คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 : พักผ่อน
Chapter 7 : พักผ่อน
หลังกลับจากลาสเวกัสและทำบัญชีรายรับรายจ่ายทั้งหมดเสร็จและแบ่งเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการชนะพนันก้อนโตจากคิมสันให้กับมิเนอร์ว่าเพราะวินด์เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
ตอนนี้ชีวิตในแต่ละวันของเขาเริ่มมีสีสันมากขึ้นและดูเหมือนพ่อของเขาจะแสดงท่าทีเฉยๆต่างกับแม่ที่เป็นเอามากถึงกับซื้อชุดน่ารักๆมากมายมาให้ลอง แต่ที่ว่าลองเนี่ยไม่ใช่เขาหรอกนะแต่เป็นเด็กน้อยอายุ 13 ปีที่ทำหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้ต่างหาก
“ พี่วินด์หนูไม่เอาแล้ว ~ ~ “ เด็กน้อยในชุดคอสตูมเป็ดสีเหลืองที่มีหมวกเป็นหัวเป็ดตากลมโตจ้องมองเขาตาแป๋วแล้ววิ่งมาหลบข้างหลังทันทีเมื่อเห็นคุณป้าที่กำลังตามหาตัวเธออยู่
“ แม่ครับพอเถอะ ไม่งั้นผมไม่ได้ทำงานแน่ “ วินด์ว่าพลางหัวเราะแห้งๆเพราะในนี้เป็นห้องวิจัยของเขาเนี่ยสิที่ปัจจุบันดันเต็มไปด้วยเสื้อผ้าต่างๆของเล่นมากมายให้เอริซ่าเล่นอยู่ทั้งวันอย่างมีความสุข
“ ก็แม่รักของแม่นี่นา “ วารีบ่นอุบอิบก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อโดนลูกชายสุดที่รักเอ็ด แต่ยังไงเธอก็ต้องจับหนูน้อยเอริซ่าที่ไม่รู้ว่าตาวินด์พามาจากไหนแต่งชุดพวกนี้ให้หนำใจ
“ พี่วินด์รักคืออะไรหรอคะ “ เอริซ่ามองวินด์ตาแป๋วพร้อมกับปัญหาโลกแตกซึ่งก็ยากที่จะตอบได้สำหรับเขา
“ ถ้าเราสามารถทำตามที่พี่บอกได้ไว้พี่จะตอบคำถามนั้นแล้วกันนะ “ ที่วินด์บอกให้เด็กสาวคือโจทย์คณิตศาสตร์สำหรับมัธยมต้นที่จัดว่าโหดหินเอาการอยู่สำหรับเด็กอายุ 13 ปีแต่เขาได้สอนวิธีทั้งหมดให้เธอจนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
“ สัญญานะ “ เธอชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้เขาเป็นเชิงสัญญาซึ้งวินด์ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครแต่ก็มีอ่านเจอในหนังสือบ้างแล้วถึงจะตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างก็เถอะ
“ ครับสัญญาเลย “ วินด์ยื่นมือซ้ายไปเกี่ยวก้อยก่อนที่เอริซ่าจะหมุนมือเอานิ้วโป้งมาสัมผัสกับนิ้วของวินด์แล้วยิ้มแย้มเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือสำหรับเด็กที่วางอยู่อีกมุมและลงมือตะลุยโจทย์กว่าร้อยข้อที่วินด์เป็นคนเขียนขึ้นมาเอง
วินด์มองบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานพลางกวาดสายตาไปทั่วจนเจอแคปซูลที่ภายในมีเจ้าหญิงนิทราองค์น้อยหลับไหลอยู่
“ ผมว่าคุณต้องชอบแน่ๆริณ “ วินด์ยิ้มออกมาพร้อมกับลงมือศึกษาตามลำดับขั้นตอนที่วางไว้ในตอนนี้คือการศึกษาและดักจับคลื่นสมองให้ได้เสียก่อนเพราะเจลในนั้นมีคุณสมบัติเป็นสารสื่อคลื่นไฟฟ้าสมองอยู่แล้วถึงและยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะอยู่ในระดับ Absolute Zero ก็ตามแต่
ความเงียบเริ่มขึ้นอีกครั้งมีเพียงเสียงพิมพ์ข้อมูลมหาศาลของวินด์ลงบนคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเขานี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วหลังเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสดูเหมือนอะไรๆก็เริ่มลงตัวขึ้นมากมายเลยทีเดียวไม้เว้นแม้แต่งานวิจัยที่เริ่มมีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
ตอนนี้ในเวลากลางวันวินด์จะนั่งวิเคราะห์คลื่นมากมายที่ถูกปล่อยออกมาจากสมองของริณและออกแบบโครงสร้างสมองเทียมด้วย < Nano Tech > และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะ ในขณะที่กลางคืนสิ่งมีชีวิตมากมายถูกนำมาใช้ในการทดลองผ่าตัดสมองโดยวินด์ซึ่งประสบความสำเร็จแทบจะ 100% เรียกว่าตอนนี้ทั้งร่างกายจิตใจและความสามารถเขาพร้อมแล้วเหลือเพียงสร้างสิ่งที่มีอยู่ในอุดมคติที่สูญหายไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนขึ้นมา
เทคโนโลยีที่สูญหายหรือ < Lost Technology > เริ่มมาจากที่มีคนค้นพบซากของอุปกรณ์ต่างๆมากมายใต้ทะเล และถูกนำมาศึกษาอย่างต่อเนื่องสิ่งหนึ่งที่ค้นพบนั่นคือ สมองเทียมทำให้ทราบว่าในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนเกิดมหาภัยพิบัติการทดลองประเภทนี้เคยสำเร็จมาแล้ว
และสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นคือการดำเนินรอยตามความสำเร็จในอดีตเพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดสำหรับ วายุ อัครเมธี
และแล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเรียกวินด์ให้หลุดออกจากภวังค์เสียงที่แสดงถึงการสื่อสารระหว่างคลื่นไฟฟ้า หรือจะเรียกว่าการรับส่งสัญญาณเพื่อตอบรับระบบสัมผัสก็ว่าได้
‘ ….. ---- … **** … ---- …. *** ‘ คอมพิวเตอร์เริ่มประมวลผลคลื่นสมองนั้นออกมาเป็นคลื่นความถี่วิทยุและแปลงค่าผ่านกระบวนการต่างๆมากมาย
“ อลิซรีบจดจำคลื่นความถี่ระดับนี้ไว้แล้วบันทึกลงในฐานข้อมูลเพื่อใช้งาน เริ่มปรับคลื่นเพื่อสื่อสารในความถี่เท่าเดิม “ วินด์ออกคำสั่งให้ AI ของเขาดำเนินการทันที และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อการตอบสนองนั้นเกิดขึ้นจริงๆ
“ บ้าน่า “ วินด์ตะโกนเสียงดังจนเอริซ่าหันมามองอย่างตกใจกับการค้นพบที่แทบจะไม่เชื่อตัวเองว่าอะไรมันจะง่ายดายขนาดนี้เลยหรือแค่สุ่มคลื่นไฟฟ้าขึ้นมาทีละรูปแบบจนในที่สุดก็พบคลื่นไฟฟ้าแบบเดียวของกับริณและเริ่มจำลองสมองเทียมขึ้นมาโดยอาศัยการสแกนและคลื่นเสียงกระทบ
‘ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ..... ‘ ไม่นานนักปลายสายที่วินด์โทรหาก็รับแทบจะทันทีปิยะที่ถูฏปลุกขึ้นกลางดึกด้วยอาการงัวเงียถูกวินด์เริ่มบทสนทนาทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวเรียกได้ว่าเป็นเรื่องด่วนจริงๆ
“ ปิยะนายเห็นข้อมูลที่แนบไปไหม “ วินด์เรียกให้ปิยะดูข้อมูลที่แนบไปด้วยทันทีซึ่งปิยะก็เปิดมันอย่างเอื่อยเฉื่อยแต่เมื่อสิ่งที่อยู่ในนั้นปรากฎออกมาเป็นโฮโลแกรมด้วยคำสั่งอัตโนมัติที่ตั้งค่าไว้
“ แปลนแบบนี้รูปทรงอย่างนี้มัน … สมองมนุษย์ “ ปิยะเงียบทันทีที่พูดจบ ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนซี้สองคนทันที
“ เสร็จเมื่อไร “ วินด์เอ่ยทำลายบรรยากาศป่าช้าหลังจากนึกไตร่ตรองอะไรอยู่พักหนึ่ง
“ ไม่เกิน 4 เดือน “ ปิยะตอบหลังจากคาดคะเนอยู่ครู่หนึ่ง
“ งั้นเอาเป็นว่ากฎหมายสำหรับแอนดรอยก็ต้องนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาบนในวันพรุ่งนี้และต้องผ่านโดยไร้ข้อกังขาด้วย “ ปิยะว่าต่อและเริ่มประชุมสายเหล่านักการเมืองภายใต้การควบคุมของบิดาเขาทันที
“ ฝากด้วยละ “ วินด์วางสายทันทีแต่ก่อนที่จะได้วางสายนั้นเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ แกอย่าทำหนูเอริซ่าให้กลายเป็นวินด์หมายเลขสองเชียว พวกฉันโกรธจริงๆนะ “ ปิยะขู่มาก่อนจะตัดสายไปในที่สุดอะไรกันเขาแค่สอนหนังสือเด็กประถมเองถึงแม้ความรู้จะเป็นระดับมัธยมก็ตามทีเถอะ
หลังจากสนทนากับยูตะเสร็จวินด์จึงละสายตาจากมอนิเตอร์ตรงหน้าพลางนวดขมับเล็กน้อยเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว ทันทีที่รู้ว่างานที่ทำอยู่ทุกอย่างเสร็จแล้วเหลือเพียงแค่รอเวลา ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็เริ่มโจมตีเขาทันทีความรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิวไร้น้ำหนักมันช่างน่าพิศมัยแต่ก็ทรมาณไม่น้อยเหมือนกัน
ที่โต๊ะมุมห้องที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาสิงสาราสัตว์มากมายกองรวมๆกันไว้กับเสื้อผ้าจำนวนมากสำหรับเด็กประถมที่ดูน่ารักยิ่งคนที่ใส่เป็นเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้ด้วยแล้ว
เด็กน้อยอายุ 13 ปีกำลังนอนหลับใบหน้ายิ้มแย้มบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกระดาษแบบฝึกหัดและหนังสือหลายเล่มที่ถูกยืมจากห้องหนังสือของบ้าน จนวินด์นึกละเหี่ยใจกับคำพูดที่ปิยะทิ้งท้ายไว้ให้แต่สำหรับเขาสิ่งที่ทำอยู่นี้มันก็ไม่ผิดหรอกเพราะทำให้เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงที่เก่งกาจและเป็นที่ยอมรับของสังคมได้ในวันข้างหน้าแบบเขามันก็เป็นสิ่งที่ดี
วินด์หยิบปึกกระดาษแบบทดสอบออกมาจากโต๊ะอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนร่างน้อยที่กำลังหลับไหลอยู่แล้วเดินกลับมายังที่ทำงานของตัวเองเพื่อตรวจทานโจทย์ทั้งหมด
“ แม่บ้านครับผมขอผ้าห่มกับกาแฟอุ่นๆสักแก้วนะครับ อาหารขบเคี้ยวนิดหน่อยก็ดี “ วินด์ยกหูโทรศัพท์ต่อสายภายในเพื่อขอผ้าห่มให้กับเด็กสาวที่หลับอยู่และของขบเคี้ยวนิดหน่อยกับกาแฟหวังจะบรรเทาความหิวตอนนี้ไปได้บ้างหลังใช้สมองอย่างหนักมาสองวันสองคืนแล้ว
ไม่นานนักประตูวิจัยของเขาค่อยๆเปิดออก พร้อมกับแม่บ้านสองคนที่เข็นรถเข็นมาพร้อมกับผ้าห่มขนสัตว์หนาผืนหนึ่ง วินด์รับผ้าห่มจากแม่บ้านแล้วเดินนำมันไปคลุมตัวเอริซ่าที่กำลังหลับอยู่ด้วยท่าทางที่ดูมีความสุขหลังจากนั้นก็บอกให้เมดทั้งสองคนออกไป
“ ผมเองพักซัดนิดก็ดีสินะ “ ชายที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนใบหน้ายังเต็มไปด้วยความเศร้าและนัยน์ตาที่ไม่มีแล้วซึ่งความหวังได้หายไปจนหมดแล้วเปลี่ยนเป็นนายวินด์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งต่างๆพร้อมที่จะแหกกฎทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ
“ คุณคิดแบบนั้นไหมริณ “ วินด์ว่าพลางล้มตัวลงพิงกับแคปซูลที่เย็นเฉียบแล้วหลับไปในที่สุด
….
จากยามราตรีที่เงียบสงัดและปร่าวเปรี่ยวกลับกลายสู่เวลาแห่งตะวันที่ฉายแสงย้อมท้องฟ้าให้ฉาบไปด้วยสีส้มอ่อนๆของรุ่งอรุณที่สดใส
“ อืมมมม “ วินด์ที่กำลังง่วงอยู่พยายามยันตัวขึ้นพลางบิดหลังที่รู้สึกเมื่อยก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้หญิง
“ พี่วินด์เหมือนคนแก่เลยละ “ เอริซ่าที่นั่งจ้องเขาตาแป๋วๆอยู่พูดออกมาพลางกุมท้องหัวเราะวินด์ที่กำลังทำท่าหาวยาวๆหวอดหนึ่งจนคิดว่าถ้าแถวนี้มีแมลงวันคงจะบินเข้าปากเขาไปแล้วแน่ๆ
“ แหมก็พี่เพิ่งได้นอนเมื่อครู่นี้เองนะ “ ชายที่เพิ่งจะหลุดหาวหวอดใหญ่ๆกล่าวแก้ตัวให้ตัวเองแล้วลุกขึ้นพลางพับผ้าห่มดังกล่าววางไว้บนโต๊ะทำงานก่อนจะพาเด็กสาวออกจาห้องทำงานไป วันนี้เขามีอย่างอื่นที่อยากจะทำมากกว่าการขลุกตัวอยู่แต่ในที่นี้ ถึงแม้เรื่องริณจะสำคัญแต่บางทีก็ควรจะพักผ่อนบ้างเหมือนกัน
“ เดี๋ยวสิคะพี่วินด์ … คือ “ เด็กสาวก้มหน้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาขอร้องเขา
“ ขอขี่คอได้ไหมอะ “ เอริซ่าถามวินด์ด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจหรืออะไรแต่แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเด็กน้อยคนนี้สักนิดเดียว
“ เอาสิขึ้นมา “ วินด์ยิ้มแล้วตอบรับโดยการย่อตัวลงให้เอริซ่าปีนขึ้นมาบนหลัง
“ สูงจางงงงง ~ ~ “ เด็กน้อยหัวเราะร่าขณะที่วินด์เดินไปยังห้องนอนของเขาเพื่ออาบน้ำก่อนจะออกไปข้างนอกในวันนี้ ที่ๆเขาจะไปคือห้างดังที่อยู่กลาง Area-A ‘ Star Center ‘ ศูนย์รวมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ที่ใหญ่ที่สุด
“ งั้นเอริซ่าอาบก่อนแล้วกันนะพี่ชายจะรออยู่ข้างนอกนี่ละ “ วินด์พูดหลังขอให้คุณแม่เขานำชุดที่เตรียมไว้มาให้กับเด็กสาวในห้องของตัวเอง
“ ห้ามแอบดูนะพี่ชาย “ เด็กหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาเพื่ออ่านข้อมูลข่าวสารผ่านกระดานสนทนาและเว็บไซต์ต่างๆไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรอให้สาวน้อยอาบน้ำเสร็จ
วินด์นั่งอ่านข้อความไปเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับอีเมล์หนึ่งที่ส่งมาโดยปิยะ
‘ วินด์ไม่รู้ว่านายลืมหรือยังแต่เห็นอลิซบอกว่านายหลับไปแล้วเอาเป็นว่ามะรืนนี้เป็นวันฉลองเรียนจบของพวกเรานะ มาให้ได้ละ ‘
ข้อความสั้นๆเพียงสองบรรทัดได้ใจความ ถ้าจะให้พูดตามตรงเขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตนเองศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรียกว่าลืมไปเลยดีกว่า
“ พี่ชายอาบเสร็จแล้วค่าาา ~ ~ “ เด็กน้อยในชุดเหมือนที่พบกันครั้งแรกวิ่งออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับหมุนตัวรอบหนึ่งให้วินด์ดูจนได้สังเกตเห็นชุดนี้แบบชัดๆ เสื้อคลุมสีเหลืองสว่างฮูดแบบมีหูที่ใส่อยู่ให้เห็นดูน่ารักขึ้นมากเลยทีเดียว ยิ่งท่าทีของเด็กสาวทำเอาวินด์ได้แต่หัวเราะเบาๆกับการแสดงออกแบบนั้นของสาวน้อยตรงหน้า
วินด์ยิ้มครั้งหนึ่งพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้เด็กน้อยที่วิ่งมาหาเขาก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกางเกงกับผ้าขนหนูเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำบ้าง
“ แต่พี่ชายใจร้ายจังไม่แอบดูหนูอาบน้ำละ “ เอริซ่ากอดอกไม่พอใจมองมายังวินด์ที่ทำหน้าเหลอหลาก่อนจะหัวเราะเบาๆกับท่าทีที่เด็กหนุ่มแสดงออกมา
“ งั้นพี่อาบน้ำแปบหนึ่งแล้วกัน “ วินด์เดินทำหน้างงๆเข้าห้องน้ำไปพลางคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าเขาผิดที่ไม่ไปดูสาวน้อยคนี้อาบน้ำหรือไงกันพลางเกาหัวด้วยความงุนงงและหัวเราะคนเดียวในห้องน้ำอย่างขบขัน
“ ช้าอะ “ วินด์เดินออกมาด้วยท่าทีสบายๆเส้นผมสีดำที่เคยยุ่งเหยิงถูกจัดให้เข้าทรงนัยตาที่มืดมิดดั่งราตรีกลับมีประกายอยู่เหมือนดวงดาวบนฟากฟ้าน่าหลงไหลยิ่งชุดที่ใส่อยู่ขลับเสน่ของตัววินด์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขาเดฟสีเดียวกับเสื้อ รองเท้าสีดำเหมือนเรือนผมผู้เป็นเจ้าของ
“ นิดหน่อยน่าผู้ใหญ่ก็งี้ “ วินด์ว่าพลางลูบหัวเด็กสาวที่ยืนทำหน้าบึ้งๆให้เขาแต่ก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่ถูกชายที่โตกว่าลูบหัวเบาๆ
“ หนูหิวแล้วอะ ไปกินข้าวกัน “ เอริซ่าดึงแขนวินด์ให้ออกจากห้องนอนของเขาไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานมื้อเช้าโดยวินด์ได้สั่งเหล่าแม่บ้านให้ประกอบไว้รออยู่ก่อนแล้ว
ทันทีที่ไปถึงเพื่อนๆของเขาอีกสองคนที่ไม่ได้นัดหมายไว้มานั่งรออยู่ก่อนพร้อมส่งยิ้มทักทายให้อย่างยียวนกวนเบื้องล่างยิ่งนักแต่ยังไงก็ตามเขาไม่อยากแสดงกริยาไม่เหมาะนักเพราะมีบิดาและมารดาเป็นผู้ร่วมมือกิตติมาศักดิ์ในครั้งนี้
“ พร้อมหน้าเชียวนะครับ เหมือนรอคุยกับผมงั้นละ “ วินด์พูดด้วยท่าทีสบายๆโดยมีสายตาของพ่อที่ส่งมาให้เหมือนจะเป็นธุระสำคัญจริงๆซึ่งเขาก็เดาได้ไม่ยากคงเป็นเพราะแบบแปลนที่ตัวเองเพิ่งร่างเสร็จก่อนนอนแล้วส่งให้ปิยะไปเริ่มดำเนินการนั่นเอง
“ ตัวแสบแทนที่จะบอกพ่อก่อนดูสิเพื่อนเราได้วิ่งแจ้นมารอตั้งแต่เช้าเลย “ ภูมิไม่เอ่ยทักทายแต่พูดเริ่มประโยคสนทนาทันที ไม่ใช่การโกรธหรือไม่พอใจแต่เป็นการแซวต่างหาก
“ ฮ่าๆ ก็มันดึกแล้วนี่ครับ คุณพ่อคิดว่าไงใช้ได้ไหม “ วินด์ถามกลับโดยมีเอริซ่าที่กอดเขาหลบอยู่ด้านหลังแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะว่ากลัวแม่แต่เป็นเพราะยังไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้มากกว่า
“ แล้วแต่ยอดอัจฉริยะเลย แล้วนี่เมื่อไรลูกสะใภ้พ่อจะฟื้นละ “ ไม่เว้นโอกาสให้ได้สวนเลยทีเดียว ภูมิรีบย้อนกลับอีกดอกจนวินด์เป๋เกือบไปไม่เป็น ‘ พ่อนะพ่อ เพื่อนก็อยู่ไม่อายเอริซ่าก็อายสองหน่อนั่นหน่อยเถอะ ‘ วินด์ได้แต่คิดพลางลอบถอนหายใจ
“ น่าจะไม่นานนักครับเพราะผมเองก็อยากคุยกับเธอเร็วๆเหมือนกัน “ วินด์ตอบพร้อมกับเสียงผิวปากของเพื่อนรักทั้งสองที่ไม่รู้จะมีอารมณ์ศิลปินอะไรจังหวะนี้เหมือนนัดกันมาเสียอย่างงั้น
“ พวกแกไม่ต้องเลย “ หลังถูกเพื่อนแซวมากๆชายหนุ่มที่ปกติจะคุมอารมณ์ได้ก็เริ่มเขินขึ้นมาบ้างพร้อมกับกล่าวคาดโทษชายหนุ่มอีกสองคนที่ยังคงแซวเขาไม่เลิกโดยทำเป็นผิวปากหันซ้ายหันขวาทำเป็นไม่สนใจ
“ ถึงจะอยู่กันครบแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยวันนี้ผมมีเดทแล้วนะครับ “ วินด์ตัดประเด็นทันทีพลางตักอาหารเช้าเข้าปากอย่างอารมณ์ดีโดยมีเอริซ่านั่งข้างๆและกินอาหารเช้าไปพร้อมๆกัน
“ โถๆวินด์เพื่อนรัก หญิงเขาไม่อยู่แปบเดียวจับเด็กใหม่เลยนะ จะเลี้ยงต้อยรึไง “ ยูตะพูดจบได้ไม่นานนักก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดเบี้ยวทันทีเพราะถูกสงครามที่มองไม่เห็นใต้โต๊ะอาหารจู่โจมเข้าที่หัวเข่าจนชา
“ พอๆเลยยูตะ นี่ลูกลุงนะไม่ต้องเลี้ยงหรอกต้อยทำฮาเรมไปเลยก็ได้ “ ภูมิว่าพลางหัวเราะแต่ก็ถูกภรรยาที่รักตีเข้าที่หัวไหล่เบาๆครั้งหนึ่งพอเป็นมารยาท
“ พอเลยคะคุณนั่นละไปแนะนำเด็กๆแบบนี้ก็เหลือเกินนะทำเป็นหนุ่มๆไปได้ “ วารีทอดถอนใจกับบรรยากาศตอนนี้ แต่ก็เป็นการต่อว่าด้วยรอยยิ้มที่ไม่ถือสาติดใจอะไร ยังไงเธอก็ไม่ได้รังเกียจการรับประทานอาหารเช้าที่สนุกสนานแบบนี้หรอกแต่คนข้างๆนี่ก็เหลือเกิน
“ งั้นผมกับเอริซ่าไปก่อนนะครับ “ นั่งได้ไม่ถึงสิบนาทีวินด์ที่กินอาหารหมดแล้วรอจนเอริซ่าอิ่มเอ่ยออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับสาวน้อยที่ยังคงเกาะวินด์ไม่ปล่อยเหมือนเด็กๆ ก็เธอยังเด็กจริงๆนี่นา
“ เหมือนพี่ชายน้องสาวเลยนะคุณ “ วารีมองไปยังลูกชายที่เดินออกไปด้วยรอยยิ้มพลางคุยกับสามีที่นั่งข้างๆไปด้วย
“ สงสัยตาวินด์อยากมีน้องละมั้ง “ ภูมิพูดเล่นๆก่อนจะโดนภรรยาที่รักจัดเข้าให้อีกครั้งที่ไหล่แต่คราวนี้แรงกว่าเดิมอีกนิดหน่อย
“ งั้นพวกผมสองคนลาเลยนะครับไม่รบกวนแล้ว แม่ครัวที่นี่ยังทำอาหารอร่อยเหมือนเดิมเลยขอบคุณครับ “ ปิยะเอ่ยกล่าวลาอย่างเป็นพิธีก่อนจะลุกขึ้นเลื่อนโต๊ะเก็บแล้วเดินออกมาพร้อมๆกับยูตะ
“ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้นายปิยะ “ ภูมิพูดไล่หลังมา
“ ครับ “ จริงๆที่ปิยะมากับยูตะวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากมายนักแค่อยากมาดูหน้าเพื่อนรักที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรหักโหมอีกรึเปล่าแต่ดูเหมือนจะยังอยู่ดีกินดีมีความสุขกับสิ่งเล็กๆที่เดินตามต้อยๆอยู่ข้างๆ และดูเหมือนจะได้อ่านข้อความที่เขาส่งไปให้แล้วด้วย
“ ยูตะฉันจะกลับไปที่องกรณ์ต่อเลยนายจะติดรถไปลงไหนไหม “ ปิยะถามเพื่อนรักที่ไม่รู้ว่าจะเก็บเงินไว้ทำอะไรเพราะไม่ยอมซื้อรถกับเขาสักทีจนต้องลำบากเพื่อนๆไปส่งอยู่เสมอ
“ ไปด้วยแล้วกันฉันยังไม่ได้ขึ้นเงินค่าหัวคราวก่อนเลย “ ยูตะกล่าวพร้อมกับเดินไปยังลานจอดรถสำหรับแขกหน้าคฤหาสน์ซึ่งอยู่คนละทางกับวินด์
“ หมอนั่นยังดูสบายดีก็โอเคแล้วละนะ “ ปิยะกล่าวขณะที่กำลังจะขึ้นรถด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบที่ยูตะสัมผัสได้
“ อย่างน้อยก็ดีขึ้นหลังจากกลับมาจากลาสเวกัสนั่นละ “ เพื่อนรักอีกคนพูดตอบก่อนประตูรถจะถูกปิดไปในที่สุด
_____________________________________________________________
ขอแก้ชื่อตอนเพื่อความเหมาะสมกับเนื้อหานะครับ จริงๆฉากสบายๆกะจะไม่เขียนเยอะนักแต่เห็นว่าตาวินด์เหนื่อยมามากก็อยากให้พักบ้าง
ตอนหน้าก็ยังคงเป็นบรรยากาศชิวๆอีกนั่นละ
มีใครปักธงอวยคู่ วินด์xหนูเอริซ่า บ้างยังครับเอาใจสายโลลิเลยนะเนี่ย lol
ริณ : เราเป็นนางเอกนะ
แยม : ก็แหมเธอดันหลับไปซะก่อนไว้ฟื้นมาจะโยนบทให้เยอะๆแล้วกัน
ขอให้มีความสุขวัน Bangkok Shutdown นะคร๊าช Lol
ความคิดเห็น