คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : ต้นเหตุ
Chapter 6 : ต้นเหตุ
หนูโสโครกก็เหมาะที่จะถูกกำจัดนั่นละ ...
“ แกบังอาจนัก “ คิมสันที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นร้องออกมาพร้อมๆกับพวกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง นักธุรกิจมากมายต่างหดตัวอย่างกลัวตาย บ้างก็คว้าเอาเด็กสาวที่กำลังคุยกันหอมปากหอมคอมาเป็นโล่จนวินด์ที่เห็นรู้สึกตงิดๆใจ
“ นี่คุณดูสถานการณ์บ้างนี่มันก่อการร้ายนะคุณ “ ปิยะมองไปยังเหล่าลูกนกลูกกาในกำมือที่จะขยี้ให้เละเมื่อไรก็ได้ ยูตะที่เดินตามมาพร้อมกับถีบส่งชายในชุดทหารคนหนึ่งที่เขาพาตัวมาจากเลาจ์ให้กับปิยะ
“ เอาไงกับขยะนี่ดี “ ยูตะว่าพลางหยิบมีดพกในมือขึ้นมาแล้วปาออกไปเฉียดกลางศรีษะของเป้าหมายจนมีของเหลวอุ่นๆไหลออกมาจากหว่างขา
“ อะไรกันแค่นี้ก็กลัวงั้นหรอ เอาไปอีกทีสิ “ ไม่พูดเปล่าคราวนี้เป็นชูริเคนขนาดเท่าฝ่ามือที่ถูกซัดออกไป จนสุดท้ายชายคนนั้นจึงก้มลงขอชีวิตกับพื้นไม่ต่างกับหมาแมวตัวหนึ่ง
ปิยะจ้องมองลูกน้องของบิดาตนที่ริอาจทรยศต่อประเทศชาติด้วยใบหน้าเฉยเมยพลางใช้ความคิดว่าจะตัดสินคนๆอย่างไรดีถึงจะเหมาะสมในเมื่อกฎหมายก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก
“ ฆ่าเลยดีกว่า “ ไม่พูดเปล่าลูกกระสุนปืนขนาด .45 พุ่งทะยานออกจากลำกล้องท่ามกลางเสียงตกใจของบริกรสาวและแขกอีกมากมายเฉียดใบหน้าของชายที่หมอบอยู่กับพื้นจนมีรอยแผลถลอก
“ นายห้ามฉันทำไม “ ปิยะมองมือที่ปัดปลายกระบอกทำให้กระสุนที่ถูกเล็งเพื่อสังหารเมื่อครู่คราดไปจากเป้าหมายชนิดที่ว่าเกือบได้ไปเข้าเฝ้าท่านรักท่านยมแน่ๆถ้าไม่มีมือเปรียบเสมือนหัตถ์ของพระเจ้าช่วยเอาไว้
“ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เถอะ นายไม่เหมาะที่จะทำงานแบบนี้หรอกคงจะรู้แก่ใจดีสินะ “ วินด์กล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆตัวเอง เขาเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุดถ้าไม่ใช่ชายผมแดงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นเขาคงไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ
เสียงโอดโอยของคิมสันเรียกความสนใจของวินด์และเพื่อนทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนที่ยูตะจากไปลากชายผมแดงขึ้นมาจากพื้นแล้วมัดไว้กับเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งของเลาจ์
“ ติดต่อทีมให้มาคุมตัวคนพวกนี้ไปจัดการฟ้องร้องตามกดหมายใครขัดขืนเชือดทิ้งหมกป่าไผ่สถานเดียว ทำลายหลักฐานทั้งหมดแล้วเตรียมชิ่งใน 30 00 เริ่มงานได้ “ วินด์พูดออกมายาวๆพร้อมกับเดินนำปิยะและยูตะที่ลากเก้าอี้ของคิมสันเพื่อไปขึ้นลิฟต์ที่จำได้ว่าเป็นตัวพาชายผมแดงคนนี้ลงมาจากชั้นบน
คล้อยหลังได้ไม่นานนักมีคนริอาจหยิบปืนที่ซ่อนไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแต่ก็ทันได้ปลดเซฟตี้เสียงระเบิดของดินปืนจากรังเพลิงที่ไหนก็ไม่ทราบดังขึ้น 2 นัดซ้อนเข้าทะลุฝ่ามือกับหัวเข่าขวาของเป้าหมายจนทรุดลงไปนอนกับพื้นอีกราย
“ ลองของจริงๆ “ ปิยะพูดโดยปราศจากน้ำเสียงของความสงสาร ภาพแผ่นหลังของเด็กหนุ่มทั้งสามคือซาตานที่หมายจะปลิดชีวิตเหล่าดวงวิญญาณที่โฉดชั่วทั้งหมดในนี้ให้หมดสิ้น
ลิฟต์แก้วถูกปิดเพื่อพาสามเสือแห่งสยามขึ้นไปสู่ชั้นบนใช้เวลาไม่นานนักในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ตอนนี้คิมสันได้รับการห้ามเลือดจากปิยะเป็นที่เรียบร้อยเพื่อต่อชีวิตของมันอีกหน่อย
“ ไม่ตายหรอก นายยังต้องทรมาณอีกเยอะ “ วินด์พูดโดยไม่เหลียวมองคิมสันแม้แต่หางตาเสมือนไม่มีค่ามากพอให้เหลือบมอง ทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยการ์ดค่อยๆถูกเคลียโดยฝีมือของยูตะในเวลาไม่ถึงนาที
“ พวกเขาต้องเห็นภาพวงจรปิดแล้วขอกำลังเจ้าหน้าที่ปิดล้อมที่นี่แล้วแกไปไหนไม่รอดแน่ หมาลอบกัด “ คิมสันยังไม่วายใช้คำพูดหาเรื่องจนถูกปิยะใช้หลังมือฟาดเข้าที่ใบหน้าอีกทีจนหันไปด้านตรงข้ามเลือดกบปาก
“ บอกให้เอาบุญนะ ข้อแรกกล้องวงจรปิดทั้งหมดถูกแฮคโดยฝีมือของฉันแล้ว ข้อที่สองฉันมาหาแกตรงๆไม่ได้ลอบกัด และสุดท้ายเรามีใบอนุญาติตรวจค้นจากศาลอย่างชอบธรรม “ วินด์ตอบคำถามแทนปิยะที่มีสีหน้าสะใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นใบหน้าอึ้งๆของคิมสันที่กลายเป็นสีขาวเหมือนกระดาษ
“ วิธีของแกมันชอบธรรมมากงั้นสิ “ คิมสันยังไม่วายหาเรื่องวินด์ต่ออย่างไม่ลดละความพยายาม แต่คราวนี้ก่อนปิยะจะลงมือทำร้ายชายผมแดงวินด์หันหลังกลับมามองพลางส่งสายตาอย่างผู้มีชัย
“ โทษทีนะเผื่อไม่รู้ที่ๆให้คนชั่วแบบแกอยู่มันไม่ค่อยมีเยอะนักหรอก อาจจะมีในนี้ “ นิ้วของวินด์ชี้ลงไปยังพื้นพร้อมกับเตะกลับหลังเข้าเต็มอกคิมสันจนกระเด็นไปพร้อมกับเก้าอี้เกือบสิบเมตรเรียกสายตาเซ็งๆของปิยะที่ต้องกลับไปลากมาใหม่อีกรอบ
“ ว่าแต่ไอ่ทางเดินนี้จะยาวไปไหนพ่อแม่นายจากตารางเวลาน่าจะอยู่นี่ “ ทันทีที่พูดจบวินด์เดินเลี้ยวไปทางแยกขวาแล้วก็พบกับผู้ที่ตามหาสองคนในที่สุด
“ สวัสดีครับมิสเตอร์แอนด์มิสซิส “ กล่าวทักทายพอให้เป็นพิธีก่อนที่ยูตะจะโยนเก้าอี้ที่มีสภาพดูไม่ได้ของคิมสันไปตรงกลางโต๊ะรับประทานอาหารของชายหญิงรุ่นราวคราวพ่อของพวกเขาจนทั้งคู่ร้องตกใจออกมา
“ คิมสัน ลูก … “ ผู้เป็นแม่เข่าทรุดลงกับพื้นพร้อมกับคนเป็นพ่อที่หยิบอาวุธออกมาแต่ไม่ทันที่มันจะได้แสดงแสงยานุภาพเหล็กแหลมอีกอันของยูตะถูกซัดอย่างรวดเร็วปักทะลุมือที่คิดจะทำในสิ่งที่ไม่ควร
“ แก แกต้องการอะไร “ ดูเหมือนความอดทนของอีกฝ่ายจะขาดผึงง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังดีที่มีสติพอจะไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างอื่นอีก
“ ไม่มีอะไรมากมายหรอกครับลูกชายคุณมันแสบไปหาเรื่องผมถึงถิ่น ผมก็แค่ตามมาใช้หนี้คืนให้แล้วก็ขอดำเนินคดีตามกฎหมายกับพวกคนเฒ่าคนแก่ข้างล่างพร้อมกับคาสิโนแห่งนี้ “ วินด์สาธยายเรื่องทั้งหมดให้ฟังเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“ พวกแกมีสิทธิอะไร ฉันจะสู้คดีในชั้นศาล “ ชายตรงหน้ายังคงไม่ยอมแพ้พยายามดิ้นหาทางออกไปเพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาหลุดออกไปได้ แค่การทำร้ายร่างกายนี้ก็จะเป็นหลักฐานเอาคืนชั้นดี
“ ไม่รู้สถานภาพของตัวเองเลยหรอ ยูตะช่วยบอกเขาหน่อยสิ “ คำสั่งของวินด์เหมือนตัวปลุกสัญชาติญาณของยูตะร่างของเด็กหนุ่มหายไปทิ้งไว้เพียงเงาก่อนจะโผล่มาที่ด้านหลังของชายวัยดึกแล้วออกแรงเตะจนหวดอากาศเสียงดังลั่น
‘ เพี๊ยะ ‘ เสียงปะทะที่เกิดจากเท้าของยูตะโดยมีพ่อบ้านลีมาขวางเอาไว้ดังแทรกจนแสบแก้วหู
“ พอแล้วกระมังครับคุณหนู “ ลีพูดพลางสวมใส่ถุงมือสีขาวที่ถอดออกเพื่อรับแข้งของยูที่เตะมาอย่างเต็มแรง พ่อของคิมสันตอนนี้ลงไปทรุดอยู่กับพื้นเรียบร้อยเมื่อเจอเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้
“ นั่นสินะผมคงจะทำเกินไปจริงๆ แต่เรื่องนายคิมสันผมไม่ยอมแน่ๆ “ ถึงแม้เขาจะไม่พูดการที่จะให้คนๆหนึ่งไม่สามารถสาวไส้มาถึงตัวเขาได้ทำได้มีวิธีเพียง 2-3 อย่าง หนึ่ง ฆ่าปิดปากเสียให้สิ้นเรื่องราว สอง จับตัวกลับไปซึ่งวินด์ขี้เกียจที่จะทำแบบนั้น สาม ทำลายความสามารถในการสื่อสารของอีกฝ่ายทั้งหมด ดวงตา ลิ้น กล่องเสียง นิ้วมือนิ้วเท้า เรียกว่าทำให้พิการไปเลยก็ได้
“ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเถอะนายน้อย แค่นี้ก็คงพอแล้วกระมังครับ “ สภาพของคิมสันตอนนี้เลือดมากมายไหลอาบร่างจนกลายเป็นสีแดงเหล็กแหลมไม่ต่ำกว่าสิบอันทิ่มแทงตามจุดต่างๆของร่างกาย กระดูกซี่โครงหักทะลุปอดจากการเตะของวินด์เมื่อครู่ ใบหน้าซีกหนึ่งฟกช้ำสาหัสเพราะการตบด้วยหลังมือของปิยะ
“ รบกวนคุณหนูปิยะช่วยลงมือรักษาด้วยครับ “ ลีที่มาควบคุมสถานการณ์ตามคำสั่งของ ภูมิ อัครเมธี ที่พอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเริ่มลงมือปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจากมาสเตอร์ของตนเองทันที
“ จะเหลือก็พี่กับน้องสาวของคิมสันงั้นสิ “ วินด์เอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับมองไปยังทางเดินที่ทอดยาวมาจากหน้าลิฟต์โดยห้องที่เขาผ่านมาสองห้องนั้นเป็นของพี่สาวและน้องสาวของคิมสันที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนี้
“ จะว่าก็ว่านะวินด์ คนเป็นพี่ฉันขอเถอะมีบางอย่างค้างคาใจตั้งแต่อยู่อเมริกาแล้วละ “ ยูตะเอ่ยทำลายบรรยากาศขึ้นมาจนวินด์ชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“ เฮ้ยแต่เธอไม่เคยมีส่วนรู้เห็นกับธุรกิจของครอบครัวรวมไปถึงพฤติกรรมแย่ๆของหมอนี่เลยนะ เรียกว่ามือสะอาดของจริงเลย “ ยูตะรีบชักแม่น้ำทั้งร้อยสายทั่วโลกมาให้วินด์คิดเปลี่ยนใจ
“ เห็นกับนาย แล้วจะเอาไงกับคนน้อง “ ถึงแม้จะจบปัญหาพี่สาวไปได้แต่น้องสาวก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดี เขาก็ไม่อยากได้เด็กที่ไหนมากวนชีวิตประจำวันที่ต้องทำวิจัยตลอดเวลาด้วย
“ เอาเป็นว่าฉันจะจัดการเองก็แล้วกัน “ ชายที่ขี้เล่นเป็นประจำเงียบไปเสียอย่างนั้นก่อนจะตอบออกมาด้วยแววตาที่เพื่อนทั้งสองไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาของผู้ชายคนหนึ่ง
“ งั้นแล้วแต่นาย “ ปิยะพูดขึ้นแล้วปลีกตัวมารักษาคนที่กำลังนอนหายใจรวยรินใกล้จะตายเต็มที่ติดแค่ว่ามีพระเจ้าในคราบซาตานมายื้อชีวิตเอาไว้ไม่ให้ตายง่ายจนเกินไป
“ คิมสัน “ วินด์เรียกพลางใช้เท้าสกิดที่ใบหน้าเจ้าตัวคนใกล้ตายก่อนจะได้รับสายตายั่วโมโหใส่อีกครั้งจนเกือบจะพลั้งมือกระทืบศรีษะเจ้าตัวปัญหาให้แหลกคาเท้าแต่ก็มีลีและปิยะคอยเตือนสติอยู่จึงชักขากลับทัน
“ แกตีสนิทกับริณเพื่อเข้าใกล้ฉันสินะ “ คำถามทะลุกลางปล้องโดยไม่เบี่ยงเบนหรืออ้อมค้อมแม้แต่น้อย เขาแค่อยากรู้ใจจริงของเศษมนุษย์คนนี้เพียงเท่านั้น
“ ใช่แต่ก็เสียดายนิดๆนะผู้หญิงแบบนั้นไม่น่ารีบตายเลย เหมาะกับตำแหน่งบริกรสาวที่นี่พอดี พวกป๋าๆคงชอบ “ เส้นอารมณ์ของวินด์ที่พยายามอดกลั้นขาดผึงทันทีรองเท้าหนังอย่างดีกระแทกปากเจ้าตัวปากไม่ค่อยดีเท่าไรนักจนเลือดกบปากแน่นิ่งไม่ไหวติงไปในที่สุด
“ ไม่ต้องห่วงผมไม่เคยเห็นใครตายเพราะกามหลุดมาก่อนแล้วกัน “ วินด์พูดพลางหลับตาแหงนหน้าสู่เพดานที่ว่างเปล่าพร้อมกับหายใจเข้าออกเพื่อควบคุมอารมณ์ให้กลับเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง ตามมาด้วยสีหน้าลำบากใจของลีกับปิยะที่ส่ายหัวเหมือนจะบอกว่าช่วยไม่ได้
“ คนแบบแกจะต้องชดใช้ สักวันหนึ่งครอบครัวแกเพื่อนแกคนที่แกรักทุกคนจะต้องตายอย่างทรมาณโดยมีแกทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น ฉันจะจำหน้าแกเอาไว้ “ บิดาของคิมสันพูดพร่ำฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาจนปิยะนึกละเหี่ยใจทั้งๆที่น่าจะรอดมือรอดเท้าแล้วแท้ๆกลับแส่หาเรื่องอีกคนจนได้พ่อลูกเหมือนกันไม่มีผิด
“ นี่คุณกำลังขู่ฆ่าคนที่ทำเพียงแค่กระดิกนิ้วก็ฆ่าล้างครอบครัวคุณได้เนี่ยนะครับ เข้าใจอะไรผิดแล้วละคุณผู้ชาย “ วินด์ไม่สนใจจะเอาความอะไรอีกเขาโตพอที่จะไม่ลามปาม เพราะที่ทำไปวันนี้มันก็มากมายพอดูไม่แน่กลับถึงบ้านอาจโดนเอ็ดนิดหน่อยก็เป็นได้
“ นี่ผมไม่เข้าใจความรู้สึกคนเป็นพ่อหรอกนะ แต่ที่ลูกชายคุณทำคือการเข้าไปตีสนิทกับคนที่เพื่อนผมรักมาก แล้วใช้เธอเป็นเครื่องมือจนสุดท้ายเธอก็ ‘ เกือบ ‘ ตายจากเขาไป มันก็ความรู้สึกเสียใจแบบเดียวกันนั่นละ ทั้งโกรธแค้นเศร้าอาฆาต เก็บไปคิดดูนะครับแต่สุดท้ายต่อให้คิดได้มันก็ไม่หายไปไหนหรอกความแค้นนี้น่ะไว้พวกผมจะรอแล้วกัน “
ปิยะร่ายออกมายาวๆพร้อมกับลงมือปฐมพยาบาลให้คนอื่นไปเรื่อยเปื่อยถึงแม้จะเป็นนักกฎหมายแต่ความจริงแล้วเขาอยากเป็นแพทย์มากกว่า ถึงแม้ฝีมือจริงๆแล้ววินด์จะเก่งมากกว่าแต่นั่นก็เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาเพื่อนรักคนนี้ ทักษะด้านต่างๆสูงลิบลิ่วไม่เว้นแม้แต่ดวงที่ริณตายนั้นถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาทีเดียวที่วินด์จะพบกับความล้มเหลวในชีวิต
แม้ในยามที่เรื่องทุกอย่างจบลงนัยน์ตาของวินด์ก็ยังคงไร้ซึ่งประกายแสงใดๆไม่มีอารมณ์และความรู้สึก จะมีก็แต่ความมืดมนที่มีอยู่ในจิตใจที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดทางสีหน้าและแววตานั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรพื้นที่ค่อยๆถูกเคลียและทำความสะอาดทั้งหมดก่อนจะเริ่มการซ่อมแซมตัวอาคารเสร็จภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ด้วยความสามารถของอดีต CIA และ FBI ที่ถูกจ้างมารับงานครั้งนี้ไม่เหลือแม้แต่รอยเลือดหรือสารที่ทำปฏิกริยากับลูมินอล* เรียกได้ว่าหมดจด
“ พี่ชาย “ เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเด็กน้อยใส่ชุดคลุมหัวหูแมวสีเหลืองอ่อนในอกกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลไว้ พร้อมกับยูตะที่เดินตามมา
“ คะ “ วินด์ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่แสดงออกมาด้วยทักษะ Poker Face พลางมองไปยังปิยะที่นั่งอยู่ตรงข้ามเหมือนจะขอความเห็น
“ พี่ชายชื่ออะไรหรอ “ เด็กน้อยถามต่อพร้อมเอียงคออย่างน่ารักน่าเอ็นดูจนวินด์แอบยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้ากลับเป็นปกติ
“ วินด์คะ แล้วหนูละ “ ชายที่แก่กว่าตอบเด็กน้อยที่กำลังมองเขาอยู่ด้วยท่าทีคลายกังวลขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะถามกลับเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กสาวได้บอกชื่อของตัวเอง
“ เอริซ่า “ เด็กน้อยก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มสดใสอีกครั้ง น้ำเสียงใสซื่อบริสุทธิ์กับใบหน้ายิ้มแย้มแก้มสีชมพูอ่อนเมื่อเขามองแล้วกลับทำให้นึกถึงใครบางคนที่รออยู่
“ เฮ้ยูตะแล้วข้างๆนายละ จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยหรอ “ ชายที่นั่งเล่นกับเด็กน้อยที่เพิ่งรู้จักถามออกไปยังเพื่อนสนิทที่เดินมาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาเรียกได้ว่าสวยคนหนึ่ง
“ มิเนอร์ว่าที่เราบอกไง “ ยูตะตอบด้วยท่าทีอายนิดๆก่อนจะพาไปนั่งเพื่อสนทนากันต่อพร้อมๆกับเอริซ่าที่ถูกวินด์อุ้มขึ้นมานั่งที่ตัก
เด็กน้อยนั่งทำตาแป๋วๆมองคนแปลกหน้าอีกสองคนที่เธอไม่รู้จักก่อนจะเงยหน้ามองผู้ชายที่กอดเธอหลวมๆที่ด้านหลัง พลางพิงไปยังแผงอกที่อบอุ่นนั้นก่อนจะหลับไปในที่สุด
“ เอาเป็นว่าตามนี้นะยูตะ น้องสาวของมิเนอร์ว่าผมจะดูแลเอง “ ชายหนุ่มมองใบหน้าเด็กสาวที่หลับอยู่ในอ้อมกอดพลางลูบเส้นผมที่นิ่มดั่งผ้าแพร ใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับทำให้เขารู้สึกสบายใจ จะบอกว่าเขาเลวหรืออะไรก็ได้แต่สำหรับเอริซ่านั้นเธอคล้ายกับริณจริงๆ
มิเนอร์ว่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นกลางป้องจนวินด์และปิยะที่เตรียมคำตอบไว้แล้วต้องมองหน้ากันเพื่อปรึกษาทางสายตา
“ แล้วคุณพ่อคุณแม่กับคิมสันละคะ “ มันไม่แปลกที่จะถามถึงครอบครัวของตนเองที่อยู่ๆก็หายไป แต่ยังไงก็ควรต้องบอกความจริง การโกหกที่ดีคือการโกหกด้วยความจริงนั่นละ
“ คุณคงรู้เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวบางส่วนสินะครับ “ ปิยะเปิดประเด็นทันทีโดยไม่สนสายตาไม่พอใจของยูตะที่มองมา
“ คะ “ หญิงสาวตอบพลางพยักหน้าก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ลาสเวกัสจะมีคาสิโน
“ ผมเข้าใจที่คุณคิดนะครับว่ามันถูกกฎหมายในเมืองนี้จะขอบอกตรงๆแล้วกันนะครับ ลูกค้าของครอบครัวคุณนั้นมีแต่บุคคลนอกกฎหมาย และน้องชายคุณได้ก่ออาชญากรรมข้ามชาติอีกด้วย ผมในฐานะตัวแทนจากประเทศนั้นจึงมาดำเนินการจับกุมตามคำสั่งศาล ครับ “
มิเนอร์ว่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอคงจะช็อคมากๆสำหรับสิ่งที่ได้ยินพลางก้มหน้าสะอื้นจนยูตะต้องเป็นคนเข้าไปปลอบ
“ ไม่จริงใช่ไหมยู ทำไมพ่อแม่ไม่เคยบอกเราเลย “ มิเนอร์ว่าสะอื้นไปพลางทุบหน้าอกยูตะไปพลาง แต่การกระทำเช่นนั้นไม่ทำให้ยูตะเจ็บปวดเท่ากับความรู้สึกที่มิเนอร์ว่าได้รับรู้ ยังดีที่เอริซ่าหลับไปแล้วจึงไม่ได้รับรู้ความจริงอันโหดร้ายสำหรับเด็กวัยเพียง 13 ปี
“ ให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมเถอะครับ “ ยูเอ่ยพลางปลอบประโลมหญิงสาวที่เคยคบกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา เพราะเหตุบางอย่างทำให้เขาและเธอต้องแยกจากกันจนในที่สุดก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ
“ คุณจะต้องไม่ไปไหนนะ กลับไปอยู่กับผมเถอะที่นี่ไม่มีอะไรอีกแล้ว “ ยูตะสวมกอดหญิงสาวที่อายุมากกว่าอย่างแผ่วเบาทนุถนอมเสมือนประหนึ่งเธอจะหายไปกับอากาศตรงหน้าหากปล่อยเธอไปหรือทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและจบลงในวันเดียว เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นเพิ่งจะผ่านมาไม่ถึง 3 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“ นายน้อยเครื่องพร้อมแล้วครับ “ ลีเดินออกมาพร้อมกับแม่บ้านอีกสองคนดั่งเช่นที่เคยต้อนรับเขาที่รันเวย์ของคฤหาสน์อัครเมธีที่บ้านเกิด ก่อนที่ชายที่ถูกเรียกว่านายน้อยจะส่งสายตาให้เพื่อนทั้งสองคนพาร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับไปยังบ้านของพวกเขา
“ กลับกันเถอะ “ เพียงคำพูด 3 คำของวินด์ผู้ที่เริ่มและจบทุกอย่าง เขาไม่มีธุระอะไรกับเมืองเล็กๆแห่งแสงสียามราตรีนี้อีกแล้วอย่างน้อยเขาก็ได้สิ่งหนึ่งกลับไปด้วยเด็กสาวที่แม้จะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเท่าไรนักตอนนี้หลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ปิยะที่เห็นแบบนั้นจึงค่อยๆเดินตามออกมาปล่อยให้ยูตะกับมิเนอร์ว่าอยู่ด้วยกันสองคนครู่หนึ่ง
ไม่นานนักทั้งสองคนก็เดินออกมาจากหน้าลอบบี้ของโรงแรมดวงตาที่บอบช้ำของมิเนอร์ว่าแสดงให้เห็นว่าเธอเสียน้ำตาไปมากเท่าไร แต่อย่างน้อยคนที่เธอรักทั้งสามคนยังคงมีชีวิตอยู่ต่างกับเขาที่แม้แต่คนที่รักเพียงคนเดียวก็เสียไปแล้วโดยที่ไม่สามารถปกป้องหรือช่วยเหลืออะไรได้เลย
แต่จะให้ถือโทษโกรธหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเพราะเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว ตัวคนที่ควรได้รับโทษตามกฎหมายก็ถูกส่งตัวให้ศาลระหว่างประเทศส่งต่อให้ไปดำเนินคดีที่ประเทศของตัวเองอย่างเงียบๆแล้วทุกอย่างก็คงจะจบ
ที่เหลือก็เพียงเรื่องที่เขาต้องทำด้วยตัวเอง ทั้งนิยามและทฤษฎีที่วางไว้สามารถเกิดขึ้นจริงได้เหลือแค่การปฏิบัติด้วยฝีมือที่ดีพอของเขาเท่านั้นทุกอย่างก็จะเสร็จสมบูรณ์ อีกไม่นานคนที่เขารักจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
‘ ไอริณ ‘…….
_____________________________________________________________
*ลูมินอล : สารตรวจสอบรอยเลือดโดยการทำปฏิกริยาของฮีโมโกลบินให้เปล่งแสงออกมา
ขอแก้ชื่อตอนเพื่อความเหมาะสมของเนื้อหานะครับ จบแล้วครับต้นเหตุทั้งหมดเหลือแค่ปลายเหตุที่พระเอกของเราต้องไปแก้ไขแล้วจะได้โลดแล่นในโลกออนไลน์เสียที
ดราม่ามากไปรึเปล่าหว่า ?
อดทนอีกนิดนะครับสำหรับคนที่เข้ามาหวังฉากออนไลน์ไปป่วนในโลกเสมือนจริง :)
ความคิดเห็น