ตอนที่ 16 : [sf] Blank Verse II
[sf] Blank Verse II
Doyoung x Jaehyun
Post : 02/12/17
!Warning! PG อ่อนๆ(?)
#SFaMilRaindrops
Setting : England (1900s)
10,342 words
BG Music : Lana Del Rey - Blue Velvet (Cover)
https://www.youtube.com/watch?v=H0gr2abrE64
“Hand to god
I swear I don’t remember how it started
Must have been the blow
It sure was alcohol related
Layin’ here tremblin’
Paranoia ragin’
Tryin’ to keep my sanity
While I’m so medicated
Ouu, I knew”
- Here come the regret’s Epik High
*
“ดีแลนด์ ไบรอน"
เสียงของเจย์เด็น– อันไพเราะกว่าทุกเสียงดนตรีที่เขาเคยได้ยิน มันงดงามกว่าบทกวีบทไหนๆ– ความงามที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เป็นทั้งแรงกดดันและพลังผลักดันให้ดีแลนด์เลือกที่จะเดินสวนทางกับกระแสสังคม
“ว่าไง เจย์เด็น ฟิทซ์เฮอร์เบิท"
ร่างหนายิ้มออกมาเมื่อพบว่าเด็กคนนั้นถอดเสื้อโค้ทลายตารางออกเหลือเพียงแต่เสื้อสีขาวที่ปักลูกไม้ตรงปกเสื้อ ผิวสีขาวซีดที่เข้ากันได้ดีกับเสื้อผ้าทุกแบบ
“อยากมาเล่นเปียโน...”
“….”
“บนตัวผมบ้างหรือเปล่า?”
จริงๆแล้วใจกลางมหาสมุทรนั่น–
อาจเป็นคำนิยามที่ดีที่สุดสำหรับตัวตนจริงๆของเจย์เด็น ฟิทซ์เฮอร์เบิท และดีแลนด์ ไบรอนก็เป็นได้
“อ่า...”
“...”
“สงสัยพี่คงต้องลองจูนเสียงเปียโนก่อนละมั้ง"
เจย์เด็นหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูเจ้าเล่ห์นั่น เขาหัวเราะจนเห็นรอยบุ๋มตรงแก้มขาว นัยน์ตาสีฟ้าสวยจ้องเข้ามายังนัยน์ตาของดีแลนด์ ราวกับจะสำรวจทุกๆความคิด
“มาสิ– "
ท้องฟ้าที่ดูโปร่งใสกว่าทุกวัน แสงแดดอ่อนๆที่ส่องกระทบหน้าต่าง ลอดผ่านอากาศที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเห็น มันตกกระทบลงที่เครื่องประดับสีเงิน–
บนนิ้วนางข้างซ้ายของดีแลนด์ ในจังหวะที่อีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งคร่อมเจย์เด็นไว้ อีกฝ่ายใช้มือแกร่งเสยผมอย่างลวกๆ นัยน์ตาสีเทานั่นจับจ้องลงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงกล้า – ราวกับคนอายุน้อยกว่าเป็นเหมือนผลงานศิลปะที่กำลังจะถูกแต่งแต้ม
มองหามุมที่ดีที่สุดในการเชยชมคนตรงหน้า
“พี่เขย:)”
คนที่ถูกเรียกเหยียดยิ้มออกมาก่อนจะโยนเสื้อโค้ทและสเวตเตอร์ตัวแพงลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก แผงอกที่มีมัดกล้ามสมส่วนกับไหล่กว้างๆของชายชาตรี – ทำให้คนที่นอนอยู่ด้านล่างยิ้มออกมาราวกับเจอของถูกใจ ร่างบางส่งมือเรียวออกไปลูบไล้แผงอกตรงหน้าพลางกัดริมฝีปากอย่างยั่วยวนไปด้วย
“ซนแบบนี้ระวังจะไม่มีแรงนะ คุณเจย์เด็น"
บอกไปแบบนั้นทั้งๆที่กำลังยิ้มราวกับถูกใจกับการกระทำนั้น ร่างแกร่งให้รางวัลอีกฝ่ายโดยการก้มลงสัมผัสริมฝีปากสีชมพูที่คอยให้กำลังใจเขาเสมอ มันนุ่มและหอมหวานอย่างที่เคยคิดไว้
“อื้อ! อย่ากัดปากผมซี่"
คนเป็นน้องโวยวายออกมาเมื่ออีกฝ่ายส่งลิ้นมาสำรวจรอบแนวฟันไม่หยุด ทั้งยังกัดริมฝีปากบางด้วยความหมั่นเขี้ยวอีก ไหนจะอะไรบางอย่างที่ทั้งนูนขึ้นทั้งแข็งแถวๆหน้าท้องของเจย์เด็นนั่นอีก
“ก็กัดพี่คืนสิ –"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานนั่นทำให้เจย์เด็นต้องเบ้หน้าออกมา แต่คนที่อยู่บนตัวเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากใช้ความสามารถในการถอดทั้งเสื้อทั้งกางเกงของเจย์เด็นออกหมดโดยใช้เวลาไม่ถึงนาที
“เจย์เด็น"
“อื้อ"
“Jaeden FitzHerbert :)"
คนที่ถูกเรียกชื่อได้แต่งงที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ และดีแลนด์ ไบรอนก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เจย์เด็นเลือกที่จะเงียบ–
เงียบเพื่อที่จะได้ยินเสียงบางอย่างที่เต้นในตัวของเขาชัดขึ้น –
ภาพของผู้ชายที่งดงามที่สุดที่เจย์เด็นเคยพบมา เขาคนนั้นที่ยกมือของเจย์เด็นขึ้นไปจูบ มองลงมาราวกับกำลังทำสัตย์สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีคำพูดเหมือนกับคำสาบานในพิธีปกติ
ไม่มีแขกหรือมนุษย์คนไหนเป็นพยาน
ไม่มีดอกไม้หรือไวน์ชั้นดี
ไม่มีคำยินดีจากใครคนไหน
แต่มันจำเป็นตรงไหน?
ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการมัน
“Dyland Byron :)”
เจ้าของผมสีบลอนด์ยิ้มออกมา เมื่อเขารับรู้ในวินาทีนั้นว่า –
เจย์เด็น ฟิทซ์เฮอเบิร์ท ได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการมาตลอดแล้ว
cut จ้า
นามปากกาเราblog.wordpress.com
pass : absurdity
*
“นี่ เจย์"
“อื้อ"
ตอบรับกลับมาอย่างงัวเงียขณะที่นั่งพิงไปกับแผงอกเปลือยเปล่าของดีแลนด์ มันน่าแปลกที่พวกเราเลือกที่จะนั่งกอดกันมากกว่าจะนอนกอดกันอะไรเทือกนั้น –
แต่เชื่อสิว่าการนั่งแบบนี้มันทำให้เขาสัมผัสอ้อมกอดของอีกฝ่ายได้มากขึ้น
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คนถูกถามหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าอีกฝ่ายใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“คืนวันหนึ่งในฤดูร้อน ผมก็จำวันที่ไม่ค่อยไม่ได้"
“อ่าห้ะ"
ดีแลนด์ใช้มือเล่นกับเส้นผมที่นุ่มราวกับสายไหมของอีกฝ่ายไปด้วย เขาสูดดมกลิ่นของกลุ่มผมนั่นไว้ – จดจำกลิ่นที่เคยได้ยินจากที่ๆไกลกว่านี้
“When you look me in the eyes”
“...”
นัยน์ตาที่ดีแลนด์มักจะบอกเสมอว่ามันสวยที่สุุดในตอนกลางคืน
เพราะมันเป็นเหมือนกับดาวเหนือที่ส่องทางให้ผู้คนที่กำลังหลงทาง
“แล้วถามผมว่า 'นี่เจย์เด็น รู้ไหมว่าทำไมกวีถึงแต่งกลอนขึ้นมา' "
“ฮ่าๆ น้ำเน่าชะมัด"
“แต่ผมชอบนะ"
“เจย์ชอบทุกอย่างที่พี่พูดนั่นแหละ"
มันไม่ได้มีอะไรมากกว่าการทำความรู้จักกันที่มากขึ้นเรื่อยๆเลย
ความรักมันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น
แต่ผู้คนต่างหากที่ทำให้มันซับซ้อนขึ้น
“แล้วกลอนบทไหนที่พี่แต่งให้ผมบ้างอ่ะ?”
เจย์เด็นหันไปนั่งเผชิญหน้ากับดีแลนด์แทน เขาใช้นัยน์ตาที่อีกฝ่ายชอบ – จ้องมองเข้าไปข้างในดวงตาสีเทาที่มีผลึกสีเขียวมรกตเล็กๆอยู่ตรงขอบตา มันเป็นเหมือนหลุมดำที่ดึงดูดตัวเขาเข้าไปในจักรวาลที่ดีแลนด์ ไบรอนเป็นคนสร้างขึ้นมา
“หนึ่งราตรีในฤดูร้อน"
“...”
“ทุกบทกลอน หลังจากวันนั้น"
ใช่…
แต่ดวงตาของเจย์เด็นน่ะ ส่องประกายเป็นดาวเหนือที่ทำให้เขาเลือกจะเดินหลงทาง
และเพิกเฉยต่อเส้นทางที่คนปกติเลือกเดิน
มันไม่ได้แปลว่าผิด
เพียงเพราะเป็นเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกเดินต่อ
แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าถูก
เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้เป็นกลางและประเสริฐพอจะตัดสินการกระทำของคนอื่น
“นี่ ผมขอถามอะไรพี่อีกหน่อยซี่ – "
“anything, his highness :)”
“ความรักสำหรับดีแลนด์ ไบรอนคืออะไรหรอ?”
ดีแลนด์หัวเราะออกมาเมื่อพบว่าคนตรงหน้ามักจะพูดอะไรเหนือความคาดหมายของเขาเสมอ
“อืม...”
“….”
“การไม่ยอมให้คนๆนั้นเป็นที่หนึ่งหรือเป็นคนแรกในทุกๆเรื่องราวชีวิตของเราล่ะมั้ง"
“ทำไมล่ะ? ผมได้ยินแต่คนคิดแบบตรงกันข้ามกับที่พี่พูด"
ดีแลนด์ส่งมือแกร่งเข้าไปลูบใบหน้าสวยของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ใบหน้าและแววตาที่ฉายความงุนงงออกมาอย่างชัดเจนทำให้เขาได้แต่หัวเราะออกมา
“มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เป็นนิรันดร์หรอก เจย์"
“...”
“และเพราะแบบนั้นเราควรให้คนอื่นมาช่วยแบ่งเบาความทุกข์หลังการจากลานั่นด้วย"
“...”
“ลองคิดดูนะว่าถ้าเจย์เจอคนๆนั้นตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ให้เขาเป็นคนแรกในทุกๆความทรงจำ – คนแรกที่หมายถึงคนที่เราจะไม่มีวันลืมได้และจะยิ่งไม่อยากลืม เมื่อเราโตขึ้นไปเรื่อยๆ "
“...”
“แล้วเวลาที่จากกัน – หลังจากนั้นที่เจย์อยากลืม มันต้องทรมานและเจ็บปวดมากแน่ๆ"
“...”
“ถ้าเป็นแบบนั้น – มันจะไม่น่าเจ็บปวดเกินไปหรอ? ในเมื่อมนุษย์เราก็ไม่ได้มีกลไกป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดขนาดนั้น"
“...”
“การอยู่ด้วยกันไปตลอดน่ะ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรับรู้ทุกๆเรื่องของกันและกันหรอกนะ"
“เข้าใจยากจัง"
“ฮ่าๆ แล้วความรักของเจย์คืออะไรล่ะ?”
ดีแลนด์ก้มลงไปมองมือด้านซ้ายของตัวเองที่ถูกเจย์เด็นจับอยู่ อีกฝ่ายใช้นิ้วถูไถแหวนเงินที่เขาสวมอยู่อย่างเหม่อลอย
“ความไม่แน่นอนล่ะมั้ง?”
“หมายถึงความรู้สึกน่ะหรอ?”
“อื้อ แล้วก็ความเป็นไปได้"
ร่างหนาดึงมือของเจย์เด็นออก ก่อนจะขยับสิ่งที่สวมอยู่ตลอดเวลาออกมา แสงแดดสุดท้ายในตอนสี่โมงเย็นยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดี – ในการส่องประกายเครื่องประดับชิ้นนี้
“แล้วความเป็นไปได้นั้น – มันก็มีดีแลนด์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบด้วย"
เจ้าของผมสีเทายิ้มออกมา เขาก้มลงไปจรดริมฝีปากลงบนกลีบกุหลาบที่คอยเฝ้ามองมาตลอด ไม่ได้ส่งลิ้นเข้าไปลุกร้ำอย่างที่ทำไปตลอดช่วงบ่าย เขาเพียงแค่ดันทุกความรู้สึกให้มันฝังเข้าไปในตัวเจย์เด็น
“สำหรับพี่ – ดีแลนด์ ไบรอน"
เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันนั้น
เป็นครั้งแรกที่หยาดน้ำสีใสตกลงมาจากนัยน์ตาสีเดียวกันกับภพนภา –
มันเกิดขึ้นเพราะสัมผัสจากโลหะที่ถูกสวมบนนิ้วมือข้างซ้ายของเจย์เด็น
เครื่องประดับที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวดีแลนด์
“เจย์เด็นเป็นแค่องค์ประกอบเดียวในนั้น"
การหัวเราะด้วยกันในช่วงเวลาที่ควรจะรู้สึกผิดที่สุด
กลายเป็นความทรงจำที่มีค่าและชัดเจนท่ีสุดตั้งแต่ผมเกิดมา
TBC
Please comment or tag #SFaMilRaindrops
Talk: เราดีใจมากๆๆ คือทั้งคอมเม้นทั้งในแท็กคือแบบ แงงง T________T
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่รักเจย์เด็นกับคุณดีแลนด์กันขนาดนี้ มีแรงจะฮึดสู้;--;!
พาร์ทในเด็กดีคือเราแต่งเร็วมาก แต่ฉากคัทคือ … ฮื่ออ แต่งยากละเกิลล (ถ้ามันแปร่งๆ เลาขอท่ดด้วย น้อยรับคำติชมฮับ :__:)
ช่วงนี้อาจจะมาต่อช้าหน่อยนะคะ เหลือเปเปอร์อีกสองตัว .__.
ปล. ในคอมเม้นแอบมีคนเดาพล็อตบางส่วนถูกด้วยง่ะ ดีจุย ;___; / แต่จาบอกว่าตอนจบคือจาบาปกว่านี้._.
ปล2. จริงๆกะแต่งแค่สามตอนค่ะ แต่พอแต่งจริงๆแล้วต้องเก็บรายละเอียดเยอะกว่าที่คิดไว้มาก แต่คิดว่าน่าจะมะเกินหกตอนฮับบบ ._____.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ชอบกลอนของคุณง่ะ ลึกซึ้งงง
ปล1.บาปกว่านี้จะเป็นยังไงนะ นี่คิดสารพัดร้อยแปดแล้ว 5555555555555
ปล.น้องเจย์เด็นเผ่สจริง นอกจากจะไปแซ่บกับพี่เขยแล้วยังแอบพูดถึงพี่สาวในตอนนั้นอีก แซ่บๆเผ่สๆค่ะ