คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Short Fic. || A Dragon's Affair (Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 1
Title
: A Dragon’s Affair
Author
: Fengmii
Pairing
: Thorki
Genre
: Short Fiction (1/??)
Notes
: เทพนิยายมักจบลงด้วยเจ้าชายฆ่ามังกรแล้วแต่งงานกับเจ้าหญิง
แต่ถ้า...มังกรที่ว่านี่ไม่ใช่สัตว์ร้ายบ้าคลั่งอย่างที่ทุกคนคิดล่ะ?
ร่างของคนรับใช้สาวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวหยิบถาดที่วางชุดน้ำชามาถือไว้แล้วจ้ำออกจากห้องครัว
เธอเดินเข้าไปในโถงทางเดินหินมืดที่มีคบเพลิงอยู่บนกำแพงเป็นระยะ
คนรับใช้อีกคนกำลังเดินมา ทันทีที่เธอคนนั้นเห็นว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวก็รีบก้มหัวลงแล้วเดินผ่านสาวน้อยไป
ดวงตาสีน้ำตาลมองตามแผ่นหลังนั้นครู่หนึ่ง
ก่อนจะผ่อนลมหายใจ
คงจะมาใหม่เลยเกร็งสินะ
เด็กสาวกระชับมือที่อยู่ตรงหูจับถาดแล้วก้าวเดินต่อไป
ชายกระโปรงผ้าเนื้อไม่ดีนักแต่ก็ไม่ได้แย่จนดูน่าเกลียดสำหรับคนรับใช้ในปราสาทของเชื้อพระวงศ์ลอยอยู่เหนือพื้น
ตรงกับข้อเท้าที่มีรอยแผลจากสายรัดรองเท้าหนังที่บางครังก็รัดขึ้นมารอบนั้นแน่นเกินไป
จีบบนกระโปรงหมุนเล็กน้อยเมื่อเจ้าของหยุดลงตรงหน้าห้องหนึ่ง
บานประตูไม้ประดับด้วยลวดลายที่ทำจากทองคำเป็นรูปต้นไม้ใหญ่ทั้งสองบาน
“องค์หญิงเพคะ
ชุดน้ำชายามดึกที่ท่านสั่งไปเพคะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน
“องค์หญิงเพคะ?”
คนรับใช้เรียกอีกครั้ง
บางทีองค์หญิงอาจหลับจนไม่ได้ยินก็ได้
“องค์หญิง...”
มือที่เต็มไปด้วยร่องรอยหลายอย่างและสากกร้านจากการทำงานอันเป็นสิ่งหายากสำหรับเด็กสาววัยเดียวกันยกขึ้นเคาะ
ทันทีที่นิ้วแตะกับบานประตูไม้สีเข้ม
มันก็แง้มออก
คิ้วของเธอขมวดลง
ร่างเล็กบางค่อยๆชะโงกเข้าไปด้านในห้องนอนก่อน
แล้วจึงขยับส่วนที่เหลือตาม
เธอเดินไปยังเตียงขนาดใหญ่สี่เสาทางขวา ผ้ากำมะหยี่ขึงอยู่เหนือเตียงทำหน้าที่เป็นหลังคาที่ถูกปักด้านล่างเป็นลายการเรียงตัวของดาวให้ผู้ที่นอนในนั้นได้มอง
หมู่ดาวมีมากเหลือเกินจนต้องปักบนผ้าม่านโปร่งบางที่รายล้อมขอบเตียงทั้งสี่ด้านด้วย
สาวน้อยเอื้อมมือไปแตะผ้าม่าน
กำมันไว้กับมือแล้วดึงไปด้านข้าง
เผยให้เห็นเตียงคลุมด้วยผ้าห่มที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย
“โอ้ องค์หญิง...” เธอผ่อนลมหายใจ
วางถาดชาสีขาวลงกับโต๊ะไม้เนื้อดีข้างเตียงแล้วเอื้อมมือไปจับชายผ้าขาวนุ่มที่คลุมหมอนอยู่ครึ่งหนึ่ง
“ทรงประทับอยู่ตรงนี้นี่เอง
อย่าแกล้งหม่อมฉันอีกนะเพค-”
ผ้าห่มถูกเลิกออก
เตียงที่ว่างเปล่ามีเพียงหมอนสองสามใบและหมอนข้างยาววางไว้ทำให้ดูเหมือนกับมีคนนอนอยู่เท่านั้น
และแล้ว ทั้งปราสาทก็ตื่นตัวขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกของเอลลี่
นางกำนัลประจำตัวขององค์หญิงแห่งอาณาจักวานาไฮม์
“แย่แล้ว! ใครก็ได้ตามพระราชากับองค์ราชินีมาที!!
องค์หญิงซิฟทรงหายตัวไป...อีกแล้ว!!”
อีกมุมหนึ่งของปราสาท
หญิงสาวในชุดนางกำนัลสีขาวรีบหมุนตัวหลบเข้ามุมของซุ้มประตูหินเมื่อเห็นร่างของทหารคู่หนึ่งวิ่งเหยาะๆมา
ทั้งสองผ่านช่องประตูไปโดยเมินเฉยร่างบางที่อยู่หลังทางเข้า
ดวงตาสีน้ำตาลมองตามครู่เดียวก่อนจะตวัดกลับตามร่างของเจ้าของที่รีบสงวนท่าทีเดินออกไป
เธอเคลื่อนกายผ่านกลุ่มคนรับใช้ที่กำลังคุยซุบซิบคิกคักกันอยู่นอกครัวและแทรกตัวไปตามต้นไม้ในสวนหน้าปราสาทอย่างเงียบเชียบโดยหลีกเลี่ยงทหารยามให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มือบางเอื้อมออกไปเปิดประตูคอกม้าที่ทำจากไม้หลังจากที่เข้าไปในโรงม้า
บานพับส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ หญิงสาวเดินเข้าไปในนั้น ตรงไปหาอาชาสีน้ำตาลซึ่งมีลายจุดสีขาวกลุ่มหนึ่งบนหน้าผากและถุงเท้าสีเดียวกันบนสองขาหน้า
ปากคาดบังเหียนเรียบร้อย
เธอเอื้อมมือไปที่มุมอับของคอกที่ถูกบังไว้โดยม้าดังกล่าว
ล้วงเอากระเป๋าหนังแบบที่จะคาดไว้ตรงสีข้างของม้าเวลาเทียมอานขึ้นมาถือ
มันนูนออกคล้ายกับมีอะไรยัดอยู่ในนั้น
ร่างบางในชุดกระโปรงมองซ้ายมองขวา
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงดึงสายเข็มขัดหนังที่ยึดช่องกระเป๋าเอาไว้ออก
ยื่นมือลงไปจับวัตถุในนั้นแล้วดึงออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นห่อผ้าเรียบๆ
เธอขัดเข็มขัดกลับ
พลิกไปอีกด้านแล้วดึงเข็มขัดช่องกระเป๋าด้านตรงข้ามออก
ในนั้นคือเสื้อผ้าเนื้อธรรมดาสองสามชุด
มุมปากยกขึ้นอย่างพึงพอใจ
มือบางรีบจัดการปิดช่องให้เรียบร้อยแล้วคว้าสายเข็มขัดหนังอีกสองเส้นขึ้นมา
เส้นหนึ่งคาดไว้ด้วยดาบยาว อีกเส้นหนึ่งสั้นกว่ามากและเป็นกริชขนาดกลาง
ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่พอดีมือ
เธอเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นคาดหลังม้าและรัดสายหนังใต้ท้องของมันอย่างเร่งรีบ
รัดสายหนังคาดกริชไว้ที่ขาอ่อนใต้กระโปรง มัดดาบยาวเข้ากับกระเป๋าด้านซ้ายของม้าแล้วเปิดประตูคอก
รีบตวัดผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาคลุมไหล่ มัดสายรัดผ้าคลุมขณะเหวี่ยงตัวขึ้นไปและดึงบังเหียน
พามันออกจากโรงม้า
เจ้าม้าควบขับไปถึงหน้าวังและออกไปจากบริเวณได้แล้วในตอนที่หูได้ยินเสีงตะโกนใส่กันเบื้องหลัง
“องค์หญิงซิฟหายตัวไป องค์หญิงหายไปแล้ว!!”
เธอกรอกตา
ยังกะว่าเธอหนีออกจากวังครั้งนี้ครั้งแรก
พวกเขาหยุดลงตรงร้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่ยังคงเปิดไฟอยู่
ป้ายไม้ห้อยอยู่เหนือถนน ยื่นออกมาจากกำแพงร้านและสลักเป็นรูปขวดยา
ร่างบางหย่อนตัวลงและรีบเดินเข้าไป
ภายในร้านประดับไปด้วยชั้นไม้ที่มีขวดยาสารพัดชนิดจับจองพื้นที่
กลิ่นสมุนไพรอบอวลไปทั่ว
หลังเค้าน์เตอร์คือร่างสูงชะลูดของชายหนุ่มคนหนึ่ง
เขากำลังง่วนอยู่กับอะไรบางอย่างก่อนจะหันมาเห็นเธอ
มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมสั้นสีน้ำตาลทองที่ปรกหน้าปรกตาเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มให้
“เป็นไงบ้างล่ะ
ครั้งนี้ท่านหนีออกมาทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลานอนสำเร็จแล้วนะ ยินดีด้วย”
เธอกอดอก
พ่นลมออกจากรูจมูกแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“เกือบถูกจับได้แล้วน่ะสิ
ข้าเดินสวนกับเอลลี่ระหว่างทาง กลัวแทบตายว่านางจะจำได้”
คู่สนทนาหัวเราะหึหึ
“เป็นเรื่องดีที่นางไม่ทันสังเกต”
“มาเถอะ
รับเสบียงท่านไป...แล้วก็จ่ายข้าด้วย”
“ให้ตายเถอะ นี่ข้าสหายเจ้านะเฟนดรัล
หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ยังจะมารีดเงินข้าอีก ข้ายิ่งมีไม่มากด้วย
รีบน่ะเลยเอามาแค่ถุงเดียว” หญิงสาวยกมือทังสองข้างขึ้นอย่างจนใจ
“น้อยๆหน่อยองค์หญิง อย่าลืมนะว่าข้าเป็นคนแอบเข้าไปจัดของในโรงม้าให้ท่าน
ข้าเป็นคนหาเสื้อผ้า อาวุธและเอาห่อผ้าไปใส่ในนั้นให้ท่าน ข้าต่างหากที่ควรจะอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน”
เฟนดรัลงอมือเข้าชี้หาตนเอง
ร่างบางทำปากขมุบขมิบ
ล้อเลียนคำพูดเขาขณะกรอกตา
มือเอื้อมไปใต้คอร์เซ็ตสีน้ำเงินอ่อนแบบรั้งไหล่ที่ถูกสวมไว้ด้านนอกตามแบบนางกำนัลวังหลวง
ดึงเอาถุงเงินออกมาแล้วหยิบเหรียญทองคำห้าเหรียญโยนไปให้ชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสหาย
“เอ้า”
เขาแลบลิ้นเลียฟันเขี้ยวด้านบน
หรี่ตาลงข้างหนึ่งแล้วยกเหรียญขึ้นส่องไฟ
“ว้าว ทรงพระใจดีเลือเกิน”
เธอเอียงหัวรับ
เดินมาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลบนเค้าน์เตอร์แล้วเดินออกไป
“เดินทางปลอดภัยนะซิฟ”
เจ้าหญิงหันกลับมา ยกยิ้มบางๆ
“แล้วเจอกัน เฟนดรัล”
ร่างในผ้าคลุมน้ำเงินหายลับไปตรงขอบประตู
เฟนดรัลหลับตาลงเมื่อได้ยินเสียงร้องสั่งให้ม้าเริ่มวิ่ง
ให้ตาย
เพื่อนเขานี่มันเกิดมาเพื่อแหกกฎทุกข้อของการเป็นเจ้าหญิงชัดๆ
ธอร์มองถุงผ้าที่บรรจุเหรียญทองคำจนมีขนาดใหญ่เท่ากับกระสอบใส่มันฝรั่งสองใบตรงหน้า
มือใหญ่ประสานกันตรงหน้าขณะที่เขากำลังยืนตรงอยู่ในโถงใหญ่อันวิจิตร
“ช่างดีนัก องค์ชาย”
ราชินีแห่งวานาไฮม์กล่าว รอยยิ้มประดับบนใบหน้า
ปิดความอิดโรยและกังวลใจไว้เกือบมิด
“ธิดาเราคงจะดีใจยิ่งเมื่อรู้ว่าสหายอย่างท่านมาช่วย”
ชายหนุ่มพยักหน้าครั้งหนึ่ง
“หากท่านทำงานอันตรายนี้สำเร็จ”
พระราชาในเสื้อคลุมหนาสีแดงขลิบขนเออร์มินขาวขยับกายบนบัลลังก์
“ทองสองถุงนี้จะเป็นของท่าน...รวมถึงองค์หญิงด้วย”
“องค์ราชา” ดวงตาสีฟ้าหรุบลงขณะที่เขาสูดหายใจลึก
“หม่อมฉันรับองค์หญิงไว้ในฐานะใดที่มากกว่าสหายไม่ได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ปกครองสูงสุดแห่งอาณาจักรเลิกคิ้ว
“อย่างที่ทั้งสองพระองค์รู้ อาณาจักรแอสการ์ดของหม่อมฉันและอาณาจักรแห่งนี้มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน
โดยตัวหม่อมฉันเองและซ-องค์หญิงซิฟก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก
เราเป็นเหมือนพี่น้องกัน และพี่ชายไม่สามารถแต่งงานกับน้องสาวได้ฉันใด
หม่อมฉันกับนางก็ไม่มีวันจะแต่งงานกันได้ฉันนั้น”
อีกเหตุผลคือซิฟต้องเอาขวานจามหน้าเขาแหกแน่ๆถ้าเขาตอบตกลงจะแต่งงานกับเธอ...แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าไม่ได้เจตนาจะทำอย่างนั้นจริงๆ
เพียงแค่รอเวลาจะบ่ายเบี่ยงหรือหาข้ออ้างยกเลิกข้อตกลงนี้เท่านั้น
“เห็นพวกเจ้ารักกันดีเช่นนี้เราก็วางใจ”
ประมุขหญิงยิ้มอ่อนหวาน
นิ้วมือที่ประดับด้วยแหวนวงโตชนิดที่สามารถใช้แทนสนับมือประเภทสวยงามแต่ชำรุดเร็วได้สบายๆขององค์ราชาขยับไปมาบนเท้าแขน
“เจ้าต้องการรายละเอียดอะไรอีกหรือไม่
เจ้าชาย?”
“ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี ไปเถิด...”
ชายวัยใกล้ชราเลียริมฝีปากอย่างยากลำบากก่อนจะต่อด้วยเสียงที่เบาลงจนได้ยินกันเพียงผู้ที่อยู่ใกล้เท่านั้น
“แล้วอย่า...หายสาบสูญเหมือนผู้กล้าอื่นๆล่ะ
เราคงใจสลายหากต้องเป็นคนเขียนจดหมายหาราชาโอดินว่าเจ้าชายรัชทายาทหายตัวไป”
เจ้าชายแห่งแอสการ์ดนิ่งไปครู่หนึ่ง
ยังค้างอยู่ในท่าเตรียมหันหลังเดิน ก่อนจะกะพริบตาและพยักหน้า
“หม่อมฉันจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง”
ราชินียิ้มอย่างฝืนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
“โชคดีจ้ะ ธอร์”
ชายหนุ่มออกมาจากวังวานาไฮม์ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
หากเป็นครั้งก่อนๆที่ซิฟหนีไป
เขาคงไม่ห่วงมากหรือแล่นมาอาสาตามหาเธอแบบนี้
แต่มันเป็นเพราะว่าป่าโยธันไฮม์
ป่านี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความลี้ลับ
ใครที่เข้าไปแล้ว ถ้าไม่ออกมาอีกเลยก็ต้องออกมาแบบเป็นบ้าหรือเป็นศพ
ว่ากันว่ามันเป็นที่อยู่ของมังกร พ่อมดแม่มด
ภูตผีปีศาจและสิ่งเหมือธรรมชาติทั้งหลาย
นักโทษที่ทำผิดร้ายแรงขนาดที่โทษตายยังไม่สามารถจะรองรับได้บางคนของวานาไฮม์จะถูกบังคับให้เดินเข้าไปในป่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งเป็นเวลาที่เวทย์มนตร์จะแกร่งกล้าที่สุด
มีคนเห็นหญิงสาวท่าทางคล้ายกับเธอและม้าสีน้ำตาลที่น่าจะเป็นเจ้านาร์
ม้าประจำตัวที่หายไปจากคอกในคืนเดียวกันมุ่งไปที่ประตูเมืองด้านตะวันตก...อันเป็นทิศที่จะตรงเข้าสู่ป่านี้
ยิ่งเมื่อมีผู้กล้าสายบ้าบิ่นหลายอาสาจะเข้าไปตามหาเธอและไม่เคยกลับมาได้อีกเลยถึงห้าคนแล้วในตอนนี้
แค่สามวัน หลายคนอาจปลอบใจเขาแบบนั้น
แค่สามวัน
คงยังไม่ทันเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเจ้าหญิงและเหล่านายพรานพวกนั้นหรอก
แต่สามวันสำหรับเขามันมากกว่านั้น
ถ้าซิฟรู้ว่านางทำอะไรอยู่
เธอจะต้องเดินทางไม่หยุดไม่หย่อนจนกว่าจะถึงที่หมายเป็นแน่
และไม่มีใครรู้ด้วยว่าที่หมายที่ว่านี่คือที่ไหน
ธอร์ต้องหาเพื่อนสาวของเขาให้เจอโดยเร็ว
ไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ
ชายหนุ่มตัดสินใจไปดื่มย้อมใจก่อนสักหน่อย
ร้านยาของหมอหลวงเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ไม่น่าแปลกเพราะมันเป็นที่วิ่งเล่นของเขา, ซิฟและเพื่อนๆอีกสองคน
“คุณพระช่วย ธอร์ นั่นเจ้ารึ?” ร่างใหญ่ของโวลแสต็กก์ที่กำลังซดเหล้าอยู่หน้าเค้าน์เตอร์หันมาหาและเบิกตากว้าง
“ไง” เจ้าชายยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“ไม่เจอกันนานเชียว”
“ใช่ นานมาก” คู่สนทนาพยักหน้ารับ
“แหม แหม แหม ฝ่าบาท”
เฟนดรัลโผล่หัวออกมาจากม่านด้านหลัง
“อะไรพาเจ้ากลับมาที่วานาไฮม์?”
“ว่าไงพี่โย่ง” มือใหญ่ยกขึ้นทักทาย
“ขอเหล้าสมุนไพรเจ้าสักแก้วซิ”
“โอ จัดให้”
ชายหนุ่มผมน้ำตาลทองยิ้มมุมปากแล้วหันหลังไปหยิบแก้ว
ง่วนอยู่กับการผสมสมุนไพรเข้ากับน้ำหวานและเหล้ากลิ่นหอมนุ่มนวลที่หมักไว้
“หมอหลวงไม่อยู่รึ?”
ธอร์เท้าแขนลงกับพื้นผิวไม้
“ท่านพ่ออ่ะนะ?”
แก้วไม้ขนาดสำหรับคนชอบดื่มวางลงตรงหน้าเขา ของเหลวสีทองใสส่งกลิ่นยั่วยวน
“เข้าไปอยู่ในวังตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
องค์ราชาเจ็บออดๆแอดๆ เหล่าเสนาบดีคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าแพทย์ฝีมือดีที่สุดในอาณาจักรจะไปอยู่ข้างกายพระองค์”
เขาพยักหน้ารับ
“...ข้ามาเรื่องซิฟ”
มือที่กำลังชงนมอยู่ชะงักไปเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ดวงตาสีฟ้ากะพริบ
...ให้ตายเหอะซิฟ
เขาหรุบตาลงมองเหล้าก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่ม
“มีผู้พบเห็นนางอยู่แถวร้านเจ้าคืนที่นางหายตัวไป”
ถึงแม้มันจะเบาบาง
แต่ด้วยระยะที่ใกล้ชิดทำให้ธอร์มองเห็นชัดเจนว่าสันกรามของบุตรชายหมอหลวงสั่น
“ม-มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ
ไม่มีทาง”
“รู้อะไรมั้ยเฟนดรัล
เจ้าน่ะเป็นนักโกหกที่ห่วยแตกมากๆ”
ร่างสูงผุดลุดขึ้นแล้วเอนตัวข้ามเคาน์เตอร์ไปหาสหาย
“เจ้ารู้อะไร?”
ดวงตาสีน้ำผึ้งของเฟนดรัลวูบไหว
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะ-”
“เจ้ารู้อะไร?” เสียงของเขาเข้มขึ้น
ก่อนจะผ่อนลมหายใจ
เขาไม่ควรจะขึ้นเสียงใส่เฟนดรัล
แค่นี้เพื่อนชายก็ตระหนกพอแล้ว
“ได้โปรด เฟนดรัล ซิฟเป็นเพื่อนข้า เพื่อนเรา”
โวลแสตกก์เงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้า
มองร่างสูงชะลูดหลังเคาน์เตอร์เงียบๆ
มุมปากของชายหนุ่มผมน้ำตาลทองสั่นระริก
“นาง...นางมาหาข้าเมื่ออาทิตย์ก่อน
ขอให้ข้าเตรียมกระเป๋าหนังสองด้านสำหรับเทียมหลังม้าให้
ใส่เสื้อผ้าเรียบๆสองสามชุดไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านใส่ยาสำหรับสมานแผล,
ชุดยาห้าสังหาร, ยาขับพิษ แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร”
“...แล้วก็ขวดใส่น้ำตานกฟีนิกซ์”
“ว่าไงนะ?” โวลแสตกก์ขมวดคิ้ว
ท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“น้ำตานกฟีนิกซ์ เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่”
น้ำตานกฟีนิกซ์เป็นสิ่งหายาก ใครได้ยินก็ต้องหูผึ่งและตาลุกวาวด้วยความปรารถนาในสมรรถภาพการสมานแผลอันเยี่ยมยอดของมัน
แถมยังมีราคาสูงลิ่วในตลาดยาหายาก หากอยากได้ราคาที่ถูกลงมาหน่อยก็ต้องไปหาเอาที่ตลาดมืดในทวีปมิดการ์ด
ธอร์ไม่ได้คิดจะเหยียดชาวมิดการ์ดหรอกนะ
แต่พวกนี้จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินไม่ว่าวิธีการจะสกปรกโสมมมากเพียงใดก็ตาม
นั่นคือเหตุผลหลักที่เขาไม่ค่อยชอบไปที่นั่นและมักจะบ่ายเบี่ยงพระบิดาเสมอหากมีเทียบเชิญไปงานเลี้ยงหรืองานอะไรก็ตามในนั้น...ยกเว้นมันจะจำเป็นจริงๆ
“ของแพงแบบนี้เจ้าไปหามาจากไหนกัน?”
เจ้าชายแห่งแอสการ์ดกอดอก กดคิ้วเข้าหากัน
“บุตรชายของหมอหลวงที่ทำกิจการร้านยาเล็กๆไม่มีทางแม้แต่จะซื้อน้ำตานกนั่นเพียงหยดเดียวได้หรอก”
“ก็ไม่ได้ไง” เฟนดรัลถอนหายใจ
ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงขอยอมแพ้
“เรื่องค่าใช้จ่าย
ข้ารับเหรียญทองมาจากซิฟแล้วไปตระเวนหาซื้อมันมาจากในตลาดยาหายากแถวไนดาเวลเลียร์”
“แล้วเจ้ารู้มั้ยว่าพวกชาวบ้านจ้องจะขโมยมันอยู่ทุกเวลา?”
สหายร่างใหญ่ลุกขึ้น
“ซิฟไปคนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างกายนางเลยนอกจากเจ้าม้าโง่นาร์นั่น
พวกเราทุกคนรู้ดีว่านางมีฝีมือพอปกป้องตนเองได้ แต่ถ้าพวกมันยกพวกมากันหลายคนล่ะ?
ถ้า...ถ้า...”
“สหาย...” มือใหญ่ของธอร์แตะลงบนบ่ากว้างแล้วกดเขาลงบนเก้าอี้ดังเดิม
ชายหนุ่มร่างผอมเม้มปากและส่ายหน้าเบาๆ
“ข้าไม่รู้จริงๆว่านางจะหอบมันเข้าป่าโยธัน
ข้าคิดแค่ว่านางคงจะเอาไปทดลองที่ไหนนอกเมืองเท่านั้น...ถ้านางบอกแผนข้าคงไม่จัดการทั้งหมดนี่ให้นางหรอก”
ดวงตาสีน้ำผึ้งอ่อนมองธอร์
“แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนรู้จากการเป็นเพื่อนซิฟมาหลายปีคือนางรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
ข้าไม่คิดว่านางไม่ได้ทบทวนเรื่องบ้าๆทั้งหมดนี่น้อยกว่าห้าครั้งหรอก...ข้าเชื่อใจนาง”
เจ้าชายผมทองหรุบตาลง พ่นลมหายใจ
“...ข้าก็เชื่อใจนาง”
“แต่ข้าไม่อยากจะเสียซิฟที่เป็นสหายกันมาตั้งแต่ยังเยาว์ไปทั้งๆที่มันยังพอมีทางเข้าไปช่วยนาง
ข้าไม่อาจมองตาราชาหรือราชินีได้อีกแน่หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง”
โวลแสตกก์และเฟนดรัลสบตากัน
ก่อนจะหันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง
“...เจ้าไปเถิด”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พยักหน้า
ทั้งสามก็ยิ้มบางๆให้กัน
“โชคดี ธอร์”
“โชคดีเฟนดรัล แล้วเจอกันโวลสแตกก์”
เขากระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว
หันไปมองสหายแล้วพยักหน้าเบาๆให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายลับไปตรงประตู
TALK WITH FM
เปิดฟิคใม่ก่อนจะลงตัวอย่าง
BT
ซีซั่นสามมมม
ตอนนี้เป็นแค่บทแรก
นางเอกเราจะยังไม่โผล่นาจ๊ะ แต่รับรองว่าเดี๋ยววได้มีฉากตกหลุมรักแน่ๆ 5555
อังคารนี้ไรท์เปิดเทอมแล้วเด้อ
คงจะหาเวลามาอัพให้ได้ยากขึ้นเต็มที
//ไม่โกรธน้าาาาา
ฟิคนี้เป็นฟิคแนวเทพนิยาย
มังกร เจ้าชาย เจ้าหญิง ชอบไม่ชอบติชมตามสบายเลยนะรีดเดอร์
เจอกันตอนหน้าเน้อออ
ด้วยรักและถุงกาว
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น