คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 | ก็แค่เด็กขี้อาย
ช่วงนี้การใช้เวลาว่างช่วงเย็นของมนุษย์ปีสามในช่วงเปิดเทอมใหม่ก็คือการนั่งง่อยอยู่คณะตอนเย็นเพื่อรอดูน้องปีหนึ่งทำกิจกรรม
ดูว่างมากใช่มั้ยครับ
ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ว่างเลย โปรเจ็คนี่บรรดาอาจารย์ที่เคารพก็เริ่มสั่งกันตั้งแต่วันที่สองของการเปิดภาคเรียนแต่เนื่องจากยังไงกำหนดส่งมันยังไม่ใช่วันพรุ่งนี้มันก็เลยยังไม่มีไฟจะมานั่งทำ สู้เอาเวลามานั่งเฝ้าเพื่อนที่มานั่งเฝ้าน้องปีหนึ่งทำกิจกรรมดีกว่าอีก
แต่ถ้าให้พูดกันจริงๆ แล้วการนั่งอยู่ที่ลานด้านล่างคณะก็ไม่ได้ทำให้เห็นน้องมากขึ้นเลย เรานั่งคุยกันตามภาษาชายหนุ่มหน้าตาดีที่ไม่มีใครเอา ถึงจะแยกกันกลับห้องไปก่อนนั่นก็ไปเปิดสตรีมเล่นเกมด้วยกันอยู่ดี ยังไงพวกเขาก็หนีกันไม่พ้น ช่วงนี้เราเลยเปลี่ยนมานั่งกดโทรศัพท์ใส่กันอยู่ที่ลานคณะแทนส่วนการที่ได้นั่งมองน้องปีหนึ่งนั่นเป็นผลพลอยได้
ซึ่งตอนนี้เพื่อนของเขาสามคนนั้นได้กดไลค์แฟนเพจน้องเซฮุนปีหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เขาคนเดียวที่ไม่ได้เข้าไปกด แค่เห็นรูปที่พวกมันแชร์ใส่กันหน้าวอลนี่ก็เอียนพอแล้ว ไหนจะไลน์กรุ๊ปอีก เข้าโหมดคลั่งไคล้กันไปตามระเบียบ ดูคนที่จะปกติที่สุดใกล้เคียงกับเขาจะเป็นชานยอล ส่วนอีกสองตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง
จงแดนี่กดไลค์ทั้งเพจรวมน้องเฟรชชี่ และน้องคนอื่นๆ ที่มีเพจเป็นของตัวเอง คือถ้ามีเพจย่อยไปอีกมันก็กดอีก ไอ้พี่ลู่หานนี่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก เลยคุยกันได้อยู่สองคน ชานยอลนี่ก็โผล่ๆ มาบ้าง เขานี่ก็สนใจบ้างเป็นบางคน เขาบอกว่ากินเด็กจะเป็นอมตะ แต่นี่คิดว่ามองพอให้อร่อยก็พอ ถ้ากินไปเลยเดี๋ยวจะจุกเอา
“จงอิน กูได้ไลน์น้องโชรงมา เอาป่าว?” จงแดพูดทั้งๆ ที่สายตายังคงมองจอสมาร์ทโฟนในมือตัวเอง เขายังไม่ทันจะตอบไอ้ลู่หานนี่หันขวับหันไวกว่าเขาซะอีก
“ได้มากจากไหนวะ”
“จากใบรายชื่อที่น้องปีสองบังคับให้น้องกรอกทุกคน”
“พี่จงแดของเราเล่นใหญ่อีกแล้ว ไหนดูดิ๊” ลู่หานดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือของจงแดแล้วนั่งเปิดเหมือนจะขยายรูปอะไรสักอย่างอยู่ เขาเลยยืดตัวข้ามโต๊ะไปมองด้วย ลู่หานถึงยอมวางลงกลางโต๊ะแล้วเราก็มุงดูโทรศัพท์ที่กลางโต๊ะ(อีกแล้ว)
“โห มีครบเลย มึงไม่น่าถามพวกกูนะว่าอยากได้ของใครบ้าง แต่มึงควรส่งรูปนี้ลงไลน์กรุ๊ปแล้วให้พวกกูไปเลือกกันเอาเอง”
“เออก็ได้ เดี๋ยวกูส่งให้”
“พวกมึงทำเหมือนจะกล้าแอดน้องไปหยั่งงั้นอ่ะ” ชานยอลที่นั่งเท้าคางมองอยู่นานพูดขึ้น
“เออก็จริงว่ะ ไอ้ลู่หานนี่ไม่ค่อยแปลกใจถ้าจะกล้า แต่มึงนี่แหละจงแด”
“ทำไมมึงพูดงี้ล่ะจงอิน พี่ชรงแดร์ของเราเขาซุ่มเงียบหรอก เนอะ เนอะ เนอะ”
“พวกมึงควรหุบปาก แล้วก็เอาใบนี้ที่กูไปสรรหามาไปบูชาแล้วแดกซะ”
ลู่หานยังคงนั่งแซวจงแดต่อไปทั้งๆ ที่โดนด่าไปแล้วล็อตใหญ่ คิมจงอินเองก็นั่งเลื่อนดูรูปใบรายชื่อน้องที่จงแดส่งให้เข้าไลน์กรุ๊ป ไอ้ชอบมองกับอยากได้นี่มันต่างกัน ที่ชมว่าน้องโชรงนั่นน่ารักดี ก็คือชอบแบบนี้ไงไม่ได้กะจีบมาเป็นแฟน
มือหนายังคงเลื่อนดูรายชื่อไลน์ของน้องๆ ต่อไป สายตาสะดุดทุกครั้งเมื่ออ่านถึงชื่อที่เคยผ่านเข้าหูมาบ้าง และเขาก็เห็นว่ามีของน้องโอเซฮุนอยู่ด้วย
“พวกมึงว่ากูเอาไอดีไลน์น้องเซฮุนไปปล่อยขายตลาดมืดดีมั้ยวะ”
“มึงมันภัยสังคม ถ้าขายได้ก็เอามาแบ่งกูด้วยนะ เพราะกูเป็นคนหามา”
จงแดโดนชานยอลตบหัวข้ามโต๊ะไปหนึ่งครั้ง จงอินหัวเราะ ก่อนจะกดออกจากรูปภาพนั้นแล้วนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ท่า มกลางความวุ่นวายของกลุ่มเพื่อนของเขา
หลังจากที่นั่งเล่นจนพอใจพวกเขาก็แวะไปกินข้าวแล้วแยกย้ายกันกลับห้อง โดยวันนี้คิมจงอินต้องเดินกลับคนเดียว เนื่องจากลู่หานกล่าวว่าจะไปซ้อมบอลต่อ
ในสมองของคิมจงอินตอนนี้มีแต่คิดว่ากลับไปถึงห้องจะนอนก่อนสักงีบ แล้วตื่นมาเล่นเกม หรืออาจจะเปิดงานทำสักหน่อยถ้าเขาไม่ขี้เกียจจนเกินไป ปกติแล้วในบางวันเขาก็จะไปเล่นบอลกับลู่หาน แต่มันไม่ใช่วันนี้ที่เขาขี้เกียจเหลือเกิน
ชีวิตของเขาช่วงนี้มันก็มีแค่นี้ คิมจงอินค่อนข้างจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยแบบไม่รีบร้อน เขาค่อนข้างจะเป็นคนติดเพื่อนติดห้อง เหล้าก็นานๆ กินสักทีถ้าไม่มีคนชวนหรือลากออกไปก็คงไม่ไป ซึ่งตรงกันข้ามกับจงแดและชานยอลที่สองคนนั้นออกไปเมากันอาทิตย์ละ 3 วันเป็นอย่างต่ำ
จากร้านข้าวที่กินกับกลุ่มเพื่อน คิมจงอินต้องเดินลัดตัดเข้ามาในมหาลัยอีกครั้งเพื่อนประหยัดระยะทาง สองหูของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยเสียงเพลงบีทหนักๆ เพราะแบบนั้นมันเลยไม่ทำให้คิมจงอินต้องเบื่อถ้าจะเดินกลับบ้านคนเดียว
เขาเดินผ่านสนามบอลของมหาวิทยาลัย ถึงตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่ว่าทั่วทั้งมหาวิทยาลัยก็ยังมีแสงสปอร์ตไลท์ส่องสว่างไปทั่วบริเวนอยู่ดี เนื่องจากยังมีนักศึกษาที่ทำกิจกรรมกันอยู่
เขาล้วงกระเป๋าเดินไปเรื่อยๆ เนื่องจากเสียงเพลงจากหูฟังของเขาทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง แต่เขาก็ต้องหยุดเท้าเมื่อมีแรงดึงที่กระเป๋าสะพายด้านหลัง คิมจงอินยกมือขึ้นดึงหูฟังออกจากหูของตนเองโดยอัตมัติ ขมวดคิ้วเข้ามหากันด้วยความสงสัยว่ากระเป๋ามันจะไปเกี่ยวอะไรในเมื่อตรงนี้มันเป็นทางเดินโล่งๆ
คิมจงอินหันตัวกลับไปเพื่อจะดูว่าอะไรที่มันเกี่ยวกระเป๋าเขาจนต้องหยุดเดิน แต่เขาก็เห็นต้นตอว่ามันคืออะไร ในเมื่อเขาเห็นเด็กผู้ชายตัวสูงไล่ๆ กับเขายื่นมือมาจับกระเป๋าเขาค้างเอาไว้แบบนั้น เมื่อเขาหมุนตัวกลับไปเต็มตัวมือนั่นก็ปล่อยออกจากประเป๋าของเขา
ใบหน้าขาวก้มงุดลงมองพื้น เสียงเชียร์จากทางฝั่งสนามทำให้เขาต้องมองหันไปตามเสียง เห็นกลุ่มคนประมาณ 20 คนยืนรวมกลุ่มกันอยู่ มีไอ้พวกรุ่นพี่หน้าตาคุ้นตาอยู่ประมาณ 5-6 นั่นทำให้เขาเข้าใจได้ไม่ยากว่านี่มันเป็นส่วนหนึ่งของการรับน้อง
เขายืนกอดอกมองคนตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง เสียงเชียร์จากข้างสนามก็ยังดังกึกก้อง ในเมื่อไม่เห็นว่าเด็กขาวนี่จะพูดอะไรสักมีเขาเลยหันกลับไปชี้หน้าใส่มุนคยูรุ่นน้องพี่สองที่ยืนยกมือตะโกนเย้วๆ ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
เนื่องจากเด็กคนตรงหน้าก้มหน้างุดเขาจึงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้คือใคร รู้แค่ว่าคงเป็นเด็กสักคนในคณะ ที่รู้ว่าขาวเพราะมืดขนาดนี้แล้วแต่คนตรงหน้าก็ยังดูเด่นอยู่เลย
“จะพูดอะไรก็พูด”
แสร้งทำเป็นโหดแกล้งน้องคณะตัวเอง เมื่อพูดเสียงนิ่งใส่เด็กตรงหน้าก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นแบบนั้นจงอินถึงกับต้องเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กใหม่ที่ร่ำลือ
“คือ.. รุ่นพี่อย่าว่าอะไรผมนะครับ.. ผมโดนสั่งมา”
“อีก 2 นาทีหมดเวลา!!!!”
เสียงจากมุนกยูคนเดิมตะโกนกลับมา จงอินหันกลับไปมองหน้ามุนคยูที่ยืนยิ้มแป้น แล้วหันกลับมามองเด็กตรงหน้าอีกครั้ง ลิ้นเล็กของคนตรงหน้านั้นแลบเลียริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าขาวแดงระรือ เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาเล็กๆ แล้วว่าไอ้มุนกยูมันสั่งให้ทำอะไร ไอ้ตอนปีเขาเองก็มีหรอก เขาเองก็โดน ซึ่งปีเขาเองโดนแกล้งให้ไปเต้นกลางลานคณะตัวเอง แต่นี่โดนสั่งมาคนเดียวเลย ในหัวคิดไปถึงตอนที่ว่าอาจจะโดนสั่งให้มาบอกรักรุ่นพี่อะไรเถือกๆ นี้เพราะมันเป็นคำสั่งพื้นฐานที่คณะเขาชอบเอามาใช้แกล้งรุ่นน้อง ยิ่งโดยเฉพาะท่าทางของคนตรงหน้าน่ารักแบบนั้นด้วยแล้ว คิมจงอินเผลอคิดไปชั่วแว็บนึงว่าท่าทางประหม่าของคนน่ารักมากกว่าใครที่เขาเคยเห็นมาทั้งหมด
“สีผิวระดับอีอี!!!!”
………….
โอโห…………….
“ระ.. รุ่นพี่ครับผมขอโทษ แต่ผมโดนสั่งมา”
“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร”
คิมจงอินพยายามใจเย็น เมื่อไอ้ประโยคนั้นมันหลุดออกมาจากริมฝีปากคนตรงหน้า เสียงดังลั่นไปทั้งสนามแถมยังมีเสียงหัวเราะจากไอ้พวกเด็กพวกนั้นอีก เหมือนโลกพังลงทันทีที่ปากสีชมพูนั้นเปิดออกแล้วตะโกนประโยคนั้นออกมาจนสุดเสียง
“พาพี่ไปหาคนที่สั่งเราหน่อย”
โอเซฮุนลอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำกลับมาในสนาม โดยคิมจงอินเดินยิ้มตามมาไม่ไกล เดินไปลากคอไอ้มุนกยูเข้ามาใกล้ ไอ้เด็กนั้นมันยังหัวเราะไม่หยุดเลย
“มึงนี่นะให้น้องทำอะไร”
“แซวนิดเดียวเองพี่ ผมไม่ยอมให้น้องเดือนคณะไปขอเบอร์ใครหรอก”
“ถุย หน้ามึงสิ แล้วให้มาด่ากูนี่นะ สมองนี่คิดหน่อย”
ตบหัวรุ่นน้องคนสนิทไปหนึ่งครั้งถ้วน ก่อนที่มุนกยูจะเอ่ยขอโทษแล้วโดนจงอินบ่นไปอีกสองสามยก คิมจงอินปล่อยรุ่นน้องให้กลับไปทำกิจกรรมต่อ การรับน้องของมหาลัยเขามันไม่เคร่งอะไรขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็สันทนาการกันเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงสองอาทิตย์แรกเท่านั้นเอง
คิมจงอินมองใบหน้ารุ่นน้องกลุ่มนี้ที่โดนแบ่งออกมา การรับน้องคณะเขาจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยมุนกยูรุ่นน้องที่สนิทกับเขาดูแลกลุ่มนี้
จงอินเห็นน้องเดือนคณะที่ว่านั่งหัวเราะให้กับท่าเต้นตลกๆ ของรุ่นพี่ หัวกลมๆ กับรอยยิ้มตาหยีนั่นแหละที่ทำให้คนทั้งมหาลัยคลั่งไคล้นักหนา ไหนจะปากสีชมพูที่ลอบเลียริมฝีปากตัวเองนั่นอีก
ก็น่ารักดี
“ไงอีอี”
“แดกอีอีเป็นอาหารเหรอ เรียกอยู่ได้”
วันนี้ทั้งวันเขาโดนเรียกด้วยชื่อดินสอที่เข้มที่สุด เพราะข่าวเรื่องที่ว่าน้องเดือนตะโกนใส่เขาเมื่อวานมีคนเอาไปพูดต่อ ในเพจน้องเขายังมีพูดเรื่องนี้เลย แถมยังมาว่ากูอีกว่าไปทำหน้าดุใส่น้องเขา กูล่ะอยากเห็นหน้าตาแอดมินเพจ =_=
วันนี้จงอินโดนลู่หานลากมาเตะบอลเนื่องจากคนในทีมไม่ครบ จงอินเลยต้องกลายเป็นตัวสำรองจำเป็น ว่ากันตามจริงจงอินก็มาเตะบอลที่นี่เป็นปกติ แต่เป็นเพราะแรงขี้เกียจของเขานี่แหละ เลยไม่ค่อยจะได้มาออกกำลังหายเท่าเมื่อก่อน หันไปติดเกมซะมากกว่า
เตะกันไปได้ไม่นาน ชานยอลและจงแดก็เข้ามาสมทบ แต่สองคนนั้นมานั่งเล่นอยู่ที่ข้างสนามแทนที่จะไปเปลี่ยนชุดเพื่อที่จะลงมาเตะบอลกับพวกเขา
เตะบอลกันไปพักใหญ่ คิมจงอินก็ยังคงวิ่งโดยแรงยังไม่ลดลง แต่สายตาพลันหันไปเห็นรุ่นน้องตัวขาวที่เดินเข้ามาภายในสนาม มาทำไมวะ? หรือโดนสั่งให้ทำอะไรแพลงๆ อีกแล้ว หน้าตาดีก็งี้ โดนนู่นนั่นนี่ไปเรื่อย
ผลั่ก!
“เอ้ย กูขอโทษ!”
ในขณะที่คิดหาเหตุผลอยู่กับตัวเองว่าน้องคนดังมาทำอะไรที่นี่ลูกบอลก็อัดใส่หน้าเต็มๆ จงอิน โดยไอ้คนที่เตะมานั่นก็ลู่หานตัวดี จงอินย่อตัวลงนั่งกับพื้น มือกุมจมูกที่เลือดไหลออกมา ลู่หานและคนอื่นๆ วิ่งมาหาดูอาการเขา แต่จงอินกลับส่ายหัวและบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ก่อนที่จะขอตัวเดินไปนั่งพักข้างสนาม ส่วนลู่หานก็เดินตามมาติดๆ
“ไอ้ชิบหาย มึงมัวแต่มองอะไรอยู่วะ เมื่อกี๊ถ้าโหม่งก็เข้าไปแล้ว”
“เออ ขอโทษ”
ถึงจงอินจะพูดแบบนั้น แต่สายตาของลู่หานเองเหลือบไปเห็นข้างสนามว่ามีรุ่นน้องน่ารักตัวขาวยืนอยู่ข้างๆ ชานยอล ชะเง้อคอมองมาทางนี้ด้วย อย่าให้กูรู้ว่ามึงมีความลับเชียวนะคิมจงอิน ว่าแต่น้องมาทำไม?
“มึงมัวแต่มองน้องเซฮุนสินะ”
“กูเปล่า! ก็กูไม่รู้จังหวะบอลมึงอ่ะ”
“เออจ้า เปล่าก็เปล่า” ในใจนี่ได้แต่พูดว่าตอแหลกูเชื่อมึงก็ได้จงอิน
“เออไอ้สัส กลับไปเตะต่อก็ได้ กูไม่เป็นไร”
“กลัวสมองน้อยๆ ของมึงจะหลุดออกทางรูหูอ่ะ นี่กูเป็นห่วงจริงๆ นะ”
“มึงจะไปไหนก็ไปเลยไอ้เหี่ยว ก่อนที่กูจะถีบมึงตรงนี้”
ลู่หานถลึงตากวนตีนใส่เขา ก่อนจะวิ่งหนีไปเมื่อจงอินยกขาขึ้นกลางอากาศทำเหมือนจะถีบมันจริงๆ มือหนายังคงจับอยู่บริเวนที่โดนลูกบอลกระแทกเข้าเต็มๆ เงยหน้าเดินทุลักทุเลเข้ามานั่งที่ข้างสนาม โดยมีจงแดคอยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้
“แอบมองน้องจนบอลอัดหน้าเหรอ”
“มึงเคยยืนอยู่ดีๆ แล้วลงไปนั่งมั๊ยจงแด”
“กูแซวเล่น ท่ดๆ”
จงอินมองหน้าเพื่อนสนิทอีกสองตัวที่นั่งยิ้มกริ่มต่างจากเขา โดนสายตาก็หันไปโฟกัสที่รุ่นน้องอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ชานยอล จงอินไม่ได้ใส่ใจเลยเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเพื่อที่จะให้เลือดกำเดามันหยุดไหลสักที ส่วนจงแดก็ยื่นขวดน้ำมาให้เขา
“มึง น้องเซฮุนมาขอโทษเรื่องอีอี”
เมื่อเขาได้ยินชานยอลพูดแบบนั้นจึงหันหน้ากลับไป เซฮุนมากับเพื่อนตัวเล็กอีกคนที่เขาไม่รู้จัก แต่เพื่อนคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังเซฮุนอีกที เซฮุนยังไม่กล้าสบตากับเขา ก้มหน้ามองอย่างอื่นสลับกับมองหน้าเขาเป็นระยะ
“ผม.. ขอโทษครับ.. ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น”
“ไม่เป็นไร ที่จริงไอ้คนที่ต้องมาขอโทษควรจะเป็นมุนกยู” จงอินยกมือขึ้นโบกปัดกลางอากาศ ส่วนไอ้จงแดนี่นั่งระริกระรี้เหลือเกิน มึงไปขอน้องเขาถ่ายรูปเลยมั้ยล่ะหื้ม
“เห็นป่ะ พี่บอกแล้วไอ้นี่มันไม่คิดมากหรอก”
ชานยอลพูดขึ้นอีกครั้งพลางมองหน้ารุ่นน้องของตนเองสลับกับเพื่อนตัวเล็กอีกคน เซฮุนยังคงยืนยิ่งถึงจงอินจะบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรก็ตาม
“ยังไงก็ขอโทษนะครับ”
“จ้า พี่ให้อภัย พี่คบกับมันมานาน พี่รู้ว่ามันไม่โกรธน้องแล้ว” จงแดตอบหน้าระรื่นจนหน้าหมั่นไส้ เลยโดนเขาผลักหัวไปอีกครั้งหนึ่ง ก่อนมันจะร้องหันมาร้องแว้ดเสียงดัง “หรือไม่จริง!”
ในตอนนั้นที่เขาลอบเห็นว่าเด็กคนตรงหน้าแอบยิ้มเล็กๆ แล้วยังแอบเลียริมฝีปากของตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าของคนๆ นี้ยังคงแดงเหมือนครั้งแรกที่ได้มองต่อหน้ากันใกล้ๆ เซฮุนละสายตาจากจงแดมามองเขาอย่างประหม่าเหมือนจะรอคำพูดจากปากเขา ที่ไม่ใช่ที่จงแดเป็นคนพูด
“พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ต้องคิดมากด้วย”
“พระเอกสัสๆ” <- ชานยอล
“หล่อขี้ๆ เลยค่ะพี่จงอิน” <- จงแด
เซฮุนหลุดหัวเราะเล็กน้อย จนรุ่นพี่สามคนหันไปมอง เด็กน้อยจึงกลืนเสียงหัวเราะตัวเองลงคออีกครั้ง ก่อนจะกลับไปยืนทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนจ้องจากรุ่นพี่ที่ไม่คุ้นหน้าสามคน
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าไอ้จงอินมาเตะบอลอยู่นี่?”
เออชานยอลมึงถามได้ดี เพราะปกติกูอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกมาเตะบงเตะบอลอะไรนี่กับชาวบ้านเขาหรอก อีกอย่างนี่มันสามทุ่มละ ทำไมน้องยังไม่กลับ
“ผมเพิ่งเลิกกิจกรรมครับ เดินผ่านมา..”
“อ๋ออ เหนื่อยหน่อยเนอะ แค่สองอาทิตย์แรกแหล่ะ แล้วนี่กลับกันยังไง?”
จงแดถามขึ้นอีกครั้ง สายตานั้นมองสลับกันระหว่างน้องเดือนและเพื่อนของน้องที่ยังคงยืนหน้านิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักคำตั้งแต่เข้ามายืนอยู่ในสนาม
“เพื่อนน้องเป็นใบ้เหรอครับ”
เซฮุนหัวเราะคำถามชานยอลที่ชี้ไปทางเพื่อนของตนเอง คนร่างเล็กคนนั้นหันกลับมามองชานยอลตาโตจนชานยอลยกมือขึ้นโบกปฎิเสธ
“พี่ล้อเล่นๆ”
“เดี๋ยวผมกลับกับเซฮุนครับ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นใบ้”
“คยองซู..”
เซฮุนหันไปกระตุกแขนของเพื่อนตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันกลับมายิ้มหวานให้พวกเขาอีกครั้ง ก้มหัวขอโทษแทนเพื่อนตัวเอง โดยที่ร่างเล็กแต่ดูแล้วน่าจะดุกว่าหมาบลูด็อกซะอีก ที่แน่ๆ ชานยอลถึงกับหัวเราะไม่ออกเมื่อโดนหน้าดุๆ กับเสียงนิ่งๆ นั้นตอบกลับมา
“งั้นรีบกลับบ้านเถอะ มันดึกแล้ว”
ในเมื่อหมดธุระแล้วเขาก็ควรที่จะปล่อยน้องสองคนนี้ออกจากที่นี่สักที ก่อนที่จะโดนคนภายในสนามบอลรุมกินเอา ในเมื่อในคนหลายคนเดินเฉียดไปเฉียดมาบริเวณนี้บ่อยมากเกินไปจนผิดสังเกต ส่วนไอ้ตัวเขาเองก็เลือดหยุดไหลแล้วเช่นกัน
“งั้นพวกผมขอตัวนะครับ”
คิมจงอินและเพื่อนอีกสองคนยกมือขึ้นโบกให้น้องเซฮุน ซึ่งเด็กคนนี้ก็ยกมือขึ้นโบกตอบด้วยท่าทางเขินๆ เหมือนจะทำอะไรไม่ถูกก่อนจะรีบเอามือลงแล้วก้มหัวให้พวกเขาอีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งหายอออกไปจากสนามพร้อมกับลากแขนเพื่อนตัวเล็กออกไปด้วยกัน
คิมจงอินไม่เคยคิดว่าเด็กคนนี้จะดูขี้เขินขนาดนี้ เพราะเมื่อเขาคิดย้อนไปถึงครั้งที่เด็กคนนั้นมาตะโกนใส่หน้าเขาด้วยคำว่า ‘อีอี’ โอเซฮุนก็ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่นานสองนานกว่าจะพูดออกมาได้ ซึ่งถ้าเป็นเด็กมีนิสัยเกรียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงไม่ต้องมายืนเขินใส่รุ่นพี่หน้าโหดอย่างเขา แล้วตะโกนด่าสุดเสียงด้วยความสะใจ โดยมาอ้างเอาทีหลังว่าโดนรุ่นพี่สั่งมา
น้องเดือนคณะและเพื่อนได้จากไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังค้างคาคือเขานี่ต่างหาก เมื่อเพื่อนอีกสามคนมานั่งล้อมวงเขาเพื่อซักถามความเป็นมาเป็นไปที่ว่าทำไมน้องคนดีถึงต้องมาขอโทษมึงถึงสนามบอลแห่งนี้ด้วย ดินแดนแห่งชานฉกรรณ์ที่น้องเดือนผู้น่ารักไม่ควรย่างกรายมาที่นี้
“เพราะอีอีเหรอมึง เพราะอีอีน้องเขาถึงต้องถ่อมาที่นี่เพื่อมึงเหรอ มึงเป็นใครคิมจงอิน มึงก็เป็นแค่รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งที่ได้รับอภิสิทธิ์ความดีความชอบส่วนตัวที่น้องเซฮุนมอบให้ อย่าได้หลงระเริงไปเลย”
ลู่หานพูดยาวเยียดพลางกระดกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังจากที่มันมานั่งฟังเหตุการณ์ทั้งหมดจากชานยอลที่ข้างสนามบอลแล้ว พวกเขายังคงนั่งเล่นกันอยู่ที่นี่จนดึกดื่น เอาจริงๆ แล้วคือนั่งรอไอ้ลู่หานเตะบอลเสร็จนี่แหละ
“มึงต้องไปด่ามุนกยู ไม่ใช่กูนะ”
เขาไม่มีคำจะพูดในเมื่อตอนนี้เพื่อนเขาทั้งกลุ่มกำลังลงความเห็นว่าคิมจงอินคนนี้มีซัมติงรองว์กับน้องเดือนคณะผู้น่ารัก(ของพวกมัน) ซึ่งคิมจงอินก็นั่งปฎิเสธเป็นพัลวันว่าไม่ได้ไปมีอะไรกับน้องเดือนคณะทั้งนั้น แม้แต่ไลน์ก็ไม่มีเบอร์โทรก็ไม่มี พวกเพื่อนที่รักถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ไปเช็คเพื่อความมั่นใจ นี่กูเชื่อไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน ?
จริงๆ แล้วก็มีแต่ประเด็นอีอีนั่นแหละที่ค้างคา นอกจากนั้นก็ไม่มี
แต่ตอนนี้มีเด็กขี้เขินกับแก้มแดงๆ ที่ค้างอยู่ในใจ
ไม่หรอกคิมจงอิน นายน่าจะคิดไปเอง
มีคนไม่รู้จักดินสออีอีรึเปล่าคะ?
มันเป็นดินสอที่เข้มที่สุดน่ะค่ะ เอาไว้ใช้สำหรับดรออิ้ง ._.
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น