอนที่คัดเลือกเขามา แต่เทอร์มิสก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ไม่งั้นคงไม่อาจดำรงตำแหน่งนี้ได้ แม้สีผมและดวงตาจะเป็นสีดำสนิทแต่กลับไม่ได้ชั่วร้ายหรือโหดเหี้ยมอำมหิต ขนาดความเจ้าเล่ห์ยังน้อยกว่าเจ้าตัวขาวๆทองๆที่เพิ่งไล่ไปวิ่งด้วยซ้ำ
“ข้าอยากสลับเจ้ากับครีอุสจริงๆเทอร์มิสเอ๊ย”จัสติสทอดถอนใจ ลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะปรับเสียงให้แข็งกร้าวอีกครั้ง
“ถ้า พวกเจ้าอู้ข้าจะเพิ่มโทษเป็นสองเท่า โดยเฉพาะเจ้า ครีอุส!”เทพจัสติสตวาด ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมเข้าไปในตำหนัก ทิ้งเทอร์มิสที่ทำหน้าสงสารกับเนเฟลที่อ้ำๆอึ้งๆยังไม่ได้บอกเรื่องที่มูน ชายน์ไหว้วานเอาไว้ข้างนอก
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก”
“ไงล่ะ โดนท่านจัสติสลงโทษ”เทอร์มิสถอนหายใจในขณะที่ลูบหลังครีอุสให้หยุดอาการหอบเป็นบ้าเป็นหลัง
“เจ้าทนอยู่กับคนเฮี้ยบทุกกระเบียดนิ้วแบบนั้นได้ไง!”ครีอุสโวยวาย
“รู้สึกข้าจะอยู่กับท่านจัสติสตั้งแต่สิบสองขวบ นี่ก็ปีที่หกแล้วนะ”เทอร์มิสถอนหายใจ
“อ้อ อยู่มาหกปีเลยชิน...ชิ!”ครีอุสบ่นหงุงหงิง
“เจ้า น่ะยังดี อย่างน้อยก็ไม่สลบเหมือดแบบอาเทมิสนะ”เทอร์มิสหันไปมองด้านหลัง ภาพของเพื่อนร่วมรุ่นจอมหยิ่งนอนแผ่หลาหมดสภาพทำครีอุสหายเหนื่อยขึ้นมา หน่อย เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องลงไปนอนกองกับพื้นแบบนั้น
“ท่าทางจะแย่แฮะ เหมือนอาเทมิสจะเหนื่อยจัดเลย”เนเฟลว่า
“ช่างหมอนั่นเถอะ!”ครีอุสสบถ
“เจ้าเป็นผู้ติดตามของเทพแห่งความเมตตานะครีอุส”เทอร์มิสส่ายหัว
“ส่วนเจ้าก็เป็นผู้ติดตามของเทพแห่งความเด็ดขาดนะเทอร์มิส”ครีอุสย้อนกลับด้วยประโยคเดียวกัน
“พอกันทั้งคู่”เนเฟลพึมพำ
“นั่นสิน้า~ พอกันทั้งคู่จริงๆด้วย”
“เทมเพส”เนเฟลหันไปด้านข้าง จึงได้พบกับเทมเพส เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่นอนเอกขเนกอยู่บนหลังคา
เท มเพสนั้น แค่มองผ่านๆครั้งเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มเจ้าสำราญไม่น้อย ผมสีน้ำเงินเข้มของเขาพลิ้วไปตามลมดูแปลกตา เนื่องเพราะผมสีนี้คงหาใครอื่นอีกไม่ได้แล้ว ดวงตากำลังระริกระรี้อย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจอาการเดือดร้อนของเพื่อนร่วม รุ่นของตัวเองเลยที่ถูกลงโทษ แถมยังไม่วายเอาชากับขนมมานั่งชมอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ครีอุสถาม
“ก็...ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงเจ้าหลอกท่านเทพไลท์ล่ะมั๊ง”เทมเพสยิ้ม กัดคุกกี้ไปคำหนึ่งก่อนจะเอาที่เหลือมาถือไว้ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“นี่เจ้าไปหลอกอะไรท่านไลท์อีกล่ะครีอุส”เสียงเทอร์มิสเริ่มเย็นลง
“ข้าไม่ได้หลอกซักหน่อย แค่ปลุก”ครีอุสลอยหน้าลอยตาตอบ
ป๊อก!
คุกกี้ครึ่งชิ้นที่เทมเพสถือเมื่อครู่ถูกปาใส่หัวครีอุสอย่างแรง
“ไม่ได้หลอก โกหกทั้งเพ เจ้าน่ะจงใจหลอกชัดๆเลย”เทมเพสว่า
“ท่าทางจะอยากเจ็บตัวนะเทมเพส!!!”ครีอุสรีบปัดเศษขนมบนผมสีทองของตนเองออกอย่างหงุดหงิด
“จะ หาที่ระบายก็บอกมาเถอะ โดนท่านจัสติสสั่งลงโทษน่ะมันก็สมควรแล้วนี่”เทมเพสกระโดดลงมาจากหลังคา ตำหนักอย่างสบายๆ “อีกอย่าง รอให้ผีมือดาบของเจ้าได้ซักครึ่งของเคเรสก่อนเถอะค่อยมาสู้กับข้า ฝีมือดาบเจ้านี่มันไม่เอาไหนเลย”
“เจ้าพูดเหมือนเรามีเรื่องให้ใช้ดาบกันบ่อยนัก หน้าที่นั่นมันหน้าที่พวกอัศวินไม่ใช่รึไง พวกเราน่ะมันผู้ติดตามเทพนะ.”ครีอุสย้อน
“ไม่เข้าใจเล้ย...เทพไลท์ก็ออกจะเก่งรอบด้าน เจ้าน่ะหาอะไรเก่งซักด้านได้รึเปล่าล่ะ”เทมเพสยักไหล่
“อย่างน้อยข้าก็ฉลาดกว่าเจ้าแล้วกัน”ครีอุสเริ่มแสยะยิ้มชั่วร้าย โดยที่เทอร์มิสที่นั่งอยู่ใกล้สุดต้องรีบเขยิบหนี
“หลงตัวเอง นี่ล่ะน้าคนเรา”เทมเพสยิ้มยียวนอย่างไม่รู้ชะตาตัวเอง
“งั้นเจ้าก็ช่วยคิดหน่อย...ว่าที่ตำหนักเทพแห่งแสงสว่างน่ะ...มันถิ่นใคร”ครีอุสดีดนิ้วตัวเอง
แซ่กๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผลุบ!
“เฮ้ย!!!”เทมเพสร้อง เมื่ออยู่ๆพื้นหญ้านิ่มๆที่ยืนอยู่ก็กลายเป็นหลุมกว้าง
โครม!!!!!
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ กะว่าจะเอาไว้ดักเจ้าเอกอน ดันได้เอามาใช้กับเจ้าซะก่อนนะเนี่ย”ครีอุสหัวเราะ
“เจ้า! ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก! เจ้ามัน...”
“โอ๊ะๆๆๆ อย่าพูดแบบนั้นสิเทมเพสที่รัก ในฐานะผู้แทนวจนะเทพแห่งแสงสว่างผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาเช่นข้านั้น จิตใจที่แสนบริสุทธิ์ของข้ามิอาจต้านทานการเสียดสีที่รุนแรงได้แม้ว่าจะเป็น เพียงคำเอ่ยวาจาของเจ้า ข้ารู้สึกปวดใจเสียเหลือเกินที่เจ้าหลงผิด เชื่อคำผู้อื่นถึงขั้นเข้าใจข้าผิดไปเช่นนี้ ข้ารู้สึกโศกเศร้าเสียใจประดุจ...”
“อ๊ากกกกกกก ข้ายอมแพ้แล้วววววววววววววว”เทมเพสโหยหวน
“ฮึๆ รู้แล้วก็อย่ามาหาเรื่องข้าดีกว่านะเทมเพสที่รัก แล้วเทพแห่งแสงสว่างจะอยู่เคียงข้างเจ้า ฮึๆๆๆๆๆๆๆๆ”ครีอุสหัวเราะ
“...เขาพูดก็ถูกอยู่แล้วนี่...”เนเฟลพึมพำเบาๆ
“...ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก...”เทอร์มิสบ่นงึมงำ
“เจ้าครีอุสรังแกเทมเพสอีกแล้ว เฮ้อ”เทพไลท์ถอนหายใจพลางลดมือลงให้ม่านปิดสนิทดังเดิม
“เมื่อครู่ข้าว่าข้าสั่งให้เจ้านั่นวิ่งห้าสิบรอบแล้วนะ ยังไม่หมดแรงอีกรึไง”เทพจัสติสพึมพำ
“ไอ้ตัวแสบจะสิ้นฤทธิ์แค่การวิ่งรอบตำหนักได้ยังไง”เทพคลาวด์บ่น
“ข้าล่ะสงสารเทมเพส”เทพวินสตรอมจ์ถอนหายใจบ้าง
“ถ้าเนทรัวกับเคเรสมาเมื่อไหร่ คนที่จะโดนแทนคงเป็นเคเรสสินะ”เทพมูนชายน์ยิ้มอ่อนแรง
“เจ้านั่นมันฉลาดเป็นกรด...เป็น...คนที่ข้ากลัวที่สุดจริงๆ”เทพไลท์ถอนหายใจ
“ข้า ว่าไม่มั๊ง ฝีมือการต่อสู้ของครีอุสไม่เอาไหนเลย ขนาดเคเรสที่ฝึกธนูมาตั้งแต่สิบสองปียังเก่งเชิงดาบกว่าเขาที่ฝึกดาบมาแต่ แรกเสียอีก”เทพวินด์สตรอมจ์ว่า
“เจ้ายังไม่รู้ฤทธิ์ครีอุสดีน่ะสิวิ นสตรอมจ์ เชื่อข้า ในโลกนี้ข้าไม่เคยกลัวมนุษย์คนไหนเท่าครีอุสอีกแล้ว ถึงต้องดึงเขามาไว้ข้างกายไง”
“เพื่อที่เจ้าจะทำตัวเป็นฝักดาบไม่ใช้ครีอุสไปอาละวาดที่ไหนงั้นรึ”จัสติสถาม
“เปล่า ข้าแค่กลัวว่าดาร์คเนสจะดึงเขาไป ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ข้าไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเดือดร้อนมากกว่าตอนนี้ซักกี่ เท่า”เทพไลท์ถอนหายใจ
“ว่าแต่...เจ้าจะเอาจริงรึ เรื่องที่ว่าน่ะ”เทพคลาวด์ถาม
“ใช่ ในเมื่อดาร์คเนสเองก็ทำเช่นนั้น เราเองก็คงต้องเริ่มเสียที”
“เริ่มขยายอิทธิพลและลักธิของเรา ที่จะต่อต้านลักธิเทพแห่งความมืดมนของดาร์คเนส...เรื่องนี้งั้นเหรอ”มูนชายน์เอียงคอ
“จริงๆ ข้าก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาได้แล้ว เราประชุมเรื่องนี้กันมานานมากแล้วนะ”จัสติสว่า “แต่เจ้าคิดจะส่งใครไปเป็นผู้เผยแพร่คำสอนกันเทพไลท์ หรือเจ้าคิดจะให้เทพอย่างพวกเราลงไปโลกมนุษย์ด้วยตัวเอง?”
“เปล่าหรอก...ข้าไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“ก่อตั้งลักธิ!?!”เหล่าผู้ติดตามทั้งสอบสองของเทพสิบสองค์องใต้สังกัดเทพไลท์ต่างพากันขมวดคิ้ว
“ใช่ อย่างที่พวกเจ้าน่าจะได้ยินข่าวเรื่องลักธิเทพเจ้าแห่งความมืดมนในโลกมนุษย์ มาบ้างแล้ว”เทพไลท์พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะแค่เห็นสายตาของครีอุสที่ราวกับรู้ทันก็ทำเทพหนุ่มเสียวสันหลังวาบ
“คิดจะโยนงานให้พวกเราทำงั้นสิท่านไลท์”ครีอุสว่า
“เจ้ามายความว่ายังไงครีอุส”ไทรอนถาม
ไท รอน ผู้ติดตามของเทพเอิร์ธ เขาเป็นชายร่างสูบใหญ่บึกบึนไม่แพ้เทพเอิร์ธแห่งผืนปฐพีเลย ดวงตาแน่วแน่มั่นคงนั้นทำให้เชื่อมั่นได้เลยว่าชายคนนี้ไม่มีทางทรยศหักหลัง เด็ดขาด ผมยุ่งเหยิงน้อยๆที่แม้จะหวีเท่าไหร่ก็ไม่เคยเรียบของเขาเป็นเอกลักษณ์ประจำ ตัวไปนานแล้วจนเพื่อนๆเริ่มชิน [ถึงแม้เอกอนมักจะชอบพูดว่าเหมือนรังนกก็ตามเถอะ]
“ฮึ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้ว พวกท่านเหล่าเทพไม่ได้คิดจะลงไปโลกมนุษย์ด้วยตนเองแต่แรกแล้ว แต่จะส่งพวกเราลงไปแทนงั้นสิ ใช่มั๊ย?”ครีอุสว่า
“หา!?!”
“ใช่”เทพไลท์พยักหน้า “ข้าต้องการให้พวกเจ้าสิบสองคนลงไปในฐานะตัวแทนแห่งข้า...ในฐานะตัวแทนแห่งเทพแห่งแสงสว่าง”
“ทำไมต้องเป็นเทพแห่งแสงสว่าง ในเมื่อพวกข้าต่างก็รับใช้เทพของตนเองกันทั้งนั้น”อาร์เมลชักสีหน้า
อา ร์เมล เด็กหนุ่มจอมทิฐิที่กล้าเถียงแม้แต่เทพสูงสุดอย่างเทพไลท์ เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว แต่เพราะชาติกำเนิดทำให้มีผิวสีคล้ำผิดจากคนอื่นๆ ผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลัง จริงๆไม่ใช่เพราะเจ้าตัวอยากไว้หรอก แต่ไม่มีเวลาไปตัดต่างหาก ครั้งหนึ่งเขารำคาญผมตัวเองมากๆจนใช้ดาบตัดทิ้งไป แต่ก็ทำผมแหว่งไปนานทีเดียว
“หากไปโดยอ้างเทพคนละคนกันจะถือว่าเป็น คนละลักธิกันน่ะสิ ลักธิหนึ่งมีเทพได้แค่องค์เดียวเท่านั้น”เทพไลท์ส่ายหัว “ตอนแรกข้าก็ไม่ได้อยากให้พวกเจ้าเอาชื่อข้าหรอก น่าจะเอาชื่อของคนอื่น แต่อยากให้พวกเจ้าเข้าใจด้วยว่าเป้าหมายหลักของเราคือขัดขวางดาร์คเนสที่ เป็นเทพเจ้าแห่งความมืดมน ดังนั้นก็ต้องใช้ชื่อของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน เข้าใจมั๊ย?”
“ไม่!”เทพอาร์เมลตอบทันที “ข้าไม่ยอมอ้างชื่อของท่านเด็ดขาด”
“ข้า ก็ไม่อยากเหมือนกัน”เอกอนลอยหน้าลอยตาตอบ “บอกตรงๆนะว่ามันขยะแขยง ความสว่างอะไรกัน ตัวแทนแห่งความดีงามอะไรกัน ถ้าข้าต้องทำตัวอยู่ภายใต้ไอ้ความสว่างบ้าๆบอๆนี่ข้าคงอกแตกตาย”
“เอกอน!”เทอร์มิสตวาดทันทีที่เห็นเทพไลท์เริ่มหน้าเสีย
“ข้า พูดผิดตรงไหนกันล่ะเทอร์มิส! ทำไมข้าต้องไปอยู่ภายใต้ชื่อของเทพไลท์ด้วย จะให้ข้าฝืนทำตัวดีงามให้สมกับเป็นผู้แทนของเทพแห่งแสงสว่างน่ะข้าทำไม่ได้ หรอกนะ! แค่คิดข้าก็รู้สึกอยากอ๊วก ถ้าต้องไปทำจริงๆเจ้าฆ่าข้าเลยเถอะ!”
แกร็ก!!!
“งั้นข้าฆ่าเจ้าจริงๆซะเลยดีมั๊ย”เทอร์มิสเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ยังไงๆเขาก็ถูกเลี้ยงดูมาจากเทพจัสติสย่อมมี “ความน่ากลัว” ติดมาบ้างล่ะ
“เจ้าบอกว่าฝืนงั้นเหรอเอกอน หมายความว่าเจ้าไม่อยากทำตัวดีสินะ”เทพไลท์ถอนหายใจ
“ใช่ สิ จะให้ทำตัวแบบท่านน่ะนะ? ฝันไปเถอะ! จะมีไอ้บ้าตัวไหนเดินยิ้มตลอดเวลา คนตบหัวก็ไม่โกรธ แถมยังให้อภัยทุกคนแบบท่านกัน! หาเอาทั่วโลกก็ไม่เจอหรอก”
“งั้นข้าจะทำเอง”
“หา!?!”ทุกคนหันขวับ
“หาก ต้องลงไปโลกมนุษย์จริงๆ ข้าขอเสนอตัวเองเป็นผู้แทนวจนะเทพแห่งแสงสว่าง เป็นผู้นำของพวกเราทั้งสิบสองคนเอง ส่วนพวกเจ้าจะทำตัวทำนิสัยยังไงก็เรื่องของพวกเจ้า แต่ข้าจะทำตัวให้ “ดีงาม” ตามแบบของเทพแห่งแสงสว่างเพียงผู้เดียว พอใจรึยัง”
“...ครี...ครีอุส...”เคเรสคราง แค่เห็นเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มผมทองก็รู้แล้วว่า...
ครีอุสกำลังโกรธ...โกรธมาก!
“แต่ เจ้า...อย่ามาทำตัวงี่เง่าและไม่เคารพท่านไลท์เด็ดขาด!”ครีอุสหันมาตวาดใส่ เอกอนด้วยแววตาเอาเรื่อง “ท่านคือเทพ! ส่วนเราคือมนุษย์! ถึงปรกติข้าจะเหลวแหลกทำตัวไร้มารยาทกับท่านไลท์แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขต ไม่เหมือนเจ้า!!!”
“...อึก...”
“เจ้าก็เหมือนกันอาร์เมล! ไม่ว่ายังไงเทพสโตเนสก็อยู่ภายใต้การดูแลของท่านไลท์อยู่แล้ว พูดง่ายๆคือท่านไลท์ก็เปรียบเหมือนผู้ดูแลของอาจารย์ของเจ้า เจ้าจะไม่เคารพท่านไม่ได้!!!”
“ครีอุส...อย่าทำให้ข้าโมโหนะ”เทพอาร์เมลกดเสียงต่ำ
“พอได้แล้ว!!!”
“ท่านจัสติส”เคเรสคราง
“ข้า ตัดสินเอง! ตอนลงไปพวกเจ้าอยู่ภายใต้ชื่อของเทพแห่งแสงสว่าง แต่ให้แบ่งเป็นสองกลุ่ม! กลุ่มแรกแทนความเมตตาของไลท์ อีกกลุ่มแทนความเด็ดขาดโหดเหี้ยมของข้า! พอใจรึยัง!!!”เทพจัสติสตัดสิน
“นี่ๆ เดี๋ยวใครเขาก็หาว่าข้าเป็นคนสองบุคลิกหรอก เล่นแบ่งกลุ่มให้สวนทางกันแบบนี้”เทพไลท์กุมขมับ
“นั่นมันเรื่องของเจ้า!”เทพจัสติสทำตาขวางใส่เทพไลท์ ที่ตอนนี้แทบจะวิ่งไปหลบหลังผู้ติดตามของตัวเองอยู่รอมร่อ
“ครี อุส ข้ายกหน้าที่ผู้นำสูงสุดของฝ่ายความเมตตาให้เจ้า และขอมอบชื่อกลุ่มให้ว่า “กลุ่มเฮมิซ” ส่วนเทอร์มิส เจ้ารับผิดชอบ “กลุ่มโคลด์บลัดด์” ที่เป็นฝ่ายโหดเหี้ยมของข้า”จัสติสตัดสินรวบรัด ไม่ยอมให้ใครขัดทั้งสิ้น
“ฝั่งเฮมิซมีครีอุส เทมเพส เคเรส ไทรอน เนเฟล เฮฟเฟตัส ฝั่งโคลด์บลัดด์มีเทอร์มิส อาเทมิส ฮาเดส อาร์เมล เอกอน ไอซอท กลุ่มนี้พวกเจ้าจะทำตัวให้ชั่วช้ายังไงก็เรื่องของเจ้า ขอแค่อย่าให้เสื่อมเสีย “มากเกินไป” เท่านั้นพอ!”
“จริงๆครีอุสควรจะอยู่ฝั่งชั่วร้าย แล้วเอาเทอร์มิสมาไม่ใช่เหรอ”เทมเพสพึมพำกับเฮฟเฟตัส
“ข้าก็เห็นด้วยนะ”เฮฟเฟตัสพยักหน้าหงึกๆ
“แล้ว ตอนที่ลงไป ไม่ใช่แค่พวกเจ้าจะเผยแพร่ลักธิของข้าอย่างเดียว พวกเจ้าต้องกำจัดลักธิของดาร์คเนสด้วยนะ”เทพไลท์รีบพูดเมื่อเห็นเอกอ นกับอาร์เมลยอมสงบลง ถึงจะเป็นการสงบอย่างไม่พอใจก็ตาม
“งั้นก็หมายความว่าเราต้องต่อสู้สินะครับ”ครีอุสว่า
“ใช่ เพราะฉะนั้นตอนที่ลงไป...ข้าจะขอมอบตำแหน่งให้พวกเจ้า”เทพไลท์ลูบหัวครีอุสเบาๆ
“...ตำแหน่งแห่งผู้ปกปักษ์เทพ...ตำแหน่ง “เทพอัศวิน” ยังไงล่ะ...”
########################################
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น