คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : EP14: The Masquerade Man 50%
ประตูบานเลื่อนทำจากไม้เนื้อแข็งราคาแพง
เป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหารเกาหลีดั่งเดิมชื่อดังที่ถูกใช้เป็นสถานที่พบปะของบรรดานักการเมืองและนักธุรกิจใหญ่ของเกาหลีใต้ในการพูดคุยสิ่งที่ไม่ต้องการให้มันถูกแพร่งพรายออกไป
เพราะที่นี่มีความเป็นส่วนตัวสูงและการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม
ภายในห้องรับรองพิเศษ
ในเวลานี้ มีชายวัยสามสิบกลางๆซึ่งทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
กำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะที่มีอาหารมากมายจัดวางเรียงรายอย่างสวยงามอยู่
“โชคดีนะ
ที่ผมรอบคอบ สลับรถคันนั้นเผื่อไว้ก่อน
ใครจะไปคิดกันล่ะว่ารถที่คนของเราจัดการกับสายเบรกไป จู่ๆมันจะเกิดเสียขึ้นมา
ไม่อย่างนั้นแผนของพวกเราก็คงพลาดอีกครั้ง”
ลีมินโฮเน้นสองคำสุดท้ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ทำเอาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตวัดสายตาขึ้นมามองเขานิ่งๆ
“หึ
ถือว่าครั้งนี้คุณทำสำเร็จ”
“พูดว่าความสำเร็จของผมมันก็คงจะไม่ถูกสิครับ”
รัฐมนตรีป้ายแดงยิ้มน้อยๆ คนฟังได้ยินอย่างนั้นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา
ที่มีจุดศูนย์กลางใบหน้าเป็นส่วนที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้าคือจมูกโด่งเชิดรั้นได้รูปสวยใจใครๆต้องอิจฉามีรอยยิ้มบางๆออกมาจากริมฝีปากเรียวบางที่มีจุดขี้แมลงวันแต้มอยู่ที่ริมฝีปากบน
ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ในตัวเขามากขึ้นไปอีก
“ต้องพูดว่าเป็นความสำเร็จของเราสามคน
สิครับ”
“สามคน?”
“ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เรา
คนที่อยากเห็นความย่อยยับของจอนเจคไม่ได้มีแค่เราสักหน่อย” คนฟังนิ่งไป
ใบหน้าเรียบนิ่งของเขาคือเกราะป้องกันชั้นดี
เพราะไม่เคยมีใครอ่านความคิดหรือแม้กระทั้งความรู้ของจองโฮซอกออก
บางทีเขาอาจจะยิ้ม หรือหัวเราะ
แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นเป็นเพียงแค่หน้ากากที่เขาสวมมันเอาไว้เท่านั้น
“คุณเองก็เหนื่อยไม่ใช่น้อยเลย
ไม่ใช่รึไง” เจ้าของริมฝีปากบางเฉียบพูดออกไปในที่สุด
"รออีกไม่นาน
ทุกอย่างที่คุณสมควรจะได้ มันจะต้องเป็นของคุณอย่างเเน่นอน"
"หึ...ทุกคนล้วนเเล้วเเต่มีสิ่งที่คู่ควรกันทั้งนั้น"
“ผมเองก็มีที่ๆเป็นของผม
และอีกไม่นานผมจะได้รับมัน”
ยิ่งได้ยินอย่างนั้น
ลีมินโฮก็หัวเราะชอบใจออกมา เพราะเขาเลือกไม่ผิดจริงๆ
หมากตัวสำคัญที่จะทำให้เอาทำลายพวกตระกูลจอนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ให้ได้
[ลีมินโฮ]
สองมือเล็กประคองมือใหญ่กว่าขึ้นมากุมเอาไว้
มือนี้ยังคงอุ่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเเปลง เเต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ
มือที่เคยต่างกุมมือกันเเละกันเอาไว้
มือนี้นี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งเมื่อมีเขาอยู่ข้างกาย
ในเวลานี้มีเพียงเเต่มือของยูรินเท่านั้นที่เป็นฝ่ายออกแรงบีบมือหนา
หญิงสาวผู้ที่นอนไม่หลับมาตลอดคืนจนร่างกายรับรู้ได้ถึงเรี่ยวแรงที่เหือดหายลงไปทุกที
แต่จะให้ทำใจได้ยังไง เมื่อคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆอาการน่าเป็นห่วงถึงเพียงนั้น
แม้เธอจะยอมกลับบ้านเพราะไม่อยากให้พ่อแม่ของเธอ รวมถึงจอนจินโมและคนอื่นๆเป็นห่วง
เมื่อรู้ข่าวว่าสามีพ้นขีดอันตรายแล้วก็ไม่รู้ว่าร่างบอบบางไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหน
จนเธอพาตัวเองมานั่งอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยVIPของโรงพยาบาลแล้ว
แน่นอนว่ามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
เพราะถึงแม้มาเฟียหนุ่มจะพ้นขีดอันตราย
แต่เพราะอาการที่น่าเป็นกังวลอยู่โดยเฉพาะช่วงปอด
"ยูรินกับลูกมาขอกำลังใจจากพี่"
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่อให้ความเจ็บเตือนสติตัวเองไม่ให้ร้องไห้อีกครั้ง
เเค่คืนที่ผ่านมาก็เกินพอเเล้ว ก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากจุมพิตลงไปยังริมฝีปากสีซีดและแห้งผาด
ของสามีที่กำลังหลับใหล
หากเป็นเทพนิยายเธอก็คงปรารถนาให้ชายอันเป็นที่รักลืมตาขึ้นมาเพราะจูบนี้ของเธอ
แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างตรงหน้าเธอยังคงเหมือนเดิม
ผู้ชายที่เธอรักยังคงไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ ไม่เป็นแปลง
"ยูรินจะรีบกลับมาหาพี่เจคนะคะ"
Your
Part
การได้ยินเสียงส้นรองเท้าของตัวเองดังไปทั่วบริเวณมันทำให้รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ทึบเเละกว้างมาก
มันคือโกดัง01 ฉันเดินตามอีกอนมาเรื่อยๆ
ผ่านทางเดินที่มีประตูเรียงรายอยู่ที่สองด้านทำให้รู้ว่าทางเดินตรงนี้ได้มันได้คั่นกลางระหว่างห้องที่มีนับสิบห้อง
ห้องที่ประตูเป็นประตูเหล็กสีเข้ม
ไม่มีหน้าต่างไม่มีเเม้ช่องเล็กๆที่จะทำให้มองเห็นว่าภายในห้องมีสภาพเป็นยังไง
เเต่เพราะกลิ่นคาวจากบางสิ่งบางอย่างที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบวกกับความอับชื้นที่ฉันสัมผัสได้
ไม่เเปลกใจที่คนของบลูอีเกิ้ลจะเรียกที่นี่ว่า 'เเดนประหาร' กลิ่นมันรุุนเเรงจนฉันต้องชะงักเเล้วยกมือขึ้นมาปิดจมูกโดยอัตโนมัติ
"นายหญิงไหวนะครับ"
ฉันเพิ่งรู้ตัวตัวเองเซจนเกือบจะล้มเพราะมือของอีกอนที่ประคองฉันเอาไว้
เเต่พอฉันยืนได้เขาก็รีบถอยห่างออกไปเพื่อรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสมเหมือนเดิม
"ฉันไม่เป็นไร"
"พวกผมจัดการเเทนได้นะครับ"
"ฉันจะทำเอง"
ไม่รู้หรอกว่าเสียงของฉันมันเเข็งขึ้นกว่าเดิมเเค่ไหน
เเต่ความตั้งใจของฉันคือการทำเพื่อพี่เจค
ครั้งนี้คงเป็นครั้งเเรกเลยมั้งที่ฉันมีโอกาสได้ทำเพื่อเขาบ้าง
ในขณะที่เขาทำหลายๆอย่างเพื่อฉันมาโดยตลอด
ฉันก้าวเข้ามาภายในห้องๆหนึ่งที่อยู่เกือบในสุดของทางเดิน
พอเข้ามาแล้วก็พบว่ามันไม่ได้เป็นห้องที่มีสภาพน่าสะอิดสะเอียนอย่างที่จินตนาการเอาไว้ตอนแรก
หากใครเคยดูหนังหรือซีรี่ย์สืบสวนสอบสวน ห้องนี้คงเป็นเหมือนห้องที่ตำรวจเอาไว้สอบปากคำผู้ต้องหานั่นแหละ
ฉันยืนมาภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าของเขาจะปูดบวมช้ำไปด้วยแผลที่คงเกิดขึ้นระหว่างที่คนของเราบุกเข้ารวบตัวเขาเมื่อคืน
และก็คงบวกกับแรงหมัดของใครสักคนในห้องนั้นเพิ่มเข้าไปด้วย
แต่แผลพวกนั้นมันคงไม่ได้ทำให้เข้ารู้สึกเจ็บมากพอสินะ
เขาถึงยังได้มีแรงยิ้มออกมาตรงมุมปากได้อยู่อีก
“มันยอมพูดมั้ย”
อีกอนเอ่ยถามคนที่อยู่ในห้องนี้ก่อนที่เราจะมาถึง
“ยังครับ
มันไม่สะทกสะท้านอะไรเลยครับคุณอีกอน”
ที่ไม่สะทกสะท้านก็คงเพราะเขารู้ว่าตราบใดที่เรายังไม่ได้ความจริงจากปากของเขา
เราจะไม่มีทางฆ่าเขา ที่ทำอยู่เหตุผลก็คงเพราะต้องการยื้อเวลาให้ฝั่งนู่นมีเวลามากพอที่จะทำลายหลักฐานสินะ
“แล้วที่เกิดเหตุล่ะ
ตรวจสอบละเอียดรึยัง”
“พวกเราตรวจสอบทั้งหมดแล้วครับ
ไม่เจอหลักฐานอะไรนอกจาก รอยของล้อรถบรรทุกครับ”
“พวกข้าวของส่วนตัวของผู้ชายคนนั้นล่ะ”
เป็นฉันที่เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยขึ้นมาบ้าง
“ในที่เกิดเหตุไม่พบของส่วนตัวของมันครับ
คนของเราค้นห้องพักของมันทุกซอกทุกมุมแล้วครับ ไม่พบอะไรที่น่าสงสัยหรือเบาะแสอะไรเลยครับ
นายหญิง”
“แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือเหรอ?”
ที่ถามเพราะฉันคิดว่ามันคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้พบร่องรอยของการติดต่อของผู้ชายคนนี้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้
แต่มันก็ไม่ใช่สะทีเดียว บางทีถึงเจอมัน ก็อาจจะไม่พบหลักฐานอะไรเลยก็ได้
“ถ้ามันเป็นมืออาชีพ
มันอาจะไม่ได้พกของแบบนั้นไปในที่เกิดเหตุนะครับนายหญิง เพราะมันเสี่ยงเกินไป”
จริงอย่างที่อีกอนพูด
ที่ไม่พบในที่เกิดเหตุคงเพราะผู้ชายคนนั้นอาจจะทิ้งโทรศัพท์ของตัวเองไปแล้วก็ได้
ใครจะพกของแบบนั้นไปในที่ๆลงมือสังหารคนอื่นกันล่ะ
“กูจะถามเป็นครั้งสุดท้าย
ถ้ามึงไม่ยอมก็เตรียมตัวตายได้เลย” คนที่มีหน้าที่เค้นความจริงจากปากผู้ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแต่ก็ฟังออกว่าเขาพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ให้พลั้งมือฆ่าคนที่ทำร้ายเจ้านายของเขาไปเสียก่อน
“หึหึหึ”
แต่เพราะเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
ความอดทนของคนของเราก็หมดลง
“แม่งเอ้ย!!!”
End Your
Part
ร่างสูงโปร่งในชุดดำ
หันหลังไปคว้าไม้เบสบอลขึ้นมาก่อนจะออกแรงเหวี่ยงออกไปหวังให้มันกระแทกหน้าคนระยำที่เอาแต่ยิ้มตลอดการเค้นความจริงจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ลงมือลอบสังหารจอนจองกุก
ติ๊ด..
แต่เพราะเสียงบางอย่างที่ดังขึ้นจากมือของอีกอนที่กดลงไปยังหนึ่งในปุ่มบนแผงควบคุม
ทำให้การกระทำนั้นหยุดชะงักไป ก่อนจะหันมามองยังแผงกระจกที่ทุกคนที่อยู่ภายในรู้ดีว่าคนที่อยู่หลังกระจกทึบแสงบานนั้นจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างภายในห้อง
“นายหญิงมาแล้ว”
เสียงนิ่งๆพูดไปยังไมโครโฟนตัวเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
ที่อีกอนหยุดยั้งภาพความรุนแรงที่กำลังจะเกิด มันเป็นเพราะนายหญิงของเขาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก
และแน่นอนเขารู้ว่านัมยูรินไม่ใช่คนที่ควรจะมาเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นเมื่อครู่ได้
แค่เห็นภรรยาของเจ้านายหลับตาแน่นด้วยความตกใจเขาก็รีบหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นทันที
เท่าที่อีกอนรู้จักผู้หญิงคนนี้มา เธอคือคุณหนูที่เปราะบางและแสนดี
ตรงข้ามกับเจ้านายเขาอย่างสิ้นเชิง
แต่ไม่ใช่แค่คนของบลูอีเกิ้ลที่อยู่ในห้องทั้งสามคนเท่านั้นที่หันมา
คนที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ด้วยก็เช่นกัน
สายตาลอยๆที่เหมือนคนที่มีสติเพียงครึ่งเดียวจ้องมองมาราวกับตั้งใจให้ร่างบางที่กำลังยืนมองอยู่รับรู้ว่าเขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ
“นายหญิงอย่างนั้นเหรอ???”
ตาคู่สวยของมีแววสั่นระริกอยู่ชั่วครู่เมื่อได้สบตากับคนที่เพิ่งเอ่ยถึงเธอ
“หึ...สั่งลูกน้องของเธอฆ่าฉันซะสิ”
“ฉันพร้อมตาย
เพราะอะไรรู้มั้ย” ใบหน้าของคนจนตรอกที่สวนทางกับคำพูดที่ฟังดูมั่นอกมั่นใจว่าอยู่เหนือกว่าคู่สนทนา
“เพราะฉันได้เห็นแล้ว”
“ใบหน้าของความกลัว
ตอนที่ผัวของเธอตะเกียกตะกายออกมานอกรถ”
“เพราะมันกลัวตายยังไงล่ะ”
“คนอย่างจอนจองกุก
ผู้ไม่เคยกลัวอะไร แต่มันกลับกลัวความตาย ฮ่าๆๆๆๆ”
“สะใจเป็นบ้า!!!”
"ย่าห์
คังโมยองหุบปากซะ!!"หนึ่งในชายชุดดำที่อยู่ภายในห้อง ทนไม่ไหวอีกเเล้ว
เขาเป็นเพียงลูกน้อง ยังทนฟังไม่ได้ นับประสาอะไรกับนายหญิงของเขา
ที่ต้องมาทนฟังเรื่องเเย่ๆจากปากของชายชั่วคนนี้
“นายหญิงอย่าไปฟังที่มันพูดเลยนะครับ”
อีกอนตั้งใจจะรีบพานายหญิงของเขาให้ออกไปจากที่นี่ก่อนที่เธอจะทนรับฟังคำพูดที่รุนแนงไม่ได้อีกต่อไป
“เปิดประตู”
“ครับ?”
“ฉันบอกให้เปิดประตู”
เสียงนิ่งๆพูดประโยคเดิมซ้ำขึ้นอีกครั้ง
ทำให้อีกอนขัดคำสั่งของนายไม่ได้
จึงหันไปบอกลูกน้องคนหนึ่งให้เปิดประตูชั้นในของห้องนี้ ซึ่งมันคือประตูที่จะพายูรินเข้าไปยังห้องที่ชายคนนั้นอยู่
ระหว่างที่เรียวขางามในชุดสีดำสนิทค่อยๆย่างก้าวเข้าไปภายในห้องนั้นช้าๆ
อีกอนหันไปส่งสัญญาณให้ทุกคนอารักขานายหญิงอย่างรัดกุมที่สุด ผู้เป็นนายหญิงขององค์กร
เดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่เธอไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม
เธอรู้แค่ว่า คนตรงหน้าคือคนที่พยายามพรากหัวใจของเธอไป
“หึหึหึ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ทำเอาทั้งห้องมองไปยังเจ้าของเสียงหัวเราะเป็นตาเดียว รวมถึง ‘คังโมยอง’ หนึ่งในคนที่ขับรถบรรทุกด้วย
“หัวเราะอะไร”
คนที่ถูกมัดมือมัดเท้าถามขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจว่าทำจู่ๆ
คนที่เขาว่าต้องกำลังร้องไห้ฟูมฟายเพราะสามีอาการโคม่า กลับมายืนหัวเราะต่อหน้าเขาแบบนี้
“หัวเราะสะใจที่จะได้เห็นคนกำลังจะตายเหมือนแกไงล่ะ”
ริมฝีกปากอิ่มพูดไปพร้อมกับรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ไม่คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะยิ้มออกมาได้ในเวลาเช่นนี้
“เอาเลยสิ
สั่งลูกน้องเธอยิงฉันเลย ทุกอย่างจะได้จบ” คังโมยองผู้ชายที่มีอายุราวๆยี่สิบปลายๆในสายตาของยูริน
กำลังท้าทายให้เธอปลิดชีพของเขาราวกับว่าความตายคือสิ่งที่เขาต้องการ
“แต่ก่อนฆ่าฉัน
เธออยากเห็นมันมั้ยล่ะ?”
“แกหมายถึงอะไร”
“ภาพที่สามีเธอ
กระเสือกกระสนหนีตายอกมาจากรถด้วยสภาพที่โคตรน่าสมเพชไงล่ะ อยากดูมั้ย
ฉันถ่ายคลิปไว้ดูเป็นที่ระลึกด้วยนะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“แต่ถ้าดูแล้ว
ก็ช่วยฆ่าฉันด้วย เพราะเธอจะไม่มีวันได้รู้อะไรจากฉันไปมากกว่านี้” เสียงหัวเราะสะใจของชายตรงหน้าเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองเพลิงแห่งโทสะที่กำลังสุมอยู่ในความรู้สึกของยูริน
ให้มันลุกโชนเกินกว่าจะดับลงได้อีกแล้ว ผู้ชายคนนี้เหยียดหยามคนที่เธอรักมากเกินไป
“ความตายมันหอมหวานจนต้องโหยหามันขนาดนั้นเลยเหรอ”
หญิงสาวไม่รอให้คนถูกถามได้ตอบอะไรออกมา
เธอหันไปกวาดสายตรามองยังด้านขวาของตัวเองที่เป็นเหมือนตู้เก็บสิ่งต่างๆที่ล้วนแล้วแต่มีไว้สำหรับการรีดความจริงจากผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น
มือเล็กเลือกหยิบมีดเล่มหนึ่งที่ทำจากสแตนเลสเงาวับ
ยิ่งเมื่อกระทบกับแสงไฟในห้องนี้แล้วมันช่างเตะตาของเธอเหลือเกิน
“จะใช้มีดนั่นฆ่าฉันเหรอ
กล้ารึเปล่าล่ะนายหญิง”
สายตาและคำพูดที่แสนดูถูกและท้าทายความเป็นผู้หญิงของคนที่ได้ชื่อว่า
เป็นนายหญิงของบลูอีเกิ้ล หญิงสาวที่เกิดบนกองเงินกองทอง
ชีวิตนี้ไม่เคยพบเจอกับความโหดร้ายใดๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่คงมีดีแค่ความสวยก็เอาชนะใจจอนจองกุกได้
จะทำอะไรเขาได้คังโมยองก็อยากจะรู้นัก
“ผิด”
ปั่ก!!!
“!!!”
ทุกสายตาที่อยู่ภายในห้องนี้มองไปยังโต๊ะกลางห้องที่ตรึงข้อมือทั้งสองข้างชองคังโมยองเอาไว้ด้วยความตกใจ
ส่วนสายตาของคังโมยองก็ก้มลงมองช่องว่างระหว่างนิ้วมือของตัวเองที่มีมีดเล่มที่เคยอยู่ในมือของยูรินปักเอาไว้
“คุณพลาดแล้วนายหญิง
ฮ่าๆๆ แค่นี้ก็พลาด ไร้น้ำยาชะมัด”
“หุบปาก”
อีกกอนเหมือนจะอดทนมองดูคนร้ายใช่คำพูดเย้ยหยันนายหญิงของเขาไม่ไหวเอ่ยขึ้นเพื่อต้องการให้คังโมยองหยุดพูดจาจาบจ้วงเสียที
“หมายถึงพลาดที่ฉันมีดนี้ไม่ได้ปักกลางมือแกน่ะเหรอ”
เสียงหวานๆเอ่ยขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะอีกครั้ง
“ผิดแล้วล่ะ
แกเห็นรอยหยักตรงคมมีดเล่มนี้รึเปล่า”
“มีดเล่มนี้ไม่ได้มีไว้แทง
แต่มันมีเอาไว้สำหรับตัดต่างหากล่ะ” หญิงสาวที่มือเล็กกำที่ปายด้ามีดแน่นไม่ปล่อยให้คนที่กำลังตกอยู่ในความสงสัยรอนาน
เธอกำด้ามมีดที่ปักอยู่กลางโต๊ะแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างนิ้วกลางและนิ้วชี้ของผู้ชายตรงหน้าเธอ
ก่อนจะค่อยออกแรงกดข้อมือไปทางซ้ายอย่างใจเย็น
แค่นั้นก็ทำให้คังโมยองรู้แล้วว่านายหญิงของบลูอีเกิ้ลกำลังจะทำอะไร
“นี่...เธอ!!!”
“อ๊ากกก....”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกับนิ้วชี้ของเขาที่ส่วนที่เชื่อมต่อกับมือเหลือน้อยลงเต็มทีอย่างทรมาน
เลือดสีแดงฉานพวยพุ่งออกมาจากรอยตัดของนิ้วมือที่ถูกมีดเล่มสวยตัดออกช้าๆ
“รีบตายเหรอ
แต่ฉันไม่รีบนะ”
“ซึมซับมันเข้าไปสิ
ความรู้สึกเจ็บปวดที่แกชอบเห็นมันจากคนอื่นน่ะ เป็นไง
อยากลิ้มรสความหอมหวานของความตายงั้นเหรอ มันยังเร็วไป
มารอดูดีกว่าว่าฉันจะเสริฟอะไรเป็นเมนคอร์สให้แก”
ปึ่ก!!!
“อ๊ากกกก
นิ้วฉัน!!”
ดวงตาคู่สวยหาได้หวั่นไหวต่อชิ้นส่วนของนิ้วมือที่กระเด็นออกมาจากมือของคังโมยังแม้แต่น้อย
มีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆเท่านั้นที่เขาได้เห็น
“เธอมันบ้า
บ้าเหมือนผัวเธอ!!!”
คนที่กลายเป็นคนพิการโดยไม่รู้ตัว
ก่นด่าออกไปด้วยความเจ็บและโมโหอย่างมากแต่ที่มีมากกว่าทั้งสองอย่างก็คือความกลัว
ความกลัวที่มีต่อผู้หญิงคนตรงหน้าของเขามันค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นจนเขาไม่รู้ตัว
เพราะเธอคือคนที่เขาคาดเดาไม่ได้เลยว่าเธอคิดจะทำอะไรต่อไป
“บ้าตรงไหน ก็แค่อยากรู้ว่าเวลาเห็นคนร้องโหยหวนเพราะความเจ็บมันจะรู้สึกยังไง
ที่ฉันทำมันต่างจากที่แกทำกับสามีฉันตรงไหนเหรอ?”
“แก...”
เวลานี้คังโมยองทั้งเจ็บทั้งอายทั้งแค้นไปพร้อมๆกัน
แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงดิ้นพล่านเพราะความเจ็บปวดจากนิ้วชี้ที่ถูกตัดออกไป
“ฉันให้เวลาแกคร่ำครวญถึงนิ้วที่จากไปมามากพอแล้ว”
“ทีนี่จะบอกได้รึยังว่าใครคือคนจ้างให้แกทำร้ายสามีของฉัน!!!”
“หึ...ฆ่าฉัน...”
“หยุด
ถ้าจะพูดว่าให้ฉันฆ่าแกก็หุบปากไปซะ เพราะอะไรรู้มั้ย” ริมฝีปากบางแสยะยิ้มร้ายก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไป
“อะไรที่แกต้องการ
ฉันจะไม่มีวันให้มันกับแก”
“ถ้าอย่างนั้น
เธอเอง...ก็ไม่มีวันได้รู้ในสิ่งที่ต้องการจะรู้นัมยูริน!!!” เป็นครั้งแรกที่หมาจนตรอกเอ่ยชื่อของหญิงสาวตรงหน้าเขาออกไป
“อ้าว
รู้จักกันนี่นา” เจ้าของใบหน้าสวยเอียงคอถามออกไป
ราวกับว่ากำลังพบเจออะไรบางอย่างที่จะพาเธอไปสู่ต้นตอของคนที่มันทำเรื่องร้ายๆกับจอนจองกุกได้
“ใคร
ใครบ้างจะไม่รู้จักนายหญิงของบลูอีเกิ้ล!!”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาของคังโมยองมันพิรุธอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาหลุดปากเอ่ยชื่อของเธอออกไป
เพราอะไรน่ะเหรอ เพราะถ้าคังโมยองเป็นเพียงแค่คนรับจ้างกระจอกๆ ก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เขาลงมือทำร้ายเป็นใคร
ลองคิดเล่นๆว่าถ้ามีคนๆหนึ่งจ้างให้ใครสักคนมาลอบสังหารมาเฟียระดับจอนจองกุกได้
คนที่รับงานนี้ต้องมีความกล้าบ้าบิ่นแค่ไหนกันถึงได้รับงานนี้ ยูรินไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดผู้ชายคนนี้ถึงได้ดูสะใจเวลาที่เขาพูดถึงนาทีชีวิตของสามีเธอ
และยิ่งรู้จักเธอจนหลุดปากเอ่ยชื่อเธออกมาขนาดนี้ คนฉลาดอย่างยูรินก็พอจะเดาออกแล้วว่า
คังโมยองคนนี้ไม่ได้รับงานนี้เพราะเงินเพียงเท่านั้น
แต่อาจเพราะเขาเคยรู้จักกับสามีของเธอมาก่อนและคงไม่ใช่การรู้จักในแง่ดีแน่ๆ
ใครๆก็รู้ว่าจอนจองกุกสร้างศัตรูเอาไว้มากมายจากความตรงไปตรงมาและความเลือดร้อนของเขา
“ฉันไม่มีอะไรจะบอกทั้งนั้น
ฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง” กริยาลอยหน้าลอยตาของชายแปลกหน้าที่ได้เจอครั้งแรกมันปลุกสัญชาตญาณบางอย่างในตัวเธอขึ้นมา
“แกจะไม่บอกมันก็เรื่องของแก”
“แต่ถ้าฉันจะทำทุกทางเพื่อให้แกยอมเปิดปาก
มันก็เป็นเรื่องของฉัน”
ใครจะคิดว่าใบหน้าสวยหวานจะมีรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมได้ขนาดนี้
แต่ก็เพราะใครๆก็รู้ว่าภรรยาของจอนจองกุกเป็นผู้หญิงแสนดีไม่เหมาะกับโลกมาเฟียของสามี
ก็ยังคงคิดตั้งคำถามในใจว่าเธอจะทำอะไรได้แค่ไหนกันเชียว
“กอน”
“ครับนายหญิง”
“ทะเลที่ใกล้ที่สุดคือที่ไหน”
อีกอนนิ่งไปชั่วครู่เพื่อใช้ความคิด
“อ้อแล้วขอที่เงียบๆ
สงบๆด้วยล่ะ”
“มีอยู่ที่หนึ่งครับ”
“เธอ...เธอจะพาฉันไปที่นั่นทำไม!”
ชายตรงหน้าเธอถามด้วยความหวั่นใจ
"อยากลองไปรถคว่ำเล่นๆดูมั้ยล่ะ
เผื่อความทรงจำของเเกจะกลับมา"
“อะไรนะ!!!”
เสียงคลื่นลมที่พัดโชยแรงอยู่โดยรอบ
มันดังแข่งกับเสียงเร่งเครื่องของรถยนต์ที่จอดอยู่ตรงหนเผาที่มีวิวทะเลเป็นเวิ้งกว้างอยู่ตรงหน้า
จินตนาการแล้วอาจจะสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน แต่การพักผ่อนที่นายหญิงแห่งบลูอีเกิ้ลต้องการในตอนนี้ก็อาจจะเป็นการพักผ่อนไปชั่วกัปชั่งกัลป์ของคังโมยองก็เป็นได้
ชายวัยยี่สิบหกปีกำลังพยายามบังคับร่างกายไม่ให้สั่นเทาเพราะความกลัวในสิ่งที่เขากำลังจะเผชิญ
เขาไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพ่อของเขา
ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพวกทรยศพวกพ้องของบลูอีเกิ้ลเมื่อสามปีก่อน
มีหรือที่คนอย่างจอนจองกุกจะเก็บพ่อของเขาเอาไว้
พ่อที่แม้จะไม่เคยยอมรับบุตรชายนอกสมรสอย่างเขา แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็เป็นครอบครัวเป็นคนเดียวของเขาได้ถูกจอนจองกุกพรากไป
จะไม่ให้เขาแค้นเคืองได้อย่างไรกัน เมื่อมีคนนำโอกาสในการแก้แค้นมาวางอยู่ตรงหน้า
ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่คว้าเอาไว้
ถึงเขาจะพลาดท่าถูกคนของบลูอีเกิ้ลจับตัวได้
แต่เขาก็ถือว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เขาเห็นมันมากับตาแล้ว
ความเจ็บปวดทรมานของคนที่เขาเกลียดชัง
คังโมยองไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่จะทำให้เขากลัวจนตัวสั่นได้อย่างเช่นตอนนี้จะเป็นผู้หญิงตรงหน้าเขา
ผู้หญิงของศัตรูที่ดูด้วยตายังไงก็เปราะบางเกินกว่าที่จะมาอยู่ในแวดวงมาเฟียได้
แต่เขารู้แล้วว่าเขาตัดสินผู้หญิงคนนี้ผิดไปเมื่อตอนนี้นิ้วของเค้าหายไปนั่นเอง
“มัดไว้แน่นๆ
ท่าจะได้สวยๆ” ยูรินเอ่ยปากสั่งคนของตัวเองให้มัดร่างของคังโมยองให้ติดกับเบาะคนขับให้แน่นๆเข้าไว้
เผื่อว่าเขาดิ้นรุนจนหลุดออกมาได้ จะเป็นปัญหาภายหลัง
“เธอ...
คิดจะทำอะไร” แม้ใจจะพอเดาได้ว่าผู้หญิงของศัตรูจะทำอะไร
แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะทำแบบที่เขาคิดจริงๆ
“รู้อยู่แล้ว จะถามทำไม”
“ถ้าเกิดกลัวขึ้นมา
ก็รู้นะว่าจะต้องทำยังไง” ยูรินยังคงอยากยื่นข้อต่อรองของเธออยู่ เพราะถึงยังไง
ชายคนนี้ก็คือเบาะแสที่ชัดเจนที่สุดเพียงอย่างเดียวที่เธอมีอยู่ในมือตอนนี้
“ฉันไม่..!!!”
ยังไม่ทันที่คังโมยองจะเอ่ยปากปฏิเสธอีกครั้ง
เขาก็ชะงักไปพร้อมกับความกลัวที่มีเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเห็นรูปถ่ายของใครบางคนในโทรศัพท์มือถือที่ยูรินยื่นไปให้เขาดู
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ
แต่ว่า...”
“อย่าแตะต้องเธอ!!!”
ชายที่จิตใจเต็มไปด้วยความกลัวตวาดลั่นหน้าผาเพราะยูรินทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงอีกครั้ง
เมื่อเขาได้เห็นภาพถ่ายของแฟนสาวที่เขาสู้อุตส่าห์ส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศเพื่อหนีจากภัยที่อาจตามมา
แต่เขาช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลยว่า เขาจะหนีปีกของบลูอีเกิ้ลได้ยังไง
“แกทำกับคนที่ฉันรักก่อน
เอาสิ ถ้าฉันจัดการคนที่มันเป็นตัวการไม่ได้ แกก็คือคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด”
“คนเดียว!!”
คังโมยองเงียบลงไปเพราะเขากำลังเจอสถานการณ์ที่กดดันมากจนเกินไป
ลำพังแค่ชีวิตของเขาเขาไม่กลัวแม้จะต้องตาย
แต่ตอนนี้มันผิดแผนไปหมดเมื่อมีชีวิตของคนรักเป็นเดิมพัน
“รู้ใช้มั้ยว่าแค่ฉันสั่ง
ไม่เกินวันพรุ่งนี้ แฟนแกจะถูกลาก ไม่สิ
ถูกพากลับมาร่วมรับผิดชอบกับสิ่งที่แกทำที่เกาหลี”
“เธอ...
มันชั่วไม่ต่างจากผัวเธอ!!” ได้ยินอย่างนั้นยูรินจึงค่อยๆยื่นใบหน้าไปหาคนน่าสมเพชตรงหน้าเธอช้าๆ
ก่อนจะพูดบางอย่างกับเขา
“แก
เอาคืนสามีฉันแทนพ่อของแก ฉันก็เอาคืนแกแทนสามีของฉันอีก เป็นไง วังวนบ้าๆนี่มันสนุกอย่างที่แกคิดไว้มั้ยล่ะ”
“แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่สนุกแล้วล่ะ”
“แกจะไม่บอกอะไรก็ได้
แต่ถ้าแกหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้ว ฉันก็จะไปหาประโยชน์จากแฟนแกแทน!”
“พวกไนท์วูฟ!!!”
ทุกคนที่ได้ยินประโยคนั้นจากคนที่หลับหูหลับตาเอ่ยมันขึ้นมา มีแต่ยูรินเท่านั้นที่เพิ่งจะได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกอีกอนจึงขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมเพื่อให้ข้อมูลกับเธอ
แล้วเธอก็ได้รู้ว่า
‘ไนท์วูฟ’ คือกลุ่มองค์กรใต้ดินที่ไม่เปิดเผยตัวตน
เหตุเพราะงานที่พวกเขาทำก็คือรับจ้างทำงานสีเทาค่อนไปทางดำ ไม่ว่าจะเป็นการ
ลักพาตัว เรียกค่าไถ่ ป้ายสี สาดโคลน ไปจนถึงการลอบสังหาร
และว่ากันว่าพวกนั้นมีแหล่งกบดานอยู่ที่ไหนสักแห่งในปูซาน
ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจพอสมควร
แต่เธอไม่ได้ปักใจเชื่อซะทีเดียวเพราะเป็นเพียงคำพูดของคังโมยองที่กำลังจนตรอก
และถ้าให้ตัดสินจากความรู้สึกของเธอ เธอไม่เชื่อในสิ่งที่คังโมยองบอกทั้งหมด
เธอรู้สึกราวกับว่าชายคนนี้มีบางอย่างกำลังปิดบังเอาไว้
เขาคิดว่าเธอคงฆ่าเขาแล้วเรื่องก็จบง่ายๆ แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่า
เขาประเมินเธอต่ำเกินไป และอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับจิกซอร์ที่ชิ้นส่วนของมันขาดหายไป
ยูรินรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพลาดอะไรไปบางอย่างและเธอพยายามนึกในออกให้เร็วที่สุด
“ปลดเบรกมือ!”
“ว่าไงนะ!”
“ฉันบอกเธอไปหมดแล้วไง!!”
คังโมยองตกใจจนแทบเสียสติเมื่อได้ยินคำสั่งนั้นจากปากของยูริน
การสั่งปลดเบรกมือของรถคันที่มีเขาถูกจับมัดนั่งอยู่ข้างใน
โดยที่เท้าถูกรัดให้เหยียบไปที่คันเร่งพร้อมออกตัวไปข้างหน้า ที่รถคันนี้ยังคงอยู่กับที่ไม่ไปไหน
เป็นเพราะเบรกมือที่รั้งเอาไว้อยู่
มันเท่ากับว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจทำเขารับรู้ตกลงไปในทะเลข้างหน้าพร้อมกับรถคันนี้
เหมือนกับที่เธอบอกว่า อยากให้เขาลองรถคว่ำเล่นๆดู
เพื่อจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกเดียวกับที่สามีของเธอต้องเผชิญ แล้วเธอก็ทำมันจริงๆ
“นังคนปลิ้นปล้อน!!”
“ปล่อยกู
ปล่อยสิวะ!”
คนที่รู้สึกกลัวตายขึ้นมาสาดสารพัดคำพูดร้ายการออกมาไม่หยุด
คังโมยองรู้สึกทั้งกลัว และโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อหนึ่งในคนของบลูอีเกิ้ลที่นั่งอยู่ที่เบาะรถข้างๆเขาเอื้อมมือมาปลดเบรกมือตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
รถคันสีเข้มพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก
ยูรินไม่รู้ว่าจะต้องใช้ความเร็วมากมายไปทำไมกัน
แค่หน้าผาตรงหน้าก็น่าสยดสยองเพียงพอแล้ว
ชายชุดดำเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับก่อนจะกระโดดลงมาจากรถเหลือไว้เพียงคังโมยองที่นั่งดิ้นพร่านอยู่เพียงลำพัง
เขากรีดร้องพร้อมกับตะโกนคำด่าทอมากมายไร้คำอ้อนวอนใดๆ
ที่ดังเล็ดรอดออกมาจากตัวรถเพราะกระจกรถถูกตั้งใจให้มันลดลงมาครึ่งหนึ่ง
ร่างบางใช้สายตาเพ่งมองไปยังรถที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าโดยที่มีเธอเป็นผู้กำหนดจุดหมายปลายทางเอาไว้ทั้งหมด
“ขอให้แกได้เห็น
สักวันหนึ่ง แกจะได้เห็นภาพนั้นของผัวแก”
“ฉันถ่ายเองกับมือ
นาทีที่น่าสมเพชของจอนจองกุก”
“เสียดายที่ฉันไม่ได้เปิดดูมันอีกครั้ง
แต่สักวันพวกแกจะต้องได้เห็นมัน”
เพียงประโยคนั้นมันทำให้คนที่สมองของเธอนั้นกำลังใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา
รู้สึกเหมือนกับเธอได้เจอกับ จิกซอร์ ชิ้นที่หายไปแล้ว
เธอจึงมองภาพของรถคันงามที่ค่อยๆหายไปจากสายตาของเธอ
แล้วนับถอยหลังเบาๆกับตัวเองช้าๆ
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
ตู้ม....
จนในที่สุดเสียงของแข็งประทะกับพื้นน้ำก็ดังขึ้นอย่างที่ยูรินตั้งใจเอาไว้จนได้
“คนของเราสแตนบายไว้แล้วใช่มั้ย”
เสียงนิ่งๆเอ่ยถามอีกอน
“ครับนายหญิง”
“เอามันขึ้นมา”
อีกอนรับคำไปพร้อมๆกับรู้สึกที่ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่นัมยูรินที่เขาเคยคิดว่าเธอเป็น
ตอนนี้เธอคือ จอนจองกุก ในร่างผู้หญิงต่างหากล่ะ
นายหญิงที่วางแผนให้คังโมยองรับรู้ประสบการณ์ที่เขาได้ทำกับจอนจองกุกโดยการขับรถตกทะเลดูสักครั้งในชีวิต
มันคงใจดีเกินไปหากปล่อยให้เขาได้ตายสมใจ เธอจึงสั่งในอีกอนเตรียมคนเอาไว้สำหรับการพาร่างของคังโมยองขึ้นมาจากทะเล
เพราะเท่านั้นมันยังไม่สาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป และเธอยังคิดว่าคังโมยองคือกุญแจสำคัญในการสาวไปถึงตัวต้นตอได้
สามชั่วโมงต่อมา
ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังกลุ่มควันที่พวยพุ่งออกมาจากซากปะรักหักพังของตึกตรงหน้าพร้อมกับลมหายใจหอบถี่
ด้วยความรู้สึกมากมายจากเรื่องที่ได้รับมา
ที่แห่งนี้คือฐานบัญชาการของ
‘วูฟไนท์’ ที่คนของบลอีเกิ้ลใช้เวลาไม่นานก็หาจนเจอ ยูรินไม่รอช้าเธอเดินทางมาที่นี่ทันที
และพบว่าพวกนั้นคงจะไหวตัวทันเพราะที่นี่แทบจะไม่มีใครอยู่อีกแล้วนอกจากพวกลูกน้องปลายแถวที่คนของเธอเค้นความจริงจากพวกมัน
แล้วรับรู้ข้อมูลแค่เพียงว่า นายใหญ่ของพวกมันและคนสำคัญของไนท์วูฟต่างหนีกระเจิดกระเจิงไปจนหมดแล้ว
สาเหตุเป็นเพราะเมื่อได้รู้ข่าวว่าคนที่พวกมันรับงานและลงมือสังหารไปสดๆร้อนๆคือใคร
ก็รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา เลยตั้งใจหลบหนีก่อนภัยมาถึงตัว
เพราะพวกเขาได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงลงไป
เป็นที่รู้กันทั้งคาบสมุทรเกาหลีว่าไม่มีใครอยากมีปัญหากับ
บลูอีเกิ้ล แต่นี่พวกเขาได้ทำการลอบสังหารผู้นำของบลูอีเกิ้ลลงไป
ความผิดครั้งนี้พวกเขารู้ดีว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
ทำให้การหลบหนีของพวกไนท์วูฟในครั้งนี้ก็คือใช้เงินและความสามารถทั้งหมดที่มีเอาตัวรอดจาดเงื้อมมือของบลูอีเกิ้ลให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
“ครั้งนี้พวกมันคงจะพลาดจริงๆครับที่รับงานนี้
เพราะเป็นงานง่ายแต่ค่าตอบแทนที่ได้สูงมาก ถ้าพวกมันรู้ว่าเป้าหมายคือ คุณเจค
พวกมันไม่มีทางรับงานนี้หรอกครับ” อีกอนพูดข้อมูลที่เขารู้มาว่า
ลูกชายของนายใหญ่ของไนท์วูฟเป็นคนรับงานนี้เพราะผู้ว่าจ้างให้ข้อมูลว่า
เป้าหมายคือลูกชายนักการเมืองที่มีเรื่องบาดหมางกันเพียงเท่านั้น
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป้าหมายจริงๆคือใคร
“เท่ากับว่าพวกมันก็ถูกตลบหลังมาอีกทีสินะ”
“ครับนายหญิง”
“ไหนบอกว่ามืออาชีพไง
ทำไมถึงโง่สิ้นดี” ความโกรธเคืองเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี เพราะความโง่เขลาและสะเพร่าของคนพวกนี้มันทำให้สามีของเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอเกือบเสียคนที่รักไป
เพียงความโง่เขลาและความโลภของคนพวกนี้
“เผาให้หมด
อย่าให้เหลือซาก!!”
“สั่งคนของเราให้ตามหาพวกมันที่ยังเหลืออยู่
แล้วบอกพวกมันว่าถ้าใครให้ข้อมูลที่ทำให้เราลากตัวนายใหญ่ของมันมาได้
ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม หรือถ้ามันไม่ยอมพูดก็ฆ่ามันให้หมดซะ!!!”
“ครับ”
อีกอนรับคำสั่งอีกครั้ง เขารับรู้และสัมผัสได้ว่านายหญิงของเขากำลังโกรธมากๆ
เขาอดกังวลไม่ได้ว่ามันอาจจะกระทบกับลูกในท้องของเธอได้
“ผมจะให้คนของเราส่วนหนึ่งจัดการเคลียร์ที่นี่ให้เรียบร้อยครับ”
“แล้วฝากบอกคนอื่นๆด้วยว่าฉันจะไปที่เกิดเหตุ”
“ไปตอนนี้เลยเหรอครับ”
“โทรศัพท์มือถือของคังโยอง
ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องทำตกหายในที่เกิดเหตุตอนที่กำลังหนีแน่ๆ”
เธอมั่นใจว่าคังโมยองต้องพกโทรศัพท์มือถือไปด้วย
เพราะเขาพูดถึงคลิปของจอนจองกุกที่เขาเป็นคนถ่ายเอาไว้ถึงสองครั้ง
ไม่แปลกหรอกเพราะเขามีความแค้นต่อสามีของเธอ
การที่จะถ่ายคลิปเอาไว้มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลพอที่จะพกของแบบนั้นไปในที่เกิดเหตุ
และยิ่งประโยคสุดท้ายก่อนที่รถจะตกหน้าผาไป
“ฉันถ่ายเองกับมือ
นาทีที่น่าสมเพชของจอนจองกุก”
“เสียดายที่ฉันไม่ได้เปิดดูมันอีกครั้ง
แต่สักวันพวกแกจะต้องได้เห็นมัน”
คังโมยองถ่ายคลิปเอาไว้แน่ๆ
แต่เขายังไม่ได้เปิดดูมันอีกรอบ
เพราะต้องหลับหนีการตามล่าของบลูอีเกิ้ลและถูกจับตัวได้ในเวลาไม่นาน เธอมั่นใจว่า
โทรศัพท์มือถือของคังโมยอง สิ่งที่เป็นหลักฐานสำคัญของเรื่องนี้
จะต้องตกอยู่ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งในที่เกิดเหตุแน่นอน
“แต่นายหญิงเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะครับ
ผมว่าพักก่อนดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่ ตราบใดที่ยังหาตัวคนบงการไม่ได้ ฉันไม่มีทางหยุดเรื่องนี้”
“แต่นายหญิงกำลัง..”
“ทำตามที่ฉันสั่งก็พออีกอน”
ชายหนุ่มนิ่งไปเมื่อได้ฟังน้ำเสียงอันเด็ดขาดของคนตรงหน้าเขา
“ครับ”
"ว่ายังไงนะ!!!" ร่างสูงของชายวัยกลางคนอย่างจอนจินโมยืนขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เลขาลีกำลังรายงานเขา
"ทั้งคนขับรถบรรทุกที่เราจับตัวได้
และพวกไนท์วูฟ เละไปหมดเลยครับ" รอยยิ้มเจื่อนบวกกับความเเปลกใจเเสดงออกมาจากสายตาของเลขาหนุ่ม
"รู้เเล้วว่าเละ
เเต่ที่ถามคือ ใครเป็นคนไปจัดการเรื่องนี้นะ?"
"คุณยูรินครับ"
"!!!"
ครั้งเเรกคิดว่าหูคนอายุมากคงจะได้ยินผิดไป
เเต่พอได้ฟังจากปากของคนตรงหน้าอีกครั้ง ทำให้จอนจินโมต้องยอมรับว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง
เรื่องจริงที่เขาเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้
อดีตผู้นำสูงสุดของบลูอีเกิ้ลก้มมองดูรูปภาพที่ถูกส่งมาในโทรศัพท์มือถือของเลขาลีอีกครั้ง
ยิ่งทำให้มีเเต่คำว่า 'เหลือเชื่อ' ปรากฏอยู่เต็มไปหมด
"ฉันคิดมาตลอดว่าลูกสะใภ้ฉันเป็นเหมือนน้ำ
เจคร้อนเหมือนไฟ อยากให้น้ำมาทำให้ไฟคลายร้อนลงได้บ้าง"
"ที่ไหนได้
น้ำอย่างยูรินมาเจอไฟอย่างเจค กลับกลายเป็นลาวาไปได้ล่ะ"
ลาวาที่เป็นของเหลวร้อนอุณภูมิสูง
ที่พร้อมจะหลอมละลายทุกอย่างที่มันไหลผ่าน มันน่ากลัวยิ่งกว่าไฟเสียอีก
"คนที่อยู่ด้วยกัน
คงไม่ใช่เเค่คนใดคนหนึ่งซึบซับตัวตนของอีกคนหนึ่งเท่านั้นหรอกครับ
เเต่ทั้งสองคนต่างเรียนรู้เเละซึมซับตัวตนของอีกฝ่าย
เหมือนเป็นการเเลกเปลี่ยนเเละเติมเต็มกันเเละกันมากกว่า"
จอนจองกุก
ที่เขาเลี้ยงมาจนโต ลูกชายของเขาเเข็งเเกร่งจนเเข็งกร้าว ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเเม้ความเป็นความตาย
บ้าระห่ำกล้าได้กล้าเสีย นัมยูรินที่เขารู้จัก คือคุณหนูผู้เพียบพร้อม ใจเย็น
อ่อนโยน เเต่บางครั้งความเป็นเธอมันอาจจะกลายเป็น 'อ่อนเเอ' ไป
เเต่พอทั้งสองได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน
จอนจองกุกใช้สันติวิธีเข้ามาใช้ในการบริหารไลน์ธุรกิจของบลูอีเกิ้ล
มันเป็นเพราะลูกชายของเขาเรียนรู้ ความใจเย็น เเละการประนีประนอมมาจากใคร
หากไม่ใช่ลูกสะใภ้ของเขา ส่วนยูรินเองก็คงเรียนรู้ความเเข็งเเกร่ง
เเละกล้าได้กล้าเสียมาจากลูกชายของเขามาเช่นกัน
"ขอให้เป็นอย่างนั้น"
“คนของเราให้ตามไปสมทบกับลูกสะใภ้ฉันแล้วใช่มั้ย”
“ครับนาย”
“แต่จะว่าไป
เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณเจคที่อยู่ในตัวคุณยูรินตอนนี้ แรงมากเลยนะครับ”
เลขาหนุ่มเชื่อสนิทใจโดยไร้ข้อกังขาเลยว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้นัมยูรินแข็งแกร่งขึ้นได้มากขนาดนี้
เป็นเพราะสายเลือดของตระกูลจอนกำลังไหลเวียนอยู่ในตัวของเธออย่างแน่นอน
ส่วนในความคิดของจอนจินโมตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ
ของให้พลังเเห่งความเเข็งเเกร่งเเละเลือดนักสู้ที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของ จอนจองกุก
เป็นเเรงผลักดันให้ลูกชายของเขากลับมาให้เร็วที่สุด
ห้องทำงานของจอนจองกุกในเวลานี้มีคิมซอกจิน
ปาร์คจีมิน จองโฮซอก กับคนของบลูอีเกิ้ลที่พวกเขาคิดว่าไว้ใจได้อีกสองคน
และอีกหนึ่งคนที่ใครก็คงคิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในห้องนี้ด้วย
คนๆนั้นยอมทิ้งชั่วโมงที่ต้องเก็บสะสมในโรงพยาบาลมาเพื่อการณ์นี้
เขาทนนิ่งเฉยต่อไปอีกไม่ได้แล้วเมื่อมีใครบางคนหมายเอาชีวิตเพื่อนรักของเขา
“เราควรมาอยู่รวมกันโดยที่ไม่ใช่เวลาแบบนี้สิวะ”
ปาร์คจีมินเอ่ยขึ้น มันควรเป็นภาพที่น่ายินดี
ที่พวกเขามาพบกันหลังจากผ่านเรื่องที่ต้องทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นเวลาหลายปี
แต่จะมาเจอกันทั้งทีกลับต้องมาเป็นในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“แต่กูก็ดีใจนะที่มึงมา
แทฮยอง”
“กูต้องมา”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ที่ต้องมาเพราะความเป็นห่วง แต่ไม่ใช่แค่จอนจองกุก มินยุนกิ
ญาติผู้พี่ของเขา เขาก็ห่วง เพราะเหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำของบลูอีเกิ้ลครั้งนี้
เขาพนันได้เลยว่าใครต่อใครก็คงจะคิดว่า มินยุนกิ อาจจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นแน่
แต่คิมแทฮยองไม่ได้คิดแบบนั้น ในใจเขาเชื่ออยู่ว่าเป้าหมายในการทำลายจอนจองกุก
ของมินยุนกิ ไม่ใช่การหมายเอา ‘ชีวิต’
“ไอ้คังโมยองมันบอกยูรินว่ามันทำงานให้พวกไนท์วูฟ”
คิมซอกจินพูดถึงข้อมูลที่เขาได้มา
“เป็นไปไม่ได้”
ทุกสายตาหันไปมองยังต้นเสียงอย่างจองโฮซอก ที่ยืนใช้ความคิดอยู่ข้างชั้นหนังสือ
“ไนท์วูฟเป็นมืออาชีพที่ไม่มีทางให้คนนอกมาทำงานของพวกมัน”
“ไม่แปลกที่เราจับตัวคนทำได้แค่ไอ้ระยำคังโมยอง
แต่คนขับรถบรรทุกอีกคนและคนอื่นๆที่อาจจะมีส่วนรู้เห็นไม่ได้ เพราะพวกนั้นคือคนของไนท์วูฟ”
จีมินพูดตามที่สมองของเขาจะประมวลได้
“มันต้องมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น”
คิมแทฮยองพูดเบาๆ
“ไนท์วูปน่าจะเป็นตัวหลอก
เราต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนจ้างพวกมันทำเรื่องนี้”
“โทรศัพท์ของไอ้คังโมยอง”
ซอกจินพูดขึ้น
“มันใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปเจคตอนออกมาจากรถ”
“โรคจิตชิบหาย
แม่งเอ้ย” แค่ได้ยินปาร์คจีมินก็อดที่จะรู้สึกโมโหไม่ได้
“หลังจากการค้นห้องพัก
เราไม่เจอโทรศัพท์ของมัน” พี่ใหญ่สุดในที่นี้พูดต่อ
“แปลว่ามันอาจจะพกโทรศัพท์ไปด้วยตอนก่อเหตุ
และใช้ถ่ายคลิปของเจคเอาไว้เพื่อความสะใจ” แทฮยองพูดต่อ
“คังโมยองหลุดปากพูดมาว่า
มันยังไม่ได้ดูคลิปนั่นอีกครั้ง ยูรินเลยมั่นใจว่ามันต้องทำโทรศัพท์หายระหว่างหลบหนี
หลังจากจัดการกับพวกไนท์วูฟเสร็จแล้ว เธอจะไปที่เกิดเหตุต่อ
เพื่อหาโทรศัพท์เครื่องนั้นให้เจอ”
“เดี๋ยวนะ
น้องยูรินกำลังท้องอยู่ มันจะหนักเกินไปรึเปล่า” จีมินพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงแต่มันทำให้คนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้อย่างคิมแทฮยองตกใจเมื่อได้ยิน
“มึงพูดว่ายังไงนะ
ยูรินท้องเหรอ?” ยิ่งเห็นจีมินพยักหน้า แทฮยองยิ่งรู้สึกสงสารเพื่อนของเขาจับใจ
ทั้งๆที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่ดีที่สุดของจองกุก แต่แล้วทุกอย่างก็พังลง
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน
ที่ซอกจินฮยองบอกเมื่อกี้มันหมายความว่า ยูรินกำลังจะไปที่เกิดเหตุงั้นเหรอ?”
“ป่านนี้คงถึงแล้วล่ะ”
พรึ่บ!!
“มึงจะไปไหนโฮซอก!!”
คิมซอกจินละความสนใจจากคิมแทฮยองเหมือนกับทุกคนที่อยู่ในห้องนี้
แล้วเอ่ยถามจองโฮซอกที่อยู่ๆก็กำลังจะเดินออกจากห้องไป
“ไปหาคุณยูริน”
พูดไปคิ้วทั้งสองข้างของจองโฮซอกก็ขมวดเป็นปมไปด้วยพร้อมกัน
“ที่นั่นไม่ปลอดภัย!!!”
50%
To be continue+++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฝาก สตรีมเเท็ก #พี่เจคใจเย็น ด้วยน้า
ชื่อทางการติดต่อไรท์
twt : @Lilyn_T_V
Facebook group : Lilyn-Fic
ความคิดเห็น