ตอนที่ 28 : บทที่ 7 | ปลอบประโลม [4]
ชุด จอมใจทะเลทราย มีทั้งหมด 2 เล่มค่ะ อ่านแยกได้ไม่งงค่า
1. นางบำเรอแดนทราย (เจ้าชายแอชตัน x นาวาห์)
2. สุภาพบุรุษแดนทราย (ชีคอาซาดิล x มิถิลา)
ตอนนี้ทางหน้าเพจของ สนพ. ไลต์ ออฟ เลิฟ กำลังเปิดจองอยู่นะคะ
จิ้มที่รูปเพื่อลิงก์ไปยังโพสต์สำหรับจองหนังสือได้เลยค่ะ
หรือถ้าไม่สะดวก จะรอซื้อผ่านหน้าเว็บ สนพ. / Shopee / Lazada ก็ได้นะคะ
สำหรับอีบุ๊ก มีนะคะ จะออกช้ากว่ารูปเล่มราวๆ 1-2 สัปดาห์น้าาาา
มิถิลานิ่งไปนานเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่า แต่เพราะเธอกำลังเรียบเรียงว่าเธอควรจะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี
เธอไม่มีอะไรที่คิดจะซ่อนเร้นจากชีคอาซาดิล ถ้าแบบนั้น...เธอน่าจะเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ตอนเธอเกิด
“ฉันกับน้องเกิดมาสภาพครอบครัวที่ไม่ได้พร้อม พ่อของฉันเป็นชาวฟิลิปปินส์ที่เข้ามาทำงานสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน ส่วนแม่ฉันเป็นภารโรงค่ะ พวกเขาเจอหน้ากันทุกวันที่โรงเรียน แล้วความสัมพันธ์ก็พัฒนาจนเป็นความรัก พ่อกับแม่อยู่กินกันหลายปีค่ะ จนตอนที่ฉันอายุสามขวบ แม่ถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความรัก”
อาซาดิลตั้งใจฟัง เขาไม่ได้ซักถามอะไรให้เป็นการขัดจังหวะคนเล่า แต่สายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าของมิถิลา
“พอหมดสัญญาจ้าง พ่อก็กลับฟิลิปปินส์ แม่เล่าว่าพ่อเริ่มติดต่อมาน้อยลงเรื่อยๆ อันที่จริงแล้วพ่อมีครอบครัวอยู่ที่ฟิลิปปินส์ค่ะ แม่รับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นมือที่สาม ก็เลยตัดขาดกับพ่อนับตั้งแต่นั้น แม่เลี้ยงฉันกับมายด์มาคนเดียว พ่อเองก็ไม่เคยมาไยดีพวกเราอีกเหมือนกัน”
นั่นเป็นเรื่องที่ไร้ความรับผิดชอบและใจร้ายมากในความรู้สึกของมิถิลา พ่อไม่ได้ส่งเสีย ไม่ได้ส่งเงินมา ทำราวกับว่าเธอและมารตีไม่ใช่ลูกของเขา
“ภารโรงเงินเดือนไม่ได้เยอะค่ะ แต่แม่ก็สู้เพื่อฉันกับน้องมาตลอด จนฉันเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้เงินมากขึ้น ฉันกับมายด์อายุห่างกันแค่ปีเดียว แต่แม่ส่งลูกเรียนพร้อมกันสองคนไม่ไหว มายด์เลยเลือกที่จะยังไม่เรียนค่ะ พอจบม.หก น้องก็หางานทำ เอาเงินมาส่งฉันเรียน” เล่ามาถึงตรงนี้มิถิลาก็น้ำตาร่วง หญิงสาวไม่ได้สนใจจะเช็ดมันออก ปล่อยให้มันไหลอยู่แบบนั้น “มายด์บอกว่าเอาไว้ฉันเรียนจบมีงานทำมีเงินเสียก่อน แล้วตอนนั้นฉันค่อยส่งเสียให้มายด์ได้เรียน
“แม่เสียตอนที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย มายด์ก็เลยยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น หาเงินมาเป็นค่าเทอมให้ฉัน แล้วก็ค่ากินค่าอยู่ของเราสองคน ฉันเองก็ทำงานแปลให้อาจารย์ แต่ก็ยังลำบากกันอยู่ดี บางเทอมก็ไม่มีเงินจนต้องดร็อปเอาไว้ก่อน ฉันเรียนจบช้ากว่าเพื่อน แต่ก็จบมาได้ แต่ก็ดันมาเจอข่าวร้ายว่ามายด์เป็นลูคีเมีย”
ชะตากรรมของมิถิลาน่าเศร้าจนเกินไป ชีคอาซาดิลขยับตัวลุกขึ้นแล้วย้ายไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับหญิงสาว ไม่อยากปล่อยให้มิถิลากอดตัวเอง เขารู้ว่ามันจะไม่อุ่นพอ
ชายหนุ่มวาดแขนโอบกอดความเปราะบางของมิถิลาเอาไว้ รั้งให้เธอเอนซบเขาและแบ่งปันความอบอุ่นให้เธอเท่าที่จะให้ได้
“เล่าต่อสิ”
“มายด์ยังไม่ทันได้เรียนก็ต้องมาเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล ถึงเราจะมีสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐ แต่มันก็ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ อยู่ดี ฉันพยายามหาเงินมาจ่ายตรงนี้ แล้วก้ต้องสำรองเอาไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย ที่ไปประกวดนางงามก็เพราะอยากได้เงินรางวัลหลักล้าน ฉันถึงไม่ลังเลเลยตอนที่คุณให้คนมาเจรจาเรื่องงาน ถึงจะต้องฝากมายด์ไว้กับพยาบาลพิเศษ แต่เงินจำนวนนี้ก็คุ้มมาก ฉันหาจากที่ไหนไม่ได้อยู่แล้วในระยะเวลาแค่หกเดือน” แต่น่าเสียดาย...ที่มารตีไม่ทันได้ใช้มัน
“คุณน่าจะบอกผม...” อาซาดิลเองก็รู้สึกแย่กับเรื่องนี้ เขาควรจะช่วยมิถิลาได้มากกว่านี้ “อย่างน้อยๆ ผมคงให้คุณเบิกเงินค่าจ้างออกไปใช้ก่อนแล้วค่อยทำงานชดเชยให้ผม”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ จริงๆ เงินนี้ฉันอยากได้สำรองไว้ตอนที่ปลูกถ่ายไขกระดูกค่ะ แต่มายด์ไม่แข็งแรงพอที่จะไปถึงขั้นนั้นได้”
เวลานี้มิถิลาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามารตีบุญน้อย หรือแท้จริงน้องสาวของเธอหมดกรรมแล้วกันแน่
“มายด์ไปสบายแล้วค่ะ ไม่ต้องทรมานแล้ว” เป็นคำพูดที่มิถิลาเอ่ยขึ้นเพื่อปลอบใจตัวเอง ถ้าเลือกได้เธอก็ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้
คงดีกว่าถ้ามารตีหายจากโรคร้ายนั้น และได้ใช้ชีวิตกับเธอต่อไปอีกหลายปี หลายๆ สิบปี
‘มายด์รักพี่มินต์มากนะ ขอบคุณที่เหนื่อยเพื่อมายด์นะ’ มารตีเคยพูดกับมิถิลาแบบนี้ก่อนที่จะได้รับเคมีบำบัดแบบไฮโดส พูด...ราวกับรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก
“มายด์ไม่เคยอยากให้ฉันทำงานหนักเพื่อหาเงินไปรักษา แต่สำหรับฉันมันคือความเต็มใจ ที่ผ่านมามายด์ทำเพื่อฉันมามากกว่านี้เสียอีก” มิถิลาซุกใบหน้ากับอกแกร่ง กลายเป็นว่าอกกว้างของชีคอาซาดิลเป็นที่รองซับน้ำตาของเธอไปแล้ว
ชายหนุ่มโยกตัวเบาๆ คล้ายปลอบเด็ก ความร้าวรานของมิถิลาชวนให้เขารู้สึกปวดใจไปด้วย
มิถิลารักน้องสาวมาก พอรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมหญิงสาวถึงอยากได้เงินค่าจ้างนัก อาซาดิลก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ที่เคยว่าเธอเห็นแก่เงิน ตอนนั้นเขามองแต่มุมของตัวเอง ลืมไปว่าแต่ละคนมีเงื่อนไขในชีวิตไม่เหมือนกัน
“ที่ผ่านมาคุณทำดีที่สุดแล้วนะ คุณเสียใจกับการจากไปของน้องคุณได้ แต่อย่าเสียใจหรือโทษตัวเองว่าคุณไม่ได้พยายามอะไร คุณทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว”
มิถิลาพยักหน้าเบาๆ เขาพูดเหมือนกันกับมารตีเคยบอกเธอ
‘ถ้ามายด์สู้ไม่ไหว พี่มินต์ก็อย่าร้องไห้มากนักนะ ที่ผ่านมาพี่มินต์พยายามอย่างหนักเพื่อมายด์มาตลอด ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่มินต์ห้ามโทษตัวเองนะ เพราะไม่อย่างนั้นมายด์คงจะเสียใจมาก สำหรับมายด์...พี่มินต์คือพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก’
มิถิลาหลับตา เบียดตัวเข้าหาความอบอุ่นจากเรือนกายของชีคอาซาดิลโดยไม่ได้คำนึงถึงความใกล้ชิดอันเกินควรที่เกิดขึ้น ไม่ได้อยู่ในห้วงอารมณ์ที่อยากจะแยกแยะอะไร มิถิลาในเวลานี้เปราะบางและพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เวลานี้เธอปล่อยมือจากชีคอาซาดิลไม่ได้ ทำไมไหวหรอก ขออิงแอบแนบชิดอยู่แบบนี้ไปอีกนิด ขอแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น
____________________________________________________
ความกอดปลอบนี้...
เอาไงดีคะท่านชีค หิ้วกลับห้องเลยมะ?
ปล.คอมเม้นต์กันเข้ามาเยอะๆ นะคะ เดี๋ยวแนนมีสุ่มแจกนิยายจากคอมเม้นต์ด้วยค่ะ
ขอฝากผลงานเรื่องก่อนๆ เอาไว้ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เก่งมากค่ะมิ้นต์
ได้ระบายออกบ้างความเศร้าจะได้บรรเทา
น้องมินต์จะไม่เหงาอีกต่อไปแล้วเพราะมีท่านชีคคอยอยู่เคียงข้าง
ท่านน่ารักจริง ๆ อยู่เคียงข้างตลอด
พี่น้องคู่นี้ น่ารักนะคะ สู้เพื่อกันและกัน เสียดายจริงๆ ที่น้องมิ้นต์ ไม่ได้อยู่ต่อ
แตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลย
หิ้วกลับไปก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน😀
พ่อแบบนี้ไม่ควรเรียกว่าพ่อด้วยซ้ำ แถมยังมีครอบครัวอยู่แล้วด้วย!