ตอนที่ 7 : 06
6
แฮ่กๆ...
แบมแบมเผยอปากหอบกอบโกยลมหายใจที่เคยถูกช่วงชิงเมื่อมันถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ หลายนาทีที่ความคิดมันตีรวนปนกันไปหมด ถ้าจูบที่เคยทำมันช่วยให้สมองพร่ามัวคงใช้ไม่ได้กับคราวนี้ ปลายลิ้นที่กวาดต้อนไปทั่วโพรงปากและดุนดันอีกปลายลิ้นนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเจ้าของมันคือหมอกที่เคยเยือกเย็นสุขุมแบบที่ผ่านมา คนใต้ร่างมองใบหน้าของคนที่พ่นลมหายใจออกมาด้วยความร้อน เลือดในกายของหมอกมันคงสูบฉีดจนพรั่งพรูออกมาเป็นลมหายใจและการกระทำที่จ้าบจ้วงแบบเมื่อครู่ มันสร้างความเสียขวัญให้ผู้ที่ถูกกระทำอยู่ไม่น้อย ข้อมือเล็กยังคงถูกตรึงแนบไปกับที่นอน ร่างบอบบางยังคงถูกคร่อมทับจนอีกร่างแทบจะแนบชิดไม่เหลือช่องว่าง
หมอกดูออก...ดูออกว่าแบมแบมกำลังกลัว
“อย่าทำแบบนี้อีก”
คำพูดแรกหลุดออกจากเรียวปากที่ฉ่ำน้ำ เสียงทุ้มนั้นไม่ได้ทำให้แบมแบมรู้สึกดีขึ้นเลย แบมแบมพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“เธอไม่ใช่เครื่องมือของใคร...”
เวลาที่หมอกไม่อ่อนโยนมันน่ากลัวสำหรับแบมแบมมากหมอกจะรู้ตัวหรือเปล่า
“เค้า...”
แบมแบมสะอึกด้วยความกังวลทั้งที่เอ่ยออกมาได้แค่คำเดียว ไม่คิดว่าการที่พยายามพูดในเรื่องที่หวังดีมันจะทำให้หมอกเข้าใจเจตนาได้ผิดเพี้ยนไปขนาดนี้
“หมอกเข้าใจผิดนะ...”
“เราเข้าใจถูก หรือเธออยากให้เราคิดว่าที่พูดออกมาเพราะเธออยากให้เราไป
บอกมาสิว่าอยากให้เรากลับไปมันเป็นความคิดเธอ
.
.
.
บอกมาคำเดียว...แค่บอกว่ามันเป็นความคิดของเธอ...
จะไปให้เลย”
แบมแบมส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรื้น ทำไมจะไม่เข้าใจความรู้สึกของหมอกแต่แบมแบมก็อยากให้หมอกเองเข้าใจเจตนาว่าคนที่หมอกกำลังคิดว่าเขาอยากให้หมอกไปนั้นมันก็เพื่ออนาคตของหมอกทั้งนั้น
แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกแบมแบมก็ไม่เคยนึกอยากให้หมอกไปเลย ขนาดที่หมอกเองออกปากว่าถ้าตัวเองเป็นคนบอกให้ไปก็จะไป ทำไมแบมแบมจะพูดออกมาให้จบๆไปไม่ได้...แต่แบมแบมใจไม่แข็งขนาดที่จะผลักให้หมอกออกไปหรอก ลำพังแค่ต้องพูดในสิ่งที่กดดันเมื่อครู่ก็แทบจะร้องไห้ออกมาเต็มที และการพูดออกมาแบบนั้นมันก็ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองด้วย
“ไม่มีใครบังคับเราได้หรอกนะ ต่อให้เขาให้เธอมาพูดกรอกหูเราทุกวัน เราจะไม่ทนเป็นหุ่นกระบอกตัวเดิมอีกแล้วแบมแบม...”
ยิ่งฟังสิ่งที่ออกมาจากความคิดของหมอกเองแบมแบมก็เจ็บปวดตามไม่น้อย ในใจของหมอกมันจะเจ็บมากกว่านี้อีกสักเท่าไหร่...สามปีที่หมอกไปมันจะโดดเดี่ยวสักแค่ไหน
“หมอกไม่ใช่หุ่นกระบอกหรอกนะ แล้วก็ไม่มีใครคิดแบบนั้น...ทุกคนรักหมอกนะ”
แบมแบมพูดออกไปด้วยเสียงที่สั่น จบประโยคก็พบว่าใบหน้าคมนั้นส่ายกลับมา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่แบมแบมพูดแบบนี้ และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกไม่คล้อยตาม
“ถ้าไม่ใช่...เขาจะไล่เราไปทำไม...ทำไมต้องเป็นเรา...ทำไม...ทำไมล่ะแบมแบม”
“หมอก...อย่าร้องนะ”
เจ้าของเสียงเล็กคาดเดามันจากน้ำเสียงที่เริ่มแกว่งและแววตาที่สั่นคลอน ร่างบางยืดตัวเองขึ้นไปกอดร่างที่ค้ำยันตัวเองเอาไว้
หมอกอ่อนแอเกินว่าที่แบมแบมจะหยิบยกประเด็นเดิมๆมาคุยกันอีกแล้ว
“หมอกอย่าเป็นแบบนี้สิ...ฮึก...
ค...เค้าจะอยู่ข้างๆหมอกเองนะ”
มือเล็กลูบปลอบไปตามแผ่นหลังมันกว้างสำหรับแบมแบมแต่ความรู้สึกที่กอดอยู่มันทำให้แบมแบมรู้สึกว่าหมอกตัวเล็กนิดเดียวเท่านั้น ในความรู้สึกของหมอก...ต่อให้หมอกจะไม่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่รักหมอก แต่หมอกจะต้องเชื่อว่ายังมีแบมแบมที่รักหมอกอยู่ในโลกนี้
เป็นเรื่องแย่สำหรับแบมแบมที่คนปลอบกลับเป็นคนร้องไห้ออกมาเอง ในระหว่างที่หมอกไม่เชื่อแบมแบมบอกตัวเองว่าจะคอยอยู่ข้างๆกับหมอกแบบนี้ และจะต้องทำให้หมอกเชื่อในสักวันว่าคนในครอบครัวทุกคนต่างก็รักหมอกไม่ต่างไปจากแบมแบม
“อย่าห่วงเลย...เราจะไม่อ่อนแออีกแล้ว เราจะไม่กลับไปอยู่จุดเดิมๆ
ขอแค่มีเธออยู่...เราจะไม่กลัวอะไรอีก”
*
“ลูกหมู...แล้วเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยของหนูน่ะเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วฮะ ตอนนี้ก็แค่รอปฐมนิเทศน์”
“อื้ม...เอาเถอะ ถ้าเราอยากเรียนด้านนี้จริงๆป้าก็ไม่ขัดหรอกนะ แต่ลองคิดๆดูถ้าเราเรียนบริหารจบออกมาก็จะได้ช่วยงานหมอก ยังไงหมอกก็จะเรียนจบอยู่แล้ว ใช่ไหมหมอก”
เมทินีหันไปถามลูกชายที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของแบมแบม แต่ก็มีเพียงความนิ่งเท่านั้นที่ปรากฏ
“อะไรของแม่เนี่ย หมูก็บอกแล้วไงว่าเรื่องเข้ามหาลัยเรียบร้อยแล้ว แม่จะมาบังคับหมูทำไม”
เป็นม่านที่นั่งขนาบอยู่ด้านขวาโพล่งออกมาด้วยใบหน้าที่ขุ่นมัว คิ้วที่ขมวดทำให้คุณนายเมทินีต้องถอนหายใจออกมาระลอกใหญ่ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อกลางวันวันค่อนข้างกระท่อนกระแท่นจนหญิงวัยกลางคนต้องหาเรื่องมาเปิดประเด็นเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเงียบเกินไปต่างหาก
“แม่ไม่ได้บังคับลูกหมูสักหน่อย ก็พูดเผื่อยัยหมูของเราจะเปลี่ยนใจไม่ได้เหรอ”
“เพราะผมรู้ดีว่ายัยหมูอยากจะทำอะไร แม่ไม่ต้องมายุ่งหรอกนะ”
“ม่านอย่าพูดกับแม่แบบนั้นสิ”
แบมแบมกระซิบเบาๆข้างๆใบหูของม่านเพราะคำพูดของม่านมันอาจจะแรงไปสำหรับคุณนายเมทินี
“เอาล่ะ...ช่างเถอะแม่ไม่ยุ่งก็ได้ ทานข้าวกันเถอะจ่ะเด็กๆ”
คุณนายเมทินีอยู่ที่บ้านพักตากอากาศกับเด็กๆได้ถึงช่วงเย็นก็แยกออกมาทำธุระที่กรุงเทพ ทำให้บ้านพักตากอากาศตอนนี้เหลือกันอยู่สามคนเหมือนเดิม ถึงแม้มันจะค่อนข้างอึดอัดสำหรับใครบางคนแต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะจุดศูนย์รวมความรู้สึกของคนทั้งสองมันไปรวมกันอยู่ที่คนๆเดียว
บรรยากาศในตอนเย็นที่เหลือคนสามคนนั้นค่อนข้างอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นแบมแบมก็อยากที่จะทำให้คนทั้งสองนั้นกลับมาเข้าใจกันได้อย่างที่คาดหวังมาตลอด ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องต้องมาเป็นแบบนี้เพราะตัวเองเลย แบมแบมอยากให้ทั้งหมอกและม่านรู้ว่าทั้งคู่คือความสุขของแบมแบมด้วยกันทั้งสองฝ่าย
“เสร็จแล้ว...นี่เค้าทำสุดฝีมือเลยนะ”
แบมแบมยิ้มจนตาหยีเมื่อจานกระเบื้องวางลงบนโต๊ะ บลูเบอร์รี่ชีสพายที่ตั้งใจทำหวังว่าจะทำให้คนที่ได้ทานมีความสุขขึ้นมาบ้าง ใบหน้าหวานมองสลับไปมาระหว่างคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่อีกมุมหนึ่งและอีกคนที่นอนเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจังหวะนั้นสองใบหน้าที่ก้มอยู่ก็เงยขึ้นมาตามเสียงเรียกของแบมแบมพอดี
“หมอกมาช่วยติเค้าหน่อยสิ”
แบมแบมพูดพร้อมยิ้มจางๆไปทางหมอก ก่อนที่จะเบนสายตาไปอีกทาง
“ม่าน...มากินเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เจ้าของเสียงเริ่มตัดพายออกเป็นชิ้นเล็กๆให้พอรับประทานสำหรับหนึ่งคนก่อนจะแบ่งใส่จานใบเล็กที่เตรียมเอาไว้ ไม่นานสองแฝดก็ต่างคนต่างยอมเดินมานั่งที่เก้าอี้ทำให้เจ้าของบลูเบอร์รี่ชีสพายเริ่มใจชื้น
“เป็นยังไงบ้าง...”
แบมแบมจดจ้องใบหน้าขรึมที่เพิ่งตักพายเข้าปาก ที่ลุ้นเป็นพิเศษก็เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกที่หมอกได้ทานมันเป็นครั้งแรกสำหรับการลงมือเองของแบมแบม ต่างจากม่านที่เคยได้ชิมมาหลายต่อหลายครั้ง
“อร่อย...”
เป็นหมอกที่อมยิ้มกลับมาให้และก็ทำเพียงแค่ตักคำต่อไปเข้าไปเงียบๆ
“หมูๆ ไอแจ็คมันส่งรูปตอนวันเกิดมาให้”
แบมแบมหันกลับไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยัยหมูดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ม่านบอก แต่ความเป็นจริงรู้สึกดีมากกว่าที่สถานการณ์ของพวกเขาทั้งสามคนนั้นมันดีขึ้นมากกว่าเมื่อวาน เห็นม่านกลับมาพูดคุยปกติแบบนี้ได้แล้วก็เบาใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หายห่วง
“ไหน...หมูขอดูหน่อยซี่”
ใบหน้าหวานโน้มไปอยู่ตรงหน้าลำตัวของเจ้าของโทรศัพท์ที่ถูกหยิบขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบนหน้าจอมันมีรูปเปิดไว้อยู่แล้ว
“โหย...หมูอ้วนจัง” ทันทีที่เห็นใบหน้าตัวเองในภาพก็อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้
มือหนาลูบไปตามกลุ่มผมที่อยู่ด้านหน้าตัวเองในระหว่างที่แบมแบมหยิบมือถือสไลด์รูปไปเรื่อยๆ
“นี่หมู...รูปนี้ม่านหน้าตลกมาก”
“จริงด้วย”
ยัยหมูถึงกับหลุดขำไปตามใบหน้าของคนพูด รูปที่ม่านกำลังคุกเข่าลงไปพร้อมกับเค้กในมือยัยหมูยังจดจำได้ว่ามันสร้างเสียงโห่ร้องให้กับเพื่อนๆในงานคืนนั้น
“ถ้าหมอกอยู่ด้วยคงสนุกมากกว่านี้” แบมแบมละสายตาจากหน้าจอก่อนจะชำเลืองไปฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ พอหมอกได้ยินชื่อตัวเองก็เงยหน้าขึ้นมาจากพายที่นั่งกินอยู่เงียบๆ
“ไม่อยู่น่ะดีแล้ว...เดี๋ยวงานจะกร่อย”
มันทำให้แบมแบมคิดไปถึงเรื่องที่หมอกบอกว่าหมอกตั้งใจจะกลับมาแต่ก็ไม่ทัน และเรื่องที่คิดในใจว่าม่านรับรู้ว่าหมอกจะกลับมานั้นก็ยังคงแครงใจ เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่อยากจะเก็บเรื่องพวกนี้มาคิดให้บั่นทอนมากกว่าที่เป็นอยู่
.
.
.
“ม่านๆๆ...”
เจ้าของชื่อละสายตาจากจอโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงเล็กๆงุ้งงิ้งอยู่ข้างๆ ยัยหมูคงจะจัดการกับร่างกายตัวเองเสร็จเรียบร้อยหลังจากที่อาบน้ำ และตอนนี้ก็เดาได้ว่าเดี๋ยวร่างเล็กๆที่มานั่งเบียดจะต้องขออะไรสักอย่าง เพราะน้ำเสียงที่ค่อนข้างงุ้งงิ้งนั่นแหละเป็นตัวบอกเขา
“จะเอาอะไร”
พอยัยหมูมาโทรศัพท์มือถือมันก็แทบหมดความหมาย ม่านวางมันลงไปข้างๆหมอนที่ตัวเองนอนทับอยู่ก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น
“มานั่งนี่”
ตบเบาๆลงไปบนตักของตัวเองไม่นานร่างเล็กก็ลงมานั่งตามที่บอกแต่โดยดี ได้โอกาสเหมาะก็กอดไปรอบๆเอวบางบางเกยคางบนเนินไหล่
“ว่าไง...ม่านรู้หรอกนะ ถ้าไม่อยากได้อะไรไม่มาอ้อนม่านหรอกใช่ไหม”
“งื้อ...เห็นหมูเอาแต่ได้ใช่ไหมล่ะ”
เรียวปากหยักยกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าเริ่มง้ำงอ
“หมูจะชวนม่านไปถ่ายรูปเล่นด้วยกันพรุ่งนี้ต่างหาก หมอกจะพาไปหาที่ถ่ายรูป”
“…”
“ไปด้วยกันนะๆๆ หมูอยากให้เราอยู่ด้วยกัน”
ทำไมเขาจะไม่รู้ในความหวังดีของยัยหมู แต่สำหรับเขากับฝาแฝดของตัวเองสถานการณ์ตอนนี้แค่หน้ายังไม่ค่อยอยากจะมอง
ที่ยอมอยู่ด้วยกันอย่างสันติมันจะเพราะใคร...ถ้าไม่ใช่คนที่เขากำลังกอดอยู่
“หมูไปเถอะ....ม่านขี้เกียจ ไม่ชอบอะไรแบบนี้หรอก”
ในเมื่อห้ามไม่ได้ ในเมื่อใจไม่แข็งพอที่จะเด็ดขาด ในเมื่อไม่เห็นแก่ตัวพอที่จะบังคับความรู้สึกกันก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่ยัยหมูของเขาสบายใจล่ะมั้ง เป็นแบบที่เคยเป็นมาระหว่างเราทั้งสามคน เพราะหัวใจกับร่างกายมันอยู่คนละส่วน เป็นเขาที่เข้าใจผิดและสำคัญตัวเองมากไปจนทำให้ยัยหมูต้องเสียใจ ต้องเจ็บตัว...รอยแผลที่เกิดกับเท้าเล็กๆนั่นม่านก็อยากให้มันเป็นแผลสุดท้ายที่เกิดจากเขา ไม่อยากให้มีส่วนใดบอบช้ำไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนปั้นหน้ายิ้มไปแบบนี้ได้นานสักเท่าไหร่...
วันนี้แบมแบมตื่นเช้ากว่าเดิมเป็นพิเศษคงเพราะการนัดจากคนสำคัญ แต่ถึงแบมแบมจะตื่นเช้าแค่ไหนก็ไม่เคยที่จะตื่นก่อนหมอกได้สักที แบมแบมยิ้มกว้างเมื่อเดินลงมาเห็นคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะมุมข้างหน้าต่าง
“อ้าว...หมอกจะไปไหน?”
คนที่เพิ่งนั่งลงไปบนเก้าอี้เอ่ยถามแทบจะทันทีที่สะโพกตัวเองแตะลงไป
ก็อยู่ดีๆหมอกที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นดื้อๆ
“รออยู่นี่แหละ”
แค่เพียงไม่กี่นาทีแบมแบมก็รู้เหตุผลของการลุกขึ้นไป หมอกกลับมาพร้อมแก้วเซรามิกอีกใบ มันส่งกลิ่นหอมแตะปลายจมูกเมื่อถูกวางลงตรงหน้า
“กินรองท้องไปก่อน...”
“อื้อ...ขอบคุณน้า”
แบมแบมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มจางๆพร้อมกับพยักหน้าส่งไป
“วันนี้คงไม่เบี้ยวเราใช่ไหม”
คงเป็นคำถามที่อยากได้คำตอบเพียงแบบเดียว หมอกทำเพียงแค่ท้าวคางมองริมฝีปากที่กำลังจิบโกโก้ที่ตัวเองเป็นคนชง บทสนทนาค่อยเป็นค่อยไปตามแบบฉบับของทั้งสอง รอให้แบมแบมขึ้นไปจัดการแต่งตัวอีกครั้ง หายขึ้นไปชั่วโมงกว่าๆก็เห็นร่างบางเดินลงมาจากบันได
“หมอกรอนานไหม”
“ช่างมันเถอะ...นี่ไม่ได้ลงมาบอกว่าไปไม่ได้ใช่ไหม”
เพราะหมอกเห็นว่าแบมแบมขึ้นไปนานจากที่ตอนแรกแค่บอกว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบของติดตัวแค่บางอย่าง บางทีการขึ้นไปเจอใครอาจทำให้แบมแบมเปลี่ยนใจก็ได้ ยิ่งพอเห็นร่างบางเดินเข้ามาใกล้ๆด้วยสีหน้าไม่ดีนักสายตาหมอกก็เริ่มหม่นไปถนัดตา
“อื้อ...ถ้าเกิดว่าเค้าไปไม่ได้ล่ะ”
.
.
.
“อืม...ไปไม่ได้ก็ไปไม่ได้สิ ไม่เป็นไร”
ดวงตาที่ฉายแววหม่นนั้นปิดกั้นความรู้สึกไม่มิดแม้ว่าใบหน้าจะพยายามแสร้งทำว่ามันไม่รู้สึกอะไร หมอกไม่อยากให้ถูกมองว่ากำลังทำตัวงี่เง่าอยู่ มันก็แค่การออกไปถ่ายรูปด้วยกันธรรมดา ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
“แต่ว่าเค้าไปได้”
“เธอ...”
ราวกับถูกกระชากอารมณ์กลับมา จะโกรธเจ้าของใบหน้าที่กำลังยิ้มอยู่เพราะหลอกเขาได้สำเร็จก็โกรธไม่ลง ตอนที่ได้ยินคำว่าไปได้อีกลมหายใจอ่อนๆมันถูกพ่นออกไปด้วยความโล่งราวกับว่าเจอของหายที่สูญเสียไป
“เค้าขอโทษ ก็แค่อยากล้อหมอกเล่นไง
หมอกโกรธเหรอ”
กลับกลายเป็นแบมแบมที่ต้องพูดไปพลางเดินตามคนที่ตัวสูงกว่าออกมาหน้าบ้าน หมอกนิ่งไปตั้งแต่พูดออกมาแค่คำว่าเธอ...
“หมอก...”
“...”
“ทีหลังเค้าจะไม่ล้อเล่นแบบนี้อีกแล้วก็ได้”
แบมแบมยังคงไม่ลดละความพยายามในการง้อคนที่นิ่งไป มือคู่สวยเกาะไปยังท่อนแขนพลางเขย่าเบาๆไปในระหว่างพูด มันทำให้ใบหน้าคมยอมก้มต่ำลงไปหาสายตาที่ดูเหมือนลูกแมวกำลังอ้อน
นี่แหละจุดประสงค์ที่แท้จริงของการแน่นิ่งไป
เขาน่ะ...แค่ใจหายตอนที่แบมแบมบอกว่าถ้าเกิดไปไม่ได้ แต่พอรู้ว่าแค่ถูกล้อเล่นก็เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งเลย ที่แสร้งทำเป็นนิ่งไปคงเพราะอยากแกล้งเด็กคนนี้กลับไปบ้างก็เท่านั้น แต่กลับเป็นเขาที่ชอบที่จะเห็นแบมแบมเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่ากำลังทำให้หายโกรธหรือกำลังอ้อนเขากันแน่
“งื้อ...หมอกอมยิ้มแล้วนี่...
แปลว่าแกล้งเค้ากลับเหรอ”
ลูกแมวขี้อ้อนตาโตวาวเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ก้มลงมากำลังอมยิ้มน้อยๆ หมอกดูอารมณ์ดีไม่เห็นนิ่งแบบเมื่อครู่
“ก็แกล้งเธอคืนไง...หายกันนะ”
“ง่ะ...”
“ไปกันเถอะ”
ข้อมือเล็กถูกจับโดยเจ้าของคำชวน ถึงจะไม่ได้ตั้งตัวแต่มันกลับทำให้แบมแบมโล่งใจและรู้สึกดีที่สัมผัสได้ว่าหมอกกำลังอารมณ์ดี ไม่กี่นาทีต่อมารถที่จอดทิ้งไว้ในโรงรถก็เคลื่อนตัวออกจากบ้าน แบมแบมรู้สึกตื่นเต้นกับการได้ออกมาข้างนอกกับคนที่หายไปถึงสามปี ตื่นเต้นกับการที่ได้นั่งรถที่ขับโดยหมอก และรถคันนี้ก็ถูกจอดทิ้งไว้ในบ้านหลังนี้โดยไม่มีใครขับก็ตั้งแต่ที่หมอกไป
“หมอก ดูสิ...สวยมากๆเลย”
แบมแบมมองไปยังทุ่งหญ้าที่ออกดอกสีขาวเป็นบริเวณกว้าง รีบเอ่ยชักชวนคนที่ลงจากรถแล้วเดินตามมาติดๆ หมอกถือกล้องที่คล้องคอไว้ในมืออดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพรอยยิ้มที่สดใสท่ามกลางความสวยงามของทุ่งหญ้าเหล่านั้น เขามองรอยยิ้มผ่านเลนส์และจดจำมันใส่ไว้ในที่บันทึกที่อยู่ในใจ ไม่ว่าดอกหญ้าพวกนั้นจะสวยสำหรับแบมแบมสักแค่ไหนแต่สำหรับหมอกมันก็คงจะสู้รอยยิ้มกว้างๆของแบมแบมไม่ได้เลย
“เค้าจำไม่ค่อยได้เลย แบบที่หมอกบอกว่าต้องปรับแบบไหน”
แบมแบมช้อนตาขึ้นไปมองร่างสูงที่ยืนซ้อนตนเองอยู่ด้านหลัง มือสองคู่ช่วยกันประคองกล้องที่อยู่ในระดับอกของคนที่ตัวเล็กกว่า
“ค่อยๆจำไป ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
“อื้อ...”
เสียงกระซิบข้างๆใบหูทำให้แบมแบมจั๊กจี้อยู่ไม่น้อย สมาธิในการเรียนถ่ายรูปถูกตัดทอนลงไปเพราะคุณครูที่สอนด้วยส่วนหนึ่ง สำหรับหมอกแล้วเขาเองก็อยากสอนแบมแบมให้ค่อยๆซึมซับการถ่ายรูปไปเรื่อยๆทีละนิด นั่นมันหมายถึงว่าเขาอยากสอนแบมแบมต่อไปนานๆ
“เค้าขอถ่ายรูปหมอกบ้างได้ไหม…”
“เบื่อวิวแล้วเหรอ...หรืออยากถ่ายเรา”
หมอกพูดไปโดยที่คางยังเกยอยู่บนไหล่แคบ
“ก็คะ...เค้าอยากรู้ว่าลองถ่ายคนกับวิวแล้วมันจะต่างกันไหมอะไรแบบนี้”
“ตอบไม่ตรงคำถามเลยนะ”
“หื้ม...ไม่ตรงยังไง”
แบมแบมหน้าแดงและร้อนผ่าวมากกว่าที่เป็น มือหนาที่โอบกอดรอบเอวเล็กพลางกระซิบไปที่ข้างๆหูอีกครั้ง
“ก็เราถามว่าอยากถ่ายเราเหรอ..
ก็ต้องตอบว่าใช่หรือไม่ใช่สิ”
“อื้อ...ก็ต้องตอบว่าใช่สิ”
“ตอบแบบนี้เหมือนเราบังคับเลยนะ”
“ป..เปล่า หมอกก็...”
“หึ...แหย่เล่น...
เห็นว่าหน้าเวลาโดนแกล้งน่ารักดี”
*
ก่อนมื้อกลางวันแบมแบมได้ภาพที่ถ่ายด้วยตัวเองอยู่หลายภาพ หลายรูปในจำนวนที่ชอบมักจะมีรูปของเจ้าของกล้องอยู่ในนั้น ช่วงหลังๆที่อยู่ในทุ่งดอกหญ้ากล้องจะอยู่ในมือของหมอกเสียมากกว่าทำให้ในกล้องบรรจุภาพที่มีแต่รอยยิ้มและใบหน้าของแบมแบมอยู่มากกว่าหมอกเสียอีก
“อยากกินอะไร”
เสียงทุ้มแทรกขึ้นมากลางความเงียบในระหว่างที่แบมแบมกำลังชื่นชมภาพถ่ายภายในรถ มันทำให้แบมแบมหลุดออกมาจากภวังค์ของตัวเองก่อนจะเงยขึ้นไปหาเจ้าของเสียง
“ถามหมอกดีกว่า...เค้าอยู่ที่นี่นะกินแทบทุกอย่าง
แต่หมอกเพิ่งกลับมา ไม่มีอะไรที่อยากกินเหรอ”
คนถูกถามกลับจดจ้องอีกหนึ่งใบหน้าก่อนที่จะส่ายหัวเบาๆกลับไป
“นึกไม่ออก...
เธออยากให้เรากินอะไร เราก็กินแบบนั้นแหละ”
อีกด้านหนึ่ง...
เป็นเวลาตื่นที่ค่อนข้างปกติสำหรับหนึ่งคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มือหนาขยุ้มเส้นผมสีอ่อนของตัวเองหลังจากที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง พลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า จำได้ว่าตอนนั้นยัยหมูของเขามาหาและน่าจะขออนุญาตออกไปเที่ยวอีกรอบนั่นแหละ ถ้าถามความสมัครใจจริงๆก็คงไม่อยากให้ไป ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องที่จะห้ามกัน เขาคงดูกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวและใจร้ายในสายตามากขึ้นไปอีก แต่กว่าที่จะยอมปล่อยให้ไปก็นอนกอดยัยหมูอยู่นานร่วมชั่วโมง ร่างสูงยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากเตียงหลังจากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไป ชั่งใจว่าจะโทรไปหาคนที่ห่วงอยู่ทุกขณะแต่ก็แค่คิดและไม่ได้ลงมือทำ พาร่างตัวเองให้เข้าไปทำกิจวัตรที่ควรจะทำได้ครู่ใหญ่ก็ออกมา ทันทีที่เห็นแสงสว่างวาบมาจากเครื่องสี่เหลี่ยมที่สั่นอยู่บนเตียงก็รีบกระโจนเข้าไปหยิบมัน
“หมูเหรอ”
เขารีบกรอกเสียงลงไป ไม่รู้ว่าปลายสายจะรอนานหรือยัง
“อื้อ...ก็ต้องหมูซี่ ไม่ได้เมมชื่อไว้ไง?”
“เมมไว้สิครับ ม่านก็อยากถามเฉยๆนี่”
“อื้อ...นี่ตื่นแล้วยัง?”
“ตื่นแล้ว”
ม่านทิ้งร่างตัวเองลงไปบนเตียงอีกครั้ง มันคงจะดีถ้าไม่ได้ยินแต่เสียง เขาอยากกอดเจ้าของเสียงที่สัมผัสได้แต่ความนุ่มนิ่มจนต้องดึงหมอนมากอดแทน
“แล้วหมูอยู่ไหนเนี่ย…”
“หมูกินข้าวกลางวันอยู่กับหมอกแล้ว ก็จะโทรมาปลุกให้ลุกมากินข้าว หมูทำกับข้าวไว้ให้แล้วนะ ลงไปกินซะดีๆ”
“ครับๆ...รู้แล้ว ไม่ต้องห่วงม่านนะ หมูดูแลตัวเองด้วย”
“อื้อ...เดี๋ยวตอนเย็นจะกลับไปกินข้าวด้วยนะ”
“อื้ม...จะวางแล้วเหรอ”
“จะฟังหมูกินข้าวไหมล่ะ...แต่หมูเคี้ยวเสียงดังนะ หูย...กับข้าวน่ากินมาเสิร์ฟเยอะแยะเลย บอกให้มาด้วยกันก็ไม่เชื่อ หมูจะกินเสียงดังให้ม่านอิจฉา”
“ว้า...ม่านตามไปดีไหมนะ”
“มาซี่...”
“ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวบางคนจะอารมณ์เสีย หมูกินเยอะๆนะม่านไม่กวนแล้ว เดี๋ยวก็จะลงไปกินข้าวที่หมูทำ ม่านว่าอร่อยกว่าที่หมูกำลังกินเยอะ”
“จริงเหรอ...งั้นกลับไปอย่าให้เห็นว่าเหลือนะ”
“ครับ...รีบๆกลับมาดูก็แล้วกัน”
โทรศัพท์ถูกโยนลงที่เดิมหลังจากนั้นไม่นาน ไม่ใช่ว่าตอนนี้ม่านไม่อยากกินอาหารฝีมือยัยหมูหรอกนะ แต่ตาที่ปิดลงโดยอัตโนมัตและเรี่ยวแรงที่มันหมดลงเอาดื้อๆนั้นทำให้ม่านอยากอยู่ตรงนั้นที่เดิมเงียบๆมากกว่า เขาเกลียดตัวเองที่รู้สึกว่าตอนนี้มันไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย มันมีด้วยเหรอการที่ปล่อยให้คนรักไปกับคนที่รู้ว่าเขาก็ต่างรักกัน แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คิดอยู่ว่าม่านจะได้มียัยหมูต่อไปหรือเปล่า...
To Be Continued
Talk : คิดถึงทุกคนมากๆ...สวัสดีปีใหม่นะคะ อาจจะมาอัพได้ทีละไม่มากเพราะว่าช่วงนี้สมองไม่ค่อยลื่นไม่ค่อยสบายซึ่งหลังปีใหม่ต้องปั่นเขียนโน๊ตนิดหน่อยด้วย แล้วก็แต่งสลับกับเรื่องอื่นไปด้วยค่ะ อย่าว่ากัน แต่จะพยายามแต่งมาเรื่อยๆค่ะJ
#Untwins93
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

2,077 ความคิดเห็น
-
#2077 chonnicha2549 (จากตอนที่ 7)วันที่ 5 ธันวาคม 2563 / 07:09เลือกทีมไม่ได้55555#2,0770
-
#2073 2bmt (จากตอนที่ 7)วันที่ 4 กันยายน 2563 / 14:45ทีมม่านเท่านั้นㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ#2,0730
-
#2061 MAGAND (มาร์กันต์) (จากตอนที่ 7)วันที่ 23 ตุลาคม 2562 / 12:17ทีมหมอกกกก#2,0610
-
#2018 Zevaaa (จากตอนที่ 7)วันที่ 25 มิถุนายน 2562 / 12:58ยืนยัน#ทีมม่าน#2,0180
-
#1928 ChanthavilaiLts (จากตอนที่ 7)วันที่ 14 พฤษภาคม 2562 / 09:54เชียร์ม่านเสมอจ้า #ทีมม่าน#1,9280
-
#1770 Spices_smile (จากตอนที่ 7)วันที่ 20 มกราคม 2562 / 00:36หน่วงไปหมด#1,7700
-
#1729 Maypchs (จากตอนที่ 7)วันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 / 13:08ท้องเลยๆๆๆๆ55555#1,7290
-
#1726 Khunkawaeii (จากตอนที่ 7)วันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 / 01:24สงสารม่าน เหมือนฝืนทำใจให้เย็นไม่เปนตัวของตัวเองแต่ที่ทำก็ยอมเพื่อมีหมูอยู่ข้างๆ ไม่รู้จะทนได้เมื่อไหร่ ม่านก็คิดว่าหมูรักหมอก เขารักกัน ฮรื่อเศร้าา#1,7260
-
#1721 Sucha1991 (จากตอนที่ 7)วันที่ 27 ตุลาคม 2561 / 18:40ทางไหนคือทางเลือก เลือกไม่ได้เลยหัวใจ อินสุดดดด!!! สงสารใครดี#1,7210
-
#1689 Spices_smile (จากตอนที่ 7)วันที่ 29 สิงหาคม 2561 / 16:29ม่านนน น้องหมายถึงรักทั้งคู่ไงงงงงง#1,6890
-
#1680 VloveMTBB (จากตอนที่ 7)วันที่ 9 สิงหาคม 2561 / 21:26หมอกมาอยู่กับเราก็แล้วกัน#1,6800
-
#1592 VivoV5 (จากตอนที่ 7)วันที่ 27 มีนาคม 2561 / 23:51มันเป็นความรู้สึกแบบหมูอยู่กับใครก็จะสงสารอีกคน ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องอยู่คนเดียวน่าสงสารเสมอม#1,5920
-
#1515 alltimeismark (จากตอนที่ 7)วันที่ 17 มกราคม 2561 / 21:52เฮ้อ ทำไงดีเราสงสารทั้งคู่เลยอ่ะ#1,5150
-
#1500 aynoszii (จากตอนที่ 7)วันที่ 22 ตุลาคม 2560 / 14:15หมอกไม่ต้องกลัวเราจะดูแลหมอกเอง5555555#1,5000
-
#1431 เบค่อนน้อย exo (จากตอนที่ 7)วันที่ 5 สิงหาคม 2560 / 20:48หน่วงใจจัง ไม่ว่าแบมอยุ่กับใครอีกคนก็ต้องเจ็บเสมอออ#1,4310
-
#1369 bbboobb (จากตอนที่ 7)วันที่ 16 กรกฎาคม 2560 / 14:28พระเอกมากเลย#1,3690
-
#1292 embrace (จากตอนที่ 7)วันที่ 24 พฤษภาคม 2560 / 13:05หมอกดูเหงาๆ ม่านลึกๆก็คงไม่ต่าง เป็นความสัมพันธ์ที่แยกจากกันยากจริงๆ อยากรู้จังว่าลึกๆแล้วหมูคิดอะไรอยู่#1,2920
-
#1273 waslikebubblegum (จากตอนที่ 7)วันที่ 8 พฤษภาคม 2560 / 18:43ม่านกับหมอกมีอะไรในใจมากกว่านั้นรึเปล่าอะ ฮืออออ รักกันๆซี่ ละมุนกับยัยหมูทั้งคู่อย่างนี้มันเลือกไม่ได้นะ มาละมุนพร้อมๆกันเถอะนะ#1,2730
-
#1249 in a love (จากตอนที่ 7)วันที่ 18 เมษายน 2560 / 22:51ทีมหมอกต่อไปแต่อึดอัดมากยิ่งอยากรู้ว่าหมอกจะเก็บอะไรไว้ในใจมากแค่ไหนนะ#1,2490
-
#1241 Piyawadee__Ja (จากตอนที่ 7)วันที่ 10 เมษายน 2560 / 19:22ทีมหมอก เราจะอยู่ข้างๆหมอก ยิ่งบอกว่าถ้าแบมบอกให้ไปก็จะไป จะร้องแล้วววว สงสารจริงนะ#1,2410
-
#1199 prawwy_blue (จากตอนที่ 7)วันที่ 5 เมษายน 2560 / 21:45ยิ่งอ่านยิ่งสงสารหมอก ถ้าถึงวันที่หมูเลือกจริงๆนี่คงแบบ โหยยยย#1,1990
-
#1127 love_MarkBam_ (จากตอนที่ 7)วันที่ 25 มีนาคม 2560 / 13:17ทีมม่านเสมอเราเข้าใจนาย ไม้ย้องน้ากอดๆ ฮือออ#1,1270
-
#1117 shierichi (จากตอนที่ 7)วันที่ 22 มีนาคม 2560 / 13:48ม่านนนนนน ฮือออออ ไม่ล้องงง หมูเลือกได้มั้ยว่าจะเอาใครฮืออ สงสาร#1,1170
-
#1102 keyprince (จากตอนที่ 7)วันที่ 20 มีนาคม 2560 / 18:38สงสารม่าน#1,1020
-
#1026 RMA_12 (จากตอนที่ 7)วันที่ 7 มีนาคม 2560 / 18:01ยัยดูรักม่านไปมากกว่าครึ่งแล้วนี่ แต่เหมือนจะไม่ค่อยรู้ตัว แล้วคิดว่าเรื่องในอดีตที่มีให้กับหมอกคงทำให้ตัวเองคิดว่ารักม่านพอๆกับหมอกปะ#1,0260