ตอนที่ 11 : แรคคูนแปลสาร
*ลงครั้งแรก 13 พ.ค. 60
ก๊อก ๆ … ก๊อก ๆ … ก๊อก ๆๆ ... ก๊อก
“ปลาตาโปน กับ ปลาหางริ้ว อะไรอร่อยกว่ากัน”
หลังเงาอัคคีเคาะลงบนบานประตูไม้เป็นจังหวะเฉพาะ เพียงไม่นาน เสียงอู้อี้ฟังดูแปลกประหลาดก็ดังลอดออกมาจากอีกฟากของประตู จนแมวน้อยขนฟูร้องตอบไปตามที่ทาสหนุ่มได้นัดแนะเอาไว้
“แม้ว มี้ แม้ว ม้าว มี้ ๆๆ ม้าว”
-ปลาตาโปนอร่อยกว่า แต่ก็ไม่สู้ปลาศิลาจากปราการศิลาปราชญ์-
เพียงชั่วอึดใจ ประตูไม้เก่า ๆ ของกระท่อมหลังโทรมก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออก ที่ช่องประตูปรากฏดวงตาสีเขียวมะนาวคู่หนึ่งเรืองแสงระเรื่อออกมาจากเงามืดภายในกระท่อม ดวงตาคู่นั้นกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเบิกกว้าง
“อุต๊ะ”
ตึก! แอ้ดดด ปึง!!
เจ้าของนัยน์ตาอุทานอย่างตกใจก่อนพยายามจะปิดบานประตูกลับ หากโดนชายหนุ่มผมดำเอามือดันไว้ ก่อนที่จะผลักประตูให้เปิดออกจนสุดกระแทกผนังเสียงดัง พร้อมกับร่างเจ้าของกระท่อมที่ลอยละลิ่วกลับเข้าไปชนบางสิ่งด้านใน
โครม!
“โอ๊ย! อูยบั้นท้ายของข้า”
แสงจากภายนอกสาดเข้ามาภายในกระท่อมมืด ส่องให้แมวน้อยมองเห็นแรคคูนสีเทาตัวเขื่อง นอนแอ้งแม้งพิงเก้าอี้ไม้ขนาดย่อมที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น ข้างกันเป็นชุดโต๊ะไม้ขนาดเล็กกับเก้าอี้แบบเดียวกันอีกจำนวนหนึ่ง ด้านในสุดของกระท่อมเล็กมีเตียงนอนเก่า ๆ วางชิดมุมผนังด้านขวา และหีบไม้มากมายที่วางเรียงรายริมผนังอีกด้าน
“ไง เจเนส”
“ขะ...ข้าบอกทุกอย่างที่รู้ไปหมดแล้วจริง ๆ นะท่าน หะ..ให้ข้าสาบานต่อเทพแห่งขุนเขา พงไพร และสายน้ำเลยก็ได้ ข้ารับรองว่าไม่ได้โกหก ปิดบัง หรือบิดเบือนอะไรท่านเลยแม้แต่น้อย อย่าได้มาตามมาหลอกมาหลอนข้าอีกเลย ฮือออออออ....”
เจ้าของกระท่อมหมอบร้องครวญครางอย่างน่าสงสาร ทำเอาแมวน้อยอดสงสัยไม่ได้ ว่าทาสของตนเคยไปทำอะไรเอาไว้กันแน่
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
“อ้าว”
“แค่มีเรื่องง่าย ๆ มาให้ช่วย... ได้ไหม”
เสียงที่เน้นจนเข้มในท้ายประโยค ทำให้แรคคูนตัวเขื่องสะดุ้ง ก่อนรีบตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ดะ..ได้ขอรับท่าน วะ..ว่าแต่ ท่านจะให้ข้าช่วยอะไรหรือขอรับ”
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ช่วยแปลสิ่งที่เจ้าเหมียวตัวนี้พูดให้หน่อย แล้วก็ปิดปากเรื่องทุกอย่างที่ได้ยินในวันนี้ให้สนิท ไม่งั้น บ่อปลาตาโปนหลังกระท่อมนั่นได้กลายเป็นบ่อแห้ง ๆ แน่”
“ขะ..ขอรับท่าน”
จากการวิเคราะห์ของเจ้าทาสควบตำแหน่งเพื่อนพี่จ๋าย NPC เผ่าอสูรในเมืองนี้สามารถสื่อสารกับผมได้อย่างไม่มีปัญหา และนั่นทำให้หมอนั่นพาผมมาหาแรคคูนสีเทา หัวขโมยผู้ถูกขับไล่แห่งปราการศิลาปราชญ์ ที่กำลังนั่งตัวสั่นงันงกอยู่นี่ หมอนั่นบอกว่าเคยทำเควสท์ปริศนาปราการศิลาปราชญ์แล้วต้องมาถามข้อมูลจากเจ้าแรคคูนนิดหน่อย แต่เจ้าแรคคูนหัวขโมยปากแข็งไปนิด เลยได้เจอกันบ่อยจนรู้ไส้รู้พุงกันดี ดีจนน่าจะยอมช่วยเรื่องการสื่อสารของพวกเราโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน
“งั้นแสดงว่าเพราะฉันพานายเข้าป่ามาก่อน นายเลยยังไม่ได้กำไลผู้เล่น ใช่ไหม”
“เมี้ยว ๆ”
-ก็ใช่น่ะสิ-
ทาสผมดำผู้กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะตัวเดียวของห้องถามขึ้น พลางละสายตาจากแมวน้อยขนฟูบนเก้าอี้ตัวหนึ่งไปยังแรคคูนเจ้าของห้องผู้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
“กะ..ก็ใช่น่ะสิ”
“อืม... ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องพากลับไปรับของที่เมืองเริ่มต้นก่อนสินะ แล้วที่แกล้งเป็นแมวหลอกลวงชาวบ้านนี่ก็เพราะยังไม่ได้สกิลเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ด้วยงั้นสิ”
“แม้ว ๆๆ เมี้ยว ๆ มี้ ๆๆ เมี้ยว”
-ใครหลอกลวงนายกัน นายมันตาถั่วเองต่างหาก-
“เอ่อ.. ใครหลอกลวงนายกัน นาย..ดูผิดไปเองต่างหาก”
แมวตัวเล็กจิกสายตามองแรคคูนหัวขโมยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น
“โอเค ๆ ขอโทษละกัน แต่ถ้าใครมาเห็นแมวตัวกะเปี๊ยกไม่มีกำไลผู้เล่นมาเดินดุ่ม ๆ อยู่ในป่าก็ต้องคิดอย่างฉันทั้งนั้น ก็เกมนี้มันเคยมีใครได้ร่างอสูรตัวเล็กน่าฟัดอย่างนี้ซะที่ไหน ปกติเห็นมีแต่ร่างเท่ ๆ โหด ๆ ตัวใหญ่อย่างกับรถถัง ไม่ก็ตัวเล็กลงมาหน่อยแต่ดูแข็งแกร่งกันทั้งนั้น”
“แม้ว ๆๆๆ มี้ แม้ว เมี้ยว มี้ ม้าว มิ้ววว...”
-แล้วผมเลือกได้ซะที่ไหนล่า อย่ามาซ้ำเติมให้ช้ำใจจะได้ม้าย งือออ..-
“ละ..แล้วผมเลือกได้ซะที่ไหนล่ะ อย่ามาซ้ำเติมให้ช้ำใจจะได้ไหม”
“เอาน่ะ นี่ก็โชคดีมากแล้วที่นายมาเจอฉัน ถ้าเข้าเมืองเริ่มต้นไปคนเดียวแต่แรก จะโดนจับไปขังไม่เห็นเดือนเห็นตะวันที่ไหนก็ไม่รู้ พวกผู้เล่นระดับสูงที่โรคจิตชอบสะสมสัตว์อสูรน่ารัก ๆ น่ะ มีไม่น้อยเลยนะจะบอกให้”
“แม้วว มี้ แม้วววว มี้ ๆๆ เหมียว ๆ มี้ แม้ว ๆ ม้าวว”
-ใช่... โชคดี.. โชคดีมากกกก ที่ได้ทาสที่หลงแมวหัวปักหัวปำ แถมยังมีเงินให้ใช้ไม่อั้นอีกตะหาก-
“ใช่ โชคดีมาก ที่ได้ทาสที่...หลงใหลในแมว แถมยังมีเงินให้ใช้ไม่อั้นอีกต่างหาก ว่าแต่ว่า ท่านเงาอัคคี... ท่านมีเงินให้ใช้ไม่อั้นจริงไหมขอครับ”
เจ้าแรคคูนอดีตหัวขโมยถามขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย ทำเอาผู้ถูกถามหันมามองด้วยสายตานิ่ง ๆ
“เจ้าเหมียว นายอยากกินปลาตาโปนย่างไหม”
“เมี้ยว มี้ ๆ เมี้ยว”
-ถ้าอร่อยก็เอาอะ-
“เอ่อ.. กระผมไม่อยากรู้แล้วขอรับ”
“แปล!”
“มะ..ไม่อยากกิน...”
แรคคูนหัวขโมยพูดยังไม่ทันจบ เจ้าแมวน้อยก็หันขวับมามองแล้วจ้องเขม็ง
“หืม?”
“ถะ..ถ้าอร่อยก็เอา...”
แรคคูนผู้โดนรุมตอบพร้อมกับแอบร้องไห้อยู่ในใจ
“อืม... ฉันก็เดาว่าอย่างงั้น แต่ไว้ก่อน สรุปว่าฉันต้องพานายไปเมืองเริ่มต้น พาไปทำทุกอย่างที่ผู้เล่นเผ่าอสูรที่เพิ่งไปเมืองเริ่มต้นครั้งแรกต้องทำสินะ แล้วเรื่องเควสท์ปริศนาเมืองดาราพิทักษ์ล่ะ พอจะรู้อะไรบ้างไหม อย่างพอจะรู้รึเปล่าว่าเมืองดาราพิทักษ์นี่มันอยู่ที่ไหน หรือนายได้เควสท์นั่นมายังไง”
“มี้ ๆๆ ม้าว มี้ ๆ แม้ววว”
-เควสท์เควิสอะไรกัน ไม่รู้เรื่องเฟร้ยยย-
“คะ...เควสอะไรกัน ไม่รู้เรื่อง”
“เฮ้อ... ที่ทะเลสาบมรกตที่เราไปนอนพักกันคืนแรกไง คืนนั้นพอนายตกน้ำไปแล้วฉันลงไปช่วย ฉันก็ได้เควสท์มาตอนนั้น จำอะไรได้บ้างไหม”
แมวน้อยนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะค่อย ๆ เล่าออกมา
“เหมียว... มี้ ๆๆๆ เหมียว แม้ว ๆๆ ม้าว ๆ มี้ ๆๆ ม้าว แง้ว เมี้ยว มี้ ๆๆ แม้ว... ๆๆๆๆ มี้”
-จำได้ว่า... ตอนนั้นมันมีลูกไฟสีเขียว ๆ ลอยขึ้นมาจากน้ำเต็มไปหมด มันลอยอยู่บนทะเลสาบเหมือนฝูงหิ่งห้อย สักพักก็เหมือนจะมีลมจากทะเลสาบพัดเข้าใส่ แล้ว... รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในน้ำแล้วอะ-
“เอ่อ มีลูกไฟเขียว ๆ ลอยขึ้นมาจากน้ำเต็มไปหมดแล้วลอยอยู่เหมือนฝูงหิ่งห้อย สักพักก็มีลมจากทะเลสาบพัดเข้าใส่ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในน้ำแล้วขอรับ”
“อืม...”
“เอ่อ... ท่านเงาอัคคีขอรับ”
“ว่าไง”
“ที่จริงตอนข้าไปขโม... เอ่อ.. แอบเข้าไปในหอคอยของพวกจอมเวท ข้าก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองดาราพิทักษ์มาบ้าง”
“ว่ามาสิ”
“เอ่อ.. คือมันนานมากแล้ว ข้าว่า... มันคงต้องใช้เหรียญทองสักหน่อยถึงจะทำให้ข้านึกออกนะขอรับ”
“แมวน้อย นายว่าถ้าฉันปล่อยลูกไฟโลกันตร์ไว้เหนือบ่อปลาตาโปนหลังกระท่อมนั่น ปลาในบ่อจะสุกเป็นปลาต้มก่อนหรือน้ำจะแห้งหมดบ่อก่อนกัน”
“แม้ว มี้ ๆ แม้ว ๆ ม้าว”
-มันก็พูดยากนะ นายก็ลองดูสิ-
“เอ่อ.. ข้าว่าข้านึกออกแล้วขอรับ”
“เล่าไป”
“มะ..เหมือนข้าจะได้ยินพวกจอมเวทคุยกันว่า เมืองดาราพิทักษ์เป็นเมืองที่ล่มสลายไปเมื่อ 500 ปีก่อนเพราะพรที่เทพดาราพิทักษ์เคยให้ไว้ถูกลืมเลือนขอรับ ผะ..ผู้สืบทอดของเมืองพยายามหาพรของเทพที่ถูกลืม แต่ก็หาไม่พบ เมืองก็เลยเสื่อมโทรมกลายเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ จนพวกนักเดินทางมาตั้งรกรากแล้วเรียกว่าเมืองเริ่มต้นขอรับ”
“อืม... เหมือนว่าเจ้านี่จะมีประโยชน์กว่าที่คิดนะ ว่าไหมเจ้าเหมียว”
“แม้ว ๆๆ มี้ ม้าว ๆๆๆ มี้ ๆ แม้ววว”
-ก็จริงนะ แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีอะว่าปลาในบ่อจะสุกก่อนหรือน้ำจะแห้งหมดบ่อก่อน”
“ที่จริงฉันก็อยากลองปล่อยลูกไฟโลกันตร์ไว้เหนือบ่อหลังกระท่อมนั่นอยู่ แต่ฉันว่านายต้องอยากลองกินปลาตาโปนย่างมากกว่าต้มแน่เลยใช่ไหม”
“ม้าว... แม้ว ๆ เหมียว มี้”
-อา...ปลาย่าง นายนี่รู้ใจผมจริง ๆ-
แรคคูนเจ้าของกระท่อมมองหนึ่งคนหนึ่งแมวคุยโต้ตอบกันไปมาพลางคิดในใจว่า
ถ้าท่าน ๆ จะคุยกันได้ขนาดนี้นี่คือพูดกันเองรู้เรื่องอยู่แล้วใช่ไหม แล้วท่านจะมาให้ผมช่วยแปลให้เสี่ยงกับชีวิตปลาน้อย ๆ ในบ่อของผมทำไมกัน งืออออ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เริ่มเข้าขากันได้ดีเชียว น่าร๊ากกกกกก
ติดตามจ้า
ชอบเรื่องนี้มาก เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
ชอบๆรอต่อไปคับ