ลำดับตอนที่ #42
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : ในอีกด้าน [2]
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“...ลูฟ...”
ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้ายิ้ม...แม้จะรู้ตัวว่านั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของชีวิต...ผมยาวจนกองลงไปกับพื้นสีเงินยวงราวกับผืนผ้าสว่างไสว ดวงตาสีแดงเลือดเช่นเดียวกับเจ้าตัวที่แม้จะดูน่ากลัว แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ไร้ที่สิ้นสุดเมื่อมองมายังตนเอง ชุดสีขาวที่ไม่เหมาะกับตัวตนของเจ้าตัวเอาซะเลย ในเมื่อเป็นถึงผู้แทนแห่งความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด แต่ไม่ว่าดูอย่างไรก็พบแต่สีขาวและสีเงินพิสุทธิ์ ราวกับเทวดาบนผืนดิน ช่างตัดกับ...โลหิตสีแดงฉานที่ตำแหน่งเดียวกับหัวใจเสียจริงๆ
“ข้าขอ...ฝาก...ที่เหลือ...ด้วย...นะ”
...ร่างตรงหน้าที่ล้มลงไป...ร่างของพี่ชายที่แสนดีคนสุดท้ายที่อยู่เคียงข้าง...
“...ไม่นะ...เซเฟอร์..”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“อ๊ะ!!!!!”ร่างบางสะดุ้งเฮือก
“...ฝัน...งั้นเหรอ...”ร่างบางพึมพำเบาๆ
...เหมือนจริง...เหลือเกิน...
...ไม่ได้ฝันถึงคืนนั้น...มานานแค่ไหนแล้วนะ...
......เซเฟอร์......
“ตื่นเร็วดีจังนะ เพิ่งหลับไปไม่ถึงสามชั่วโมงเองนี่”
“เซย์...ไอ้สารเลว”ลูฟกัดปากตัวเอง “นี่แกนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็...คงตั้งแต่ที่เจ้าหลับไปไม่ถึงชั่วโมงดีล่ะมั๊ง”
“เหอะ”ลูฟแค่นเสียง
......ขนาดมันเข้ามาเรายังม่รู้สึกตัว......
......พลังของเราตกลงไปมากจริงๆ......
“ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นกัน หือ”เซย์แสยะยิ้ม “ถ้าสงสัยเรื่องพลังของตัวเองล่ะก็...มองที่เสื้อเจ้าเองดูสิ”
แปะ...แปะ...
เลือดที่ไหล่ยังไหลออกมาไม่หยุดจนย้อมเสื้อแขนยาวของลูฟให้กลายเป็นสีแดงฉาน แผลเล็กๆที่มือที่ถูกชาเพรย์ผลักล้มนั่นก็มีเลือดไหลออกมาเช่นกัน ถึงจะไม่มากก็ตาม
“แกก็รู้นี่...ประมุขแห่งความตายไม่มีความสามารถในการสมานแผลอยู่แล้ว”ลูฟพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งๆที่อดตกใจกับปริมาณเลือดไม่ได้
......เลือดขนาดนี้...ไม่แปลกเลยที่เราจะพลังอ่อนลง......
......ถ้าปล่อยไว้แบบนี้...มีสิทธิ์ตายจริงๆแน่......
“เจ้าอยากเจอยัยนั่นมั๊ยล่ะ หือ?”
“ยัยแก่พันปีแบบนั้น ข้าจะอยากเจอนางไปทำไม”ลูฟแยกเขี้ยว
“โฮ่...คิดว่าอยากเจอคนที่แกทำร้ายนะเนี่ย”
“ไม่ได้พิศวาสเลยซักนิด ขอบใจ”ลูฟเองก็ยังคงความปากเสียคงเส้นคงวา สำหรับคนตรงหน้า
“เฮอะ เหลือเวลาอีกเจ็ดสิบชั่วโมงก่อนจะถึงเที่ยงคืนของวันจันทร์เต็มดวง เอาเวลามานั่งสำนึกเสียใจซะเถอะ”เซย์แค่นเสียง
“ถามจริงๆเถอะเซย์...แกจะเอาเส้นผมของข้าไปทำอะไร คงไม่ใช่บอกว่าเอาไปอาละวาดบนโลกมนุษย์จริงๆอย่างที่ข้าบอกหรอกนะ”ลูฟเอ่ยถาม
“เปล่า”เซย์แสยะยิ้ม รู้สึกสะใจอย่างประหลาดที่จะได้บอกสาเหตุให้ร่างบางฟัง
“ข้าจะเอาไป...สังหารเทพอัศวินครีอุส”
“อะไรนะ!!!”
“เจ้าไม่รู้รึไง เกษาพฤกษกของเจ้าน่ะมีพลังขนาดไหน มันเป็นพลังมืดขั้นสุดยอดที่แฝงไปด้วยพลังสว่างอันน่ากลัว...หากได้มาในปริมาณที่มากพอสามารถใช้ฟื้นคืนชีพได้แม้จะเหลือแต่วิญญาณเชียวนะ”
“...บ้าน่า...มันไม่น่า...จะมีพลังขนาดนั้น...”ลูฟคราง
“ก็เจ้ารุ่นที่สี่มันดันปิดบังเอาไว้น่ะสิ!!!”เซย์กำหมัดแน่น “กว่าพวกเราประมุขแห่งความตายจะรู้ก็ผ่านไปกว่าพันปี กว่าจะค้นพบความจริง! ฮึ ข้าน่าจะคิดได้แต่แรกแล้วว่าทำไมมันถึงขนาดยอมตายเพื่อสืบทอดพลังให้เจ้า!!!”
“...เซเฟอร์...”ลูฟครางเบาๆ
เซเฟอร์...เซฟิวรอธ...ประมุขแห่งความตายรุ่นที่สี่ ชายหนุ่มร่างสูงที่เหมาะกับตำแหน่งเทพมากกว่าปิศาจ ร่างสูงสง่าที่งดงามและแข็งแกร่ง กับความสามารถรอบด้านที่น่าจะเหมากับคำว่า “แข็งแกร่งที่สุด” มากกว่าตนเอง หากแต่ลูฟกลับเป็นฝ่ายได้ฉายานั้นมา และเซฟิวรอธกลับต้องตายลง
“รู้มั๊ยล่ะ...เจ้านั่นเลือกที่จะตายแทนที่จะเผยความลับ เพื่อปกป้องแก!!!”เซย์ตะคอกอย่างบ้าคลั่ง “มันช่างโง่! โง่จริงๆที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อคนที่ไม่ใช่แม้แต่น้องชายแท้ๆด้วยซ้ำ!!!”
“อย่ามาว่าเซเฟอร์นะ! ไม่เกี่ยวทางสายเลือดแล้วจะทำไม! ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพี่ชายคนเดียวของข้า!!!”ลูฟยืนยัน
“ฮึ...จะพูดคำนั้นได้อีกนานแค่ไหนกัน...ยังไงแกก็ต้องตายตามมันไปอยู่ดี”เซย์แสยะยิ้ม “การเสียสละของมันช่างเสียเปล่า...สุดท้ายพวกเราประมุขแห่งความตายก็หาทางแก้แค้นพวกเทพอัศวินพวกนั้นจนได้”
“...กรอด...”
“นั่นสินะ...แค่ใช้เลือดของแกผสมกับเลือดของหนึ่งในเทพอัศวินแล้วเทลงไปในเกษาพฤกษก...แค่นั้นก็จะเกิดคำสาปที่จะตามฆ่าล้างทำลายผู้สืบทอดและดวงวิญญาณทุกดวงที่เกี่ยวของกับเทพอัศวินแล้ว!!!!!”
วิ้ว...
“ไม่อยากเชื่อจริงๆ...ว่าวันนี้จะมาถึง”
ครืด...
“นายท่าน...เวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้วครับ”ภูติตนหนึ่งเข้ามารายงานแก่นายของตน
“ข้ารู้...เพราะข้ารอเวลานี้มานานมากแล้ว”ผู้ถูกเรียกว่า “นายท่าน” ตอบ แววตาเป็นประกายอย่างคาดหวัง
“ไม่ทราบว่าที่นั่นจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนนะครับ นายท่าน”ภูติน้อยอดดีใจแทนนายตนเองไม่ได้ที่ “สิ่งที่รอมานาน” จะสมหวังเสียที
“ถึงจะเปลี่ยนไปแค่ไหน...เขาก็จะไม่เปลี่ยน ข้าเชื่อเช่นนั้น”
......เจ้าล่ะ...ลืมข้าไปรึยัง......
......ข้าเชื่อ...เชื่อในหัวใจของเจ้านะ......
“อีกสามวันจะเป็นคืนจันทร์เต็มดวง เจ้าวิญญาณบาปผู้ไม่รู้ตนเองกำลังจะประกอบพิธีต้องห้ามโดยเสียสละหนึ่งในพวกพ้องของตนครับ”
“ผู้ครองเกษาพฤกษกเป็นพวกของประมุขแห่งความตายงั้นหรือ แปลกจริง?”
“เรียกให้ถูกคงเป็นรุ่นที่สองครับ”ภูติน้อยรายงาน “ผู้ครองเกษาพฤกษกที่แท้จริงนั้นได้แตกสลายไปแล้ว ไม่อาจกลับมาได้อีกตลอดกาล แต่ก่อนที่จะจากไปได้ทิ้งพลังทั้งหมดเอาไว้กับน้องชายของตน”
“ถึงเป็นประมุขแห่งความตายก็ยังมีหัวใจ...ข้อนี้ข้ารู้ดี”
“ท่านจะทำยังไงครับ?”
“ถึงเป็นประมุขแห่งความตายก็ไม่ควรต้องมาตายลงแบบนี้...น่าสงสารเกินไป”นายของวิญญาณภูติกล่าวสั้นๆ
“ข้ารับคำ จะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”ภูติน้อยกล่าวอย่างรู้ดี
“อย่า!”
“เอ๋???”
“ขืนข้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า...เขาคงรู้แน่ว่าข้าตื่นแล้ว”
“อ้าว ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอขอรับ?”
“...ข้ายังไม่กล้าสู้หน้าเขา...”ผู้พูดเอ่ย แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“โธ่นายท่าน! ท่านพรากจากเขามาหลายพันปีแล้วนะขอรับ พอถึงเวลากลับไม่กล้าเจอหน้าเนี่ยนะ!!!”
“ก็ข้า...อายนี่นา”
“นายท่านคร้าบ ข้าสงสารเขานะเนี่ย เขาคงรอท่านเก้อแน่ๆคราวนี้”
“เฮ้อ...ก็คนมันไม่กล้านี่นา”
“เอาเป็นว่าข้าจะทำอย่างระมัดระวังแล้วกันครับ”ภูติน้อยจนปัญญาจริงๆ
ปัง!!!
เสียงถีบประตูดังลั่นชนิดไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร ทำเอาเอกอนที่กำลังหลับสบายสะดุ้งโหยง เกือบซัดมีดสั้นออกไปเสียแล้ว
“กลับมาแล้ว”ไอซอทเอ่ยขัดคอ
“อ้าว ข้าคิดว่าเฮฟ...เฮ้ย!!!”
เฮฟเตตัสเข้ามาในบ้านด้วยอารมณ์กรุ่นๆที่ท่าทางไฟเพิ่งจะมอด แต่ที่เอกอนร้องน่ะ...ไม่ใช่เพราะรอยแดงเป็นปื้นที่แก้มของไอซอท แต่เป็นเพราะเทพอัศวินที่มีใบหน้าเย็นชาตลอดเวลาอย่างไอซอท...ยิ้ม!!!
แถมเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วย! เห็นแค่นี้เอกอนก็ตบหน้าตัวเองอย่างอึ้งๆ
“นี่ข้ายังไม่ตื่นเหรอ”เอกอนพึมพำ
“เออ! เจ้ายังไม่ตื่น หลับต่อไปซะไป๊!!!”
พลั่ก!!!
เฮฟเตตัสต่อยท้องเอกอนอย่างแรงจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวสลบคาที่
“เจ้าจะบ้าความรุนแรงมากไปรึเปล่า”ไอซอทถามทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่
“เลิกยิ้มแบบนั้นเลยนะ! แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเชียว! ไอ้น้ำแข็งจอมปลอม!!!”
“เจ้ามันก็ไฟเด็กเล่นพอๆกันแหละ”คำตอกกลับทำเฮฟเตตัสสะอึก
......บทมันจะกวน...มันก็กวนได้ใจจริงว๊อย!!!......
“นั่นมันเรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า!!!”เฮฟเตตัสว๊าก
“เกี่ยวสิ”
“บอกว่าไม่เกี่ยวไง เอ๊ะ!”
“งั้นข้าต้องตอกย้ำอีกครั้งมั๊ย”ไอซอทขู่
“ไม่ต้อง!!!!!”เฮฟเตตัสร้องลั่นจนเคเรสชะโงกหน้าออกมาอย่างงงๆ
“นี่พวกเจ้าสองคนทะเลาะเรื่องอะไรกัน เสียงดังไปถึงข้างนอกแน่ะ”เคเรสเดินเข้ามาในล้อบบี้บ้าง “แล้วเอกอนเป็นอะไรไป ทำไมน้ำลายฟูมปากแบบนั้นล่ะ?”
“ข้าไม่กินข้าวเย็น เคเรส! เจ้าเอาไปวางหน้าห้องข้านะ!!!”เฮฟเตตัสผลุนผลันจากไป
“ไอซอท เฮฟเตตัสซื้อสร้อยคอใหม่เหรอ?”เคเรสถามอย่างแปลกใจ เพราะเฮฟเตตัสเป็นคนไม่ชอบเครื่องประดับชนิดใดๆนอกจากสายคาดดาบเท่านั้นที่จะพิถีพิถันเป็นพิเศษ
“...ฮึๆ...”ไอซอทหัวเราะในลำคอ
“แต่...ทำไมมันดูเหมือนเป็นผ้ารัดคอ...ไม่สิ...มันรัดเกินไปจนดูเหมือนเป็นปลอกคอมากกว่านะเนี่ย”เคเรสขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้าไปถามเจ้าตัวเอาเองสิ”ไอซอทตอบ
“แต่ข้าว่าเจ้านั่นคงไม่ตอบหรอก”
“เทมเพส”เคเรสกระพริบตาปริบๆ
“เจ้านี่ก็เหลือเกินจริงๆไอซอท เห็นเงียบๆไม่คิดว่าจะเอาเรื่องขนาดนี้”เทมเพสหลิ่วตาให้เจ้าของฉายาเทพแห่งความเย็นชา
“คราวหน้าถ้ามีลมของเจ้าหรือเนเฟลอยู่รอบๆ ข้าจะจับแช่แข็งมันให้หมดทั้งลมทั้งเจ้าของ”ไอซอทพูดเสียงเย็น
“ไม่เอาหรอก ข้ารู้ดีว่าใครควรยุ่งใครไม่ควรยุ่ง และเจ้าอยู่จำพวกหลัง”เทมเพสว่า
“นี่พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ”เคเรสกระพริบตาปริบๆ
“เจ้ามันช่างน่าสงสารจริงๆ ขนาดเจ้าหญิงแอนน์ยังจะรู้เรื่องพรรค์นี้มากกว่าเจ้าเลย”เทมเพสถอนหายใจแล้วส่ายหัว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“...ลูฟ...”
ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้ายิ้ม...แม้จะรู้ตัวว่านั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของชีวิต...ผมยาวจนกองลงไปกับพื้นสีเงินยวงราวกับผืนผ้าสว่างไสว ดวงตาสีแดงเลือดเช่นเดียวกับเจ้าตัวที่แม้จะดูน่ากลัว แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ไร้ที่สิ้นสุดเมื่อมองมายังตนเอง ชุดสีขาวที่ไม่เหมาะกับตัวตนของเจ้าตัวเอาซะเลย ในเมื่อเป็นถึงผู้แทนแห่งความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด แต่ไม่ว่าดูอย่างไรก็พบแต่สีขาวและสีเงินพิสุทธิ์ ราวกับเทวดาบนผืนดิน ช่างตัดกับ...โลหิตสีแดงฉานที่ตำแหน่งเดียวกับหัวใจเสียจริงๆ
“ข้าขอ...ฝาก...ที่เหลือ...ด้วย...นะ”
...ร่างตรงหน้าที่ล้มลงไป...ร่างของพี่ชายที่แสนดีคนสุดท้ายที่อยู่เคียงข้าง...
“...ไม่นะ...เซเฟอร์..”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“อ๊ะ!!!!!”ร่างบางสะดุ้งเฮือก
“...ฝัน...งั้นเหรอ...”ร่างบางพึมพำเบาๆ
...เหมือนจริง...เหลือเกิน...
...ไม่ได้ฝันถึงคืนนั้น...มานานแค่ไหนแล้วนะ...
......เซเฟอร์......
“ตื่นเร็วดีจังนะ เพิ่งหลับไปไม่ถึงสามชั่วโมงเองนี่”
“เซย์...ไอ้สารเลว”ลูฟกัดปากตัวเอง “นี่แกนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็...คงตั้งแต่ที่เจ้าหลับไปไม่ถึงชั่วโมงดีล่ะมั๊ง”
“เหอะ”ลูฟแค่นเสียง
......ขนาดมันเข้ามาเรายังม่รู้สึกตัว......
......พลังของเราตกลงไปมากจริงๆ......
“ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นกัน หือ”เซย์แสยะยิ้ม “ถ้าสงสัยเรื่องพลังของตัวเองล่ะก็...มองที่เสื้อเจ้าเองดูสิ”
แปะ...แปะ...
เลือดที่ไหล่ยังไหลออกมาไม่หยุดจนย้อมเสื้อแขนยาวของลูฟให้กลายเป็นสีแดงฉาน แผลเล็กๆที่มือที่ถูกชาเพรย์ผลักล้มนั่นก็มีเลือดไหลออกมาเช่นกัน ถึงจะไม่มากก็ตาม
“แกก็รู้นี่...ประมุขแห่งความตายไม่มีความสามารถในการสมานแผลอยู่แล้ว”ลูฟพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งๆที่อดตกใจกับปริมาณเลือดไม่ได้
......เลือดขนาดนี้...ไม่แปลกเลยที่เราจะพลังอ่อนลง......
......ถ้าปล่อยไว้แบบนี้...มีสิทธิ์ตายจริงๆแน่......
“เจ้าอยากเจอยัยนั่นมั๊ยล่ะ หือ?”
“ยัยแก่พันปีแบบนั้น ข้าจะอยากเจอนางไปทำไม”ลูฟแยกเขี้ยว
“โฮ่...คิดว่าอยากเจอคนที่แกทำร้ายนะเนี่ย”
“ไม่ได้พิศวาสเลยซักนิด ขอบใจ”ลูฟเองก็ยังคงความปากเสียคงเส้นคงวา สำหรับคนตรงหน้า
“เฮอะ เหลือเวลาอีกเจ็ดสิบชั่วโมงก่อนจะถึงเที่ยงคืนของวันจันทร์เต็มดวง เอาเวลามานั่งสำนึกเสียใจซะเถอะ”เซย์แค่นเสียง
“ถามจริงๆเถอะเซย์...แกจะเอาเส้นผมของข้าไปทำอะไร คงไม่ใช่บอกว่าเอาไปอาละวาดบนโลกมนุษย์จริงๆอย่างที่ข้าบอกหรอกนะ”ลูฟเอ่ยถาม
“เปล่า”เซย์แสยะยิ้ม รู้สึกสะใจอย่างประหลาดที่จะได้บอกสาเหตุให้ร่างบางฟัง
“ข้าจะเอาไป...สังหารเทพอัศวินครีอุส”
“อะไรนะ!!!”
“เจ้าไม่รู้รึไง เกษาพฤกษกของเจ้าน่ะมีพลังขนาดไหน มันเป็นพลังมืดขั้นสุดยอดที่แฝงไปด้วยพลังสว่างอันน่ากลัว...หากได้มาในปริมาณที่มากพอสามารถใช้ฟื้นคืนชีพได้แม้จะเหลือแต่วิญญาณเชียวนะ”
“...บ้าน่า...มันไม่น่า...จะมีพลังขนาดนั้น...”ลูฟคราง
“ก็เจ้ารุ่นที่สี่มันดันปิดบังเอาไว้น่ะสิ!!!”เซย์กำหมัดแน่น “กว่าพวกเราประมุขแห่งความตายจะรู้ก็ผ่านไปกว่าพันปี กว่าจะค้นพบความจริง! ฮึ ข้าน่าจะคิดได้แต่แรกแล้วว่าทำไมมันถึงขนาดยอมตายเพื่อสืบทอดพลังให้เจ้า!!!”
“...เซเฟอร์...”ลูฟครางเบาๆ
เซเฟอร์...เซฟิวรอธ...ประมุขแห่งความตายรุ่นที่สี่ ชายหนุ่มร่างสูงที่เหมาะกับตำแหน่งเทพมากกว่าปิศาจ ร่างสูงสง่าที่งดงามและแข็งแกร่ง กับความสามารถรอบด้านที่น่าจะเหมากับคำว่า “แข็งแกร่งที่สุด” มากกว่าตนเอง หากแต่ลูฟกลับเป็นฝ่ายได้ฉายานั้นมา และเซฟิวรอธกลับต้องตายลง
“รู้มั๊ยล่ะ...เจ้านั่นเลือกที่จะตายแทนที่จะเผยความลับ เพื่อปกป้องแก!!!”เซย์ตะคอกอย่างบ้าคลั่ง “มันช่างโง่! โง่จริงๆที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อคนที่ไม่ใช่แม้แต่น้องชายแท้ๆด้วยซ้ำ!!!”
“อย่ามาว่าเซเฟอร์นะ! ไม่เกี่ยวทางสายเลือดแล้วจะทำไม! ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพี่ชายคนเดียวของข้า!!!”ลูฟยืนยัน
“ฮึ...จะพูดคำนั้นได้อีกนานแค่ไหนกัน...ยังไงแกก็ต้องตายตามมันไปอยู่ดี”เซย์แสยะยิ้ม “การเสียสละของมันช่างเสียเปล่า...สุดท้ายพวกเราประมุขแห่งความตายก็หาทางแก้แค้นพวกเทพอัศวินพวกนั้นจนได้”
“...กรอด...”
“นั่นสินะ...แค่ใช้เลือดของแกผสมกับเลือดของหนึ่งในเทพอัศวินแล้วเทลงไปในเกษาพฤกษก...แค่นั้นก็จะเกิดคำสาปที่จะตามฆ่าล้างทำลายผู้สืบทอดและดวงวิญญาณทุกดวงที่เกี่ยวของกับเทพอัศวินแล้ว!!!!!”
วิ้ว...
“ไม่อยากเชื่อจริงๆ...ว่าวันนี้จะมาถึง”
ครืด...
“นายท่าน...เวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้วครับ”ภูติตนหนึ่งเข้ามารายงานแก่นายของตน
“ข้ารู้...เพราะข้ารอเวลานี้มานานมากแล้ว”ผู้ถูกเรียกว่า “นายท่าน” ตอบ แววตาเป็นประกายอย่างคาดหวัง
“ไม่ทราบว่าที่นั่นจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนนะครับ นายท่าน”ภูติน้อยอดดีใจแทนนายตนเองไม่ได้ที่ “สิ่งที่รอมานาน” จะสมหวังเสียที
“ถึงจะเปลี่ยนไปแค่ไหน...เขาก็จะไม่เปลี่ยน ข้าเชื่อเช่นนั้น”
......เจ้าล่ะ...ลืมข้าไปรึยัง......
......ข้าเชื่อ...เชื่อในหัวใจของเจ้านะ......
“อีกสามวันจะเป็นคืนจันทร์เต็มดวง เจ้าวิญญาณบาปผู้ไม่รู้ตนเองกำลังจะประกอบพิธีต้องห้ามโดยเสียสละหนึ่งในพวกพ้องของตนครับ”
“ผู้ครองเกษาพฤกษกเป็นพวกของประมุขแห่งความตายงั้นหรือ แปลกจริง?”
“เรียกให้ถูกคงเป็นรุ่นที่สองครับ”ภูติน้อยรายงาน “ผู้ครองเกษาพฤกษกที่แท้จริงนั้นได้แตกสลายไปแล้ว ไม่อาจกลับมาได้อีกตลอดกาล แต่ก่อนที่จะจากไปได้ทิ้งพลังทั้งหมดเอาไว้กับน้องชายของตน”
“ถึงเป็นประมุขแห่งความตายก็ยังมีหัวใจ...ข้อนี้ข้ารู้ดี”
“ท่านจะทำยังไงครับ?”
“ถึงเป็นประมุขแห่งความตายก็ไม่ควรต้องมาตายลงแบบนี้...น่าสงสารเกินไป”นายของวิญญาณภูติกล่าวสั้นๆ
“ข้ารับคำ จะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”ภูติน้อยกล่าวอย่างรู้ดี
“อย่า!”
“เอ๋???”
“ขืนข้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า...เขาคงรู้แน่ว่าข้าตื่นแล้ว”
“อ้าว ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอขอรับ?”
“...ข้ายังไม่กล้าสู้หน้าเขา...”ผู้พูดเอ่ย แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“โธ่นายท่าน! ท่านพรากจากเขามาหลายพันปีแล้วนะขอรับ พอถึงเวลากลับไม่กล้าเจอหน้าเนี่ยนะ!!!”
“ก็ข้า...อายนี่นา”
“นายท่านคร้าบ ข้าสงสารเขานะเนี่ย เขาคงรอท่านเก้อแน่ๆคราวนี้”
“เฮ้อ...ก็คนมันไม่กล้านี่นา”
“เอาเป็นว่าข้าจะทำอย่างระมัดระวังแล้วกันครับ”ภูติน้อยจนปัญญาจริงๆ
ปัง!!!
เสียงถีบประตูดังลั่นชนิดไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร ทำเอาเอกอนที่กำลังหลับสบายสะดุ้งโหยง เกือบซัดมีดสั้นออกไปเสียแล้ว
“กลับมาแล้ว”ไอซอทเอ่ยขัดคอ
“อ้าว ข้าคิดว่าเฮฟ...เฮ้ย!!!”
เฮฟเตตัสเข้ามาในบ้านด้วยอารมณ์กรุ่นๆที่ท่าทางไฟเพิ่งจะมอด แต่ที่เอกอนร้องน่ะ...ไม่ใช่เพราะรอยแดงเป็นปื้นที่แก้มของไอซอท แต่เป็นเพราะเทพอัศวินที่มีใบหน้าเย็นชาตลอดเวลาอย่างไอซอท...ยิ้ม!!!
แถมเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วย! เห็นแค่นี้เอกอนก็ตบหน้าตัวเองอย่างอึ้งๆ
“นี่ข้ายังไม่ตื่นเหรอ”เอกอนพึมพำ
“เออ! เจ้ายังไม่ตื่น หลับต่อไปซะไป๊!!!”
พลั่ก!!!
เฮฟเตตัสต่อยท้องเอกอนอย่างแรงจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวสลบคาที่
“เจ้าจะบ้าความรุนแรงมากไปรึเปล่า”ไอซอทถามทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่
“เลิกยิ้มแบบนั้นเลยนะ! แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเชียว! ไอ้น้ำแข็งจอมปลอม!!!”
“เจ้ามันก็ไฟเด็กเล่นพอๆกันแหละ”คำตอกกลับทำเฮฟเตตัสสะอึก
......บทมันจะกวน...มันก็กวนได้ใจจริงว๊อย!!!......
“นั่นมันเรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า!!!”เฮฟเตตัสว๊าก
“เกี่ยวสิ”
“บอกว่าไม่เกี่ยวไง เอ๊ะ!”
“งั้นข้าต้องตอกย้ำอีกครั้งมั๊ย”ไอซอทขู่
“ไม่ต้อง!!!!!”เฮฟเตตัสร้องลั่นจนเคเรสชะโงกหน้าออกมาอย่างงงๆ
“นี่พวกเจ้าสองคนทะเลาะเรื่องอะไรกัน เสียงดังไปถึงข้างนอกแน่ะ”เคเรสเดินเข้ามาในล้อบบี้บ้าง “แล้วเอกอนเป็นอะไรไป ทำไมน้ำลายฟูมปากแบบนั้นล่ะ?”
“ข้าไม่กินข้าวเย็น เคเรส! เจ้าเอาไปวางหน้าห้องข้านะ!!!”เฮฟเตตัสผลุนผลันจากไป
“ไอซอท เฮฟเตตัสซื้อสร้อยคอใหม่เหรอ?”เคเรสถามอย่างแปลกใจ เพราะเฮฟเตตัสเป็นคนไม่ชอบเครื่องประดับชนิดใดๆนอกจากสายคาดดาบเท่านั้นที่จะพิถีพิถันเป็นพิเศษ
“...ฮึๆ...”ไอซอทหัวเราะในลำคอ
“แต่...ทำไมมันดูเหมือนเป็นผ้ารัดคอ...ไม่สิ...มันรัดเกินไปจนดูเหมือนเป็นปลอกคอมากกว่านะเนี่ย”เคเรสขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้าไปถามเจ้าตัวเอาเองสิ”ไอซอทตอบ
“แต่ข้าว่าเจ้านั่นคงไม่ตอบหรอก”
“เทมเพส”เคเรสกระพริบตาปริบๆ
“เจ้านี่ก็เหลือเกินจริงๆไอซอท เห็นเงียบๆไม่คิดว่าจะเอาเรื่องขนาดนี้”เทมเพสหลิ่วตาให้เจ้าของฉายาเทพแห่งความเย็นชา
“คราวหน้าถ้ามีลมของเจ้าหรือเนเฟลอยู่รอบๆ ข้าจะจับแช่แข็งมันให้หมดทั้งลมทั้งเจ้าของ”ไอซอทพูดเสียงเย็น
“ไม่เอาหรอก ข้ารู้ดีว่าใครควรยุ่งใครไม่ควรยุ่ง และเจ้าอยู่จำพวกหลัง”เทมเพสว่า
“นี่พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ”เคเรสกระพริบตาปริบๆ
“เจ้ามันช่างน่าสงสารจริงๆ ขนาดเจ้าหญิงแอนน์ยังจะรู้เรื่องพรรค์นี้มากกว่าเจ้าเลย”เทมเพสถอนหายใจแล้วส่ายหัว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น