ตอนที่ 6 : ออกเดินทางสู่เมืองวารินทร์
*ลงครั้งแรก 8 พ.ค. 60
*ปรับปรุงเนื้อหา 14 ธ.ค. 60
เปลือกตาเล็กบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนนุ่มขยุกขยิกสู้แสงแดดยามเช้า ที่ส่องเข้ามาแยงดวงตารบกวนนิทราอันแสนสุข เพื่อหลีกหนีการรบกวนจากแสงแดดตัวร้าย แมวน้อยจึงค่อย ๆ เหยียดกายที่ขดอยู่ออกแล้วพยายามพลิกหนีไปอีกด้าน หากเหมือนฟ้าแกล้ง ลำตัวที่เต็มไปด้วยขนฟูกลับถูกรั้งด้วยบางสิ่ง จนร่างกายที่กำลังพลิกต้องหล่นแหมะกลับมาอยู่ที่เดิม
“มิ้ววว...”
-งือออ...-
ด้วยความขัดใจ แมวเหมียวตัวน้อยค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ ดวงตาสีฟ้าใสปรือเปิดขึ้นแล้วมองวัตถุปริศนาที่บังอาจรั้งร่างกาย
เมื่อความง่วงงุนเริ่มจางไป อัศวินสามสีพบว่าตนกำลังนั่งอยู่ในกองผ้าหนาที่พันรอบตัวเหมือนดักแด้ สัมผัสจากผ้าที่ยังชื้นน้อย ๆ ทำให้ความทรงจำของเหตุการณ์เฉียดตายในสายน้ำผุดขึ้นมา สมองเล็ก ๆ ตื่นตัวขึ้นในฉับพลัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างแล้วกวาดมองไปรอบตัว
สิ่งแรกที่เห็นคือกองไฟกองเดียวกับเมื่อคืนที่ดับมอดไปแล้ว ฉากด้านหลังคือผืนน้ำกว้างส่องประกายสีมรกตระยิบระยับ ทว่าแม้ภาพที่เห็นจะงดงาม หากกลับเต็มไปด้วยความจำอันไม่น่าพิสมัย ยามดวงตาสีฟ้าใสทอดมอง สายน้ำสีเขียวใสฉุกให้หวนนึกถึงความเย็นเยือกถึงกระดูกที่โอบล้อมร่างตนท่ามกลางความมืดมิด จนร่างฟูขนลุกชันไปทั่วทั้งกาย ทว่าในห้วงความคิดหนึ่ง ร่างเล็กก็ระลึกได้ถึงความอบอุ่นของมือคู่ใหญ่ที่ฉุดรั้งเขาไว้ท่ามกลางความเย็นยะเยือกอันโดดเดี่ยวกลางสายน้ำ
เมื่อคืนนี้ ทั้งเสียง ทั้งมืออุ่น ๆ ก่อนจะสลบนั่น ต้องเป็นของนายคนนั้นแน่ ๆ ไหนจะกองผ้าพวกนี้อีก แล้วหมอนั่นหายไปไหนกัน
ดวงตาแวววาวสีฟ้าใสกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว มองหาใครอีกคนที่ควรจะรั้งรออยู่ข้างกาย หากกลับพบเพียงความเงียบสงบอันว่างเปล่า ไร้ซึ่งสัญญาณของใครอีกคน
เต็นท์หายไปแล้ว หรือว่า... เห็นเราไม่ยอมตกลงเป็นสัตว์เลี้ยงสักที เลยถอดใจ ชิ่งหนีไป แล้วทิ้งเราไว้ที่นี่งั้นเหรอ... ละ.. แล้วนี่ผมจะกลับยังไงล่ะ หมาป่าพวกนั้นยังเฝ้าอยู่แถวนี้รึเปล่า ละ..แล้วอาหารเช้าผมล่ะ...
อัศวินสามสีเหม่อมองนิ่งไปยังชายป่าทึบด้านหลัง หลายความคิดหลากความรู้สึกตีกันในหัวยุ่งเหยิง เหนือสิ่งอื่นใด ความเสียใจผุดขึ้นมาจากในส่วนลึก... เสียใจที่ความห่วงใยเหล่านั้นของใครอีกคนเป็นของปลอม
ครู่ใหญ่ที่แมวน้อยนั่งนิ่ง จมอยู่กับความคิดความรู้สึกของตัวเอง ไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้าง ดวงตาสีฟ้าใสกลอกไปมาอย่างสับสน ร่างเล็ก ๆ สั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
“แง้ว ๆๆๆๆ มี้ ม้าวววววววววววววววววววววววว”
-เจ้าคนบ้าหลอกลวง ทิ้งกันได้ ไหนบอกจะพาไปเที่ยวที่สวย ๆ ไง จะไปทั้งทีก็ไม่รู้จักลา จะทิ้งอาหารเช้าไว้หน่อยก็ไม่ได้ ผมหิวแล้วนะ งือออออ-
“เป็นอะไรไปเจ้าตัวเล็ก หืม... ”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเพลิงที่เพิ่งเดินกลับมาจากชายป่า รีบวางสัมภาระในมือลงก่อนช้อนตัวแมวน้อยในกองผ้าขึ้นอุ้มระดับอก ใบหน้าปุยในอ้อมแขนค่อย ๆ แหงนขึ้นมองเขา เผยให้ความสับสนในดวงตากับร่างที่สั่นเทา เร่งให้ชายหนุ่มยกมือข้างที่ว่างขึ้นลูบหลังอย่างแผ่วเบาก่อนเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า แต่เมื่อคืนก็จับกรอกยาเพิ่มเลือดแล้วนะ อืม... หรือต้องให้ยาแก้สถานะผิดปกติด้วย”
“แง้ว ๆๆๆ ม้าววววว”
-เพราะนายนั่นแหละ คนบ้า หายไปไหนมา งืออออ-
เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ของอีกคน แมวตัวน้อยก็เอนหัวเล็กเข้าซบกับอกชายหนุ่ม แล้วยกเท้าหน้ากางกรงเล็บจิกเกาะเข้ากับเสื้อไว้ดังจะไม่ให้หนีไปไหน
“โอ๋ ๆๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว แต่นึกยังไงถึงลงไปเล่นน้ำรอบดึกน่ะหือ หึ ๆ”
ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยความเอ็นดู แถมด้วยบริการเกาคางที่ได้ยินมาว่าพวกแมวส่วนใหญ่ชอบ
“เมี้ยว มี้ เหมียว ๆๆ ม้าววว มิ้วว....”
-บ้าสิ ใครจะไปบ้าเล่นน้ำรอบดึกฮะ แล้วจะลูบทำไมนักหนาเนี่ย อ๊ะ แต่ตรงนั้นสบายจัง งือออ...-
เมื่อเห็นแมวน้อยเงยหน้าหลับตาพริ้ม หางเป็นพวงส่ายไปมาช้า ๆ อย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มก็คลายใจว่าเจ้าตัวน้อยคงจะไม่เป็นอะไรมาก จึงบรรจงวางเจ้าตัวขนฟูที่กำลังเคลิ้มกลับลงบนกองผ้า
“ดูสิ ฉันได้เนื้อกระต่ายใบไม้ผลิมาด้วยนะ เดี๋ยวจะทำเนื้อกระต่ายรมควันให้กิน รับรองว่ากินแล้วจะติดใจ จะว่าไปมาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันไหมแมวน้อย”
“แง้ว ๆๆๆ มี้ ๆๆ แม้วววว”
-กำลังเคลิ้มได้ที่เลย ไปตายซะคนบ้า-
/ การร้องขอ อัศวินสามสี เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านล้มเหลว /
*****-----*****-----*****
หลังอาหารมื้อเช้า ทั้งคนทั้งแมวก็มานั่งจุมปุ๊กรอบกองไฟที่เดิม เจ้าแมวขนฟูตัวน้อยนอนแผ่แล้วเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมาบนหญ้านุ่มในขณะที่ชายหนุ่มผมดำเปิดแผนที่แล้วนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
“อืม... แถวนครทุ่งหญ้าคงจะประกาศสงครามกันเร็ว ๆ นี้ ถ้าไปทางนั้นคงเที่ยวไม่สนุกเท่าไหร่ หรือจะไปป่าสีเงิน... นี่ก็ใกล้จะถึงวันเพ็ญสีฟ้าแล้ว ถ้าเริ่มเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ เดินทางชิล ๆ ก็น่าจะถึงทันคืนฉลองพอดี แต่ว่า...”
เสียงนุ่มทุ้มหยุดไปพร้อมกับนัยน์ตาสีเพลิงที่เหลือบมองยังร่างเล็กผู้กำลังเกลือกกลิ้งอย่างมีความสุข
ป่านั่นมันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้าตัวเล็กนี่สิ
“ไปทางเมืองวารินทร์ก็น่าสนใจ ของกินอุดมสมบูรณ์ ไม่ได้กินหอยทับทิมฝีมือเชฟกระทะทองนานแล้ว”
แถมแถวนั้นก็ไม่ค่อยมีพวกผู้เล่นระดับสูงสักเท่าไหร่ คงไม่มีตัวอันตรายมาสนใจเจ้าตัวเล็กหรอกมั้ง...
“ไปหาของกินแถวเมืองวารินทร์กันไหมตัวเล็ก”
“เมี้ยวว ๆๆๆ ง้าววว”
-อยากไปไหนก็ไปเถอะ แต่พาผมไปส่งเมืองเริ่มต้นก่อนนะพี่ชาย-
“อืม งั้นไปเมืองวารินทร์ละกันเนอะ”
“แม้ว ๆๆๆ มี้!”
-ก็บอกว่าเมืองเริ่มต้นไง!-
แล้วอัศวินสามสีก็โดนจับขึ้นวางบนกลุ่มผมนุ่มสีดำก่อนเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปสู่เมืองวารินทร์แห่งนครกึ่งบาดาล อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่
*****-----*****-----*****
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเกม Spirit of Adventure
เนื่องจากเกม Spirit of Adventure เน้นไปที่การผจญภัยไขปริศนา ทางบริษัทเกมจึงไม่มีนโยบายเผยแพร่รายละเอียดต่าง ๆนอกเหนือไปจากข้อมูลเกมคร่าว ๆ เพื่อท้าทายให้ผู้เล่นได้ค้นหากันเอง ข้อมูลที่มีการเผยแพร่กันในปัจจุบันจึงล้วนเป็นข้อมูลที่รวบรวมขึ้นมาโดยเหล่าผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูร ดินแดน อาชีพ อาวุธ วัตถุดิบ หรือแม้กระทั่งภารกิจต่าง ๆ
จากการค้นพบโดยผู้เล่น โลก Spirit of Adventure เป็นทวีปกว้างใหญ่ที่มีทะเลอยู่ทางตอนใต้ ตัวทวีปแบ่งออกเป็น 4 แดน 3 นคร 2 ป่า และ อีก 1 เมือง เนื่องจากการเดินทางของทุกคนเริ่มที่เมืองเริ่มต้น ผู้เล่นจึงถือว่าเมืองเริ่มต้นเป็นจุดศูนย์กลางของทวีป และนั่นทำให้เมืองเริ่มต้นซึ่งเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ อันรายล้อมไปด้วยป่าและทุ่งหญ้า กลายเป็นเมืองที่มีผู้เล่นสัญจรผ่านไปผ่านมามากที่สุด เมื่อรวมกับที่เป็นเมืองที่มีผู้เล่นใหม่เดินทางเข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยแล้ว เมืองเริ่มต้นจึงมีที่ทำการของกิลด์ผู้เล่นแทบจะทุกกิลด์ในโลก Spirit of Adventure ตั้งอยู่ และมีผู้เล่นระดับสูงประจำอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย แม้ว่าผู้เล่นเหล่านั้นจะไม่ได้ประโยชน์จากสัตว์อสูรระดับต่ำรอบ ๆ เมืองเลยก็ตาม
ทางใต้ของเมืองเริ่มต้นเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำของนครกึ่งบาดาล ดินแดนของเผ่าอสูรที่ปัจจุบันครอบครองโดยผู้เล่นอิสระ ‘กุ้งอบวุ้นเส้น’ โดยมีเมืองวารินทร์เป็นเมืองหลวง นครกึ่งบาดาลเป็นเมืองยอดนิยมของผู้เล่นมือใหม่ เนื่องจากสัตว์อสูรที่ระดับไม่มากนักและสภาพภูมิประเทศที่ไม่โหดร้าย ทางใต้ของเมืองวารินทร์มีท่าเรือฝูงเต่าเกราะ หนึ่งในสมบัติของดินแดนที่ครอบครองโดยผู้เล่น ‘กุ้งอบวุ้นเส้น’ ที่คอยให้บริการนักเดินทางที่ต้องการเดินทางทางน้ำ แต่เนื่องจากคลื่นลมปริศนาในทะเล เหล่าผู้เล่นจึงยังไม่สามารถบุกเบิกไปไกลจากชายฝั่งได้มากนัก แม้ว่าจะมีผู้พบเห็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไปในทะเลก็ตาม
หากเดินทางต่อไปจากนครกึ่งบาดาลไปทางตะวันตกจะพบดินแดนลึกลับ นครแห่งสายหมอกของเหล่าเอลฟ์ดำ โดยมีเมืองหมอกไร้แดนเป็นเมืองหลวง จากภูมิอากาศที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบตลอดเวลาและสัตว์อสูรที่ร้ายกาจ ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ดินแดนนี้ยังคงเป็นปริศนา
ทางตะวันตกของเมืองเริ่มต้นเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างของนครทุ่งหญ้า ซึ่งมีป้อมอาชาเป็นเมืองหลวง อีกดินแดนยอดนิยมของผู้เล่นมือใหม่ แต่เดิมเมืองนี้ครอบครองโดยขุนนางเผ่ามนุษย์ แต่ผู้เล่นก็ทำภารกิจประดับสัญลักษณ์ของป้อมอาชาได้จนเป็นผลสำเร็จ จากสภาพภูมิประเทศที่โล่งกว้างอำนวยต่อการทำสงคราม ดินแดนนี้จึงเกิดสงครามชิงตราสัญลักษณ์ขึ้นบ่อยครั้ง ปัจจุบัน กิลด์อาชาทมิฬ เป็นผู้ครอบครองนครทุ่งหญ้า รวมไปถึงฝูงอาชาลมกรดที่ขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วและทรหดซึ่งเป็นสมบัติของดินแดน
ยิ่งเดินทางลึกจากนครทุ่งหญ้าเข้าไปทางตะวันตกอากาศจะยิ่งร้อนและแห้งแล้งขึ้นเรื่อย ๆ จนเข้าเขตนครทะเลทราย ดินแดนของพวกคนแคระ นครทะเลทรายประกอบไปด้วยทะเลทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ซึ่งใต้ผืนทรายนั้นได้ซ่อนไปด้วยอุโมงค์ใต้ดินที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรจำนวนมาก ดินแดนนี้มีป้อมซ่อนทองเป็นเมืองหลวงซึ่งปัจจุบันครอบครองโดยกิลด์คาราวาน กิลด์พ่อค้าอันดับ 1 ของ โลก Spirit of Adventure สมบัติของดินแดนที่กิลด์คาราวานได้ครอบครองจนกลายเป็นกิลด์พ่อค้าอันดับ 1 อย่างไม่มีใครล้มได้ คือสิทธิ์ในการใช้อุโมงค์พิศวง อุโมงค์ลงอาคมของเหล่าคนแคระ ซึ่งสามารถส่งสิ่งไม่มีชีวิตจากอุโมงค์แห่งหนึ่ง ไปยังอุโมงค์ปลายทางซึ่งแอบซ่อนอยู่ทั่วทุกดินแดนทั้งใกล้และไกลในชั่วอึดใจ
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครทุ่งหญ้าเป็นที่ตั้งของแดนพายุอัคคีดินแดนของเผ่าอสูร ภูมิประเทศของดินแดนนี้เป็นภูเขาหินแห้งแล้งและภูเขาไฟ เวิ้งอสูรซึ่งเป็นเมืองหลวงของดินแดนเป็นที่ชุกชุมไปด้วยอสูรหลากสายพันธุ์ เป็นที่นิยมในการเก็บระดับของเหล่าผู้เล่นระดับสูง หากแต่ด้วยความโหดร้ายของภูมิประเทศและปริมาณสัตว์อสูรในดินแดน ภารกิจปริศนาประจำดินแดนนี้จึงยังไม่มีผู้เล่นใดค้นพบ
หากเดินทางขึ้นเหนือจากเมืองเริ่มต้น จะเริ่มเห็นทิวเขาและจะเพิ่มความสลับซับซ้อนขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะทาง เข้าสู่แดนภูผาที่ปกครองโดยคณะจอมเวทเผ่ามนุษย์ มีปราการศิลาปราชญ์เป็นเมืองหลวง ดินแดนนี้เต็มไปด้วยขุนเขาและถ้ำ เป็นแหล่งเก็บระดับชั้นดีของผู้เล่นระดับกลางๆไปจนถึงสูง ปริศนาประจำดินแดนได้มีผู้ค้นพบแล้ว หากแต่ยังไม่มีใครพิชิตได้ โดยมีกิลด์หงส์เพลิงที่ดำเนินภารกิจปริศนาประจำปราการศิลาปราชญ์ไปได้ไกลที่สุด
ไกลออกไปทางเหนือเป็นเทือกเขาค้ำฟ้า เทือกเขาสูงชันที่ไม่มีใครข้ามผ่านไปได้ ที่ตีนเขามีถ้ำใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าสู่เมืองเพทายจรัสแสง เมืองหลวงของแดนอัญมณี ดินแดนอีกแห่งของเหล่าคนแคระ แดนอัญมณีเป็นดินแดนที่ถูกขุดลึกเข้าไปในขุนเขาซึ่งอุดมไปด้วยสินแร่และเพชรพลอย กิลด์ค้อนอัศนี กิลด์ของเหล่าอาชีพสายสร้าง เป็นผู้ที่ทำภารกิจครอบครองดินแดนได้เป็นผลสำเร็จ และได้สิทธิ์ในการซื้อแร่ธาตุและร้องขอแร่หายากจากเหล่าคนแคระเป็นทรัพย์สินของแดนดิน แต่ปัจจุบันการบุกเบิกพื้นที่ในแดนอัญมณียังทำไปได้เพียงไม่กี่ส่วน เนื่องจากผู้ปกครองดินแดนซึ่งส่วนใหญ่เล่นอาชีพสายสร้าง ไม่ใคร่จะสนใจการผจญภัยกันนัก อีกทั้งความลึกลับและเหล่าอสูรร้ายที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก็ไม่ง่ายที่จะต่อกร
ทางตะวันออกของเมืองเริ่มต้นเป็นจุดเริ่มต้นของผืนป่ากว้างใหญ่ ป่าแห่งแรกเป็นป่าสีเงินของเหล่าเอลฟ์ ป่าที่เต็มไปด้วยสนเงิน ต้นสนสูงลำต้นหนาสีเหลือบเงินซึ่งเหล่าเอลฟ์นิยมเจาะโพรงสร้างที่อยู่อาศัย ป่าสีเงินมีวงกตไร้เงา เขตแดนที่ว่ากันว่าเหล่าต้นไม้ในนั้นมีชีวิตและเคลื่อนที่ได้ เป็นเมืองหลวง ปัจจุบันป่าสีเงินปกครองโดย กิลด์นางฟ้า ผู้ได้รับสิทธิ์ให้ใช้งานประตูสนเงินของเหล่าเอลฟ์ ประตูสนเงินเป็นคู่ประตูลงเวทมนตร์ซึ่งสามารถเปิดให้เดินทางข้ามจากประตูบานหนึ่งไปออกยังคู่ประตูที่ต้นสนเงินอีกต้นในป่าห่างไกล
หากเดินทางจากป่าสีเงินไปทางเหนือจะเข้าสู่เขตป่าทึบเขียวขจีของป่ามายา อีกดินแดนของเผ่าอสูร ภายในป่าเต็มไปด้วยเวทมนตร์ลวงตาลี้ลับที่คอยลวงเหล่าผู้เดินทางให้เดินวกวนหาทางออกไม่ได้ นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยอสูรมายาที่เด่นด้านเวทมนตร์ ป่ามายาจึงกลายเป็นเขตอันตรายที่ผู้แม้เล่นระดับสูงก็ยังหลีกเลี่ยง ดินแดนส่วนใหญ่ของป่ามายา นอกจากหุบเขาไร้กาลที่เปิดประตูสนเงินจากป่าสีเงินมาได้แล้วก็ยังคงเป็นปริศนา แม้จะมีผู้เล่นจำนวนมากที่ได้รับภารกิจประจำดินแดนนี้มา แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ
ในระยะเวลา 1 ปี ที่เกม Spirit of Adventure เปิดตัวมาก็มีผู้เล่นบุกเบิกดินแดนต่าง ๆ ไปได้มากมาย หากก็ยังมีพื้นที่อีกไม่น้อยที่ยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายเหล่าผู้เล่นต่อไป
*****-----*****-----*****
ตอบคำถาม
คำถามจากคุณ []SO_DadE[] เกี่ยวกับว่าในเมื่อคนอื่นสามารถรับเควสท์ปริศนาดินแดนที่ถูกประกาศไปแล้วได้ ทำไมกิลด์ต่าง ๆ จึงต้องออกตามหาผู้เล่นที่ค้นพบเควสท์ด้วย
ถึงจะบอกว่าคนอื่นสามารถรับเควสท์เดียวกันได้ แต่ไม่มีใครทราบว่าเควสท์นั้นรับได้ที่ไหนหรือมีเงื่อนไขพิเศษอะไรค่ะ แค่บอกว่าเป็นเควสท์ของเมืองไหนเท่านั้น คนอื่นก็ต้องออกตามหาวิธีรับเควสท์เอาเอง การประกาศเป็นการบอกว่าเควสท์นั้นมีอยู่และมีของรางวัลเป็นอะไรเพื่อจูงใจให้ผู้เล่นออกตามหา แต่หากติดต่อคนที่ค้นพบเควสท์โดยตรงได้แล้วขอซื้อข้อมูลหรือยื่นข้อเสนอมาเป็นพวกเดียวกันก็จะรู้ข้อมูลเร็วกว่า
อีกอย่างในประกาศนี้เป็นการประกาศในลักษณะของผู้เล่นอิสระที่ค้นพบเควสท์ ซึ่งปกติยากที่จะทำได้สำเร็จตามลำพัง หากผู้เล่นอิสระคนนั้นเข้าร่วมกิลด์กลุ่มปาร์ตี้ในภายหลังแล้วทำเควสท์สำเร็จ คนอื่น ๆ ในกลุ่มก็จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติของดินแดนไปด้วย ผลประโยชน์จากสมบัติของดินแดนจะผูกกับกิลด์และผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมทำเควสท์ในขั้นสุดท้ายได้สำเร็จค่ะ
คำถามจากคุณ yukihana ที่ถามเกี่ยวกับว่าถ้าเกิดทำเควสท์ปริศนาได้สำเร็จ จะแบ่งรางวัลการครอบครองเมือง และการครอบครองเทพผู้พิทักษ์ยังไง
สำหรับเควสท์ที่เกี่ยวข้องกับเควสปริศนาประจำเมืองทั้งหมด หากรางวัลเควสท์มีชิ้นเดียว เมื่อทำเควสท์สำเร็จ รางวัลจะตกเป็นของหัวหน้ากลุ่มที่ทำเควสท์ขั้นนั้น ๆ สำเร็จค่ะ ถ้าเกิดกลุ่มนั้นมีทั้งปาร์ตี้และกิลด์ หัวหน้ากิลด์จะได้สิทธิ์เป็นผู้ครอบครองรางวัล ถ้าไม่มีกิลด์จะเป็นหัวปาร์ตี้ เพราะฉะนั้นเมืองจะอยู่ใต้การครอบครองของหัวหน้ากิลด์หรือหัวหน้าปาร์ตี้ ถ้ามากันคละกิลด์ก็จะตกเป็นของหัวหน้าปาร์ตี้เช่นกัน แต่ถ้ามาคนเดียวก็ได้ครอบครองคนเดียวไปเลย
สำหรับสิทธิ์การได้เทพเป็นผู้ติดตามก็ใช้หลักการเดียวกัน แต่คนที่ได้รับจะต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มในขณะที่พบเควสท์ปริศนานั้น ๆ ต้องพบเป็นกลุ่มแรกของเซิฟเวอร์ และยังต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเคลียเควสท์ปริศนาประจำเมืองขั้นสุดท้ายอีกด้วย เพราะฉะนั้น โอกาสได้เทพเป็นผู้ติดตามจะน้อยกว่ามากค่ะ ในกรณีของน้องจา จะมีแค่น้องจาที่มีโอกาสได้เทพผู้พิทักษ์ เพราะพบเป็นคนแรก ส่วนนายคิมไม่มีโอกาสได้นะ
สำหรับรางวัลเควสท์ปริศนาที่ให้รางวัลแบบเป็นกลุ่ม เช่น สิทธิ์ในการใช้สถานที่พิเศษ สกิลพิเศษ คนที่ได้รางวัลคือกลุ่มคนทั้งหมดที่ได้เข้าร่วมทำเควสท์ขั้นตอนนั้น ๆ และยังหลงเหลืออยู่ในเวลาที่เควสท์ขั้นตอนนั้นสำเร็จเท่านั้นค่ะ โดยปกติแล้วในการทำเควสท์ก็จะจำกัดจำนวนคน เช่นจำนวนคนในปาร์ตี้ที่วาร์ปเข้าแผนที่ทำเควสท์พิเศษ จำนวนคนในกิลด์ หรือจำนวนคนสูงสุดที่สามารถเข้าห้องเควสท์พร้อมกันได้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่พวกเด็กที่โดนที่บ้านโอ๋จนนิสัยนุ่มนิ่ม ทำอะไรไม่เป็นมันมีอยู่จริงนะ ตอนเราเข้าปี 1 ใหม่ ๆ ไปเจอเพื่อนคนนึง คุณหนูสุด ๆ มีรถจากที่บ้านมารับมาส่งเกือบทุกวัน มันบอกว่าเพิ่งเคยขึ้นรถเมล์ไปไหนมาไหนเองก็ตอนเข้ามหาลัยนี่แหละ เกือบทุกเย็นต้องมีรถจากที่บ้านมารับ มีแค่นาน ๆ ทีที่ต้องกลับ เอง พอเราถามว่าไปไหนทุกเย็น มันบอกว่าต้องไปทำกิจกรรมที่วัดกับที่บ้าน ฟังแล้ว... เอิ่ม... กว่าจะมันจะถึงบ้านไปเจอกันในเกมก็ 3 ทุ่มได้ ทำอะไรที่วัดฟระ โคตรดึก
แต่เค้าก็นิสัยดีนะ ปกติเค้าจะพูดสุภาพมากเลย เพื่อนคนอื่นเวลาพูดกันก็จะพูดหยาบนิด ๆ ใช่ไหม แต่เวลาพวกนั้นจะมาคุยกับคนนี้ เค้าเหมือนจะเกรงใจแล้วพูดด้วยแบบสุภาพ ๆ น่ะ รู้สึกที่เดียวที่อาจทำให้เค้าเรียนรู้โลกจริงได้ก็ในเกมนี่ล่ะ แบบว่าเหมือนโดนเกรียนใส่มา เค้าก็จะมาบ่น ๆๆ ให้ฟัง เหมือนเค้าก็พอรู้นะว่าพวกเกรียน นิสัยไม่ดีเป็นยังไง เพราะเค้าบอกคนในกิลเค้าก็มี แต่เค้าไม่ได้ทำไง
เราเลยมองว่าความนุ่มนิ่มนี่มาจากการเลี้ยงดูของที่บ้านกับสภาพสังคมนะ เอ... หรือไม่ใช่หว่า เพราะบ้านนี้มีพี่น้อง 3 คน แต่น้องสาวคนเล็กน่ะ ตัวจริงโคตรเกรียนเลย ชอบแกล้งชาวบ้านไปทั่ว แต่ก็นั่นแหละ มันก็อยู่รอดปลอดภัยกันมาได้
ส่วนเรื่องช่องโหว่เกม บางทีคนสร้างก็ชอบลืมคิดถึงบางอย่างจนมีช่องโหว่งับ ถ้าในเกมจริงก็ผู้เล่นนี่แหละที่หาช่องโหว่พวกนี้กันเจอ ถ้าเป็นประโยชน์กับตัวเอง... แน่นอน ก็เงียบ ๆ ไว้ หากินกับช่องโหว่ต่อไป ถ้าเสียผลประโยชน์ก็ค่อยร้องเรียนให้บริษัทเกมแก้ ปกติก็จะมีอัลฟ่ากับเบต้าเทสก่อนเปิดเซิฟจริงอยู่นะ แต่ถ้าคนเข้ามาเทสหาพวกบัคพวกช่องโหว่ไม่เจอก็แล้วไป ในกรณีเกมในเรื่องนี่ น่าจะเป็นกรณีไม่มีคนร้องเรียนเพราะยังไม่มีใครโดน ส่วนเรื่องขอเป็นสัตว์เลี้ยงนี่คือยังไม่เคยมีคนเจอ แต่เราว่า... ได้เป็นสัตว์เลี้ยงนี่ออกจะได้ประโยชน์ เป็นทาสนี่ออกจะหนักกว่า... แต่พี่คิมก็ไม่คิดจะแจ้งบริษัทเกมนี่เนอะ
แต่เรื่องทาสแมวเนี่ย... มันชัวร์อยู่แล้ว!
เราไม่ชอบตัวละครที่แบบมีดีแค่น่ารักต้องพึ่งพาคนอื่นเลย
ยังไงก็เป็นผู้ชายนะจะขี้แยอะไรขนาดนั้น -*-
ไหงชวนกันไปเที่ยวล่ะเนี่ย 55555