คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทเรียนที่ 3 ::: สงครามประสาท 100 per
Lesson 3
สงครามประสาท
_“พี่แสนแม่...อึก...แม่จะเป็นไรไหม” เด็กน้อยอายุประมาณแปดเก้าขวบเงยหน้าไปถามพี่ชายที่โตกว่าตนประมาณสี่ถึงห้าปีเห็นจะได้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาโดยที่พี่ชายทำได้เพียงกอดและพูดปลอบเท่านั้น
“ไม่เป็นไรนะนา...แม่จะต้องไม่เป็นอะไรนะ..แม่เป็นคนดี” ผู้เป็นพี่พูดอย่างเลื่อนลอย
ใช่แม่พวกเขาเป็นคนดี แม่พวกเขาจะต้องไม่เป็นไร..
“แม่พวกแกตายไปได้ซะก็ดี” เสียงของผู้หญิงที่จัดได้ว่าสวยมากทีเดียวที่ยืนมองเด็กทั้งสองด้วยสายตาสมเพชพูดขึ้นทำให้ผู้เป็นน้องเดินไปผลักพลางทุบตีเธอคนนั้นสุดแรง
“โอ๊ย!ไอ้เด็กบ้าแกจะมาตีฉันทำไมยะ!!!”
“ก็คุณมา..อึก...แช่งแม่...อึก...ผมทำไม”
“ล้านนาปล่อยแอนเดี๋ยวนี้ พ่อสั่งให้ปล่อย!” ลันผู้เป็นพ่อของเด็กทั้งสองพูดขึ้นหลังจากที่พึ่งมาถึงพร้อมทั้งเดินเข้าไปแยกล้านนาออกจากหญิงสาวแต่ดูเหมือนลันจะใช้แรงมากไปหน่อยบวกกับที่ล้านนาตัวเล็กด้วยทำให้ล้านนาล้มไม่เป็นท่า
“พ่อ..ทำนาทำไม..ฮื่อ” ล้านนาปล่อยโฮออกมาทันทีหลังจากล้มลงไปกองกับพื้น
“ก็แกไปทุบตีแอนเขาทำไม” ลันหันไปตะคอกใส่ล้านนาก่อนจะเดินไปโอบเอวหญิงสาวที่ยื่นมองอยู่ “แอนเจ็บตรงไหนรึป่าว”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นไร”
“พ่อ...ไม่สิ!...คุณมันใจร้ายที่สุดต่อให้คุณมากราบ...อึก....แทบเท้าพวกผมก็จะไม่มีวันให้อภัย!!!”
“ไอ้นาตื่นๆๆๆ!!!!”
“ไอ้แกมมึงจะเสียงดังทำไมวะ” ผมหันไปด่าไอ้แกมที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่ตั้งแต่เมื่อเช้าจนตอนนี้เลิกเรียนแล้วมันก็ยังไม่หาย
ถามจริงมึงไม่เบื่อบ้างไงครับ
“ก็กูหิวนิ”
“หิวมึงก็ไปหาไรกินดิ มาบอกกูแล้วหายหิวไหม! กูง่วงไอ้สัด!”
“เออจำไว้เลยนะมึง นั่งเฝ้าของอยู่นี่ล่ะ” ไอ้แกมมันสั่งผมก่อนจะเดินออกไป
บางคนคงสงสัยว่าไอ้กุมภ์กับไอ้ชาร์ลไปไหน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกมันไปไหน ก่อนผมนอนผมยังเห็นพวกมันสองตัวอยู่เลย = =
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“หวัดดีคร้าบ คนหล่อพูดสายอยู่ครับ” ผมพูดขึ้นหลังจากหยิบมือถือขึ้นมาแล้วปรากฏว่าเป็นพี่เชียงแสนพี่ชายสุดที่รักของผมเอง
“ขอโทษครับสงสัยผมคงโทรผิดผมจำได้ว่าผมโทรหาน้องชายผู้น่าเกลียดและอัปลักษณ์ของผม” ไอ้พี่แสนมันพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสำนึกผิดที่น่า.......ถีบ = =
“ไม่ผิดหรอกครับไอ้หล่อนี่หล่อกว่ารับสายไงถ่ายแบบมากๆจนลืมกันแล้วหรอเค้าน้อยใจนะ ฮ่าๆๆ”
ผมพูดหยอกมันพลางหัวเราะร่า พี่ผมมันเป็นคนที่ผมภูมิใจมากเลยนะครับเป็นดาราดังมากเลยอยู่ที่ปารีสแถมยังส่งเสียผมแล้วก็ตัวเองเรียนอีก ไหนจะค่ากินค่าอยู่ค่าอะไรต่อมิอะไรพี่มันก็ออกให้ผมหมดเลยแต่ออกเป็นชื่อพี่มันหมดเลยนะ = =
“โอเคๆพี่ยอมแพ้แล้ว แล้วนี่เราเป็นไงมั้งสบายดีไหม เงินที่พี่ส่งไปพอใช้รึป่าว ขาดเหลืออะไรบอกพี่นะ เรียนหนักมากไหม ไอ้แกมมันแกล้งอะไรเราอีกรึป่าวพี่จะได้ไปจัดการมัน เออใช่! อีกสามอาทิตย์พี่จะบินไปหานะอยากได้ของขวัญอะไรเป็นพิเศษ”
แหม....กลัวใครแย่งพูดวะพี่
แต่จะว่าไปอีกสามอาทิตย์นี่มันวันเกิดผมนิหว่า ดีเหมือนกันผมอยากฉลองวันเกิดกับพี่มันอยู่เหมือนกันนานแล้วนะเนี่ยที่ผมไม่ได้ฉลองวันเกิดกับพี่เนี่ย
“ใจเย็นๆก็ได้ครับพี่ผมสบายดีน่า”
“ก็พี่เป็นห่วงเรานิคิดถึงด้วยไม่ได้เจอกันสี่ปีกว่าๆแล้วเราไม่คิดถึงพี่รึไง”
เออจริงด้วยผมไม่ได้เจอพี่มาสี่ปีแล้วนิหว่าตั้งแต่มันได้เป็นนักแสดงกับนายแบบอยู่ที่ปารีส
“คิดถึงดิ เหลือกันอยู่สองคนไม่คิดถึงพี่แล้วจะให้ผมคิดถึงหมาที่ไหนล่ะครับ ฮ่าๆๆ”
“แหม...ตอนแรกมันก็จะซึ้งอยู่หรอถ้าเราไม่หลอกด่าพี่ว่าเป็นหมาน่ะ” พี่มันพูดแบบขำๆ “เออ..พี่ต้องไปแล้วเดี๋ยวว่างๆพี่โทรไปใหม่นะ บ๊ายบาย”
วางซะหล่ะ..
“พี่นาทำไมมานั่งอยู่คนเดียว พวกพี่แกมไปไหนอ่ะ” ไอ้แอลน้องชายของไอ้แกมทักผมก่อนที่มันจะเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม
“พวกมันไปสู่สุขคติแล้วปล่อยมันไป แล้วนี่มึงจะไปไหนล่ะกูไปด้วยดิโคตรเบื่อเลย”
“ผมว่าจะไปตรวจดูตรงตึกร้างเก่าหลังมหาลัยหน่อยวะพี่เห็นพวกไอ้เกลมันบอกว่าเห็นเด็กไปมั่วสุ่มกันอยู่”
“แต่แถวนั้นมันเปลี่ยวนะมึง”
“เอาน่าแค่ไปตรวจดูเฉยๆพี่อย่าป๊อดไปหน่อยเลย!”
ในที่สุดผมก็มาอยู่หน้าสถานที่ๆไอ้เกลมันบอกว่าเป็นแหล่งอับสัญญาณเรดาร์ตรวจตราของพวกปกครองแล้วครับ บรรากาศตอนนี้มันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
ซะเมื่อไหร่ลืมที่ผมบรรยายเมื่อกี้ไปได้เลยครับ = =
“ไหนอ่ะเด็กกูเห็นแต่หมา” ผมหันไปถามไอ้แอลที่ยิ้มแหยะๆมาให้ผม
“อย่ามองผมแบบนั้นเด่ ผมว่าเราเข้าไปดูก่อนดีกว่าอันนี้มันแค่หน้าตึกเองนะพี่”
“”มึงจะบ้าไงไอ้แอลถ้าเกิดเข้าไปแล้วเดินอยู่ดีๆพื้นมันทรุดขึ้นมาจะทำยังไง?!”
“พี่ก็เว่อร์ไป”
กูไม่ได้เว่อร์ครับตึกไม้เก่าสองชั้นที่ถูกทิ้งร้างมาสิบกว่าปีแบบนั้นไม้แม่งไม่ถูกปลวกกินหมดแล้วเรอะ!
“สรุปพี่จะไม่ไปว่างั้น!?”
“เออ”
“งั้นผมไปคนเดียวก็ได้!”
ไอ้แอลมันพูดก่อนจะสะบัดตูดเดินเข้าไปข้างใน
ส่วนผมขอนั่งเล่นกับหมาดีกว่าน่ารักด้วยสงสัยเป็นหมาแถวนี้แหละมั้ง
“อ้าว ไอ้นามานั่งเล่นหมาอะไรตรงนี้วะ!?” ไอ้ลาเต้ครับที่ทักผม
ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นไอ้ลาเต้กับไอ้นิทานพวกมันสองคนเรียนคนละคณะกับผมครับแต่ก็คุยกันบ้างนิดหน่อยแต่ผมคุยแต่กับไอ้ทานแล้วก็ไอ้ลาเต้นะเพราะถึงผมจะเกลียดเพื่อนมันแต่ผมก็ไม่ได้พาลถึงขนาดไม่คุยกับพวกของมันนะครับผมมีเหตุผลพอ
“พอดีกูมาตรวจอะไรแถวนี้กับไอ้แอลนิดหน่อยเพราะเด็กในคณะมันบอกว่าเป็นแหล่งมั่วสุมน่ะ” ผมตอบ
“อื้ม เหมือนพวกกูเลยแล้วนี่ไอ้แอลไปไหน!?” ไอ้ลาเต้อีกนั้นแหละครับที่ถาม
“ข้างในไง จะว่าไปมันเข้าไปนานแล้วนะเนี่ยทำไมยังไม่ออกมาอีกวะ” ผมพูดเหมือนกับบ่นกับตัวเองครับ
“แล้วมึงก็ปล่อยมันเข้าไปเนี่ยนะ!!!” ไอ้โลกิที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาเขย่าผมก่อนจะผลักผมจนเกือบล้มถ้าไม่ติดว่ามีคนมารับไว้ผมเตรียมจะหันไปขอบคุณแต่ก็ต้องชะงัก
ไอ้เหี้ย....ซาตาน
ความรู้สึกตอนที่ผมเงยหน้าไปมองมันอย่าให้ผมบรรยายเลยครับ มันพูดได้แค่ว่าหน่วงไปหมด หน่วงจนไม่รู้จะบรรยายอะไร…..
Santa Talk
“ไอ้โลกิมึงไปผลักไอ้นาแบบนั้นได้ยังไงถ้ามึงเป็นห่วงไอ้แอลนักก็เข้าไปดูสิ” ไอ้ทานมันพูดเหมือนอยากจะเตือนสติไอ้โลกิ ส่วนไอ้โลกิเมื่อได้สติก็รีบวิ่งเข้าไปในตึกร้างทันทีเลยครับ
แหม สงสัยที่ไอ้ลาเต้มันเล่าให้ผมฟังคงจะเป็นเรื่องจริง
“ปล่อย!” ไอ้ล้านนาที่เหมือนจะพึ่งได้สติพูดเสียงแข็งใส่ผมแล้วสะบัดตัวออกก่อนจะเดินตามไอ้โลกิเข้าไปข้างใน
“มันเป็นอะไรของมันวะ!?” ผมหันไปถามไอ้ลาเต้แต่ผลที่ได้คือมันถอนหายใจใส่ผมก่อนจะเดินตามไอ้โลกิเข้าไปข้างในอีกคน
“หยุด กูไม่อยากคุยกับควาย” ไอ้ทานที่เห็นว่าผมเตรียมจะหันไปถามมันๆเลยยกมือขึ้นห้ามประมาณว่าอย่ามาพูดกับมันก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในตึกนั้น
สรุป...ไม่มีใครอยากคุยกับกูสินะ!
เออไม่คุยก็ได้วะ เหี้ยเอ๊ย!
“ไอ้หมามึงว่ากูทำอะไรผิดวะไอ้พวกนั้นมันถึงไม่คุยกับกู = =” ผมหันไปคุยกับลูกหมาตัวเล็กๆที่ไอ้นามันนั่งเล่นอยู่ก่อนหน้านี้ครับ รู้สึกว่าน่าจะเป็นพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
“’งื้อๆ” เฮ้ย!หมาตอบผมด้วยวะ
แต่ขอโทษกูฟังมึงไม่ออก เพราะกูไม่ใช่หมาสงสัยผมคงต้องเห่าตอบมันซะแล้วมั้ง!?
อย่าๆๆอย่ามองผมแบบนั้นผมไม่ได้บ้านะผมแค่ล้อเล่น = =;;
“เออกูรู้ว่ามึงอยากตอบแต่กูไม่รู้เรื่อง มึงช่วยพูดภาษาคนได้ไหมล่ะ!?” ผมถามมันไปอย่างกวนๆครับเล่นซะมันแยกเขี้ยวใส่ผมใหญ่เลยสงสัยจะฟังออก ฮ่าๆๆๆ
“โด่ ทำไม่ได้แล้วอย่ามาเสือกตอบกูควาย” ผมชี้หน้าด่ามันอย่างคาดโทษ (พระเอกเริ่มบ้า = = :: ไรท์เตอร์)
“มึงสิควายเห็นหมาเป็นควายบ้ารึป่าว!?” ไอ้นาที่มายืนหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้นก่อนจะเดินไปอุ้มลูกหมาตัวนั้นขึ้นมากอด
จะว่าไปมันสูงขึ้นรึป่าววะ....
“ปากมึงไปโดนอะไรมา!?” ผมถามมันเมื่อสังเกตุใบหน้าที่สวยหวานจนผู้หญิงบางคนยังอายของมันมีแผลแถมมันยังเป็นคนที่ขาวมากเลยส่งผลให้แผลตรงปากมันยิ่งเด่นเข้าไปอีก
“เรื่องของกูอย่าเสือก” มันเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินจากไป ส่วนผมก็ยืนอึ้งสิครับปกติมันเคยด่าผมที่ไหนล่ะ!?
รู้สึกว่าไม่เจอกันนานจะปากดีเกินไปหน่อยแล้วมั้ง.....
Santa End
______________________________________________
เปิดเทอมแล้วฟิวแต่งนิยายหายตอมเลย อัพช้ามากแต่อย่าพึ่งเบื่อน้า
Ps1. เค้าจะเปลี่ยนมาอัพวันอาทิตย์แล้วนะตัว (แต่อาจจะไม่ทุกอาทิตย์นะเพราะงานมันเยอะมาก T^T)
ความคิดเห็น