คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๓ ทางเลือก
๓
ทางเลือก
แอสตัน มาร์ติน สีบรอนซ์เงินแล่นมาจอดเทียบหน้ามุขคฤหาสน์วรเสนาในเวลาพลบค่ำ มินตราผลักประตูออกอย่างแรงพร้อมก้าวลงมาด้วยกิริยากระแทกกระทั้น ใบหน้างดงามไร้ที่ติส่อเค้าอารมณ์บูดอย่างเห็นได้ชัด
เมขลายืนกอดอก นิ่วหน้า มองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด ในขณะที่มินตราชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครรออยู่ ส่งผลให้ความบึ้งตึงบนใบหน้าเพิ่มปริมาณมากขึ้นอีกเท่าตัว
“มีอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าน้าเมรีพูดไม่สำเร็จ พี่เมเลยขอออกหน้าแทน มิ้นไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องไร้สาระหรอกนะ พี่เมกับมิ้นก็อายุไล่เลี่ยกัน น่าจะเข้าใจว่ามิ้นไม่มีทางทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นแน่ อย่าเสียเวลาเลย มิ้นเหนื่อย เบื่อ เซ็ง อยากพักแล้ว”
เธอดักคอด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นแล้วเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส แม้ไม่เคยยอมรับมารดาเลี้ยงและพี่สาว แต่ความที่เมขลาอายุมากกว่าเธอสองปี ทำให้หญิงสาวต้องเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่’ ด้วยความจำยอม
เมขลายังไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าเดินตามมินตราไปจนกระทั่งถึงห้องนอนของอีกฝ่ายจึงถือโอกาสแทรกตัวเข้าไปและกดล็อกทันที
“เอ๊ะ!” มินตราแหวลั่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองผู้บุกรุกอย่างเอาเรื่อง ด้วยความที่อารมณ์เสียมาจากข้างนอกเป็นทุนเดิม ทำให้ตอนนี้อุณหภูมิในร่างกายสูงปรี๊ดทะลุปรอทไปแล้ว ใครหน้าไหนก็อย่าบังอาจมาตอแยเชียว
“อย่าคิดว่าหมดคุณย่าแล้วมิ้นต้องยอมน้าเมรีกับพี่เมทุกอย่างนะ ที่ยอมให้อยู่วรเสนาต่อก็นับว่ากรุณามากพอแล้ว อย่ามาทำวางอำนาจบาตรใหญ่กับมิ้น ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ามิ้นใจร้าย”
เมขลายักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“พี่กับแม่ไม่เดือดร้อนที่จะย้ายไปจากที่นี่ แม่คนเดียวพี่เลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว แต่คุณมิ้นคนเดียวดูแลทุกคนในบ้านวรเสนาได้มั้ยล่ะ”
คนฟังฉุนกึก ตอบโต้ด้วยท่าทีอวดเบ่ง “ทำไมจะไม่ได้ มิ้นสามารถดูแลทุกคนในบ้านได้อยู่แล้ว ตอนนี้มิ้นเรียนจบและจะกลับมาอยู่บ้านอย่างถาวร ใครที่คิดฉกฉวยผลประโยชน์จากวรเสนาก็เลิกฝันหวานไปได้เลย”
เมขลาหัวเราะใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างจงใจ “ตอนนี้วรเสนาไม่มีผลประโยชน์ให้ฉกฉวยอีกแล้วละคุณมิ้น จะมีก็แต่หนี้สิ้นกว่าร้อยล้านที่กำลังจะทำให้วรเสนาถูกฟ้องล้มละลาย พี่กับแม่ยินดีจะไปจากที่นี่ทุกเมื่อ เพราะเราสองคนไม่มีพันธะต่อวรเสนาในทางกฎหมาย ดีซะอีก แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขบคิดปัญหาและแบกรับภาระหนี้สินของวรเสนาทั้งที่ไม่ใช่ธุระอะไร”
ว่าแล้วก็ไหวไหล่คล้ายไม่รู้สึกรู้สมกับสิ่งที่พูดออกไป ทั้งที่ในใจก็แอบรู้สึกผิดที่ต้องทำเหมือนทับถมอีกฝ่ายให้จมดินอย่างไร้ความปรานี แต่โดยเนื้อแท้ของจิตใจเธอไม่เคยมีอคติ ไม่เคยถือสากับความร้ายกาจของมินตรา เพราะเข้าใจดีว่าน้อยคนจะสามารถยอมรับการที่บิดาหรือมารดามีครอบครัวใหม่ได้
มินตราย่นคิ้ว ย้อนถามเสียงดัง “ภาระหนี้สินอะไร พี่เมพูดเรื่องอะไร มิ้นไม่เข้าใจ”
เมขลายังวางสีหน้าเฉย ในขณะที่ขยายความเพิ่มเติมอย่างใจเย็น “วรเสนามีหนี้สินกว่าร้อยล้าน ทรัพย์สมบัติอื่นๆ และโฉนดที่ดินทั้งหมดถูกขายไปตั้งนานแล้ว ส่วนบ้านหลังนี้ก็ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกู้เงินจากอัครา กรุ๊ป ตอนนี้เลยกำหนดใช้หนี้มาสองเดือนแล้ว เท่าที่เจ้าหนี้ยังไม่มาไล่ที่และให้ตำรวจเข้ามาดำเนินการตามกฎหมายก็นับว่าเป็นความกรุณาอย่างที่สุดแล้วนะ”
หญิงสาวเบิกตากว้าง ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อพร้อมโต้เสียงแข็ง “ไม่จริง! จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับวรเสนาได้ยังไง นี่พี่เมกำลังพูดถึงตระกูลเก่าแก่ที่มีทรัพย์สมบัติมากมายใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดอยู่นะ อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย แล้วเจ้าหนี้ที่ไหนจะใจดีขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีการตามทวงดอกเบี้ยกันบ้างละ หนี้ไม่ใช่พันสองพันซะหน่อย”
“ก็ตามทวงจริงๆ แต่ตามกับคุณอาดำรง ทุกอย่างต้องผ่านคุณอาอยู่แล้ว เพราะการกู้ยืมก็ทำกันตามกฎระเบียบในสัญญา หลักฐานมีครบ วรเสนากำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย แล้วคนที่ต้องรับผิดชอบแบกรับภาระหนี้สินทั้งหมดในทางกฎหมายก็มีแค่คุณมิ้นคนเดียวเท่านั้น” เมขลาปิดท้ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชี้นิ้วไปที่อีกฝ่ายเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น
มินตราอ้าปากค้าง เงียบงันไปหลายอึดใจ รู้สึกมึนงงเหมือนถูกจับหัวหมุนเป็นลูกข่าง เรื่องใหญ่แบบนี้เมขลาคงไม่นำมาล้อเล่นแน่ แต่ทำไมเธอไม่เคยรู้เลยว่าที่บ้านมีภาระหนี้สินมากมายขนาดนี้
ในระหว่างสองเดือนที่เธอกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยหลังสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ เธอยังใช้ชีวิตเป็นคุณหนูไฮโซทุกวัน มีเงินใช้จ่ายคล่องตัว แล้ววรเสนาจะมีหนี้สินเป็นร้อยล้านได้อย่างไร กว่าหญิงสาวจะรวบรวมสติและสามารถโต้แย้งข้อสงสัยได้ก็กินเวลานับนาที “วรเสนาเป็นตระกูลเก่าแก่ มีความมั่งคั่งและมั่นคงมาหลายชั่วอายุคน แล้วทำไมถึงได้เป็นหนี้มากมายขนาดนี้ได้”
คำถามนี้ทำให้เมขลานิ่งอึ้ง สำหรับเหตุผลทั้งหมดผู้เป็นมารดาไม่ได้บอกเธอและขอร้องว่าอย่าถาม เนื่องจากคุณท่านที่เพิ่งเสียไปขอไว้ไม่ให้เมรีเอ่ยถึงอีก
“ว่ายังไงล่ะ วรเสนาเป็นหนี้ด้วยเหตุผลอะไร” คราวนี้น้ำเสียงของมินตราคุกคามและจับผิดอย่างเห็นได้ชัด ใจที่แฟบไปเมื่อครู่เริ่มพองโตขึ้นอีกครั้งด้วยความคิดที่ว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้วรเสนาเป็นหนี้ถึงร้อยล้านได้
เมขลากอดอก ไหวไหล่ มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “พี่เองก็ไม่รู้ แม่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่าเรื่องที่ว่า ตอนนี้วรเสนาล้มละลายแล้ว รอเพียงให้เจ้าหนี้เอาเรื่อง ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปสื่อทุกแขนงคงได้ประโคมข่าวเกรียวกราว คุณมิ้นจะยอมให้วรเสนาล่มสลายได้เหรอคะ คุณมิ้นเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่นะ อืม...ถ้าวรเสนาต้องล่มสลายในรุ่นของคุณมิ้น แล้วคุณมิ้นจะบอกกับบรรพบุรุษว่ายังไงคะ”
เมขลากระตุ้นต่อมสำนึกของมินตราด้วยความพยายามยิ่งยวดที่จะวางสีหน้าให้เรียบเฉย ไม่ใส่อารมณ์และความรู้สึกเห็นใจลงไปในน้ำเสียง เนื่องจากรู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายดี เธอรู้ว่าต้องพูดอย่างไรมินตราถึงจะลุกขึ้นมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้และหาทางแก้ไขในท้ายที่สุด
มินตราส่ายหน้า จ้องเมขลาด้วยแววตาดื้อรั้น “ตั้งแต่มิ้นกลับมาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนยังมีเงินใช้จ่ายคล่องมือ ถ้าวรเสนาเป็นหนี้กว่าร้อยล้าน แล้วเงินที่มิ้นใช้ทุกวันนี้มาจากไหนกันล่ะ”
เมขลามองท่าทางดื้อแพ่งของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขัดใจ นึกอยากเอานิ้วจิ้มหน้าผากของเจ้าหล่อนแรงๆ ให้หายซ่าแล้วตระหนักถึงความจริงเสียทีว่า ที่ยังสามารถใช้จ่ายเงินเกินตัวได้ทุกวันนี้เพราะใคร
“บอกมาสิพี่เม เงินที่มิ้นใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้มันจากไหน ถ้าวรเสนาจวนจะถูกฟ้องล้มละลายเพราะไม่มีเงินใช้หนี้ แล้วใครโอนเงินเข้าบัญชีให้มิ้น” มินตราคาดคั้นด้วยท่าทีเอาแต่ใจ เพราะความที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจนเคยตัว
เมขลาชักจะของขึ้นเหมือนกันจึงตอกหน้ามินตราด้วยความจริงที่เจ้าหล่อนรู้แล้วจะต้องร้องกรี๊ด
“ก็แม่เลี้ยงที่คุณมิ้นแสนจะเกลียดขี้หน้าไงคะ ของที่ท่านเจ้าสัวมานเมฆมอบให้แม่ทุกชิ้นในทางกฎหมายไม่ใช่สมบัติของวรเสนาเพราะเจ้าสัวกับแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แม่ต้องขายสมบัติที่เจ้าสัวมอบให้หลายชิ้นเพื่อนำเงินมาโอนเข้าบัญชี้ให้คุณใช้จ่ายทุกวันนี้ไงล่ะ”
มินตราอ้าปากค้าง จ้องมองอีกฝ่ายอย่างนึกไม่ถึง ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองรับความช่วยเหลือจากมารดาเลี้ยงแล้วจริงๆ โดยปกติเธอไม่เคยทำดีต่อเมรี ไม่เคยทำดีต่อเมขลา พอรับรู้ว่าเงินที่ใช้จ่ายทุกวันนี้เป็นเงินของคนที่ตัวเองแสนจะเกลียดขี้หน้าจึงไม่อาจยอมรับได้
“เท่าไหร่?” หญิงสาวตะโกนด้วยท่าทีอวดดี
“สองเดือนใช่ไหม เดือนละสองแสน โอเค มิ้นจะคืนให้ อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะมาทวงบุญคุณกับมิ้นได้นะ แค่สี่แสน เดี๋ยวจะเบิกมาคืน”
เมขลาหัวเราะใส่หน้ามินตราอีกครั้ง จงใจใช้สายตาสมเพชมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดเท้า “โธ่...เงินมันแค่สี่แสนก็จริงนะคะ แต่คุณมิ้นจะไปเอามาจากไหนล่ะ อย่าลืมสิ ตอนนี้วรเสนาเป็นหนี้กว่าร้อยล้านนะ สี่แสนน่ะแค่จิ๊บๆ ถ้ามีปัญญาใช้หนี้กว่าร้อยล้านเมื่อไหร่ค่อยเอาสี่แสนมาคืนแม่ก็ได้ค่ะ พี่เชื่อว่าแม่ไม่รีบร้อนจะเอาคืนหรอก ก็คงเห็นใจคุณมิ้นอยู่เหมือนกัน แหม...เป็นคุณหนูไฮโซอยู่ดีๆ ก็ต้องมาตกอับมันก็น่าเห็นใจอยู่นะคะ”
มินตราหอบหายใจถี่ยิบ จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างโมโห กำหมัดแน่น รวบรวมลมปราณทั้งหมดในช่องท้องเพื่อจะกรีดร้องใส่หน้าเมขลาให้หายแค้น แต่เมขลาแสร้งทำตาโต โบกมือไปมาและส่งสายตาปราม
“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งกรี๊ดค่ะ เพราะพี่ยังพูดไม่จบ ลองคิดดูนะคะ ตอนนี้วรเสนาไม่มีสมบัติเหลือซักชิ้น อ้อ แต่ยังมีรถของคุณมิ้นอีกคันนะ ถ้าขายไปก็น่าจะได้หลายสิบล้านเนอะ ว้า...แต่ก็ยังไม่ได้ถึงครึ่งของหนี้เลยนะคะเนี่ย ไหนจะเงินเดือนคนในบ้าน ไหนจะค่าน้ำค่าไฟรวมถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกเยอะแยะ เดือนนึงๆ ก็ตกหลายแสนเลยนะคะ นี่ยังไม่นับรวมดอกเบี้ยที่ค้างจ่ายอีกสองเดือนนะ แถมยังไม่รู้ด้วยว่าเจ้าหนี้เขาจะยอมให้ผ่อนผันรึเปล่า ยังไงก็ขอให้ขายรถได้เร็วๆ ก็แล้วกันนะคะ เผื่อจะได้นำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในบ้านไปก่อนซักระยะ อ้อ หมายถึงว่าถ้าเจ้าหนี้เขาไม่ฟ้องล้มละลายไปซะก่อนน่ะนะ”
มินตรามีสีหน้าตื่นตระหนก อ้าปากพะงาบๆ จะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่ส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงที่เมขลาบอกได้ ยกสองมือขึ้นปิดหู อาการปวดหัวอย่างปัจจุบันทันด่วนเล่นงานเธออย่างหนัก แข้งขาอ่อนแรงจนต้องทรุดนั่งลงบนเตียงก่อนที่เธอล้มพับลงไปเอง
“เป็นไปได้ยังไง นี่เรากำลังจะล้มละลายอย่างนั้นเหรอ...” ครางด้วยเสียงแห้งแล้ง พยายามเค้นสมองทบทวนเรื่องที่เมขลาพูดด้วยสติที่ขาดวิ่นไม่สมประกอบ ในที่สุดก็พบเพียงความว่างเปล่า จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวสั่นจนยากจะควบคุม โอบสองแขนไว้รอบตัวแน่นคล้ายต้องการสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย
เมขลามองท่าทางหวาดหวั่นเจียนคลั่งของอีกฝ่ายด้วยความเห็นใจ อดรู้สึกผิดไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองพูดโดยหวังกระตุ้นให้มินตรายอมแต่งงานกับเจ้าหนี้ เพื่อจะได้รักษาความเป็นวรเสนาให้ดำรงอยู่ต่อไป และเพื่อที่ว่ามินตราจะได้ไม่ต้องลำบากในอนาคตด้วย
หากมินตราไม่ยอมแต่งงาน เจ้าหนี้ต้องฟ้องล้มละลายแน่ และหญิงสาวยังเป็นวรเสนาเพียงคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ในทางกฎหมาย ทางเลือกสำหรับมินตราจึงมีแค่สอง
นั่นคือหนึ่ง...แต่งงาน หนี้เป็นศูนย์ และสอง...ไม่แต่งงาน แต่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงชื่อเสียงพังยับทั้งตัวเองและวงศ์ตระกูลเก่าแก่ที่ดำรงอยู่มาหลายชั่วอายุคน คิดแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ คุณหนูไฮโซที่เคยใช้ชีวิตเลิศหรูมาตั้งแต่เล็กจนโตกลับต้องพบเจอสภาวะหนี้สินท่วมตัวและจวนจะถูกฟ้องล้มละลาย นี่คงไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำใจรับสภาพได้ง่ายนัก บางคนอาจถึงขั้นเสียสติไปเลยด้วยซ้ำ
เมขลาถอนใจ เอื้อมมือไปแตะไหล่ของหญิงสาวบนเตียงอย่างอ่อนโยน “เรื่องนี้ยังพอมีทางแก้ไขนะ ถ้าคุณมิ้นจะยอม...”
“แต่งงานล้างหนี้” มินตราต่อให้ด้วยน้ำเสียงหวาดผวา สีหน้าสยดสยองไร้คำบรรยาย ร่างกายสะบัดร้อนสะบัดหนาวเหมือนจะเป็นไข้ ส่ายหน้าไปมาพลางยกสองมือขึ้นกุมขมับอย่างสับสน อับจนปัญญา ไร้ทางออกโดยสิ้นเชิง
เมขลาไม่พูดอะไรอีก หลังจากคุณท่านบนเรือนใหญ่หรือผู้เป็นย่าของมินตราเสียชีวิตลง มินตราก็คือวรเสนาคนสุดท้าย นั่นหมายถึงผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินและกรงเกียรติยศของวงศ์ตระกูลอันเก่าแก่ไว้บนบ่า มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอิจฉาเลยสักนิด เธอเห็นว่านั่นออกจะหนักหนาเกินไปสำหรับหญิงสาวที่เพิ่งพ้นวัยนักศึกษามาหมาดๆ มินตรายังเด็กเกินกว่าจะรับมือกับเรื่องนี้เพียงลำพังได้
หญิงสาวปล่อยให้มินตราได้ทบทวนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เธอไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลืออะไรได้ เจ้าหนี้ต้องการแต่งงานกับมินตรา นั่นคือเงื่อนไขในการล้างหนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น
เมื่อปิดประตูห้องนอนของอีกฝ่ายลงแล้วก็ถอนใจยืดยาว เปรยกับตัวเองเศร้าๆ “ขอโทษด้วยนะคุณมิ้น แต่ทางเลือกมีแค่นั้นจริงๆ”
ความคิดเห็น