ตอนที่ 5 : ปริศนากลางทะเลสาบมรกต
*ลงครั้งแรก 7 พ.ค. 60
“มิ้ว มิววว....”
-ออกมานะเจ้าบ้า ออกมาเถอะ งืออ...-
อัศวินสามสีในร่างแมวขนฟูนอนหมอบเสียงแหบเสียงแห้งอยู่ด้านหน้าเต็นท์ หลังจากทั้งเตะทั้งข่วน พร้อมร้องประท้วงอยู่ครึ่งค่อนคืน หากคนใจร้ายในสายตาแมวตัวน้อยก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้าออกมา จวบจนเวลาผ่านพ้นไปกองไฟอันแสนอบอุ่นด้านหน้าก็ค่อย ๆ มอดดับลง เมื่อรวมกับที่เป็นคืนเดือนมืด รอบข้างจึงมืดสนิทอย่างแท้จริง มีเพียงแสงจากเหล่าดวงดาราทอประกายระยิบระยับเต็มฟากฟ้า หากสำหรับแมวขนฟูตัวน้อย แม้เหล่าดวงดาวจะสวยชวนมองขนาดไหน ทว่าในตอนนี้ พวกมันไม่สามารถดึงดูดเจ้าของดวงตาสีฟ้าใสให้หันไปสนใจได้เลย
ความมืดและความเงียบทำให้เด็กหนุ่มในร่างแมวเริ่มหวาดระแวงสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ใบหน้าปุยหันมองไปรอบด้านอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วหมอบตัวลงต่ำ ด้วยความที่เป็นลูกหลงมีอายุห่างจากพี่ชายคนอื่น ๆ มาก น้องจาจึงมีพี่ชายคอยประคบประหงมมาโดยตลอด หนุ่มน้อยจึงไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ในที่มืดและเปล่าเปลี่ยวตามลำพัง ยิ่งเป็นเด็กที่เติบโตในเมือง ความเงียบสงบของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไร้การกำบังจากสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ จึงกลายเป็นสถานที่ไร้ความปลอดภัยที่ไม่คุ้นเคยชวนให้ระแวง
ด้วยเผ่าพันธุ์ที่ได้มาทำให้การมองเห็นในที่มืดไม่ใช่ปัญหาของหนุ่มน้อย ดวงตาของอัศวินสามสีฉายให้เห็นกระทั่งรังผึ้งบนต้นไม้สูงในป่าทึบอีกฟากของทะเลสาบ เส้นเถาวัลย์ระโยงระยางระหว่างกิ่งไม้ รวมไปถึงแสงเรืองระเรื่อของดวงตานับสิบคู่ที่สะท้อนออกมาจากด้านหลังเถาวัลย์พวกนั้น และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มหวนนึกถึงร่างหมาป่ายักษ์ที่นอนแน่นิ่งในระยะประชิดเมื่อยามกลางวัน แม้หมาป่าตัวนั้นจะตายสนิทหากภาพเขี้ยวโค้งยาวสีขาวยังคงติดตา และเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดถ้าต้องโดนกัดเข้าด้วยเขี้ยวคู่นั้นแล้ว เด็กหนุ่มในร่างแมวจึงเงียบเสียงลง ก่อนพยายามทำตัวลีบเล็กที่สุดแนบสนิทไปกับพื้น
ผมไม่ได้อยู่แถวนี้นะพี่หมา มีแต่คนใจร้ายในเต็นท์ อย่ามาเดินเล่นแถวนี้เลยนะ งือออ...
ในขณะที่แมวน้อยกำลังพยายามทำตัวล่องหนอยู่นั้น อยู่ ๆ ทุกสรรพเสียงที่แทบจะไม่มีอยู่แล้วก็เงียบหายโดยฉับพลัน เหล่าแมลงพากันหยุดร้องอย่างกับนัดกันไว้ สายลมหยุดพัด เหล่าสัตว์กลางคืนหยุดเคลื่อนไหว รอบด้านกลายเป็นเงียบสงัดอย่างแท้จริง จนอัศวินสามสีได้ยินแม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจตนเอง
ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น ณ ใจกลางทะเลสาบเวิ้งว้าง ได้พลันมีกลุ่มแสงสีเขียวมรกตขนาดเล็กจำนวนมากดุจหิ่งห้อยตัวน้อย ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากผืนน้ำเป็นบริเวณกว้างหยอกล้อกับแสงดวงดาราบนฟากฟ้า กลุ่มแสงนั้นลอยละล่องขึ้นจนสูงประมาณครึ่งตัวของมนุษย์ก็ค่อยรักษาระดับ หากยังคงกระเพื่อมขึ้นลงเป็นระลอก ดวงแสงเหล่านั้นไม่ได้สว่างจ้า หากในท่ามกลางความมืดมิด พวกมันส่องสว่างเป็นจุดเด่นเห็นได้ชัดเจน จากมุมที่อัศวินสามสีนอนหมอบอยู่ กลุ่มแสงที่ลอยขึ้นมาจากผืนน้ำดำมืดไม่ได้หนาแน่นเสมอกันทั้งหมด หากแต่หนาบ้างจางบ้างคล้ายกำลังเรียงตัวเป็นลวดลายอะไรสักอย่างที่ต้องมองลงมาจากบนฟ้า อยากรู้ก็อยากรู้ หากความกลัวมีมากกว่า อัศวินสามสีจึงได้แต่นอนหมอบนิ่ง ทว่าดวงตากลับจ้องมองภาพกลุ่มแสงไม่กะพริบ
แต่แล้วเพียงชั่วลมหายใจ อยู่ ๆ เหล่าดวงแสงนั้นก็พลันเปล่งแสงสว่างจ้าขึ้น พร้อมกับปล่อยคลื่นพลังงานบางอย่างออกมารอบด้านเป็นระลอก ยามคลื่นนั้นสัมผัสตัวก็พลันให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น สิ้นทุกความเมื่อยล้า จิตใจสงบสบาย โดยไม่รู้ตัว ร่างเล็กของอัศวินสามสีค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างเหม่อลอย ดวงตาจ้องมองภาพตรงหน้าค้าง ก่อนเท้าปุยจะก้าวเข้าหากลุ่มแสงสีมรกตช้า ๆ ทีละก้าว ๆ ดั่งโดนมนต์สะกดชักนำ
ตูม!
“แง้ว ๆๆ บุ๋ม ๆๆ ง้าว ๆๆ แง้ว ๆๆๆ บุ๋ม ๆๆ”
-ช่วยด้วยย บุ๋ม ๆๆ ช่วยผมด้วยยยย บุ๋มๆๆ-
“เจ้าตัวเล็ก! ไฟนำทาง!!”
เมื่อได้ยินเสียงดังอันผิดปกติ ชายหนุ่มผมดำก็ชะโงกหน้าออกมาจากเต็นท์ด้วยความตกใจ สร้างลูกไฟนำทางส่องสว่างขึ้นเหนือหัว ก่อนวิ่งเข้าหาและกระโจนลงสู่ผืนน้ำดำมืด หนุ่มร่างสูงตะลีตะลานควานหาร่างของแมวตัวเล็กท่ามกลางสายน้ำเย็นเยียบ โดยไม่ได้สนใจกลุ่มแสงสีเขียวมรกตเหนือผืนน้ำที่ค่อย ๆ สลายหายไป หรือแม้แต่เสียงแจ้งเตือนของระบบที่ดังขึ้นในหัว
ตริ๊ง
/ ภารกิจ ปริศนาเมืองดาราพิทักษ์ 1: ปริศนาจากดวงดาว (เริ่มต้น)
ยามสิ้นซึ่งทุกแสง แสงสะท้อนแห่งดวงดาราได้ถ่ายทอดอักขระปริศนาที่ฝากเอาไว้โดยเหล่าเทพเทวา
พบผู้เฒ่าไม้เท้าแดง เพื่อตามหาข้อมูลเกี่ยวกับปริศนาจากดวงดาวที่ปรากฏขึ้นยามไร้ซึ่งแสง /
ท่ามกลางความเร่งรีบในการช่วยเหลือแมวน้อยในผืนน้ำดำมืดเพื่อช้อนเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นของตน เสียงเล็กที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้งโดยที่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวไม่ได้สนใจ หากสร้างความตื่นเต้นไปทั่วทั้งโลก Spirit of Adventure
/ ประกาศ
อัศวินสามสี ได้ค้นพบปริศนาเมืองดาราพิทักษ์เป็นคนแรก หากสามารถไขปริศนาและประดับสัญลักษณ์ของเมืองดาราพิทักษ์สู่สถานที่แห่งพันธสัญญาได้สำเร็จ เมืองดาราพิทักษ์ที่ล่มสลายจะได้รับการฟื้นฟูสู่สภาพเดิม ผู้ประดับสัญลักษณ์จะได้รับการยอมรับจากชาวเมืองดาราพิทักษ์ให้เป็นผู้ครอบครองดินแดน และได้รับสมบัติของดินแดนเป็นสิทธิ์ในการครอบครองหอเทวารักษาซึ่งเก็บรักษาความรู้ในการเยียวยาฟื้นฟู และได้รับเทพดาราพิทักษ์เป็นผู้ติดตาม ขอเทพแห่งขุนเขา พงไพร และสายน้ำจงอำนวยพรให้แก่ท่าน /
/ ประกาศ
เงาอัคคี ได้ค้นพบปริศนาเมืองดาราพิทักษ์ หากสามารถไขปริศนาและประดับสัญลักษณ์ของเมืองดาราพิทักษ์สู่สถานที่แห่งพันธสัญญาได้สำเร็จ เมืองดาราพิทักษ์ที่ล่มสลายจะได้รับการฟื้นฟูสู่สภาพเดิม ผู้ประดับสัญลักษณ์จะได้รับการยอมรับจากชาวเมืองดาราพิทักษ์ให้เป็นผู้ครอบครองดินแดน และได้รับสมบัติของดินแดนเป็นสิทธิ์ในการครอบครองหอเทวารักษาซึ่งเก็บรักษาความรู้ในการเยียวยาฟื้นฟู ขอเทพแห่งขุนเขา พงไพร และสายน้ำจงอำนวยพรให้แก่ท่าน /
*****-----*****-----*****
โลก Spirit of Adventure ได้แบ่งแยกออกเป็นดินแดนต่าง ๆ มากมาย แต่ละดินแดนประกอบไปด้วยหลายเมือง โดยมีเมืองหลวงของดินแดนคอยควบคุมความเป็นไปต่าง ๆ ในดินแดนนั้น แรกเริ่ม ผู้คนของโลกนี้เป็นผู้ครอบครองดูแลถิ่นของตนเอง ซึ่งเผ่าพันธุ์ของผู้ครอบครองก็แตกต่างกันไปตามถิ่นที่ตั้ง แต่ในภายหลัง เมื่อผู้เล่นสามารถค้นพบภารกิจปริศนาประจำเมืองหลวงของดินแดน และทำภารกิจประดับสัญลักษณ์ประจำเมืองได้สำเร็จ ผู้เล่นคนนั้นหรือกลุ่มนั้นก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนในดินแดนให้ขึ้นปกครองและครอบครองสมบัติประจำดินแดน ซึ่งสมบัติของแต่ละดินแดนก็ความพิเศษแตกต่างกันออกไป ในปัจจุบันมีเพียงกิลด์ผู้เล่น 4 กิลด์ และ 1 ผู้เล่นอิสระเท่านั้นที่ครอบครองดินแดนในโลก Spirit of Adventure ได้สำเร็จ
ในขณะที่ผู้เล่นคนใดหรือกลุ่มใดค้นพบภารกิจปริศนาของดินแดน ทางระบบจะประกาศการค้นพบพร้อมชื่อผู้เล่นหรือชื่อกลุ่ม และสมบัติประจำดินแดนที่จะได้รับหากทำภารกิจสำเร็จให้ผู้เล่นทั้งหมดทราบ ผู้เล่นอื่นสามารถออกตามหาเพื่อรับภารกิจปริศนาของดินแดนที่มีการค้นพบแล้วแต่ยังไม่ได้รับการประดับสัญลักษณ์ได้ โดยจะมีเพียงผู้เล่นหรือกลุ่มผู้เล่นซึ่งทำภารกิจประดับสัญลักษณ์ประจำเมืองได้สำเร็จเป็นกลุ่มแรกเท่านั้น ที่จะได้ขึ้นเป็นผู้ครอบครองดินแดนโดยชอบธรรม เมื่อมีผู้ขึ้นครอบครองดินแดน ภารกิจของผู้เล่นอื่นที่รับภารกิจเดียวกันแต่ยังทำไม่สำเร็จก็จะถูกยกเลิกไป หากผู้เล่นที่ทำภารกิจได้สำเร็จเป็นผู้ค้นพบหรือเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ค้นพบภารกิจปริศนาของดินแดนเป็นกลุ่มแรกด้วยแล้ว บุคคลผู้นั้นจะได้รับผู้พิทักษ์ประจำดินแดนเป็นผู้ติดตามเป็นของรางวัลเพิ่มเติม
หากดินแดนใดมีผู้เล่นครอบครองแล้ว กลุ่มผู้เล่นอื่นสามารถขอเปิดสงครามชิงตราสัญลักษณ์จากผู้ครอบครองดินแดนคนปัจจุบันได้ โดยผู้ครอบครองคนปัจจุบันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการขอเปิดสงคราม ทั้งสองฝ่ายจะมีเวลา 1 วันในโลกความเป็นจริง หรือ 24 วันในเกมในการเตรียมตัว เมื่อถึงช่วงเวลาสงคราม ฝ่ายชิงตราสัญลักษณ์ต้องปลดชิงตราสัญลักษณ์ประจำดินแดนมาเป็นของตนให้ได้ภายในเวลา 4 ชั่วโมงในโลกจริง หรือ 4 วัน ในเกม จึงสามารถขึ้นเป็นผู้ครอบครองดินแดนคนใหม่ได้อย่างชอบธรรม หากล้มเหลว ผู้ครอบครองดินแดนคนปัจจุบันก็จะยังคงมีสิทธิ์เหนือดินแดนนั้นต่อไป ดินแดนใดก็ตามที่ได้ผ่านสงครามชิงตราสัญลักษณ์มาแล้วไม่ว่าผู้เข้าชิงจะชิงตราได้สำเร็จหรือไม่ ดินแดนนั้นจะได้รับการคุ้มครองจากทวยเทพให้ปลอดภัยจากสงครามการชิงตราสัญลักษณ์เป็นเวลา 15 วันในโลกแห่งความเป็นจริง
*****-----*****-----*****
“อัศวินสามสี มีใครรู้จักไหม”
“ไม่ทราบครับท่าน แต่เดี๋ยวผมให้สายข่าวของเราตรวจสอบให้ครับ”
“อืม เอาตัวเข้ามากิลด์เราให้ได้ อย่าให้กิลด์อื่นได้ไป แล้วเรื่องเมืองก็ด้วย ไปสืบมาให้ละเอียด”
“รับทราบครับท่าน”
*****-----*****-----*****
ณ ที่ทำการกิลด์หงส์เพลิง
“เฮ้ย! ไอ้เมืองดาราพิทักษ์นี่มันอยู่ส่วนไหนของโลกไหนวะ เจ้าคิมมันเพิ่งขอแยกตัวไปได้วันเดียวก็ไปป๊ะกับเควสท์ปริศนาของอีกที่แล้ว แถมเป็นที่ที่ไม่เคยได้ยินอย่างงี้อีก ดวงดีจริง ๆ ฟ้าผ่าสิ เควสท์ทางนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย จ๋าย! คอลหาคิมดิ๊ มันไปทำอิท่าไหนวะเนี่ย”
‘วิหคอัคคี’ หรือ ‘โต้’ หัวหน้ากิลด์หงส์เพลิง พูดขึ้นด้วยความอิจฉา ก่อนออกคำสั่งจิกหัวใช้งานเพื่อนสนิทควบตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์ที่กำลังนั่งทำหน้ากลุ้มอยู่
“กรูไม่ว่าง น้องกรู..น้องกรู๊.... ไม่น่าปล่อยให้ไปเล่นคนเดียวเลย ชื่อขึ้นล่อตะเข้อย่างนี้จะรอดไหมฟระเนี่ย รับสายพี่จ๋ายหน่อยสิครับ น้องจา”
“ไหน ๆ น้องไหน อย่าบอกนะว่า ไอ้อัศวินสามสีนั่นน่ะ น้องจาสุดรักสุดหวงของเอ็ง”
“เออ! ชื่อเป๊ะอย่างกะล็อกหวยขนาดนั้น น้องกรูแน่ ๆ ถ้าเป็นคนอื่นกรูให้ถีบ”
/ ท่านไม่สามารถติดต่อ อัศวินสามสี ได้ในขณะนี้ /
“เพิ่งเล่นแท้ ๆ ใครสั่งใครสอนให้น้องบล็อกคอลกรูฟระ! ไอ้โต้ มึงลองคอลดิ๊”
“คงโดนโทรกวนจนปิดรับคอลไปแล้วมั้ง ก็เล่นโนเนม แถมชื่อขึ้นว่าค้นพบคนแรกอย่างงี้ ถ้าเป็นชื่อที่คนเกรงใจหน่อยอย่าง ‘เงาอัคคีของ’ ไอ้คิมก็คงโดนก่อกวนไม่เท่าไหร่ เอ็งโทรหาไอ้คิมดิ ชื่อขึ้นติด ๆ กันอย่างงี้ แม่งอยู่ด้วยกันแน่ ๆ”
“จริงของมึง ล่อลวงน้องกรูไปเจอเควสท์โหด แถมยังสอนให้น้องบล็อกคอลกรู อย่างงี้ต้องเฉ่ง”
‘จ๋าย’ หรือ ‘ขุนพลเท้าไฟ’ ต่อสายหาเพื่อนร่วมก๊วนที่ตอนนี้แยกตัวไปด้วยความเร็วแสง หลังจากภาพคู่สายปรากฏขึ้นมาก็ยิงคำถามไม่ยั้ง
“ไอ้คิ๊มมมม น้องกรู ๆ มึงเอาน้องกรูไปไว้หนายยยย มึงอยู่ไหนแล้วตอนนี้ สอนน้องกรูบล็อกคอลกรูทำไม บอกให้น้องรับสายกรูเดี๋ยวนี้นะ แล้วมึงลากน้องกรูไปเจอเควสท์โหดนรกนั่นได้ไง ทำไมทำอะไรไม่สงสารเด็กตาดำ ๆ อย่างน้องกรูบ้าง อย่าให้น้องกรูเป็นอะไรไปนะเฟ้ยยยย”
-น้องเนิ้งอะไร ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ช่วยแมวอยู่ แค่นี้นะ-
ติ๊ด!
“เฮ้ย เดี๋ยวดิ๊ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ไอ้คิม ไอ้คิ๊มมมมมมมมม”
หลังจากนั้น ไม่ว่าจ๋ายจะเพียรติดต่อไปอีกกี่ครั้ง เพื่อนสนิทก็ไม่รับสายอีกเลย แล้วในวันนั้นลูกกิลด์หงส์เพลิงก็ต้องรับมือกับอาการจิตตกระยะสุดท้ายของรองหัวหน้ากิลด์ ก่อนจะพากันอยู่ในอาการหวาดระแวงไปอีกหลายวัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สมน้ำหน้าพี่จ๋ายยยย แต่ว่าสงสัยเรื่องคิมอะใครหักหลัง ยังไง ค่ะ
แต่ก้อไปป้ะกับเควสลับซะแล้ววววว ><
รอตอนต่อๆไปจร้า