ตอนที่ 13 : หนึ่งวันอันแสนอิสระ
*ลงครั้งแรก 18 พ.ค. 60
ยามเที่ยงวัน ณ โต๊ะไม้ตัวหนึ่งกลางตลาดเมืองวารินทร์ แมวขนฟูขนาดย่อมกำลังนั่งหลับตาพริ้มดูดน้ำผลไม้ปั่นด้วยท่าทางมีความสุข หางเป็นพวงฟูแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี รอบตัวเจ้าเหมียวมีจานอาหารว่างเปล่าวางกองเรียงราย เหมือนกับว่างานปาร์ตี้ขนาดเล็กเพิ่งจะจบไป
ฮ้า~ ชื่นใจจัง น้ำแตงโมปั่นเย็นฉ่ำกับทะเลสวย ๆ นี่เข้ากันดีจริง ๆ และที่สำคัญ... ผมเป็นอิสระแล้วครับ! สองวันเต็ม ๆ ที่ผมโดนเจ้าทาสใจโหดบังคับขู่เข็ญให้ฝึกโน่นฝึกนี่ไม่หยุด ก็พอผมพลาดบาดเจ็บ มันก็แค่โยนยาเพิ่มเลือดมาให้รักษา พอผมล้าจนขยับไม่ไหวก็ โดนมันจับกรอกยาเพิ่มพลังงานแล้วก็ลากมาฝึกต่อ ถึงจะทำให้ทั้งเลเวลตัวละครทั้งเลเวลสกิลขึ้นกระฉูดก็เถอะ แต่อย่างงี้มันก็ไม่ไหวนะ ยิ่งรวมเจ้าฝูงนากนรกนั่น..บรื๋อ.... ผมคงแหยงการเก็บเลเวลไปอีกพักใหญ่อะ คิดถึงแล้วก็หมดแรงเลยแฮะ
อยู่ ๆ แมวขนฟูบนโต๊ะก็ทำท่าห่อเหี่ยว นอนหมอบไปข้าง ๆ แก้วน้ำปั่น หูตกอย่างน่าสงสารจนโต๊ะข้าง ๆ ต่างพากันหันมามอง
แต่ในที่สุด! เจ้าหมอนั่นก็ได้ฤกษ์ออฟไลน์ไปเรียนแล้วครับ
เพียงชั่วอึดใจ ไม่ทันให้เหล่าแม่ยกโต๊ะรอบ ๆ ได้วิ่งเข้ามาปลอบขวัญ เจ้าแมวขนฟูก็ลุกขึ้นเชิดหน้ากลับสู่ท่าทางปกติ เท้าปุยน้อย ๆ ตบโต๊ะเป็นเสียง ‘แปะ’ เบา ๆ
เมื่อคืนนี้ หลังผมโดนลากไปฝึกโหดเป็นพิเศษจนถึงเที่ยงคืน ในที่สุด เลเวลผมก็ขึ้นไปอยู่ที่เลเวล 14 แล้วครับ สกิลขว้างปาก็เต็มเลเวล 10 ไปแล้ว แถมไอ้ที่ต้องวิ่งหนีฝูงนากซาดิสนั่น ก็ทำให้อีก 2 สกิลอัพขึ้นมาแบบงง ๆ อันนึงคือสกิลเท้าลมกรดเลเวล 6 ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ กับสกิลทรหดเลเวลเดียวกัน ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการเคลื่อนไหว ไม่น่าล่ะ หลัง ๆ มานี่เจ้าพวกนากถึงวิ่งตามผมไม่ค่อยจะทัน แล้วผมก็ไม่ค่อยเหนื่อยมากด้วย อา... ก็ถือว่าคุ้ม..ละมั้งนะ...
พอเห็นแสงเอฟเฟคเวลาเลเวลอัพวิ่งวนเป็นเกลียวรอบตัวผม เจ้าทาสใจโหดมันถึงได้ให้ผมหยุด แล้วมันก็หิ้วคอผมที่ไม่มีแรงขัดขืนกลับมาวางแหมะบนเตียงในโรงแรม แต่มันก็ยังไม่วายเอามือขยี้หัวฟัดพุงผมอย่างเมามัน ไหนจะเสียงหัวเราะหึ ๆ น่าหมั่นไส้นั่นอีก จะมีเรื่องดีก็แค่ที่เจ้านั่นบอกว่าต้องออฟไลน์ไปเรียนแล้ว พอได้ยินผมนี่แทบจะลุกขึ้นมาเต้นชะชะช่าถวายเทพเจ้าเกม แต่ก็ติดที่ขาไม่มีแรง ลุกไม่ไหวนี่แหละ ก่อนจะไป เจ้านั่นยังไม่วายสั่งให้ผมไปเก็บเลเวลเพิ่มอีก ฮึ่ย..ฝันไปเถอะ! ตื่นมาวันนี้ผมก็เลยวางแผนจะเที่ยวให้เต็มคราบ กินให้เต็มสูบ ไหน ๆ ก็แอบโกยเงินเจ้านั่นมาเก็บไว้ตั้งเยอะนี่นะ มันก็ต้องใช้ให้คุ้ม!
“ว้ายดูนั่นสิ เจ้าเหมียวน้อยน่ารักจัง อะนี่...พี่ให้บาร์บีคิวไม้นึง กำลังร้อน ๆ เลย กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ”
“ม้าวววว”
-ขอบคุณครับพี่สาว-
หญิงสาวเผ่ามนุษย์ในชุดกระชับปราดเปรียวของนักธนูลูบหัวลูบหางเจ้าเหมียวสักพักจนพอใจ แล้วก็จากไปโดยทิ้งบาร์บีคิวน่าอร่อยไม้หนึ่งไว้ตรงหน้า
อ้า..ของฟรี อิอิ
หลังจากดอมดมสูดกลิ่นหอมสักพัก แมวตัวน้อยก็ค่อย ๆ เล็มของอร่อยด้วยอารมณ์สุนทรีย์ และในขณะนั้นเอง หูเล็กที่รับเสียงได้ดีกว่าคนทั่วไปก็ได้ยินบทสนทนาแปลกประหลาดจากคนที่เดินผ่านทางด้านหลัง
“แน่ใจเหรอ”
“แน่ใจครับท่าน สายของเรายืนยันมาแล้วว่าพ่อค้าเต่าดำจะปล่อยเกล็ดตะเพียนประกายเพชรในตลาดมืดคืนนี้พร้อมกับบ่วงมังกรที่ท่านต้องการด้วยครับ”
“อืม... แล้วบ่วงนั่นรับประกันความสำเร็จเท่าไหร่ มีข่าวหลุดออกมาบ้างไหม”
ตลาดมืด!
แมวน้อยละสายตาจากบาร์บีคิวหอมกรุ่นตรงหน้า เมื่อได้ยินเรื่องน่าสนใจยิ่งกว่า ลิ้นเล็ก ๆ ตวัดเลียไปรอบปาก ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองสองคนที่เพิ่งเดินผ่านทางด้านหลัง
คนตัวสูงที่เดินนำหน้าสวมชุดคลุมกำมะหยี่ยาวสีม่วงเข้มขลิบทองแบบพวกนักเวทระดับสูง ฮู้ดของชุดคลุมปกลงมาบังเกือบครึ่งใบหน้า คนตัวเตี้ยกว่าที่เดินเยื้องมาทางด้านหลังสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำทั้งตัว พร้อมผ้าปิดหน้าปิดส่วนล่างของใบหน้าคล้ายกับพวกนักฆ่า
พินิจพิจารณายังไม่ทันเสร็จ ร่างสูงในชุดคลุมก็หยุดเดินแล้วหันขวับมาทางอัศวินสามสีเหมือนรู้ตัวว่าถูกมอง ดวงตาคมกริบสีทองมองกวาดไปมาก่อนที่จะหยุดอยู่นิ่งอยู่ที่เจ้าเหมียวแล้วหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาทรงอำนาจที่ทำให้เด็กน้อยในร่างแมวรู้สึกเหมืองถูกมองลึกไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ ขนลุกชันทั่วทั้งตัวจนต้องเสหลบตา แล้วแสร้งหันกลับมากินบาร์บีคิวที่กินค้างไว้
“ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลรั่วออกมาเลยครับ มีอะไรหรือครับท่าน”
เสียงพูดคุยเงียบไปเนิ่นนานจนแมวตัวน้อยเริ่มเหงื่อตก รู้สึกถึงดวงตาคมคู่นั้นที่ยังจ้องอยู่ไม่ละไปไหน ให้แมวน้อยเป้าสายตาได้แต่ร้องโอนครวญในใจ
น่ากลัวฉิบหาย เมื่อไหร่จะเดินไปกันสักทีละเนี่ย
“อ๊ายย... แมวน้อย เจอกันอีกแล้วนะจำพี่ได้ไหม”
เสียงร้องแสบแก้วหูดังมาไกลจากอีกด้านของตลาดทำเอาเจ้าเหมียวสะดุ้งโหยง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพบกับเด็กสาวผมสีชมพูในชุดนักเวท ผมสีชมพูผูกเป็นแกละสองข้างแกว่งไปแกว่งมา ให้ความรู้สึกคุ้นเคยตงิด ๆ หากแต่ก็นึกไม่ออก เมื่อแมวน้อยเหลือบสายตาขึ้นไปด้านบนก็เห็นชื่อ ‘กระดิ่งน้องแมว’ เด่นหราอยู่บนหัว
ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลย ใครหว่า
“เอ... จำไม่ได้เหรอ ที่เราเจอกันที่เมืองเริ่มต้นไง อ๋า... พี่ชายเจ้าของหายไปไหนนะ ทำไมถึงปล่อยให้แมวน้อยมานั่งเล่นอยู่ตัวเดียวอย่างงี้ล่ะ มามะ มาให้ฉันอุ้มพาตามหาพี่ชายดีกว่า... เนอะ!”
เด็กสาวผมสีชมพูมองตรงมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายวิ้ง ๆ ในระยะประชิด นัยน์ตาแผ่รังสีมุ่งมั่นจนอัศวินสามสีขนตั้งชันไปทั้งตัว ร่างฟูผงะก้าวถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดหนีลงจากโต๊ะ แล้วโกยอ้าวเข้าซอกหลืบของตลาดไปอย่างไม่คิดชีวิต ด้วยการสนับสนุนของทักษะเท้าลมกรดเลเวล 6 ที่เพิ่งเลื่อนระดับขึ้นมา
“ว้า~ อดอุ้มอีกแล้วง่ะ”
เด็กสาวพูดขึ้นอย่างเสียดายก่อนจะเดินบ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง
*****-----*****-----*****
อีกทางด้านหนึ่ง
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองในชุดคลุมนักเวทระดับสูง มองตามแมวขนปุยตัวเล็กจนวิ่งลับหายออกไปจากสายตา
“ไม่มีอะไร ไปกันต่อเถอะ”
ร่างสูงกล่าวออกมา ก่อนจะหันหน้ากลับแล้วเริ่มเดินต่อ
“แล้วท่านต้องการให้พวกเราพยายามประมูลเกล็ดตะเพียนประกายเพชรให้ได้รึเปล่าครับ”
“ไม่ต้อง พวกนั้นทำเควสท์ไปไกลขนาดนั้นแล้ว มาเร่งตอนนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์ ตอนนี้ฉันหวังกับเควสท์เมืองดาราพิทักษ์มากกว่า”
“แล้วบ่วงมังกร...”
“ประมูลมาให้ได้”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองเหลือบไปมองทางที่แมวตัวเล็กวิ่งจากไปอีกครั้ง นิ่งครุ่นคิดไปพักหนึ่งไปก่อนที่จะพูดต่อ
“และถ้าเป็นไปได้... ก็เอามาให้ได้มากกว่าหนึ่ง”
“รับทราบครับท่าน!”
*****-----*****-----*****
ในยามดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า ณ ซอยเล็กใกล้ท่าเต่าเกราะเมืองวารินทร์ซอยหนึ่ง ศีรษะปุกปุยสีขาวกับใบหูสีส้มค่อย ๆ โผล่ออกมาจากเงามืดหลังลังสินค้าอย่างระมัดระวัง
หวังว่าจะไม่มีพวกน่ากลัวอยู่แถวนี้นะ
แมวน้อยคิดในใจก่อนจะกวาดสายตาตรวจสอบไปรอบ ๆ อีกครั้ง
หลังจากเหตุการณ์เขย่าขวัญ (สำหรับเจ้าเหมียว) ในยามเที่ยงวัน อัศวินสามสีก็ใช้เวลาท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วเมืองวารินทร์ด้วยการระวังภัยระดับ 10 ตลอดเวลา จนร่างเล็กได้ทักษะพรางจิตกับทักษะย่องเบามาอย่างงง ๆ
ตรึ๊ง
/ ท่านเข้าถึงแก่นการปกปิดจิตพรางกาย
ท่านได้รับ ทักษะพรางจิต (ทักษะใช้งาน ระดับ 1/10)
ทำตัวกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม หากอยู่ในมุมอับและไม่เคลื่อนที่จะไม่มีผู้ใดสามารถตรวจสอบพบเป็นเวลา 5 วินาทีต่อ 1 ระดับของทักษะ ใช้มานา 15 หน่วย ระหว่างที่พรางตัวมานาจะลดลงวินาทีละ 1 หน่วย และมานาไม่มีการฟื้นฟูในระหว่างที่พรางตัว
ท่านเข้าถึงแก่นการเคลื่อนไหวอย่างไร้ตัวตน
ท่านได้รับ ทักษะย่องเบา (ทักษะติดตัว ระดับ 1/10)
เคลื่อนที่ด้วยเสียงอันเบา ลดโอกาสในการถูกตรวจพบเมื่อเคลื่อนที่ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 ระดับของทักษะ /
เอิ่ม... ผมไม่ใช่พวกนักฆ่าหรือหัวขโมยนะ แค่เป็นพวกระวังตัวเท่านั้นเอง!
หลังจากที่กวาดสายตาจนแน่ใจแล้วว่าปลอดจากกลุ่มบุคคลอันตราย แมวน้อยก็ตัดสินใจจะก้าวออกมาจากมุมมืด หากในขณะนั้นเอง ที่หางตาของเจ้าเหมียวกลับเหลือบไปเห็นเงาร่างเล็กที่คุ้นเคย เดินแฝงตัวอยู่ตามเงามืดของถนนด้วยท่าทางลับ ๆล่อ ๆ
นั่นมันเจเนส เจ้าแรคคูนหัวขโมยคนรู้จักของเจ้าทาสนี่นา ท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ นั่น จะไปไหนนะ หรือว่าจะไปที่ซ่อนปลาตาโปน!
เมื่อหวนคิดถึงรสชาติอร่อยนุ่มลิ้นของปลาตาโปนที่ตนเคยได้ลิ้มลอง แมวตัวน้อยจึงตัดสินใจสะกดรอยตามเจ้าแรคคูนไปอย่างเงียบ ๆ
เดินตามมาห่าง ๆ สักพัก เจ้าแรคคูนก็เลี้ยวซ้ายหายลับจากคลองสายตาเข้าไปในซอยเล็กแห่งหนึ่ง ทว่าเมื่ออัศวินสามสีเลี้ยวตามมาก็พบว่าซอยนั้นไม่ลึกแต่ก็ไม่มีทางให้ไปต่อ ที่น่าแปลกก็คือร่างของเจ้าแรคคูนหัวขโมยนั่นได้หายไปแล้ว
“หืม... แมว!?”
หลังจากยืนงงอยู่หน้าปากซอยไปได้สักพัก เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นเคยจากทางด้านหลังทำให้เจ้าเหมียวสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมอง
ผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มสามคนในชุดเกราะระดับสูงแบบพวกอัศวิน ที่อกด้านซ้ายของทั้งสามมีตรารูปอาชาสีดำสนิทบนโล่สีขาวติดอยู่ ชายหนุ่มด้านหน้าสะพายดาบสีดำเล่มใหญ่อยู่บนหลังดูสะดุดตา ส่วนอีกสองคนที่เหลือห้อยดาบสีเงินแวววาวไว้ที่บั้นเอว ทั้งสามจ้องมองตรงมายังร่างขนฟูบนพื้น
“อะไร ไอ้ตูบ ไม่เคยเห็นแมวหรือไง”
“เคยเห็นน่ะเคยเห็น แค่ไม่เคยเห็นในเกมนี้เท่านั้นเองเฟร้ย แล้วมาตูบเติบอะไรกัน เดี๋ยวปั๊ด!”
เจ้าสองคนด้านหลังเถียงกันไปมา จนเจ้าดาบใหญ่ตรงกลางกลอกตาอย่างเอือม ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นห้ามทัพ
“หยุดเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปประมูลไม่ทันหรอก มีอะไรไว้ค่อยกลับไปเถียงกันต่อที่กิลด์”
“ฮึ่ย! ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“อย่าลืมมาเอาล่ะ ฝากไว้นานกูคิดค่าฝากนะโว้ย”
“พอ!”
เจ้าคนกลางตวาดขึ้นเสียงดังอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำทั้งสองผ่านผมไปยังกลางซอยตันด้านหน้า ชายหนุ่มผู้สะพายดาบใหญ่นั่งชันเข่าแล้วลูบพื้นไม้ของทางเดินไปมาเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะยกมือเคาะลงเบา ๆ สามหน
ก๊อก ๆๆ
แอ๊ดดดดดดด........................ ตึง!
ทันใดนั้นเอง พื้นไม้เรียบ ๆ ด้านหน้าทั้งสามที่เดิมดูเหมือนจะเรียบสนิทเป็นพื้นเดียวกัน ก็มีส่วนหนึ่งเอนลาดลงไปเป็นทางเดินเข้าสู่ความมืดมิด
ประตูมิติ! ห้องลับ! เส้นทางปริศนา!!
แมวน้อยตกตะลึง อุทานในใจไปกับสิ่งใหม่ที่เพิ่งค้นพบ แล้วจึงได้สติเมื่อเสียงทุ้มของชายหนุ่มเบื้องหน้าดังขึ้น
“ไป ๆๆ”
เมื่อทั้งสามเดินลงตามทางลาดไม้ไปจนลับสายตา เจ้าทางลาดไม้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด แล้วค่อย ๆ เลื่อนขึ้นเหมือนกับจะปิดตัวลง ในวินาทีนั้นเอง อัศวินสามสีก็ตัดสินใจใช้ทักษะเท้าลมกรดที่เพิ่งเลื่อนระดับมาให้เป็นประโยชน์อีกครั้ง เจ้าตัวเล็กกระโจนวิ่งด้วยความเร็วแสงพุ่งเข้าสู่ทางลาดที่กำลังจะปิด พาร่างที่เต็มไปด้วยขนฟูหายเข้าไปสู่ความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงทางเดินไม้ที่กลับมาราบเรียบสนิทเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องจาเนี่ยสมกับเป็นแมวจริวๆ ซนใช่เล่นเลยนะ
สกิลต่อไปต้องมี แมวขโมย นะ 55555555